หากผู้บำเพ็ญพยายามที่จะเพิ่มพลังความมุ่งมั่นในการบำเพ็ญฝ่าหลุนต้าฝ่าของตัวเอง โดยการฟังเรื่องราวการบำเพ็ญของผู้อื่น แทนที่จะยกระดับด้วยเหตุผลขึ้นไปสู่ความข้าใจต้าฝ่าอย่างแท้จริง และได้ความถูกต้องที่ “ไม่สามารถทำลายได้และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้” ของต้าฝ่ากลับคืนมา นี่คือมีจุดรั่ว หวังว่าเรื่องราวชีวิตจริงของฉันก่อนการบำเพ็ญต้าฝ่าต่อไปนี้จะช่วยผู้ฝึกบางคนที่ยังไม่สามารถบรรลุถึงความคิดถูกต้องที่ไม่สามารถสั่นคลอนได้ในต้าฝ่า ขอให้พวกเราทุกคนทะนุถนอมการบำเพ็ญปฏิบัตินี้ที่เกิดขึ้นพร้อมกับฝ่าปรับจักรวาล ซึ่งอาจจะไม่เกิดขึ้นอีกในหลายยุคสมัย

เมื่อฉันอายุ 14 ปี มีอาจารย์มาหาฉันและสอนวิธีบำเพ็ญตามแนวทางของเขา ในเวลานั้นฉันยังเป็นเด็กนักเรียนในชั้นมัธยม ขณะที่อาจารย์ท่านนี้มีอายุกว่า 500 ปีแล้ว อาจารย์จะสอนหลักธรรมให้ฉันฟังบ่อย ๆ แม้อาจารย์จะสอนแต่ละเรื่องอย่างละเอียดโดยใช้เวลาหลายเดือน ฉันก็ยังรับรู้ได้ไม่ชัดเจน ตาทิพย์ของฉันเปิดตั้งแต่ช่วงต้นของการบำเพ็ญในสำนักนั้น ฉันจึงมองเห็นสุนัขจิ้งจอก พังพอน ผี และงูที่สิงอยู่ตามวัด ไม่มีพระพุทธสถิตอยู่บนองค์พระพุทธรูปเลย ภาพน่ากลัวเหล่านั้นมักจะทำให้ฉันหวาดกลัวมากจนฉันขอให้อาจารย์ช่วยปิดตาทิพย์ของดิฉันบ่อย ๆ

เมื่อเกิดการปฏิวัติทางวัฒนธรรม คนอื่น ๆ ต่างพากันเดินทางไปยังเมืองปักกิ่ง ในขณะที่ฉันซึ่งมีอายุ 26-27 ปี กลับขึ้นไปบนภูเขาเอ๋อเหมย (ง้อไบ้) เพียงลำพัง ฉันได้พบกับเจ้าอาวาสวัดในสายพุทธที่ครึ่งทางขึ้นภูเขา ท่านอายุ 70 กว่าปี ดิฉันวิงวอนขอพักค้างคืนที่วัดแห่งนี้ เจ้าอาวาสชราพูดกับฉันว่า “สีกาเดินทางมาผิดทิศแล้ว สีกาควรจะเดินทางไปทิศเหนือ” ฉันรีบอธิบายว่า “ฉันไม่ได้เดินทางผิดทิศ ทางเหนือเป็นที่ที่ฆราวาสทางโลกไปกัน ฉันมาถูกที่แล้ว” เจ้าอาวาสพอใจที่ได้ยินเช่นนั้น แล้วฉันกับเจ้าอาวาสก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน

หลังจากพักอยู่ที่นั่นได้ 2 วัน ฉันถามวิธีเรียกชุมนุมฝูงลิงกับเจ้าอาวาส เนื่องจากฉันทราบมาว่าลิงบนภูเขาเอ๋อเหมยมีพลังความสามารถ เจ้าอาวาสบอกฉันว่า “แค่ตะโกนไปที่หุบเขา‘ซันเอ๋อ รีบกลับมากินอาหาร’” ฉันเลือกตำแหน่งที่มีเสียงสะท้อนแล้วร้องตะโกนเข้าไปในหุบเขา “ซันเอ๋อ รีบกลับมากินอาหาร” เพียงประเดี๋ยวเดียวลิงหลายร้อยตัวก็ออกมา ทั้งร้อง ทั้งเต้น และตีลังกาตรงหน้าฉันอย่างมีความสุข ลิงตัวที่แก่ที่สุดเข้ามาหาและกอดฉัน พร้อมกับหอมแก้มฉันไม่หยุดจนใบหน้าฉันเต็มไปด้วยน้ำลายของมัน หลังจากนั้นมันก็ขย้อนตานหนึ่งก้อนออกมาจากปากและมอบให้กับฉัน ฉันไม่กล้ากินเพราะรู้สึกว่ามันสกปรก เจ้าอาวาสบอกว่า “สีกา ท่านยังมีอุปสรรคในใจ มันบำเพ็ญหลายร้อยปีเพื่อให้ได้ตานนี้มา”

จากนั้นลิงฝูงนี้ก็ต่อตัวสร้างสะพานลิงข้ามหุบเขา (ลิงตัวที่อยู่ด้านหลังจับขาของลิงตัวที่อยู่ด้านหน้าต่อกันทีละตัว) ลิงแก่ตัวนั้นอุ้มฉันขึ้นแล้วพาฉันเดินข้ามสะพานลิงไปยังฝั่งตรงกันข้ามของหุบเขา ที่นั่นมีลิงอีกฝูงหนึ่ง เจ้าอาวาสบอกฉันว่า “ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามีเพียงบุคคลแซ่ฮูเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับไมตรีจิตด้วยการต้อนรับที่สุภาพนอบน้อมเช่นนี้ ท่านเป็นคนที่สอง แต่ท่านได้มากกว่าสองอย่าง – หนึ่งคือตานที่ลิงแก่มอบให้ท่าน อีกอย่างหนึ่งคือฝูงลิงคุ้มกันท่านข้ามเขตแดนไปยังอีกฝั่งหนึ่งของหุบเขา โดยปกติฝูงลิงจะไม่ได้รับอนุญาตให้ข้ามเขตแดนนี้”

มีผู้บำเพ็ญเต๋าจำนวนมากที่ภูเขาเอ๋อเหมย แต่คนธรรมดาทั่วไปมองไม่เห็นพวกเขา พวกเขามีพลังความสามารถที่จะซ่อนที่อยู่ของตัวเองจากภายนอก เหมือนอย่างที่เล่ากันในเทพนิยาย เริ่มจากกึ่งกลางของยอดเขาลงมามีผู้ที่บำเพ็ญมา 200 – 300 ปี ที่ยาวนานที่สุดเกือบ ๆ 500 ปี เป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุด กงจู้ (เสาแห่งกง) ของพวกเขาเพียงสูงกว่ากึ่งกลางของภูเขาเล็กน้อยเท่านั้น

ในชุมชนของผู้บำเพ็ญ อาจารย์เป็นผู้เลือกศิษย์ ไม่ใช่ศิษย์เลือกอาจารย์ จึงเปล่าประโยชน์สำหรับคนที่พยายามค้นหาพวกเขา สูงขึ้นไปจากกึ่งกลางภูเขา จำนวนของผู้บำเพ็ญน้อยลง ๆ ขณะที่ผู้บำเพ็ญก็อายุมากขึ้น ๆ พวกเขาบำเพ็ญมากว่า 2000 ปี กงจู้ของพวกเขาล้วนออกนอกทางช้างเผือกแล้ว บางคนเลยจากระดับของยูไลไปแล้ว แต่พวกเขายังคงบำเพ็ญกันอยู่ พวกเขายังไม่หยวนหมั่น (บำเพ็ญสำเร็จบริบูรณ์) ในกลุ่มนี้มีอาจารย์คนก่อนของฉันด้วย ต่อมาภายหลังฉันทราบมาว่า เมื่อปรมาจารย์หลี่ หงจื้อ ผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเราขึ้นไปบนภูเขาเอ๋อเหมย ผู้บำเพ็ญที่นั่นทุกคนออกมาต้อนรับท่านอาจารย์ ในเวลานั้นกงจู้ของพวกเขาเคลื่อนไปมาอยู่เต็มท้องฟ้าเหมือนดอกไม้ไฟหลากสี

บนภูเขาชิงเฉิงมีนักพรตเต๋ารูปหนึ่งบำเพ็ญมากว่า 4000 ปี เขาอยากจะรับฉันเป็นศิษย์ ฉันปฏิเสธโดยบอกว่าฉันมีอาจารย์อยู่แล้ว และอยากจะค้นหาวิธีบำเพ็ญที่จะช่วยให้สามารถบรรลุระดับของพระพุทธในชาตินี้ เขาบอกฉันว่าเขาอยู่ที่นี่ตอนที่องค์ศากยมุนี พระเยซู และเหลาจื่อ กลับชาติมาเกิดในโลกมนุษย์ และเป็นสักขีพยานว่าพวกเขาถ่ายทอดฝ่าและช่วยเหลือคนให้พ้นทุกข์อย่างไร ท่านอาจารย์หลี่ หงจื้อ อาจารย์ของพวกเรากล่าวไว้ในการบรรยายฝ่าว่า ระหว่างทางจากมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ขึ้นไปทางทิศเหนือถึงเมืองซีอาน ผู้บำเพ็ญจำนวนมากมาจากภูเขาและถามท่านอาจารย์ว่า ทำไมศิษย์ต้าฝ่าของท่านจึงบำเพ็ญได้รวดเร็วเช่นนี้ ท่านอาจารย์ถามพวกเขาว่า “ศิษย์ของข้าพเจ้าบำเพ็ญมา 2 เดือน ถึง 2 ปี เปรียบเทียบกับพวกท่านแล้วพวกเขาบำเพ็ญเป็นอย่างไร” พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาไม่กี่คนที่ไล่ทันศิษย์ของท่านอาจารย์ได้ หลังจากนั้นท่านอาจารย์ก็อนุญาตให้พวกเขาฟังการบรรยายฝ่าของท่าน หนึ่งในจำนวนนี้มีนักพรตเต๋าที่บำเพ็ญมากว่า 4000 ปีแล้ว

ในช่วงปลายของการปฏิวัติทางวัฒนธรรม ฉันกับผู้บำเพ็ญอีกคนหนึ่งเดินทางไปเขตคังจ้าง (เขตที่ราบสูงคังจ้างชายแดนด้านตะวันออกของทิเบต) โดยหวังว่าจะไปค้นหาหลักวิชาในลัทธิตันตระของทิเบตที่จะสามารถช่วยให้ฉันบรรลุระดับของพระพุทธได้ในชาตินี้ เป็นที่รู้กันในวงการบำเพ็ญปฏิบัติธรรมว่ารูปแบบการบำเพ็ญของลัทธิตันตระในทิเบตในปัจจุบันมีการเมืองผสมอยู่ด้วยมานานแล้วและสูญเสียแก่นแท้ของการบำเพ็ญไปแล้ว ลัทธิตันตระของทิเบตที่แท้จริงอยู่ที่คังจ้างไม่ใช่อยู่ที่ทิเบต เมื่อเราไปถึงที่นั่นก็ได้พบกับคนคนหนึ่งที่คำนับโดยคุกเข่าเอาหน้าผากแตะพื้นตลอดทางตั้งแต่ฉางชุนไปถึงคังจ้างเพื่อค้นหาฝ่าที่ถูกต้อง พวกเราพบวัดแห่งหนึ่งที่มีพระลามะผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งกำลังบรรยายฝ่า เมื่อพวกเรามาถึง พระลามะผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ก็เรียกฉันให้ไปนั่งฟังท่านบรรยายฝ่าอยู่ข้าง ๆ เพียงคนเดียว ซึ่งหาได้ยากมากและเป็นการต้อนรับที่สุภาพนอบน้อมในลัทธิตันตระ แล้วท่านก็ถามว่าทำไมพวกเราจึงมาแสวงหาฝ่าที่คังจ้าง พวกเราตอบว่าไม่มีฝ่าที่ถูกต้องในประเทศจีนแล้ว วัดจำนวนมากถูกสัตว์ เช่น สุนัขจิ้งจอก พังพอน ผี และงู สิงอยู่ พวกเราจึงมาแสวงหาฝ่าที่ถูกต้องที่นี่ พระลามะผู้ยิ่งใหญ่กล่าวอย่างสงบว่า “ไม่จริงหรอก จะมีต้าฝ่าที่อาจจะไม่สามารถพบเจอได้อีกตลอดช่วงประวัติศาตร์เผยแพร่ภายในประเทศ และจะเผยแผ่ออกมาจากเมืองฉางชุน พวกท่านกลับไปคอยเถิด” พอฉันได้ยินก็รีบลงจากเขา พร้อมกับตกลงกับเพื่อนที่ไปด้วยกันว่า ใครที่พบฝ่าก่อนจะต้องบอกให้อีกคนรู้ แต่คนที่มาจากเมืองฉางชุนไม่เชื่อ ยังคงพำนักอยู่ที่คังจ้างต่อไป

ต้นทศวรรษ 1980 มีเด็กจำนวนมากที่มีพลังความสามารถ บางคนสามารถอ่านหนังสือด้วยหู บางคนสามารถมอง ด้วยมือ หรือมองจากบริเวณด้านหลังของศีรษะ ฉันเชื่อว่าคุณยังรู้สึกประทับใจเหตุการณ์ในตอนนั้นได้ พวกเราผู้บำเพ็ญทราบว่าเป็นเรื่องจริง และทราบว่าพลังความสามารถเหล่านี้ไม่สามารถนำออกมาแสดงให้ผู้อื่นดูได้ ดังนั้นฉันจึงค้นหาเด็กเหล่านี้และบอกพ่อแม่ของเด็กให้ทราบถึงเหตุผลที่พวกเขาไม่สามารถนำพลังความสามารถของเด็กออกมาแสดงให้ผู้อื่นดู ผลก็คือเด็กเหล่านี้ทุกคนได้รับการปกป้องและบำเพ็ญต้าฝ่าในเวลาต่อมา ส่วนเด็กที่ถูกพ่อแม่พาออกไปแสดงพลังความสามารถในที่ต่าง ๆ ล้วนถูกทำลายในสังคมคนธรรมดาสามัญและ ยังส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อสังคมอย่างมาก สำหรับที่เรียกกันว่านักวิจารณ์พลังความสามารถก็เป็นเพียงตัวตลกที่เทพใช้ควบคุมบุคคลที่มหัศจรรย์เหล่านั้นไม่ให้รบกวนสังคมมนุษย์ ยิ่งคนไม่เชื่อว่ามีเทพอยู่ เทพก็จะยิ่งอนุญาตให้คนได้เห็นปรากฎการณ์ของพลังความสามารถน้อยลง ถ้าเทพอนุญาตให้คุณได้เห็น มันก็เป็นเพียงตัวอย่างของสิ่งมหัศจรรย์ที่จะเปลี่ยนความคิดของคุณ แต่คนยังคงรู้สึกภาคภูมิใจอยู่กับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่

แล้วทำไมเทพนิยายของทุกประเทศจึงคล้ายกัน ในสมัยนั้นยังไม่มีเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัยเลย เพราะว่ามนุษย์ไม่เชื่อว่ามีเทพ จึงทำให้เรื่องราวจริง ๆ ของเทพกลายเป็น “เทพนิยาย” ของมนุษยชาติ เด็ก ๆ ที่ฉันช่วยปกป้องเอาไว้บอกฉันในเวลานั้นว่า “จ้าวแห่งจักรวาลจะมาช่วยเหลือโลกให้พ้นภัย” ฉันรู้สึกเศร้ามากจนถึงช่วงต้นทศวรรษ 1990 เพราะยังหาต้าฝ่าไม่เจอ วันหนึ่งฉันคุกเข่าต่อหน้าพระพุทธรูปพร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่า “ฉันตั้งใจจริงที่จะค้นหาฝ่าที่ถูกต้องซึ่งบำเพ็ญทั้งร่างกายและจิตใจ ที่จะทำให้ฉันสามารถบรรลุระดับชั้นของพระพุทธได้ในชาตินี้ แล้วช่วยเหลือสรรพชีวิต” คืนนั้นขณะนั่งสมาธิ จิตหลักของฉันก็บินออกไป ค้นหาทุกมิติ ทีละมิติ เที่ยวถามว่า “มีฝ่าที่ถูกต้องซึ่งบำเพ็ญทั้งร่างกายและจิตใจ ฝ่าที่จะทำให้คนสามารถบรรลุระดับชั้นของพระพุทธได้ในชาติเดียว” มีผู้บำเพ็ญมากมายในทุกมิติ แต่ไม่มีใครเคยได้ยินว่ามีฝ่าที่ดีและถูกต้องเช่นนั้น พวกเขาพูดกับฉันว่า “หากคุณได้พบฝ่าที่ถูกต้องและดีเช่นนั้น ก็อย่าลืมเผยแพร่ให้พวกเราและช่วยเหลือพวกเราให้พ้นทุกข์ด้วย” จากนั้นแรงพลัง (กงลี่) ของฉันก็ไม่เพียงพอที่จะขึ้นต่อไปได้อีก หนึ่งในอาจารย์คนก่อนของฉันให้นกกระสาตัวหนึ่งพาฉันขึ้นต่อไปอีก เพื่อตามหาและถามถึงฝ่าที่ถูกต้องในทุก ๆ มิติ จนเราขึ้นไปอีกไม่ได้แล้ว ผู้บำเพ็ญทุกคนในทุกมิติหวังอย่างจริงใจว่าฉันจะได้พบฝ่าที่ถูกต้องและดีเช่นนั้นและช่วยพวกเขาให้พ้นทุกข์

ฉันรู้สึกเสียใจและสิ้นหวัง ทันใดนั้นก็มีดอกบัวดอกหนึ่งลอยลงมาจากท้องฟ้าและรับฉันขึ้นไปยังปราสาทงดงามแจ่มจรัสและอลังการแห่งหนึ่ง พระพุทธผู้ยิ่งใหญ่กำลังบรรยายพุทธธรรมอยู่ที่นั่น มีพระพุทธกำลัง

ฟังท่านอยู่เป็นชั้น ๆ พระพุทธที่ยิ่งนั่งอยู่ใกล้กับพระพุทธผู้ยิ่งใหญ่ก็จะยิ่งมีร่างกายที่ใหญ่โตกว่า ชั้นที่อยู่รอบนอกที่สุดคือพระยูไลซึ่งมีร่างกายเล็กที่สุด ฉันได้เห็นพระยูไลมากมายรวมทั้งเหลาจื่อและขงจื๊อ ฉันแปลกใจที่ได้เห็นพระเยซูอยู่ที่นั่นด้วย

พอฉันไปถึงปราสาทการบรรยายธรรมก็จบลงพอดี ดิฉันรู้สึกเสียใจมากว่าฉันช่างมีวาสนาต่อพุทธธรรมน้อยเหลือเกิน ดอกบัวพาฉันขึ้นมาถึงพระพุทธผู้ยิ่งใหญ่ ร่างกายของฉันก็ใหญ่โตขึ้นจากพลังอำนาจและความช่วยเหลือของพระพุทธผู้ยิ่งใหญ่ พระพุทธผู้ยิ่งใหญ่รำมือให้ฉัน ทันใดนั้นรัศมีสีทองนับพันก็สาดส่องออกมาพร้อมกับคัมภีร์ที่ส่องแสงระยิบระยับหลายฉบับ ฉันดีใจมากและพยายามที่จะจับคัมภีร์เหล่านั้น คัมภีร์สองเล่มแรกที่จับได้คือ [จ้วนฝ่าหลุน] และ [ฝ่าหลุนกง (ฉบับปรับปรุง)] ฉันสงสัยว่า “ฉันจะไปหาพระพุทธผู้ยิ่งใหญ่นี้ได้ที่ไหนบนโลก” ทันใดนั้นพระพุทธผู้ยิ่งใหญ่ก็เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นอาจารย์หลี่ที่แต่งกายในชุดสูทสากล ท่านดูเหมือนภาพในหนังสือ [จ้วนฝ่าหลุน] ฉันถูกพากลับมายังกายเนื้อในเสี้ยววินาที

ฉันรอคอยฝ่าด้วยความกระหายใคร่รู้ ฉันแทบจะทนช่วงเวลาแห่งการรอคอยนี้ไม่ไหว ในปี ค.ศ. 1995 ฉันบังเอิญได้พบกับเพื่อนคนที่เดินทางไปคังจ้างด้วยกัน ฉันเห็นสีหน้าของเธอผ่องใส ผิวพรรณขาวนวลอมชมพู ฉันจึงพูดว่า “โอ้ คุณต้องได้ฝ่าแล้วแน่ ๆ ให้ฉันดูฝ่าเดี๋ยวนี้” ฉันเร่งเร้าให้เธอพาฉันไปที่บ้านของเธอ ในใจรู้สึกตื่นเต้นยากเกินกว่าจะบรรยาย พอเราไปถึงบ้านของเธอ ฉันก็เห็นหนังสือ [ฝ่าหลุนกง (ฉบับปรับปรุง)] วางอยู่บนโต๊ะ หนังสือเล่มนี้คือหนังสือที่ฉันตามหาอยู่จริง ๆ ฉันหยิบขึ้นมากอดไว้แน่น แต่เพื่อนของฉันไม่ให้ฉันเอาหนังสือไปและบอกว่าเธอมีเล่มนี้อยู่เพียงเล่มเดียว ฉันถาม “ช่วยบอกฉันทีว่าคุณได้หนังสือเล่มนี้มาจากไหน ฉันจะไปหา” เธอจึงบอกที่อยู่ของร้านหนังสือ ฉันรีบไปร้านหนังสือ แต่ร้านกำลังจะปิด ฉันรีบถามเจ้าของร้านว่ายังมีหนังสือ [ฝ่าหลุนกง (ฉบับปรับปรุง)] ไหม เจ้าของร้านบอกว่าขายหมดไปแล้ว “ให้รองวดหน้า” ฉันไม่เชื่อ ก็เลยเข้าไปค้นที่ชั้นวางหนังสือด้วยตัวเอง ฉันหาไม่เจอแต่ก็ยังไม่อยากยอมแพ้ ในที่สุดฉันเปิด ลิ้นชักของชั้นวางหนังสือ ก็ได้พบหนังสือ [ฝ่าหลุนกง (ฉบับปรับปรุง)] สองเล่มส่องแสงอยู่ ดิฉันรีบซื้อหนังสือทันที

พอกลับถึงบ้าน ฉันก็เริ่มเปิดหนังสือออกอ่านทันทีและใจก็แจ่มแจ้งทันที อาจารย์เหล่านั้นที่ฉันได้พบในอดีตสอนฉันหลายอย่าง ได้แก่ โจวเทียน เสวียนกวานเซ่อเว่ย ตาทิพย์ ความสามารถหยั่งรู้อดีตและอนาคต และอื่น ๆ บางครั้งอาจารย์ใช้เวลามากกว่าหนึ่งปีในการอธิบายหนึ่งหัวข้อให้ฉันฟังแต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจแจ่มแจ้ง แต่อาจารย์ของเราใช้เพียงไม่กี่ประโยคในหนังสือ [ฝ่าหลุนกง (ฉบับปรับปรุง)] ก็ทำให้ทุกอย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย ทำไมคนจึงคิดว่าหนังสือเล่มนี้ลึกซึ้งเกินกว่าจะเชื่อได้ ทำไมคนจึงรู้สึกว่าอาจารย์ของเราพูดจาใหญ่โต เหตุผลก็คือ อาจารย์ของเราแสดงความลับแห่งความลับที่คนอื่นเห็นว่าล้ำค่ามากได้อย่างเรียบง่ายแต่ไม่มีใครเคยพูดได้จริง ๆ สมองของมนุษย์จะสามารถรับสิ่งที่ลึกซึ้งเช่นนี้ง่าย ๆ ได้อย่างไร แม้แต่เทพก็ยังไม่มีความสามารถที่จะรับได้ นั่นก็เป็นสาเหตุว่าทำไมบางคนจึงคิดว่าอาจารย์ของเราพูดจาใหญ่โต

ต่อมามีผู้ฝึกเอาเรื่องราวประสบการณ์ของฉันไปทำภาพยนตร์การ์ตูนและฉายให้อาจารย์ของเราดู อาจารย์พูดว่า “นี่จะเป็นตำนานให้ยุคของคนในอนาคต”

ฉันเผยแพร่ต้าฝ่าในเขตคังจ้างให้กับเด็ก ๆ ที่ฉันปกป้องไม่ให้แสดงพลังความสามารถ และเผยแพร่ให้กับผู้บำเพ็ญบนภูเขา พวกเขาทุกคนต่างกลับเข้ามาในโลกของคนธรรมดาสามัญเพื่อบำเพ็ญต้าฝ่า บางครั้งศิษย์ที่เด็กกว่าได้รับฝ่าก่อน หลังจากนั้นเขาก็ถ่ายทอดฝ่าให้กับศิษย์ที่อายุมากกว่า แล้วศิษย์ที่อายุมากกว่าก็ถ่ายทอดต่อไปให้อาจารย์ของพวกเขา จนในที่สุดพวกเขาก็ได้ฝ่ากันหมดทุกคน พระโพธิสัตว์ชี้ทางให้พระหลายรูปในคืนก่อนที่ผู้ฝึกของเราจะไปภูเขาเอ๋อเหมยเพื่อเผยแพร่ฝ่า พระเหล่านั้นลงมาจากภูเขาและคุกเข่าที่ข้างถนนเพื่อต้อนรับหนังสือ [จ้วนฝ่าหลุน] อาจารย์พูดว่า “เทพทุกองค์รู้ว่าข้าพเจ้ากำลังถ่ายทอดต้าฝ่า มีแต่คนเท่านั้นที่ไม่รู้”

ฉันทำรายชื่อลูกศิษย์ขององค์ศากยมุนีที่กลับชาติมาเกิด แล้วตามหาพวกเขา และถ่ายทอดต้าฝ่าให้พวกเขา แต่พวกเขาบางคนก็หลงอยู่ในโลกมนุษย์เกินกว่าจะสามารถเรียนฝ่าได้ ไม่ใช่ทุกคนจะมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะได้ฝ่า มีคนมากมายที่บำเพ็ญมานานนับพันปีแต่ก็ยังไม่หยวนหมั่น (บำเพ็ญสำเร็จบริบูรณ์) พวกเขาทุกคนต้องการที่จะได้ฝ่าแต่ไม่ได้ การได้รับฝ่านับว่าเป็นโชคดีที่สุดที่จะเกิดขึ้นได้ในรอบหลายพันปี แต่คนธรรมดาสามัญไม่รู้จักทะนุถนอมฝ่าที่ยิ่งใหญ่ของจักรวาล เทพทั้งมวลรู้ว่าการประทุษร้ายต้าฝ่านั้นเป็นบาปที่ไม่สามารถอภัยให้ได้

เรื่องที่เล่ามาเป็นเพียงส่วนน้อยนิดของประสบการณ์ของฉัน ฉันเป็นเพียงผู้บำเพ็ญฝ่าหลุนต้าฝ่าที่ธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้น

เขียนที่ยุโรปกลางในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2001

Video: http://en.minghui.org/html/articles/2002/4/6/20553.html