(Minghui.org) “ฉันเป็นพวกยึดความสมบูรณ์แบบ เมื่อฉันเผชิญกับความล้มเหลว ฉันจะพยายามหนี รวมถึงการกรีดข้อมือตัวเอง เมื่อผู้อื่นปฏิบัติไม่ดีต่อฉัน ฉันจะรับไม่ได้ ชีวิตของฉันต้องสมบูรณ์แบบ ฉันรู้สึกว่าการฆ่าตัวตายยังดีกว่าการใช้ชีวิตที่ไม่สมบูรณ์แบบ” เสี่ยวเจินกล่าว ที่จุดต่ำสุดของชีวิต เธอก็ได้พบกับฝ่าหลุนต้าฝ่า

เสี่ยวเจินบอกว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าช่วยให้เธอปล่อยวางความเห็นแก่ตัว

เสี่ยวเจินเกิดที่ไต้หวันและเติบโตในประเทศไทย เธอจบปริญญาตรีจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในประเทศ เธอเรียนในคณะศิลปกรรมศาสตร์ อารมณ์ศิลป์และการมุ่งเน้นความสมบูรณ์แบบของเธอส่งผลกระทบต่อทุกคนรอบตัวเธอ

“หลังจากที่เริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า ฉันตระหนักได้ว่าฉันเห็นแก่ตัวมาก เหตุผลที่ฉันทำงานหนักที่จริงก็เพื่อตัวฉันเอง หากมีอะไรที่ทำให้ฉันไม่พอใจ ฉันก็อยากจะเลิก ฉันไม่เคยคำนึงถึงความรู้สึกของคนอื่นเลย”

เมื่อใดมีสิ่งที่ไม่เป็นไปตามที่เธอต้องการ เจินก็จะพยายามหนี เธอไม่เคยสนใจว่าสิ่งที่เธอทำจะกระทบคนอื่นอย่างไร การฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าช่วยให้เธอไม่เห็นแก่ตัว เธอพูดอย่างสะเทือนอารมณ์ว่า “พลังของฝ่าหลุนต้าฝ่าให้ประโยชน์กับฉันทั้งทางด้านจิตใจและร่างกาย ช่วยให้ฉันเป็นคนที่เห็นแก่ผู้อื่น”

เจินบอกว่า “ก่อนฉันฝึก สุขภาพของฉันไม่ดีตลอด ฉันมีภาวะหัวใจเต้นเร็ว” “ตอนเป็นเด็ก ฉันเข้าร่วมกิจกรรมกลางแจ้งของโรงเรียนไม่ได้เลย แม้แต่วิ่งก็ยังไม่ได้

“ขณะที่ฉันอยู่ในโรงเรียนประถม ฉันเริ่มมีปัญหากระเพาะอาหาร พอฉันเข้าโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น ฉันเริ่มมีแผลในกระเพาะอาหาร และแย่ลงตอนที่ฉันอยู่ในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ฉันเริ่มปวดหัวไมเกรนตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย ฉันกินยารักษาไมเกรนเรื่อยมาจนกระทั่งตั้งครรภ์”

แต่เธอเชื่อในชะตากรรม เจินพูดว่า “ฉันคิดอยู่เสมอว่ามีพลังที่มองไม่เห็นจัดวางชีวิตให้ฉัน ตอนที่ฉันยังเด็ก พ่อแม่ของฉันยุ่งกับการทำธุรกิจ น้องชายอายุน้อยกว่าฉัน 12 ปี ฉันรู้สึกเหงาเสมอ ๆ ฉันจะสวดและขอให้พระเจ้าช่วยฉันให้เป็นคนดี ก่อนฉันเริ่มฝึก ฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนดี”

เจินเล่าถึงสิ่งที่ชักนำเธอให้เข้ามาฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า “ก่อนเราแต่งงาน คู่หมั้นของฉันซึ่งเป็นชาวไต้หวันบอกฉันเกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่า เขาบอกว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าเป็นวิชาที่ดี เขาอ่านบางย่อหน้าจากหนังสือ จ้วนฝ่าหลุน ให้ฉันฟัง เราตกลงกันว่าวันหนึ่งเราจะฝึก” เธอฟื้นความจำ

“ในปี 2000 ก่อนที่ฉันจะได้รับวีซ่าเข้าเมืองของออสเตรเลีย 1 เดือน ฉันพบสถานที่ฝึกในประเทศไทย ฉันซื้อหนังสือจ้วนฝ่าหลุนฉบับภาษาไทยด้วย ฉันอ่านช้ามาก และอ่านได้เพียง 20 หน้าแรกเท่านั้น หลังจากย้ายไปอยู่ออสเตรเลียฉันก็ไม่ได้อ่านต่ออีก”

ความเศร้าโศกเปลี่ยนชีวิต

เจินแต่งงานกับคู่หมั้นของเธอที่ออสเตรเลียและไม่นานก็มีลูกชาย ปี 2010 เจินตั้งครรภ์ครั้งที่ 3 แต่เมื่อทารกในครรภ์อายุเกือบ 20 สัปดาห์ น้ำคร่ำของเธอเริ่มรั่ว แพทย์ไม่สามารถหาเหตุผลได้

แม้เธอจะนอนพักบนเตียงตลอดเวลา (เนื่องจากการตั้งครรภ์ครั้งที่ 2 ของเธอสิ้นสุดลงด้วยการแท้งบุตร) และเธอระมัดระวังทุกวิถีทางเพื่อปกป้องทารก น้ำคร่ำของเจินก็หายไปเกือบหมดภายในเวลา 2 วัน

แพทย์บอกกับเธอว่าหากอุ้มท้องต่อไปจนครบระยะเวลาที่กำหนด ทารกอาจเกิดมาพิการ เจินปฏิเสธที่จะยุติการตั้งครรภ์ สุดท้ายเธอก็แท้งลูก เจินว้าวุ่นใจมาก

“ตาของฉันบวมเพราะร้องไห้ และฉันเกือบจะเสียสติ ฉันหดหู่ใจมาก ฉันได้แต่คิดถึงลูกน้อยที่เสียไปเท่านั้น แม้กระทั่งอยากจบชีวิตตัวเองเพื่อจะได้ตามไปอยู่กับเขา

“ครอบครัวของฉันเป็นห่วงฉันมาก พวกเขาทำทุกอย่างเพื่อให้ฉันหายโศกเศร้า กระทั่งเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ของฉันทั้งหมด แต่ฉันยังร้องไห้ทุกวัน สามีที่น่าสงสารไม่รู้จะพูดอะไร เขาเปลี่ยนเป็นคนซึมเศร้าและสุขภาพแย่ลง

“วันหนึ่งสามีของฉันแนะนำให้ฉันลองอ่านหนังสือจ้วนฝ่าหลุนฉันไม่ได้เปิดหนังสือเล่มนี้มา 10 ปีแล้ว เมื่ออ่านส่วนที่ท่านอาจารย์พูดเกี่ยวกับการชำระร่างกาย ฉันก็เริ่มไอหนองสีดำออกมาและท้องเสียด้วย เมื่อฉันอ่านบทที่ 2 ฉันก็ปวดศีรษะ โดยเฉพาะตรงตำแหน่งตาทิพย์

“ฉันอ่าน จ้วนฝ่าหลุน จบภายใน 5 วัน ในที่สุดฉันก็เข้าใจว่าลูกที่เพิ่งเสียไปที่ไหนและเข้าใจความสัมพันธ์ของเรา หนังสือเล่มนี้ช่วยเปิดใจฉัน

“จ้วนฝ่าหลุน ตอบคำถามมากมายที่ฉันมี ฉันตัดสินใจฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า ! 1 เดือนหลังจากแท้งลูก ฉันพาลูกชายและสามีไปที่สนามฝึก

“เมื่อฉันฝึกท่าที่ 5 ฉันรู้สึกได้ว่ามีฝ่าหลุนขนาดเล็กหมุนอยู่บริเวณศีรษะ ไหล่ และนิ้วของฉัน ไม่นานหลังจากที่เริ่มฝึก ปัญหาโรคกระเพาะอาหารที่รบกวนฉันมาตั้งแต่เด็กและอาการปวดหัวไมเกรนก็หายไปหมดสิ้น ฉันรับรู้ถึงความรู้สึกที่ปราศจากความเจ็บปวดว่าเป็นอย่างไรได้เป็นครั้งแรกในชีวิตของฉัน !”

หลังจากเธอเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า เสี่ยวเจินเข้าใจว่าจิตใจและร่างกายเชื่อมโยงกัน เธอไม่เครียดกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกแล้ว และใช้ชีวิตไปตามธรรมชาติ

เมื่อพูดถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของเธอ เจินบอกว่าเธอยกย่องพลังอันมหัศจรรย์ของฝ่าหลุนต้าฝ่า เธอพูดว่า “ในอดีตฉันอยากมีลูกชายและลูกสาวอย่างละคนมาตลอด ฉันอยากให้สามีของฉันรูปหล่อและอยากให้ตัวเองสวยกว่าภรรยาคนอื่น ๆ ฉันอยากมีชีวิตที่ผาสุก ฉันเป็นห่วงว่าลูกชายของฉันจะเข้าเรียนโรงเรียนอะไรและสามีจะทำงานอะไร ฉันอยากมีชีวิตที่ดีกว่าคนอื่น”

หลังจากที่เธอเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า เจินช่วยชี้แนะการเรียนของลูกชายอย่างดีที่สุด เธอบอกว่า “ฉันบอกลูกชายของฉันให้ขยันและทำให้ดีที่สุด แต่ฉันไม่กดดันเขา ฉันไม่รู้สึกหดหู่ถ้าหากเขาทำได้ไม่ดี”

เจินไม่แข่งขันเพื่อชื่อเสียงหรือเงินทองอีกแล้ว เมื่อผู้อื่นทำได้ดี เธอก็ยินดีกับเขาอย่างแท้จริงจากก้นบึ้งของหัวใจ เพราะเธอเข้าใจแล้วว่าชีวิตของคนถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว

“หลังจากที่เริ่มฝึก ฉันตระหนักว่าไม่มีอะไรเป็นเรื่องบังเอิญ ทุกอย่างถูกจัดวางไว้ล่วงหน้าแล้ว ตอนนี้ฉันเข้าใจว่าชีวิตมีค่า ! หลังจากฝึกแล้ว ฉันเข้าใจว่าชีวิตมนุษย์ทุกคนมาจากเทพ เราไม่ได้อยู่ที่นี่เพียงเพื่อหาความสุขให้กับตัวเองหรือมีชีวิตที่ดีเท่านั้น เราต้องคำนึงถึงผู้อื่น ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันในอดีตช่วยให้ฉันเห็นค่าชีวิตของตัวเองในตอนนี้ และฉันพร้อมจะเผชิญกับทุกสิ่ง พลังมหัศจรรย์ของฝ่าหลุนต้าฝ่าเปลี่ยนชีวิตของฉัน !”