Falun Dafa Minghui.org www.minghui.org พิมพ์

หญิงป่วยติดเตียงถูกทรมานในเรือนจำหญิงมณฑลเหลียวหนิง

17 มีนาคม 2019 |   โดย ผู้สื่อข่าวหมิงฮุ่ย ในมณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน

(Minghui.org) คุณชิว ซีฮุ่ย จากเมืองอันชาน มณฑลเหลียวหนิง ถูกจับกุมครั้งแล้วครั้งเล่าเนื่องจากเธอปฏิเสธที่จะละทิ้งความเชื่อในฝ่าหลุนกง ซึ่งเป็นการฝึกจิตใจที่ถูกระบอบคอมมิวนิสต์จีนประทุษร้ายอยู่ในขณะนี้ ตอนนี้เธอถูกกักขังอยู่ที่เรือนจำหญิงมณฑลเหลียวหนิง

https://en.minghui.org/u/article_images/142b9460ef791db236c0cf02d6c9c850.jpg

คุณชิว ซีฮุ่ย

หลังจากการประทุษร้ายฝ่าหลุนกงเริ่มต้นขึ้นในเดือนกรกฎาคม 1999 คุณชิวและสามีของเธอได้ถูกจับกุมตัวขณะที่พวกเขาเดินทางไปเมืองปักกิ่งเพื่อขออุทธรณ์สิทธิ์ในการฝึกในเดือนตุลาคม ทั้งคู่ถูกนำตัวไปที่ศูนย์กักกันที่ 3 ของเมืองอันชาน แม้ในขณะนั้นคุณชิวจะกำลังตั้งครรภ์เกือบ 2 เดือนแล้วก็ตาม

การจับกุมครั้งที่สองเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาวของปี 2001 เธอถูกจับกุมตัวที่บ้านเช่า ขณะที่เธอพยายามหลบหนี เธอได้ตกลงมาจากชั้นที่ 4 ของสถานีตำรวจเซิงลี่ เธอจึงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และได้รับการผ่าตัดใส่แผ่นเหล็กดามกระดูกเข้าไปบริเวณหลังของเธอ

หลังจากการผ่าตัด คุณชิวมีอาการกลั้นปัสสาวะไม่ได้ และกล้ามเนื้อขาซ้ายของเธอก็ลีบเล็กลง หมอบอกกับเธอว่า เธอจะต้องนอนติดเตียงไปตลอดชีวิต แม้จะอยู่ในสภาพเช่นนั้น เธอก็ยังถูกตัดสินให้อยู่ในค่ายแรงงานเป็นเวลา 3 ปี โดยได้รับอนุญาตให้กลับไปอยู่บ้านในสถานะ “คุมความประพฤติ” อาการของเธอดีขึ้นหลังจากที่ได้ฝึกท่าของฝ่าหลุนต้าฝ่าที่บ้าน

ในช่วงฤดูร้อนของปี 2002 คุณชิวถูกจับกุมอีกครั้ง และถูกตัดสินโทษจำคุกเป็นเวลา 7 ปี เธอได้รับการปล่อยตัวเมื่อเดือนกันยายน 2003

หลังจาก ถูกจับกุมตัวครั้งล่าสุดเมื่อปี 2008 เธอถูกตัดสินให้จำคุกนาน 12 ปีครึ่ง ตั้งแต่นั้นมาเธอก็อยู่ในเรือนจำหญิงของมณฑลเหลียวหนิง

ด้านล่างเป็นบันทึกส่วนตัวเกี่ยวกับสิ่งที่เธอต้องทนทุกข์ขณะอยู่ในคุก:

ฉันถูกจับที่บ้านเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2008 และถูกส่งตัวไปที่ศูนย์กักกันอันซานที่ 1 ในอีก 2 วันถัดมา ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2009 ฉันถูกส่งตัวไปที่เรือนจำหญิงเหลียวหนิงเพื่อตรวจร่างกาย เรือนจำนี้ปฏิเสธที่จะรับตัวฉันเพราะว่าฉันเป็นอัมพาต

อีกไม่กี่วันต่อมา แพทย์จากโรงพยาบาลกระดูกเสิ่นหยางได้ตรวจเอกซเรย์ และยืนยันว่าแผ่นเหล็กที่ฝังอยู่บริเวณหลังของฉันสมบูรณ์ดี ทางเรือนจำจึงยอมรับตัวฉัน แม้ว่าฉันจะนอนติดเตียงและต้องมีคนคอยดูแลก็ตาม

ในช่วงฤดูร้อนของปี 2010 ผิวหนังรอบ ๆ นอตที่ยึดแผ่นเหล็กไว้เกิดแดงและบวมขึ้นมา ฉันจึงถูกพาตัวออกจากห้องขังไปที่ระเบียงทางเดิน หนึ่งในผู้ต้องขังทำการผ่าตัดเปิดผิวบริเวณที่บวมแดงของฉันภายใต้คำชี้แนะของแพทย์ประจำคุก แม้ว่าฉันจะคัดค้านก็ตาม คืนนั้นฉันมีไข้ขึ้นสูง

วันรุ่งขึ้นฉันถูกพาไปที่แผนกผู้ป่วยโรคติดเชื้อ ผู้ต้องขังคนเดิมผ่าตัดเปิดผิวของฉันตามคำสั่งของหัวหน้าทีม พอฉันไม่ยอม ผู้ต้องขังคนอื่น ๆ ก็ใช้ผ้าอุดปากของฉัน และปิดเทปไว้เพื่อไม่ให้ฉันร้อง

ในวันต่อมาไข้ของฉันยังไม่ลดลง ฉันถูกหยดยาเข้าหลอดเลือดผ่านทางสายน้ำเกลือ และถูกผูกติดไว้กับเตียง แผลของฉันไม่หายและยังมีไข้อยู่ ฉันจึงถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง

หลังจากการตรวจเอกซเรย์ที่โรงพยาบาล ฉันได้ยินหมอพูดว่านอตที่ยึดแผ่นเหล็กไว้หลวม และพูดว่าฉันไม่ควรถูกจำคุกในสภาพเช่นนี้

หลังจากหัวหน้าทีมปรึกษากับหมอแบบส่วนตัว เขาก็บอกฉันว่า นอตเด้งออกมาเพราะกระดูกของฉันหายดีแล้ว ฉันไม่ยอมรับและบอกว่านอตไม่ได้ถูกตอกเข้าไปในกระดูกของฉัน ฉันรู้ว่า ที่ผิวบวมขึ้นมาเป็นเพราะผู้ต้องขังต้องการทรมานและทุบตีฉันจากการยุยงของหัวหน้าทีม

ฉันค่อย ๆ ฟื้นตัวหลังจากฝึกท่าอย่างสม่ำเสมอ และสามารถลุกจากเตียงได้ในที่สุด

พอฉันฟื้นคืนสู่สภาพปกติ ฉันก็ขอให้เจ้าหน้าที่ลงโทษผู้ที่ทำให้ฉันตกอยู่ในสภาพนั้น แต่พวกเขาบอกว่า "การผ่าตัด" นั้นกระทำภายใต้ภาวะฉุกเฉิน เป็นการอ้างที่ฉันคัดค้านเพราะตอนนั้นฉันยังมีสติรู้สึกตัวอยู่

ฉันได้เขียนจดหมายถึงอัยการและพัศดีเรือนจำในเดือนกันยายน 2017 ด้วย เพื่อเรียกร้องให้ดำเนินคดีกับหัวหน้าทีมและให้ผู้ที่มีส่วนร่วมขอโทษและรับผิดชอบต่ออาชญากรรมทั้งหมดที่ก่อไว้ แต่อีกหนึ่งเดือนถัดมา ฉันได้รับแจ้งว่า ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ฟ้องร้องผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบ และเจ้าหน้าที่ก็ขัดขวางทนายความของฉันที่ครอบครัวและเพื่อนของฉันว่าจ้างมา ไม่ให้เข้าไปในเรือนจำ