(Minghui.org) ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ทั่วโลกจำนวนมากฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าซึ่งเป็นการบำเพ็ญตัวเองที่ลึกล้ำและมีมาแต่โบราณ การบำเพ็ญต้าฝ่าไม่เพียงส่งเสริมสุขภาพและความสงบสุขเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พวกเขาเข้าใจความหมายที่แท้จริงของชีวิตและเข้าใจว่าจะช่วยเหลือผู้อื่นได้ดีขึ้นอย่างไร
ดร. หวง เชียนเฟิง อายุ 37 ปี เป็นผู้อำนวยการแผนกจิตเวช โรงพยาบาลเทศมณฑลเหมียวลี่ สังกัดกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการของไต้หวัน เขาเป็นแพทย์ที่ใจดีและมีความสามารถ
ดร. หวง เชียนเฟิง
เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ดร. หวงเคยเป็นนักเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายเจี้ยนกั๋วในไทเป เขาคิดว่าจะเอาชนะการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระดับนานาชาติได้อย่างไรทุกวัน แต่หนังสือเล่มหนึ่งได้เปิดขอบข่ายใหม่ในชีวิตให้เขาอย่างไม่คาดฝัน
วันหนึ่งระหว่างเรียนวิชาศิลปะ ดร.หวงเห็นหนังสือจ้วนฝ่าหลุนในตู้หนังสือของห้องเรียน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาจึงขอยืมมาและอ่านหนังสือทั้งเล่มจบในเวลาสองวัน ดร.หวงพูดว่า “ผมเหมือนตื่นขึ้นมาในฉับพลันและพบว่าขอบเขตของผมถูกเปิดออก หลังจากอ่านครั้งที่สอง ผมเข้าใจว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าเป็นการบำเพ็ญตนเองที่ทรงพลัง ไม่ใช่เพียงแค่ชี่กงหรือพลังพิเศษ”
เนื่องจากเขาต้องแข่งขันอย่างดุเดือด ดร.หวงจึงมักมีท่าทางตึงเครียดทางอารมณ์และแสดงออกถึงความยึดติดอย่างหนักต่อการได้การเสียในช่วงที่เรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย เขารับรู้หลังอ่านจ้วนฝ่าหลุนและปล่อยวางความปรารถนาที่จะมีผลการเรียนเหนือทุกคน และจิตใจของเขาก็เปลี่ยนเป็นสงบและแจ่มใสราวกับทะเลสาบที่หลับใหล ชีวิตของเขาดูเหมือนจะพลิกผันไปในทางที่ดี “ความเข้าใจและสมาธิของผมเพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก และผมมีความสุขมากขึ้นและผ่อนคลายมากขึ้นเวลาอ่านหนังสือ” เขาพูด
ดร.หวงฝึกท่าของฝ่าหลุนต้าฝ่าอย่างขยันขันแข็งทุกเช้าตรู่ที่ด้านนอกอนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค (Chiang Kai-shek Memorial Hall) แม้จะมีความกดดันอย่างหนักเพราะต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย เขาพูดว่า “ตอนที่ผมเจ็บปวดทั่วร่างกายขณะฝึกท่าชุดที่สอง 'ฝ่าหลุนจวงฝ่า' ผมอดทนยืนจนจบ วันหนึ่งมีกระแสพลังงานอุ่น ๆ ไหลผ่านร่างกายของผมตั้งแต่ศีรษะลงมา ทำให้ผมรู้สึกเย็นและสดชื่น”
ดร.หวงมักอ่านจ้วนฝ่าหลุน 2 หรือ 3 บท และฝึกท่าก่อนนอนทุกคืน “ผมมักรู้สึกเหมือนผมกำลังถูกทุกชีวิตในจักรวาลจับตามองขณะทำสมาธิอยู่” เขาพูด “ผมรู้ว่าท่านอาจารย์ [หลี่ ผู้ก่อตั้งฝ่าหลุนต้าฝ่า] อยู่ข้าง ๆ ผม” ด้วยพรที่ได้รับจากต้าฝ่า ดร.หวงมีสมาธิกับการเรียนมากขึ้นและผลการเรียนของเขาก็ดีขึ้น เขาได้เข้าเรียนที่คณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยหยางหมิง
ตอนที่ ดร. หวงอยู่ในมหาวิทยาลัย ข่าวเกี่ยวกับการปล้นเอาอวัยวะจากผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าขณะมีชีวิตโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนแพร่กระจายออกมา เขาตกใจมากและสงสัยว่าเขาจะทำอะไรได้บ้าง เขาเคยฟังการบรรยายจากแพทย์เฉพาะทางสาขาต่าง ๆ ในชั้นเรียนของเขา วันหนึ่งในตอนท้ายของชั้นเรียน ดร. หวง รวบรวมความกล้าเพื่อบอกศาสตราจารย์ที่สอนในชั้นเรียนเกี่ยวกับอาชญากรรมที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนประทุษร้ายฝ่าหลุนต้าฝ่าและปล้นเอาอวัยวะของผู้ฝึกต้าฝ่า
หลายปีต่อมา ดร.หวงได้พบกับศาสตราจารย์คนเดิมที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึกที่เขากำลังฝึกงานอยู่ ศาสตราจารย์คนนี้จำเขาได้และจำสิ่งที่เขาพูดเมื่อนานมาแล้วได้ ดร.หวงรู้สึกประทับใจมากและเข้าใจเหตุผลที่เขามาเป็นแพทย์ เขามีหน้าที่ต้องทำภารกิจที่สูงส่งนี้ให้สำเร็จ
ปี 2012 ดร.หวงเข้าร่วมสมาคมบริบาลการปลูกถ่ายอวัยวะ (Organ Transplantation Care Association) เขาและผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าคนอื่น ๆ เริ่มอธิบายความจริงเกี่ยวกับต้าฝ่าให้กับเพื่อนร่วมงานด้านการแพทย์ในที่ประชุมประจำปีทั่วโลก
ดร.หวงพูดว่า “ผมบอกผู้ประกอบวิชาชีพทางด้านสาธารณสุขว่าความปรารถนาอันแรงกล้าในการช่วยเหลือผู้คนของผมนั้นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ พวกเขาไม่เพียงลงนามในคำร้องสนับสนุน [ต่อต้านการประทุษร้ายและการปล้นเอาอวัยวะ] แต่พวกเขายังถามผมด้วยว่าพวกเขาจะสามารถทำอะไรได้อีกบ้าง แพทย์บางคนขอวิดีโอข้อมูลและเปิดให้ผู้ป่วยในโรงพยาบาลของพวกเขาชม”
ดร.หวงเข้าร่วมในขบวนพาเหรดกับผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าที่แมนฮัตตัน
ดร.หวงและเพื่อนผู้ฝึกได้ติดต่อกับผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์หลายหมื่นคนตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพื่อให้พวกเขาได้รับรู้เกี่ยวกับอาชญากรรมที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนปล้นเอาอวัยวะผู้ฝึกขณะมีชีวิต พวกเขายังผลักดันให้รัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศให้ความสนใจและยุติการประทุษร้ายที่โหดเหี้ยมนี้
ในฐานะจิตแพทย์ ดร.หวงได้พบกับผู้ป่วยซึมเศร้ามากมายทุกวัน เขาพูดกับคนไข้ของเขาถึงความสำคัญของการปล่อยวางความคิดที่ไม่ดีออกไปและแทนที่มันด้วยความคิดในทางบวก เขาพูดว่าความคิดทางลบที่ตึงเครียดเหล่านั้นท้ายที่สุดจะทำให้เกิดอาการทางร่างกาย เช่น ปวดศีรษะ แน่นหน้าอก ใจสั่น และความไม่สบายทั่ว ๆ ไป
ดร.หวงเริ่มศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาระบาดวิทยาและเวชศาสตร์ป้องกันในปี 2013 เขาค้นคว้าความสัมพันธ์ระหว่างสุขภาพของมนุษย์กับการฝึกชี่กงจากมุมมองทางการแพทย์ เขากับ ดร. ตง หยูหง วิเคราะห์คนไข้ 152 ราย และพบว่าการฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าสามารถยืดระยะเวลารอดชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายได้ บทความนี้ตีพิมพ์ในการประชุมประจำปีของ American Society of Clinical Oncology (ASCO)
จากประสบการณ์ของเขาเอง ดร. หวงเชื่อว่าการฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าจะช่วยเพิ่มการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันและเพิ่มคุณภาพชีวิตได้อย่างมีนัยสำคัญ เขาพูดว่า “หลังจากฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า ภูมิคุ้มกันของผมเพิ่มขึ้นอย่างมาก และอาการหวัดของผมที่เคยเป็นบ่อย ๆ ก็เป็นห่างขึ้น ผมรู้สึกสงบและฟุ้งซ่านน้อยลง การนอนหลับและอารมณ์ของผมก็เสถียร แม้การฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าจะไม่ใช่เพื่อการรักษาโรคโดยเฉพาะ แต่ก็สามารถทำให้สุขภาพดีขึ้นที่ระดับเซลล์จริง ๆ ซึ่งช่วยในการบำบัดจิตใจและร่างกาย”
ดร.หวงได้เลื่อนตำแหน่งจากแพทย์ประจำหอผู้ป่วยเป็นผู้อำนวยการแผนกในปี 2023 ปัจจุบันเขายุ่งมากขึ้นเพราะต้องทำทั้งงานคลินิกและงานบริหาร แต่เขายังคงศึกษาฝ่าหลุนต้าฝ่าและฝึกท่าเพื่อรักษาทัศนคติที่มีเมตตาในการทำงานประจำวันของเขา
แม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ยุ่งวุ่นวาย ดร.หวงยังพยายามที่จะเป็นสามีและพ่อที่ดี ครั้งหนึ่งภรรยาของเขาป่วยหนักและต้องนอนติดเตียงด้วยความเจ็บปวดเป็นเวลาหลายวัน เขาต้องป้อนอาหารและอาบน้ำให้เธอ เขาถามตัวเองว่าจะทำอย่างไรถ้าอาการของภรรยาไม่ดีขึ้น แล้วฝ่าของท่านอาจารย์หลี่ก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา
ท่านอาจารย์กล่าวว่า
“คนนะ นอกจากพูดถึงศีลธรรมแล้ว ระหว่างสามีภรรยายังมีเรื่องบุญคุณนะ กล่าวสำหรับผู้หญิง ชีวิตหนึ่งของเธอก็ได้มอบให้กับท่านแล้ว ผู้ชายควรคิดว่า หญิงคนนี้ได้มอบชีวิตให้ฉันแล้ว ฉันต้องรับผิดชอบต่อเธอ” (“บรรยายธรรม ณ ที่ประชุมผู้ฝึกภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก” รวมการบรรยายธรรมในพื้นที่ต่าง ๆ 6)
ดร.หวงเข้าใจว่าเขามีหน้าที่ต้องดูแลภรรยาของเขาไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เพราะเธอได้มอบความไว้วางใจทั้งชีวิตให้กับเขาแล้ว ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา จิตใจของเขาก็แจ่มใส จากนั้นภรรยาของเขาก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ ดร.หวงค้นหาจากภายในเสมอเมื่อเจอปัญหาใด ๆ รวมถึงความขัดแย้งกับภรรยาของเขาด้วย
พวกเขามักพูดคุยกันเรื่องอบรมเลี้ยงดูลูก ๆ ดร.หวงและภรรยาสังเกตว่าลูก ๆ จะเลียนแบบพฤติกรรมของพ่อแม่ เมื่อพวกเขาไม่พอใจหรือไม่เห็นใจกัน เด็ก ๆ จะลอกเลียนแบบพฤติกรรมที่เห็นจากพ่อแม่ ลูก ๆ จะกลายเป็นคนอ่อนโยนและเชื่อฟังเมื่อ ดร. หวงกับภรรยาของเขาปล่อยวางสิ่งต่าง ๆ และเห็นอกเห็นใจกัน