(Minghui.org) หนังสือเป็นหลักสำคัญของอารยธรรม 5,000 ปีของจีน ภายในหนังสือเราสามารถค้นพบแก่นแท้ของวัฒนธรรมจีน ตั้งแต่ภูมิปัญญาของคนโบราณไปจนถึงตำนานของเทพศักดิ์สิทธิ์
โดยเฉพาะหนังสือโบราณเกี่ยวกับปราชญ์ได้รับการยกย่องอย่างสูง หนังสือเหล่านี้เขียนขึ้นโดยนักคิดที่ยิ่งใหญ่และตกผลึกเป็นมาตรฐานสำหรับชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ โดยเน้นศีลธรรม ความเชื่อในเทพ และการเคารพวิถีแห่งสวรรค์
การปกป้องหนังสือศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้นับว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องและสูงส่งซึ่งจะนำพรมาสู่ผู้ปกป้อง แต่ไม่ใช่หนังสือทุกเล่มถูกประพันธ์ขึ้นมาเท่าเทียมกัน หนังสือบางเล่มทำลายศีลธรรมของผู้คน วิธีที่คนคนหนึ่งปฏิบัติต่อหนังสือเหล่านั้นจะส่งผลต่อโชคชะตาของเขาด้วย
ดังเช่นเรื่องราวต่อไปนี้ที่แสดงให้เห็นว่า หนึ่งความคิด—และหนึ่งการตัดสินใจ—เพียงพอที่จะเปลี่ยนชีวิตคน
Quan Hui Yin Shu Zheng Xin Lu หรือ “บันทึกการทำลายหนังสือลามกอนาจาร” คือเรื่องแรก
วันหนึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ ช่วงรัชสมัยของจักรพรรดิเต้ากวงแห่งราชวงศ์ชิง เด็กชายคนหนึ่งเดินเล่นผ่านร้านหนังสือ เมื่อเขาเข้าไปข้างใน เขาเห็นคนขายหนังสือกำลังอ่านบางอย่างด้วยความสนใจอย่างมาก
“หนังสืออะไรครับ” เด็กชายถาม
“เอ้อ ไม่มีอะไรสำคัญ” คนขายหนังสือตอบ “แค่บทกวี 'เร้าความรู้สึก' เท่านั้น”
“'เร้าความรู้สึก' หมายความว่าอะไรครับ” เด็กชายถาม ความอยากรู้อยากเห็นของเขาทำให้เขาสนใจมาก
รอยยิ้มกว้างเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนขายหนังสือ เขายื่นหนังสือให้เด็กชายดู เด็กชายเช่าหนังสือเล่มนี้แล้วนำกลับบ้านไป
เมื่อเด็กชายกลับถึงบ้าน เขาเปิดหนังสืออ่านสองสามหน้าแล้วถอนหายใจ
“ตราบใดที่หนังสือเหล่านี้ยังมีอยู่ ผมจะทำลายมันให้หมด”
วันต่อมาเด็กชายไปที่ร้านหนังสืออีกครั้ง เขาบอกคนขายหนังสือว่าเขาต้องการซื้อหนังสือ ‘เร้าความรู้สึก’ ทุกเล่มในร้าน แต่คนขายหนังสือหัวเราะขบขัน
“ผมหาเลี้ยงชีวิตด้วยการให้เช่าหนังสือเหล่านี้” เขากล่าว “ผมจะขายให้เธอได้อย่างไร”
แต่เด็กชายไม่ยอมกลับและยืนกรานที่จะซื้อหนังสือทั้งหมด คนขายหนังสือจึงให้ราคาที่สูงลิ่วอย่างไร้สาระด้วยความหวังว่าจะทำให้เขาตกใจ
“เธอรู้อะไรไหม พอดีตอนนี้ผมต้องการเงิน ให้ผม 30 ตำลึง แล้วหนังสือทั้งหมดจะเป็นของเธอ”
ไม่มีอะไรขวางเด็กชายได้ เขากลับไปบ้านและขอเงินจากแม่ 30 ตำลึงทันทีเพื่อซื้อหนังสือ แม่ของเด็กชายคิดว่าเขาต้องการซื้อหนังสือโบราณเกี่ยวกับปราชญ์ แม่ของเขาจึงนำเครื่องประดับทองและเงินของเธอไปจำนำเพื่อนำเงินไปให้ลูกชายของเธอ หลังจากซื้อหนังสือมาจากร้านแล้ว เด็กชายก็นำหนังสือเหล่านั้นกลับบ้านและเผาทิ้งทั้งหมด
ไม่กี่วันต่อมา เด็กชายล้มป่วยรุนแรงอย่างกะทันหัน หมอไม่สามารถช่วยเขาได้ ครอบครัวของเขาจึงเตรียมพร้อมสำหรับงานศพของเด็กชาย
ขณะที่ทุกคนคิดว่าเขาจากไปแล้ว เด็กชายก็เปิดปากพูดขึ้นมา แต่เสียงที่เปล่งออกมาเป็นเสียงของคนแปลกหน้า :
“เธอ เด็กชาย เดิมทีเกิดมาด้วยโชคชะตาธรรมดา” เสียงนั้นพูด “โชคชะตากำหนดไว้ว่าเธอจะสอบการคัดเลือกขุนนางไม่ผ่าน และจะใช้ชีวิตอย่างสามัญชน แต่แม้ว่าจะอายุน้อยเช่นนี้ เธอมีความซื่อสัตย์และมีหลักศีลธรรมที่แข็งแกร่งที่จะทำลายหนังสือลามกอนาจาร และช่วยผู้คนนับไม่ถ้วนจากการถูกทำลายด้วยการทำผิดศีลธรรม จากการกระทำที่ถูกต้องเที่ยงธรรมของเธอ เธอจึงได้รับพรจากเทพและโชคชะตาของเธอจะถูกเขียนใหม่ : เธอจะกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงและสัมฤทธิ์ผลในสิ่งยิ่งใหญ่มากมายในอนาคต”
ทันทีที่เสียงนั้นพูดจบ เด็กชายก็ตื่นขึ้นมาและเสียงของเขาก็เปลี่ยนกลับเป็นเสียงของตัวเอง เขาผลัดผิวหนึ่งชั้น ทำให้รูปร่างหน้าตาของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และความเจ็บป่วยของเขาก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง
เมื่อเด็กชายเติบโตขึ้นก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เขามีชีวิตที่รุ่งโรจน์และมีครอบครัวใหญ่ที่มีความสุข มีลูกหลานมากมายรอบตัวเขา
เด็กชายจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อทำลายหนังสือลามกอนาจารเหล่านี้เพื่อปกป้องชาวบ้าน และเขาก็ได้รับรางวัลอย่างเหมาะสมสำหรับความคิดและการกระทำที่ถูกต้องของเขา พรที่เขาได้รับเปลี่ยนชีวิตและโชคชะตาของเขา ซึ่งเป็นการพิสูจน์คำกล่าวของชาวจีนโบราณที่ว่า “การสะสมคุณความดีสามารถเขียนโชคชะตาใหม่ได้”
เรื่องต่อไปมาจากประเทศจีนในปัจจุบัน เรื่องนี้เป็นตัวอย่างสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อผู้คนปกป้องหนังสือที่ดีต่อศีลธรรมของประชาชน
ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชนบทมักจะวางต้นข้าวโพดซ้อนกันเป็นกองนอกบ้าน บ่อยครั้งที่กองต้นข้าวโพดเหล่านี้ติดไฟอย่างง่ายดายหากครอบครัวไม่ระวัง และไฟพวกนี้จะลุกลามไปยังครัวเรือนอื่นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากทุกคนมีกองต้นข้าวโพดของตัวเอง
วันหนึ่งในช่วงตรุษจีนปี 2000 เด็กกลุ่มหนึ่งจุดประทัดเล่นที่หน้าบ้านชาวนาคนหนึ่ง ประกายไฟส่วนหนึ่งปลิวเข้าไปในกองต้นข้าวโพดของเพื่อนบ้านที่อยู่ทางทิศตะวันตกของเขา กองต้นข้าวโพดของเพื่อนบ้านไหม้หายวับไปกลายเป็นเถ้าธุลีอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ไฟลุกท่วมใหญ่นั้นเว้นกองต้นข้าวโพดของชาวนาคนนี้ ไม่เสียหายเลย
วันต่อมา กองต้นข้าวโพดของเพื่อนบ้านที่อยู่ทางทิศตะวันออกของชาวนาคนนี้ก็ติดไฟและถูกเผาจนหมด แต่ไฟรอบนี้ลุกท่วมรุนแรงมากและยังคงเผาไหม้อย่างต่อเนื่องแม้กองต้นข้าวโพดจะถูกเผาไปหมดแล้ว ทั้งที่เพื่อนบ้านคนนี้พยายามอย่างเต็มที่แต่ก็ไม่มีใครสามารถดับไฟได้
ครอบครัวของชาวนาคนนี้กังวลว่ากองต้นข้าวโพดของพวกเขาอาจติดไฟและถูกทำลายไปด้วย ในชั่วขณะที่ดูเหมือนจะหมดหวัง ในฉับพลันไฟก็ลดขนาดลงเรื่อย ๆ และดับลงในที่สุด
ชาวบ้านต่างตกตะลึง
“พวกเขาโชคดีมาก !” หนึ่งในนั้นกล่าว “พวกเขาต้องได้รับการคุ้มครองจากเทพและพระพุทธ มิฉะนั้น ไม่มีทางที่กองต้นข้าวโพดของพวกเขาจะรอด”
ชาวนาคนนี้มีญาติที่ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า ในเดือนกรกฎาคม 1999 เมื่อเจียง เจ๋อหมิน อดีตหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์จีนเริ่มการประทุษร้ายฝ่าหลุนต้าฝ่า หนังสือต้าฝ่าจำนวนมากถูกยึดและถูกทำลาย
หนังสือฝ่าหลุนต้าฝ่าสอนคนให้ดำเนินชีวิตตามหลักการของความจริง ความเมตตา และความอดทน คล้ายกับหนังสือโบราณเกี่ยวกับปราชญ์ในสมัยโบราณ
ครอบครัวของชาวนาคนนี้ช่วยผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าสองคนซ่อนหนังสือฝ่าหลุนต้าฝ่าของพวกเขา แม้จะทำให้เขาได้รับอันตรายจากเจ้าหน้าที่รัฐในประเทศจีนก็ตาม และจากที่เห็นในเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้คือจิตใจที่ดีของพวกเขาทำให้พวกเขาได้รับการคุ้มครองในเวลาที่พวกเขาต้องการมากที่สุด
ฉันมีบ้านเกิดที่ต้าเหลียน มณฑลเหลียวหนิง ฉันเป็นผู้รอดชีวิตจากมะเร็ง 2 ครั้ง เป็นเพราะได้รับพรจากฝ่าหลุนต้าฝ่า
ในช่วงเริ่มต้นของการประทุษร้ายฝ่าหลุนต้าฝ่าในเดือนกรกฎาคม 1999 ตำรวจท้องที่บุกค้นบ้านของผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าและยึดหนังสือต้าฝ่าของพวกเขา
วันหนึ่งสามีของฉันไปสถานีตำรวจในท้องที่เพื่อทำธุระบางอย่าง ขณะอยู่ที่นั่น เขาบังเอิญเห็นหนังสือต้าฝ่าที่ถูกยึดมาส่วนหนึ่ง เขาทราบว่าการฝึกนี้ดี เขาคิดว่าเขาควรพยายามปกป้องหนังสือเหล่านี้
เมื่อไม่มีใครมอง เขาเลื่อนหนังสือต้าฝ่าทั้งหมดใส่กระเป๋าแล้วเดินหลบออกจากสถานีตำรวจ เขาเอาหนังสือไปให้พี่สาวของเขา ซึ่งเป็นพี่สะใภ้ของฉัน เธอฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า
“ครอบครัวของคุณจะได้รับพรจากสิ่งที่คุณทำ” พี่สะใภ้ของฉันพูดขอบคุณเขา และเธอพูดถูก
ในเวลาต่อมาฉันได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งสองครั้ง ครั้งแรกฉันเป็นมะเร็งปากมดลูก และก็ฟื้นตัวได้ค่อนข้างเร็วหลังการผ่าตัด
พี่สะใภ้ของฉันมักนำแผ่นพับฝ่าหลุนต้าฝ่ามาให้ฉัน ฉันยังได้อ่านหนังสือต้าฝ่าและหมิงฮุ่ยรายสัปดาห์ด้วย แต่ฉันไม่เคยอยากฝึกต้าฝ่าด้วยตัวเองเลย
ในเดือนมกราคม 2022 ฉันล้มป่วยอีกครั้ง ลูกสาวของฉันพาฉันไปตรวจที่โรงพยาบาล ครั้งนี้ฉันได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย และหมอบอกว่าปอดของฉันเต็มไปด้วยเซลล์มะเร็งแล้ว ผ่าตัดไม่ได้
ลูกสาวของฉันสะเทือนใจมากและโทรศัพท์หาสามีของฉัน เขาพูดว่า “ในเมื่อแม่ของลูกผ่าตัดไม่ได้ ก็พาเธอกลับบ้าน ให้เธอกินยาสมุนไพรจีน”
ฉันมีความคิดเดียวในใจว่าฉันจะไม่กินยาหรือรักษาตัวในโรงพยาบาล ฉันจะมุ่งเน้นไปที่การบำเพ็ญในฝ่าหลุนต้าฝ่า
ลูกสาวของฉันเสียใจมากและเอาแต่ร้องไห้
“อย่าร้องไห้” ฉันพูดกับเธอ “แม่จะเรียนฝ่าหลุนต้าฝ่าเหมือนป้าของลูก แล้วแม่ก็จะสบายดี”
เมื่อฉันกลับถึงบ้าน ฉันเจอหนังสือต้าฝ่าที่พี่สะใภ้ให้มา ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้เรื่อย ๆ ฉันไม่ได้ล้มหมอนนอนเสื่อเหมือนผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายคนอื่น ฉันยังคงสามารถทำงานบ้านได้ตามปกติ
เมื่อเพื่อนและญาติได้ยินว่าโรงพยาบาลไม่รับรักษาฉัน พวกเขาทุกคนมาเยี่ยมฉัน โดยคิดว่าฉันคงอยู่ได้ไม่นาน พวกเขาประหลาดใจมากที่เห็นฉันแข็งแรงเป็นเหมือนปกติ
“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะตอนนี้ฉันกำลังเรียนรู้ฝ่าหลุนต้าฝ่า ไม่เช่นนั้น ฉันคงกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงไปนานแล้ว” ฉันบอกพวกเขา
ยาแผนปัจจุบันไม่สามารถช่วยผู้ที่เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายได้ แต่ด้วยฝ่าหลุนต้าฝ่า ฉันรู้สึกดีขึ้นทุกวันจนกระทั่งหายดี ฉันรู้อยู่ในใจว่าฉันได้รับพรจากฝ่าหลุนต้าฝ่า ช่างเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ และไม่มีคำพูดใดที่จะแสดงความรู้สึกสำนึกในบุญคุณอย่างสุดซึ้งของฉันได้