(Minghui.org) ฉันอายุ 68 ปี และเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าในปี 1996 ในฐานะศิษย์ต้าฝ่าในช่วงเจิ้งฝ่า ฉันแจกเอกสาร แขวนป้ายผ้า กำจัดแผ่นป้ายที่ใส่ร้ายต้าฝ่า ส่งเอกสารอธิบายความจริงไปให้ผู้คนทางไปรษณีย์ ติดข้อความเกี่ยวกับต้าฝ่าในพื้นที่สาธารณะ รวมถึงประสานงานให้โครงการเล็ก ๆ ด้วย
ในตอนแรกฉันแจกเอกสารคนเดียว ต่อมาฉันทำงานกับผู้ฝึกอื่นเพื่อแจกแผ่นพับตามหมู่บ้านต่าง ๆ ตอนนี้ฉันพูดคุยกับผู้คนเกี่ยวกับการประทุษร้ายแบบตัวต่อตัว เมื่อมองย้อนกลับไปบนเส้นทางการบำเพ็ญของฉัน ฉันขอเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ช่วยให้ฉันเอาชนะความหวาดกลัวในการแจกเอกสาร
ฉันเริ่มจากการฝึกบำเพ็ญคนเดียว แต่หลังจากที่ฉันเข้าอ่านฝ่ากับกลุ่ม ฉันก็อยากจะมีส่วนร่วมในโครงการช่วยเหลือผู้คนด้วย เมื่อฉันเห็นผู้ฝึกอื่นแจกแผ่นพับ ฉันก็อยากแจกเอกสารด้วย แต่ฉันกลัว เมื่อฉันบอกผู้ฝึกเกี่ยวกับความกังวลของฉัน เธอพูดว่า “คุณกลัวอะไร ถ้าคุณกลัวจริง ๆ ทำไมคุณไม่วางเอกสารไว้ที่ประตูแค่นั้นล่ะ”
ฉันรวบรวมความกล้าและวางข้อมูลเกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่าไว้ที่ประตู มือและร่างกายของฉันสั่น และตัวฉันชุ่มไปด้วยเหงื่อ หลังจากวางแผ่นพับ 1 ใบ ฉันก็มองไปรอบ ๆ เพื่อดูว่ามีใครเห็นฉันบ้างไหมก่อนที่ฉันจะวางแผ่นพับใบถัดไป หลังจากกลับบ้าน หัวใจของฉันยังคงเต้นแรง แต่ฉันตั้งใจที่จะออกไปแจกแผ่นพับและช่วยเหลือผู้คน ท่านอาจารย์ช่วยฉันขจัดความกลัวส่วนใหญ่ออกไป
ฉันมีปัญหาในการจำทิศทาง แต่ทุกครั้งที่ออกไป ท่านอาจารย์จะแสดงให้ฉันเห็นว่าต้องไปที่ไหน ฉันมีเพียงความคิดเดียว : ญาติของท่านอาจารย์ก็คือญาติของฉัน ดังนั้นฉันต้องให้สรรพชีวิตได้รู้ความจริงและได้รับการช่วยเหลือจากต้าฝ่า ฉันปั่นจักรยานไปแจกเอกสาร ครั้งหนึ่งฉันหาจักรยานไม่เจอหลังจากแจกเอกสารเสร็จแล้ว แต่ในขณะที่ฉันเริ่มวิตกกังวล ฉันเห็นจักรยานคันหนึ่งเปล่งแสงสีเงินออกมา มันเป็นจักรยานของฉัน
หลังจากนั้น ทุกครั้งที่ฉันหาจักรยานไม่เจอหลังจากแจกเอกสารแล้ว จักรยานจะเรืองแสงสีเงินนวล ฉันมีรองเท้าคู่หนึ่งที่สามารถสวมใส่ได้ทุกฤดูกาล ฉันใส่มันมานานกว่า 10 ปีแล้ว ฉันคิดว่ามันเป็นเครื่องมือวิเศษที่ท่านอาจารย์มอบให้
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ฉันกระตือรือร้นมากเกินไป และบอกกับผู้ฝึกคนหนึ่งว่าฉันไม่เคยประสบกับปัญหาใด ๆ เมื่อแจกเอกสารเลย ชายหนุ่มคนหนึ่งออกมาในขณะที่ฉันกำลังแจกแผ่นพับในอาคาร และเขาถามฉันว่ากำลังทำอะไรอยู่ ฉันบอกว่าฉันหลงทางและไม่สนใจเขา ฉันยังคงแจกเอกสารต่อไป พอฉันแจกเอกสารเสร็จและเดินลงบันได เขาก็จับฉันแล้วพูดว่า “ผมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ” เขาต้องการพาฉันไปที่สถานี จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปและโทรศัพท์ ฉันคิดว่า “ฉันได้รับความคุ้มครองจากท่านอาจารย์ เขาทำอะไรฉันไม่ได้ ชายคนนั้นไม่สามารถถ่ายรูปหรือโทรออกได้” ที่จริงเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนี้ถ่ายรูปหรือโทรออกไม่สำเร็จ
เรายื้อกันและต่อสู้กัน 10 กว่านาที ถึงตอนนั้นเราก็ออกจากอาคารและอยู่ข้างนอกแล้ว ฉันคว้าจักรยานแล้วดันมันไปข้างหน้าขณะที่เขาลากมันกลับมา ทันใดนั้นเขาก็ใช้กำลังดึงจักรยานของฉันอย่างแรง ทำให้ฉันล้มลงกับพื้น
ฉันไม่รู้สึกโกรธ—ฉันกลับคิดเพียงว่าเขาน่าสงสารแค่ไหน ฉันพูดว่า "คุณกำลังทำอะไร จับผู้หญิงสูงอายุทำไม" มีคนมากมายอยู่ข้างถนนที่กำลังเพลิดเพลินกับสายลมเย็นในฤดูร้อน หนึ่งในนั้นพูดว่า “เขากำลังทำอะไรอยู่”ผู้คนเริ่มมามุงดูและเขาก็ปล่อยฉันไป
ฉันลุกขึ้นและขี่จักรยานกลับบ้าน เสื้อผ้าของฉันขาด ฉันมีแผลเลือดไหลยาว 3 นิ้วที่หัวเข่า ถ้าไม่ได้รับการคุ้มครองจากท่านอาจารย์ ผลที่เกิดขึ้นครั้งนี้คงจะเลวร้ายมาก ตั้งแต่นั้นมาฉันก็ไม่กล้าที่จะกระตือรือร้นมากเกินไปหรือโอ้อวดอีกเลย
ฉันมีภาระงานบ้านมากขึ้นหลังจากมีหลาน ฉันต้องทำอาหารให้สองครอบครัว ทำความสะอาดบ้าน ดูแลเด็ก ฝึกท่า และอ่านฝ่า ฉันไม่มีเวลาพักผ่อน เมื่อหลานของฉันอายุได้ 1 ขวบ ฉันพาหลานไปแจกเอกสารด้วย ฉันอุ้มเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างหนึ่งติดเอกสารไว้ที่ประตู
พอเขาเดินได้ ฉันปล่อยเขาไว้ที่ชั้นหนึ่งแล้วขึ้นไปวางแผ่นพับ บางครั้งหลานกลัวและตะโกนว่า “คุณย่า” อยู่เรื่อย ๆ ฉันจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอุ้มเขาขึ้นบันไดไปแจกเอกสารด้วย เมื่อฉันเปียกชุุ่มด้วยเหงื่อ หลานของฉันก็เช็ดหน้าให้
ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่และไม่เคยบอกใครเลย ฉันยังต้องดูแลสามีที่ป่วยด้วย นอกจากนี้พ่อแม่ของสามีก็เริ่มแก่ชรา และฉันมักจะไปเยีี่ยมพวกเขาบ่อย ๆ ในช่วงวันหยุดและวันเกิด ทุกคนในครอบครัวจะมารวมตัวกัน และฉันเป็นคนจัดการทุกอย่าง ฉันให้ทั้งเงินและเวลา ส่งผลให้พี่น้องผู้หญิงของสามี 3 คน และพี่ชายสามีรู้ว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าดี
ฉันติดข้อความจำนวนมากในที่สาธารณะ ในช่วงที่มีการระบาดใหญ่โควิด เราได้ติดข้อความไว้หลายที่เพื่อให้ผู้คนเห็นว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้อย่างไรในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ เว็บไซต์ Minghui.org แนะนำเนื้อหาใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เราพิมพ์ข้อความบนแผ่นที่มีกาวในตัวขนาดต่าง ๆ ที่มีข้อมูลแตกต่างกัน และติดไว้ตามทางเดินเพื่อให้คนมองเห็นได้ง่าย
ฉันออกไปข้างนอกทุกวัน และติดข้อความได้เฉลี่ย 2,300 ชิ้น ฉันติดข้อความที่ริมถนน ภายในอาคาร ประตู ฉันติดข้อความมากขึ้นในบริเวณที่มีคนเดินผ่านระหว่างทางกลับบ้าน ในอาคารที่ไม่มีลิฟต์ ฉันจะติดข้อความไว้ที่ผนังของแต่ละชั้น ฉันอธิบายความจริงด้วยวิธีนี้อย่างต่อเนื่องจนมีมาตรการล็อกดาวน์
ฉันไม่รู้ว่าการโพสต์ข้อมูลในวงกว้างจะมีผลกระทบอย่างไร แต่ฉันรู้สึกว่าท่านอาจารย์จะนำผู้ที่มีบุญวาสนากำหนดไว้ให้มาเห็นข้อมูลเหล่านี้อย่างแน่นอน จากนั้นสภาพการบำเพ็ญของฉันก็ขยันขันแข็งอย่างแท้จริง ฉันไม่มีความหวาดกลัวหรือความคิดด้านลบ ฉันแค่อยากทำให้มากขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้คน
ตอนนี้ฉันอธิบายความจริงแบบตัวต่อตัว ท่านอาจารย์บอกให้เราช่วยผู้คนมากขึ้น ฉันต้องฟังท่านอาจารย์ และพยายามทำสามสิ่งให้ดี เมื่อมองย้อนกลับไปบนเส้นทางที่ฉันเดินผ่านมา ฉันรู้ว่าทุกอย่างทำโดยท่านอาจารย์ ฉันเพียงแค่ก้าวขาเดินและขยับปากพูด ถ้าไม่มีท่านอาจารย์และต้าฝ่า เราก็ไม่สามารถทำสิ่งที่น่าทึ่งนี้ได้ นั่นคือการช่วยเหลือผู้คน เราสามารถตอบแทนความช่วยเหลือของท่านอาจารย์ได้ด้วยการฝึกบำเพ็ญด้วยความขยันขันแข็งมากขึ้น