Falun Dafa Minghui.org www.minghui.org พิมพ์

ฉันรอดพ้นจากการถูกผ่าเอาอวัยวะในขณะที่ฉันถูกจำคุกในประเทศจีนเพราะฝึกฝ่าหลุนกง

1 สิงหาคม 2024 |   โดย เป้า เสวียเจิน

(Minghui.org) ฉันชื่อเป้า เสวียเจิน ฉันเกิดที่เซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 18 มกราคม 1950 ฉันเรียนจบมหาวิทยาลัย ฉันทำงานเป็นวิศวกรในรัฐวิสาหกิจ แต่ฉันถูกไล่ออกจากงานหลังจากการประทุษร้ายฝ่าหลุนกงเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1999 ปัจจุบันฉันอาศัยอยู่ในเดนมาร์ก

ฉันเคยมีโรคภัยไข้เจ็บมากมายและเกือบจะกลายเป็นคนทุพพลภาพ แต่ฉันหายเป็นปกติหลังจากเริ่มฝึกฝ่าหลุนกงในเดือนพฤษภาคม 1995 เนื่องจากฉันปฏิเสธที่จะละทิ้งความเชื่อของตัวเอง ฉันจึงถูกตัดสินจำคุก 3.5 ปีในวันที่ 1 มิถุนายน 2001 ฉันรับโทษที่เรือนจำหญิงเซี่ยงไฮ้ และได้รับการปล่อยตัวเมื่อปลายปี 2004

ในช่วงต้นปี 2003 เรือนจำได้ทำการตรวจร่างกายผู้ฝึกฝ่าหลุนกงทุกคนที่ถูกคุมขังอยู่ที่นั่นอย่างครอบคลุม หลายปีต่อมา เมื่อฉันรู้เรื่องการผ่าเอาอวัยวะจากผู้ฝึกโดยปราศจากความยินยอมขณะมีชีวิต ฉันจึงตระหนักว่าการตรวจร่างกายของพวกเราในครั้งนั้นในปี 2003 ก็เพื่อดูว่าคนใดในพวกเรามีเนื้อเยื่อที่เข้ากันได้เพื่อผ่าเอาอวัยวะ

มีผู้ฝึกมากกว่า 100 คนที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ฉันเห็นรถบัส 4 คัน จอดอยู่ด้านนอกของทางเข้า ทุกคันติดตั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ขั้นสูง

เรือนจำหญิงเซี่ยงไฮ้มีหอผู้ป่วย 5 หอ และเราเข้าแถวตามหอผู้ป่วย ผู้คุมคอยเฝ้าดูเราในขณะที่เรารอและหลังจากที่เราขึ้นรถบัสทีละคนเพื่อเข้าไปตรวจ พวกเขาตรวจเราตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งดวงตา หัวใจ ตับ ปอด และไต เราถูกเก็บตัวอย่างเลือดและปัสสาวะ หลอดที่ใช้เก็บเลือดที่ดูดไปมีขนาดใหญ่มาก แพทย์ทำอัลตราซาวนด์และตรวจทางนรีเวชพวกเราด้วย

ขณะที่แพทย์อัลตราซาวนด์ฉัน เขาดูประหลาดใจ เขาเรียกแพทย์และผู้คุมอีกหลายคนมาหารือเกี่ยวกับกรณีของฉัน ฉันได้ยินหนึ่งในพวกเขาพูดว่า “มัน [หมายถึงหนึ่งในอวัยวะของฉัน] ใช้ไม่ได้ มันเต็มไปด้วยก้อนนิ่ว ไม่มีประโยชน์” แล้วพวกเขาก็ถามฉันว่า “คุณรู้สึกอย่างไรตรงนี้” ฉันไม่ตอบ พวกเขามองหน้ากันและไม่ได้พูดอะไรอีก

พวกเขาใช้เวลาสองสามวันในการตรวจผู้ฝึกในเรือนจำครบทุกคน ผู้คุมสือเหล่ยบอกเราว่า “ดูสิ รัฐบาลปฏิบัติกับพวกคุณ [ผู้ฝึกฝ่าหลุนกง] ดีแค่ไหน และให้พวกคุณได้ตรวจร่างกายอย่างครอบคลุมขนาดนี้ มีเพียงพวกคุณ [ผู้ฝึกฝ่าหลุนกง] เท่านั้นที่มี 'สิทธิพิเศษ' เช่นนี้ ไม่มีใครได้รับ แม้แต่พวกเราผู้คุมในเรือนจำ”

ในตอนนั้นยังไม่มีรายงานการปล้นเอาอวัยวะที่น่าสยดสยอง แต่ฉันสังเกตว่าไม่นานหลังจากการตรวจร่างกาย ผู้ฝึกบางคนที่มาจากนอกเมืองแต่ถูกจับในเซี่ยงไฮ้หายตัวไป คนที่อยู่ต่างเมืองเหล่านี้ปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อของพวกเขา จึงใช้หมายเลขเมื่ออ้างถึงพวกเขา ฉันคิดว่าพวกเขาถูกย้ายไปที่อื่น แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าพวกเขาอาจถูกฆ่าเพื่อเอาอวัยวะของพวกเขา

ไม่กี่วันหลังจากการตรวจร่างกาย ผู้คุมก็แจ้งฉันว่าพวกเขาต้องตรวจตาของฉันอีกครั้ง ฉันงงเพราะฉันไม่มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตาเลย พวกเขาโกหกซึ่ง ๆ หน้าว่า “คุณไม่ได้ขอให้ตรวจตาหรือ” ฉันพูดว่า “ฉันพูดแบบนั้นเมื่อไร ตาทั้งสองข้างของฉันปกติดี ทำไมฉันต้องให้ตรวจตาล่ะ” ผู้คุมยังคงนิ่งเงียบและลากฉันไปที่ทางเข้าเรือนจำเพื่อรอรถมารับฉัน

รถไม่มา ฉันถามเรื่อย ๆ ว่าทำไมต้องตรวจตาฉันอีก แต่พวกเขาไม่ตอบ หลังจากรอประมาณ 20 นาที รถก็ยังมาไม่ถึง พวกเขาจึงพาฉันกลับไปที่ห้องขัง

หลังจากที่ฉันได้รับการปล่อยตัว ฉันก็หาทางหลบหนีไปเดนมาร์ก ในปี 2015 ฉันทำการสืบค้นบางอย่างด้วยตัวเองโดยโทรศัพท์ไปโรงพยาบาลในจีน ฉันบอกว่าฉันเป็นคนในครอบครัวของผู้ป่วยที่ต้องการปลูกถ่ายอวัยวะ และฉันถามว่าอวัยวะมาจากไหน

ขณะที่ฉันโทรศัพท์ไปโรงพยาบาลไท่โจวในมณฑลเจ้อเจียงในช่วงครึ่งแรกของปี 2015 โทรศัพท์ของฉันถูกส่งต่อไปยังแพทย์อู่ ซ่งเจียง ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกถ่ายอวัยวะ คนที่รับโทรศัพท์ยังแนะนำว่าฉันสามารถไปเซี่ยงไฮ้หรือติดต่อโรงเรียนแพทย์ของมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงเพื่อปลูกถ่ายอวัยวะก็ได้ เนื่องจากทั้งสองแห่งมีอวัยวะมากมาย พวกเขายอมรับว่าอวัยวะดังกล่าวมาจากผู้ฝึกฝ่าหลุนกง และพวกเขาสามารถหาหมู่เลือดที่เข้ากันได้กับฉันอย่างรวดเร็วและสามารถกำหนดตารางการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะได้เลย