(Minghui.org) ผมเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าในปี 1996 เนื่องจากผมมีการศึกษาไม่สูงนัก ผมจึงไม่สามารถเขียนเรื่องราวการบำเพ็ญในอดีต ผู้ฝึกอื่นให้กำลังใจผม ผมจึงตัดสินใจแบ่งปันเรื่องราวของตัวเอง

หลายปีที่ยากเข็ญ

หลังจากที่พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) ยึดอำนาจในปี 1949 มันก็ได้ดำเนินการรณรงค์ทางการเมืองหลายครั้ง ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากตกอยู่ในความทุกข์ยาก ครอบครัวของผมก็ไม่ยกเว้น

พ่อแม่ของผมมีลูก 9 คน และพวกเขาไม่สามารถเลี้ยงลูกทุกคนให้อิ่มท้องได้เพราะพ่อทำงานอยู่คนเดียว ผมเกิดมาหลังจากที่พี่ชายสองคนอดอาหารตาย และปู่ตั้งชื่อผมว่าฟู่ซิง (ดาวนำโชค) เนื่องจากเรายากจนมาก ผมกับพี่สาวจึงต้องเลิกเรียนตอนชั้นประถมปีที่ 3 เพื่อทำงานในไร่นาเพื่อช่วยเหลือครอบครัว

ป้าของผมอาศัยอยู่ที่ถังซาน มณฑลเหอเป่ย์ เธอเป็นคนดีและเต็มใจช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ ในปี 1976 มีผู้เสียชีวิตหลายแสนคนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ถังซาน แม้ว่าทุกคนในครอบครัวของป้าจะปลอดภัย แต่บ้านของพวกเขาเสียหายยับเยิน พ่อแม่ของฉันจึงชวนเธอมาอาศัยอยู่กับเรา

ผมกับน้องชายขี่จักรยานไปบ้านเธอ ผมกลับก่อนโดยถือกระเป๋าใบใหญ่ให้ป้า ทหารกลุ่มหนึ่งหยุดผมไว้และถามว่ามีอะไรอยู่ในกระเป๋า “มันเป็นของป้าครับ ผมไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น” ผมตอบ ทหารสงสัยว่าผมเป็นขโมย พวกเขาจึงต้องการมัดผมไว้ ผมดิ้นขัดขืนและหนีออกมาได้ พวกเขาจึงจับผมไม่ได้ ทหารที่รับผิดชอบรู้สึกรำคาญและอยากจะยิงผม โชคดีที่ป้าปรากฏตัวและบอกพวกเขาว่ามีอะไรอยู่ในกระเป๋า เมื่อนึกย้อนกลับไป ผมรู้ว่าตัวเองโชคดี ถ้าป้ามาถึงช้าอีกเพียงไม่กี่นาที ผมคงตายไปแล้ว

หลังจากที่เราแต่งงาน ผมกับภรรยาทำงานในสวนปลูกผักเพื่อหาเลี้ยงชีพ วันหนึ่งผมไปขนดินด้วยเกวียนที่ลากด้วยวัว มันเป็นวันในฤดูหนาวที่หนาวจัด และดินก็กลายเป็นน้ำแข็ง ขณะที่ผมกำลังขุดดินที่อยู่ริมเนินเขา ทันใดนั้นดินก้อนใหญ่ก็หลุดร่อนและไถลลงมากระแทกผมเข้ากับเกวียนและฝังผมไว้จนถึงเอว ตอนนั้นเกือบค่ำแล้วและไม่มีใครอยู่แถวนั้น โชคดีที่ผมขุดตัวเองออกมาได้แม้จะเจ็บปวดมากก็ตาม ซี่โครงของผมหักหนึ่งซี่ แต่ผมรู้ว่ามันอาจจะแย่ลงอีก

อีกครั้งหนึ่ง ผมกำลังขี่จักรยานกลับบ้านหลังจากไปขายผักในเมือง มันเป็นเวลาพลบค่ำ และผมกำลังผ่านโรงงานอิฐแห่งหนึ่ง เงาที่ทอดมาจากหอถังเก็บน้ำของโรงงานบังคูน้ำใหญ่บนถนน และผมตกลงไปในคูน้ำและหมดสติ เมื่อฟื้นขึ้นมา ผมก็พบว่าตัวเองไม่เป็นไร ผมจึงกลับบ้าน

เส้นทางชีวิตนั้นยาวนานและยากลำบาก แต่ผมก็ได้รับพรราวกับว่าผมได้รับการดูแลจากดาวนำโชค

รู้จักต้าฝ่า

ผมเปิดร้านเล็ก ๆ ในหมู่บ้านเพื่อหาเลี้ยงชีพในปี 1995 ผมซื้อสินค้าจากตลาดขายส่งและให้ภรรยาของผมขายของ วันหนึ่งชาวบ้านคนหนึ่งบอกว่าโรคทั้งหมดของเธอหายไปหลังจากที่เธอเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า ด้วยความอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ภรรยาของผมจึงซื้อจ้วนฝ่าหลุนซึ่งเป็นคำสอนหลักของฝ่าหลุนต้าฝ่า และอ่านหนังสือเล่มนี้เมื่อไม่มีลูกค้า

ผมรู้ว่าที่ผ่านมาภรรยาของผมไม่เคยตั้งใจอ่านอะไร ผมจึงสนใจที่จะค้นหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ ครั้งหนึ่งขณะที่เธอกำลังทำอาหาร ผมหยิบหนังสือขึ้นมาและเห็นภาพของท่านอาจารย์หลี่ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งฝ่าหลุนต้าฝ่า ท่านดูคุ้นเคยมากเหมือนผมเคยเห็นท่านมาก่อน เนื่องจากโรคกระดูกและติดเชื้อที่หูชั้นกลาง ผมจึงสนใจอ่านหนังสือเพื่อให้สุขภาพของผมดีขึ้น ผมเพลิดเพลินกับการอ่านหนังสือเล่มนี้และไม่หยุดอ่านแม้เมื่อภรรยาของผมเรียกรับประทานอาหารกลางวัน นั่นคือวิธีที่ผมกลายเป็นผู้ฝึกต้าฝ่า

ครั้งหนึ่งขณะที่ผมพาลูกสองคนไปโรงเรียน ก็มีรถบรรทุกคันหนึ่งชนผม แรงปะทะทำให้ผมเกือบตกคูน้ำริมถนน ผมโกรธและกำลังจะด่าคนขับรถ แต่แล้วจู่ ๆ ผมก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้ผมเป็นผู้ฝึกต้าฝ่า ผมควรจะทำได้ดีกว่านี้ ท่านอาจารย์กล่าวว่า “คนขับรถขับรถเร็ว แต่เขาจะมีเจตนาชนคนหรือ เขาไม่ได้เจตนาไม่ใช่หรือ” (บทที่ 4 จ้วนฝ่าหลุน) ผมจึงไม่บ่น แล้วผมก็เห็นฝ่าหลุนที่หมุนอยู่ และผมรู้ว่าท่านอาจารย์หลี่ให้กำลังใจผม

ถูกบังคับให้อยู่ห่างจากบ้าน

หลังจากที่อดีตผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน เจียง เจ๋อหมิน เริ่มปราบปรามฝ่าหลุนต้าฝ่าในปี 1999 ผู้ฝึกอื่นและผมได้ไปที่รัฐบาลของเมืองเพื่ออุทธรณ์ให้ต้าฝ่า เจ้าหน้าที่กักตัวเราไว้ที่สถานีตำรวจและพยายามบังคับเราให้ละทิ้งความเชื่อ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งทุบตีและตบผมจนฟันหัก ผมถูกปรับ 5,000 หยวน

ในปี 2001 เจ้าหน้าที่ในหมู่บ้านใกล้เคียงเปิดวิดีโอใส่ร้ายต้าฝ่าให้ทุกคนในเมืองดู ผู้ฝึกอื่นแนะนำให้เราฟาเจิ้งเนี่ยนเพื่อหยุดเจ้าหน้าที่คนนี้ไม่ให้หลอกลวงประชาชน ผมก็ทำและเห็นลูกไฟผ่านตาทิพย์ ผู้ฝึกบอกผมในภายหลังว่าเครื่องเล่นวิดีโอเกิดไฟไหม้ แล้วกิจกรรมนี้ก็ถูกยกเลิกไป

หลังจากที่โรคซาร์สปะทุขึ้นในปี 2003 ผมมักจะขี่ไปรอบ ๆ เพื่อส่งจิงเหวินใหม่ ๆ ของท่านอาจารย์และส่งเอกสารต้าฝ่าให้แก่ผู้ฝึกในหมู่บ้านอื่นหรือเมืองอื่น หลังจากผู้ฝึกคนหนึ่งถูกกักตัว เขาก็บอกเรื่องผมให้เจ้าหน้าที่ทราบ และสำนักงาน 610 ที่อำเภอวางแผนจะจับกุมผมด้วย

ผมหาซื้อสินค้าให้กับร้านของผมในเวลานั้นและผู้ฝึกได้แจ้งให้ผมทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อผมกลับบ้านพร้อมสินค้าและเอกสารของต้าฝ่าตอนบ่ายแก่ ๆ ของวันนั้น ผมเห็นรถตู้ของตำรวจที่ทางเข้าหมู่บ้าน ผมพยายามถอยหลังกลับแต่ตำรวจเห็นผมแล้ว ผมจึงเข้าไปในไร่ข้าวโพดและนั่งลงเพื่อฟาเจิ้งเนี่ยน ตำรวจเดินไป ๆ มา ๆ บนถนนแต่ก็หาผมไม่พบ

ผมกลับบ้านได้ในตอนเย็น แต่เพื่อนบ้านบอกว่าตำรวจยังอยู่แถว ๆ นั้น และแนะนำให้ผมอยู่ห่าง ๆ สักพัก ผมจึงออกจากบ้าน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังคอยรังควานครอบครัวและญาติของผมอย่างต่อเนื่อง ผมจึงไม่มีที่ไปและบางครั้งก็อยู่ในไร่ข้าวโพดทั้งคืน นั่นเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ผมรู้ว่าผมทำสิ่งที่ถูกต้อง ผมยังฟาเจิ้งเนี่ยนเพื่อให้การปราบปรามนี้สิ้นสุดลงในไม่ช้า

ผู้ฝึกอีกคนหนึ่งหางานให้ผมที่โรงงานกระดาษ เมื่อมีงานผมจะทำงาน นอกเหนือจากนั้น ผมจะอ่านหนังสือต้าฝ่าและฝึกท่า ในฤดูร้อนมียุงอยู่ในน้ำเสียจากโรงงานกระดาษส่งกลิ่นเหม็น ผมนอนในกระท่อมเล็ก ๆ ข้าง ๆ มันโดยไม่มียากันยุง แต่ผมก็ไม่เป็นไร เจ้าของโรงงานแปลกใจมาก คนอื่นทุกคนมีตุ่มแดงทั่วตัวเพราะยุงกัด... ทำไมผมไม่มีเลย

เพื่อนร่วมงานของผมได้เห็นปาฏิหาริย์อีกครั้งหนึ่งด้วย วันหนึ่งมีดตัดกระดาษสับเนื้อชิ้นหนึ่งออกจากมือของผม เจ้าของตกใจมากและเสนอว่าจะพาผมไปโรงพยาบาล ผมบอกว่าไม่ต้องกังวลเพราะผมจะหายภายในหนึ่งสัปดาห์ มือของผมหายดีในเจ็ดวัน ผมอธิบายให้พวกเขาฟังว่าท่านอาจารย์หลี่ปกป้องผมเพราะผมเป็นผู้ฝึกต้าฝ่า พวกเขาเชื่อ และทุกคนตกลงที่จะลาออกจากองค์กรพรรคคอมมิวนิสต์จีน ลูกสาวของเจ้าของโรงงานร้องเสียงดังว่า “ฝ่าหลุนต้าฝ่า ยอดเยี่ยม !”

คืนนั้นพอตื่นมา ผมก็เห็นคำว่าฟู่ซิง (ดาวนำโชค) บนท้องฟ้า ผมรู้ว่าท่านอาจารย์อยู่กับผมและคอยช่วยเหลือผมตลอดเวลา

เรียนรู้จากบทเรียน

ปีหนึ่งในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ลูกชายคนโตของผมเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองอื่น ทิ้งให้ภรรยาของผมและลูกชายคนเล็กทำงานบนที่ดินของเรา ผมคิดว่ามันหนักเกินไปสำหรับพวกเขา ผมจึงกลับบ้านเพื่อไปช่วยพวกเขา

มีคนแจ้งความผมกับตำรวจ และผมถูกกักตัวในสถานกักกันเป็นเวลาหนึ่งเดือน จากนั้นผมก็อยู่ในค่ายแรงงานของเมืองเป็นเวลาหนึ่งเดือนก่อนที่จะถูกย้ายไปยังค่ายบังคับใช้แรงงานประจำมณฑล ที่นั่นเลวร้ายมาก และผมถูกบังคับให้ลงนามในคำแถลงหยุดฝึกด้วย

ที่บ้านเกิด ผมพูดคุยกับผู้ฝึกอื่น และตระหนักว่าผมถูกหลอกในศูนย์ล้างสมอง โชคดีที่ท่านอาจารย์ไม่ทอดทิ้งผม และอีกครั้งที่ผมมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ผ่านตาทิพย์ในขณะที่ผมกำลังฝึกอยู่

ขณะที่ผมกำลังเตรียมเขียนบทความแลกเปลี่ยนประสบการณ์นี้ ตาข้างซ้ายของผมเจ็บและต้องใช้มือปิดไว้ เมื่อผมตรวจดูอีกครั้งในกระจกเพียงไม่กี่วินาทีต่อมา ผมเห็นว่าต้อกระจกในตาซ้ายหายไปแล้ว ผมรู้สึกขอบคุณท่านอาจารย์หลี่อย่างสูงที่ช่วยผมตลอดเส้นทาง

ข้างต้นคือประสบการณ์และความเข้าใจของผม กรุณาชี้แนะหากมีสิ่งใดที่ไม่สอดคล้องกับคำสอนของต้าฝ่า