บรรยายธรรมฝ่าฮุ่ยมหานครนิวยอร์คปี 2003

หลี่ หงจื้อ
20 เมษายน 2003

สวัสดีทุกท่าน (เสียงปรบมือ)

ทุกท่านทำงานเหน็ดเหนื่อยกันแล้ว (เสียงปรบมือ) ในระยะหลังๆ นี้ ทุกท่านคงได้เห็นแล้วว่า ผ่านความพยายามอย่างต่อเนื่องของเหล่าศิษย์ต้าฝ่า ในการอธิบายความจริง ผ่านการฟาเจิ้งเนี่ยนและศึกษาฝ่า การบำเพ็ญตัวเอง ทำให้สภาวะ (ของสิ่งต่างๆ) เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากก่อนที่พลังใหญ่หลวงแห่งการเจิ้งฝ่าทั้งหมดจะมาถึง ชีวิตชั่วร้ายในมิติต่างๆ ลดน้อยลงไปมากแล้วจริงๆ ดังนั้นพวกมันจึงไม่สามารถก่อการประทุษร้ายและการรบกวนในวงกว้างแล้ว แต่เพียงแต่พวกมันยังคงอยู่ (พวกมัน) ก็จะรบกวนผู้ฝึกในจุดที่ยังเข้าใจไม่ครบถ้วน และมีความยึดติดอยู่ในความนึกคิด ในซินซิ่งหากยังโหย่วโล่ว (มีจุดรั่ว) ตรงจุดใด ต้องไม่ปล่อยให้ถูกเจาะช่องว่างได้อีก

การกระทบกระทั่งในระหว่างหมู่ผู้ฝึกด้วยกันซึ่งปรากฏออกมาในขณะนี้ ทุกท่านต้องระวัง ไม่สามารถจะปล่อยให้เรื่องเล็กๆ เหล่านี้ส่งผลกระทบถึงสิ่งที่ถูกต้องซึ่งศิษย์ต้าฝ่าสมควรต้องทำ ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน ไม่ว่าจะเกิดความขัดแย้งอะไร ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรปรากฏ นั่นย่อมเกิดจากพวกเราตัวเองมีช่องโหว่ นี่เป็นสิ่งที่แน่นอน ถ้าไม่มีช่องโหว่ ใครก็ไม่สามารถจะเจาะช่องโหว่ได้ พวกเราผู้ฝึกด้วยกัน การกระทบกระทั่งซึ่งกันและกันทางซินซิ่ง ไม่ร่วมมือประสานงานซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก ข้าพเจ้าขอบอกพวกท่าน มารกำลังเจาะช่องโหว่อย่างแน่นอน เพราะท่านคือศิษย์ต้าฝ่า ส่วนที่ท่านบำเพ็ญเสร็จแล้ว ทั้งหมดสอดคล้องกับมาตรฐานของเทพ แต่ ณ ชั้นพื้นผิว(ท่าน)ยังคงบำเพ็ญอยู่ในต้าฝ่า โดยพื้นฐาน พูดถึงการเป็นศิษย์ต้าฝ่าจึงสมควรแสดงสภาวะของความเป็นศิษย์ต้าฝ่าออกมาในทุกๆ ด้าน ฉะนั้นในบางเวลาที่เกิดการกระทบกระทั่งกันในด้าน ซินซิ่ง ก็เกิดขึ้นเนื่องมาจากความเข้าใจของเรา หรือซินซิ่งตัวเองมีการยึดติด แม้สิ่งเหล่านี้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็เป็นการง่ายที่จะถูกเจาะช่องโหว่จากชีวิตที่ไม่ดีและยุ่งเหยิงสับสนในมิติต่างๆพวกท่านต้องระวังในสิ่งเหล่านี้ ผ่านการทดสอบอันชั่วร้ายในครั้งนี้ ก็ควรจะเข้าใจได้แล้ว

ที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้ มีทั้งคนที่มาจากยุโรป เอเชีย ออสเตรเลียและอเมริกาใต้ด้วย ยังมีคนที่มาจากพื้นอื่นๆ เป็นจำนวนมาก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ทุกท่านมานั่งอยู่ด้วยกัน ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยพูดประโยคหนึ่ง ข้าพเจ้าพูดว่า อย่าเห็นว่าเวลานี้พวกท่านนั่งอยู่ด้วยกัน รอให้พวกท่านหยวนหมั่นแล้ว ต่างคนต่างก็หากันไม่เจอ (หัวเราะ) ทุกท่านทราบ จักรวาลนี้ใหญ่โตมหึมาอย่างยิ่ง เพราะการเจิ้งฝ่า สามภพจึงถูกสร้างขึ้นมา เพราะการเจิ้งฝ่าสังคมมนุษย์จึงถูกสร้างขึ้นมา ดังนั้นในประวัติศาสตร์ ชีวิตชั้นสูงจากจักรวาลท้องนภาใหญ่ต่างๆ จึงมาถึงที่นี่ ในเวลานั้นไม่ได้มากันเป็นปริมาณมาก เขามาในลักษณะตัวแทน ณ ช่วงเวลาต่างกันเพื่อร่วมมือทำงานขั้นสุดท้ายเหล่านี้ จึงพูดว่า ศิษย์ต้าฝ่าจำนวนส่วนใหญ่มาพร้อมกับเทียนถี่(ร่างนภา)เหล่านั้น ทุกๆคนผูกบุญวาสนาซึ่งกันและกัน ครั้นเมื่อหยวนหมั่นกลับไปแล้ว มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่พวกท่านคิดจะพบหน้าซึ่งกันและกัน ฉะนั้นพวกท่านต้องทะนุถนอมบุญวาสนาช่วงนี้ของพวกท่าน นอกจากนี้ บุญวาสนาเหล่านี้ของพวกท่านก็เป็นลักษณะสอดเกี่ยวซึ่งกันและกัน ผูกบุญวาสนาในแบบต่างๆกันทุกภพทุกชาติ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ฉะนั้นทำงานต้องประสานงานให้ดี เรื่องของศิษย์ต้าฝ่าแต่ละคนก็คือเรื่องของทุกคน ทุกๆ คนต้องไม่เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อย ต่างก็ก่อกำแพงใหญ่ขึ้นมาขวางกั้น เป็นเช่นนี้ไม่ได้ ต้องทะนุถนอมซึ่งกันและกัน และในการทำงานของต้าฝ่าต้องร่วมมือกัน ประสานงานให้ดียิ่งขึ้น

สำหรับศิษย์ต้าฝ่า ณ เวลานี้มีอยู่สามเรื่อง หนึ่งคือการอธิบายความจริง หนึ่งคือการฟาเจิ้งเนี่ยน(ส่งความคิดถูกต้อง) --- ฟาเจิ้งเนี่ยนจะบังเกิดผลทั้งต่อร่างกายตัวเองและสภาพภายนอกร่างกาย อีกหนึ่งคือการบำเพ็ญตัวเอง ศึกษาฝ่าให้ดี สามเรื่องนี้ล้วนแต่สำคัญอย่างยิ่ง จุดประสงค์ของการอธิบายความเป็นจริงทุกท่านต่างก็เข้าใจแล้ว ก็คือเปิดโปงการประทุษร้ายอันชั่วร้ายในครั้งนี้ ให้ชาวโลกรู้ ให้สรรพชีวิตของจักรวาลรู้ ขณะที่พวกท่านอธิบายอยู่ตรงนี้ ร่างกายที่บำเพ็ญเสร็จแล้วของพวกท่านทุกๆ ชั้น ก็กำลังอธิบาย ณ แต่ละชั้นของร่างนภา(เทียนถี่)ต่างๆ จะต้องเปิดโปงการประทุษร้ายในครั้งนี้ ความชั่วร้ายในครั้งนี้ออกมา ให้ชาวโลกเห็นชัดเจน นี่ก็เป็นการยับยั้งมัน และเป็นการกำจัดมัน การอธิบายความเป็นจริงมีพลังมากที่สุด เป็นการกระทำของความเมตตายิ่งใหญ่ เพราะการประทุษร้ายครั้งนี้ทั้งหมดมีพื้นฐานอยู่ที่คำโกหกหลอกลวงทั้งสิ้น เช่นนั้นจุดประสงค์ที่ศิษย์ต้าฝ่าฟาเจิ้งเนี่ยน ทุกท่านต่างก็เข้าใจแล้ว โดยหลักคือชำระสะสางชีวิตชั่วร้ายซึ่งควบคุมมนุษยชาติให้ทำชั่วต่อต้าฝ่า ประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่า ประทุษร้ายชาวโลก และเป็นการทำเพื่อช่วยเหลือมนุษยชาติและสรรพชีวิต เป็นการทำเพื่อชำระสะสางอุปสรรคที่สร้างขึ้นให้กับการเจิ้งฝ่า ฉะนั้นจึงสำคัญอย่างยิ่ง ศิษย์ต้าฝ่าทุกคนล้วนไม่สามารถจะละเลยในเรื่องนี้ และไม่สามารถละเลยการฟาเจิ้งเนี่ยนด้วยข้ออ้างใดๆ เพราะถ้าท่านชำระตัวเองไม่ดี ตัวท่านเองก็จะทำได้ไม่ดี ท่านชำระตัวท่านเองได้ไม่ดีก็จะรบกวนคนอื่น เรื่องที่สามคือพวกเราต้องศึกษาฝ่าให้ดี ถ้าทุกท่านศึกษาต้าฝ่าชุดนี้ได้ไม่ดี การหยวนหมั่นของตัวท่านเองจะไม่มีหลักประกันนอกจากนี้ งานของต้าฝ่าที่ทำทั้งหมดก็จะเหมือนงานที่คนธรรมดาสามัญทำ ทำด้วยความคิดในแบบของคนธรรมดาสามัญ บนพื้นฐานของคนธรรมดาสามัญ ก็คือคนธรรมดาสามัญ อย่างมากที่สุดก็เพียงคนธรรมดาสามัญทำความดีให้กับต้าฝ่าเท่านั้น เพราะพวกท่านคือศิษย์ต้าฝ่า ฉะนั้นพวกท่านไม่สามารถทำสิ่งต่างๆ โดยแยก(ตัว)จากฝ่า พวกท่านยังคงกำลังเปลี่ยนแปลงชั้นพื้นผิว ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงส่วนนี้อย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นพวกท่านจึงไม่สามารถแยก(ตัว)จากการศึกษาฝ่า จะต้องศึกษาฝ่าให้ดี ในขั้นตอนศึกษาฝ่า พวกท่านจึงจะสามารถกำจัดองค์ประกอบที่ไม่ดีในตัวเองอย่างต่อเนื่อง เปลี่ยนแปลงสิ่งเล็กน้อยสุดท้ายของตัวเองที่ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลง ที่ผ่านมาเหตุใดข้าพเจ้าจึงเน้นย้ำอยู่เสมอให้ทุกท่านศึกษาฝ่า ศึกษาฝ่า ศึกษาฝ่าให้ดีมันสำคัญอย่างยิ่งยวด

ทุกท่านทราบแล้วว่า ศิษย์ต้าฝ่าได้เดินผ่านขั้นตอนหยวนหมั่นนั้นแล้ว และประวัติศาสตร์ในวันนี้ได้มอบหมายศิษย์ต้าฝ่าด้วยภารกิจที่ใหญ่ยิ่งขึ้นไปอีก ไม่ใช่การหลุดพ้นและหยวนหมั่นส่วนบุคคลของท่าน แต่เพื่อช่วยเหลือสรรพชีวิตให้หลุดพ้นมากขึ้น จึงจะคู่ควรกับการเป็นศิษย์ต้าฝ่า ฉะนั้นการที่ประวัติศาสตร์ได้มอบหมายภารกิจอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ให้แก่พวกท่าน ก็นำมาซึ่งเกียรติยศที่สอดคล้องให้แก่พวกท่าน ข้าพเจ้าไม่เคยพูดว่าข้าพเจ้าเป็นใคร อย่างไรก็ดีข้าพเจ้ากำลังทำการเจิ้งฝ่า เช่นนั้นพูดถึงการเป็นศิษย์ต้าฝ่า พวกท่านสามารถทำการเจิ้งฝ่าพร้อมกับอาจารย์ ข้าพเจ้าคิดสิ่งที่รอคอยพวกท่านอยู่ในอนาคตคืออะไร --- ข้าพเจ้าไม่เคยบอกสิ่งที่เป็นรูปธรรมให้กับพวกท่าน แต่วันนี้ข้าพเจ้าจะบอกเป็นนัยให้แก่พวกท่าน นั่นคือเกียรติยศสูงส่งที่สุดอย่างไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ (เสียงปรบมือ) พวกท่านเคยคิดหรือไม่ ใครที่ประทุษร้ายต้าฝ่า ใครที่ประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่า โยงใยไปถึงชีวิตที่สูงเพียงใด ชีวิตนั้นก็กลายเป็นคู่กรณีกับท่าน ไม่ว่ามันจะสูงเพียงใด มันก็ได้ก่อตัวเป็นคู่กรณีกับท่าน แต่มันโยงใยไปถึงการเป็นจ้าวแห่งท้องนภาใหญ่ที่สูงมาก จ้าวแห่งท้องนภาใหญ่อันไร้ขีดจำกัด แม้กระทั่งชีวิตที่สูงขึ้นไปอีก และวันนี้ ณ ที่สูงสุดของท้องนภาใหญ่ต่างๆเหล่านั้น ซึ่งก่อกรรมชั่วต่อต้าฝ่า ได้ก่อตัวเป็นคู่กรณีกับศิษย์ต้าฝ่าต่างๆ ของข้าพเจ้า ทุกท่านลองคิดดู นั่นมันมีความหมายอย่างไร ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน อย่าเห็นว่าศิษย์ต้าฝ่าของข้าพเจ้าถูกประทุษร้ายจนเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก ฝ่าได้กำหนดแล้ว: ชีวิตของพวกเขาจะสลับตำแหน่งกับชีวิตสูงสุดเหล่านั้นซึ่งประทุษร้ายพวกเขา (เสียงปรบมือ)

มันเป็นเช่นนี้ เหตุใดเทพระดับสูงเช่นนั้นจึงเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เหตุใดเทพระดับสูงเช่นนั้นจึงส่งผลให้ชีวิตข้างล่างประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่า แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำโดยตรง แต่องค์ประกอบของเขาทำให้เกิดขึ้น เขาจะไม่รับผิดชอบได้หรือ เขาเข้ามายุ่งเกี่ยว เขาก็ต้องรับผิดชอบต่อการก่อกวนในครั้งนี้ เขาไม่คู่ควรที่จะนั่งอยู่ตรงนั้น ก็ให้ศิษย์ต้าฝ่าบำเพ็ญขึ้นไปนั่งตรงนั้น นี่ก็คือหลักการ

อันที่จริงข้างในนี้มีสิ่งต่างๆ มากมาย ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญสามารถจะคาดคิด ดูคล้ายเรื่องธรรมดาทั่วไป แต่สิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าทำ ล้วนเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สง่างามที่สุด เป็นประวัติการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน พวกท่านดูการประทุษร้ายต่อศิษย์ต้าฝ่าอย่างชั่วร้ายถึงขีดสุด และแผ่ขยายเป็นวงกว้างในครั้งนี้ ต้าฝ่าแห่งจักรวาลกำลังช่วยเหลือชาวโลก ฝ่าที่ใหญ่เช่นนี้กำลังถ่ายทอดอยู่ในโลกมนุษย์ แล้วเหตุใดชาวโลกจำนวนมากมายจึงไม่สนใจ ไม่สะทกสะท้านล่ะ แท้จริงแล้วพวกเขาถูกอิทธิพลเก่าบังคับเอาไว้ ถูกปิดกั้นอย่างแน่นหนา อิทธิพลเก่าเห็นว่าการบำเพ็ญในช่วงเวลาแห่งการเจิ้งฝ่าและการยืนยันความถูกต้องของฝ่านั้นเป็นเรื่องของศิษย์ต้าฝ่า คนอื่นๆไม่คู่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยว ภายใต้สภาพการณ์เช่นนี้ เป็นการยากที่ชาวโลกจะเข้าใจสัจธรรมของต้าฝ่าและความศักดิ์สิทธิ์ของฝ่า แต่สำหรับคน สำหรับสิ่งที่มนุษย์ในปัจจุบันนี้พูดถึงเช่น การย่ำยีสิทธิมนุษยชน การลิดรอนอิสระทางความเชื่อ สิ่งเหล่านี้พวกเขาสามารถจะเข้าใจ ฉะนั้นในการอธิบายความจริง พวกท่านจึงควรอธิบายไปในด้านเหล่านี้ ผู้คนก็จะสามารถเข้าใจ พวกเขาก็จะสนับสนุน ขอเพียงแต่เขายังมีความเป็นธรรม ยังมีด้านของความเมตตา เขายังสามารถรับการช่วยเหลือ เขาก็จะให้การสนับสนุน ฉะนั้น อธิบายในระดับสูงกลับจะไม่เป็นผลดี เพราะผู้ที่ได้ฝ่าในเวลานี้คือศิษย์ต้าฝ่า ในการอธิบายความจริง การที่ท่านคิดจะเปลี่ยนคนธรรมดาสามัญให้เป็นศิษย์ต้าฝ่าในทันทีเป็นการรีบร้อนให้สำเร็จ ใครก็ตามที่อธิบายในระดับที่สูงเวลาอธิบายความจริงล้วนจะก่อผลเสียอย่างไร้สติสัมปชัญญะ ถ้าไม่ฟังคำทัดทาน ยึดติดจนเกินไป เช่นนั้นสิ่งไม่ดีที่ทำก็อาจจะใหญ่ และจะถูกมารใช้เป็นประโยชน์ ถ้าหากท่านได้ทำผิดจริงๆ เรื่องนี้ มารอาจจะก็ทำให้ท่านตกลงมา

ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ต้องจัดการให้ดี หนทางของพวกท่าน ข้าพเจ้าคิดว่าทุกท่านได้เห็นแล้ว แท้จริงแล้วแคบมาก ท่านเดินผิดเพี้ยนแม้นิดเดียว ท่านก็จะไม่สอดคล้องกับมาตรฐานของศิษย์ต้าฝ่า มีหนทางที่ถูกต้องมากๆเพียงเส้นเดียวที่พวกเราสามารถจะเดิน ผิดเพี้ยนไม่ได้แม้แต่น้อย เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ประวัติศาสตร์กำหนด นั่นเป็นข้อกำหนดสำหรับชีวิตของสรรพชีวิตของจักรวาลในอนาคต จักรวาลในอนาคตไม่สามารถให้มีการผิดเพี้ยนเกิดขึ้นแม้แต่น้อย เพียงเพราะพวกเรามีช่องโหว่ในระหว่างการเจิ้งฝ่า ฉะนั้นทุกท่านอยู่ในระหว่างการยืนยันความถูกต้องของฝ่า มันจึงสำคัญอย่างยิ่งที่ทุกท่านจะต้องเดินทุกๆก้าวให้ดี ดูคล้ายเรื่องธรรมดา ต้องไม่เหลือจุดด่างดำใดๆ และความเสียใจไว้บนหนทางที่พวกท่านเดินข้ามมาในระหว่างการยืนยันความถูกต้องของฝ่า ในช่วงเวลาที่ก่อตั้งธรรมานุภาพของท่าน นั่นเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะลบทิ้งตลอดไป แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการบำเพ็ญ การยืนยันความถูกต้องของฝ่า กำจัดการประทุษร้ายครั้งนี้ด้วยเจิ้งเนี่ยน(ความคิดถูกต้อง) เรื่องยังไม่จบ เมื่อเรื่องยังไม่จบ ใครที่ปฏิบัติได้ไม่ดีก็คือโอกาส ถึงขั้นสุดท้ายท่านยังจัดการได้ไม่ดีอีก เมื่อเรื่องจบลงก็ไม่ได้แล้ว ในระยะแรกเมื่อการประทุษร้ายเกิดขึ้น ผู้ฝึกทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่และนอกแผ่นดินใหญ่ต่างทำหลายสิ่งหลายอย่างได้ไม่ดี ในเวลานั้นทำได้ไม่ดีสามารถพูดว่าขาดประสบการณ์ ไม่เคยประสบกับเรื่องแบบนี้ ไม่รู้จะทำอย่างไร เผลอแพล็บเดียวหลายปีผ่านไป ไม่สามารถพูดอย่างนั้นอีกแล้ว ทุกท่านสมควรจะรู้อย่างชัดเจนและมีสติสัมปชัญญะว่าจะดำเนินการอย่างไร ฉะนั้นจึงควรทำให้ดีขึ้น จึงไม่ควรให้สิ่งต่างๆ ในอดีตเหล่านั้นเกิดขึ้นอีก

การบำเพ็ญของตัวพวกท่านเองถ้าทำได้ดี จะโยงใยไปถึงสิ่งที่ใหญ่ๆ ในจักรวาลอนาคต ขั้นตอนของการหยวนหมั่นส่วนบุคคลของศิษย์ต้าฝ่าผ่านไปแล้ว แต่พวกท่านเป็นศิษย์ของข้าพเจ้า ท่านเป็นศิษย์ต้าฝ่า ภารกิจซึ่งประวัติศาสตร์มอบหมายให้แก่ท่านในวันนี้ ไม่ใช่สิ้นสุดที่การหยวนหมั่นส่วนบุคคลของท่าน คือให้ท่านทำในสิ่งที่ใหญ่ขึ้นไปอีก ให้ท่านได้ก่อตั้งธรรมานุภาพที่ใหญ่ขึ้นไปอีก แน่นอน นั่นก็จะมีมรรคผลที่สูงขึ้นไปอีกรออยู่ จักรวาลมีภารกิจที่ใหญ่ขึ้นไปอีกรออยู่ มันสัมพันธ์กันอย่างนี้ ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยพูด ข้าพเจ้าพูดว่าศิษย์ต้าฝ่าที่ยังทำได้ไม่ดียังต้องพยายามต่อไป แม้ว่าท่านจะเดินผ่านขั้นตอนบำเพ็ญนั่นแล้ว แต่ท่านยังต้องบำเพ็ญตัวเองให้ดียิ่งขึ้น บำเพ็ญชั้นพื้นผิวที่เหลืออยู่อันน้อยนิดให้เสร็จ ส่วนนั้นที่ยังบำเพ็ญไม่เสร็จ ฉะนั้นอ่านหนังสือ ศึกษาฝ่าจึงสำคัญอย่างยิ่งยวด

ทุกท่านทราบไหม ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยบรรยายฝ่า “บินขึ้นมากลางวันแสกๆ” พูดว่าร่างกายชั้นพื้นผิวทั้งหมดบำเพ็ญเสร็จแล้วก็สามารถบินขึ้นมากลางวันแสกๆ แต่พวกท่านทราบไหมคนประเภทไหนในอดีตที่บินขึ้นมากลางวันแสกๆ ในอดีตคนที่บินขึ้นมากลางวันแสกๆ ล้วนไม่ได้ออกจากสามภพ เพราะในสายตาของเทพบนสวรรค์ กายเนื้อของคนสกปรกที่สุด โดยมูลฐานไม่สามารถนำขึ้นไปบนสวรรค์ ฉะนั้นต่อให้ท่านบำเพ็ญให้ดีอย่างไรก็ทำไม่ได้ ท่านไม่สามารถจะมีความบริสุทธิ์สะอาด ความศักดิ์สิทธิ์ของสวรรค์แบบนั้น บรรลุไม่ถึงสภาวะแบบนั้น แต่วันนี้สิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการทำคือ ไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงชั้นพื้นผิวของท่าน และไม่เพียงแต่ให้คนในโลกมนุษย์ตรงนี้สามารถบำเพ็ญสำเร็จ เป็นเทพข้างนอกสามภพอย่างแท้จริงในอนาคต แต่เป็นการหยวนโหยง(ผสมผสานให้กลมกลืนได้)ของทั่วทั้งระบบจักรวาล ในอดีตแทบจะไม่มีคนสามารถบำเพ็ญสำเร็จเป็นเทพข้างนอกสามภพ เมื่อครู่ข้าพเจ้าพูดแล้วว่า ถึงแม้จะบินขึ้นมา กลางวันแสกๆ นั่นล้วนเป็นเทพข้างในสามภพทั้งสิ้น ไม่ได้ออกจากสามภพแต่เขาก็คือเทพ แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการจะทำในวันนี้ รูปแบบการบำเพ็ญซึ่งมอบหมายให้กับเหล่าศิษย์ต้าฝ่า คือต้องการจะก่อตั้งสติปัญญาที่สูงส่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในจักรวาล จุดประสงค์เพื่อให้ชีวิตที่ตกลงมาในอนาคตสามารถกลับไปอีกครั้งจากที่นี่ อย่างน้อยที่สุดเขาจะมีโอกาส นี่เป็นส่วนที่จักรวาลสามารถจะผสมผสานให้กลมกลืนได้เหตุใดข้าพเจ้าจึงเน้นย้ำประเด็นนี้อยู่เสมอ ศิษย์ต้าฝ่าในวันนี้หากสามารถเดินไปถึงขั้นสุดท้าย ก็จะเป็นการเปิดหนทางให้คนสำเร็จเป็นเทพ นี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ ในอดีตพวกที่ออกพ้นสามภพอย่างแท้จริงล้วนคือฟู่หยวนเสิน(จิตรอง) ข้างในสามภพมีส่วนหนึ่งบำเพ็ญสำเร็จพร้อมกับร่างกาย และล้วนเป็นเทพข้างในสามภพ แต่ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ศิษย์ต้าฝ่าจะบำเพ็ญร่างกายให้ออกพ้นสามภพ ข้าพเจ้ายังต้องการให้พวกท่านบำเพ็ญสู่ระดับชั้นต่างๆ จนถึงระดับราชา จ้าวที่สูงมากๆ นี่ก็เป็นการยืนยันถึงสติปัญญาของจักรวาลใหม่ เป็นรูปลักษณ์การผสมผสานให้กลมกลืนแบบหนึ่งซึ่งชีวิตจะต้องบรรลุ ฉะนั้นนี่ไม่ใช่เป็นเรื่องเล็กๆ ร่างกายชั้นพื้นผิวเปลี่ยนแปลงถึงที่สุดก็จะบรรลุความบริสุทธิ์สะอาดที่สุด บรรลุในระดับชั้นที่สูงเช่นนั้น นี้คือสิ่งที่เทพไม่เคยทำมาก่อน เป็นสิ่งที่ไม่มีเทพองค์ใดกล้าคิดมาก่อน เพราะในสายตาของเทพ พวกเขารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้างล่างล้วนแต่สกปรกเสียจนไม่ไหวแล้ว ครั้งนี้ข้าพเจ้าจึงทำในสิ่งนี้ การหยวนหมั่นของศิษย์ต้าฝ่าจะเป็นประวัติการณ์(การนำร่อง) และเปิดหนทางให้กับอนาคต พูดว่าเปิดหนทาง อันที่จริงสติปัญญามีเพียบพร้อมอยู่ในฝ่ามานานแล้ว เพียงแต่ดำเนินการให้เป็นจริงเท่านั้น

เหตุใดต้องทำเช่นนี้ เมื่อครู่ข้าพเจ้าพูดแล้วว่า จักรวาลต้องประสานกลมกลืน แท้จริงแล้วยังมีองค์ประกอบอีกมากมาย ถ้าเส้นทางนี้เปิด ยังจะแก้ไขปัญหาที่ใหญ่ที่สุดข้อหนึ่ง สิ่งที่ไม่มีเทพองค์ใดกล้าจะคาดคิด พวกท่านทราบไหมว่าเทพคงอยู่กันอย่างไร พวกท่านที่เคยไปทางภาคกลางของสหรัฐอเมริกา เคยเห็นภูเขา(หัวโล้น)ที่ไม่มีต้นไม้ปกคลุม ก้อนหินเปลือยเปล่ามองดูคล้ายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางภาคใต้และทางใต้ของภาคกลาง มองดูคล้ายเทพอย่างมาก ก้อนหินเหล่านั้นบ้างมีรูปลักษณ์ดูคล้ายพระโพธิสัตว์ พระพุทธ ยังมีที่ดูคล้ายเทพองค์อื่นๆ เพราะเหตุใด แท้จริงแล้วนั่นเป็นสิ่งที่สะท้อนต่อกันของเทพ มันเป็นส่วนที่ต่ำสุดของเทพ ในอดีตเทพและชั้นพื้นผิวของดาวเคราะห์มีความสัมพันธ์ที่สะท้อนซึ่งกันและกันแบบหนึ่ง พวกเขามีระบบการหมุนเวียนของชีวิตอันหนึ่ง เทพจะปกปักรักษาไม่ให้ก้อนหินเสื่อมสลายไป และการคงอยู่ของก้อนหินก็เป็นหลักประกันชีวิตของเทพ ถ้าแม้นก้อนหินเสื่อมสลายไป ร่างขององค์เทพก็จะแยกสลายไป เทพบางองค์จึงตกลงมา เป็นความสัมพันธ์แบบนี้ ความจริงคือถูกควบคุมโดยเทพที่สูงขึ้นไปอีก และความสัมพันธ์ที่สะท้อนซึ่งกันและกันแบบนี้ไม่ใช่เป็นกระบวนการของอณูประกอบขึ้นเป็นอณูแบบนี้ ซึ่งอณูที่เล็กประกอบขึ้นเป็นอณูที่ใหญ่ และอณูที่ใหญ่ประกอบขึ้นเป็นชั้นของอณูที่ใหญ่มากขึ้น คือธาตุแท้ของสสารจะน้อยลงน้อยลง ก็คือสสารจะจางลงจางลง จางลงจนได้มาตรฐานของร่างเทพ ในความเป็นจริงสสารจะเบาลงเบาลง จวบจนเป็นเทพในระดับชั้นต่างๆ เทพที่สูงสุด แน่นอนยิ่งจางก็ยิ่งบริสุทธิ์สะอาด ที่ผ่านมาข้าพเจ้าพูดว่า ข้าพเจ้าพูดว่าศิษย์ต้าฝ่ามาร่วมประชุมฝ่าฮุ่ยจากยุโรป นั่งเครื่องบินมา ดูเหมือนเคลื่อนย้าย(เดินทาง)กันไกลมาก แต่ในสายตาของเทพ โลก --- อณูเม็ดนี้เล็กเหมือนเม็ดทราย ช่างเล็กเหลือเกิน การเคลื่อนย้ายของท่านโดยแท้จริงแทบจะไม่ได้เคลื่อนย้าย นี่คือมนุษย์ แท้ที่จริงเทพ เขาก็มีขีดจำกัดของเทพต่างๆ เทพในอดีตการเคลื่อนย้ายของพวกเขาก็อยู่ภายในขอบเขตของพวกเขา ขีดจำกัดเกิดขึ้นจากการสะท้อนซึ่งกันและกันกับก้อนหินบนพื้นโลก พวกเขาไม่สามารถตัดขาดกับก้อนหิน และก็ไม่สามารถนำก้อนหินบนชั้นพื้นผิวของดาวเคราะห์ในจักรวาลนี้ไปด้วย หากสูญเสียก้อนหินที่มีความสัมพันธ์สะท้อนซึ่งกันและกันก้อนนั้นไป ก็เหมือนกับเขาได้สูญเสียรากไป สูญเสียหลักประกันของชีวิต ก็จะแยกสลายและถูกทำลายทิ้งไป นี้เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่เคยพูดกับพวกท่านมาก่อนเลย (เสียงปรบมือ)

เรื่องที่ข้าพเจ้าพูดให้พวกท่านฟังในวันนี้ ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขแล้ว เหตุใดข้าพเจ้าจึงพูดว่าเทพในอนาคต จักรวาลใหม่ในอนาคตนั้นดีงามอย่างยิ่ง? แต่ละสิ่งที่ดีงามต้องอธิบายฝ่ากันค่อนข้างยาวจึงจะสามารถอธิบายได้ชัดเจน ให้ข้าพเจ้าดู เทพในอนาคตมีความเป็นเทพกันจริงๆ พวกเขาไม่จำเป็นต้องสะท้อนกับก้อนหินแบบนี้บนโลกอีกต่อไปแล้ว เทพระบบอื่นๆ ก็ไม่จำเป็นต้องสะท้อนกับก้อนหินและสสารอื่นๆ บนอณูชั้นพื้นผิวข้างในระบบของพวกเขาแล้ว เพราะในอดีตเทพหากไม่มีสสารต่ำสุดและใหญ่สุดที่จะสะท้อนซึ่งกันและกัน เขาก็จะสูญเสียระบบหมุนเวียนของสสาร ไม่สามารถจะรับประกันชีวิตของเขา มันเป็นความสัมพันธ์เช่นนี้ เช่นนั้นทุกท่านเคยคิดหรือไม่ ก้อนหินเกิดขึ้นจากโมเลกุล เช่นนั้นร่างกายมนุษย์ก็ใช่ สมมติเมื่อพวกท่านบำเพ็ญชั้นพื้นผิว ร่างกายอันเป็นสสารของมนุษย์จนสำเร็จแล้ว มิเท่ากับตัวเองนำหลักประกันมูลฐานนี้ติดตัวไปด้วยหรอกหรือ ไปถึงที่ไหนท่านก็จะไม่ถูกจำกัดโดยสิ่งนี้อีกแล้ว แต่จำเป็นต้องบรรลุถึงความบริสุทธิ์สะอาดและความศักดิ์สิทธิ์ตามที่ระดับชั้นนั้นกำหนด ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน ในระหว่างการเจิ้งฝ่า ข้าพเจ้าก็ได้เปลี่ยนสิ่งที่ไม่ดีที่สุดเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ในสภาพที่สวยงามหมดจดที่สุดแล้ว (เสียงปรบมือ)

เทพของระดับชั้นที่ต่างกัน อันที่จริงต่างมีขอบเขตจำกัดของเขา ณ ระดับชั้นที่ต่างกัน ขีดจำกัดของชีวิตของชั้นนั้น สำหรับมนุษย์ ไม่เคยมีใครบอกมนุษย์ว่า เทพมีสภาพเป็นอย่างไร และไม่อนุญาตให้มนุษย์รู้ จักรวาลเก่าจะแยกสลายอย่างสิ้นเชิง ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะผ่านไป สิ่งที่ข้าพเจ้าพูดล้วนแต่เป็นอดีต อนาคตจะไม่เป็นแบบนี้ จะดีงามอย่างยิ่ง เทพในอนาคตจะหลุดพ้นจากความบกพร่องแบบนั้นของเทพในอดีต จะเปลี่ยนเป็นดีงามมากยิ่งขึ้น สูงส่งมากยิ่งขึ้น มีความเป็นเทพมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นการปรับฝ่าของร่างนภา(เทียนถี่)ให้ถูกต้องนั้น ไม่เพียงแต่กฎระเบียบของจักรวาลใช้ไม่ได้แล้ว จึงปรับมันให้ถูกต้องใหม่อีกครั้ง หรือฝ่าในอดีตใช้ไม่ได้แล้วจึงปรับมันให้ถูกต้องใหม่อีกครั้ง ไม่เพียงแต่สิ่งเหล่านี้เท่านั้น ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ทุกท่านลองคิดดู ที่จริงไม่ต้องให้ข้าพเจ้ามาทำ แต่เมื่อต้องแก้ไขปัญหาต่างๆ มากมายจากมูลฐานข้าพเจ้าจึงมา (เสียงปรบมือ) ข้าพเจ้าก็เหมือนกับพวกท่าน ไม่ว่าอาจารย์จะพูดอย่างไร ร่างกายชั้นพื้นผิวนี้ของอาจารย์ดูเหมือนกับพวกท่านทุกประการ อยู่ ณ ที่นี้พวกเรามีหน้าตาเป็นมนุษย์ แต่ทุกท่านทราบ พวกท่านคือคนบำเพ็ญ ธาตุแท้พวกท่านก็แตกต่างจากมนุษย์ แน่นอนระหว่างข้าพเจ้าและพวกท่านยังมีความแตกต่างอันหนึ่ง ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยพูดกับพวกท่าน ณ ที่นี้ข้าพเจ้าจะไม่พูดอีก

จึงพูดว่า ในระหว่างบำเพ็ญพวกท่านต้องฉกฉวยเวลาบำเพ็ญตัวเองให้ดี ไม่ว่าจะมีงานรัดตัวอย่างไร มีงานมากเพียงใด พวกท่านก็ไม่สามารถจะละเลยการศึกษาฝ่า การบำเพ็ญของตัวเอง นี้เป็นหลักประกันมูลฐาน ที่พวกท่านจะสามารถทำงานยืนยันความถูกต้องของฝ่าได้ดี และเป็นหลักประกันที่พวกท่านจะสามารถเดินไปสู่ขั้นสุดท้าย หลายสิ่งหลายอย่างดูเหมือนธรรมดาทั่วไป ความดีงามอย่างไร้ขีดจำกัดและเกียรติยศที่พิเศษและยิ่งใหญ่สง่างามล้วนมีอยู่ข้างในสามเรื่องนี้หากพวกท่านทำได้ดีทุกสิ่งล้วนมีอยู่ข้างใน (มัน)ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง เวลาที่จะยืนยันความถูกต้องของฝ่ามีไม่มากแล้ว พวกท่านดูสิ่งชั่วร้ายกำลังจะไม่ไหวแล้วอย่างรวดเร็ว พวกท่านที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้ล้วนได้ผ่านเหตุการณ์เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1999 มา ทุกท่านได้เห็นสภาพในเวลานั้นและเวลานี้แล้ว แม้ว่าสิ่งชั่วร้ายในพื้นที่บางแห่งในประเทศจีน ยังคงกำเริบเสิบสาน อย่างไรเสียเดี๋ยวนี้ก็ไม่เหมือนกันแล้ว ทั่วโลกก็เช่นเดียวกัน ผู้คนมีแต่จะเข้าใจการประทุษร้ายในครั้งนี้ชัดเจนมากขึ้นนับวันชาวโลกพากันตื่นขึ้นแล้วเพราะสิ่งชั่วร้ายถูกกำจัดถึงระดับนั้นแล้วจึงมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ กำจัดสิ่งชั่วร้ายไปแล้วคนจึงพากันตื่น จึงพูดว่าการประทุษร้ายในครั้งนี้ไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้อีกแล้ว เวลาสำหรับสิ่งชั่วร้ายเหลืออีกไม่มากแล้ว ก่อนที่พลังใหญ่ล้นแห่งการเจิ้งฝ่าจะมาถึง ถ้าแม้นอิทธิพลเก่าคิดว่ามันไม่สามารถบรรลุถึงการทดสอบศิษย์ต้าฝ่า และบังเกิดผลในการก่อตั้งธรรมานุภาพให้กับฝ่าชุดนี้แล้ว เช่นนั้นอิทธิพลเก่าก็จะให้พวกมันลงจากเวทีแห่งประวัติศาสตร์ เข้าสู่ประตูของการไร้ชีวิต เรื่องนี้ก็จะสิ้นสุดลง ฉะนั้น ทุกท่านต้องฉกฉวยเวลา ในช่วงเวลาสุดท้ายที่เรื่องยังไม่สิ้นสุดนี้ ท่านต้องไม่ทำผิดต่อตัวเองจริงๆ และทำสิ่งสุดท้ายให้ดี อาจารย์ไม่ใช่มาเพื่อนำพาพวกท่านก่อการปฏิวัติ (ผู้ร่วมประชุมหัวเราะ) อาจารย์ไม่ใช่มานำพวกท่านเพื่อจะยึดกุมอำนาจการเมืองของคนธรรมดาสามัญ อาจารย์มาเพื่อนำพาพวกท่านบำเพ็ญ (เสียงปรบมือ) สิ่งที่พวกท่านเปิดโปงคือสิ่งชั่วร้าย สิ่งที่เปิดโปงคือความชั่วร้ายของอำนาจการเมืองอันธพาลกลุ่มนั้น จุดประสงค์คือเพื่อยับยั้งสิ่งชั่วร้าย เพื่อกำจัดสิ่งชั่วร้าย เพื่อขจัดการประทุษร้ายต่อศิษย์ต้าฝ่า (เสียงปรบมือ) ไม่ใช่ต้องการจะได้อะไรของคนธรรมดาสามัญในหมู่คนธรรมดาสามัญ ฉะนั้นเวลาที่พวกท่านทำสิ่งใด ต้องทำจากจุดฐานของความเป็นศิษย์ต้าฝ่า ให้คนธรรมดาสามัญเข้าใจในสิ่งต่างๆ ที่พวกท่านทำ อย่าให้คนธรรมดาสามัญเข้าใจว่าพวกเรากำลังแสวงหาสิ่งของของคนธรรมดาสามัญ ไม่ใช่อย่างเด็ดขาด แน่นอน จนถึงวันนี้พวกที่ไม่เข้าใจล้วนแต่เพียงชั้นพื้นผิว(ชั้นภายนอก)ของมนุษย์ ชาวโลกโดยแท้จริงต่างเข้าใจ เหตุใดจึงพูดว่าเข้าใจนะหรือ เพราะชีวิตใดๆ ล้วนมีด้านที่เข้าใจของเขา เขาต่างรู้ว่าเรื่องราวของต้าฝ่าเป็นอย่างไร ช่วงก่อนหน้านี้เป็นเพราะองค์ประกอบชั่วร้ายได้แยกชั้นพื้นผิวของมนุษย์และด้านที่มนุษย์เข้าใจออกจากกัน และควบคุมชั้นพื้นผิวของมนุษย์ด้านที่ไม่เข้าใจเอาไว้ เวลานี้องค์ประกอบเหล่านั้นได้ค่อยๆ ถูกกำจัดทิ้งไปแล้ว กำจัดทิ้งไปมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เหลืออยู่ก็น้อยลงเรื่อยๆ นับวันผู้คนบนโลกก็พากันมีสติมากขึ้นเรื่อยๆ

พวกท่านได้เห็นการแพร่กระจายของโรคระบาดที่อุบัติขึ้นในประเทศจีน เวลานี้แล้ว นี่ไม่ใช่การอุบัติของโรคระบาดครั้งใหญ่หรอกหรือ พูดด้วยคำพูดของมนุษย์ นี่คือสวรรค์กำลังลงโทษมนุษย์ มันมาเพื่อเป้าหมายอะไร พวกเราศิษย์ต้าฝ่าต่างเข้าใจแจ่มแจ้ง --- คือพุ่งเป้าไปที่คนที่ไม่คู่ควรจะได้รับการช่วยเหลือ คนที่ไม่อาจจะได้รับการช่วยเหลือแล้ว ในระหว่างที่ศิษย์ต้าฝ่าอธิบายความจริง และคนส่วนนั้นซึ่งไร้ประโยชน์แล้วสำหรับผีเน่าเปื่อยชั่วร้าย นี่เป็นการชำระครั้งที่หนึ่ง สวรรค์กำลังลงโทษสิ่งชั่วร้าย แล้วประเทศจีนยังโกหกปกปิดยอดตัวเลขคนตาย ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน มีจำนวนใหญ่มาก ยิ่งกว่านั้นยังไม่ถึงจุดสูงสุด ถึงแม้ชาวโลกจะรู้สึกน่ากลัว แท้จริงแล้วสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริงยังไม่เริ่มต้น นี่ยังไม่ใช่การชำระครั้งใหญ่อย่างแท้จริง เมื่อฝ่าเริ่มปรับโลกมนุษย์ให้ถูกต้อง มันจะยิ่งน่าสะพรึงกลัวเมื่อการชำระครั้งใหญ่มาถึง นั่นเป็นการพุ่งเป้ามายังทั่วทั้งโลก เวลาที่คนชั่วบ้าคลั่งขึ้นมา ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน แต่เมื่อภัยพิบัติมาถึงอย่างแท้จริงเขาจะตกตะลึงจังงัง คอยดูเถิด ปีนี้จะเป็นปีที่มีเหตุการณ์คึกคัก จะมีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย

มีผู้ฝึกจำนวนมากเดินทางมาจากพื้นที่อื่น อาจมีสิ่งต่างๆจะถามข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่พูดยาวเกินไป ข้าพเจ้าไม่อยากใช้เวลาของพวกท่านมากเกินไปนัก ถ้าพวกท่านรู้สึกว่ามีคำถามจะต้องถามอาจารย์ให้ได้ ให้พวกท่านเขียนใส่เศษกระดาษแล้วส่งขึ้นมา ข้าพเจ้าจะตอบคำถามให้ท่าน (เสียงปรบมือยาวนาน)

ข้าพเจ้าถือโอกาสพูดประเด็นหนึ่งกับทุกท่าน อาจารย์ปฏิบัติกับสรรพชีวิตด้วยจิตเมตตากรุณาที่ใหญ่หลวงที่สุด ฝ่าฮุ่ยของต้าฝ่าทุกครั้ง หากข้าพเจ้าเข้าร่วมประชุม ข้าพเจ้าจะเรียกขานพวกท่านเป็นศิษย์ต้าฝ่า ผู้ฝึกทั้งหมดที่พบกับข้าพเจ้าในที่สาธารณะ ข้าพเจ้าก็เรียกพวกท่านว่าศิษย์ต้าฝ่า (เสียงปรบมือ) แต่ในจำนวนพวกท่านมีส่วนหนึ่งไม่ได้ผูกบุญวาสนากับข้าพเจ้าในประวัติศาสตร์ คือเข้ามาระหว่างการถ่ายทอดต้าฝ่าครั้งนี้ เปรียบเทียบกันแล้วมีมารผจญมากสักหน่อย มีผู้ฝึกแบบนี้ทั้งในและนอกประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ มารผจญจะปรากฏออกมาแตกต่างกันสำหรับท่าน อย่างไรก็ดีการขจัดจิตยึดติดของคนและความนึกคิด ก็มีแรงกดดันไม่เบาเลย ไม่ว่าสภาพการณ์ของท่านจะเป็นอย่างไร อาจารย์จะต้องปฏิบัติ(กับท่าน)อย่างเสมอภาค เพียงแต่ท่านอยู่ในหมู่ศิษย์ต้าฝ่า อาจารย์ก็จะปฏิบัติและนำพาท่านเหมือนกับศิษย์ต้าฝ่า (เสียงปรบมือ) แต่พวกท่านต้องปฏิบัติตัวให้ดี (เสียงปรบมือ) ข้าพเจ้าเห็นแล้วว่าการประทุษร้ายครั้งนี้ และเรื่องการยืนยันความถูกต้องของฝ่า ในขณะที่พวกท่านกำลังถูกประทุษร้ายอยู่ ก็ได้ดำเนินมาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว เวลามีไม่มากแล้ว คนที่ทำได้ไม่ดี พวกท่านตัวเองต้องลองคิดดู พวกท่านต้องลองคิดด้วยตัวเองจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าเตือนศิษย์ต้าฝ่าในลักษณะนี้ (เสียงปรบมือ) ท่านจะสามารถหยวนหมั่นหรือไม่ต้องดูที่ตัวท่านเอง(ขึ้นอยู่กับตัวท่าน)

มีบางคนยังกำลังทำในสิ่งที่ไม่อาจบอกคนได้ สิ่งที่สกปรกอย่างมาก สิ่งที่ผิดต่อต้าฝ่า สิ่งไม่คู่ควรต่อการได้ชื่อว่าศิษย์ต้าฝ่า ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อท่านแตกต่างไปจากเดิม ถึงวาระสุดท้ายเมื่อท่านไม่สามารถเดินสู่การหยวนหมั่น ตัวท่านต้องรับผิดชอบกับตัวท่านเอง! อาจารย์ไม่ใช่กำลังขู่ใครอยู่ ใครก็ตามที่พลาดโอกาสแห่งประวัติศาสตร์ครั้งนี้ ใครก็ตามที่พลาดโอกาสในครั้งนี้ เมื่อท่านเข้าใจแจ่มแจ้งในสิ่งที่ท่านได้พลาดไป ให้ท่านมีชีวิตอยู่ ตัวท่านเองก็ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป! อย่าเห็นว่าอาจารย์มีความเมตตากรุณาอยู่เสมอ พวกท่านก็เห็นความเมตตากรุณาของอาจารย์เป็นเรื่องไม่สลักสำคัญ! การเป็นศิษย์ต้าฝ่านั้นมีมาตรฐาน ฝ่าก็มีมาตรฐาน ไม่ใช่ทุกคนสามารถจะเอ้อระเหยลอยชายอยู่ด้วยกันแล้วก็จะผ่านด่าน จิตวิญญาณของทุกคนต่างถูกกระตุ้น ทุกคนต่างกำลังบำเพ็ญตัวเองอย่างจริงๆ จังๆ ทุกคนต่างกำลังคิดว่าจะรับผิดชอบต่อชีวิตของตัวเองอย่างไร! เหตุใดพวกท่านบางคนจึงทำไม่ได้ อาจารย์มองดูท่านแล้วรู้สึกร้อนใจจริงๆ อาจารย์มองดูท่านแล้วรู้สึกร้อนใจจริงๆ อย่าเห็นว่าคำพูดไม่กี่ประโยควันนี้ อาจารย์พูดรุนแรง บางทีหากข้าพเจ้าไม่ใช้ค้อนหนักคงจะไม่ได้แล้ว หากข้าพเจ้าไม่สามารถช่วยท่านก็เป็นความเสียใจใหญ่หลวงที่สุดของข้าพเจ้า ถ้าท่านสามารถเป็นทุกข์เป็นร้อนเหมือนอย่างข้าพเจ้าก็จะดี

เอาล่ะ จากนี้ข้าพเจ้าจะตอบคำถามทุกท่าน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์ศิษย์ต้าฝ่าจากจี้หนานทั้งหมดขอกล่าวคำสวัสดีกับท่านอาจารย์

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์ศิษย์ต้าฝ่าจากออสเตรเลีย ศิษย์ต้าฝ่าจากซินเจียง อูรูมู่ฉี ขอกล่าวคำสวัสดีกับท่านอาจารย์

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์เวลาเกิดภัยพิบัติกับมนุษย์ อย่างเช่นเหตุการณ์ 11 กันยายน และโรคซาร์สในขณะนี้ รวมไปถึงการประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่าอย่างบ้าคลั่ง อาทิการจับกุมศิษย์ต้าฝ่าที่จตุรัสเทียนอันเหมิน อย่างขนานใหญ่เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ปี 2000 ในร่างกายศิษย์ปรากฏปฏิกิริยาของการชำระกรรมอย่างรุนแรงแบบกะทันหัน แต่ทั้งหมดก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว นี้เป็นเพราะศิษย์กำลังแบกรับบาปกรรมให้กับชาวโลก หรือมีมูลเหตุอย่างอื่น

อาจารย์พวกท่านทุกคนล้วนอยู่ในระหว่างบำเพ็ญ ไม่สามารถจะบอกว่าแบกรับอะไรให้ใคร อาจจะเป็นรูปแบบหนึ่งที่อิทธิพลเก่าเร่งทำกันในเวลานั้น อิทธิพลเก่าจัดเตรียมไว้ละเอียดยิ่งนักในอดีต อย่าบอกว่าจะแบกรับให้คนอื่นเลย แม้แต่(บาปกรรม)ของตัวพวกท่านเอง ก็ยากที่พวกท่านจะแบกรับได้ (หัวเราะ) แต่ไม่ขจัดสิ่งที่บางครั้งพวกท่านไม่สามารถผ่านด่านได้ดี ในจิตใจมีความยึดติด ทำอะไรผิดแล้วรับรู้ไม่ได้เป็นต้น ด้วยเหตุนี้อิทธิพลเก่าหรือชีวิตชั่วร้ายก็จะทำการรบกวน ทำให้ร่างกายมีอาการไม่สบายในลักษณะหนึ่ง ช่วงก่อนหน้านี้มีเรื่องประเภทนี้เกิดขึ้นมากทีเดียว

ศิษย์ในสายธารแห่งประวัติศาสตร์อันรันทด เหตุใดคนจำนวนมากต่างแสดงบทบาทที่ตัวเองไม่ยินยอมพร้อมใจ

อาจารย์นี้เป็นเรื่องธรรมดามาก ทุกคนเหมือนกำลังแสดงละคร อิทธิพลเก่าจะไม่ปล่อยให้ท่านแสดงไปตามที่ตัวท่านปรารถนาอย่างแน่นอน พวกมันจะต้องจัดเตรียมสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด เหมือนกับบทละคร หมายความว่า ประวัติศาสตร์ ณ แต่ละยุคสมัย ละครฉากนี้จะดำเนินไปถึงสภาพใด มนุษยชาติมีอะไร เมื่อเดินผ่านประวัติศาสตร์ช่วงนี้แล้วเป็นอย่างไร ตลอดไปจนถึงสุดท้ายได้ฝ่า มีประโยชน์อย่างไรกับการได้ฝ่าพวกมันจัดเตรียมกันอย่างนี้ ฉะนั้นหลายๆ สิ่งจึงไม่เป็นไปอย่างที่คนปรารถนา

ศิษย์เหตุใดต้องใช้เวลายาวนานขนาดนั้นกล่าวถึง “เกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับสลาย” จากนั้นจึงนึกถึง “ประสานกลมกลืนไม่ดับสลาย” ขึ้นมาได้

อาจารย์ท่านกำลังใช้ความเป็นมนุษย์คิด ท่านรู้ได้อย่างไรว่า “เวลายาวนานขนาดนั้น” เป็นเพราะข้างในระดับชั้นต่างๆ ของจักรวาลมีเวลาต่างกัน ก่อเกิดเวลาที่ยาวและสั้น ให้แก่ชีวิตระดับชั้นต่างๆ ซึ่งถูกจำกัดอยู่ข้างในนั้น โดยแท้จริงจักรวาลยาวนานเพียงใดท่านดูข้าพเจ้าเจิ้งฝ่ามานานเพียงนี้แล้ว แท้จริงคือเพียงชั่วพริบตา ในชั่วพริบตานี้ในพื้นที่บางแห่งเวลาผ่านไปแล้วสิบกว่าปี หลายสิบปีแล้ว พื้นที่บางแห่งแทบจะดำเนินพร้อมกันไปบางแห่งผ่านไปแล้วหลายสิบล้านปี หลายร้อยล้านปี มันเกิดจากเวลาที่กำหนดให้กับชีวิตในมิติต่างๆ เรื่องนี้ไม่สามารถจะคิดโดยยืนอยู่ ณ ที่เวลาของมนุษย์

ศิษย์ ดิฉันมีสองคำถาม ขอท่านอาจารย์ให้ความกระจ่าง การค้นหาจากภายในของผู้บำเพ็ญกับการคิดทบทวนของคนธรรมดาสามัญต่างกันอย่างไร

อาจารย์ข้าพเจ้าคิดว่าคำถามนี้ คือ.... (ที่ประชุมหัวเราะ) พวกท่านต่างรู้ว่าข้าพเจ้าจะพูดอะไร แต่ข้าพเจ้าก็จะพูด: ถามเหมือนเป็นผู้ฝึกใหม่ การบำเพ็ญปฏิบัติต้าฝ่า ศิษย์ทุกคนที่อธิบายความเป็นจริงในหมู่คนธรรมดาสามัญ ดูแล้วมีอะไรต่างกับการทำงานของคนธรรมดาสามัญบ้างไหม พวกท่านต่างก็เป็นผู้บำเพ็ญแล้ว ผู้บำเพ็ญและคนธรรมดาสามัญมีอะไรต่างกันไหม พวกท่านทานข้าว คนธรรมดาสามัญทานข้าวไหม ต่างกันที่เนื้อแท้ มูลฐานของวัตถุประสงค์ จุดฐานต่างกัน เป้าหมายชีวิตที่ต้องการจะบรรลุต่างกัน และการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ณ มูลฐานก็ไม่เหมือนกัน ในการแสวงหา มนุษย์ไม่หยุดยั้งที่จะสะสมกรรม ศิษย์ต้าฝ่าชำระกรรมอย่างต่อเนื่องในระหว่างบำเพ็ญ ให้ร่างกายตัวเองแปรเปลี่ยนสู่ร่างของเทพอย่างต่อเนื่อง นี้จะเหมือนกันหรือ อาจจะดูคล้ายกัน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์ เมื่อท่านอาจารย์กล่าวถึงการเวียนมาเกิดของรัชสมัยของจีน ได้กล่าวว่าสหรัฐอเมริกา คือต้าชิง (อาจารย์: ข้าพเจ้าไม่ได้พูดว่าสหรัฐอเมริกา เป็นต้าชิงกระมัง) (ที่ประชุมหัวเราะ) ออสเตรเลียคือเซี่ย แต่ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน นี่เป็นการพิมพ์ผิดหรือมีความหมายอย่างอื่น

อาจารย์อืมม์ (ที่ประชุมหัวเราะ) ในเมื่อท่านเรียกข้าพเจ้าว่าอาจารย์ ข้าพเจ้าก็จะตอบท่าน (ที่ประชุมหัวเราะ เสียงปรบมือ) ความจริงข้าพเจ้าไม่ได้บอกว่าสหรัฐอเมริกา คือต้าชิง ข้าพเจ้าบอกว่าสหรัฐอเมริกา คือต้าหมิง (ที่ประชุมหัวเราะ) ฝรั่งเศสคือต้าชิง แน่นอนพูดกันในภาพรวม พูดโดยสรุป ไม่ใช่เป็นกันทั้งชนชาติ เพราะในประวัติศาสตร์ยังมีการเวียนมาเกิดเป็นรายคน มีจำนวนไม่น้อย พื้นที่ใดก็มี ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์หลายร้อยปี เป็นประเทศที่เก็บรักษาศิลปะของอารยธรรมมนุษย์ยุคนี้ไว้ได้ดีที่สุด หนังสือไม่ได้พิมพ์ผิด

ศิษย์ผมเป็นศิษย์ที่ได้ฝ่าหลังจากเหตุการณ์ 20 กรกฎาคม เวลาที่กรรมแห่งโรคปรากฏ หากเข้าใจว่ามันเป็นกรรมแห่งโรคและยอมรับมัน เท่ากับเป็นการยอมรับการจัดเตรียมของอิทธิพลเก่าหรือไม่ สมควรต้องฟาเจิ้งเนี่ยนหรือไม่

อาจารย์ข้าพเจ้าได้อธิบายให้กับทุกท่านใน “ จ้วนฝ่าหลุน ” ไม่สามารถจะบอกว่า ชำระกรรมก็ชำระกรรมแต่เพียงอย่างเดียว ถึงแม้ท่านจะบำเพ็ญแล้ว ท่านก็ไม่สามารถจะบอกว่ากรรมอะไรฉันก็จะไม่ชำระคืนแล้ว สลายมันทิ้งให้หมดก็จบเรื่อง เป็นเช่นนั้นไม่ได้ กรรมที่พวกท่านก่อไว้เป็นเพราะพวกท่านได้ทำสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ เอาไว้ในประวัติศาสตร์ ทำสิ่งที่ไม่ดีเอาไว้ในสังคมคนธรรมดาสามัญจึงได้ก่อเกิดเป็นกรรม หนี้ที่ติดค้างไว้ไม่ชำระคืน ให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้ ฉะนั้นในระหว่างบำเพ็ญเวลาชำระกรรมทุกท่านจึงต้องทนทุกข์ ถ้าหากไม่ต้องทนทุกข์ ยกเอากรรมนั้นออกไปจะไม่มีความรู้สึกใดๆ ประหนึ่งลมพัด พวกท่านทราบไหม ในระยะแรกที่พวกท่านอยู่ในชั้นเรียน ---- ในหมู่พวกท่าน ผู้ฝึกบางคนเคยร่วมชั้นเรียนที่อาจารย์เปิดสอน เวลาอาจารย์โบกมือ เวลาที่พวกท่านเดินออกจากชั้นเรียน ไม่มีโรค รู้สึกเบาไปทั้งตัว ร่างกายเบาหวิว เป็นความรู้สึกที่ปราศจากโรคภัย คงจะเป็นอย่างนี้นะ (เสียงปรบมือ) แต่ไม่สามารถจะให้อาจารย์แบกรับทั้งหมดให้ท่านหรอกนะ ฉะนั้นท่านจึงต้องบำเพ็ญด้วยตัวเอง เมื่อบรรลุอาณาจักรเขตแดนนั้นจริงๆ พอเทพมองปราดเดียว กรรมของท่านล้วนแต่ยกออกไปหรอกหรือ ท่านไม่ใช่บำเพ็ญขึ้นมาหรอกหรือ ให้เป็นอย่างนี้ได้หรือ ไม่ได้ การชำระกรรมจะมีความเจ็บปวด ดังนั้นจึงสามารถยกระดับสูงขึ้น มันสัมพันธ์กันเช่นนี้

สำหรับเรื่องที่ว่าเป็นการรบกวนของอิทธิพลเก่าหรือไม่ ในเวลาที่ตัวเองเปลี่ยนแปลงร่างกายชั้นพื้นผิวที่สุดของตัวเองอยู่นั้น ยังมีส่วนหนึ่งที่พวกท่านต้องแบกรับด้วยตัวเอง แต่เปรียบเทียบกันแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก ไม่ส่งผลกระทบกับการยืนยันความถูกต้องของฝ่ามากนัก เวลาที่มีความทุกข์ยากใหญ่หลวงปรากฏ ต้องเป็นการรบกวนของสิ่งชั่วร้ายอย่างแน่นอน จะต้องฟาเจิ้งเนี่ยนกำจัดมันทิ้งไป! วันนี้สิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าทำคือการยืนยันความถูกต้องของฝ่า เป็นงานที่มีความศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ที่สุด แต่ถ้าหากท่านบอกว่าเกิดเรื่องในช่วงเวลาสำคัญ ขณะที่ฉันกำลังทำงานของต้าฝ่า กำลังช่วยเหลือสรรพชีวิต นั่นเป็นการรบกวนอย่างแน่นอน ตัวท่านเองต้องประเมินอย่างมีสติสัมปชัญญะ ต้องไม่ยึดติดแต่เพียงว่า ฉันเจ็บปวด ฉันทุกข์ทรมาน ฉันก็เข้าใจว่านี่คือการรบกวนอย่างแน่นอน เพียงแต่ฉันเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันจะฟาเจิ้งเนี่ยน แน่นอนฟาเจิ้งเนี่ยนเป็นสิ่งที่สามารถจะทำได้ พลังที่ท่านส่งออกไป มันจะจัดการกับสิ่งที่สมควรจะจัดการ สิ่งที่ไม่สมควรจะจัดการ พลังก็จะปฏิบัติไปตามที่ฝ่ากำหนด เพราะพลังที่บำเพ็ญได้ในระหว่างบำเพ็ญ ก็คือพลังที่ท่านบำเพ็ญตามมาตรฐานของฝ่า(ที่ประชุมหัวเราะ) ข้าพเจ้าจึงคิดว่า พวกท่านต้องปฏิบัติอย่างมีสติสัมปชัญญะ

ศิษย์ระหว่าง จิตหลักและจิตรองด้วยกัน มีความสัมพันธ์แต่ชาติปางก่อนคงอยู่หรือไม่

อาจารย์บ้างมีความสัมพันธ์แต่ชาติปางก่อน บ้างไม่มีความสัมพันธ์แต่ชาติปางก่อน ข้าพเจ้าจะพูดถึงคนธรรมดาสามัญ ไม่พูดถึงศิษย์ต้าฝ่า มนุษย์ในโลก บ่อยครั้งที่ข้าพเจ้าพบว่าคนๆ นั้นคือบุคคลใดบุคคลหนึ่งในประวัติศาสตร์ แต่ ณ อีกที่หนึ่ง ข้าพเจ้าก็พบว่าคนๆ หนึ่งก็คือบุคคลใดบุคคลหนึ่งในประวัติศาสตร์ แม้กระทั่งมาอยู่สหรัฐฯ ขวางกั้นด้วยมหาสมุทร ข้าพเจ้าก็พบว่ายังมีปรากฏการณ์แบบนี้ เพราะเหตุใดหรือ หมายความว่าคนมีจิตหลัก จิตรองของเขา และยังมีองค์ประกอบอื่นๆ อีก ข้าพเจ้าเคยบอกว่า คนยังมีองค์ประกอบของกายเนื้อของคน ฉะนั้นบางทีในโลกนี้ หลายๆ คนซึ่งคงอยู่ในเวลาเดียวกันอาจจะเป็นคนๆ เดียวกันในประวัติศาสตร์ ปรากฏการณ์อย่างนี้มีมากทีเดียว

ศิษย์ศิษย์ต้าฝ่าจากฮารบิ้นขอกล่าวคำสวัสดีต่อท่านอาจารย์

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน

ศิษย์ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะยากลำบากและอันตรายอย่างไร สิ่งชั่วร้ายจะกำเริบเสิบสานอย่างไร พวกเราจะติดตามท่านอาจารย์เดินหนทางสุดท้ายให้ดีอย่างแน่นอน ขอท่านอาจารย์โปรดวางใจ

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ) ข้าพเจ้าเชื่อ เวลานี้ข้าพเจ้าเชื่อจริงๆ เมื่อ 20 กรกฎาคม ปี 1999 เมื่อครั้งที่สิ่งชั่วร้ายเริ่มการประทุษร้าย ข้าพเจ้าได้แต่ดูว่าพวกท่านจะไหวหรือไม่ (หัวเราะ) พวกท่านยังจำคำพูดที่ข้าพเจ้าพูดก่อนหน้า 20 กรกฎาคม ปี 1999 ได้ไหม --- ข้าพเจ้าพูดว่า ถึงแม้ข้าพเจ้าช่วยสำเร็จได้เพียงคนเดียว ข้าพเจ้าก็ไม่ทำงานเสียเปล่า (เสียงปรบมือ) ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน ในเวลานั้นข้าพเจ้าไม่มั่นใจ ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าในอนาคตเมื่อถึงช่วงเวลาวิกฤติอย่างแท้จริง พวกท่านจะสามารถเดินข้ามมาได้หรือไม่ แน่นอน หากมีผู้บำเพ็ญสำเร็จได้เพียงหนึ่งคนจริงๆ ข้าพเจ้าก็จะให้เขาเป็นจักรวาล มีอะไรทุกอย่าง (เสียงปรบมือ) แน่นอน (หัวเราะ) ปัจจุบันไม่ใช่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ทุกท่านเห็นแล้ว วันนี้ข้าพเจ้าเชื่อแล้วจริงๆ เจิ้งเนี่ยนของศิษย์ต้าฝ่าไม่มีใครสามารถทำลาย ไหวหรือไม่ไหวประเด็นอยู่ที่ความสำเร็จของศิษย์ต้าฝ่าแห่งช่วงเวลาเจิ้งฝ่า ประเด็นอยู่ที่ผู้มีวาสนาเหล่านั้นในโลก จะสามารถได้รับการช่วยเหลือหรือไม่ แต่ในร่างนภา(เทียนถี่)เรื่องของการเจิ้งฝ่าต้องสำเร็จ

ศิษย์ดิฉันขอเป็นตัวแทนศิษย์ต้าฝ่าจากปักกิ่งกล่าวคำสวัสดีต่อท่านอาจารย์

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน

ศิษย์ดิฉันยังมีอีกหนึ่งคำถาม คนๆนั้นคือสายลับหรือไม่ ถูกล้างสมองเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ คำถามประเภทนี้จะถามท่านอาจารย์ได้ไหม

อาจารย์ข้าพเจ้าคิดอย่างนี้ จะถูกล้างสมองเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ก็ดี ล้วนเป็นเรื่องของคน สิ่งที่ข้าพเจ้าดูคือมูลฐานของชีวิต ใครที่ไม่เดินหนทางของตัวเองให้ดี จะทำให้ประวัติศาสตร์ของตัวเองด่างพร้อย จะสร้างความสูญเสียที่ไม่อาจจะแก้ไขชดเชยให้กับตัวเองในอนาคต อย่างไรก็ดี เพื่อช่วยเหลือสรรพชีวิต อาจารย์โปรดด้วยจิตเมตตากรุณาอันยิ่งใหญ่(ต้าฉือเปยซิน)ที่สุด ข้าพเจ้าได้พูดในการบรรยายฝ่าที่ผ่านมาแล้วว่า ข้าพเจ้าไม่สนใจว่าท่านจะเป็นสายลับก็ดี ท่านจะมีอาชีพอะไรก็ดี ข้าพเจ้าถือว่าท่านเป็นคนๆ หนึ่ง ในเบื้องต้นท่านคือคน ต่างกันที่การงานเท่านั้น อย่าได้เพียงเพราะท่านทำงานที่ไม่เหมือนกัน ท่านก็ละเลยโอกาสนี้ที่รอคอยกันมานานแสนนาน ต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของตัวเอง ข้าพเจ้าไม่สามารถจะไม่ช่วยท่านเพียงเพราะท่านทำงานไม่เหมือนกัน แต่หันประเด็นกลับมา ข้าพเจ้าไม่สามารถเพียงเพราะท่านทำงานที่พิเศษ ท่านทำงานที่บ่อนทำลายฝ่า ท่านทำผิดต่อต้าฝ่า ทำผิดต่อศิษย์ต้าฝ่า ข้าพเจ้าก็สามารถจะให้ท่านหยวนหมั่น สามารถจะปล่อยท่านไว้ในอนาคต นี่คือความสัมพันธ์ แน่นอน ยังมีโอกาส การประทุษร้ายครั้งนี้ยังไม่สิ้นสุด แต่เวลากระชั้นมากแล้ว จะทำอย่างไร จะแก้ไขชดเชยอย่างไร นั่นเป็นเรื่องของพวกท่าน ฉกฉวยเวลาให้ดี!

ศิษย์คนบางคนไม่อาจที่จะปล่อยวางต้าฝ่า แต่ก็ไม่สามารถจะละทิ้งความเป็นมนุษย์ ณ ชั้นพื้นผิวก็กำลังบำเพ็ญ ทำงานของเจิ้งฝ่าบ้าง แต่ในความเป็นจริงกำลังยุยงปลุกปั่น ก่อความวุ่นวาย ยิ่งกว่านั้นบางคนฆ่าตัวตาย รักร่วมเพศ คนประเภทนี้จะมีบทสรุปเป็นอย่างไร จะเข้าสู่ทางมารหรือไม่ และคนที่ปกป้องคนประเภทนี้จะเป็นอย่างไร

อาจารย์ข้าพเจ้าทราบ หากไม่ใช่ด้วยความจำใจอย่างยิ่ง(หากไม่ใช่ด้วยเหตุสุดวิสัย) ข้าพเจ้าไม่อยากจะขับไล่เขาออกไป สำหรับเรื่องเหล่านี้ข้าพเจ้ากำลังสังเกตการณ์ กำลังเฝ้าดู ทางที่ดีที่สุดหากคนเหล่านี้อยากจะทำให้ถูกต้องต่อตัวเองก็จงมีสติตื่นขึ้นมาโดยเร็ว มีสติตื่นขึ้นมาโดยเร็ว ถ้าหากท่านตัดสินใจแน่วแน่ ให้ท่านบอกกับศิษย์ต้าฝ่าในสิ่งที่ท่านเคยทำ อาจจะดีกว่า เวลาไม่คอยใคร ข้าพเจ้ารู้สึกร้อนใจแทนพวกท่านจริงๆ อย่าเห็นความเมตตากรุณาของอาจารย์เป็นเรื่องล้อเล่น ฝ่ามีมาตรฐาน

ศิษย์จะสามารถช่วยเหลือเพื่อนผู้ฝึกให้ดียิ่งขึ้นอย่างไร เพื่อบรรลุการยกระดับสูงขึ้นโดยรวม

อาจารย์อันที่จริงสิ่งที่เป็นรูปธรรมเหล่านี้พวกท่านต้องไปทำเอง ธรรมานุภาพเป็นสิ่งที่พวกท่านต้องก่อตั้งเอง หนทางเส้นนี้ของการบำเพ็ญพวกท่านต้องแผ้วถางด้วยตัวเอง หากเรื่องเล็กๆ ทุกเรื่อง ล้วนให้ข้าพเจ้าบอกท่านว่าต้องทำอย่างไร ท่านก็สูญเสียโอกาสที่จะก่อตั้งธรรมานุภาพ ในหนทางเส้นนี้ของการเจิ้งฝ่า ย่อมต้องมีมารผจญ ย่อมต้องมีความขัดแย้งในรูปแบบต่างๆ และย่อมต้องมีคนประเภทที่ผู้ฝึกถามขึ้นมาเมื่อครู่นี้ เพราะอิทธิพลเก่าเห็นว่าในหมู่ศิษย์ต้าฝ่าของท่านช่างบริสุทธิ์สะอาด ไม่มีสิ่งใดรบกวนแม้แต่น้อย พวกเขาจะขจัดจิตที่ไม่ดีต่างๆ ออกไปได้อย่างไรล่ะ จะสามารถยืนยันได้อย่างไรว่า ต้าฝ่าของท่านนั้นได้ก่อตั้งธรรมานุภาพ โดยเดินออกมาจากสภาพแวดล้อมที่สลับซับซ้อนอันนั้นได้อย่างไรล่ะ พวกมันจึงต้องทำ จัดเตรียมคนและสิ่งต่างๆ นี่คือสิ่งที่อิทธิพลเก่าต้องการจะทำ ข้าพเจ้าไม่ยอมรับทั้งหมด เช่นนั้นเหตุใดข้าพเจ้าไม่กำจัดคนเหล่านี้เสียล่ะ เมื่อครู่ข้าพเจ้าพูดแล้วว่า ข้าพเจ้าโปรดด้วยจิตเมตตากรุณาอันยิ่งใหญ่(ต้าฉือเปยซิน)ที่สุด ข้าพเจ้ากำลังรอให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงตัวเอง รอให้พวกเขาอย่าได้สูญเสียโอกาสในครั้งนี้ ข้าพเจ้าคิดอย่างนี้ (เสียงปรบมือ)

ศิษย์พวกเราจะสามารถยกระดับสูงขึ้นโดยรวม เลื่อนสูงขึ้นโดยรวมได้อย่างไร

อาจารย์หากทุกท่านให้ความร่วมมือซึ่งกันและกันก็จะสามารถทำได้ อาณาจักรเขตแดนของแต่ละคนต่างกัน ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน ในเวลานี้ อาจารย์มองเห็นผู้ฝึกบางคนและระหว่างผู้ฝึกด้วยกันมีช่องว่างห่างกันมากทีเดียว ก่อนหน้านี้ไม่ชัดเจน เวลานี้ห่างกันอย่างมาก มาถึงระยะสุดท้ายช่องว่างก็กว้างมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นย่อมมีความเข้าใจแตกต่างกันอย่างแน่นอน สิ่งสำคัญคือพวกท่านจะร่วมมือกันให้ดีได้อย่างไร จะประสานงานให้ดีได้อย่างไร

ศิษย์ลาตินอเมริกามีบทบาทอย่างไรในการเจิ้งฝ่า พวกเราอยู่ในลาตินอเมริกาควรต้องทำให้ดียิ่งขึ้นอย่างไร

อาจารย์ผู้ฝึกในบางพื้นที่ เนื่องจากผลกระทบจากสภาพแวดล้อม สถานะ แม้กระทั่งผลกระทบจากเศรษฐกิจ ทำให้การยืนยันความถูกต้องของฝ่าเป็นไปด้วยความลำบาก อาจารย์ก็รู้ อย่างไรก็ตาม พวกท่านคือความหวังของชีวิตของที่ตรงนั้น! ในอนาคตพวกท่านจะเห็น (เสียงปรบมือ) เวลานี้ชนชาติใด ประเทศใดที่ไม่มีศิษย์ต้าฝ่า สำหรับพวกเขาจะมีความยากลำบากอย่างยิ่ง อย่างน้อยที่สุดจะเป็นเช่นนี้ ฉะนั้นไม่ว่าที่ตรงนั้นจะมีศิษย์ต้าฝ่าเป็นจำนวนเท่าใด นั่นคือความหวัง

มีอยู่วันหนึ่งมีผู้ฝึกถามข้าพเจ้าว่า อะไรเรียกว่า “บุญคุณพุทธะ โอฬารพันลึก” คนจะเข้าใจได้อย่างไร! บอกว่าพระพุทธมากล้นด้วยความเมตตากรุณา ช่วยเหลือทุกข์ภัย นี่ก็คือ บุญคุณพุทธะ โอฬารพันลึก คนมีความเข้าใจที่ตื้นเขินเช่นนี้ ทุกท่านลองคิดดู ไม่ว่าตัวท่านจะอยู่ที่ใด จะเป็นชนชาติใด พื้นที่ใด ประเทศใด มองดู ท่านคือคนธรรมดาสามัญทั่วไปคนหนึ่ง ท่านก็คือชีวิตหนึ่ง แท้จริงแล้วล้วนมีคนที่มีวาสนากับท่าน ไม่เพียงเท่านี้ ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าพูดกับพวกท่านอยู่เสมอว่า อณูคืออณู ณ ระดับจุลทรรศน์อันไร้ขีดจำกัดในทุกๆ ชั้นที่ประกอบขึ้นเป็นอณูชั้นที่สูงขึ้นไปหนึ่งชั้น ประกอบต่อๆกันขึ้นมาเป็นอณูที่ใหญ่เช่นนี้ และในแต่ละชั้นของอณูล้วนมีชีวิตมากมายไร้ขีดจำกัด หากขยายอณูเล็กๆ ให้ใหญ่เพื่อดู เหมือนอย่างโลก เหมือนดาวเคราะห์ ข้างบนนั้นมีชีวิตนับจำนวนไม่ถ้วน ทุกท่านลองคิดดู ประกอบขึ้นเป็นร่างคนจะมีอณูเป็นจำนวนมากเท่าใด นี่อยู่ภายในอาณาเขตของตัวท่าน คนก็เป็นชีวิตที่อยู่ในอาณาเขตของสภาพแวดล้อมนี้ ก้อนฟองน้ำที่แช่อยู่ในน้ำ โลกนี้ก็เปรียบเสมือนน้ำ ชีวิตและสสารในระดับจุลทรรศน์มากเสียจนเหมือนความหนาแน่นของน้ำ ไม่ว่าตัวท่านจะอยู่ที่ใด ภายในอาณาเขตของท่านจะมีชีวิตระดับอนุภาคที่ใหญ่มหึมา ที่ใหญ่หลวงที่สะท้อนกับร่างกายของท่าน ฉะนั้นคนๆ หนึ่งในระหว่างบำเพ็ญ ไม่เพียงแต่เมื่อร่างกายแต่ละชั้นของท่านบำเพ็ญเสร็จแล้ว ร่างกายท่าน เซลล์ของอณูแต่ละชั้น ละชั้น ล้วนเป็นรูปลักษณ์ของท่าน แต่ทุกท่านเคยคิดบ้างไหม ข้างบนเซลล์ของอณูนั้นเมื่อขยายใหญ่และดู ยังจะมีชีวิตนับจำนวนไม่ถ้วนใช่หรือไม่ จะมีชีวิตที่มีรูปลักษณ์ของคนหรือไม่ เช่นนั้นจะมีเซลล์อย่างนี้มากเท่าใด อันที่จริงเซลล์ของท่านสำหรับชีวิตในระดับจุลทรรศน์ก็คือดาวเคราะห์นั้น ไม่เพียงแต่เซลล์ แล้วเซลล์ยังประกอบขึ้นจากอณูระดับจุลทรรศน์มากเท่าใด เซลล์ที่มีรูปลักษณ์ของท่านหรืออณูระดับจุลทรรศน์ ก็คือองค์ราชาของชีวิตทั้งมวลในอณูเม็ดนั้น ข้างในนั้นชีวิตนับจำนวนไม่ถ้วนล้วนตกอยู่ในความดูแลของมัน หากท่านบำเพ็ญได้ไม่ดี เซลล์ของตัวท่านก็บำเพ็ญได้ไม่ดี ถ้าท่านบำเพ็ญสำเร็จแล้ว เซลล์ของตัวท่านก็บำเพ็ญสำเร็จ ชีวิตข้างในอาณาเขตที่เซลล์ของตัวท่านควบคุมก็บำเพ็ญสำเร็จ ทุกท่านลองคิดดู ชีวิตหนึ่งบำเพ็ญสำเร็จแล้วจะมีชีวิตมากเท่าใดที่จะบำเพ็ญสำเร็จ

ในทัศนะของเทพ ไม่ใช่ว่าชีวิตใหญ่จึงจะมีคุณค่า ชีวิตที่เล็กก็ไม่มีคุณค่า ทุกท่านทราบ โลกในระดับจุลทรรศน์มากๆ ข้างในก็มีพระพุทธ ชีวิตไม่อยู่ที่ใหญ่หรือเล็ก มันเหมือนกันทั้งหมด โครงสร้างไม่แตกต่างกันแต่อย่างใด เป็นเพราะอณูที่ประกอบกันขึ้นมาทำให้กายภาพของเขาใหญ่หรือเล็กเท่านั้น เอง ชีวิตมีความเท่าเทียมกัน ทุกท่านลองคิดดู หากคนๆ นี้ได้รับการช่วยเหลือและบำเพ็ญสำเร็จ จะมีชีวิตอันไร้ขอบเขตจำกัดบำเพ็ญสำเร็จเป็นจำนวนมากเท่าใด ได้รับการช่วยเหลือเป็นจำนวนมากเท่าใด! แต่ในขั้นตอนของการบำเพ็ญให้สำเร็จลุล่วง ต้องใช้สติปัญญามากเท่าใด ต้องทุ่มเทจิตใจมากเท่าใดที่จะทำให้ทุกๆ ชีวิตในกลุ่มชีวิตนับจำนวนไม่ถ้วนทั้งในจุลทรรศน์และมหทรรศน์เกิดความสมดุล! เหมือน กับการช่วยเหลือท่าน เช่นเดียวกับการแก้ไขปัญหาของพวกท่าน! อะไรเรียกว่าบุญคุณพุทธะ โอฬารพันลึก ทุกท่านลองคิดดู เวลาช่วยเหลือคนๆ หนึ่ง พระพุทธที่ช่วยเหลือคน เขาต้องทุ่มเทใหญ่หลวงเพียงใด เพื่อสรรพชีวิตในระดับจุลทรรศน์มากๆ ทั้งหมดที่สะท้อนกับท่าน เริ่มทำการปรับสภาพร่างกายของพวกเขาให้ดี เหมือนเช่นที่ทำกับพวกท่านในขั้นตอนของการบำเพ็ญ ให้ท่านได้ฝ่า ทำให้ท่านสามารถใช้ได้ ยังจะต้องไปจัดการแก้ไขกรรมของเขา เป็นงานที่ทั้งใหญ่โตมหึมาและละเอียดถี่ยิบอะไรปานนั้น! หากไม่มีจิตเมตตากรุณาจะสามารถทำได้หรือ ทุกท่านลองคิดดู เมื่อคนๆ หนึ่งบำเพ็ญสำเร็จลุล่วง นั่นเป็นการบำเพ็ญสำเร็จของระบบที่ใหญ่มหึมา ที่ใหญ่หลวงระบบหนึ่ง ข้าพเจ้าพูดเมื่อครู่ ฟังแล้วเหมือนพูดเล่น ถ้าแม้นมีผู้บำเพ็ญสำเร็จเพียงคนเดียว ข้าพเจ้าจะให้คนๆ นี้เป็นจักรวาล ไม่ว่าร่างนภา(เทียนถี่)จะใหญ่โตเพียงใด ข้าพเจ้าจะให้องค์ประกอบโครงสร้างทั้งหมดในจักรวาลนั้นมีอยู่ภายในอาณาเขตของร่างกายเขา ข้าพเจ้าก็พูดให้ฟังอย่างนี้ พวกท่านอย่าได้คิดมาก ไม่ว่าร่างกายจะอยู่ที่ใด ก็จะนำความสมบูรณ์พูนสุขอย่างไร้ขีดจำกัดให้แก่ชีวิตในฝั่งนั้น วางรากฐานให้แก่พวกเขาในอนาคต --- รากฐานที่จะได้รับการช่วยเหลือในอนาคต เป็นเช่นนี้ (เสียงปรบมือ)

ศิษย์ใคร่ขอให้ท่านอาจารย์อธิบาย ในช่วงเวลาแห่งการเจิ้งฝ่า ศิษย์ต้าฝ่าจะปฏิบัติให้ถูกต้องได้อย่างไรทางด้านการใช้เงินและสิ่งของ

อาจารย์ณ ช่วงเวลาแห่งการเจิ้งฝ่า มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพการณ์ที่พิเศษอันหนึ่ง การบำเพ็ญส่วนบุคคลของพวกท่าน ประวัติศาสตร์ช่วงนั้นถูกแยก(คั่น)ออกไป ช่วงนั้นคือการบำเพ็ญ ล้วนต้องดำเนินไปเช่นนี้ แต่รูปแบบของสังคมในวันนี้แตกต่างกับรูปแบบของสังคมในอดีต ทุกท่านเห็นแล้ว จากการที่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันได้สร้างอุปกรณ์คมนาคม อุปกรณ์การสื่อสารที่ทันสมัยต่างๆ มากมาย เช่นนั้น ทุกท่านลองคิดดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์การสื่อสารเหล่านี้ คนๆ หนึ่งพูดอะไรอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง ในทันทีทั่วทั้งโลกก็จะรู้ ได้ยิน ได้เห็นพร้อมกันในเวลาเดียวกัน สิ่งนี้ส่งผลกระทบใหญ่มาก สำหรับอิทธิพลเก่า สิ่งชั่วร้ายกำลังใช้สิ่งเหล่านี้ทำร้าย หลอกลวง ศิษย์ต้าฝ่าเพียงอาศัยปากอธิบาย บางครั้งรู้สึกว่ายากที่จะช่วยคนให้มากยิ่งขึ้น แน่นอน พวกท่านหนึ่งคนทำแทนคนสิบคน ร้อยคน แต่ว่ากันให้ถึงแก่น คือกำลังเปิดโปงคำโกหกหลอกลวง และความชั่วร้าย ที่ใช้กลไกของประเทศทั้งหมดดำเนินการออกมา และเป็นเรื่องที่ลำบากมาก ฉะนั้นทุกท่านใช้อุปกรณ์การสื่อสารแบบนี้ของคนธรรมดาสามัญมาทำการยืนยันความถูกต้องของฝ่า เปิดโปงสิ่งชั่วร้าย ช่วยเหลือสรรพชีวิต โดยหลักการไม่ผิด เพราะวิทยาศาสตร์ปัจจุบันประกอบขึ้นเป็นสังคมที่พิเศษเช่นนี้ เช่นนั้นทุกท่านในการยืนยันความถูกต้องของฝ่า จึงจำเป็นต้องมีเงินทุนที่จะทำสิ่งเหล่านี้บ้าง ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ มาถึงวันนี้ ทั้งหมดนี้ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว พวกเราไม่ได้เอาเงินของประเทศใด รัฐบาลใด องค์กรใด บริษัทใดเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว สิ่งต่างๆ ของพวกเรา ศิษย์ต้าฝ่าล้วนแต่ทำโดยใช้เงินเดือนรายได้ของตัวเอง ทำโดยใช้สิ่งที่ตัวเองได้มาทั้งสิ้น

อิทธิพลเก่ากำลังยับยั้ง พวกมันรู้สึกว่า ทำอย่างนี้พวกท่านจึงจะยอดเยี่ยม ภายใต้สภาพการณ์ที่ยากลำบากอย่างนี้ พวกท่านสามารถยืนยันความถูกต้องของฝ่า ยอดเยี่ยม ได้ก่อตั้งธรรมานุภาพ ฉะนั้นอิทธิพลเก่ากำลังก่อกวนการเจิ้งฝ่าของข้าพเจ้าอย่างชั่วร้าย รบกวนศิษย์ต้าฝ่ายืนยันความถูกต้องของฝ่า และขัดขวางชาวโลกสนับสนุนต้าฝ่า สกัดกั้นแหล่งทุนของสังคมอย่างเอาเป็นเอาตาย ศิษย์ต้าฝ่าในการยืนยันความถูกต้องของฝ่า มีความยากลำบากในทางการเงินมาโดยตลอด ยิ่งกว่านั้นผู้ฝึกบางคนมีความเป็นอยู่อย่างยากลำบาก ภายใต้สภาพการณ์อย่างนี้ ทุกท่านยืนยันความถูกต้องของฝ่า ทำในสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าสมควรทำ แน่นอนเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม แต่การจัดเตรียมของอิทธิพลเก่านั้นข้าพเจ้าไม่ยอมรับ เรื่องที่เข้มงวดจริงจังเช่นนี้ ทั่วทั้งจักรวาลกำลังทำการเจิ้งฝ่า กำลังสร้างจักรวาลใหม่ของอนาคต! ฝ่ามีแต่ไหนแต่ไรนานมาแล้ว ข้าพเจ้ามาพร้อมกับนำต้าฝ่าซึ่งมีความประสานกลมกลืนนี้ติดตัวมา ไม่จำเป็นต้องให้สรรพชีวิตในทุกๆ ชั้นวางรากฐานอะไรให้ฝ่า ไม่จำเป็นต้องให้สรรพชีวิตและคนธรรมดาสามัญทุกๆ ชั้นให้อะไรแก่ต้าฝ่าอีก สิ่งเหล่านี้คือทัศนคติ องค์ประกอบต่างๆ ซึ่งอิทธิพลเก่าก่อให้เกิดขึ้นมาในประวัติศาสตร์ในอดีต พวกมันใช้หลักการของฝ่าที่เก่าเหล่านี้ของช่วงเวลาแห่งการเสื่อมถอย ดับสลายมาก่อกวนการเจิ้งฝ่า ล้วนแต่ส่งผลของการบ่อนทำลายทั้งสิ้น

ถึงแม้ข้าพเจ้าจะบอกกับทุกท่านอย่างนี้ พวกท่านจะขอระดมเงินทุนจากผู้ฝึกที่ดำรงชีพโดยอาศัยเงินเดือนไม่ได้ โดยหลักการไม่สามารถจะขอระดมเงินทุนในหมู่ผู้ฝึก คำพูดนี้ข้าพเจ้าเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้นานแล้ว ในหมู่ศิษย์ต้าฝ่า คนที่ทำการค้า คนที่มีเงินทองมากสักหน่อย หากพวกเขาสมัครใจที่จะนำเงินออกมาทำอะไรบ้าง สามารถทำได้ แต่ต้องคำนึงถึงความพอเหมาะพอควร พวกเราผู้ฝึกทั่วไปในการยืนยันความถูกต้องของฝ่า ทำโดยใช้รายได้ของตัวเอง โดยหลักการอันนี้ก็ไม่มีปัญหา ไม่สามารถจะว่าอะไร เพราะใช้รายได้ของตัวเองยืนยันความถูกต้องของฝ่า ช่วยเหลือสรรพชีวิต นั่นคือธรรมานุภาพ ศิษย์ต้าฝ่าทำอะไรร่วมกันภายใต้สภาพการณ์ที่พิเศษ อย่างเช่นพวกท่านจะตั้งบริษัททำงานสื่อมวลชนเป็นต้น ระดมเงินทุนเพื่อจะทำด้วยกัน โดยหลักการไม่ได้ทำผิดอะไร เพราะไม่ใช่ต้าฝ่ากำลังทำอะไร เป็นเหล่าศิษย์ต้าฝ่าเองที่ก่อตั้งบริษัทในสังคม นั่นเป็นการงานในสังคม เป็นศิษย์ต้าฝ่าที่รวมตัวก่อตั้งขึ้นมาทำกันเอง ไม่ใช่ต้าฝ่าโดยตัวเองที่ทำ แน่นอนศิษย์ต้าฝ่ากำลังจัดสร้างสภาพแวดล้อมที่สะดวกสำหรับการอธิบายความเป็นจริง แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน ก็ไม่สามารถจะไปขอระดมเงินทุนจากผู้ฝึกทั่วๆ ไป ตามอำเภอใจ จุดนี้เป็นข้อกำหนดตายตัว สำหรับผู้ที่ค่อนข้างมั่งมีสักหน่อย ไม่มีผลกระทบใดๆ ในด้านความเป็นอยู่ นำ(เงิน)ออกมาสักหน่อยเพื่อทำงานของต้าฝ่า อันนี้อยู่นอกกรณีที่ข้าพเจ้ากล่าวไป เพราะเป็นกรณีเฉพาะราย ตลอดมาข้าพเจ้าไม่เคยบอกให้พวกท่านเรี่ยไรค่าใช้จ่ายอะไร เหมือนการเรี่ยไรเงินทองในศาสนา สิ่งนี้ทำไม่ได้

ศิษย์ปัญหาของการบำเพ็ญความเมตตา(ซิวซั่น) ดิฉันรู้สึกว่าหลายๆ สิ่งทำได้ไม่ดีล้วนเกิดจากบำเพ็ญความเมตตา(ซิวซั่น)ไม่เพียงพอ?

อาจารย์ควรจะพูดอย่างนี้ สำหรับชาวโลกพวกเราต้องพยายามไปช่วยเหลือ ต้องให้ความเมตตา ไม่เพียงแต่ต้องมีความเมตตาเท่านั้น ต้องช่วยเหลือสรรพชีวิตด้วยความเมตตากรุณา การประทุษร้ายในครั้งนี้ อันที่จริงชาวโลกถูกทำร้ายมากที่สุด ชีวิตชั่วร้ายเหล่านี้คิดจะใช้การประทุษร้ายครั้งนี้ตัดทอนชีวิตของชาวโลกในอนาคต ฉะนั้นพวกเราต้องเมตตากรุณาต่อชาวโลก ต้องไปอธิบายความเป็นจริงให้แก่พวกเขา ช่วยเหลือพวกเขา อย่าปล่อยให้พวกเขาถูกกำจัดทิ้งไปในยามที่ฝ่าปรับโลกมนุษย์ให้ถูกต้อง

อย่างไรก็ดี ในเวลาที่พวกท่านฟาเจิ้งเนี่ยน พวกที่ถูกจัดการส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นชีวิตที่ไม่ดีที่สุดในแต่ละมิติ และรวมทั้งตำรวจชั่วร้ายเหล่านั้นบนโลกที่ไม่อาจจะช่วยเหลือได้ ฉะนั้นกับสิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชีวิตยุ่งเหยิงในมิติอื่นเหล่านั้นที่บ่อนทำลายมนุษยชาติ ข้าพเจ้าคิดว่าไม่สามารถจะเกรงใจ และไม่จำเป็นต้องพูดถึงความเมตตาอะไรกับมัน แต่พวกเราก็ไม่ใช้ความชั่วร้าย ยิ่งไม่สามารถจะใช้ความชั่วร้ายจัดการกับ(ตอบโต้)ความชั่วร้าย พวกที่ทำร้ายชาวโลก ทำร้ายสรรพชีวิต ก่อกวนต้าฝ่าก็คือไม่สามารถจะให้คงอยู่ต่อไป ก็ให้ตั้งฝ่ามือกำจัดมันทิ้งไป แน่นอน การเป็นศิษย์ต้าฝ่า พวกท่านบำเพ็ญความเมตตา พวกท่านไม่มีด้านที่ชั่วร้าย แต่พวกที่สมควรต้องกำจัดให้ดับสลายก็ต้องกำจัดมันทิ้งไป และต้องไม่ใช้อารมณ์ และไม่ต้องส่งความร้ายกาจ ความอาฆาตแค้นต่อมัน ให้พวกเราคงความเมตตากรุณาไว้เช่นเดิม ฟาเจิ้งเนี่ยนกำจัดพวกที่ไม่สมควรให้มี เป็นเช่นนี้

ศิษย์พวกเรามาจากแคนาดา คดีของพวกเราต่อสู้มาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว มีความคืบหน้าช้ามาก เป็นเพราะพวกเราทำได้ไม่ดี ใช่หรือไม่?

อาจารย์ทำได้ดีมาก ข้าพเจ้าพูดเสมอว่า พวกเราไม่แสวงหาการได้หรือเสียในโลก ใช่ไหม? ข้าพเจ้าทำอะไรจะให้ความสำคัญที่ขั้นตอน เพราะในระหว่างขั้นตอนสามารถทำให้คนเข้าใจความเป็นจริง ในระหว่างขั้นตอนสามารถช่วยเหลือชาวโลก ในระหว่างขั้นตอนสามารถเปิดโปงความเป็นจริง สุดท้ายตัดสินลงโทษมัน จับมันเข้าคุก ต้องดูว่าจะสามารถบรรลุผลที่ดีที่สุดของการช่วยเหลือชาวโลก เปิดโปงความชั่วร้ายหรือไม่ และให้คนได้เห็นถึงผลลัพธ์ของสิ่งชั่วร้าย ครั้นแล้วทำให้สั่นสะเทือนและสยบมัน แน่นอนในหมู่คนธรรมดาสามัญการตัดสินว่ามันผิด สำหรับชาวโลกพูดได้ว่าเป็นการยืนยันว่าพวกเราถูก นี้ย่อมเป็นสิ่งดีอย่างแน่นอนหากบรรลุผลเช่นนั้น นั่นยิ่งจะเป็นการดี อาจารย์ก็เห็นด้วย แต่ทุกท่านมักจะให้ความสำคัญที่ผลลัพธ์ ไม่สนใจที่จะอธิบายความเป็นจริงให้ถ่องแท้ซึ่งพวกท่านควรจะอธิบายในระหว่างขั้นตอน สิ่งที่สมควรให้คนได้รู้และคนก็รู้กันทั้งหมด นั่นจึงจะเป็นการยืนยันความถูกต้องของฝ่า อธิบายความเป็นจริงอย่างแท้จริง เมื่อเกิดปัญหาขึ้นที่ใด พวกท่านก็ไปอธิบาย ไม่ใช่เพียงต้องการแต่จะผลักดันเรื่องคดีจึงจะทำเช่นนี้ แต่เพื่อจะอธิบายความเป็นจริง แต่เมื่อคดีติดขัดล้าช้าที่ตรงไหน ที่ตรงนั้นจำเป็นต้องไปอธิบายความเป็นจริงอย่างแน่นอน บางทีคดีก็จะมีความคืบหน้า หากในระหว่างขั้นตอนอันนี้ทุกท่านต่างก็เข้าใจและรับรู้ ชาวโลกก็จะได้รับการช่วยเหลือ ยิ่งกว่านั้นเมื่อพวกเขารู้ถึงผลลัพธ์ของการถูกใช้เป็นเครื่องมือ และความชั่วร้ายของคนที่ใช้(พวกเขา) พวกเขาก็ยินยอมรับผิด ข้าพเจ้าคิดว่าคดีนั้นจะไม่ดำเนินต่อไปก็ได้ ไม่ต้องถึงกับจะต้องลงโทษเขาอย่างไรให้จงได้ เขายอมรับผิดแล้ว แก้ไขชดเชยให้แล้ว ชาวโลกก็รับรู้ ก็เพียงพอแล้ว แม้ว่าศิษย์ต้าฝ่ามีเป้าหมายหลักอยู่ที่การช่วยเหลือชาวโลกก็ตาม แต่สำหรับพวกที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเหล่านั้น ไม่อาจจะปล่อยให้ลอยนวลได้จริงๆ ข้าพเจ้าพูดจากมุมของความเมตตากรุณา ช่วยเหลือสรรพชีวิต โดยหลักคือเน้นความสำคัญในระหว่างขั้นตอน สิ่งที่ควรทำจะต้องทำให้ดี ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปตามนั้น

ศิษย์ศิษย์ถูกกรรมแห่งโรครบกวนเป็นเวลายาวนาน โดยเฉพาะเวลาฝึกพลังสมาธิ เวลาฟาเจิ้งเนี่ยน มันจะรุนแรงเป็นพิเศษเวลาที่ผมจินตนาการให้ความคิดรวมศูนย์ บางเวลาจะมีอาการหายใจลำบาก เจ็บและปวด

อาจารย์อาจารย์บรรยายฝ่าไม่สามารถบรรยายให้กับเฉพาะคน ข้าพเจ้าก็จะไม่อธิบายกรณีของท่านเป็นการเฉพาะ พวกเราผู้ฝึกบางคนเคยปรากฏสภาพการณ์ที่ไม่ปกติ แต่ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน ส่วนใหญ่เกิดจากมูลเหตุ 2 ประการ หนึ่งคือผู้ฝึกใหม่ ขั้นตอนการบำเพ็ญของท่าน และขั้นตอนการยืนยันความถูกต้องของฝ่าของท่านได้ผสมผสานเข้าด้วยกัน ต้องดึงท่านขึ้นมา ฉะนั้นการบำเพ็ญส่วนบุคคลจะดำเนินควบคู่ไปกับการทำเจิ้งฝ่า อีกประการหนึ่งคือถูกรบกวน การถูกรบกวน ท่านไม่สามารถจะคิดแต่ว่า เมื่อถูกใครรบกวนฉันก็จะสลายมันทิ้งไป จะให้ใครรบกวนไม่ได้ (ที่ประชุมหัวเราะ) เหตุใดพวกท่านไม่ลองคิดดูว่า เหตุใดจึงรบกวนท่าน เหตุใดจึงสามารถจะรบกวนท่านได้ ตัวเองมีสิ่งยึดติด ใช่หรือไม่มีสิ่งที่ปล่อยวางไม่ได้ เหตุใดจึงไม่มองดูตัวเอง มูลเหตุแท้จริงอยู่ที่ตัวเองตรงนี้ มันจึงสามารถเจาะช่องว่าง! ท่านมิใช่มีอาจารย์คอยดูแลอยู่หรอกหรือ แม้แต่คนธรรมดาสามัญคนหนึ่งวันนี้ร้องว่า “ฝ่าหลุนต้าฝ่าดี” อาจารย์ก็จะปกป้องเขาเพราะเขาร้องประโยคนั้น ท่ามกลางสิ่งชั่วร้าย ข้าพเจ้าไม่ปกป้องเขาก็ไม่ได้ นับประสาอะไรกับพวกท่านซึ่งเป็นผู้บำเพ็ญล่ะ ยังมีผู้ฝึกเฉพาะรายป่วยเป็นโรคที่ไม่อาจจะรักษาได้จริงๆ ทุกท่านลองคิดดู มีคนจำนวนมากเท่าใดที่ป่วยหนัก ตลอดจนป่วยเป็นโรคที่ไม่อาจจะรักษาก่อนมาศึกษาฝ่า หลังจากศึกษาต้าฝ่าต่างก็หายแล้ว ทว่าเหตุใดผู้ฝึกบางคนกลับทำไม่ได้ล่ะ หรือต้าฝ่ามีการเลือกปฏิบัติกับสรรพชีวิต ข้าพเจ้าต้องถามพวกท่านจริงๆ: ท่านกำลังบำเพ็ญจริงๆหรือ ท่านปฏิบัติตามข้อกำหนดของต้าฝ่าจริงๆแล้วหรือ ในการอธิบายความเป็นจริง(ท่าน)ทำด้วยจิตใจแบบนั้นของคนธรรมดาสามัญซึ่งไม่พอใจกับการประทุษร้ายต่อฝ่าหลุนกง หรือยืนยันความถูกต้องของฝ่า ช่วยเหลือสรรพชีวิตจากจุดยืนของศิษย์ต้าฝ่าอย่างแท้จริง อิทธิพลเก่าได้จัดคนบางคนเข้ามา (แต่)ทำไมคนส่วนใหญ่ทำได้ และทำไมตัวเองกลับทำไม่ได้ฝ่าของข้าพเจ้าไม่ใช่พูดให้กับท่านหรอกหรือ

เมื่อเกิดปัญหา เมื่อรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ต้องมองดูตัวเอง! ดูว่าตัวเองทำผิดที่ตรงไหนจึงถูกสิ่งชั่วร้ายเจาะช่องว่าง เมื่อผิดแล้วก็สมควรรับรู้เข้าใจ สมควรทำให้ดี พวกท่านต้องไม่ลืม ศิษย์ต้าฝ่าในช่วงเวลาแห่งการเจิ้งฝ่าพวกท่านมาเพื่อยืนยันความถูกต้องของฝ่า การบำเพ็ญยากลำบาก ในการยืนยันความถูกต้องของฝ่า ต่อให้สิ่งชั่วร้ายจะชั่วร้ายอย่างไร คนที่สามารถเดินข้ามมาได้ ย่อมเป็นราชาแห่งสรรพชีวิตอย่างแน่นอน

ศิษย์เวลาฟาเจิ้งเนี่ยน ห้านาทีแรก สามารถจะใช้เคล็ดคำพูดที่ท่านอาจารย์ให้พวกเรากำจัดมันทิ้งหรือไม่?

อาจารย์เวลาฟาเจิ้งเนี่ยนไม่ใช่ให้ท่องคำเคล็ดอยู่ตลอด ท่านท่องครั้งเดียวก็พอ ก็จะบังเกิดผล นอกเสียจากมีสภาพการณ์พิเศษ เมื่อท่านรู้สึกว่าไม่สงบ(ไม่มีสมาธิ) ต้องปรับเจิ้งเนี่ยนอีกครั้ง อย่างนั้นทำได้ แต่ก็เป็นชั่วครั้งชั่วคราว อันที่จริงเวลาที่สามารถสงบจิตใจลงได้จริงๆ หนึ่งความคิดนั้นก็เพียงพอจะสะเทือนไปทั่วพี้นปฐพี ไม่มีสิ่งใดทำไม่ได้ ในทันทีทุกสิ่งที่อยู่ภายในบริเวณที่ท่านครอบคลุมทั้งหมดเหมือนถูกสะกดให้หยุดนิ่ง ถูกยับยั้งเอาไว้ ท่านเปรียบเหมือนภูเขา ยับยั้งพวกมันเอาไว้ในทันที อย่าปล่อยให้ความคิดไม่มั่นคงอยู่เสมอ ถ้าไม่มั่นคงก็ไม่สามารถจะบรรลุถึงจุดนั้น

ศิษย์สามารถจะนำบทความจิงเหวิน “ฝ่าถูกต้องเที่ยงตรง” “ยูไล” มาสอดแทรกไว้ในรายการที่เหมาะสมของฟ่างกวงหมิงเพื่อให้คนธรรมดาสามัญดูได้หรือไม่

อาจารย์ข้าพเจ้าคิดว่าควรจะไม่มีปัญหา หนังสือของข้าพเจ้าก็มีจำหน่ายอยู่ในตลาด ควรจะไม่มีปัญหา จะทำสิ่งที่เป็นรูปธรรมเหล่านี้อย่างไร พวกท่านควรนำออกมามากเท่าใด ล้วนแต่เป็นเรื่องที่พวกท่านต้องจัดการให้เหมาะสมด้วยตัวเอง อาจารย์บอกได้แต่ว่าไม่มีปัญหา และอย่านำคำพูดของอาจารย์ไปบังคับผู้ฝึกที่มีความคิดเห็นไม่เหมือนกับตัวเอง --- อาจารย์บอกแล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้อย่างนี้ ไม่ได้ เพราะการทำงานสื่อมวลชน สมควรต้องทำอย่างไรก็ให้ดำเนินการให้ดี ประสานงานซึ่งกันและกัน ปรับมันให้เหมาะสม

ศิษย์มีอยู่วันหนึ่งขณะที่ดิฉันกำลังแจกเอกสารอธิบายความเป็นจริง ในคณะนักท่องเที่ยวจากปักกิ่ง มีชายคนหนึ่งฝากให้กล่าวคำสวัสดีเมื่อพบท่านอาจารย์ ดิฉันขอเป็นตัวแทนศิษย์ต้าฝ่าจากฉางชุน หนงอัน กล่าวคำสวัสดีกับท่านอาจารย์

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ) คนที่เข้าใจความเป็นจริงนับวันมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น จึงมีปรากฏการณ์แบบนี้ เมื่อครั้งที่ข้าพเจ้าอยู่ปักกิ่ง คนทั่วทั้งปักกิ่งต่างก็รู้จักข้าพเจ้า ไม่ว่าเขาจะบำเพ็ญหรือไม่ ต่างรู้ว่ามีปรมาจารย์หลี่อยู่คนหนึ่ง (หัวเราะ) แม้ว่าการประทุษร้ายจะเป็นไปอย่างรุนแรง แต่ในใจทุกคนต่างเข้าใจแจ่มแจ้ง ในระหว่างอธิบายความเป็นจริง ผู้ฝึกทั้งหลายก็ทำให้คนที่ไม่เข้าใจต้าฝ่าเข้าใจความเป็นจริง ผู้ฝึกทั้งในประเทศและนอกประเทศจีนต่างก็ทำอย่างนี้ ทำให้ผู้คนรับรู้และเข้าใจการประทุษร้ายครั้งนี้ของสิ่งชั่วร้ายมากยิ่งขึ้น และทำให้ชาวโลกเกิดความรู้สึกยกย่องนับถือต้าฝ่า เคารพนับถือศิษย์ต้าฝ่าในลักษณะหนึ่ง นี้เป็นสิ่งที่แน่นอน

ศิษย์ผู้ฝึกบางคนทุ่มเททั้งกายใจให้กับการเจิ้งฝ่า โดยไม่สนใจเรื่องการกิน การนอน ฝึกพลังกงน้อยมาก ด้วยเหตุนี้ผู้ฝึกบางคนที่ไม่มีงานยุ่งมากนักจึงพลอยพากันไม่ฝึกพลังกงไปด้วย ดูเหมือนพวกเขาเห็นการฝึกพลังกงเป็นเรื่องไม่ค่อยสำคัญ

อาจารย์พวกท่านที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้ ฟังนะ ได้ยินกันทั้งหมดแล้วนะ สามสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าต้องปฏิบัติให้ดี ต้องทำให้ดีทั้งหมด ต้องฝึกพลัง วันใดที่ท่านยังไม่หยวนหมั่น ท่านก็ต้องฝึก ท่านก็ต้องศึกษา สามสิ่งของศิษย์ต้าฝ่า พวกท่านต้องไปทำ นี่เป็นสิ่งที่แน่นอน

ศิษย์พวกเราจะตีพิมพ์และจัดจำหน่ายบทกวีของท่านอาจารย์ให้เด็กๆ ได้ไหม สามารถจะใช้ภาพที่ผู้ฝึกวาด ท่าฝึกการเคลื่อนไหวมาเป็นภาพแทรกได้หรือไม่

อาจารย์ให้เด็กๆ ดูไม่มีปัญหา สำหรับผู้ฝึกที่ทำเกี่ยวกับศิลปะควรจะไม่มีปัญหา หากเป็นภาพวาดของคนธรรมดาสามัญก็ต้องให้ศิษย์ต้าฝ่าคอยกลั่นกรอง ใช่ พวกท่านที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้ ข้าพเจ้าเรียกพวกท่านทุกคนเป็นศิษย์ต้าฝ่า แต่ท่านกลับปฏิบัติตนไม่เหมือนศิษย์ต้าฝ่า บอกให้ท่านกลั่นกรอง เป็นเรื่องที่ยากจริงๆ (ที่ประชุมหัวเราะ) เรื่องเหล่านี้ ข้าพเจ้าว่าเห็นจะต้องให้ ฝอเสวียฮุ่ยในพื้นที่กลั่นกรองกันล่ะ

ศิษย์ระหว่างอธิบายความเป็นจริงบ่อยครั้งจะรู้สึกว่าตัวเองขาดสติปัญญา เป็นเพราะสภาวะการบำเพ็ญของตัวเองไม่ดีพอใช่หรือไม่

อาจารย์เวลาที่ขาดสติปัญญาโดยมากล้วนเป็นเพราะท่านร้อนรน ในสมองรีบร้อนต้องการจะทำบางสิ่งบางอย่าง เห็นเป็นเรื่องสำคัญจนเกินไป ทำให้เกิดเป็นความยึดติดอีกแบบหนึ่ง แท้จริงแล้วหลายสิ่งหลายอย่าง ท่านทำจิตใจให้สงบ ท่านพูดออกไปด้วยจิตใจที่สงบเยือกเย็น ปฏิบัติอย่างมีสติปัญญา ท่านจะพบว่าปัญญาของท่านจะไหลออกมาเหมือนสายน้ำ(น้ำพุ) และพูดตรงประเด็นทุกๆ ประโยค เป็นสัจธรรมทุกๆประโยค ทันทีที่ท่านมีจิตยึดติด เกิดความร้อนรน ยึดติดกับบางสิ่งบางอย่างแรงกล้า ปัญญาก็จะเหือดหายไป เพราะ ณ เวลานั้น(ท่าน)ได้วิ่งข้ามมายังฝั่งของมนุษย์ตรงนี้ ใช่ไหม ต้องพยายามใช้เจิ้งเนี่ยน พยายามใช้สภาวะของผู้บำเพ็ญ ก็จะมีประสิทธิผลดีมาก

อันที่จริงงานอื่นๆ ที่พวกท่านทำก็เช่นเดียวกัน ท่ามกลางเจิ้งเนี่ยน(ความคิดถูกต้อง) ความคิดไม่มีขีดจำกัด สามารถคิดได้อย่างกว้างใหญ่มากๆ ปัญญาไม่มีขีดจำกัด

ศิษย์เมื่อครู่ท่านอาจารย์พูดว่าปีนี้จะเป็นปีแห่งความคึกคัก งานด้านสื่อของเราสมควรจะทุ่มเทกำลังให้มากขึ้นหรือไม่ เพื่อประสานงานกับการอธิบายความเป็นจริงให้ดียิ่งขึ้น

อาจารย์ใช่ การประทุษร้ายครั้งนี้ตั้งอยู่บนรากฐานของการโกหกหลอกลวง การแพร่กระจายของโรคระบาดในประเทศจีนขณะนี้ พวกเขาคิดจะปกปิดด้วยการโกหก ชาวโลกก็รับรู้กันทั้งหมดแล้ว เช่นนั้นพวกท่านก็เปิดโปงการโกหกหลวกลวงเถิด การประทุษร้ายฝ่าหลุนกงก็ทำกันอย่างนี้

ศิษย์ฝ่าฮุ่ยฮ่องกงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ผู้ฝึกไต้หวัน 17 คนถูกรัฐบาลฮ่องกงส่งกลับ ผู้ฝึกไต้หวันและฮ่องกงใช้กระบวนการทางกฎหมายฟ้องร้องรัฐบาลฮ่องกงว่าฝ่าฝืนกฎหมาย ขอเรียนถามท่านอาจารย์ ในเรื่องนี้ศิษย์จะทำให้ดียิ่งขึ้นอย่างไร

อาจารย์อันที่จริงเรื่องนี้โดยตัวเองได้ส่งผลกระทบไปทั่วโลกอย่างมาก สมควรบอกว่าทำได้ดีมาก จะทำให้เป็นรูปธรรมอย่างไร ในเมื่อได้ยื่นฟ้องต่อศาล เช่นนั้นพวกท่านก็ดำเนินการอย่างจริงๆ จังๆ ที่ใดมีปัญหา ตรงนั้นจำเป็นต้องไปอธิบายความเป็นจริง ไม่ว่าสุดท้ายจะมีผลเป็นเช่นไร อาศัยเรื่องนี้ พวกท่านก็จะมีโอกาสได้ติดต่อกับคนได้มากขึ้น จะได้ไปอธิบายความเป็นจริงในวงกว้าง เวลาปกติท่านไม่มีโอกาส ให้ท่านรั้งตัวคนๆ หนึ่งเพื่ออธิบายความเป็นจริงให้กับเขา ยังจะรู้สึกเขิน ใช่ไหม เวลานี้มีงานให้ทำแล้ว เช่นนั้นก็ไปอธิบาย

พวกท่านไม่ต้องกลัวว่าสถานกงสุล สายลับจะก่อเรื่อง ถ้าเขาก่อเรื่อง พวกท่านก็ใช้โอกาสนี้บอกให้คนได้รู้ความเป็นจริงให้มากขึ้น (เสียงปรบมือกึกก้อง) อันที่จริงการเป็นศิษย์ต้าฝ่า พวกท่านหวังอยากจะให้เขาก่อเรื่องเสียอีก (ที่ประชุมหัวเราะ) เขาก่อเรื่องพวกท่านจะได้มีโอกาสอธิบายความเป็นจริง เปิดโปงสิ่งชั่วร้าย ใช่หรือไม่ ทันทีที่ท่าน--สิ่งชั่วร้ายมาฉันก็จะจับท่านเอาไว้ ฉันจะบอกให้ชาวโลกรู้ เป็นเวลาที่จะเปิดโปงพวกมัน

ศิษย์พวกเราควรจะปรับปรุงอย่างไรในการอธิบายความเป็นจริงให้กับรัฐบาลยุโรปและสื่อมวลชน

อาจารย์ปัจจุบันนี้ เกี่ยวกับการประทุษร้ายครั้งนี้ทางยุโรปเข้าใจแจ่มแจ้งมาก มีเหตุผลเดียวเท่านั้น เหตุผลอะไรหลังจากเหตุการณ์ “4 มิถุนายน” รัฐบาลจีนได้บรรลุข้อตกลงกับประเทศตะวันตกหลายๆ ประเทศ คือท่านสามารถจะวิจารณ์เรื่องสิทธิมนุษยชนของฉัน แต่ท่านอย่าออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างเปิดเผย พวกเรามาพูดกันเป็นการส่วนตัว มันบรรลุข้อตกลงอย่างนี้กับประเทศต่างๆ มากมาย ปัญหาของฝ่าหลุนกงหลายๆ ประเทศในยุโรป พวกเขาพูดกันแล้ว แต่ชาวโลกไม่รู้ ไม่มีแรงกดดันจากประชาคมโลก อำนาจรัฐของสิ่งชั่วร้ายจะไม่สนใจ เมื่อไม่ได้รับแรงกดดันจากการวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อมวลชนของประชาคมโลก การประทุษร้ายต่อฝ่าหลุนกงในลักษณะนี้จึงกำเริบเสิบสานมากยิ่งขึ้น ชาวโลกจึงไม่รู้ความชั่วร้ายของการประทุษร้าย รัฐบาลของบางประเทศยังเจตนาสั่งไม่ให้สื่อมวลชนรายงานข่าว แต่การเจรจาในทางลับของพวกเขาพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง มันใช้ไม่ได้โดยแท้จริง ถูกอำนาจรัฐของสิ่งชั่วร้ายหลอกเล่น หลอกให้ตกหลุมพราง นี่คือกลุ่มอันธพาลที่ชั่วร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ เชื่อถือไม่ได้อย่างเด็ดขาด ข้าพเจ้าคิดว่าชาวโลกควรจะเข้าใจอย่างมีสติกันแล้ว ควรจะรู้ว่าเรื่องเป็นอย่างไรกันแล้ว เทพจะไม่มองข้ามการกระทำของมนุษย์

ศิษย์ในช่วงนี้จะปรับปรุงเว็บไซต์เจิ้งเจี้ยน(zhengjian.org)ให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไร

อาจารย์(หัวเราะ) โดยรูปธรรมจะทำอย่างไร อันที่จริงเป็นเรื่องของพวกท่าน สามารถปฏิบัติในสิ่งที่พวกท่านทำอย่างถูกต้อง ปัญญาของพวกท่านจะสำแดงออกมาอย่างเต็มที่ พวกท่านผู้ฝึกที่ร่วมกันทำเว็บไซต์เจิ้งเจี้ยน พวกท่านกำลังเดินหนทางของตัวเอง ข้าพเจ้าไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เป็นรูปธรรม ข้าพเจ้าไม่พูดออกมาตรงๆ เพื่อจะให้โอกาสพวกท่านได้ก่อตั้งธรรมานุภาพของตัวเองในระหว่างยืนยันความถูกต้องของฝ่า หากข้าพเจ้าแย่งเอามาพูดทั้งหมด พวกท่านก็จะสูญเสียโอกาส ความยากลำบากมีมากเท่าใด จะก่อตั้งธรรมานุภาพได้มากเท่านั้น แน่นอนในเวลาที่พวกท่านมีปัญหาแก้ไม่ตกจริงๆ ทำไม่ดีจริงๆ ข้าพเจ้าจะพูด แต่ปัจจุบันนี้ยังไม่เป็นเช่นนั้น ผลงานนับว่าใช้ได้ ควรจะบอกว่ายิ่งทำยิ่งดี

ศิษย์เกี่ยวกับจุดยืนของสำนักงานแห่งชาติของสหรัฐฯต่อหัวโจกสิ่งชั่วร้าย ขอให้ท่านอาจารย์ชี้แนะสักหน่อยว่าพวกเราควรจะพยายามมากขึ้นอีกเท่าใด

อาจารย์สิ่งเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นเรื่องของศิษย์ต้าฝ่ายืนยันความถูกต้องของฝ่า เรื่องบางอย่างต้องทำอย่างไร ในกรณีพิเศษ ข้าพเจ้าจะบอกพวกท่าน อันที่จริงการยื่นฟ้องมันต่อศาลของสหรัฐอเมริกา ในกลุ่มนานาประเทศด้วยกัน สหรัฐอเมริกาก็ไม่ใช่เป็นเพียงประเทศเดียวแล้ว เวลานี้ในยุโรปฝั่งนั้นก็มีการยื่นฟ้องกันแล้วมิใช่หรือ นอกจากนี้ที่แคนาดาฝั่งนั้น ก็มีการยื่นฟ้องหัวหน้าสำนักงาน “610” แล้วมิใช่หรือ พูดอีกที ปัจจุบันนี้มันก็ไม่ใช่ประมุขของประเทศแล้ว มันก็ไม่มีเอกสิทธิ์ทางด้านการทูตของประมุขประเทศแล้ว พวกเราผู้ฝึกพูดได้ดีมาก บอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศจีน ไม่ใช่เป็นความสัมพันธ์กับมัน ข้าพเจ้ารู้สึกว่าพูดได้ดีมากทีเดียว

ศิษย์ฮ่องกงกำลังเผชิญกับหลายปัญหา ตั้งแต่มาตรา 23 จนถึงโรคระบาด ในหมู่ผู้ฝึกมีปัญหาอยากทราบว่าพวกเราควรจะทำอย่างไรจึงจะสามารถบรรลุภารกิจแห่งประวัติศาสตร์ของศิษย์ต้าฝ่าให้ดียิ่งขึ้น

อาจารย์(หัวเราะ) เรื่องที่เฉพาะเจาะจงที่พวกท่านต้องการจะให้ข้าพเจ้าพูด เช่นนั้นพวกท่านก็จัดสรรเวลาพูดกับข้าพเจ้าในเรื่องที่เฉพาะเจาะจง พวกเราอย่าพูดกันตรงนี้

ศิษย์ศิษย์ต้าฝ่าจากฉินหวางเต่า ซันไห่กวน ตานตง หนานชาง ขอกล่าวคำสวัสดีกับท่านอาจารย์

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์ขอให้ท่านอาจารย์พูดอะไรสักหน่อยกับศิษย์ต้าฝ่าจากออสเตรเลีย

อาจารย์ควรจะบอกว่า หลังจากที่ข้าพเจ้าได้พูดคุยกับศิษย์ต้าฝ่าจากออสเตรเลียเมื่อปีที่แล้ว ออสเตรเลียควรจะมีความเปลี่ยนแปลงมาก แต่ข้าพเจ้าเห็นว่ายังไม่พอ ที่ผ่านมาควรจะเรียงกันอย่างนี้: อเมริกาฝั่งนี้ทำได้ดีมาก จากนั้นเป็นแคนาดา ออสเตรเลียและยุโรป แต่เวลานี้ข้าพเจ้าคิดว่าในบางกรณียุโรปแซงหน้าออสเตรเลียไปแล้ว แต่อาจารย์ไม่ใช่กำลังวิจารณ์นะ เป็นเพราะท่านอยากจะให้ข้าพเจ้าพูด (ที่ประชุมหัวเราะ) ข้าพเจ้ารู้สึกว่าควรจะทำให้ดีมากขึ้นอีกสักหน่อย เป็นเช่นนี้จริงๆ แล้วยังเกิดปัญหาเป็นระยะๆ เมื่อพบกับความลำบากตรงไหน จะเดินหนีไม่ได้ ตรงไหนมีปัญหาพวกท่านต้องไปแก้ไข พวกท่านต้องไปอธิบายความเป็นจริง พวกท่านต้องจดจำจุดนี้เอาไว้! เมื่อเกิดปัญหาขึ้นที่ตรงไหน พวกท่านก็ต้องไปอธิบายความเป็นจริง พวกท่านต้องไม่หลีกเลี่ยงมัน ต่อให้มันปรากฏออกมาชั่วร้ายอย่างไรก็ตาม

ศิษย์ดูเหมือนผู้ฝึกในพื้นที่ต่างๆ มีความเข้าใจในระดับชั้นต่างๆ ของฝ่าแตกต่างกันอย่างมาก

อาจารย์ อาจจะเป็นเช่นนี้ เพราะสภาพแวดล้อมต่างกัน จำนวนผู้ฝึกมากหรือน้อย อาจจะมีผลกระทบในระดับหนึ่งต่อการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน การศึกษาฝ่าของผู้ฝึก พูดได้เพียงเท่านี้ แต่ข้าพเจ้าคิดว่า หากทุกคนจะอ่านหนังสืออย่างจริงจัง ศึกษาอย่างจริงจัง สิ่งที่ท่านไม่เข้าใจ ฝ่าเซินของอาจารย์ก็จะแนะเป็นนัยให้กับท่าน ก็จะบอกให้ท่านเข้าใจ แต่มีอยู่จุดหนึ่ง ทุกคนเวลาศึกษาฝ่า ต้องไม่ศึกษาด้วยจิตที่ยึดติด จะต้องสงบจิตสงบใจลงมาศึกษาฝ่าจริงๆ ต้องไม่ศึกษาฝ่าอย่างมีเป้าหมาย เวลาศึกษาฝ่าต้องไม่ใจลอย ขณะศึกษาฝ่าต้องไม่ปล่อยความคิดไปคิดในสิ่งอื่น ให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้ ศึกษาฝ่าก็คือศึกษาฝ่า ไม่สามารถปล่อยให้มีสิ่งรบกวนใดๆ ส่งผลกระทบต่อการศึกษาฝ่า

ศิษย์ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้ฝึกที่ถูกตัดสินลงโทษให้ทำงานหนัก สิ่งชั่วร้ายไม่อนุญาตให้พวกเขาศึกษาฝ่า ฝึกพลังกงและไม่มีสภาพแวดล้อมสำหรับบำเพ็ญ พวกเขาจะหยวนหมั่นอย่างไร

อาจารย์ข้าพเจ้าก็เห็นมีผู้ฝึกเช่นนี้อยู่เสมอ ท่านไม่ให้ฉันฝึกฉันก็จะฝึก ท่านไม่ให้ฉันศึกษาฉันก็จะศึกษา ฉันจะไม่ฟังท่าน สิ่งชั่วร้าย ท่านมิใช่ใช้ความเป็นความตายมาข่มขู่ฉันหรอกหรือ? แน่นอนอาจารย์พูดออกมาตรงนี้ เป็นการพูดกับพวกท่านผู้บำเพ็ญ แต่อาจารย์ก็ไม่อยากจะพูด คนธรรมดาสามัญฟังแล้วไม่อาจจะเข้าใจ ข้าพเจ้าขอบอกท่าน เวลาที่ท่านสามารถปล่อยวางความเป็นความตายได้อย่างแท้จริง อะไรท่านก็สามารถทำ (เสียงปรบมือ)

ในสายตาของเทพ การจัดเตรียมของอิทธิพลเก่าก็เป็นเช่นนี้ มือหนึ่งท่านจับมนุษย์เอาไว้ไม่ยอมปล่อย (อีก)มือก็จับพระพุทธไม่ปล่อย แท้จริงแล้วท่านต้องการสิ่งไหน ในเวลาที่สามารถปล่อยวางได้จริงๆ สภาพการณ์จะไม่เหมือนกัน พื้นที่ที่ถูกประทุษร้ายอย่างรุนแรง ที่ที่ถูกบ่อนทำลายอย่างหนัก ผู้ฝึกที่ตรงนั้นควรจะลองคิดดูจริงๆ สักทีว่า แท้จริงแล้วเรื่องเป็นอย่างไร ผู้ฝึกบางคนบอกว่า การประทุษร้ายต่อเนื่องมายาวนานขนาดนี้ บางคนซึ่งเดิมทีปฏิบัติได้ไม่เลวต่างก็ไม่ไหวแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าไม่ใช่เช่นนั้น ทองแท้ยิ่งนานมีแต่จะปรากฏออกมามากยิ่งขึ้น เป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่ หากท่านสามารถปล่อยวางความเป็นความตายได้จริงๆ ไม่มีสิ่งใดยึดติดแล้ว มันจะมียิ่งนานยิ่งไม่ไหวคงอยู่อีกหรือ ยังจะมีการทำให้ท่านเปลี่ยนแปลงคงอยู่อีกหรือ ยังจะทำให้ท่านเป็นอย่างนี้อย่างนั้นคงอยู่อีกหรือ หากในสถานกักกันนั้น คนนับร้อย นับพันคน ทุกคนต่างทำเช่นนี้ได้ ข้าพเจ้าคิดว่า สถานกักกันแห่งนั้นยังจะกล้ากักขังพวกท่านหรือ นี่เป็นการพูด ไม่อยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นดูเหมือนจะพูดง่าย ฉะนั้นอาจารย์บรรยายฝ่าอยู่ตรงนี้จึงไม่อยากจะพูดถึงเรื่องของที่นั่น ที่นั่นมีความยากลำบากมาก แต่ไม่ว่าจะยากลำบากอย่างไร พวกท่านคิดไหมว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร ท่านคิดไหมว่า มรรคผลในอนาคตนั้นจำเป็นต้องมีธรรมานุภาพอันยิ่งใหญ่สง่างามเป็นรากฐานไหม ท่านคิดไหมว่า สิ่งที่ท่านจะได้คือมรรคผลถูกต้องของเทพ ของพระพุทธที่ผ่านการยืนยันความถูกต้องของฝ่าไหม (ท่าน)ได้ปล่อยวางความเป็นมนุษย์ด้วยเหตุนี้จริงๆ แล้วหรือ ดุจวัชระ(จินกัง)ที่ไม่หวั่นไหว ไร้จิตยึดติด ไร้จุดรั่วแล้วหรือ หากเป็นเช่นนี้จริงๆ พวกท่านดูอีกทีสภาพแวดล้อมนั้นจะเป็นเช่นไร

เว็บไซต์หมิงฮุ่ยได้เผยแพร่บทความฉบับหนึ่ง ผู้ฝึกคนหนึ่งอธิบายความเป็นจริงของต้าฝ่า ร้องตะโกนว่า “ฝ่าหลุนต้าฝ่าดี” ไปตลอดทาง ไม่ว่าจะถูกพาไปถึงที่ใด ไม่ว่าตำรวจชั่วจะบอกอะไรฉันก็ไม่ฟัง ต่อให้ท่านทุบตีฉัน ด่าว่าฉันรุนแรงอย่างไร ฉันก็จะทำเช่นนี้ สถานกักกันแห่งนั้นตกใจกลัวจนส่ง(เธอ)คืนไป: พวกเราไม่เอา เพราะพวกมันคิด: พวกเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเธอ ซ้ำร้ายยังจะกระทบไปถึงคนส่วนใหญ่ (ที่ประชุมหัวเราะ) พวกมันอาจจะไม่ได้เงินรางวัลเสียอีก (เสียงปรบมือ) หมดปัญญา สถานีตำรวจจะจับไปไว้ที่ตรงไหนดีล่ะหมดปัญญา ส่งกลับบ้านไปเลย

ดูจากชั้นพื้นผิวคล้ายกับเป็นการกระทำของมนุษย์ โดยแก่นแท้แล้วไม่ใช่ เป็นเพราะบำเพ็ญถึงระดับนั้นแล้ว บรรลุถึงอาณาจักรเขตแดนนั้นแล้วอย่างแท้จริง --- จับมาแล้วฉันก็ไม่คิดว่าจะกลับ มาถึงที่นี่ฉันก็มาเพื่อยืนยันความถูกต้องของฝ่า เช่นนั้นสิ่งชั่วร้ายมันจึงกลัว ยิ่งกว่านั้นเวลานี้สิ่งชั่วร้ายมีจำนวนน้อยลงมากแล้ว ยิ่งสลายพวกมันก็ยิ่งน้อยลง

ศิษย์ศิษย์ที่ได้ฝ่าหลังจากเหตุการณ์ “20 กรกฎาคม” จะปฏิบัติให้ดีได้อย่างไรกับการยกระดับโดยรวมและการบำเพ็ญตัวเอง

อาจารย์ สำหรับการบำเพ็ญ ท่านก็บำเพ็ญโดยปฏิบัติตามข้อกำหนดในหนังสือ “ จ้วนฝ่าหลุน ” เรื่องนี้ไม่มีปัญหา บำเพ็ญไปตามปกติ เพียงแต่ว่าการผจญทุกข์ภัยที่ประสบอาจจะผสมไปกับการยืนยันความถูกต้องของฝ่าในเวลานี้ เพราะศิษย์ต้าฝ่าล้วนแต่กำลังยืนยันความถูกต้องของฝ่า ฉะนั้นระหว่างการยืนยันความถูกต้องของฝ่าจะมีปรากฏการณ์ของการสลายกรรม จะมีการผจญทุกข์ภัยเหล่านี้ปรากฏ ก็คือคนที่ได้ฝ่าหลังจากเหตุการณ์ “20 กรกฎาคม” ต้องพยายามปฏิบัติให้ดี อันที่จริงท่านไม่ได้ทุ่มเทมากเท่าใด เพราะศิษย์ที่ได้ฝ่าก่อนหน้าเหตุการณ์ “20 กรกฎาคม” พวกเขาได้ทุ่มเทไปแล้ว ได้เดินผ่านขั้นตอนนั้นแล้ว การบำเพ็ญ ต้องไม่ปล่อยให้ความยากลำบากฉุดรั้งท่านเอาไว้ ไม่ว่าจะอย่างไร ต่อให้ยากลำบากอย่างไร หนทางที่อาจารย์ให้ท่านเดินนั้นสามารถเดินข้ามมาได้อย่างแน่นอน (เสียงปรบมือ) เพียงท่านยกซินซิ่งให้สูงขึ้นเท่านั้น ท่านก็สามารถทะลวงข้ามมาได้

ศิษย์มีศิษย์บางคนพูดว่า เวลาฝึกพลังหน้าสถานกงสุลจีน ด้านที่เป็นเทพของตัวเองจะกำจัดสิ่งชั่วร้ายโดยอัตโนมัติ ความเข้าใจนี้ถูกต้องหรือไม่

อาจารย์โดยหลักการถูกต้อง มันเป็นเช่นนี้ ไม่มีปัญหา ศิษย์ต้าฝ่าพอนั่งลงตรงนั้น ด้านที่บำเพ็ญสำเร็จเป็นเทพไม่ใช่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยหรือ สิ่งนี้ไม่มีปัญหา ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่สามารถจะยึดติดอยู่กับความพึงพอใจเล็กๆ น้อยๆ นี้ (หัวเราะ)

ศิษย์เวลานี้ศิษย์ยังพบว่า การจะจัดการและทำให้ความเมตตากรุณาต่อสรรพชีวิตและการปกป้องศักดิ์ศรีของต้าฝ่ามีความสมดุลนั้นเป็นสิ่งที่ยากลำบากอย่างยิ่ง ขอท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะ

อาจารย์ท่านคิดจะปกป้องศักดิ์ศรีของต้าฝ่านั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่จะปกป้องอย่างไร? ท่านจะปิดปากเขา? ท่านจะถกเถียงกับเขา? ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน ท่านปฏิบัติต่อสรรพชีวิตด้วยความเมตตากรุณา ท่านอธิบายความเป็นจริงให้กับคนเขาด้วยความเมตตากรุณา ท่านก็กำลังปกป้องศักดิ์ศรีของต้าฝ่า ท่านก็สามารถปกป้องศักดิ์ศรีของต้าฝ่า (เสียงปรบมือกึกก้อง)

ศักดิ์ศรีของต้าฝ่าไม่ใช่อาศัยวิธีการของคนธรรมดาสามัญมาปกป้อง แต่เป็นการได้มาจากการแสดงออกซึ่งความเมตตากรุณา ความดีอย่างแท้จริงของพวกเราศิษย์ต้าฝ่าทุกคน ไม่ใช่สร้างขึ้นมา ไม่ใช่จากพฤติกรรมของคน ใช้วิธีการของคนสร้างขึ้นมา แต่เกิดจากความเมตตากรุณา ปรากฏออกมาจากการช่วยเหลือสรรพชีวิตและในการบำเพ็ญของท่าน โดยภาพรวมทุกคนต่างบำเพ็ญได้ดี ชาวโลกก็จะบอกว่าต้าฝ่าดี ต่างก็จะยกย่องนับถือต้าฝ่า ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยพูดกับผู้รับผิดชอบของพวกเรา ข้าพเจ้าพูดว่าผู้รับผิดชอบของต้าฝ่าไม่ใช่อาศัยวิธีจัดการของคนธรรมดาสามัญ แต่อาศัยจิตใจที่มีต่อต้าฝ่าดวงนั้นของท่านและการรับผิดชอบต่อการบำเพ็ญตัวท่านเอง คือท่านได้มาเพราะตัวท่านบำเพ็ญได้ดี ผู้คนต่างยกย่องท่าน นับถือท่าน หากท่านทำผิดแล้วไม่ยอมรับ อยากจะให้รู้ว่าท่านไม่ผิดโดยการแสดงว่าท่านไม่ผิด เช่นนั้นใครๆ ก็จะดูถูกท่าน เพราะนั่นเป็นวิธีการของคนธรรมดาสามัญ พวกเราต้าฝ่าอยู่ต่อหน้าคนในโลกก็เช่นกัน มีคนว่าท่านไม่ดี ท่านใช้วิธีของคนธรรมดาสามัญไปถกเถียงกับเขา ท่านไปปิดปากเขา อย่างนั้นอย่างนี้ จะทำให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ให้พวกเราประพฤติตนให้ดี ปฏิบัติต่อทุกสิ่งด้วยความเมตตากรุณา ท่านไม่ต้องไปโต้แย้ง ไปถกเถียงกับเขา มนุษย์มีด้านที่เข้าใจแจ่มแจ้ง ชั้นพื้นผิวของมนุษย์จะถูกกะเทาะให้เกิดความรู้สึก โดยอัตโนมัติเขาก็จะบอกว่าท่านดี แต่จิตใจของผู้ฝึกเป็นสิ่งที่สามารถจะเข้าใจ --- ใครบ่อนทำลายต้าฝ่า ข้างในจิตใจตัวเองรู้สึกไม่สบายอย่างยิ่ง เช่นนั้นใครที่บ่อนทำลายต้าฝ่าท่านก็ไปอธิบายกับเขา คนที่ไม่สามารถจะช่วยได้ก็มี คนที่ไม่สามารถช่วยก็ไม่ต้องไปสนใจ และไม่ต้องตามไปตื้อเขา และไม่ต้องไปปิดปากเขา เพราะคนที่ไม่สามารถช่วยได้จริงๆ ก็จะมีวิธี โรคระบาดที่เกิดขึ้นในประเทศจีนก็คือการจัดการกับคนกลุ่มนี้ เมื่อไม่สามารถจะช่วย เช่นนั้นเขาก็ถูกกำจัดทิ้งไป ข้าพเจ้าไม่ใช่คนทำ เป็นอิทธิพลเก่าที่กำลังกำจัดคนทิ้งไป แน่นอน นอกจากนี้เทพถูกต้องก็กำลังกำจัดคนชั่วทิ้งไปด้วย แน่นอนเรื่องที่ใหญ่ขนาดนี้ หากข้าพเจ้าไม่อนุญาตอิทธิพลเก่าก็ไม่กล้าทำ

ศิษย์ณ ขณะนี้ในการอธิบายความเป็นจริง พวกเรานำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่คนธรรมดาสามัญ เช่นข่าวเกี่ยวกับโรคระบาด มาเป็นเนื้อหาสำหรับอธิบายความเป็นจริง เพื่อเตือนสติคนในประเทศจีนเป็นปริมาณมาก

อาจารย์การเตือนสติเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ หากพวกท่านไปแถลงกับสื่อมวลชนอย่างเปิดเผย คนธรรมดาสามัญจะไม่สามารถเข้าใจ ในระหว่างอธิบายความเป็นจริงทุกท่านสามารถจะพูดถึง สามารถจะเตือนสติพวกเขา เรื่องนี้ไม่มีปัญหา คนจำนวนมากตกอยู่ท่ามกลางสังคมซึ่งสร้างขึ้นโดยวิทยาศาสตร์นี้ จะไม่เชื่อในเทพ โดยเฉพาะการแพทย์ปัจจุบันก็เป็นส่วนหนึ่งของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ท่านพูดสิ่งเหล่านี้ เขาอาจจะไม่เข้าใจ ด้วยเหตุนี้ สิ่งชั่วร้ายยังจะฉวยโอกาสนี้กุข่าวเท็จ ฉะนั้นทุกท่านไม่ต้องไปพูดอย่างเปิดเผย ในระหว่างอธิบายความเป็นจริงสามารถชี้แจงเรื่องนี้ให้คนเข้าใจ

ศิษย์ท่านอาจารย์กล่าวว่า เวลานี้พวกเรากำลังเลือกสรรผู้บำเพ็ญชั้นเยี่ยมของอนาคต คำถามของดิฉันคือ ดิฉันพบว่าเพื่อนๆ ของดิฉันบางคนที่สนับสนุนต้าฝ่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ทำสิ่งที่ดีให้กับต้าฝ่า พวกเขาจะรู้สึกถึงความลำบาก เป็นเพราะพวกเรายึดติดใช่หรือไม่ เพราะเพื่อนผู้ฝึกพูดว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ต้องเป็นดิฉันที่มีปัญหา ดิฉันรู้สึกไม่สบายใจ หรือเป็นการประทุษร้ายของอิทธิพลเก่า

อาจารย์คนๆ หนึ่งคิดจะเข้ามาสู่ต้าฝ่าในเวลานี้เป็นเรื่องที่ยากมาก นอกจากว่าเขาจะมีความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่อย่างยิ่ง อย่างเช่นคนบางคนเมื่อเรียนฝึกพลังกงแล้ว ท่านจะให้เขาเป็นศิษย์ต้าฝ่าทันที เข้ามาแล้ว ท่านพาเขาไปทำงานเกี่ยวกับการยืนยันความถูกต้องของฝ่า อิทธิพลเก่าก็จะก่อกวน โดยอิทธิพลเก่ามีข้ออ้างที่มีน้ำหนักข้อหนึ่ง บอกว่า ”ไม่ทันกับเวลาแล้ว จิตใจที่เขาแสดงออกมาก็ไม่แรงกล้าสักเท่าใด” หมายความว่าจิตใจที่อยากจะเป็นศิษย์ต้าฝ่าของเขาไม่แรงกล้าสักเท่าใด จึงยากจะเข้ามาได้ ท่านให้เขาทำงานของต้าฝ่าเหมือนอย่างศิษย์ต้าฝ่า เช่นนั้นอิทธิพลเก่าก็จะก่อกวน สภาพการณ์เป็นเช่นนี้ แต่ก็ไม่เป็นเช่นนี้กันทั้งหมด มีปรากฏการณ์เช่นนี้ นอกจากนี้ คนธรรมดาสามัญบางกลุ่ม พวกเขาอยากจะสนับสนุนต้าฝ่า อยากจะทำอะไรให้ต้าฝ่าบ้างซึ่งเป็นความตั้งใจที่เกิดจากใจตนเอง และไม่ถูกก่อกวน หมายความว่าระหว่างศิษย์ต้าฝ่าและการบำเพ็ญของคนในอนาคต มันมีเส้นแบ่งเขต

ศิษย์ใน “ การบรรยายฝ่าสัญจร ” กล่าวว่า ชีวิตสุดท้ายนั้นก็ไม่บริสุทธิ์แล้ว หมายถึงอะไร

อาจารย์ใช่ ชีวิตสุดท้ายก็ไม่บริสุทธิ์แล้ว เป็นเช่นนี้ แต่จักรวาลนี้ใหญ่โตจริงๆ ภาษามนุษย์ไม่อาจจะบรรยาย ชีวิตสุดท้ายที่ข้าพเจ้าพูดถึงนั้นเป็นเพียงการบรรยายเท่านั้น หากข้าพเจ้าสามารถใช้คำพูดมนุษย์อธิบายถึงชีวิตสุดท้ายนั้นได้จริงๆ ก็คือกำลังด่าถึงเขาโดยตรงแล้ว พวกท่านทราบไหม “ สุดท้าย” คำศัพท์คำๆ นี้ เมื่อถึงระดับชั้นที่กำหนดมันจะเปลี่ยนไป ความหมายที่ครอบคลุมจะเปลี่ยนไป มีผู้ฝึกถามข้าพเจ้าว่า “หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง” เป็นสัจธรรมบนสวรรค์ใช่หรือไม่ บนสวรรค์ไม่ใช่เป็นไปตามความคิด ตรรกของมนุษย์ เมื่อถึงสุดท้ายความหมายที่ครอบคลุมของมันก็เปลี่ยนไป จึงไม่ใช่เช่นนั้นแล้ว จักรวาลใหญ่เพียงใด ร่างนภา(เทียนถี่)ใหญ่เพียงใด สมมติว่าทั้งหมดนั้นเสื่อมทรามทั้งหมดแล้ว นั่นต้องเป็นมูลเหตุของเขาอย่างแน่นอน เมื่อครู่ข้าพเจ้าจึงพูดถึงส่วนนี้ แม้ว่าความคิดของข้าพเจ้าได้พูดถึงเขาแล้ว แต่ภาษามนุษย์ดูเหมือนยังไม่ได้พูดถึงเขา ฉะนั้นเขา ที่ตรงนั้นโดยมูลฐานจึงไม่สะทกสะท้าน ทั้งๆที่รู้ กลับแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ เขากำลังคิด พวกท่านไม่ได้พูดถึงฉันแต่อย่างใด เพราะแนวคิดของภาษามนุษย์นั้นมีขีดจำกัด

เป็นต้นว่า เต๋าพูดถึงอู๋(ความไม่มี) เขารู้สึกว่าถ้าว่าตามหลักทฤษฎีของสายเต๋า อู๋จี๋(สูงไร้ที่สุด)ให้กำเนิดไท่จี๋(ไท่เก๊ก ที่สูงสุด) ไท่จี๋ให้กำเนิดเหลี่ยงอี้(สองขั้ว) เหลี่ยงอี้ให้กำเนิดซื่อเซี่ยง(สี่ลักษณะ) ซื่อเซี่ยงให้กำเนิดปากั้ว(แผนภูมิ 8 เอกลักษณ์) เขาเข้าใจว่าเมื่อถึงอู๋จี๋นั่นคือสูงที่สุด ในสภาวะหุนตุน(กลุ่มอากาศที่สลัวก่อนที่โลกจะอุบัติขึ้นเบิกฟ้า) อยู่ท่ามกลางสภาวะหุนตุนอะไรก็ไม่มี แต่เต๋าที่มีความเข้าใจสูงขึ้นไปอีก กล่าวว่า บอกว่าแม้แต่หุนตุนก็ไม่มี ว่างเปล่า นั่นคือสูงที่สุด อะไรก็ไม่มี ทุกท่านลองคิดดู คำพูดนี้ได้พูดถึงที่สุดแล้วใช่ไหม แต่ยังไม่ถึงที่สุด เหตุใดยังไม่ถึงที่สุดล่ะถ้าอะไรก็ไม่มีแล้วท่านยังจะสามารถพูดออกมาได้อย่างไรล่ะ ก็เรียกมันว่า “อะไรก็ไม่มี” ก็แล้วกัน เรียกว่า “ว่างเปล่า” ก็แล้วกัน เรียกว่า “อู๋”(ความไม่มี) ก็แล้วกัน (ที่ประชุมหัวเราะ) เป็นความคิดอย่างนี้ ใช่หรือไม่ ฉะนั้นเมื่อจุดที่อะไรก็ไม่มี เมื่อท่านค้นหาสู่ระดับจุลทรรศน์ ระดับจุลทรรศน์ที่ไร้ขีดจำกัดต่อไปอีก ท่านจะพบว่ามันมีอีกแล้ว และรูปแบบการคงอยู่ของชีวิตประเภทนั้น กับการคงอยู่ขององค์ประกอบของสสารของร่างนภา(เทียนถี่) ที่อยู่ข้างล่างจึงมีความแตกต่างกันอย่างมาก หลักการก็ไม่เหมือนกัน ดูเหมือนระหว่างกันจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่มันก็มีอีกแล้ว ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เมื่อถึงระดับที่กำหนดมันก็ไม่มีอีกแล้ว หลังจากนั้นเมื่อถึงระดับที่กำหนดท่านค้นหาต่อไปอีกก็จะพบว่ามันมีอีกแล้ว มีระดับจุลทรรศน์ลงไปอีก ฉะนั้นท่านใช้ภาษามนุษย์ไปอธิบาย ไปเข้าใจมัน ก็ไม่อาจจะเข้าใจ หลังจากถึงอาณาเขตที่ใหญ่ขึ้นในระดับที่กำหนด ความแตกต่างจะปรากฏออกมาใหญ่ขึ้นไปอีก ก็ยิ่งแตกต่างกันเป็นคนละเรื่อง ฉะนั้นท่านจะบอกว่ามันเป็นสภาวะอะไร ไม่สามารถจะบรรยายได้ด้วยภาษามนุษย์จริงๆ ชีวิตสุดท้ายก็ไม่บริสุทธิ์แล้วก็คือทุกสิ่งไม่ไหวแล้ว จึงต้องเจิ้งฝ่า

ศิษย์กำลังพิจารณาเรื่องจะเชิญนักดนตรีคนธรรมดาสามัญมาร่วมงานแสดงดนตรีซึ่งจัดเพื่อหยุดการประทุษร้าย ใคร่ขอทราบความเห็นท่านอาจารย์เกี่ยวกับการให้คนธรรมดาสามัญร่วมงานแสดงดนตรีประเภทนี้

อาจารย์ไม่มีความเห็น คนธรรมดาสามัญอยากจะมาบอกว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าดี ไม่สามารถจะบอกว่าไม่ให้คนเขาพูด นั่นไม่มีปัญหา พูดถึงเรื่องว่ามาที่นี่เพื่อแสดงสิ่งที่เป็นของคนธรรมดาสามัญ พวกท่านก็ต้องพึงระวังสักหน่อย บางสิ่งบางอย่างจะให้แสดงร่วมกับศิษย์ต้าฝ่าบนเวทีด้วยกันได้หรือไม่ แน่นอนดนตรีคลาสสิคประเภทนี้ไม่มีปัญหา สำหรับดนตรีสมัยใหม่ละก็ พูดยาก

ศิษย์ใคร่ขอท่านอาจารย์ชี้แนะ ควรจะจัดการอย่างไรกับเอกสารข้อมูลของต้าฝ่าที่คนธรรมดาสามัญทิ้ง เพราะสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นคำพูด สัญลักษณ์ที่ศักดิ์สิทธิ์

อาจารย์อันที่จริงทุกท่านทำสิ่งใดล้วนแต่ต้องการจะช่วยเหลือสรรพชีวิต รวมทั้งเอกสารอธิบายความเป็นจริงนั้นด้วย ใบปลิวแผ่นพับเมื่อแจกออกไปก็ต้องคำนึงถึงว่าคนจะทิ้ง ณ จุดนี้ ศิษย์ต้าฝ่าจะรู้สึกว่า(มัน)มีคุณค่าแก่การทะนุถนอม แต่อย่าไปโกรธเคืองคนธรรมดาสามัญ ให้คงปฏิบัติ(ต่อเขา)ด้วยความเมตตากรุณา คนที่ทิ้งใบปลิวแผ่นพับ พูดได้แต่ว่าเขาพลาดโอกาสไปแล้ว แต่เมื่อคนๆ นั้นไม่ไหวแล้ว ช่วยเหลือไม่ได้แล้วจริงๆ เทพจะคิดบัญชีบาปของเขา อาจารย์เคยพูดไว้เช่นนี้:ข้าพเจ้าไม่คำนึงถึงโทษบาปทั้งหมดที่สรรพชีวิตได้ก่อเอาไว้ในประวัติศาสตร์ จะดูแต่ท่าทีต่อต้าฝ่าของชีวิตนี้ในระหว่างการเจิ้งฝ่าเท่านั้น ล้วนปฏิบัติเช่นนี้กับสรรพชีวิตทุกๆ ชั้น แต่เมื่อชีวิตนั้นประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่าจริงๆ ปฏิบัติต่อต้าฝ่าไม่ดีจริงๆ (เมื่อ)พวกเขาอยู่ในนรกก็จะคิดทั้งบัญชีใหม่และบัญชีเก่าพร้อมกันทีเดียว เพราะชีวิตที่ไม่อาจจะช่วยเหลือได้ โทษบาปที่ค้างไว้แต่ก่อนไม่ชำระคืนไม่ได้ ฉะนั้นสำหรับพวกเขาคือบัญชีใหม่และบัญชีเก่าคิดพร้อมกันทีเดียว ศิษย์ต้าฝ่าบำเพ็ญ “เจิน ซั่น เหยิ่น” ฉะนั้นการเมตตากรุณาต่อสรรพชีวิต ไม่สามารถจะบอกว่าหากอ่านก็เมตตากรุณา ไม่อ่านเอกสารก็ไม่เมตตากรุณา เป็นเช่นนั้นไม่ได้ (หัวเราะ) ช่วยเหลือคน ต้องมีจิตใจที่อดทน จึงจะเป็นความเมตตากรุณาของศิษย์ต้าฝ่า

ศิษย์ใคร่ขอถาม องค์ประกอบของจักรวาลที่อยู่เหนืออิทธิพลเก่า ชีวิตสุดท้ายนั้น มีสภาพเป็นอย่างไรระหว่างการเจิ้งฝ่า ก่อนการเจิ้งฝ่าพวกเขาอยู่ในจักรวาลไม่คิดถึงการช่วยตัวเอง หรือมีมูลเหตุอื่นใด

อาจารย์กับการเจิ้งฝ่า องค์ประกอบสุดท้ายของอิทธิพลเก่าคือความชั่วร้าย คือความเห็นแก่ตัว คือการจัดวางทุกข์ภัยใหญ่หลวงในจักรวาลให้แก่การเจิ้งฝ่า ในขั้นตอนตรงกลางของเหล่าเทพอิทธิพลเก่า ล้วนมีการจัดเตรียมที่เฉพาะเจาะจงตามที่พวกมันต้องการในระดับชั้นต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรมของมัน โดยเฉพาะ ฉะนั้นทุกๆชั้นก็ได้จัดวางความสำเร็จของการเจิ้งฝ่าเอาไว้ แต่พูดจากด้านธรรมานุภาพของฝ่า อิทธิพลเก่าก็กำลังทำลายชั้นที่ต่ำลงมาจากชั้นข้างบนหนึ่งชั้น เพราะพวกมันรู้ว่า เรื่องของการเจิ้งฝ่า ใครที่เข้ามายุ่งเกี่ยวก็จะทำลายคนนั้น ว่ากันให้ถึงแก่นนี่ก็คือต้าฝ่าแห่งจักรวาล สรรพชีวิตชั้นใดๆ ก็ไม่คู่ควรมาควบคุม ข้าพเจ้าจึงพูดว่าอิทธิพลเก่าสุดท้ายนั้นชั่วร้าย เป็นเพราะเมื่อการเจิ้งฝ่าดำเนินถึงสุดท้าย พบว่าพวกเขาโดยตัวเองเพียงแต่จัดวางทุกข์ภัยใหญ่หลวงให้กับการเจิ้งฝ่าเท่านั้น อย่างอื่นมันไม่ใช่อะไรทั้งสิ้น

พวกเขาอยู่ในจักรวาลก่อนการเจิ้งฝ่า พวกเขามีแผนของพวกเขา คือเพื่อส่วนตัวเพื่อตัวเอง ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเรื่องบางอย่างเมื่อพูดขึ้นมา พูดออกมาแล้วเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก จะใช้เวลามาก ทุกๆ คน ปัญหาพวกท่านถามขึ้นมา หากข้าพเจ้าจะอธิบายละก็ สามารถจะอธิบายกันหลายวัน เพราะขั้นตอนที่มันเกี่ยวโยง ณ ระดับชั้นที่สูงขึ้นไป ฝ่าที่ข้าพเจ้าอธิบายจะเลื่อนสูงมากยิ่งขึ้นจากหลักการความจริงข้างล่าง ขั้นตอนระหว่างกลาง หากไม่อธิบายจึงยากอย่างยิ่งที่จะเข้าใจ ถึงแม้ว่ามันจะมีความประสานกลมกลืน ทุกท่านทราบ ฝ่าหลุนบางองค์เล็ก บางองค์ใหญ่ บางองค์ใหญ่ขึ้นไปอีก ฝ่าหลุนมีความประสานกลมกลืนเหมือนจักรวาล แต่ร่างนภา(เทียนถี่)ที่ใหญ่ขึ้นไปอีกก็ยังมีฝ่าหลุน ร่างนภา(เทียนถี่)ที่ใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้นไปอีกก็ยังมี ร่างนภา(เทียนถี่)ที่ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นไป ใหญ่ขึ้นไปอีกก็ยังมี ร่างนภา(เทียนถี่)ใหญ่เพียงใด ฝ่าหลุนก็ใหญ่เท่านั้น เมื่อขึ้นถึงร่างนภา(เทียนถี่)ชั้นข้างบนตรงนั้น มีหลักการความจริงที่ใหญ่ขึ้นไปอีก แต่หลักการความจริงของนภาใหญ่โดยภาพรวมนั้นเชื่อมโยงกัน ประสานกลมกลืนกัน ฉะนั้นหลักการความจริงของฝ่าในร่างนภา(เทียนถี่) จะเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงของระดับชั้นด้วย

ศิษย์ไต้หวันสามารถยื่นฟ้องหัวโจกสิ่งชั่วร้ายไหม (ที่ประชุมหัวเราะ)

อาจารย์มันประทุษร้ายท่านก็สามารถจะยื่นฟ้องมัน ไม่มีที่จะยื่นฟ้องไม่ได้ (เสียงปรบมือ) เพียงแต่ศาลรับฟ้อง ท่านก็ยื่นฟ้องได้

ศิษย์ศิษย์อ่าน “ จ้วนฝ่าหลุน ” ซ้ำแล้วซ้ำอีก ยังคงสัมผัสรับรู้ไม่ถึงความหมายที่ครอบคลุมของส่วนที่เกี่ยวกับการเจิ้งฝ่า มูลเหตุอยู่ที่มีการรับรู้(อู้ซิ่ง)ต่ำใช่หรือไม่

อาจารย์จากตัวหนังสือใน “ จ้วนฝ่าหลุน ” ท่านคิดจะหาให้พบว่า มีสิ่งที่ข้าพเจ้าบอกให้ท่านทำงานเกี่ยวกับเจิ้งฝ่าในวันนี้ ท่านจะหาไม่พบตลอดไป การเป็นคนที่บำเพ็ญ เป็นศิษย์ต้าฝ่าคนหนึ่ง ศิษย์ต้าฝ่าในช่วงเวลาเจิ้งฝ่า ท่านสมควรทำอะไร ท่านสามารถเข้าใจจากใน“จ้วนฝ่าหลุน ”ท่านสามารถรู้จากหลักการความจริงของฝ่า ไม่เพียงแต่สามารถเข้าใจถึงขั้นนี้ ในรูปธรรมจะทำอย่างไร สามารถจะทำให้ดีอย่างไร ท่านอ่านหนังสือต่อไปอีก งานขั้นต่อไปท่านยังจะสามารถค้นพบ(มองเห็น)ยังสามารถจะส่งสัญญาณให้แก่ท่าน ไม่เพียงเท่านี้ ถึงขั้นสุดท้ายก็ยังสามารถจะส่งสัญญาณให้แก่ท่าน ไม่ว่าท่านจะบำเพ็ญสูงถึงเพียงใด ล้วนอยู่ตรงนี้ ศิษย์ต้าฝ่าคนหนึ่งสมควรทำอย่างไร ล้วนอยู่ตรงนี้แล้ว ท่านจะค้นหาตัวอักษรชั้นพื้นผิว หาอย่างไรก็ไม่พบ

ศิษย์สิ่งที่ท่านอาจารย์กล่าววันนี้คือ “ได้ร่างมนุษย์ตลอดกาลคือพระพุทธ” ใช่ไหมศิษย์ขอสิบนิ้วพนม กล่าวสวัสดีต่อท่านอาจารย์

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน อย่าได้กำหนดความหมายตายตัวให้กับฝ่าที่ข้าพเจ้าพูด ข้าพเจ้าไม่ได้บอกท่านว่า สิ่งที่ข้าพเจ้าพูดนั้นเป็นฝ่าชั้นใด เพราะขณะที่ข้าพเจ้าบรรยายฝ่า ร่างกายทุกๆ ชั้นของข้าพเจ้า ตลอดไปจนไร้ขีดจำกัด ก็กำลังบรรยาย พวกท่านพูดถึงชั้นไหนล่ะ ไม่ว่าท่านจะเข้าใจฝ่าที่ข้าพเจ้าพูด ณ ชั้นใด ก็เป็นเพียงความเข้าใจของท่าน ณ ระดับชั้นนั้นเท่านั้น แต่ไม่จำกัดอยู่ตรงนั้น รวมถึงการสะท้อนซึ่งกันและของร่างมนุษย์ที่ข้าพเจ้ากล่าวไปเมื่อครู่ นั่นไม่ใช่ประเด็นของการเป็นพระพุทธ นั่นเป็นเรื่องของความประสานกลมกลืนของระบบจักรวาล ระบบร่างนภา(เทียนถี่) ระบบนภาใหญ่(ต้าโฉวงถี่)ทั้งหมด ยิ่งกว่านั้นเป็นการแก้ไขปัญหาของจักรวาลในอดีต ซึ่งเทพถูกจำกัดด้วยรูปแบบของชีวิต นั่นเป็นปัญหาที่ใหญ่หลวงมาก ฉะนั้นพวกท่านจึงอย่าเห็นว่า “อ้อ ก็คืออันนี้” สัมผัสรับรู้ถึงอะไร “อ้อ ก็คืออันนี้”ไม่ใช่ นั่นเป็นสิ่งที่พวกท่านเข้าใจจากพื้นฐานของพวกท่านในปัจจุบัน

ศิษย์ส่งเสริมชักจูงให้เพื่อนผู้ฝึกออกมาร่วมประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แต่ผู้ฝึกบางคนเห็นว่าหากออกมาบ่อยๆ จะไม่มีเวลาศึกษาฝ่า การอธิบายความเป็นจริง อยู่บ้านสามารถทำได้เหมือนกัน กลับจะทำได้ดีกว่า

อาจารย์ถ้าหากศิษย์ต้าฝ่าสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดที่มีต่อศิษย์เจิ้งฝ่าในวันนี้ในสภาพเช่นนั้น เช่นนั้นท่านก็ทำไป หากทำไม่ได้ นั่นคือข้ออ้าง แน่นอน เหมือนการประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์นี้ที่พวกท่านจัด อันที่จริงยังมีความจำเป็นอย่างมาก แต่ข้าพเจ้าไม่อยากให้จัดบ่อยจนเกินไป เพราะหากผู้ฝึกวิ่งรอกไปมาจะส่งผลกระทบต่องานอื่นของการยืนยันความถูกต้องของฝ่า แต่การประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ยังจำเป็นต้องจัด แต่ต้องไม่จัดบ่อยจนเกินไป นอกจากนี้งานยืนยันความถูกต้องของฝ่าบางเรื่องที่ทำกันเป็นกลุ่มยังจำเป็นต้องไปทำ การให้ความร่วมมือเอย การประสานงานซึ่งกันและกัน ท่านบอกว่าท่านอยู่ที่บ้านทำได้ดีมาก แต่เรื่องบางอย่างที่ต้องการความร่วมมือ ต้องการการร่วมแรงร่วมใจของทุกท่าน ท่านก็ไม่ได้ทำ

ศิษย์บางครั้งศิษย์มองเห็นสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งภัยพิบัติในโลก สามารถจะเขียนออกมาให้คนเกิดความหวาดกลัวได้หรือไม่ หรือได้เห็นสิ่งที่อิทธิพลเก่าจัดเตรียม

อาจารย์สามารถจะทำอย่างมียุทธวิธี อย่างมีสติปัญญาเพื่อช่วยเหลือสรรพชีวิต อย่าทำให้คนหวาดกลัว ต้องช่วยเหลือสรรพชีวิต สิ่งที่ผู้ฝึกมองเห็นนั้นมีสภาพการณ์สองแบบเช่นนี้ หนึ่งคือร่างกายนั้นที่ข้าพเจ้าพูดกับพวกท่านไปเมื่อครู่ อาณาเขตของระบบร่างกายตนเองของร่างกายท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนนั้นของพวกเราศิษย์ต้าฝ่าที่บำเพ็ญสำเร็จ ร่างกายของเขาจะขยายใหญ่ขึ้น จะครอบคลุมและสะท้อนกับชีวิตของจักรวาลมากขึ้น เช่นนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างใน โดยแท้จริงก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นในส่วนหนึ่งของจักรวาล ผู้ฝึกจำนวนมากนั้นมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในร่างกายตัวเอง แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในจักรวาล เพราะพวกเราศิษย์ต้าฝ่า หากทุกๆคนต่างบำเพ็ญได้ดี ทุกๆคนสะท้อนกับหนึ่งร่างนภา(เทียนถี่) ก็จะครอบคลุมไปทั่วทั้งจักรวาล นี่คือเหตุใดการฟาเจิ้งเนี่ยนของพวกท่านจึงสำคัญเช่นนี้ หากเป็นเช่นนี้ โดยแท้จริงสิ่งที่ท่านเห็นก็เป็นเพียงสภาวะของท่านในระหว่างที่บำเพ็ญเท่านั้น และเพียงแต่ปรากฏออกมากับตัวท่านในระหว่างการบำเพ็ญของตนเอง เป็นเช่นนี้เท่านั้นเอง แน่นอนมันจะสะท้อนซึ่งกันและกันด้วยรูปแบบต่างๆ มาถึงตรงนี้ให้ท่านเห็น บางครั้งมันจึงยากที่จะแบ่งแยกว่าเป็นข้างในหรือข้างนอก

แน่นอน มีผู้ฝึกบางคนมองเห็นภายในสามภพโดยรวมจะเกิดเหตุการณ์อะไร แต่ในระยะหลังนี้มีน้อยมาก เพราะประวัติศาสตร์ช่วงนี้จัดวางออกมาใหม่ทั้งหมด รวมทั้งคำพยากรณ์ต่างๆ ไม่ว่าระยะหลังมันจะถูกต้องแม่นยำหรือไม่ก็ตาม แต่มันมีผลทำให้สิ่งชั่วร้ายสั่นสะเทือนและสยบจิตใจสิ่งชั่วร้าย สำหรับชาวโลก(มัน)จะส่งผลในการชี้แนะ จะเตือนสติชาวโลก ฉะนั้นมันสามารถบังเกิดผลด้านบวกได้บ้าง ศิษย์ต้าฝ่าจะปฏิบัติไปตามคำพยากรณ์ใดๆไม่ได้ ศิษย์ต้าฝ่าต้องปฏิบัติไปตามต้าฝ่า! ปฏิบัติตามสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าสมควรทำ! ท่านต้องไม่ปฏิบัติโดยเลียนแบบสิ่งอื่นใด ในการอธิบายความจริง อันที่จริงคำพยากรณ์ต่างๆ พวกท่านมิใช่ทำให้คนธรรมดาสามัญดูหรอกหรือ บอกให้คนธรรมดาสามัญตระหนักถึงบทเรียนในประวัติศาสตร์ คนโบราณต่างก็พูดในสิ่งเหล่านี้ ซึ่งเป็นการเตือนชาวโลก นั่นไม่ใช่ให้ศิษย์ต้าฝ่าดูเป็นข้อมูลสำหรับการบำเพ็ญของตัวเองหรอกนะ! ศิษย์ต้าฝ่าหากไม่ได้ประสบกับการประทุษร้ายครั้งนี้ ข้าพเจ้าจะไม่ให้ท่านค้นหาคำพยากรณ์เหล่านี้ออกมา ย่อมจะเป็นหลักการอันนี้ ก็คือศิษย์ต้าฝ่าต้องปฏิบัติตามต้าฝ่า พวกท่านกำลังก่อตั้งประวัติศาสตร์ พวกท่านกำลังก่อตั้งอนาคต สิ่งที่คนอื่นจัดเตรียมนั้นนับไม่ได้ สิ่งที่คนอื่นมองเห็นล้วนแต่ผ่านไปแล้ว เปลี่ยนแปลงไปแล้ว แม้ว่าจะพบกับบางสิ่งบางอย่าง(บางเหตุการณ์)ที่คล้ายกันโดยบังเอิญก็ตาม นั่นก็เป็นการจัดเตรียมไปตามความจำเป็นในระหว่างการจัดเตรียม เท่านั้นเอง

ศิษย์ศิษย์ได้ฝ่าภายหลังเหตุการณ์ 20 กรกฎาคม ประสบกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ ปลอดภัยไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด คนธรรมดาสามัญเห็นเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ให้ชีวิตครั้งที่สองแก่พวกเรา เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในช่วงเวลาเจิ้งฝ่า ล้วนเป็นเพราะ มีจุดรั่ว จึงถูกสิ่งชั่วร้ายเจาะช่องว่างใช่หรือไม่ หรือมีเหตุปัจจัยของชีวิตอย่างอื่นอีก

อาจารย์ข้าพเจ้าคิดว่ามีมูลเหตุสองประการ หนึ่งคือ เกิดขึ้นเนื่องจากผู้ฝึกบางคนปฏิบัติได้ไม่ดีหรือไม่ มูลเหตุอีกประการหนึ่งคือ เป็นผู้ฝึกใหม่หรือไม่ แน่นอน ผู้ฝึกใหม่ย่อมมีทุกข์ภัย แต่กรณีแบบนี้มีค่อนข้างน้อย โดยทั่วไปมีทุกข์ภัยก็ไม่เกิดปัญหาใหญ่โต ไม่ว่าจะอย่างไร อย่าได้เห็นสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญนัก ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม ถึงอย่างไรการเป็นผู้บำเพ็ญคนหนึ่ง เขาย่อมมีเหตุปัจจัยของเขาอยู่ข้างใน

ศิษย์มีศิษย์หลายคนประสบมารผจญด้านกรรมแห่งโรคที่รุนแรงมากมาเป็นเวลานานทีเดียว สามารถจะรวมกลุ่มฟาเจิ้งเนี่ยนเพื่อช่วยเหลือหรือไม่

อาจารย์แน่นอนสามารถทำได้ ข้าพเจ้าอธิบายถึงปัญหานี้ไปเมื่อครั้งก่อน แต่ผู้ฝึกบางคน ต้องพูดจากข้างในจิตใจตัวเอง คิดว่าโดยแท้จริงตัวเองปฏิบัติได้เป็นเช่นไร การเป็นชีวิตที่ยิ่งใหญ่สง่างามในช่วงเวลาเจิ้งฝ่า โดยแท้จริงท่านปฏิบัติเป็นเช่นไร พอเกิดปัญหาอะไรต้องไม่พูดว่า “ศิษย์ต้าฝ่า เกิดเรื่องประเภทนี้ได้อย่างไร”

ตลอดมาเป็นเวลานานแล้ว ผู้ฝึกบางคนมีความยึดติดมูลฐานที่ยังไม่ได้ขจัดทิ้งไป! พอกพูนสะสมจนในที่สุด ไม่อาจจะข้ามไปได้ ทุกข์ภัยจึงใหญ่ เมื่อเกิดปัญหาอะไรไม่ค้นหา(สาเหตุ)จากซินซิ่น ไม่ยกระดับตัวเองจากมูลฐาน ไม่ปล่อยวางเรื่องนี้ลงได้จริง และเดินข้ามมาอย่างสง่าผ่าเผยจากอีกด้านหนึ่ง กลับพุ่งตรงไปที่เรื่องนี้: โอย ทำไมเรื่องนี้ของฉันจึงยังไม่ผ่านพ้นไปนะ วันนี้ฉันปฏิบัติดีขึ้นมาหน่อยหนึ่งควรจะดีขึ้นมานิดหนึ่งนะ พรุ่งนี้ฉันปฏิบัติดียิ่งขึ้น ควรจะดีมากขึ้นอีกหน่อยนะ! เขาปล่อยวางสิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่ร่ำไป มองดูคล้ายกำลังปล่อยวาง: ท่านดูซิฉันกำลังปฏิบัติดี ท่านกำลังปฏิบัติดีเพราะท่านกำลังปฏิบัติดีเพื่อมัน ท่านมิได้ปฏิบัติในสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าแท้จริงพึงปฏิบัติและปฏิบัติไปตามนั้นแต่อย่างใด

อันที่จริงผู้ฝึกบางคนปฏิบัติเป็นอย่างไร ต้องสำรวจดูตัวเองให้ดีๆ ว่าแท้จริงแล้วปฏิบัติได้เป็นอย่างไร ท่านสามารถจะปฏิบัติตนเหมือนผู้ฝึกในจีนแผ่นดินใหญ่ได้ไหม ซึ่งแม้จะอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ชั่วร้ายอย่างนั้น ยังคงยืนยันความถูกต้องของฝ่า แม้ตกอยู่ท่ามกลางความเป็นความตาย ก็สามารถปล่อยวางความเป็นความตายและเดินข้ามมาอย่างนี้ นำเอาท่านไปปล่อยไว้ตรงนั้นจริงๆ จะไหวหรือไม่ แน่นอน ไม่ใช่กำลังว่าทุกคน ท่านล้วนต้องดำเนินตามขั้นตอนเช่นนี้ สิ่งที่ท่านประสบอยู่ในขณะนี้ไม่เหมือนกันหรอกหรือ ท่านสามารถเดินข้ามมาได้หรือไม่ ผู้ฝึกแบ่งออกเป็นสามประเภท ข้าพเจ้าพูดแล้ว มันแตกต่างกันและแน่นอนในระหว่างบำเพ็ญจะปรากฏออกมาไม่เหมือนกัน อย่าได้รู้สึกว่าคนอื่นไม่เกิดเรื่องอะไรเลย การเจิ้งฝ่าก็ทำได้ดีมาก มันไม่เหมือนกัน โดยมูลฐานสภาพการณ์ต่างกัน ไม่มีแบบอย่างให้อ้างอิง ทั้งหมดข้าพเจ้าพูดแล้ว การบำเพ็ญไม่มีแบบอย่างให้อ้างอิง ไม่มีตัวอย่าง คนอื่นปฏิบัติได้เป็นอย่างไรฉันก็ศึกษาจากเขา มันไม่เหมือนกัน สภาพของท่านจะไม่เกิดขึ้นกับตัวเขา

โดยแท้จริงผู้ฝึกจำนวนมาก เวลาผ่านมานานเช่นนี้แล้ว โดยเฉพาะหลังจากเดินผ่านเหตุการณ์ 20 กรกฎาคมมา หลายสิ่งหลายอย่างสมควรจะต้องสำรวจจากมูลฐานดูให้ดีๆ ควรจะต้องสงบจิตใจลงมา ไตร่ตรองให้จริงจังอย่างแท้จริง ท่านต้องไม่คิดว่าฉันเป็นศิษย์ต้าฝ่าแล้ว ก็ไม่สมควรจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น มีก็คือไม่ถูกต้อง(ผิดปกติ) และต้องไม่คิดว่าคนอื่นเป็นอย่างไรท่านก็ควรจะเป็นอย่างนั้น สภาพการณ์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สิ่งสำคัญคือโดยแท้จริงพวกท่านเองปฏิบัติได้เป็นอย่างไร วันๆ ความคิดยึดติดแต่กับสิ่งต่างๆของคนธรรมดาสามัญ ยิ่งกว่านั้นยังถูกฉิงรบกวนจนไม่มีสติสัมปชัญญะ เมื่อต้องผจญทุกข์ภัยท่านก็บอกว่า “ฉันศิษย์ต้าฝ่าผจญทุกข์ภัยเป็นเวลายาวนาน” (ที่ประชุมหัวเราะ) ฮื่อ ฉะนั้นบางครั้งอาจารย์จะพูดแรงก็ไม่ดี พูดเบาก็ไม่คิดจะไปรับรู้(อู้) จวนจะยุติแล้ว พวกท่านต้องสำรวจตัวเองดูแล้ว เวลาไม่คอยใคร

วันที่หยวนหมั่นจริงๆ วันนั้น ข้าพเจ้าขอบอกพวกท่าน จะมีศิษย์ต้าฝ่าบินขึ้นมากลางวันแสกๆ จริงๆ สามารถจะมองเห็นกันทั่วโลก (เสียงปรบมือ) คนที่ไม่สามารถหยวนหมั่น ในวันนั้นท่านก็นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นเถิด คนที่บำเพ็ญได้ไม่ดี ข้าพเจ้าว่าแม้แต่จะร้องไห้ก็ยังไม่ทัน

ศิษย์ในระยะหลังนี้ ในหมู่พวกเรามีเรื่องความสัมพันธ์ของชายหญิง.......

อาจารย์ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าพูดไปแล้วเมื่อครู่ ข้าพเจ้าได้พูดถึงปัญหานี้แล้ว คนบางคนทำอะไรแม้แต่คุณสมบัติของ “ผู้ฝึกต้าฝ่า” ก็ไม่คู่ควร แม้แต่คำว่า “คน” ก็ไม่คู่ควร ท่านยังบอกว่าท่านเป็น “ศิษย์ต้าฝ่า” ข้าพเจ้ากำลังรอท่านอยู่ ท่านรู้หรือไม่

บางครั้งอาจารย์เห็นพวกท่านทำสิ่งเหล่านั้นแล้วรู้สึกเสียใจจริงๆ แต่จะให้ข้าพเจ้าละทิ้งท่านไปเสีย อาจารย์ก็รู้สึกปวดใจจริงๆ ไม่อยากจะละทิ้งท่านไปอย่างง่ายๆ จริงๆ แต่ช่างไม่รู้จักใฝ่ความ ก้าวหน้า ช่างไม่รู้จักมุมานะเลย ทำให้ต้าฝ่ามัวหมอง ทำในสิ่งที่ไม่คู่ควรกับคำว่า “คน” ท่านยังบอกว่าท่านคือศิษย์ต้าฝ่า เอาอย่างนี้ สิ่งที่ข้าพเจ้าพูดไปเมื่อครู่ คือคนเหล่านั้นที่ทำในสิ่งที่ผิดต่อสถานะของการเป็นศิษย์ต้าฝ่า ดีที่สุดให้พวกท่านพูดมันออกมาอย่างเปิดเผยด้วยตัวเอง เช่นนี้ก็จะสลายสิ่งต่างๆ ของพวกท่านทิ้งไปได้มาก ในเวลาเดียวกันก็จะทำให้ท่านเจ็บปวดและตัดสินใจได้แน่วแน่ ข้าพเจ้าจะบอกพวกท่าน สำหรับพวกท่านเวลามีจำกัดจริงๆ คนพวกที่เคยทำเรื่องไม่ดี คนที่แก้ไขแล้วก่อนหน้านี้ ข้าพเจ้าไม่พูดถึง ณ ที่นี้ข้าพเจ้าพูดถึงคนที่ยังกำลังทำเรื่องไม่ดีเหล่านี้ในเวลานี้ และยังพวกที่ให้ข่าวแก่กลุ่มอันธพาลชั่วร้ายในประเทศจีนคอมมิวนิสต์ เมื่อข้าพเจ้าละทิ้งท่านจริงๆ ก็คือเวลาที่ท่านลงนรก ข้าพเจ้าไม่ได้กำลังขู่ท่านแม้แต่น้อย เพราะเมื่อยังไม่สิ้นสุด สำหรับสรรพชีวิตก็คือโอกาส อาจารย์จะรอพวกท่านอีกครั้ง

ศิษย์ในชั้นฟังการบรรยาย 9 วัน สอนผู้ฝึกใหม่ฟาเจิ้งเนี่ยน จำเป็นต้องระวังอะไรเป็นพิเศษไหม

อาจารย์อันที่จริงสำหรับผู้ฝึกใหม่ ท่านไม่จำเป็นจะต้องบอกให้เขาฟาเจิ้งเนี่ยนเสมอไป (หัวเราะ) เพราะในเวลานั้นกำลังของเขายังมีไม่มากนัก เพราะว่ากันถึงแก่นพวกเขาเพิ่งจะเริ่มศึกษาฝ่า พวกเขายังต้องผ่านขั้นตอนหนึ่ง ไม่ต้องรีบร้อนที่จะให้พวกเขาฟาเจิ้งเนี่ยน

ศิษย์ตามความเข้าใจของดิฉัน การบำเพ็ญส่วนบุคคลของศิษย์ต้าฝ่าและร่างนภา(เทียนถี่)ที่เกี่ยวข้องกับเขานั้นสัมพันธ์กันโดยตรง ถึงเวลาเมื่อฝ่าปรับนภาใหญ่(ต้าโฉวง)ให้ถูกต้องเที่ยงตรง ผู้บำเพ็ญในอนาคตจะต้องรับผิดชอบต่อร่างนภา(เทียนถี่)ที่เขาสะท้อนซึ่งกันและด้วยใช่หรือไม่ หรือเมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาก็ถูกฝ่าปรับให้ถูกต้องเที่ยงตรงเสร็จเรียบร้อยแล้ว

อาจารย์ท่านอยู่ในขั้นตอนการบำเพ็ญ ร่างนภา(เทียนถี่)อันที่ร่างกายตัวท่านสะท้อนสัมพันธ์ซึ่งกันและกันด้วยนั้น ไม่ว่าจะใหญ่เพียงใด ควบคู่ไปกับที่ท่านบำเพ็ญสำเร็จ พวกมันก็จะกลับคืนสู่ความถูกต้องเที่ยงตรงด้วยอย่างแน่นอน ท่านบำเพ็ญได้ไม่ดี พวกมันก็ไม่สามารถจะกลับคืนสู่ความถูกต้องเที่ยงตรง แน่นอน ข้างในนี้ยังมีอีกหนึ่งองค์ประกอบ ก็คือการเจิ้งฝ่า --- เมื่อพลังแห่งการเจิ้งฝ่าอันมากล้นมาถึง เมื่อถึงเวลานั้นจะเหลือสิ่งที่ดีเอาไว้ สิ่งที่ไม่ดีก็จะจัดการ(ทิ้ง) ฉะนั้นพวกท่านอยู่ในช่วงก่อนที่การเจิ้งฝ่าจะมาถึง เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของการช่วยเหลือสรรพชีวิต ถึงเวลานั้นจะไม่มีการรอ เมื่อพลังแห่งการเจิ้งฝ่ามาถึง สมควรจะเป็นอย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้น

ศิษย์ผู้ฝึกอิสราเอลทั้งหมดขอกล่าวคำสวัสดีกับท่านอาจารย์

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์ท่านอาจารย์ขอความกรุณาให้ท่านบอกพวกเราเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างโมเสส อิสราเอลกับการเจิ้งฝ่า

อาจารย์โมเสสกับการเจิ้งฝ่าไม่มีความสัมพันธ์กัน แต่เมื่อข้าพเจ้าพูดออกมาแล้ว พวกท่านอย่าได้เที่ยวไปพูดให้คนธรรมดาสามัญฟัง คนธรรมดาสามัญไม่อาจจะเข้าใจ แท้จริงแล้วโมเสสคือเทพที่ช่วยเหลือสาวกชาวยิวในอดีต ชาวยิวหลังจากอพยพออกจากอียิปต์แล้ว เทพที่ดูแลพวกเขาก็คือโมเสส พวกเขาพูดถึงยะโฮวา แท้จริงแล้ว ยะโฮวาไม่ช่วยคน เพราะยะโฮวาเป็นเทพที่สูงขึ้นไปอีก และเทพที่ช่วยคนก็คือโมเสส และโมเสสเอย พระเยซูเอย พระแม่มาเรียเอย ล้วนเป็นเทพในระดับชั้นที่ช่วยคน ฉะนั้น(เทพ)ที่ชาวยิวเชื่อถืออย่างแท้จริงคือโมเสส คนพวกนี้ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง สิ่งที่ข้าพเจ้าพูดคือสภาพการณ์แท้จริง ชาวยิวก็เป็นชนชาติหนึ่งที่จัดสร้างโดยเทพ จึงเป็นเป้าหมายของการช่วยเหลือในระหว่างการเจิ้งฝ่าด้วย

พูดมาถึงตรงนี้ ข้าพเจ้าจะพูดสิ่งที่พวกท่านอยากฟังกันสักหน่อย (ที่ประชุมหัวเราะ) (เสียงปรบมือ)

เมื่อครู่พูดถึงชนชาติอิสราเอล ใน “คัมภีร์ไบเบิล” กล่าวไว้ว่า ยะโฮวาสร้างคนอิสราเอล อันที่จริงจักรวาลของเรานี้ ก็คือจักรวาลเล็กนี้ที่ข้าพเจ้าพูดมาโดยตลอด จักรวาลเล็กนี้เรียกว่าอะไรหรือ ก็คือผางกู่ผู้บุกเบิกฟ้าดินตามที่เล่าขานในตำนานของจีน เขาไม่ใช่คนจีน เขาก็ไม่ใช่ชนเผ่าใดๆ ในโลก เขาคือเทพบนสวรรค์ เขาคือจักรวาล ผางกู่เบิกฟ้าดินเกิดขึ้นหลังจากจักรวาลเล็กครั้งที่แล้วถูกทำลายไปและในระหว่างขั้นตอนของการสร้างจักรวาลเล็กใหม่นั้น ร่างกายของเขาก็คือขั้นตอนของ “การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมถอย ดับสลาย” ของจักรวาลเล็กนี้ แต่ชีวิตของเขาไม่ใช่ ข้าพเจ้าไม่ใช่พูดว่าเทพมีสามองค์หนึ่งร่างหรอกหรือ มีร่างเทพ มีจิตจริงของเขา จิตจริงอันนั้นของเขาไม่ใช่ และร่างกายนี้ของเขาก็คือจักรวาลนี้ที่ข้าพเจ้าพูดถึง ในตำนานประวัติของชาวโลกกล่าวไว้ว่า เขามีชีวิตขึ้นมาอย่างไรอย่างไร: ค่อยๆ ก่อเกิดเป็นรูปลักษณ์ขึ้นท่ามกลางสภาวะหุนตุน(กลุ่มอากาศที่สลัวก่อนที่โลกจะอุบัติขึ้นเบิกฟ้า) หลังจากเขาเกิดขึ้นมาแล้ว เขาแยกฟ้าดินออกจากกันแล้วเขาก็ยืนขึ้นมา ยันแผ่นฟ้าเอาไว้ นั่นเป็นตำนานที่ผู้คนเล่าขานกันจนเขามีความเป็นมนุษย์ มีอารมณ์ความผูกพันของมนุษย์ ความชื่นชอบของคนได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงความจริง

ทุกท่านทราบ ร่างกายคนก็คือหนึ่งจักรวาลเล็ก มีสรรพชีวิตในทุกๆ ชั้น ในเวลาที่จักรวาลผางกู่เริ่มก่อเกิด ก็เหมือนกับตัวอ่อนในร่างกายมารดา ในร่างนภา(เทียนถี่)ที่ใหญ่มหึมาขึ้นไปอีกจักรวาลเล็กก็เป็นเพียงอณูเม็ดหนึ่ง ในร่างนภา(เทียนถี่)มีองค์ประกอบทั้งหมดที่จะก่อเกิดชีวิต เมื่อจักรวาลเล็กยุคก่อนสิ้นสุดลงท่ามกลาง “การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมถอย ดับสูญ” ร่างนภา(เทียนถี่)ก็ตั้งครรภ์เพื่อการกำเนิดของจักรวาลเล็กอันใหม่ ท่ามกลางสภาวะหุนตุนหลังการระเบิดของจักรวาลเล็กยุคก่อน จักรวาลเล็กใหม่อันนี้ก็ค่อยๆ ก่อเกิดขึ้นมา จิตจริงของผางกู่ก็เข้าไปข้างใน ในขั้นตอนการกำเนิด สสารข้างในของแต่ละชั้นรวมตัวประกอบขึ้นเป็นท้องฟ้าและผืนดินของแต่ละชั้น พร้อมกับก่อเกิดเป็นสรรพสิ่งที่อยู่ระหว่างท้องฟ้าและผืนดินในทุกๆ ชั้น รวมทั้งเทพที่เหมือนจิตจริงของผางกู่และสรรพชีวิตในทุกๆ ชั้น จักรวาลเล็กถือกำเนิดแล้ว ร่างกายคนนั้นก่อเกิดจากการประกอบของอณูเล็กเป็นอณูใหญ่ จากนั้นอณูที่ใหญ่ประกอบขึ้นเป็นอณูที่ใหญ่ยิ่งขึ้น ร่างกายของเขาก็เป็นเช่นนี้ อณูเล็กประกอบขึ้นเป็นอณูใหญ่ อณูที่ใหญ่ประกอบขึ้นเป็นอณูที่ใหญ่ยิ่งขึ้น เหมือนอย่างที่ผู้คนรู้ว่าโมเลกุลนั้นประกอบขึ้นโดยอะตอม แน่นอนโมเลกุลอันนี้ก็สามารถประกอบขึ้นเป็นดวงดาว ดวงดาวก็ประกอบขึ้นเป็นทางช้างเผือก เป็นกลุ่มดาวฤกษ์ต่างๆ และกลุ่มดาวกฤกษ์ต่างๆ ก็สามารถประกอบขึ้นเป็นร่างนภา(เทียนถี่)ของจักรวาลที่ใหญ่ขึ้นไปอีก มันเป็นโครงสร้างอย่างนี้ มนุษย์ นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน มองเห็นอณู (แต่)มองไม่เห็นความเกี่ยวพันระหว่างอณูด้วยกัน อณูทั้งมวลล้วนมีอินทรีย์เกี่ยวพันอยู่ด้วย ผางกู่ เมื่อเขาถือกำเนิดแล้ว จึงเหมือนสรรพชีวิตในจักรวาลทั้งหมด เขาก็มีขั้นตอนของ “การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมถอย ดับสลาย” ในตำนานที่ผู้คนเล่าขานคือขั้นตอน“การเกิดขึ้น” ของเขา ในความเป็นจริงปัจจุบันได้ดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ขั้นตอนของ “เสื่อมถอย ดับสลาย” หมายความว่าเขาดำเนินสู่ขั้นตอนของความแก่ชรา ปัจจุบันนี้ก็กำลังอยู่ในช่วงของความเสื่อมถอยหลังจากแก่ชรา และเป็นช่วงสุดท้ายแล้ว.... ใช้ภาษามนุษย์พูดในเรื่องของเทพ ไม่น่าฟัง หมายความว่าได้ดำเนินมาถึงช่วงที่ไม่ไหวแล้ว ฉะนั้นการเจิ้งฝ่าจึงเริ่มขึ้น ณ ช่วงเวลานี้

เช่นนั้นเมื่อเขาถือกำเนิด ในจักรวาลจึงมีอณูในระดับชั้นต่างๆ และอณูเหล่านี้ก็ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตในระหว่างขั้นตอนที่เขาก่อเกิดขึ้นมา โลกของเรานี้ก็คือส่วนหนึ่งของร่างกายเขา เป็นส่วนหนึ่งของเซลล์ข้างในร่างกายเขา ดาวเคราะห์เหมือนอย่างโลกของเราที่มีชีวิตอย่างนี้มีดาษดื่นทั่วจักรวาลนี้ เพียงแต่ไม่มีชีวิตเหมือนอย่างมนุษย์พวกเราในทุกวันนี้ เพราะชีวิตเหล่านั้นคือชั้นพื้นผิวที่สุดของจักรวาล และเป็นชีวิตชั้นต่ำที่สุดด้วย ไม่มีรูปลักษณ์ของเทพ ในระยะแรกไม่มีการแบ่งเป็นสามภพ เหตุที่มีสามภพเพราะต้องถ่ายทอดต้าฝ่า ณ ชั้นพื้นผิวของจักรวาลเล็ก จึงกำหนดอาณาเขตนี้เป็นอาณาจักรเขตแดนที่พิเศษของชีวิตสามชั้นใหญ่ เป็นระบบของตัวเอง ผางกู่คือเทพ ข้างในร่างกายของผางกู่ก็คือจักรวาลเล็ก ฉะนั้นในร่างนภา(เทียนถี่)ทั้งหมดของทั่วทั้งจักรวาลเล็กล้วนแต่เป็นเทพของระดับชั้นต่างๆ และสรรพชีวิตในสามภพ เพียงแต่เมื่อถึงชั้นพื้นผิว รูปลักษณ์ของชีวิตข้างในมิติจะต่ำและอัปลักษณ์ ประหลาดโฉดชั่ว ฉะนั้นในระยะแรกเนื่องจากความจำเป็นของการเจิ้งฝ่าจึงจัดสร้างสามภพ และจัดสร้างระบบสุริยะและโลกขึ้นมาในอาณาเขตสามภพนี้ แน่นอนอายุขัยของโลกไม่อาจจะเทียบกับจักรวาล ณ ตำแหน่งก่อนหน้านี้ของโลกใบนี้ เดิมทียังมีดาวเคราะห์ บนดาวเคราะห์ก่อนหน้านี้ดวงนั้น มีแต่รูปลักษณ์ของมนุษย์ต่างดาว สภาพแวดล้อมการดำรงชีวิตลำบากยิ่งนัก เพราะเมื่อไปถึงสถานที่ๆ เลวร้ายที่สุด ไม่อนุญาตให้มีรูปลักษณ์ของเทพ เพราะมนุษย์มีรูปลักษณ์ของเทพ ฉะนั้นเดิมทีบนโลกใบนี้จึงเต็มไปด้วยมนุษย์ต่างดาวที่มีรูปลักษณ์อัปลักษณ์แบบนั้น เพื่อจะทำงานเกี่ยวกับการเจิ้งฝ่าตรงนี้ อีกทั้งสามารถช่วยเหลือสรรพชีวิตทั่วจักรวาล และสามารถช่วยแม้กระทั่งสรรพชีวิตชั้นพื้นผิวที่สุด ดังนั้นจึงสร้างสามภพ สร้างมนุษย์ขึ้นตรงนี้ เหตุใดจึงสร้างมนุษย์และไม่ให้มนุษย์ต่างดาว ชีวิตแบบนั้นได้ฟังฝ่าล่ะ? เพราะฝ่าแห่งจักรวาลหากให้ชีวิตเหล่านั้นมาฟัง มาเป็นศิษย์ของข้าพเจ้า เท่ากับสร้างความอัปยศอดสูให้แก่จักรวาล ให้แก่เหล่าเทพ หลังจากจัดสร้างโลกเสร็จเรียบร้อยแล้ว เทพส่วนหนึ่งได้ลงมาจากสวรรค์ พวกเขาต่างก็จัดสร้างมนุษย์ตามแบบของตัวเองบนโลกนี้

ประเทศจีนในสมัยโบราณพูดกันว่า หนี่วา สร้างมนุษย์ เหล่าเทพจะใช้อิทธิฤทธิ์ทำ เทพไม่จำเป็นต้องใช้มือทำ ยิ่งกว่านั้นโครงสร้างของร่างกายมนุษย์ก็สลับซับซ้อนอย่างยิ่ง ไม่อาจที่จะใช้มือหยิบจับ กรรมวิธีโง่ๆ ทื่อๆ ของมนุษย์นั้นใช้ไม่ได้ ฉะนั้นเทพจึงใช้พลังฝ่า(ฝ่าลี่)ทำ และพลังของเทพมีตั้งแต่ระดับจุลทรรศน์จนถึงชั้นพื้นผิวที่สุด ฉะนั้นเมื่อเขาทำพร้อมกันในเวลาเดียวกัน ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็สำเร็จ สำเร็จในชั่วพริบตา เขาก็ไม่ทำในมิติเวลาของมนุษย์ เขาอยู่เหนือมิติเวลาในมิติมนุษย์ ฉะนั้นดูจากมิติเวลาของมนุษย์ตรงนี้ ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็สร้างเสร็จออกมาแล้ว

ในเวลานั้นเทพที่ถูกส่งลงมา เป็นเทพหลายประเภทด้วยกัน คนหนึ่งคือยะโฮวาที่ชาวยิว กล่าวถึง ยะโฮวาสร้างชนชาติยิวคนประเภทนี้ คนประเภทนี้รวมถึงคนส่วนหนึ่งของยุโรปใต้ ล้วนแต่เป็นคนเผ่าพันธุ์ประเภทนี้ ดินแดนยุโรปเหนือ คนผิวขาวส่วนหนึ่งสร้างโดยเทพองค์อื่น มีเทพของคนผิวขาวสี่ประเภทที่จัดสร้างคนผิวขาวสี่ประเภท อันที่จริงคนอาหรับในอดีตก็เป็นคนผิวขาว ยิ่งกว่านั้นชาวอาหรับในอดีตดำรงชีวิตอยู่ทางดินแดนส่วนเหนือของโลก---ไม่ใช่ผืนแผ่นดินใหญ่ผืนนี้ในปัจจุบัน ผืนแผ่นดินใหญ่ดั้งเดิมนั้นเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเก้าพันปีก่อน พวกเขาในอดีตเป็นคนในดินแดนทางเหนือ การเปลี่ยนแปลงของผืนแผ่นดินใหญ่ได้เคลื่อนย้ายพวกเขามาถึงที่ตรงนี้ในปัจจุบัน ในช่วงประวัติ ศาสตร์ยุคหลังก่อนที่เจ็งกีสข่านจะยึดครองดินแดนอาหรับ ชาวอาหรับมีผิวพรรณเหมือนกับคนผิวขาวทุกประการ รูปลักษณ์ก็เหมือนกับชาวยุโรปในปัจจุบัน เพียงแต่มีผมสีดำเข้ม นัยน์ตาสีดำเข้มหลังจากที่กองทัพมองโกลของเจ็งกีสข่านไปถึง จึงมีการผสมสายเลือดกับคนท้องถิ่น ฉะนั้นผิวพรรณของพวกเขาจึงเหมือนคนจีน ในรูปลักษณ์มีส่วนผสมของรูปลักษณ์คนจีน และรูปลักษณ์ของคนยุโรป พวกเขาเดิมทีก็สร้างขึ้นโดยเทพเพียงองค์เดียว

คนอินเดียนั้นสร้างขึ้นโดยพระพุทธ ฉะนั้นการเต้นระบำ กิริยามารยาทของคนอินเดีย ท่วงท่าของมือเหมือนการรำมือของพระพุทธอย่างมาก คนอินเดียเป็นชนชาติที่สร้างขึ้นโดยพระพุทธจริง ๆ คนตะวันออกนั้น ส่วนหนึ่งสร้างขึ้นโดยหนี่วา ยังมีอีกส่วนหนึ่งสร้างขึ้นโดยเต๋า อันที่จริงหากจะพูดให้ถูกต้องมากขึ้น ในยุคแรกเผ่าพันธุ์มนุษย์ของทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ในระยะแรกสุดเป็นคนผิวเหลือง แต่พูดกันว่าเขาเป็นคนผิวแดง แท้จริงแล้วเขาเป็นคนผิวเหลือง เกิดจากการตากแดดของพวกเขา (ที่ประชุมหัวเราะ) คนผิวแดงโดยแท้จริงคือคนอียิปต์โบราณ ปัจจุบันนี้อาจจะไม่พบแล้ว ส่วนใหญ่ผสมสายเลือดกับคนผิวดำ

คนผิวดำคือเทพบนสวรรค์ของคนผิวดำเป็นผู้สร้าง และไม่ใช่เทพองค์เดียว ฉะนั้นรูปลักษณ์ของคนผิวดำ ระหว่างพวกเขาเองก็มีความแตกต่าง ในหมู่เทพบนสวรรค์ มีทั้งพวกที่สวมเสื้อผ้า พวกที่ใช้ผ้าห่อหุ้มกาย เต๋านั้นสวมเสื้อผ้าอาภรณ์ เทพบนสวรรค์จำนวนมากเขาจะห่อหุ้มกายด้วยผ้าผืนใหญ่หนึ่งผืน พระพุทธส่วนมากจะห่อหุ้มกายด้วยผ้าผืนใหญ่สีเหลือง เทพของคนผิวขาวล่ะ ส่วนใหญ่เขาจะห่อหุ้มกายด้วยผ้าสีขาวหนึ่งผืน พูดด้วยภาษาจีนคือมีความยาวหนึ่งจ้าง ห่อหุ้มลำตัว สิ่งนี้พวกเราสามารถเห็นได้จากภาพวาดและรูปแกะสลักโบราณ ในอดีตชาวยุโรปก็ห่อหุ้มกายด้วยผ้าสีขาวหนึ่งผืนเช่นกัน เทพของคนผิวดำจะห่อหุ้มกายด้วยผ้าสีแดงผืนใหญ่หนึ่งผืน เทพนะ ไม่ว่าสีผิวของเขาจะเป็นอย่างไรล้วนแต่มีความศักดิ์สิทธิ์ เพื่อที่จะถ่ายทอดฝ่า ณ ที่ตรงนี้ จึงต้องสร้างรูปลักษณ์ของมนุษย์ เทพแบบใดก็สร้างรูปลักษณ์ของมนุษย์เป็นแบบนั้น ฉะนั้นจึงพูดกันว่าเทพสร้างมนุษย์ตามรูปลักษณ์ของตัวเอง นั่นเป็นเรื่องจริง คนในทุกวันนี้จึงมีความเป็นมาเช่นนี้

ในประวัติศาสตร์ก่อนที่ข้าพเจ้าจะถ่ายทอดต้าฝ่า ในระยะแรกมนุษย์ที่เทพสร้าง ไม่ว่าร่างกายของเขาหรือจิตหลัก(หยวนเสิน)ของเขาล้วนถือกำเนิดอยู่ข้างในสามภพ ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าเคยอธิบายให้กับพวกท่านถึงขั้นตอนการพัฒนาของมนุษย์ ว่าเป็นขั้นตอนที่ค่อยๆ พัฒนา เสริมสร้างมนุษย์จนสมบูรณ์แข็งแกร่ง มาถึงยุคหลังมนุษย์สามารถมีสติปัญญามากแล้ว วิธีคิดมีเหตุผลมากแล้ว เมื่อมาถึงขั้นนี้ก็ได้เวลาที่จะถ่ายทอดต้าฝ่า เช่นนั้น มีเทพลงมาจากสวรรค์เป็นจำนวนมาก ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ แล้วจิตหลัก(หยวนเสิน)ของมนุษย์จะทำอย่างไรละ ชั้นพื้นผิวของหนังมนุษย์ผืนนี้ ซึ่งเทพสร้างจึงถูกชีวิตที่มาจากข้างบนควบคุมระหว่างลงมาเกิด และจิตหลัก(หยวนเสิน)ดั้งเดิมของมนุษย์ก็ถูกปล่อยไว้ในยมโลก เพราะมนุษย์ก็เข้าสู่วัฏสงสารเช่นกัน หนังผืนนี้ไม่ตามมนุษย์ไป ฉะนั้นหนังผืนนี้เมื่อถึงกำหนดเวลาจะถูกเก็บคืนไป ร้อยปีให้หลังเมื่อคนตายแล้ว เก็บหนังคืนไป หนังผืนนั้นที่พวกเราฝังอยู่ในหลุมฝังศพ หนังผืนนั้นที่เน่าเปื่อย นั่นเป็นส่วนที่คนกินอาหารและเติบโตขึ้นมาหลังกำเนิด แต่หนังผืนที่มีมาแต่กำเนิดคือหนังแท้ ส่วนที่มีมาแต่กำเนิดส่วนนั้นจึงต้องเก็บคืนไป ฉะนั้นเมื่อใครลงมาเกิดคนนั้นค่อยใส่ใหม่ (ที่ประชุมหัวเราะ) จึงเหมือนเสื้อผ้า คนในอดีตลงมาเกิดกันอย่างนี้ จนกระทั่งถึงเวลาถ่ายทอดต้าฝ่า หลังจากเทพเหล่านี้มาแล้ว คนบนโลกเหล่านั้นที่เทพเหล่านั้นสร้าง พูดกันตามหลักการ ก็นับว่าพวกเขาได้พยายามทำสิ่งที่พวกเขาสมควรทำเพื่อการเจิ้งฝ่าเรื่องนี้อย่างเต็มที่แล้ว ในประวัติศาสตร์มนุษย์ได้เดินมาถึงจุดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ฉะนั้นพวกเขาจึงต้องถูกปล่อยไว้ในมิติอื่น คนจีนเรียกว่ายมโลก ไม่ได้กลับมาเกิดใหม่ เวลานี้พวกมันตรงนั้นล้วนกลืนกลายเสร็จแล้วท่ามกลางการเจิ้งฝ่า เวลานี้พลังอันมากล้นแห่งการเจิ้งฝ่ามาถึงชั้นพื้นผิวที่สุดของมิตินี้ของมนุษย์แล้ว มาถึงชั้นพื้นผิวที่สุดของหนังมนุษย์แล้ว

ตลอดมาจนถึงทุกวันนี้ ชนชาติต่างๆ ยังคงเปรียบเสมือนอณูเม็ดหนึ่งใต้ฝ่าเท้าของเทพผู้สร้างสรรค์พวกเขา แม้ว่าผู้คนต่างสามารถประสานกลมกลืนซึ่งกันและกัน อยู่ด้วยกันในมิตินี้ แต่พวกเขาไม่จัดว่าเป็นระบบเดียวกัน มาถึงยุคหลัง ข้างในหนังของมนุษย์เผ่าพันธุ์ต่างๆ ก็เป็นเทพที่มาจากสวรรค์ต่างๆ และสิ่งที่กล่าวไปข้างต้นคือสภาพการณ์ชั้นพื้นผิวของมนุษย์ แน่นอนการถ่ายทอดต้าฝ่า วันนี้ข้าพเจ้าไม่ใช่จะช่วยคนผิวขาวให้เป็นคนผิวเหลือง ช่วยคนผิวเหลืองเป็นคนผิวขาว (ที่ประชุมหัวเราะ) จุดนี้ทุกท่านเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ข้าพเจ้าจะให้คนทั้งหมด ท่านมาจากที่ใดก็ให้กลับไปที่ตรงนั้น ท่านบำเพ็ญได้ดีข้าพเจ้าก็ให้มรรคผลที่สูงยิ่งขึ้นแก่ท่าน ท่านเป็นเทพ ท่านยังคงบำเพ็ญสำเร็จเป็นรูปลักษณ์ของเทพของท่านดังเดิม ข้าพเจ้าจะไม่เปลี่ยนแปลง(สิ่งใด)ของท่าน เดิมท่านมาจากพระพุทธ ท่านยังคงเป็นพระพุทธ เดิมท่านเป็นเต๋า ท่านยังคงเป็นเต๋า สิ่งที่ข้าพเจ้าขจัดทิ้งไปคือองค์ประกอบทั้งหมดของท่านซึ่งเปลี่ยนไม่ดีไปแล้วในจักรวาลภายหลังกำเนิด พร้อมกับให้กลืนกลายเข้ากับต้าฝ่า ปรับให้คืนสู่ความถูกต้องแก่ท่านทั้งหมด ให้สิ่งที่ดียิ่งขึ้นแก่ท่าน ให้สภาวะที่เทพแห่งอนาคตพึงมีแก่ท่าน (เสียงปรบมือ)

เพราะข้างในจักรวาลมีชีวิตต่างๆ สรรพชีวิตหลากหลาย เทพต่างๆ ไม่สามารถจะเปลี่ยนให้เป็นสิ่งเดียวกัน ให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้ จักรวาลจะไม่เจริญรุ่งเรือง(หลากหลาย) มันเป็นเช่นนี้ สำหรับชีวิตเหล่านี้ ไม่ว่าจะมีรูปลักษณ์ภายนอกเป็นอย่างไร ล้วนแต่มีขั้นตอนประวัติศาสตร์ของเขาหนึ่งตอน ล้วนแต่มีค่าควรแก่การทะนุถนอม เพราะนั่นเป็นขั้นตอนของจักรวาล

เมื่อครู่ได้พูดถึงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่พวกท่านอยากฟัง (หัวเราะ) ข้าพเจ้าคิดว่า เราก็จะไม่พูดถึงคำถามนี้กันละ ยังเหลือคำถามอีกไม่กี่แผ่นข้าพเจ้าอ่านเสร็จก็เลิกกัน เพราะข้าพเจ้าไม่อยากจะใช้เวลาของทุกท่านมากเกินไป เพราะเป็นการประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ พวกท่านยังจะต้องพูด กระตุ้นส่งเสริมซึ่งกันและกัน คำถามเมื่อครู่ก็พูดไปแล้วมิใช่หรือ พวกเราจะยกระดับสูงขึ้นโดยรวมทั้งหมดได้อย่างไร นี่ก็คือโอกาสที่จะยกระดับสูงขึ้นโดยรวมทั้งหมด

ศิษย์ชีวิตด้านลบและความชั่วร้ายมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร

อาจารย์แท้จริงแล้วเป็นเพราะข้าพเจ้าพูดถึงหลักการเสริมและต้านซึ่งกันและกัน และความสัม พันธ์ของการสะท้อนซึ่งกันและกันของชีวิตต่างๆ ในจักรวาล จึงได้พูดถึงชีวิตด้านลบ ณ ระดับชั้นต่ำมีคนมีผี พูดถึงผี “กุ่ย”(ผี)ที่คนในปัจจุบันเรียกกันนั้นเป็นการเรียกที่คลุมเครือ แท้จริงแล้วกุ่ย(ผี) เม่ย(ภูตผีปีศาจ) หว่าง(สัตว์ประหลาด) เหลี่ยง(ภูตผีปีศาจ) ไกว้(สัตว์ประหลาด) เยา(ภูต) หุน(วิญญาณ) หมอ(มาร) เป็นต้น หลากหลายประเภท ปัจจุบันคนเรียกมันอย่างรวมๆ ว่า “กุ่ย”(ผี) ที่มนุษย์ตรงนี้มีมนุษย์ มีผี สูงขึ้นไปอีกมีพระพุทธมีมาร แล้วสูงขึ้นไปอีกล่ะ มีชีวิตด้านบวก มีชีวิตด้านลบ เพราะเหตุใด เพราะยิ่งสูงขึ้นไปมันจะยิ่งดี ระดับชั้นยิ่งสูงจะยิ่งดีงาม ในระดับชั้นยิ่งสูงมีชีวิตด้านบวกและด้านลบ ชีวิตด้านลบท่านไม่สามารถจะเรียกมันเป็นมาร มันเป็นคนละเรื่องกับมารโดยสิ้นเชิง แต่มันเป็นปฏิปักษ์กับชีวิตที่ถูกต้อง ฉะนั้นหนึ่งบวกหนึ่งลบ เพราะยิ่งต่ำลงมายิ่งไม่ดี เมื่อถึงระดับที่กำหนด จะปรากฏราชาแห่งฝ่าและราชาแห่งมาร พระพุทธก็คือราชาแห่งฝ่า ส่วนราชาแห่งมารนั้น ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน มันก็ไม่มีอารมณ์ทั้งเจ็ดกามคุณทั้งหก ไม่มีความยึดติดของคน มันคือชีวิตของอาณาจักรเขตแดนนั้น มันจึงสามารถอยู่ตรงนั้น เพียงแต่มันไม่ดีงามและแสดงออกมาชั่วร้าย นี่คือพูดด้วยคำพูดของมนุษย์ มารก็คือชั่วร้าย พระพุทธก็คือดีงาม ฉะนั้นจึงคงอยู่อย่างตรงกันข้ามกัน ในการจัดการกับปัญหาก็จัดการตรงกันข้ามกัน

ในอดีตพูดกันว่า หนึ่งความคิดของคนมีทั้งความดีงามและชั่วร้าย ความดีงามและชั่วร้ายออกมาจากหนึ่งความคิดของคน ในจักรวาลนี้ คนที่คิดจะทำสิ่งใดเป็นเรื่องที่ยากมาก พระพุทธคิดจะทำสิ่งที่ดีสักเรื่อง หนึ่งความคิดออกมา ในทันทีความชั่วร้ายก็จะตามมา สิ่งที่ดีที่เขาทำใหญ่เพียงใดก็จะพบเรื่องที่ไม่ดีใหญ่เท่านั้น มนุษย์ก็เช่นกัน ท่านทำสิ่งที่ดีใหญ่เพียงใด รับรองว่าท่านจะมีเรื่องที่ไม่ดีที่ใหญ่เท่านั้น บ้างจะสะท้อนซึ่งกันและอยู่ในมิตินี้ บ้างไม่สะท้อนซึ่งกันและอยู่ในมิตินี้ มันสะท้อนซึ่งกันและอยู่ในมิติอื่น เป็นต้นว่าทำเรื่องดีเรื่องใหญ่เพื่อคน คนๆนั้นรู้สึกขอบคุณท่าน เพราะท่านได้ทำสิ่งที่ดีนี้อาจจะทำให้บางชีวิตประสบความสูญเสีย บอกว่าท่านทำสิ่งดีใหญ่เพียงใดก็จะมีเรื่องไม่ดีใหญ่เท่านั้น ฉะนั้นในอดีตหลักการเสริมและต้านซึ่งกันและกันเป็นสิ่งที่เด็ดขาดแน่นอน ชีวิตหนึ่งคิดจะทำสิ่งใดโดยแท้จริงไม่สามารถจะทำได้ เทพองค์นั้น พวกท่านต่างรู้สึกว่าเทพจะช่วยใคร เหตุใดต้องรอโอกาส เวลา โอกาสยังไม่ถึงเอย เวลายังไม่สุกงอมเอย เขาทำไม่ได้เพราะหลักการเสริมและต้านซึ่งกันและกันเป็นสิ่งที่เด็ดขาดแน่นอนอย่างยิ่ง ยับยั้งทุกสิ่งทุกอย่างนี้อยู่ เทพจะไม่เพียงเพื่อจะทำสิ่งดีสิ่งหนึ่งจนก่อให้เกิดเรี่องไม่ดีเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน แล้วทำให้ตัวเองตกลงมา เขาจะไม่ทำอย่างแน่นอน ในอดีตพระสงฆ์กล่าวว่าช่วยคน ช่วยคน บางครั้งข้าพเจ้าคิด: ช่างไม่รู้ว่าสวรรค์สูง(เพียงใด)จริงๆ ไม่เหมือนอย่างที่คนจินตนาการ ฉะนั้นนั่นเป็นเพราะหลักการเสริมและต้านซึ่งกันและกันทำให้เหล่าเทพอยากทำแต่ไม่กล้า

ศิษย์มนุษยชาติภายหลังฝ่าปรับโลกมนุษย์ให้ถูกต้องแล้ว ยังจะจดจำมนุษย์ในทุกวันนี้ได้หรือไม่

อาจารย์มนุษย์มนุษยชาติในอนาคต จะเล่าขานและสรรเสริญเรื่องราวเกี่ยวกับการเจิ้งฝ่าในวันนี้ตลอดไปทุกยุคทุกสมัย (เสียงปรบมือ) ความเป็นจริงของการประทุษร้ายครั้งนี้ ยังไม่ถูกเปิดโปงมันออกมาทั่วทุกด้านให้คนเห็นเลย มนุษย์จะตื่นตระหนก การหยวนหมั่นของศิษย์ต้าฝ่า สิ่งที่มนุษย์ไม่เชื่อ ทุกสิ่งจะปรากฏออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดที่มนุษยชาติมี ในขั้นตอนที่เปลี่ยนแปลงไป ล้วนต้องปรับให้คืนสู่ความถูกต้อง มันจะน่าใจหายใจคว่ำ คือทั้งตื่นตระหนกและน่ากลัว ทุกสิ่งทุกอย่างจะปรากฏออกมาทั้งหมด ฉะนั้นประวัติศาสตร์ช่วงนี้มนุษยชาติจะเล่าขานสืบทอดต่อๆ กันไปชั่วนิรันดร์

ศิษย์ เนื่องจากบางสิ่งบางอย่างทำได้ไม่ดี ในใจรู้สึกผิดอย่างมาก ทั้งๆที่รู้ว่าไม่สมควรปล่อยตัวเองให้ตกอยู่ในห้วงของความรู้สึกผิดมากเกินไป จนกระทั่งขาดความเชื่อมั่นในการบำเพ็ญ แต่มันช่างขจัดทิ้งไปได้ยากมาก

อาจารย์ขาดการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว การตัดสินใจไม่เด็ดเดี่ยวพอ การเป็นศิษย์ต้าฝ่า ท่านดูการประทุษร้ายที่ศิษย์ต้าฝ่าในประเทศจีนประสบ เป็นศิษย์ต้าฝ่าเหมือนกัน อยู่ ณ ที่ตรงนี้ไม่มีความเด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจแม้แต่น้อย ยึดติดอะไรมากมายขนาดนั้น ใช่หรือไม่ มีเจิ้งเนี่ยนไม่พอ มีเจิ้งเนี่ยนเพียงพอท่านก็สามารถทำได้

ศิษย์ท่านอาจารย์ ดิฉันรู้สึกว่าผู้ฝึกบางคนเห็น”เจิ้งเนี่ยน”เป็นเรื่องสำคัญมาก แต่ละเลย”เจิ้งสิง”(การกระทำถูกต้อง) ขณะพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แทบจะไม่มีการหารือกันว่าเจิ้งสิงควรจะปฏิบัติอย่างไร อยากทราบว่าจะจัดวางความสัมพันธ์ระหว่างเจิ้งเนี่ยนและเจิ้งสิงให้ถูกต้องได้อย่างไร

อาจารย์ไม่ใช่พูดเช่นนี้ เวลาที่ท่านเห็นคนที่ไม่มีเจิ้งสิง แท้จริงคือเขามีเจิ้งเนี่ยนไม่พอ เพราะความคิดชี้นำการกระทำของคน เวลาที่ท่านมีเจิ้งเนี่ยนเพียงพอพฤติกรรมของท่านจะถูกต้องอย่างแน่นอน พูดก็คือเมื่อมีเจิ้งเนี่ยนไม่พอพฤติกรรมก็จะไม่ถูกต้อง ไม่ว่าพวกเราจะหารืออย่างไร จะพูดคุยถึงในประเด็นของเจิ้งสิงอย่างไร บางคนก็ไม่สามารถคงไว้ซึ่งเจิ้งเนี่ยน ทำอย่างไรให้สามารถคงไว้ซึ่งเจิ้งเนี่ยนอยู่ตลอดเวลา พฤติกรรมของท่านย่อมเป็นไปอย่างถูกต้องแน่นอน พูดไปพูดมา ประเด็นยังคงอยู่ที่การเป็นศิษย์ต้าฝ่า ทุกท่านจะปฏิบัติเรื่องนี้ให้ดีได้อย่างไร

ศิษย์ศิษย์ได้ฝ่าภายหลังเหตุการณ์ 20 กรกฎาคม คือได้ฝ่าในปี ค.ศ. 2000 ไม่ทราบว่าจะสามารถมีธรรมานุภาพเช่นเดียวกับศิษย์ที่ได้ฝ่าก่อนเหตุการณ์ 20 กรกฎาคมหรือไม่

อาจารย์ เมื่อก่อนนี้ ก่อนเหตุการณ์ 20 กรกฎาคม ผู้ฝึกเป็นการบำเพ็ญส่วนบุคคล และปัจจุบันนี้จึงจะเป็นช่วงเวลาของการก่อตั้งธรรมานุภาพอย่างแท้จริง ท่านมิใช่ได้ฝ่าในช่วงเวลานี้หรอกหรือ จะทำได้หรือไม่ ล้วนแต่เหมือนกัน พวกเขาก็กำลังก่อตั้งธรรมานุภาพในช่วงเวลานี้ กรณีของท่านนั้นเพียงแต่ว่าเรื่องของการบำเพ็ญส่วนบุคคลและการอธิบายความเป็นจริง ช่วยเหลือสรรพชีวิตผสมผสานอยู่ด้วยกันในเวลาเดียวเท่านั้นเอง สิ่งเหล่านั้นล้วนไม่ส่งผลกระทบ

ศิษย์จักรวาลมีขีดจำกัดของสสาร ณ ระดับจุลทรรศน์ที่สุดหรือไม่ หากมี ก็คือปรากฏการณ์ที่สูงที่สุดของฝ่าใช่หรือไม่ “เจิน ซั่น เหยิ่น” คือจุดสุดยอด

อาจารย์“จักรวาลมีขีดจำกัดของสสาร” ดูเหมือนคำพูดประโยคนี้พูดถึงจุดสูงสุดแล้วล่ะ พูดถึงจุดสูงสุดใช่หรือไม่ แต่ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่าน เมื่อเข้าสู่ระดับจุลทรรศน์ลงไปอีก มันก็ไม่มีสสารแล้ว มันไม่เรียกว่าสสาร มันจะแตกต่างจากสสารของเราในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง แต่มันกลับเชื่อมต่ออยู่กับระบบสสาร ฉะนั้นโดยมูลฐานจึงไม่อาจที่จะสื่อออกมาด้วยภาษาของมนุษย์ มันยากมากที่จะพูดถึงท้ายที่สุดของมัน แต่ข้าพเจ้ามีวิธีที่จะพูดให้ถึงมัน

ศิษย์ผู้ฝึกบางคนเข้าใจว่าการที่ตัวเองกลืนกลายเข้ากับฝ่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ฉะนั้นบ่อยครั้งที่ไม่อยากทำให้ตัวเองมีงานยุ่งมากเกินไป อยากจะมีเวลาสำหรับไตร่ตรองมากสักหน่อย ดิฉันเห็นว่าการเจิ้งฝ่าดำเนินไปอย่างรวดเร็วมาก สิ่งที่ควรทำสมควรปฏิบัติทันที ขอให้สามารถศึกษาฝ่าด้วยจิตใจที่สงบเท่านั้น เมื่อพบกับปัญหาให้ค้นหาสาเหตุจากภายในตัวเอง ก็สามารถนับได้ว่ามีความก้าวหน้า

อาจารย์ใช่ หลายสิ่งหลายอย่างไม่สามารถจะถูกจำกัดด้วยทรรศนคติของคน บอกว่าเป็นนิสัยความเคยชินที่ตัวเองมีมาแต่ก่อน วันนี้สิ่งที่มอบให้แก่ศิษย์ต้าฝ่าคือสภาวะของเทพ ท่านต้องเดินไปสู่สภาวะของเทพ หลายสิ่งหลายอย่างหากกระทำโดยมีเจิ้งเนี่ยนก็สามาถจะทำได้ดี แน่นอนการตรึกตรองเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าแม้นพลาดโอกาสที่จะก่อตั้งธรรมานุภาพของการเจิ้งฝ่า นั่นจะเป็นการสูญเสียที่ไม่อาจจะชดเชยได้

ศิษย์จะทำอย่างไรให้คงอยู่ในหลักการของฝ่าตามที่ท่านอาจารย์สอนสั่ง โดยไม่ตกลงไปในห้วงของการยึดติด และสามารถประสานกลมกลืนในทุกๆ ด้าน พัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นในช่วงสุดท้ายที่การเจิ้งฝ่าดำเนินรุดหน้าไป ยิ่งกว่านั้นในการทำงานของต้าฝ่าและการเข้าใจในหลักการของฝ่า ไม่เพียงแต่มุ่งประเด็นไปยังด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น แต่ประสานกลมกลืนทั่วทุกด้าน

อาจารย์ทุกท่านบางครั้งเวลาไตร่ตรองปัญหา ล้วนมีความเคยชินจนเป็นนิสัยแบบหนึ่ง: ฉันจะทำอะไรสักเรื่อง เรื่องนี้จะทำอย่างไร เรื่องนั้นจะทำอย่างไร ตรึกตรองเสียจน... โอ้! ตัวเองรู้สึกว่าครอบคลุมทุกด้าน สมบูรณ์มากๆ เมื่อถึงเวลาทำ สภาพความเป็นจริงที่แท้จริงมันเปลี่ยนแปลงไปร้อยแปดพันเก้า กลับกลายเป็นใช้ไม่ได้แล้ว (หัวเราะ) เมื่อใช้ไม่ได้ก็ไตร่ตรองกันใหม่ ไม่ใช่ทำกันอย่างนี้ ต้องใช้เจิ้งเนี่ยน ท่านรู้สึกว่าสมควรจะทำอย่างไร ท่านก็ไปทำ เมื่อพบกับปัญหาท่านก็จะรู้ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไรได้โดยอัตโนมัติ มีเจิ้งเนี่ยนแข็งแกร่งทุกสิ่งก็จะราบรื่น รับรองว่าจะทำได้ดี

เหตุใดข้าพเจ้าจึงอยากให้ทุกท่านทำเช่นนี้ ประหนึ่งเป็นฝ่ายถูกกระทำ ใช่ไหม ไม่ใช่ เพราะด้านที่ท่านบำเพ็ญสำเร็จแล้วรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง จะทำอย่างไรได้ทั้งนั้น จะทำเรื่องเหล่านี้อย่างไรก็สามารถทำได้ดีทั้งนั้น ดังนั้นขอให้ท่านมีความคิดเป็นอันใช้ได้แล้ว รู้ว่าจะทำอย่างไร ท่านก็ทำไป เวลาทำสติปัญญาก็จะออกมาไม่ขาดสาย เพราะในเวลานั้นด้านนั้นที่ท่านบำเพ็ญสำเร็จก็จะเชื่อมต่อเข้าด้วยกันกับฝั่งนี้ของท่าน นั่นคือเทพ ไม่มีสิ่งใดจะทำไม่ได้ แน่นอนปัญหาเล็กน้อยนั้นก็คลายออกในทันที สติปัญญาก็ออกมา มันต่างกัน เมื่อทำไม่ได้อาจารย์ก็จะให้สติปัญญาแก่ท่าน (หัวเราะ) (เสียงปรบมือ)

ศิษย์ศิษย์จากไต้หวันขอกล่าวคำสวัสดีต่อท่านอาจารย์

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์ที่ไต้หวันมีผู้ฝึกนำ “จ้วนฝ่าหลุน” “จิงจิ้งเหย้าจื่อ” เป็นต้นไปแปลเป็นภาษาไต้หวัน โดยมี เพลง“ผู่ตู้”“ จี้ซื่อ” เป็นดนตรีฉากหลัง ขายชุดละ 500 เหรียญไต้หวัน

อาจารย์การบรรยายฝ่าใส่ดนตรีไม่ได้ ดนตรีของต้าฝ่าก็ไม่ได้ สิ่งที่ข้าพเจ้าจัดทำจำหน่ายทั้งหมด ล้วนมีผู้ฝึกผู้รับชอบดูแลอย่างเป็นเอกภาพ นอกจากนี้ พูดอย่างนี้ ล้วนมีการทำสัญญา ดังนั้นพวกเราผู้ฝึกไม่สามารถไปจัดทำหนังสือเองตามอำเภอใจ ตัดสินใจเอง หรือนำไปขายทำกำไร ถึงแม้ท่านไม่นำไปขายทำกำไรก็ไม่สามารถทำเองตามอำเภอใจ เพราะไม่สามารถปล่อยให้มีช่องโหว่เล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นในช่วงเวลาของการเจิ้งฝ่า ฉะนั้นในช่วงเวลานี้ เรื่องบางอย่างต้องระวัง สำหรับมนุษยชาติในอนาคต เมื่อศีลธรรมของคนยกระดับสูงขึ้นแล้ว ทุกๆ คนต่างปฏิบัติตามข้อกำหนด ทุกๆ คนต่างไม่ทำเช่นนี้ ทุกๆ คนต่างควบคุมตรวจตรา เวลานี้ทำไม่ได้ สิ่งชั่วร้ายกำลังเจาะช่องว่าง จิตใจคนไม่ถูกต้องเที่ยงตรง พวกเราไม่สามารถทำเช่นนี้ คิดจะนำหนังสือนี้ไปขายทำกำไรยิ่งไม่ได้

พูดถึงการแปลเป็นภาษาไต้หวัน ข้าพเจ้าไม่คัดค้านที่ท่านแปลเป็นภาษาไต้หวัน แต่จะทำสิ่งใด ไม่สามารถทำเอง(คนเดียว) จุดนี้ข้าพเจ้าพูดชัดเจนแล้ว สิ่งใดที่เป็นของต้าฝ่าไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำเองตามอำเภอใจ แน่นอนขณะนี้ภายใต้สภาพแวดล้อมพิเศษในจีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องของหนังสือ ผู้ฝึกทั้งหลายสามารถทำได้ แต่ต้องคงรักษาไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงหนังสือ ตัวอักษรต้นฉบับแม้แต่ตัวเดียว พื้นที่นอกประเทศจีนทำไม่ได้

ศิษย์ความเข้าใจต่อฝ่าลึกซึ้งมากที่สุดของผู้ฝึกเก่า ก็คือแน่วแน่มั่นคงต่อฝ่าและเชื่อมั่นต่อท่านอาจารย์ ดิฉันใคร่ขอถาม ความแน่วแน่มั่นคงและความเชื่อโดยแท้จริงมีบ่อเกิดจากอะไร? ปัญหานี้ได้รบกวนสามีดิฉันมาเป็นเวลานานมาก ทำอย่างไรจึงจะสามารถบำเพ็ญให้มีจิตใจที่มีความยึดมั่นต่อฝ่าชนิดหาสิ่งใดเปรียบเทียบมิได้

อาจารย์เชื่อหรือไม่เชื่อคือหลักคิดด้วยเหตุผล(หลี่เนี่ยน)ของคน ไม่ใช่ข้าพเจ้าให้สิ่งใดแก่ท่าน และไม่ใช่ว่าท่านจะอาศัยวิธีอะไรก็สามารถจะบรรลุสภาวะอะไรแบบหนึ่ง ศิษย์ต้าฝ่าล้วนมีความศรัทธาที่มั่นคงต่อต้าฝ่า สำหรับศิษย์ต้าฝ่านี่เป็นการบรรยาย ความศรัทธาที่มั่นคงต่อต้าฝ่าของพวกเขาเป็นความศรัทธามั่นที่มาจากความเข้าใจด้วยเหตุผล(หลี่ซิ่ง) โดยไม่ใช่เกิดจากองค์ประกอบอะไรที่ส่งผลต่อคน ชั้นพื้นผิวที่สุดของมนุษย์มีวิญญาณสามดวงเจ็ดดวง(ซันหุนชีปอ) ในวิญญาณเจ็ดดวงมีดวงหนึ่งเรียกว่าความเชื่อ เวลาที่คนฟังคนอื่นพูดเขาจึงสามารถฟังและเชื่อ มันสามารถบังเกิดผลเช่นนี้ แต่ความเชื่อแบบนี้มันไม่อาจจะเปรียบเทียบได้กับความเชื่อถูกต้อง(เจิ้งซิ่น)ของการบำเพ็ญ เพราะมันคือชั้นพื้นผิวที่สุดของชั้นพื้นผิวที่สุดของคน ที่บังเกิดผลเป็นความชาญฉลาด(หลิงซิ่ง)ชนิดหนึ่ง แต่ความเชื่อที่ถูกต้อง (เจิ้งซิ่น)ของศิษย์ต้าฝ่านั้นคือสภาวะของเทพ นั่นเกิดจากการรับรู้ด้วยเหตุผล(หลี่อู้)ต่อสัจธรรม เป็นสภาวะของเทพของด้านที่บำเพ็ญสำเร็จแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่องค์ประกอบจากภายนอกจะสามารถบังเกิดผลได้อย่างแน่นอน ไม่ใช่เพียงเพื่อจะแน่วแน่ในความเชื่อจึงเชื่ออย่างแน่วแน่ เพียงเพื่อจะแน่วแน่มั่นคงจึงแน่วแน่มั่นคง ไม่สามารถจะทำได้ สำหรับข้าพเจ้าผู้เป็นอาจารย์ กับศิษย์ต้าฝ่า ข้าพเจ้าไม่มุ่งหวังสิ่งใดจากพวกเขา สิ่งเหล่านี้ที่พวกเขาทำในวันนี้ การยืนยันความถูกต้องของฝ่าก็ดี ช่วยเหลือสรรพชีวิตก็ดี การศึกษาฝ่าและบำเพ็ญของตัวเอง ข้าพเจ้าขอบอกท่าน ไม่ใช่ทำให้แก่ข้าพเจ้าแม้แต่อย่างเดียว ในอนาคตศิษย์ต้าฝ่าก็จะได้เห็น ทุกสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าทำล้วนแต่เพื่อตัวเองทั้งสิ้น ที่ช่วยเหลือนั้นคือสรรพชีวิตของตัวเอง สิ่งที่หยวนหมั่นคือโลกและสรรพชีวิตของตัวเอง ก่อตั้งธรรมานุภาพให้แก่ตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดล้วนแต่เพื่อตัวของศิษย์ต้าฝ่า ท่านไม่ได้ทำให้กับอาจารย์แม้แต่อย่างเดียว และไม่มีแม้แต่อย่างเดียวที่ทำให้กับคนอื่น (เสียงปรบมือ)

ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องบังคับอะไรพวกเขา ผู้ฝึกล้วนแต่เลื่อนระดับขึ้นมาจากความเข้าใจในหลักการของฝ่า จึงสามารถพัฒนาก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น จึงสามารถมีความแน่วแน่ต่อฝ่าขนาดนั้นได้ นี้ไม่ใช่เหตุปัจจัยจากภายนอก และไม่ใช่การคิดหาวิธีใด ก็สามารถจะบรรลุได้ อาจารย์ไม่มุ่งหวังสิ่งใด ไม่เอาอะไรของพวกเขา ข้าพเจ้ามีแต่จะให้พวกเขา แล้วยังแบกรับแทนพวกเขา เป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน (เสียงปรบมือ) ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงบอกให้พวกเขาศึกษาฝ่าให้มากๆ ก็ไม่ใช่ศึกษาให้กับอาจารย์

ศิษย์พรรคชั่วคอมมิวนิสต์จีน นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1949 การบ่อนทำลายวัฒนธรรมจีนที่มีมาแต่โบราณและการเผยแพร่ทฤษฎีไร้เทพ สร้างอุปสรรคใหญ่หลวงให้แก่คน ในการรับรู้และเข้าใจของคนต่อต้าฝ่าและการประทุษร้ายครั้งนี้ ศิษย์อยากจะเขียนความเป็นจริงจากมุมมองทางด้านนี้ อย่างเช่นกระตุ้นให้คนไตร่ตรองว่าวัฒนธรรมจีนที่มีมาแต่โบราณมีการจัดเตรียมอย่างละเอียดประณีตนั้นเพื่อการใด แต่หากเป็นเช่นนี้ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน สามารถจะพูดอย่างนี้ไหม?

อาจารย์สามารถทำได้ บางคนที่มีความรู้มีการศึกษามากๆ มีความคิดมากๆ ท่านสามารถจะไปสอบถามพูดคุยกับเขา แต่คนที่ท่านพบปะอยู่เสมอ ท่านไปพูดอย่างนี้ โอ้ ในหนึ่งวันท่านอธิบายให้ฟังเพียงหนึ่งคนก็จะทำให้ท่านเหนื่อยแย่แล้ว (หัวเราะ) ต้องอธิบายกันยาวมาก จะอธิบายความจริงจากจุดยืน มุมมองด้านใดก็ไม่มีปัญหา สามารถจะอธิบายได้ สุดท้ายให้ท่านพูดถึงการประทุษร้ายครั้งนี้

ศิษย์ศิษย์ต้าฝ่าจากฝูโจว ฝู่ซุ่น กว่างโจว คุนหมิง เฉิงตู เล่อซัน เหอหนานหนานหยาง เฉิงเต๋อ ซีอาน ขอกล่าวคำสวัสดีต่อท่านอาจารย์

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์ศิษย์ต้าฝ่าจากเกาะไซปัน ฝรั่งเศส มาเก๊า ฮ่องกง สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เม็กซิโก สเปน สก๊อตช์แลนด์โรมาเนีย ขอกล่าวคำสวัสดีต่อท่านอาจารย์

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ) ในเมื่อแผ่นนี้ล้วนแต่เป็นคำกล่าวสวัสดี ข้าพเจ้าก็จะถือโอกาสอ่านทั้งหมด

ศิษย์ศิษย์ต้าฝ่าทั้งหมดจากกว่างตงฮุ่ยโจว เจ๋อเจียงหนิงปอ กว่างตงเขตเฉาซัน หูเป่ยอู่ฮั่น เจียงซีหนานชาง หูเป่ยสือเอี้ยน เทียนจิน หนานจิง หูหนาน มองโกลใน หยุนหนาน ซ่างไห่(เซี่ยงไห้) เป่ยจิง เจ๋อเจียง โฮฮอต ขอกล่าวคำสวัสดีต่อท่านอาจารย์

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ) พวกเขาคงรวบรวมใบโน๊ตกล่าวคำสวัสดีต่ออาจารย์ที่พวกท่านเขียนยื่นขึ้นมาเข้าด้วยกันอย่างแน่นอน ยังมีอีก

ศิษย์ศิษย์ต้าฝ่าทั้งหมดจากแวนคูเวอร์ขอกล่าวคำสวัสดีต่อท่านอาจารย์ ศิษย์ต้าฝ่าทั้งหมดจากสิงคโปร์ อินโดนิเซีย กรีก อเมริกาใต้ขอกล่าวคำสวัสดีต่อท่านอาจารย์

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์ใคร่เรียนถามท่านอาจารย์ที่เคารพ คนสิงคโปร์เป็นคนในยุคสมัยใดที่กลับชาติมาเกิด (ที่ประชุมหัวเราะ)

อาจารย์ต่อไปอย่าได้ถามอีก เพราะบางรัฐบาลเขาไม่เข้าใจ บางสิ่งบางอย่างข้าพเจ้าไม่อยากพูด สิงคโปร์คือหลี่ จื้อเฉิงคนพวกนั้น (ที่ประชุมหัวเราะ)

ศิษย์ศิษย์ต้าฝ่าจากมหาวิทยาลัยกองพลที่หนึ่ง ศิษย์ต้าฝ่าจากประเทศไทย ออสเตรเลีย ขอกล่าวคำสวัสดีต่อท่านอาจารย์ ศิษย์ต้าฝ่าจากฉางชุนขอกล่าวคำสวัสดีต่อท่านอาจารย์ ขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ช่วยเหลือด้วยความเมตตากรุณา พวกเราจะปฏิบัติให้ดีอย่างแน่นอน

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน (ท่านอาจารย์ลุกขึ้นยืน) (ทุกคนลุกขึ้นยืน เสียงปรบมือยาวนาน)

อาจารย์ทุกท่านนั่งลง การยืนยันความถูกต้องของฝ่า เรื่องนี้ ทุกท่านได้ดำเนินการมาถึงปีที่สี่แล้ว ไม่ว่าเวลาจะยาวนานอีกเพียงใด ทุกท่านก็ไม่ต้องไปคิด เพราะเมื่อท่านคิดก็คือยึดติด! ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกยาวนานเท่าใด ศิษย์ต้าฝ่าต่างมีหน้าที่ต้องกำจัดองค์ประกอบชั่วร้ายเหล่านั้นทิ้งไป เปิดโปงการประทุษร้ายของสิ่งชั่วร้ายครั้งนี้ออกมา เพื่อช่วยเหลือสรรพชีวิต! (เสียงปรบมือ)

ไม่ว่าจะเป็นคนที่สูญเสียชีวิตไปท่ามกลางการประทุษร้ายครั้งนี้ หรือคนที่ประสบกับทุกข์ภัยใหญ่เพียงใดท่ามกลางการประทุษร้ายครั้งนี้ ขอให้พวกท่านจำไว้ อาจารย์ไม่ทำให้พวกท่านผิดหวังอย่างแน่นอน! (เสียงปรบมือ)

สิ่งที่รอคอยศิษย์ต้าฝ่าในอนาคต ล้วนเป็นเกียรติภูมิและธรรมานุภาพชั่วนิรันดร์ อันสูงส่งไร้เทียมทาน! (เสียงปรบมือ)

ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกที่อยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ หรือนอกประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ หวังว่าทุกท่านจะสามารถฉกฉวยเวลาช่วงสุดท้ายและทำให้ดี ทำให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะคนที่ยังทำได้ไม่ดี ให้ท่านรีบฉกฉวยเวลาทำให้ดี โอกาสเป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด เมื่อการประทุษร้ายครั้งนี้ผ่านพ้นไป เมื่อกำลังของสิ่งชั่วร้ายร่อยหรอลง เรื่องก็เป็นอันจบลง เมื่อถึงเวลานั้นนึกเสียใจก็สายเกินไป หากเรื่องนี้ไม่เกิดขึ้น ผู้ฝึกที่ทำได้ไม่ดีเหล่านั้นก็จะไม่ปรากฏออกมา ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว พวกท่านผู้ฝึกที่ทำได้ไม่ดี เช่นนั้นพวกท่านก็ต้องรีบทำให้ดีแข่งกับเวลา เพราะว่ากันถึงแก่นเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นแล้ว หากไม่เกิดขึ้นก็คงไม่เป็นไร อะไรอาจารย์ก็ทำได้ อะไรก็สามารถปรับคืนให้ถูกต้อง แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว เช่นนั้นเมื่อความสูญเสียมาถึงพวกท่าน พวกท่านต้องไปชดเชย(แก้ไข)ด้วยตัวเอง ข้าพเจ้าหวังว่าศิษย์ต้าฝ่าทุกคนจะไม่เน้นความสำคัญที่รูปแบบมากเกินไป การบำเพ็ญของตัวท่าน การยกระดับของตัวท่าน ท่านยืนยันความถูกต้องของฝ่าท่ามกลางสิ่งชั่วร้าย ช่วยเหลือสรรพชีวิต ท่านเดินให้ดีไปบนหนทางที่ตัวท่านสมควรเดินอย่างแน่วแน่มั่นคงจึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด (เสียงปรบมือ)

ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือยาวนาน)


หมายเหตุจากผู้แปล : บทความนี้จะมีการแก้ไขเพื่อให้ใกล้เคียงกับต้นฉบับภาษาจีนมากที่สุด 
วันที่แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ธันวาคม 2011