การบรรยายฝ่า ณ ที่ประชุมฝ่าฮุ่ยออสเตรเลีย (ปี 1999)

หลี่ หงจื้อ
2-3
พฤษภาคม ค.ศ. 1999
ณ เมืองซิดนี่ย์

สวัสดีทุกท่าน (เสียงปรบมือ)

ชั่วพริบตาเดียวไม่ได้มาซิดนีย์ปีสองปีแล้ว ครั้งก่อนคือเมื่อเปิดฝ่าฮุ่ยที่ข้าพเจ้ามาในเวลานั้น ยังมีผู้ฝึกไม่มากอย่างนี้ การศึกษาต้าฝ่าจำกัดอยู่เพียงในหมู่ชาวจีนโพ้นทะเล เดี๋ยวนี้คนมากขึ้นแล้ว เมื่อผ่านการบำเพ็ญได้ช่วงเวลาหนึ่งข้าพเจ้ารู้สึกว่าทุกท่านล้วนสามารถรับรู้ฝ่าได้แล้วในการบำเพ็ญ ทุกท่านย่อมจะมีปัญหามากมายที่จะถามที่อยากจะได้รับคำตอบ ในเวลานี้ ข้าพเจ้ารู้สึกว่าการมาครั้งนี้สามารถจะตอบปัญหาบางประการให้ทุกท่านได้ แก้ไขปัญหาบางประการให้ได้ เป็นโอกาสที่ค่อนข้างเหมาะสม ดังนั้นจึงตัดสินใจมาพบหน้าทุกท่าน

ผ่านการบำเพ็ญในช่วงนี้ สภาพการณ์ของออสเตรเลียค่อนข้างดี แม้ว่าในการบำเพ็ญยังมีบางคนรับรู้หลักการของฝ่าได้ไม่ชัดเจน แต่ว่าโดยรวมนั้นนับว่าดี วันนี้ที่สำคัญคือข้าพเจ้าได้พบกับทุกท่านจึงขอถือโอกาสพูดถึงปัญหาบางอย่าง ดังนั้นหลังจากที่ข้าพเจ้าบรรยายเสร็จแล้วในวันนี้ ที่สำคัญคือจะฟังทุกท่านพูดจากนั้นข้าพเจ้า จะใช้เวลาในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ตอบปัญหาให้กับทุกท่าน หากมีปัญหาอะไรทุกท่านก็เขียนเป็นคำถามส่งให้กลุ่มผู้จัดการประชุม จากนั้นก็ส่งต่อให้กับข้าพเจ้าข้าพเจ้าจะตอบให้กับทุกท่าน

การตอบปัญหามีเงื่อนไขข้อหนึ่งคือ ข้าพเจ้าจะตอบปัญหาที่พบในระหว่างการบำเพ็ญให้กับผู้บำเพ็ญฝ่าหลุนต้าฝ่า ไม่ใช่ตอบเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมคนธรรมดาสามัญ หรือปัญหาอื่นของสังคมมนุษย์ ปัญหาเหล่านี้ข้าพเจ้าไม่สามารถตอบให้ได้ เนื่องจากในขณะนี้ข้าพเจ้าจะรับผิดชอบต่อผู้บำเพ็ญของข้าพเจ้าเท่านั้น ข้าพเจ้าไม่อยากจะเกี่ยวข้องกับการเมืองนโยบายหรือคำสั่งของประเทศใด ๆ ข้าพเจ้าทำเรื่องนี้ก็ต้องรับผิดชอบต่อคน  ในขณะเดียวกันก็รับผิดชอบต่อสังคมด้วย การพัฒนาของสังคมมนุษย์นั้นมีการกำหนดไว้แน่นอนพัฒนาไปตามกฎเกณฑ์ของมัน เรื่องเหล่านี้ข้าพเจ้าล้วนไม่อยากจะเกี่ยวข้อง

ต่อไปจะพูดถึงปัญหาบางอย่างทุกท่านทราบไม่ว่าข้าพเจ้าอยู่ที่ไหนพบปะกับผู้ฝึก ก็ล้วนต้องพูดถึงเรื่องหนึ่งก็คือบอกให้ทุกท่านอ่านหนังสือให้มากศึกษาฝ่าให้มากแม้ว่าทุกท่านล้วนทราบว่าข้าพเจ้าจะพูดอย่างนี้ข้าพเจ้าก็ยังคงต้องพูดเพราะหากพวกท่านคิดจะยกระดับอยู่ในฝ่า การอ่านหนังสือ ศึกษาฝ่า นี้เป็นเรื่องสำคัญมากหากท่านถือว่าฝ่าที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดให้ในวันนี้เป็นชี่กงทั่วๆไปชนิดหนึ่งเช่นนั้นท่านก็ผิดพลาดอย่างมหันต์แล้วหากท่านอยากจะมีร่างกายที่แข็งแรงเช่นนั้นท่านไปรักษาโรคที่โรงพยาบาล หรืออาศัยวิธีการทางการแพทย์อย่างอื่นในการรักษาข้าพเจ้าคิดว่าท่านนั้นก็เพียงทำเพื่อความแข็งแรงของสุขภาพท่านเช่นนั้นท่านก็ไปหาพวกเขาให้การรักษาข้าพเจ้าไม่รักษาโรคข้าพเจ้าจะนำท่านเดินไปบนเส้นทางที่ถูกต้องของการบำเพ็ญ เดินบนเส้นทางที่สว่างรุ่งโรจน์การอาศัยใช้ต้าฝ่ารักษาโรคเพื่อเงินนี่ใช้ไม่ได้ข้าพเจ้านำท่านเดินบนเส้นทางหนึ่งที่บริสุทธิ์ที่สุดหากคิดจะบำเพ็ญขึ้นไปได้อย่างแท้จริงก็จำเป็นต้องยืนหยัดศึกษาฝ่า

ข้าพเจ้าบอกแล้วว่าสสารกับจิตเป็นสิ่งเดียวกัน ในวงการปรัชญาทั่วโลกเป็นเวลานานมาแล้วผู้คนล้วนถกเถียงกันในปัญหาที่ว่าสสารเกิดขึ้นก่อนหรือว่าจิตเกิดก่อนข้าพเจ้าได้ยกตัวอย่างมากมายขึ้นมาพูดกับทุกท่านคือในเวลาที่คนคิดเรื่องอะไรอยู่ในความนึกคิดความคิดโดยตัวมันเองที่เกิดขึ้นมานั้น ในปัจจุบันก็ทราบกันแล้วว่ามันคือการปรากฏออกมาของสสารฉะนั้นนี่ไม่ใช่จิตหรอกหรือก็คือว่าจิตกับสสารเป็นสิ่งๆเดียวกันจากระดับจุลทรรศน์ที่สุดจนถึงระดับมหภาคที่สุดทั่วทั้งจักรวาลจากสิ่งที่เล็กที่สุดจนถึงใหญ่ที่สุดอณูของสสารที่มีอยู่ทั้งหมดล้วนมีคุณสมบัติพิเศษอันหนึ่งคงอยู่ เรียกว่า เจินซั่น เหริ่น (ความจริงความเมตตาความอดทน) เช่นนั้น เจินซั่น เหริ่น คุณสมบัติพิเศษของจักรวาลนี้เขาจึงคอยควบคุมสรรพสิ่งทั้งปวงในระดับชั้นที่ต่างกันของจักรวาลสสารจึงเกิดขึ้นจากการรวมตัวกันขึ้นมาของคุณสมบัติพิเศษชนิดนี้ของจิตฉะนั้นจิตกับสสารจึงเป็นสิ่งเดียวกัน

บางคนมีการรับรู้ที่คลาดเคลื่อน เขาพูดว่าฉันฝึกชี่กงก็คือ ฝึกชี่กงไม่ต้องยกระดับจิตใจของฉันไม่ต้องไปอ่านหนังสือนี่คือปัญหาที่สำคัญที่สุดที่ข้าพเจ้าจะบอกกับพวกท่านนั่นคือจะไม่อาจยกระดับขึ้นมาได้ตลอดกาลและไม่อาจทำให้ท่านไม่เจ็บป่วยโดยผ่านการฝึกฝนท่าฝึกไม่กี่ท่าของชี่กงจุดนี้ชาวบ้านทั่วไปจำนวนมากในจีนแผ่นดินใหญ่ก็ทราบกันหากท่านไม่ไปศึกษาฝ่า ไม่ไปอ่านหนังสือท่านไม่เข้าใจหลักการในนั้นไม่อาจทำให้ศีลธรรมของท่านฟื้นคืนมาไม่อาจทำให้ซินซิ่งของท่านเปลี่ยนแปลงดีขึ้นเปลี่ยนเป็นคนดีคนหนึ่งเป็นคนที่ดียิ่งขึ้นท่านก็ต้องมีโรคเพราะคนล้วนเป็นอย่างนี้คนก็จะเจ็บป่วยได้มีแต่ในเวลาที่ท่านอยู่เหนือคนธรรมดาสามัญท่านจึงจะไม่เจ็บป่วยฉะนั้นเพียงแต่ผ่านการฝึกฝนท่าเคลื่อนไหวไม่กี่ท่าหรือหลายท่าย่อมไม่อาจจะอยู่เหนือคนธรรมดาสามัญได้มีแต่การเข้าใจในหลักการของฝ่านั้นอย่างแท้จริงทำให้ความคิดและเขตแดนของท่านยกระดับขึ้นมากลายเป็นคนที่ดียิ่งขึ้นดีกว่าคนดีของคนธรรมดาสามัญท่านก็เป็นคนที่เหนือคนแล้วท่านก็ไม่สมควรมีโรคที่คนธรรมดาสามัญทั่วไปควรมีก็คือเหตุผลนี้เมื่อครู่ข้าพเจ้ากำลังพูดถึงว่าคนต้องบรรลุถึงการเป็นคนที่ดียิ่งขึ้นเหนือกว่าคนธรรมดาสามัญในปัจจุบันท่านจึงจะไม่เจ็บป่วยอย่างแท้จริงเช่นนั้น หากท่านคิดจะบำเพ็ญไปถึงเขตแดนที่สูงยิ่งขึ้นนั่นมิใช่ยังต้องสูงกว่าข้อกำหนดนี้หรือไม่มีโรคแล้วไม่เท่ากับเป็นผู้บำเพ็ญในเขตแดนที่สูงคนหนึ่งทว่าเป็นเพียงคนที่มีมาตรฐานศีลธรรมสูงกว่าคนธรรมดาสามัญสิ่งที่ข้าพเจ้าบอกให้พวกท่านทำคือเป็นคนเหนือกว่าคนธรรมดาสามัญกระทั่งสูงยิ่งขึ้นอีกและก็คือคนที่ดียิ่งขึ้นเป็นคนที่มีศีลธรรมสูงส่งยิ่งกว่า มีแต่ทำอย่างนี้ทุกท่านจึงจะสามารถบำเพ็ญขึ้นมาได้

ปัจจุบันนอกเหนือจากชาวจีนโพ้นทะเลมีผู้ฝึกชนชาติอื่นบางคน ไม่เห็นความสำคัญของการศึกษาฝ่าและไม่ค่อยเข้าใจคำพูดเหล่านั้นของข้าพเจ้าเมื่อครู่นี้คงจะทำให้ท่านเข้าใจได้แล้วเนื่องจากท่าฝึกชี่กง เป็นเพียงท่าเคลื่อนไหวที่เสริมการบำเพ็ญไม่อาจบังเกิดผลที่แท้จริงได้อย่างแน่นอนหากซินซิ่งของท่านไม่สูงขึ้นไปเขตแดนของท่านไม่ยกระดับไปถึงเขตแดนที่สูงยิ่งขึ้นท่านจะฝึกท่าเคลื่อนไหวอย่างไรก็ฝึกขึ้นไปไม่ได้มีแต่เมื่อซินซิ่งของท่านบรรลุถึงมาตรฐานที่สูงอย่างนั้นตัวท่านเองจึงจะได้รับการยกระดับตัวท่านเองจึงจะขจัดโรคไปได้เมื่อท่านกำหนดตัวเองสู่ระดับที่สูงยิ่งขึ้นดียิ่งขึ้นท่านจึงจะบรรลุถึงการเป็นคนที่เหนือกว่าคนธรรมดาสามัญเช่นนั้นก็จะไม่เป็นคนธรรมดาสามัญแล้ว เพราะคนอยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญบรรดาสิ่งที่คิดที่ทำ ที่ประพฤติกัน ทุกท่านล้วนมองเห็นแล้วคือเพื่อตัวเองเพื่อครอบครัวของตนเป็นความเห็นแก่ตัวอย่างสุดขั้วหรือกระทั่งเห็นเงินเป็นพระเจ้าโดยเฉพาะปัจจุบันเป็นยุคที่ศีลธรรมเสื่อมทรามมากหากท่านเป็นเหมือนกับคนธรรมดาสามัญท่านฝึกท่าเคลื่อนไหวท่านก็จะสามารถหายป่วยละหรือเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนท่านฝึกท่าเคลื่อนไหวสักหน่อยเหมือนกับคนธรรมดาสามัญท่านก็สามารถบรรลุถึงการเป็นคนที่เหนือคนธรรมดาสามัญละหรือเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดดังนั้นทุกท่านต้องอ่านหนังสือเพราะเขตแดนจิตใจกับความคิดของท่านไม่บรรลุถึงมาตรฐานที่สูงเพียงนั้นท่านก็จะไม่หายป่วยและไม่อาจบรรลุถึงเขตแดนระดับสูงนี่ก็คือเพราะเหตุใดข้าพเจ้าจึงบอกให้ทุกท่านอ่านหนังสือให้มากกับความจำเป็นในการอ่านหนังสือ

ฝ่าสามารถชี้นำพวกท่านยกระดับขึ้นจากระดับชั้นที่ต่างกันได้“จ้วนฝ่าหลุน” หนังสือเล่มนี้นะ เป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ให้ทุกท่านบำเพ็ญได้อย่างเป็นระบบดังนั้นจึงสำคัญมากไม่ว่าท่านจะเป็นผู้บำเพ็ญก็ดี หรือว่าไม่เป็นผู้บำเพ็ญก็ดีหลังจากที่ได้อ่าน “จ้วนฝ่าหลุน”แล้วก็จะสามารถทำให้ท่านเข้าใจได้ว่าจะเป็นคนได้อย่างไรเนื่องจากมนุษย์ทุกวันนี้ไม่มีมาตรฐานใดๆทางศีลธรรมที่จะควบคุมไว้เป็นพวกที่ต่อต้านประเพณีวัฒนธรรมต่อต้านทัศนคติเก่าแก่เมื่อคนมองเห็นแต่สภาพความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้ายิ่งปล่อยวางธาตุแท้ของคนซึ่งเป็นสิ่งที่มีมาก่อนกำเนิดและดีที่สุดเป็นคนที่ไม่มีศีลธรรมคอยกำกับ จึงย่อมที่จะทำตามอำเภอใจนี่ใช้ไม่ได้นะความเสื่อมทรามของมนุษยชาติทำให้มนุษยชาติตกอยู่ในสภาพที่อันตรายมากต่อไปในการบรรยายฝ่าข้าพเจ้าจะตอบปัญหาเหล่านี้ให้

ต่อไปจะพูดถึงปัญหารูปธรรมสักเล็กน้อยในเวลาที่บำเพ็ญอยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญนั้นมักจะมีจิตยึดติดมากมายที่ปล่อยวางไม่ได้นี่ก็พูดถึงรูปธรรมของปัญหาการบำเพ็ญแล้วมีคนมากมายอย่างไรเสียเขาจะไม่ปล่อยวางจิตยึดติดของเขา กระทั่งทำให้เขาใจเคลิบเคลิ้มสติสัมปชัญญะไม่แจ่มชัดเขาเองยังสำนึกไม่ได้นับหมื่นๆปีมาไม่มีใครพูดถึงการบำเพ็ญว่าจะบำเพ็ญอย่างไรคนทั้งหลายต่างรู้ว่าการบำเพ็ญคือการนั่งสมาธิทุกท่านทราบว่าชนบทในประเทศจีน มีหญิงชรามากมายตลอดปีนั่งอยู่บนเตียงเย็บเสื้อผ้า ปะแต่งพื้นรองเท้าผ้าถ้าหากมันง่ายอย่างนี้(แค่นั่งนิ่งๆ)ข้าพเจ้าว่าพวกเขาควรจะสำเร็จเป็นเทพแล้วท่าทางนี้มันเป็นเพียงส่วนเสริมอย่างหนึ่งเท่านั้นหากท่านไม่ฝึกพลังเพียงแต่นั่งขัดขานั่นยิ่งไม่ใช่อะไรเลยเพราะล้วนแต่ไม่มีองค์ประกอบของการบำเพ็ญดังนั้นในระหว่างการบำเพ็ญของพวกท่านข้าพเจ้าจึงสอนให้พวกท่านเข้าใจหลักการของฝ่าบอกให้ท่านอ่านหนังสือจุดประสงค์คือต้องการให้ท่านยกระดับขึ้นไปสู่เขตแดนที่สูงยิ่งขึ้นจะยกระดับอย่างไรละก็คือท่านปล่อยวางความคิดที่ไม่ดีในหมู่คนธรรมดาสามัญทิ้งไปปล่อยวางจิตต่อสู้แย่งชิงระหว่างคนด้วยกันลงเพื่อผลประโยชน์เล็กน้อยเพียงแค่หัวแมลงวันไปทำร้ายผู้อื่นพอได้อะไรมาสักหน่อยก็ดีใจเสียเหลือเกินพอสูญเสียอะไรไปหน่อยก็เจ็บปวดเสียเหลือเกินด้วยเหตุนี้จึงกินไม่ได้นอนไม่หลับทำจนโรคเต็มตัวท่านมีชีวิตอยู่อย่างเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนคนอยู่ในโลกเพื่อสิ่งนี้หรือ

ในเมื่อทุกท่านมองเห็นจุดนี้ได้ชัดเจนแล้วเช่นนั้นทำไมจึงไม่สามารถปฏิบัติตนเหมือนกับคนที่บำเพ็ญคนหนึ่งอย่างแท้จริงปล่อยวางจิตยึดติดของตนเสียละเป็นผู้บำเพ็ญที่สง่างามคนหนึ่งข้าพเจ้ามักพูดว่าผู้บำเพ็ญในยุคปรับฝ่าให้ถูกต้องคนหนึ่งก่อนอื่นท่านต้องทำได้ตามที่ว่า ถูกตีไม่ตีตอบ ถูกด่าไม่ด่าตอบเช่นนั้น เหตุใดเมื่อทุกท่านพบกับความขัดแย้งในระหว่างการบำเพ็ญเพราะเหตุใดจึงปล่อยวางจิตใจดวงนั้นลงไม่ได้ละคนอื่นต่อว่าท่านด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังเหตุใดท่านจึงไม่พอใจแล้วละในเวลาที่ท่านไม่พอใจนั้นในใจมิใช่กำลังผลักไสโอกาสของการบำเพ็ญและการยกระดับหรอกหรือท่านมิใช่คิดอยากจะได้รับความพอใจเหมือนกับคนธรรมดาสามัญหรอกหรือเช่นนั้นท่านมิใช่คนธรรมดาสามัญหรือในเวลานี้ท่านควรคิดได้ว่าทำไมฉันไม่พอใจละเมื่อคนอื่นต่อว่าตนเองในใจรู้สึกไม่พอใจใช่หรือไม่ว่าตนเองกำลังแสวงหาอะไรแสวงหาให้คนทุกคนดีต่อฉันในหมู่คนธรรมดาสามัญ มีชีวิตอยู่อย่างสบาย แล้วท่านจะยกระดับขึ้นมาได้อย่างไรละ ดังนั้นจึงยกระดับขึ้นมาไม่ได้ท่านต้องปล่อยวางสิ่งเหล่านี้ได้จริงๆจิตยึดติดที่คนปล่อยวางไม่ได้

แต่วันนี้พวกท่านบำเพ็ญต้าฝ่านี้ข้าพเจ้าได้ใคร่ครวญอย่างครบถ้วนแล้วว่า ในสังคมมนุษย์ทุกวันนี้ คนที่ทำงานอยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญจะบำเพ็ญอย่างไรดังนั้นเมื่อบำเพ็ญต้าฝ่า ท่านสามารถมีการงานของท่านทำได้ท่านสามารถมีการค้าของท่านท่านสามารถมีชีวิตครอบครัวและกิจกรรมทางสังคมทั้งหลายต้าฝ่าซึ่งเผยแพร่และมีวิธีการบำเพ็ญอยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญจึงไม่กระทบต่อการบำเพ็ญของท่านจุดนี้ข้าพเจ้าได้ใคร่ครวญอย่างครบถ้วนแล้วเพราะต้าฝ่าที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดนั้นมุ่งโดยตรงต่อใจคนในท่ามกลางผลประโยชน์ทางวัตถุให้ท่านทิ้งจิตยึดติดของท่านแต่ไม่แน่ว่าต้องสูญเสียผลประโยชน์ทางวัตถุไปจริงๆเพราะข้าพเจ้ามองเห็นว่าวัตถุโดยตัวมันเองหาได้แทนสิ่งใดได้ไม่ครอบครัวท่านร่ำรวยมหาศาลบ้านของท่านล้วนแต่สร้างขึ้นมาด้วยทองแท่งแต่ในใจท่านกลับไม่มีมันอยู่มองมันได้อย่างจืดจางมากเช่นนั้นข้าพเจ้าจึงพูดว่านี่คือไม่มีการยึดติดในทรัพย์สินเงินทองแล้ว ก็คือว่าสิ่งที่ต้าฝ่ากำหนดคือการเปลี่ยนแปลงใจคนหาใช่ให้ท่านละทิ้งวัตถุอะไรเช่นนั้นแน่ละในการทดสอบต่อใจคนจำเป็นต้องเกิดการทดสอบอย่างเข้มงวดเช่นนี้ดูว่าใจของท่านที่แสวงหาวัตถุเหล่านี้มีมากเพียงไรดูว่าท่านมองอะไรเป็นเรื่องสำคัญทุกท่านทราบ ในหมู่ศิษย์ต้าฝ่าเราล้วนมีทั้งที่ทำการค้า หรือทำธุรกิจใหญ่ พวกเขาเป็นผู้บำเพ็ญคนหนึ่งในสภาพแวดล้อมของการทำงานของพวกเขาพวกเขาล้วนเป็นคนดีคนหนึ่งไม่พูดโกหกไม่หลอกคนแต่พวกเขากลับทำการค้าได้ดีมากพวกเขาก็ไม่เคร่งเครียดเหมือนกับคนธรรมดาสามัญที่กินไม่ได้ นอนไม่หลับอย่างนั้นโดยเฉพาะคือในเวลาที่สภาพเศรษฐกิจไม่คึกคักอย่างปัจจุบันนี้ก็ยิ่งแสดงออกมาซึ่งความแตกต่างของผู้บำเพ็ญเมื่อสามารถบรรลุถึงมาตรฐานของการบำเพ็ญของตนก็จะมีปรากฎการณ์ที่เหนือสามัญวิสัยชนิดนี้สะท้อนออกมา

ที่ข้าพเจ้าเพิ่งพูดไปเมื่อครู่คือจิตยึดติดที่ขัดขวางการบำเพ็ญมีผู้ฝึกหลายคน ในเวลาที่ท่านประสบกับความขัดแย้งในเวลาที่ในใจคุกรุ่นไม่สงบท่านเคยคิดหรือไม่ว่าความโกรธของท่านนั้นเกิดขึ้นกับคนธรรมดาสามัญทุกท่านคิดดู พระพุทธ เทพผู้รู้แจ้งที่ยิ่งใหญ่นั้นเขาจะโกรธคนธรรมดาสามัญได้หรือเป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาดเพราะเขาไม่อยู่ในระดับชั้นของคนไม่มีฉิง(อารมณ์ ความรู้สึกผูกพัน)ของคนธรรมดาสามัญแล้วจะวางตนเองไปอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญได้อย่างไรกันในเวลาที่ท่านปฏิบัติต่อความขัดแย้งเหมือนคนธรรมดาสามัญนั้นท่านก็เป็นมาตรฐานเดียวกับคนธรรมดาสามัญอยู่ในเขตแดนเดียวกันแล้วนั่นคือท่านก็อยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญแล้วมีแต่ในเวลาที่ท่านไม่เหมือนกับพวกเขาท่านจึงไม่อยู่ในนั้นแน่ละเมื่อแสดงออกมา นั่นก็คือให้อภัยด้วยใจโอบอ้อมอารีมีใจกว้างคนธรรมดาสามัญจะมองอย่างนี้ที่จริงคือการแสดงออกของตำแหน่งของซินซิ่งในระหว่างการบำเพ็ญของทุกท่านดังนั้นไม่ว่าพวกท่านอยู่ในสภาพแวดล้อมใดๆหรือสถานการณ์ใดๆเมื่อประสบกับความขัดแย้งล้วนต้องมีจิตใจที่ดีงามเมตตา ในการปฏิบัติต่อปัญหาทั้งปวงถ้าท่านไม่สามารถรักศัตรูของท่านท่านก็จะสำเร็จสมบูรณ์ไม่ได้(เสียงปรบมือ)เช่นนั้นเหตุใดในเวลาที่คนธรรมดาคนหนึ่งยั่วให้ท่านโกรธ ท่านจึงไม่อาจอภัยให้เขาได้ละตรงกันข้ามยังถกเถียง ต่อสู้กับเขาเหมือนคนธรรมดาสามัญละในระหว่างผู้ฝึกด้วยกันไม่ใช่เป็นอย่างเดียวกันหรือ

พอบอกเหตุผลให้กับทุกท่านทุกท่านต่างก็เข้าใจกันสิ่งที่ข้าพเจ้าบอกทุกท่านคือหลักการของฝ่าสิ่งที่ข้าพเจ้าแสดงให้ทุกท่านเห็นก็คือฝ่าชุดนี้พูดว่าจะทำอย่างไรล้วนอาศัยพวกท่านเองไปบำเพ็ญแน่ละข้าพเจ้าสามารถช่วยพวกท่านซึ่งส่วนใหญ่ไม่ปรากฏอยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญทางด้านนี้คนมากมายจะมองไม่เห็นการศึกษาฝ่าให้ดีในการบำเพ็ญนั้นสำคัญมากช่วยให้ท่านสามารถละทิ้งจิตยึดติดเหล่านั้นที่วางไม่ลงซึ่งในนั้นรวมถึงของส่วนนั้นที่ไม่ดีที่สุด

ท่านอย่าได้เข้าใจว่าทัศนคติของท่านคือตัวท่านเองมีหลายคนนะ เวลาที่อ่านต้าฝ่าจะมีทัศนคติชนิดหนึ่งในการอ่านเขาคิดว่า อ้อท่อนนี้ดีอ้อท่อนนี้ฉันไม่ค่อยเข้าใจอ้อท่อนนั้นฉันรู้สึกว่าไม่ดีข้าพเจ้าขอบอกท่านท่านนั้นเข้าใจว่าตนเองฉลาดมากท่านเข้าใจว่าการประเมินของท่านนั้นถูกต้องที่จริงคือความผิดพลาดอย่างมหันต์ เพราะความคิดของท่านก่อเกิดขึ้นในสังคมคนธรรมดาสามัญนี้มาตรฐานในการประเมินถูก-ผิดนั้นเป็นมาตรฐานของคนธรรมดาสามัญไม่อาจจะอยู่เหนือคนธรรมดาสามัญได้อย่างแน่นอนดังนั้นท่านจึงมองไม่เห็นแก่นแท้ของฝ่าที่คงอยู่อย่างแท้จริงจิตยึดติดของท่านขัดขวางไม่ให้ท่านได้ฝ่าท่านกำลังเลือกอ่านส่วนนั้นที่ท่านรู้สึกว่าดีท่านหาได้บำเพ็ญอย่างแท้จริงไม่เพราะว่าเมื่อท่านรู้สึกว่าที่ไม่ดีหรือท่านรู้สึกว่าไม่อยากอ่าน พอดีกับที่จิตใจนั้นที่ไม่ดีความคิดที่ไม่ดีซึ่งก่อเกิดหลังกำเนิดของท่านนั้นกำลังส่งผลแต่มันไม่ใช่ตัวท่านที่แท้จริงแต่ท่านกลับถือว่ามันคือตัวท่าน

เพราะอะไรละทุกท่านลองคิดดูเด็กทารกคนหนึ่ง ตั้งแต่เขาเกิดมาเขาไม่มีทัศนคติใดๆของคนธรรมดาสามัญข้าพเจ้าเคยพูดว่าเด็กเล็กๆต่ำกว่าหกขวบข้าพเจ้าพูดคำเดียวตาทิพย์ของเขาก็สามารถมองเห็นสิ่งของได้เพราะอะไรละเพราะเขาไม่ก่อเกิดสิ่งที่เป็นทัศนคติใดในสังคมคนธรรมดาสามัญเพราะเขานั้นบริสุทธิ์สอดคล้องกับมาตรฐานก่อนกำเนิดของจักรวาลคือ เจิน ซั่นเหริ่นพอท่านสะสมสิ่งที่เรียกว่าประสบการณ์ในสังคมคนธรรมดาสามัญมีกรอบทางความคิดยกย่องมันว่าเป็นความชำนาญรอบรู้ในหมู่คนธรรมดาสามัญมีประสบการณ์ที่จริงท่านได้เปลี่ยนแปลงตนเองจนไม่ดีมากแล้วก็เพราะทัศนคติเหล่านี้ทำให้ท่านไม่อาจจะเข้ากันได้กับความจริงแก่นแท้ และสัจธรรมของจักรวาลเพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังกำเนิดของท่านมันจะเป็นท่านได้อย่างไรกันอะไรที่เรียกว่าหวนคืนสู่ความจริงแท้ละต้องชำระล้างตนเองก็คือให้ท่านหวนคืนกลับสู่ความบริสุทธิ์ถูกต้องที่สุดก่อนกำเนิดของท่าน ไปสู่สภาพที่ไม่มีทัศนคติทางความคิดใดๆนั่นจึงจะฉลาดที่สุดสามารถมองเห็นทุกสิ่งในโลกได้ชัดเจนเพราะในเวลาที่ท่านไม่มีทัศนคติใดๆทุกสิ่งจะอยู่ในสายตาท่านทั้งหมดทุกสิ่งในโลก พอท่านมองก็ทราบได้ว่าเป็นเรื่องอะไรนี่ก็คือปัญญาแต่ในเวลาที่ท่านไปดูโดยมีกรอบความคิดท่านก็ถูกจำกัดอยู่ในกรอบของท่านเองและกรอบของท่านหาใช่สัจธรรมท่านรู้สึกว่าความรู้ของท่านสูงมากท่านรู้สึกว่ามาตรฐานในการประเมินของท่านถูกต้องที่จริงไม่ถูกข้าพเจ้าก็พูดอย่างนี้ท่านก็ไม่แน่ว่าจะสามารถเข้าใจได้ทันทีและเห็นพ้องกับทัศนะของข้าพเจ้าแต่หากท่านสามารถปล่อยวางจิตใจไปอ่าน “จ้วนฝ่าหลุน”ชุดนั้นท่านจึงจะเห็นได้ว่าที่แท้หนังสือเล่มนี้คืออะไร

ทำไมในประเทศจีนและทั่วโลกมีคนศึกษามากอย่างนี้ แค่ประเทศจีนแห่งเดียวก็มีคนศึกษาเกือบจะถึง ๑๐๐ ล้านคนมีหลายคนเป็นนักวิทยาศาสตร์ปัญญาชนชั้นสูงนักสังคมวิทยานักคิดนักวิจัยปรัชญากระทั่งข้าราชการระดับสูงในต่างประเทศมีผู้ที่จบปริญญาเอกปริญญาโทนักวิจัยศาสตราจารย์ ต่างกำลังศึกษากันอยู่สติปัญญาของพวกเขาไม่ฉลาดหรือโดยเฉพาะคือสังคมนั้นของประเทศจีน ผู้คนมีประสบการณ์มากมายเหลือเกินเคยมีความเชื่อ เคยผ่านการปฏิวัติใหญ่ทางวัฒนธรรมและเคยยกย่องบูชามีบทเรียนที่ลึกซึ้งมากแล้ว อะไรๆพวกเขาก็ผ่านมาหมดแล้วคนอย่างนี้ ท่านให้เขาเชื่ออะไรอย่างหลับหูหลับตาจะได้ไหม เช่นนั้นเหตุใดพวกเขาสามารถศึกษาฝ่าทำไมพวกเขายืนหยัดแน่วแน่อย่างนั้น นี่โดยตัวมันเองมิใช่อธิบายปัญหาได้ชัดเจนแล้วหรือเนื่องจากข้าพเจ้าบอกให้ทุกท่านเป็นคนดีข้าพเจ้าบอกให้ทุกท่านเป็นคนที่ดียิ่งขึ้นเป็นคนเหนือสามัญวิสัยเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงเป็นคนที่สูงส่งยิ่งขึ้นจนกระทั่งสามารถทำให้ท่านเป็นคนที่สำเร็จสมบูรณ์(หยวนหมั่น)ได้นี่ไม่ใช่ว่าข้าพเจ้า หลี่ หงจื้อ พอพูดสองสามคำก็สามารถทำให้คนติดตามข้าพเจ้าเหมือนกับคนที่ไม่มีสติสัมปชัญญะทุกท่านทราบว่าต้าฝ่านั้นมีการจัดการอย่างหลวมๆท่านจะศึกษาท่านก็ศึกษาท่านไม่คิดจะศึกษาท่านมาจากไหนก็กลับไปที่นั่นได้ตามสบายข้าพเจ้าก็ไม่สนใจไม่มีการบังคับใดๆไม่มีรูปแบบการจัดตั้งใดๆและไม่เอาเงินท่านแม้แต่สตางค์แดงเดียวเหตุใดทุกท่านต่างมารวมกันที่นี่กระทั่งจะไล่ก็ไล่ไม่ไปพวกเขาไม่มีความคิดหรือไม่มีสติสัมปชัญญะหรือเช่นนั้นบางคนทำไมจึงไม่สามารถปล่อยวางจิตใจอ่านหนังสือเล่มนี้อย่างจริงๆจังๆดูว่าหลี่ หงจื้อกำลังทำอะไรอยู่ทำไมคนมากมายอย่างนี้บนโลกจึงอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ละหลังจากอ่านแล้วท่านอาจจะเข้าใจว่าข้าพเจ้ากำลังทำอะไร

ในปีนั้นที่ข้าพเจ้าเริ่มต้นถ่ายทอดฝ่านี้อยู่นั้นข้าพเจ้ามีความห่วงใยมากที่สุดเรื่องหนึ่งทุกท่านทราบสังคมมนุษย์ทุกวันนี้ศาสนาใดๆล้วนไม่สามารถทำให้ใจคนและศีลธรรมของมนุษย์ฟื้นคืนได้แล้วจุดนี้ คนในศาสนาเหล่านั้นเองต่างก็รู้ไม่สามารถจะทำอะไรได้จริงๆไม่เพียงแค่นี้ปัจจุบันบนโลกนี้ไม่มีคำสอนชนิดใด หลักการชนิดใดที่จะสามารถทำให้ศีลธรรมของมนุษย์ฟื้นคืนได้ที่จะสามารถทำให้ศีลธรรมสูงขึ้นมาได้อีกครั้งยิ่งไม่อาจทำให้คนกลับขึ้นไปสำเร็จสมบูรณ์ได้ค้นหาไปทั่วทั้งโลกก็ไม่อาจจะมีอีกแล้วเช่นนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้คนจึงตกอยู่ในสภาพที่อันตรายที่สุดแล้ว ต้าฝ่าที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดในวันนี้ หากไม่สามารถช่วยคนได้แล้วเช่นนั้น คนก็จะหมดทางช่วยได้อีกแล้วเพราะในจักรวาลไม่มีอะไรที่สูงกว่าฝ่าที่สร้างสรรค์จักรวาลอีกแล้วในเวลาที่คนไม่มีความคิดที่ถูกต้องไม่มีศีลธรรมควบคุมเรื่องเลวอะไรก็กล้าทำแต่เทพไม่ยินยอมทุกท่านล้วนได้รับข่าวสารบางอย่างจากศาสนาหรือคำพยากรณ์ หรือนักพยากรณ์คนไหน จากในหนังสือ จากปากใครบอกว่ามนุษยชาติมีภัยพิบัติอะไรทุกท่านคิดดูหากมนุษย์เสื่อมทรามลงไปเช่นนี้ยังไม่อันตรายหรือถึงแม้ไม่มีเทพมาลงโทษคนคนก็จะเข่นฆ่ากันเองที่จริงคนกำลังทำลายตนเองอยู่แล้วกระทั่งทำลายตนเองในสถานการณ์ที่สงบสันติทำลายตนเองอย่างไม่รู้ตัวมลภาวะต่างๆที่เกิดจากการพัฒนาเทคโนโลยีได้ทำลายสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติแล้วน้ำในอนาคตจะปนเปื้อนทั้งหมดเทคโนโลยีของมนุษย์ก็ไม่มีทางที่จะทำให้น้ำกลับคืนสู่ความบริสุทธิ์ได้ในระดับแรกเริ่มอย่างนั้นอีกแล้วอาหารที่ท่านรับประทานล้วนแต่เร่งให้โตด้วยปุ๋ยเคมีทุกท่านคิดดูหากเป็นเช่นนี้ต่อไปมนุษย์จะเกิดการเบี่ยงเบนร่างกายรูปโฉมภายนอกจะเกิดการเบี่ยงเบนหากคนคิดจะจำลองคน(โคลนนิ่ง)เช่นนั้นคนก็เริ่มดับสลายคนเองแล้วมนุษย์ต่างดาวที่คลุมด้วยหนังมนุษย์จะถูกโคลนนิ่งออกมาจำนวนมากยึดครองร่างกายคนมนุษย์ในอนาคตพวกเขาจะเติบโตขึ้นมาจากคนชนิดนี้พวกเขาจะทำอย่างนี้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณสุดท้ายแทนที่คน

แน่ละข้าพเจ้าสามารถมองปัญหาทั้งหมดในโลกได้กระจ่างแจ้งข้าพเจ้าสามารถพูดถึงปัญหาทั้งหมดของมนุษยชาติขณะนี้ข้าพเจ้าไม่ได้มาถ่ายทอดฝ่านี้เพื่อปัญหาเหล่านี้ของสังคมมนุษย์แต่เพื่อทำให้ผู้บำเพ็ญสามารถได้ฝ่ายกระดับขึ้นได้อย่างแท้จริงข้าพเจ้าจึงพูดสิ่งเหล่านี้ นี่คือจุดประสงค์ที่ข้าพเจ้าทำเรื่องนี้

เมื่อครู่ได้พูดถึงปัญหาหนึ่งไปแล้วต่อไปข้าพเจ้าจะพูดปัญหารูปธรรมอีกอย่างหนึ่งพวกเราบางคน ในการบำเพ็ญมีจิตยึดติดที่ไม่ปล่อยวางจึงทำให้ความขัดแย้งนี้ยิ่งโดดเด่นทำให้ด่านที่เขาข้ามใหญ่ยิ่งขึ้นกระทั่งทำให้เขาข้ามไม่ได้พวกเราที่นั่งอยู่ก็มีจากนั้นทำให้เขาพลิกไปสู่ฝั่งตรงข้ามอาฆาตแค้นต้าฝ่ากระทั่งอาฆาตแค้นข้าพเจ้าทำไมคนอื่นไม่เหมือนกับท่านอย่างนี้ละคนร้อยกว่าล้านคนนี้ล้วนเป็นคนโง่เขลาหรือทำไมท่านไม่คิดดูว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร บางคนศึกษาต้าฝ่าแล้วข้าพเจ้าบอกเขาว่าต้องเป็นคนที่สง่างามคนหนึ่งเป็นคนดีคนหนึ่งไม่ทำเรื่องเลวเขายังคงไปเล่นการพนันพอเสียพนันไปแล้วเขากลับหันมาโทษต้าฝ่าข้าพเจ้าบอกให้ท่านไปเล่นการพนันหรือตรงกันข้ามข้าพเจ้าบอกท่านว่าไม่สมควรไปเล่นการพนันไม่ทำเรื่องที่ไม่ดีเหล่านี้

ยังมีบางคนนะบำเพ็ญต้าฝ่าในทันใดประสบกับการบาดเจ็บที่ไม่คาดคิดสักหน่อยเขาก็โทษต้าฝ่าท่านเคยคิดหรือไม่ว่าใน “จ้วนฝ่าหลุน”ข้าพเจ้าได้ยกตัวอย่างหนึ่งว่ามีคนๆหนึ่งหลังจากศึกษาต้าฝ่ามีอยู่วันหนึ่งทันใดเขาเกิดล้มป่วยแล้วคล้ายกับเป็นอาการเส้นเลือดในสมองอุดตัน ร่างกายครึ่งตัวเคลื่อนไหวไม่ได้หัวสมองซีกหนึ่งเป็นอัมพาตแต่ว่า พอวันที่สองเขาก็สามารถลงพื้นเดินได้แล้วหนึ่งสัปดาห์ให้หลังโดยพื้นฐานเขาก็ฟื้นตัวได้ดีมาก จากนั้น เขาจึงพูดกับผู้ฝึกว่าฉันฝึกต้าฝ่า ฝึกจนร่างกายครึ่งหนึ่งเป็นอัมพาตแล้วไม่อาจฝึกต่อได้อีกแล้วทุกท่านลองคิดดูถ้าเขาไม่ฝึกต้าฝ่าอัมพาตครึ่งตัวของเขาจะหายเร็วอย่างนี้ได้หรือ ทุกท่านล้วนทราบว่าอัมพาตครึ่งตัวเป็นสภาพอย่างไรเขาโทษต้าฝ่าพวกเราหลายๆคนควรต้องคิดอย่างจริงๆจังๆทุกข์ภัยนี้ที่ท่านประสบท่านบอกว่าอาจารย์ไม่คุ้มครองท่านท่านทราบไหมว่าหากข้าพเจ้าไม่คุ้มครองท่านก็จะไม่ใช่แขนขาทั้งสี่และร่างกายของท่านที่บาดเจ็บแต่อาจจะเป็นชีวิตของท่านท่านทราบไหมข้าพเจ้าได้ลดทอนให้แก่ท่านถึงระดับนั้นแต่ท่านกลับหันมาโทษต้าฝ่าคนอยู่ในความไม่รู้ชนิดนี้ จึงยากแก่การช่วยเหลือหนี้ที่เขาเองติดค้างอยู่ในจักรวาลเขาไม่คิดจะชดใช้เขาคิดว่าทุกข์ภัยอะไรก็ไม่มีเลยอยู่อย่างแสนสบายให้ข้าพเจ้าแบกรับแทนเขาทั้งหมดนั่นคือการบำเพ็ญหรือนั่นจะยกระดับจิตของท่านได้หรือเวลาที่ท่านประสบกับปัญหาเหล่านี้ท่านไม่อาจเกิดความคิดที่ถูกต้องในการปฏิบัติต่อมันท่านจะบำเพ็ญได้อย่างไรกันทางข้างหน้าจะเดินไปได้อย่างไรข้าพเจ้าทำให้กับพวกท่านมากมายถึงเพียงนั้นท่านยังโทษต้าฝ่าโทษข้าพเจ้าหรือกระทั่งด่าว่าข้าพเจ้าแน่ละ ข้าพเจ้าไม่ถือโทษผู้ใดข้าพเจ้าเพียงอธิบายหลักการของฝ่าแก่ทุกท่านอธิบายเหตุผลประการหนึ่งแม้ท่านจะด่าว่าข้าพเจ้าข้าพเจ้าก็ไม่อาจถือโทษท่านเพราะใจของข้าพเจ้าไม่อยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญพวกท่านพูดว่าข้าพเจ้าดีหรือพูดว่าข้าพเจ้าไม่ดีพวกท่านพูดว่าข้าพเจ้าเป็นเทพพวกท่านพูดว่าข้าพเจ้าเป็นคนข้าพเจ้าก็ไม่หวั่นไหวเลยเพราะจิตใจของคนไหนๆล้วนแต่แตะต้องข้าพเจ้าไม่ได้หากพวกท่านสามารถบรรลุถึงสภาพการณ์นี้ของข้าพเจ้าพวกท่านก็ห่างจากการสำเร็จสมบูรณ์ไม่ไกลแล้ว

ข้าพเจ้าเพียงแต่ยกตัวอย่างพวกท่านบำเพ็ญใจต้องปรับให้เที่ยงตรงแน่ละข้าพเจ้าสอนให้ท่านปรับใจให้เที่ยงตรงท่านก็ไม่แน่ว่าจะทำได้ด้วยคำพูดหนึ่งของข้าพเจ้าท่านก็จะปรับให้เที่ยงตรงได้แล้วหรือมีเพียงประการเดียวที่จะทำให้ท่านเกิดความคิดที่ถูกต้องสามารถทำให้ท่านบำเพ็ญขึ้นไปได้สิ่งที่เป็นรากฐานที่สุดก็คือฝ่าชุดนี้พวกเรามีคนนับร้อยล้านกำลังบำเพ็ญอยู่ไม่อาจจะให้ทุกๆคนเป็นเหมือนทุกท่านที่นั่งอยู่ที่นี่ในวันนี้และข้าพเจ้าไปอธิบายกับท่านทีละคน ทีละคนเป็นไปไม่ได้แต่ข้าพเจ้าได้ถ่ายทอดฝ่าออกมาแล้วข้าพเจ้ายังต้องรับผิดชอบต่อพวกท่านเพื่อที่จะสามารถทำให้พวกท่านบำเพ็ญขึ้นมาได้อย่างแท้จริงข้าพเจ้าจึงเลือกใช้วิธีการอันหนึ่งคือนำบรรดาสิ่งที่ข้าพเจ้าสามารถจะให้พวกท่านนำบรรดาสิ่งที่ข้าพเจ้าสามารถจะช่วยพวกท่านได้กดอัดเข้าไปในฝ่าชุดนั้นทั้งหมดดูแต่เพียงว่าท่านเองคิดจะเอาหรือไม่ดังนั้นข้าพเจ้าจึงบอกว่าเวลาที่ไม่เห็นข้าพเจ้าก็ต้องถือฝ่าเป็นอาจารย์ถือฝ่าเป็นอาจารย์

ต่อไปขอพูดถึงปัญหาเล็กๆเรื่องหนึ่งผู้ฝึกบางคนเดินสุดขั้วในการบำเพ็ญคือในทันใดเขารับรู้(อู้)อะไรได้แล้วอ้อสิ่งนี้สามารถกระตุ้นจิตยึดติดของฉันได้ฉันไม่ต้องการแล้วจัดการทิ้งมันไปอ้อ การงานนี้สามารถกระตุ้นจิตยึดติดของฉันได้ฉันไม่ทำแล้วอ้อหลบหลีกเสียให้หมดทุกท่านคิดดูนี่คือการบำเพ็ญหรือนี่ไม่ใช่เดินสุดขั้วหรือข้าพเจ้ามักพูดอยู่คำหนึ่งข้าพเจ้าว่า พวกเราบำเพ็ญอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญจะต้องไปบำเพ็ญโดยสอดคล้องกับรูปแบบของคนธรรมดาสามัญให้มากที่สุดนี่ไม่ใช่คำพูดที่ง่ายๆพื้นๆประโยคหนึ่ง และไม่ใช่ว่าการงานของท่าน แค่ทำไปตามปกติก็บรรลุมาตรฐานของคำพูดประโยคนี้ของข้าพเจ้าแล้วทุกท่านลองคิดดูให้ละเอียดมันปรากฏออกมาในด้านต่างๆของการบำเพ็ญของพวกท่าน หากท่านไม่สามารถบำเพ็ญอยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญเหมือนกับคนธรรมดาสามัญท่านก็ทำลายรูปแบบชนิดนี้ของสังคมคนธรรมดาสามัญสังคมคนธรรมดาสามัญ แม้ว่ามันจะไม่ดีทว่ามันก็เป็นสิ่งที่ต้าฝ่าของจักรวาลบุกเบิกให้กับชีวิตในระดับชั้นนี้ของมนุษย์ก็เพราะมันไม่ดีจึงสามารถทำให้คนที่นี่สามารถบำเพ็ญคือหลอมละลายสิ่งที่ไม่ดีนี้ของคนทิ้งไปให้กับท่านและยังให้ท่านหลุดพ้นไปจากที่นี่เหมือนกับดอกบัวนั้นที่ผุดขึ้นมาจากโคลนตม แต่กลับมีความศักดิ์สิทธิ์ และบริสุทธิ์ไม่ว่าอย่างไรทุกท่านอย่าได้เดินสุดขั้วไม่ว่าอย่างไรอย่าได้รับรู้ฝ่าผิดๆเวลาที่ท่านเดินสุดขั้วเมื่อท่านคิดว่าไม่ต้องการอันนี้ไม่ต้องการอันนั้นในเวลาที่จะทิ้งการงานเหล่านั้นที่จริงท่านได้อยู่ในจิตยึดติดอีกอย่างหนึ่งแล้วท่านกลัวจิตยึดติด โดยตัวมันเองนั้น ก็ก่อเกิดจิตยึดติดแล้วก็คือท่านยึดติดกับการหวาดกลัวจิตยึดติด

ข้าพเจ้าจะพูดเพียงเท่านี้เพราะอีกสักครู่จะเป็นการเล่าประสบการณ์การบำเพ็ญ ของผู้ฝึกข้าพเจ้าทราบว่าผู้ที่นั่งอยู่มีผู้สื่อข่าวหลายคนและบางคนอาจจะมาจากที่ไกลๆข้าพเจ้าเข้าใจทุกท่านดีข้าพเจ้า หลี่ หงจื้อไม่อยากมีชื่อเสียงในหมู่คนธรรมดาสามัญข้าพเจ้าเพียงต้องการจะรับผิดชอบศิษย์เหล่านี้ เหล่าผู้ฝึกที่บำเพ็ญต้าฝ่าของข้าพเจ้าจุดประสงค์ที่ข้าพเจ้ามาออสเตรเลียคือการตอบปัญหาที่มีอยู่ในการบำเพ็ญให้กับพวกเขาสอนให้พวกเขาสามารถยกระดับขึ้นมาได้แต่ว่านะเมื่อพวกท่านมากันแล้วข้าพเจ้าก็ไม่อยากให้พวกท่านกลับไปมือเปล่าแต่ก่อนนั้นข้อกำหนดของข้าพเจ้าคือหากท่านไม่อ่าน “จ้วนฝ่าหลุน”ข้าพเจ้าจะไม่พบกับนักข่าวคนไหนทั้งนั้นท่านต้องมีความเข้าใจต่อพวกเราระดับหนึ่งข้าพเจ้าจึงจะไปคุยกับท่าน เพราะสิ่งที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดนั้นยิ่งใหญ่เหลือเกินพูดกันเพียงสองสามคำจะไม่กระจ่างแจ้งสิ่งที่ท่านอยากจะทราบล้วนเป็นเรื่องในสังคมคนธรรมดาสามัญซึ่งข้าพเจ้าไม่ชอบที่จะตอบเนื่องจากในปัจจุบันข้าพเจ้าไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคนธรรมดาสามัญแต่อย่างใดไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของสังคมแต่อย่างใดแต่ว่าเมื่อพวกท่านมากันแล้ว วันนี้ข้าพเจ้าหวังว่าพวกท่านจะสามารถนั่งอยู่ที่นี่อย่างสงบ รับฟังผู้ฝึกของเราเล่าประสบการณ์รับฟังฝ่าฮุ่ยของเราทั้งสองวันจากนั้นข้าพเจ้าค่อยพบกับพวกท่านพวกท่านสามารถถามคำถามในช่วงระหว่างการประชุมนี้ข้าพเจ้าไม่อาจพบกับผู้ใดได้อย่างแน่นอนเพราะข้าพเจ้ามีหลายเรื่องต้องจัดการฝ่าฮุ่ยของเรานั้นมีจุดประสงค์เพื่อทำให้ผู้ฝึกยกระดับขึ้นอย่างแท้จริงหาใช่เป็นแค่พิธีการหาใช่การทำให้คนดู (เสียงปรบมือ)

เอาละ ต่อจากนี้ผู้ฝึกก็จัดการประชุมต่อไปข้าพเจ้าก็พูดเพียงเท่านี้บ่ายวันพรุ่งนี้ข้าพเจ้าจะตอบปัญหาทั่วทุกด้านแก่ทุกท่านตอนนี้ข้าพเจ้าก็จะฟังผู้ฝึกเล่าประสบการณ์

ส่งคำถามขึ้นมาได้บ่ายวันนี้โดยหลักคือจะอธิบายฝ่าให้กับทุกท่านตอบปัญหาที่ทุกท่านถามเมื่อผ่านการบำเพ็ญมาได้ระยะหนึ่งมีปัญหาหลายอย่างนั้นสามารถได้รับการแก้ไขจากในหนังสือแต่มีบางปัญหามักจะรู้สึกว่า ยังคงต้องถามอาจารย์จึงจะวางใจทุกท่านล้วนมีความคิดอย่างนี้ข้าพเจ้าก็จะช่วยให้ทุกท่านสมความปรารถนาปัญหาที่พวกท่านถาม ข้าพเจ้าก็จะพยายามตอบให้กับทุกท่านเอาละ เราก็เริ่มกัน

ศิษย์คนๆหนึ่งตั้งแต่เริ่มต้นบำเพ็ญนั้น ทุกข์ภัยที่ประสบทั้งหมดใช่หรือไม่ว่าเป็นการจัดวางทั้งหมด หรือเป็นเหตุปัจจัยจากการกระทำของมนุษย์

อาจารย์ในการบำเพ็ญเป็นเส้นทางที่จัดวางเอาไว้แล้วที่ข้ามไม่ได้เพราะเหตุปัจจัยจากการกระทำของมนุษย์ เนื่องจากการบำเพ็ญเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากและไม่อาจเป็นไปได้ว่าจะเหมือนกันทุกเรื่องและไม่อาจจะเป็นว่า เรื่องที่เกิดกับท่านก็จะเกิดกับเขาด้วยเรื่องอย่างเดียวกันก็ไม่อาจจะจัดการแบบเดียวกันเพราะบำเพ็ญอยู่ในวังวนใช่ไหมแต่ถ้าล้วนเหมือนกันหมดดังว่าก็จะทำลายวังวนนี้แล้วทุกท่านล้วนรู้แล้วว่าจะไปทำอย่างไรอ้อ คนอื่นทำอย่างนี้และทำได้ดีมาก ฉันก็ทำอย่างนี้นั่นก็ไม่เรียกว่าการบำเพ็ญแล้วที่จริงทุกข์ภัยก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากกรรมของท่านเองกรรมที่สะสมลงมาทุกๆชาติทุกๆภพขัดขวางท่านบำเพ็ญขัดขวางท่านหวนคืนกลับสู่ความจริงแท้ขัดขวางการเลื่อนระดับขึ้นของพวกท่านก็คือกรรมนี้ที่กำลังก่อผลอยู่ข้าพเจ้าชำระมันทิ้งไปส่วนหนึ่งจากนั้นเหลือส่วนหนึ่งไว้ให้ท่านชำระเองเนื่องจากในจักรวาลนี้มีหลักการหนึ่งก็คือเมื่อติดค้างแล้วต้องชดใช้ไม่ว่าชาติไหนภพไหนเมื่อทำเรื่องเลวแล้วก็จะสะสมกรรมเช่นนั้นภพต่อไปหรือหลังจากภพปัจจุบัน ไม่ว่าเมื่อใดก็ต้องชดใช้ดังนั้น ก็คือสิ่งนี้กำลังก่อผลข้าพเจ้าเรียกมันว่า ทุกข์ภัยที่จริงคนธรรมดาสามัญล้วนมีกันคนธรรมดาสามัญเมื่ออยู่ในสภาพที่เจ็บปวดบรรดาโรคที่ได้รับกับความลำบากในการใช้ชีวิตที่จริงก็ล้วนเป็นทุกข์ภัยของเขาสำหรับผู้ฝึกข้าพเจ้าเพียงแต่จัดวางมันไว้ในระดับชั้นที่ต่างกันของการบำเพ็ญของพวกท่านใช้มันในเวลาที่ท่านข้ามด่านบำเพ็ญยกระดับจิตใจอาศัยมันส่งผลอันนี้แต่คนธรรมดาสามัญเพียงชดใช้กรรมเพื่อการชดใช้กรรมดังนั้นมันไม่มีองค์ประกอบของการบำเพ็ญและคนธรรมดาสามัญนั้นมีกรรมหนักแค่ไหนก็ชดใช้หนักเท่านั้นพวกเราที่นี่นะเพราะว่าคนต้องการบำเพ็ญถ้าทุกข์ภัยหนักเกินไปท่านก็บำเพ็ญไม่ได้แน่ดังนั้นต้องสลายกรรมแน่ละย่อมจะมีเงื่อนไขทุกท่านล้วนทราบแล้วในฝ่านี้ก็พูดชัดเจนมากแล้วข้าพเจ้าจะไม่พูดซ้ำอีก
ศิษย์อัตราความก้าวหน้าของการศึกษาฝ่าด้วยตนเองกับอัตราความก้าวหน้าของการศึกษาฝ่าเป็นกลุ่มไม่เหมือนกันมีความสัมพันธ์กันหรือไม่
อาจารย์การศึกษาฝ่าด้วยตนเองหากท่านสามารถยืนหยัดบำเพ็ญจริงต่อไปได้ก็นับว่ายอดเยี่ยมแต่ทุกท่านทราบว่าท่านไม่อาจก้าวหน้ามากในการศึกษาฝ่าอยู่ที่บ้านคนเดียวและไม่อาจไม่สัมผัสกับสังคมคนธรรมดาสามัญคนในสังคมคนธรรมดาสามัญทุกวันนี้เป็นคนที่ทำตามอำเภอใจไปแล้วเป็นสังคมที่คนกล้าทำเรื่องอะไรที่ไม่ดีออกมาหรือก็คือไม่มีมาตรฐานใดๆทางศีลธรรมและไม่มีศีลธรรมใดๆควบคุมแล้วมนุษย์ในวันนี้ก็เป็นอย่างนี้ดังนั้นบรรดาคนที่ท่านสัมผัสในสังคมล้วนเป็นคนเหล่านี้ของสังคมคนธรรมดาสามัญสิ่งต่างๆที่พวกเขา พูด คิดทำ ล้วนเป็นสิ่งต่างๆที่มนุษย์ในวันนี้ทำกัน

เช่นนั้นท่านบำเพ็ญเองก็ไม่มีสภาพแวดล้อมที่ดีมากที่ท่านสัมผัสล้วนเป็นสภาพแวดล้อมชนิดนี้เช่นนั้นในความเป็นจริง ท่านก็ถูกสภาพแวดล้อมชนิดนี้กล่อมเกลายากจะยกระดับได้ข้าพเจ้าเคยพูดว่าผู้ฝึกมากมายก่อนที่จะบำเพ็ญล้วนยังรู้สึกว่าตนเองไม่เลวเป็นคนดีพอบำเพ็ญขึ้นมาจริงๆเขาพบว่า ต่างกันไกล ไม่ใช่เป็นอย่างนั้นเพราะเขาคิดว่าตนเองดีเป็นเพราะตัวเองเปรียบเทียบกับมนุษย์ในปัจจุบันที่ใช้ไม่ได้แล้ว แต่ไม่ใช่เปรียบเทียบกับศีลธรรมของมนุษย์ในช่วงที่สูงส่งที่สุดหรือกับคุณสมบัติพิเศษของจักรวาล

ฉะนั้นเมื่อทุกท่านฝึกพลังร่วมกันอยู่ด้วยกันสิ่งต่างๆที่ทุกท่านพูดคิดทำล้วนแต่เป็นไปตามความคิดที่ดีงามเรื่องอะไรที่ทำสามารถพยายามใคร่ครวญถึงผู้อื่นเป็นสภาพแวดล้อมที่บริสุทธิ์มากเป็นดินแดนบริสุทธิ์ที่สงบสันติเช่นนั้นเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมนี้ พวกเราในฐานะผู้บำเพ็ญอยู่ในสภาพแวดล้อมนี้ท่านก็จะซึมซับพลังแห่งความเมตตาชนิดนี้เป็นเช่นนี้แน่นอนดังนั้นที่ข้าพเจ้าบอกให้ทุกท่านฝึกพลังด้วยกันนั้นมีจุดประสงค์อยู่ผู้ที่ท่านสัมผัสด้วยในสภาพแวดล้อมนี้ ล้วนเป็นคนดีเหล่านี้คำพูดและการกระทำ กับเรื่องราวทั้งหลายนั้น ย่อมไม่เหมือนกับคนในสังคมคนธรรมดาสามัญดังนั้นสภาพแวดล้อมนี้จึงไม่ควรให้ขาดหายไปแต่ก็มีบางคนในพื้นที่บางแห่งไม่มีคนศึกษาต้าฝ่ามากนักศึกษาอยู่ที่นั่นคนเดียวหรือสองคนศึกษาอยู่เขาไม่มีสภาพแวดล้อมที่ดีอย่างนั้นสภาพการณ์ชนิดนี้ก็ได้แต่อาศัยตัวเขาเองแล้วก็มีผู้ฝึกอย่างนี้อยู่จริงๆศึกษาอย่างเงียบๆอยู่จริงๆ และยังก้าวหน้าอยู่นับว่ายอดเยี่ยมตรงนี้ ข้าพเจ้าพูดว่าสภาพแวดล้อมของการบำเพ็ญเป็นกลุ่มนั้นไม่อาจขาดหรือให้น้อยลงได้เป็นสิ่งที่ดีมากทุกท่านอย่าให้สภาพแวดล้อมนี้ขาดหายไปสภาพแวดล้อมนี้ก็กำลังหล่อหลอมคนอยู่

ศิษย์ในระหว่างการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รู้สึกว่าผู้ฝึกชายค่อนข้างเน้นการรับรู้ฝ่าจากด้านเหตุผลส่วนผู้ฝึกหญิงค่อนข้างเน้นการรับรู้ฝ่าจากด้านความรู้สึกหากเป็นปรากฏการณ์โดยทั่วไปจะเป็นกระจกสะท้อนซึ่งกันและกันเพื่อให้ยกระดับได้เร็วยิ่งขึ้นได้อย่างไร
อาจารย์เรื่องนี้ข้าพเจ้าไม่ค่อยเห็นด้วยผู้ฝึกที่รับรู้ฝ่าได้ดีล้วนแต่สามารถรับรู้ฝ่าได้จากด้านเหตุผลมีแต่ว่าอ่านหนังสือน้อยและเป็นผู้ที่ไม่ค่อยก้าวหน้า หรือคนที่เพิ่งเริ่มศึกษาจึงง่ายที่จะรับรู้ฝ่าจากด้านความรู้สึกด้านนี้ไม่มีความแตกต่างของชายหญิงผู้หญิงทุกวันนี้ก็ไม่ใช่ย่อยพวกเธอมีความคิดและมีความสามารถไม่อาจมองกันอย่างนี้โดยเฉพาะรากฐาน(จิตใจ)และความสามารถของผู้ฝึกหญิงไม่ใช่จะแบ่งแยกได้ด้วยรูปลักษณ์ของคน

ศิษย์จะเข้าใจการบำเพ็ญในภพสองครั้งได้อย่างไร
อาจารย์ เป็นการแสดงออกตามสภาพการณ์ที่แตกต่างกันแบบหนึ่งของผู้ฝึก ที่กำหนดว่าผู้ฝึกบำเพ็ญอย่างไรหรืออาจเป็นสิบครั้ง แปดครั้งเนื่องจากหากท่านเพียงสำเร็จสมบูรณ์ในเขตแดนอรหันต์เช่นนั้นก็พูดได้ว่าท่านบำเพ็ญอยู่ในภพครั้งเดียวก็พอแล้วส่วนการบำเพ็ญให้สูงยิ่งขึ้นไปอีกนั้นก็ต้องบำเพ็ญซ้ำแล้วซ้ำอีกในระหว่างการบำเพ็ญบำเพ็ญอย่างต่อเนื่องบางคนค่อนข้างมีความรู้สึกไวบางคนอาจจะรู้สึกได้ชัดแจ้งสักหน่อยรับรู้ได้มากสักหน่อย

ศิษย์ในขั้นตอนการศึกษาฝ่าทั้งต้องเข้าใจหลักการของฝ่าให้แจ่มแจ้ง และไม่ตกอยู่ในการยึดติดที่จะแสวงหาความรู้จะยึดกุมอย่างไรดี อาจารย์ครั้นเมื่อท่านสามารถอยู่ในฝ่ารับรู้ความหมายของการบำเพ็ญแล้วก็จะเข้าใจหากคิดจะอยู่ในฝ่ารับรู้ฝ่าก็มีแต่ต้องอ่านหนังสือให้มากต้าฝ่าชุดนี้ของเราสามารถไขข้อปริศนาทั้งปวงได้สามารถปรับใจคนให้ถูกต้องได้ขอเพียงท่านไปอ่านหนังสือของต้าฝ่าก็จะแก้ไขได้ทุกท่านมักจะรู้สึกว่ามีปัญหามากมายที่ไม่ได้รับคำตอบที่จริงคือท่านไม่คิดจะได้รับคำตอบเพราะเมื่อท่านไปอ่านหนังสือศึกษาฝ่าปัญหาอะไรก็จะสามารถแก้ไขได้ทุกท่านทราบปัจจุบันนี้ทางรัฐบาลยอมรับอย่างเปิดเผยว่าพวกเรามีร้อยล้านกว่าคนหากแต่ละคนจะหาข้าพเจ้าถามคำถามให้ข้าพเจ้าตอบให้เขานั้นย่อมจะไม่มีโอกาสอย่างนี้เลยผู้ฝึกออสเตรเลียที่นั่งอยู่ที่นี่ขณะนี้สามารถพบกับข้าพเจ้าผู้ฝึกจีนแผ่นดินใหญ่ ไม่อาจพบกับข้าพเจ้าได้เลยที่จริงข้าพเจ้าอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่บ่อยมากพวกเขาไม่ได้พบข้าพเจ้า เป็นเพราะข้าพเจ้าไม่อาจไปพบพวกเขาหากมีพื้นที่หนึ่งรู้ว่าข้าพเจ้าอยู่ที่ไหนเช่นนั้นผู้ฝึกก็จะพูดต่อไปจนรู้กันทั่วประเทศเช่นนั้นคนก็จะมาหาข้าพเจ้าทั้งหมดสังคมนี้ของประเทศจีนไม่เหมือนกับสังคมอื่นผู้คนไม่เข้าใจพวกเราย่อมจะทำให้ต้าฝ่าได้รับความเสียหายดังนั้นข้าพเจ้าจึงไม่อาจพบหน้าพวกท่านเช่นนั้นในสภาพการณ์ชนิดนี้ข้าพเจ้าก็คิดจะรับผิดชอบต่อการบำเพ็ญของท่านเช่นนั้นข้าพเจ้าจะรับผิดชอบได้อย่างไรละเมื่อวานนี้ข้าพเจ้ายังพูดประโยคนี้ว่าข้าพเจ้านำทุกสิ่งที่สามารถให้กับพวกท่านกดอัดเข้าไปในฝ่าชุดนี้แล้วท่านเพียงไปอ่านหนังสืออะไรท่านก็จะได้รับทั้งหมดผู้ฝึกบางคนอ่าน “จ้วนฝ่าหลุน”ไปแล้วสองร้อยกว่ารอบ ก็ยังอ่านอยู่ อ่านแต่ละรอบล้วนไม่เหมือนกันเพราะเขาเป็นหนังสือของการบำเพ็ญเล่มหนึ่งข้างในครอบคลุมไว้ด้วยความนัยของระดับชั้นที่ต่างกันเมื่อท่านอ่านจบรอบที่หนึ่งแล้ว คำถามทั้งหลายที่เกิดขึ้นพอท่านอ่านรอบที่สองก็จะได้รับคำตอบท่านก็เข้าใจได้แล้วแต่หลังจากท่านอ่านจบรอบที่สองก็จะมีคำถามใหม่อีกเช่นนั้นเมื่อท่านอ่านรอบที่สามก็จะได้รับคำตอบเช่นกันบำเพ็ญอย่างนี้ไม่หยุดหย่อนอ่านอย่างนี้ต่อไปไม่หยุดท่านก็ก้าวหน้าไปไม่มีหยุดบวกกับการฝึกพลังของต้าฝ่าที่เป็นท่วงท่าเสริมท่านก็จะอยู่ในความก้าวหน้าบางคนมักถามข้าพเจ้าบ่อยๆว่าท่านอาจารย์ผมสามารถจะสำเร็จสมบูรณ์หรือไม่เช่นนั้นข้าพเจ้าก็จะถามท่านว่าท่านสามารถทำอย่างที่ข้าพเจ้าเพิ่งพูดไปเมื่อครู่ได้ไหมที่จริงคำพูดนี้ควรถามตนเองว่าสามารถสำเร็จสมบูรณ์ได้หรือไม่

ศิษย์หลังจากบำเพ็ญถึงระดับชั้นสูงแล้วเซลล์ของร่างกายถูกสสารพลังงานสูงแทนที่ทั้งหมดแล้วในเวลานั้นก็ไม่มีการผลัดเซลล์ใหม่อีกแล้วนั่นใช่หรือไม่ว่า ไม่ต้องกินไม่ต้องดื่มแล้ว
อาจารย์แต่ร่างกายคนทั้งหมดทุกส่วนที่มีอยู่ต้องเปลี่ยนเป็นสสารพลังงานสูงจึงจะสามารถทำได้ถ้าชั้นผิวของร่างกายยังบรรลุไม่ถึงก็ทำไม่ได้ทุกท่านล้วนทราบว่าการฝึกชี่กงสามารถสะสมชี่และสามารถส่งชี่ออกไปเมื่อบำเพ็ญไปสู่ระดับชั้นสูงอย่างแท้จริงนั่นก็ไม่ใช่ชี่แล้วชี่ก็เปลี่ยนแปลงไปจนไม่ใช่อะไรเลยแต่เป็นพลังงานชนิดหนึ่งของระดับชั้นที่สูงยิ่งขึ้นซึ่งข้าพเจ้าเรียกมันว่า กงที่จริงมันเป็นสสารชั้นยอดในระดับจุลทรรศน์ยิ่งกว่าและสสารชั้นยอดชนิดนี้สะสมอยู่ในร่างกายท่านแต่ละเซลล์ของร่างกายท่านล้วนสะสมสสารพลังงานสูงชนิดนี้สสารที่จุลทรรศน์ยิ่งขึ้นนั้น แน่ละมันย่อมมีคุณสมบัติในการบังคับยับยั้งนานๆเข้าสสารพลังงานสูงชนิดนี้จะค่อยๆมากขึ้นเรื่อยๆอิ่มตัวยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้นเซลล์ของร่างกายท่านนี้ใช่หรือไม่ว่าจะถูกมันกลืนกลายแล้วละหลังจากเซลล์ของท่านทั้งหมดถูกสสารพลังงานสูงชนิดนี้กลืนกลายท่านยังจะเหมือนกับร่างกายของคนธรรมดาสามัญหรือเช่นนั้นร่างกายชนิดนี้มันเป็นสิ่งที่ประกอบขึ้นจากสสารพลังงานสูงที่รวบรวมมาจากอีกมิติฉะนั้นยังจะมีการผลัดเปลี่ยนเซลล์ชนิดนั้นของคนธรรมดาสามัญคงอยู่อีกหรือมันก็ไม่คงอยู่แล้วในเวลานี้ท่านสามารถจะไม่กิน ท่านสามารถจะไม่ดื่มแต่ไม่เท่ากับว่าท่านไม่อาจกิน ไม่อาจดื่มสิ่งต่างๆที่ท่านต้องการอย่างแท้จริง ไม่ใช่สิ่งของในมิตินี้ของเราให้ของๆคนกับท่าน ท่านก็ไม่อยากกินแล้วพอเห็นก็สะอิดสะเอียนแล้วแต่สิ่งที่ต้องการคือสสารของอีกมิติที่สูงกว่า

ศิษย์ผู้ฝึกทั้งหมดของกว่างโจวคิดถึงท่านผู้ฝึกทั้งหมดของกว่างโจวฝากสวัสดีท่าน

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน(เสียงปรบมือ)

ศิษย์คนที่บำเพ็ญของออสเตรเลียโดยทั่วไปใช่ไหมว่าระดับชั้นค่อนข้างต่ำ อาจารย์ ข้าพเจ้าไม่เคยพูดคำนี้การบำเพ็ญนั้นขึ้นอยู่กับตัวเองนะที่จริงพวกท่านบำเพ็ญไปถึงเขตแดนไหนแล้วเรื่องนี้ในขณะนี้พวกท่านล้วนไม่สามารถรู้ได้พอรู้แล้วพวกท่านจะมีจิตยึดติดที่รุนแรงมากก็จะกลายเป็นอุปสรรคชนิดหนึ่งก็จะขวางกั้นเส้นทางการบำเพ็ญของท่านดังนั้นการที่ไม่รู้ก็จะไม่มีจิตยึดติดชนิดนี้

ศิษย์ใน “จิงจิ้นเย่าจื่อ”อาจารย์เคยกล่าวว่าการบำเพ็ญนั้นเข้มงวดหาใช่เรื่องการทบทวนตนเองกับการสำนึกผิดทั่วๆไปของคนธรรมดาสามัญรู้สึกวนเวียนอยู่ในขั้นตอนของการทบทวนตนเองกับการสำนึกผิดซึ่งทะลวงไม่ข้ามเสียทีขอเรียนถามว่าการค้นหาจากภายในใจกับการทบทวนตนเองมีความแตกต่างกันอย่างไร

อาจารย์การยกระดับในการบำเพ็ญไม่อาจมองเป็นอย่างเดียวกันกับการทบทวนตนเองและการสำนึกผิดแต่ว่าหากท่านสามารถทบทวนตนเอง สำนึกผิดด้วยตนเองเรื่องนี้โดยตัวมันเองเป็นด้านหนึ่งของการบำเพ็ญก็เป็นความสัมพันธ์กันอย่างนี้

ทุกท่านทราบว่า ข้าพเจ้ามักพูดเสมอๆข้าพเจ้าว่าท่านอย่าเห็นว่าในศาสนาคริสต์ศาสนาโรมันคาทอลิกไม่พูดเรื่องการบำเพ็ญมันก็เป็นการบำเพ็ญเพียงแต่เป็นเพราะความแตกต่างทางวัฒนธรรมพระเยซูกับพระยะโฮวา ต่างไม่ได้ตรัสถึง “บำเพ็ญ” ศัพท์สองคำนี้เพราะในวัฒนธรรมนั้นของพวกเขาไม่มีแนวคิดนี้รูปแบบการนึกคิดก็ไม่เหมือนกันเช่นนั้นทุกท่านคิดดูพวกเขาคือการบำเพ็ญด้วยใช่หรือไม่ละเมื่อผู้คนเดินเข้าไปในโบสถ์จะกล่าวสารภาพบาปด้วยใจที่เคารพนบนอบต่อพระเจ้าต่อพระเยซูของพวกเขาทำผิดที่ตรงไหนทำไม่ดีไปแล้วต่อไปจะทำให้ดีต่อไปโดยพฤติกรรมเขาก็ทำได้ดีหน่อยจากนั้นหากพบข้อผิดพลาดก็สารภาพบาปอีกไปทำตามมาตรฐานที่สูงยิ่งขึ้นทุกท่านคิดดู การบำเพ็ญที่แท้คือการแก้ไขที่ใจคนใช่ไหมฉะนั้นนี่คือการบำเพ็ญจิตใช่หรือไม่ละสุดท้ายเขาเปลี่ยนแปลงดีขึ้นเรื่อยๆ ทำดีขึ้นเรื่อยๆเขามิใช่บรรลุถึงมาตรฐานที่โลกสวรรค์นั้นของพวกเขากำหนดเอาไว้แล้วหรือนั่นไม่ใช่สำเร็จสมบูรณ์แล้วหรือเพียงแต่เป็นความแตกต่างทางวัฒนธรรมไม่พูดเรื่องพลัง(กง)ไม่พูดเหมือนวัฒนธรรมตะวันออกที่พูดไว้อย่างอุดมสมบูรณ์อย่างนั้นดังนั้นจึงมีคำศัพท์มากมายที่ค่อนข้างเรียบง่าย ข้อกำหนดก็ค่อนข้างเรียบง่าย พูดแต่เรื่องความเชื่อเชื่อเทพอย่างแน่วแน่

ศิษย์มีผู้บำเพ็ญที่กำลังประสบกับด่านความเป็นความตายแต่เขาไม่มีสติแจ่มแจ้งเช่นนั้นผู้บำเพ็ญที่อยู่กับเขาควรจะทำอย่างไรดี
อาจารย์“มีผู้บำเพ็ญประสบกับด่านเป็นตาย”คำพูดนี้ไม่ค่อยถูกต้องและเขายังสติไม่แจ่มแจ้งด้วยนี่ไม่อาจพูดได้ว่าเขาเป็นผู้บำเพ็ญแท้จริงแล้วเขาไม่ก้าวหน้าอาศัยความรู้สึกในการรับรู้ฝ่ากับความกระตือรือร้นของคนหาได้รับรู้ฝ่าจากเหตุผลได้อย่างแท้จริงหาได้ก้าวหน้าในการบำเพ็ญอย่างแท้จริงไม่ใช่การบำเพ็ญที่แท้จริงทุกท่านทราบการบำเพ็ญนั้นเข้มงวดข้าพเจ้าไม่อาจยอมรับคนอย่างนี้ว่าเป็นผู้บำเพ็ญคนหนึ่งเรื่องราวใดๆในโลกล้วนเปรียบไม่ได้กับเรื่องการบำเพ็ญที่เข้มงวดนี้คนๆหนึ่งที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยกรรมคนที่มีความคิดสกปรกอยู่เต็มสมองคิดจะเป็นผู้รู้แจ้งที่ยิ่งใหญ่บำเพ็ญสำเร็จสมบูรณ์นี่เป็นเรื่องที่เข้มงวดมากเพียงไรผู้บำเพ็ญที่สามารถปล่อยวางของทั้งหมดของคนในระหว่างขั้นตอนของการบำเพ็ญนั้นยิ่งใหญ่เพียงไรฉะนั้นหากทุกท่านไม่ปฏิบัติต่อ อย่างเข้มงวดจะใช้ได้หรือแต่ละด่านทุกท่านไม่อาจผ่านไปได้ด้วยตัวเองจะใช้ได้หรือไม่สนใจใยดีคล้ายเชื่อแต่ไม่เชื่อคล้ายกับบำเพ็ญแต่ไม่ได้บำเพ็ญไม่รับผิดชอบต่อตนเองเลยเขาจะสำเร็จสมบูรณ์ได้ไหมใช่ไหมหากไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านซินซิ่งของต้าฝ่านั่นใช้ไม่ได้ คนธรรมดาสามัญย่อมจะต้องเจ็บป่วยเกิด แก่ เจ็บ ตาย คือกฎเกณฑ์ของคนธรรมดาสามัญ

ศิษย์ในฐานะนักศึกษามหาวิทยาลัยที่บำเพ็ญจะทำอย่างไรจึงจะรักษาความก้าวหน้าได้ศิษย์บางคนแนะนำว่าไม่เข้ามหาวิทยาลัยก็ได้ และเข้าร่วมการทำงาน จะทำให้มีสภาพแวดล้อมของการบำเพ็ญที่ดีกว่า

อาจารย์ข้าพเจ้าว่านี่ก็คือความผิดพลาดอย่างมหันต์ข้าพเจ้าเข้าใจดีว่า บางคนเมื่อพบกับสัจธรรมแล้วจะรู้สึกตื่นเต้นมากโดยเฉพาะคือวันนี้ข้าพเจ้านำต้าฝ่าถ่ายทอดออกมาได้เผยความลับของสวรรค์มากมายอย่างนั้นเมื่อเพิ่งได้ฝ่าก็จะตื่นเต้นได้ง่ายที่จะจัดวางความสัมพันธ์ไม่ถูกระหว่างผู้บำเพ็ญกับคนธรรมดาสามัญต้องไปบำเพ็ญให้สอดคล้องกับรูปแบบของสังคมคนธรรมดาสามัญให้มากที่สุดซึ่งไม่ใช่เพียงคำพูดหนึ่งที่ง่ายๆนะนี่คือฝ่าเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงด้านต่างๆเอาไว้ข้าพเจ้าทราบดีว่าในอนาคตทั่วทั้งโลกจะมีคนมากยิ่งขึ้นมาศึกษาต้าฝ่าคือคนหลายพันล้านคนที่จะศึกษาเริ่มแรกที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดฝ่านี้ข้าพเจ้าก็ทราบแล้วว่าผลลัพธ์ของเขาจะเป็นอย่างไรถ้าคนมากมายอย่างนั้นล้วนมาศึกษากันแล้วทุกท่านล้วนไม่ทำการงานไม่เล่าเรียนแล้วนี่จะใช้ได้หรือดังนั้นก่อนที่ข้าพเจ้าจะถ่ายทอดฝ่านี้ก็ได้พิจารณาถึงเรื่องนี้แล้วจะทำอย่างไรที่จะทำให้คนสามารถบำเพ็ญอยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญ ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่สำคัญมากดังนั้น การงานของท่านการเล่าเรียนของท่านการค้าของท่านด้านต่างๆเหล่านี้เป็นต้นล้วนไม่กระทบต่อการบำเพ็ญของท่านท่านต้องทำงานและเล่าเรียนไปตามปกติของท่านการงานของท่านการเล่าเรียนของท่านหาใช่การบำเพ็ญไม่แต่ในฐานะผู้บำเพ็ญคนหนึ่งหลังจากซินซิ่งของท่านยกระดับขึ้นแล้วจะแสดงออกมาในการทำงานและการเล่าเรียนของท่าน ก็เป็นความสัมพันธ์อย่างนี้ดังนั้นศิษย์ต้าฝ่าอยู่ที่ไหน ผู้คนต่างจะบอกว่าท่านคนนี้ช่างดีเหลือเกินนี่คือบรรดาสภาพการณ์ที่ปรากฏออกมาจากการไปบำเพ็ญโดยสอดคล้องกับรูปแบบสังคมคนธรรมดาสามัญมากที่สุดหากท่านทำไม่ถึงจุดนี้ก็เท่ากับท่านไม่ได้ไปทำตามคำพูดนี้ของข้าพเจ้าไม่ได้ไปทำตามข้อกำหนดของอาจารย์ ถ้าสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดท่านล้วนไม่เชื่อฟังเช่นนั้นท่านยังจะเรียกข้าพเจ้าเป็นอาจารย์เพื่ออะไรกันละข้าพเจ้าจะไม่สอนให้ท่านเดินบนทางที่ไม่ดีในเมื่อข้าพเจ้าได้ถ่ายทอดฝ่าชุดนี้ออกมาแล้วข้าพเจ้าก็ต้องรับผิดชอบต่อเขาที่จริงข้าพเจ้าเห็นคุณค่าในตัวพวกท่านซึ่งยังมากกว่าที่พวกท่านเห็นคุณค่าของตัวพวกท่านเองเสียอีกเนื่องจากพวกท่านอยู่พร้อมกันกับอาจารย์จะเป็นเทพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอนาคตเป็นแบบฉบับของจักรวาลใหม่เป็นความหวังในอนาคตของมนุษยชาติอย่าได้เป็นว่า พอศึกษาฝ่าแล้วเรื่องของคนธรรมดาสามัญก็ไม่ทำแล้วเรื่องที่ต้าฝ่าไม่อนุญาต ท่านไม่ทำนั่นพูดได้ชัดว่าอู้ซิ่ง(คุณสมบัติของการรับรู้)ของท่านดีถ้าหากงานตามปกติของคนธรรมดาสามัญท่านไม่ทำแล้วนั่นก็คือมีปัญหานั่นคือการยึดติดที่กระตุ้นให้เกิดขึ้นจากจิตยินดี

ศิษย์ศิษย์น้อยของเล่อซานฝากสวัสดีท่านอาจารย์ศิษย์ต้าฝ่าเมืองเป่ยจิงขอแสดงความเคารพอย่างสูงต่อท่านอาจารย์ศิษย์เมืองต้าเหลียนฝากสวัสดีท่านอาจารย์

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน(เสียงปรบมือ)

ศิษย์บทที่แปดในจ้วนฝ่าหลุน หัวข้อ “ใครบำเพ็ญใครได้พลัง” ท่านกล่าวว่า “ สื่อสัญญาณทั้งหมด ร่างชีวิตทั้งหมดในร่างกายท่านเซลล์ของท่านล้วนจะได้พลัง” สื่อสัญญาณกับร่างชีวิตนี้หมายถึงอะไร
อาจารย์แต่ละเซลล์ของท่านล้วนเป็นรูปลักษณ์ของตัวท่านเองตลอดจนถึงระดับจุลทรรศน์ยิ่งๆขึ้นไปข้าพเจ้าไม่เพียงพูดถึงเรื่องนี้ในฝ่าปัจจุบันมนุษยชาติก็รับรู้ได้แล้วในเวลาที่เหล่านักวิทยาศาสตร์หั่นเซลล์ของสัตว์ขนาดเล็กออกเป็นชิ้นบางๆ จากนั้นก็ถ่ายโอนภาพผ่านไปยังคอมพิวเตอร์เมื่อปรากฏออกมาบนจอมอนิเตอร์พบว่าเซลล์นั้นคือรูปลักษณ์ของสัตว์ตัวน้อยนั้นและยังเหมือนกันทุกประการแต่มองโดยผิวเผินมันคือเซลล์ๆหนึ่งก็คือว่า เวลาที่ท่านกำลังฝึกพลังอยู่ร่างกายท่านทั้งหมดล้วนกำลังเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย เช่นนั้นมันคือร่างชีวิตหรือไม่ละมันใช่อย่างแน่นอนและทุกสิ่งที่ท่านบำเพ็ญออกมาล้วนคือชีวิตรวมทั้งพลังของท่านรวมทั้งแต่ละอณูของพลังของท่าน อุปกรณ์ฝ่าความสามารถพิเศษอิทธิฤทธิ์ต่างๆยังไม่ใช่เพียงแค่สิ่งเหล่านี้นะพอคนๆหนึ่งจะสำเร็จสมบูรณ์แล้วเขาต้องมีสิ่งต่างอย่างอุดมสมบูรณ์จึงจะสามารถเป็นเทพที่ยิ่งใหญ่องค์หนึ่งดังนั้นพวกมันล้วนเคลื่อนไหวได้ล้วนมีชีวิตมีความสามารถก็คือความหมายนี้

ศิษย์เด็กฝาแฝดคือจิตหลักสองดวงเข้าสู่ครรภ์ในเวลาเดียวกันใช่หรือไม่ อาจารย์ใช่เช่นนั้นแน่นอนเขาย่อมไม่ใช่หนึ่งจิตหลักแบ่งครึ่งเป็นสองส่วน

ศิษย์ทวีปแอฟริกาหลายแห่งนั้นสามี มีภรรยาได้หลายคนสามารถจะหงฝ่าให้พวกเขาได้ไหม

อาจารย์ทำได้ใครก็สามารถเรียนได้ ประเพณีของสังคมไม่เหมือนกันผู้คนมีการรับรู้ต่างกันต่อศีลธรรมหลักเหตุผลทัศนคติดังนั้นจึงแตกต่างกันมากนี่ล้วนไม่กระทบต่อการบำเพ็ญของพวกเขาในสภาพแวดล้อมใดๆในชนชั้นใดๆคนไหนๆ ล้วนสามารถบำเพ็ญได้เพียงแต่ดูว่าพวกเขาจะบำเพ็ญหรือไม่

ศิษย์ร่างกายคนของเราที่อยู่ในมิตินี้เป็นแค่เพียงอณูหนึ่งของร่างจักรวาลอันมหึมาและอณูมีขนาดใหญ่เล็กต่างกันก่อเกิดมิติที่ต่างกันมิติที่ก่อเกิดนั้นล้วนมีร่างกายหนึ่งของท่านอยู่และมิตินี้ไม่ใช่เพียงท่านคนเดียวทว่าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล
อาจารย์ถูกละความเข้าใจนี้ถูกต้องตัวท่านเองแม้จะเป็นร่างชีวิตๆหนึ่งแต่ท่านก็เป็นอณูหนึ่งของจักรวาลทั้งหมด เป็นสมาชิกหนึ่งของชีวิตโดยรวม อย่างเช่นก็เหมือนกับที่ข้าพเจ้าพูดไปเมื่อครู่ ท่านเป็นร่างชีวิตหนึ่งๆและสามารถพูดได้ว่าเป็นชีวิตโดยรวมของเขตแดนนี้แต่ละเซลล์ของร่างกายท่านล้วนเป็นรูปแบบอณูหนึ่งที่เป็นเอกเทศ ซึ่งมีรูปลักษณ์เหมือนกับตัวท่านและยังเป็นส่วนหนึ่งของร่างรวมทั้งหมด

ศิษย์อาจารย์บอกว่าสภาพสังคมยุคโบราณกับคนโบราณของประเทศจีนดีกว่ายุคนี้เช่นนั้นเรื่องราวการต่อสู้แย่งชิงในประวัติศาสตร์จีนยุคโบราณ ควรจะไปเข้าใจอย่างไรใช่ไหมว่า เหมือนกับที่ขงจื่อพูดว่าก่อนยุคชุนชิวจั้นกั๋ว(ยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์จีนก่อน ค.ศ. ๔๐๓ - ก่อน ค.ศ. ๒๒๑ จนกระทั่งจิ๋นซีฮ่องเต้รวบรวมรัฐต่างๆ ๖ รัฐ เป็นจักรวรรดิจีนผืนแผ่นดินเดียวกัน)ในยุคที่มีสามอ๋องห้าจักรพรรดินั้นสังคมยุคโบราณจึงนับว่าดี
อาจารย์สังคมยุคโบราณล้วนดีกว่ายุคปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นยุคไหนนี่คือการเปรียบเทียบระหว่างคนกับคนที่จริงมิตินี้ของคนก็คือ ไม่ดีอย่างมากมองจากมิติใดๆในจักรวาลที่สูงกว่าระดับชั้นของมนุษย์นี้คนที่นี่ล้วนไม่ดีสกปรกที่สุดและมองไม่เห็นภาพที่แท้จริงของจักรวาลมากที่สุดฉะนั้นเดิมทีมันก็ไม่ดีคนทุกวันนี้ก็ยิ่งไม่ดีเพราะทัศนคติของคนทุกวันนี้กลับกันข้าพเจ้าไม่ได้พูดว่าคนเมื่อเปรียบกับอีกมิติหนึ่งนั้นกลับกันนั่นเป็นเรื่องที่ฟ้าลิขิตคือข้าพเจ้าพูดว่าทัศนคติของคนทุกวันนี้เปรียบกับคนในอดีตนั้นล้วนแต่กลับกันดี-ไม่ดี ล้วนแต่กลับกันดังนั้นคนปัจจุบันเมื่อทำชั่วเขาไม่รู้แล้วว่าตนเองกำลังทำชั่วเขาคิดว่าทำเรื่องที่ดีหากท่านบอกว่าเขามุ่งแต่จะเอาประโยชน์อย่างเดียวเขาจะบอกว่าเป็นความสามารถบางคนพอถูกพวกลักเล็กขโมยน้อยลักทรัพย์ไปแล้วเขาไม่พูดว่าหัวขโมยไม่ดีเขาจะพูดว่าตัวท่านไม่ได้ดูแลให้ดีนี่มิใช่ทัศนคติทั้งหมดกลับตาลปัตรแล้วหรือคนยุคปัจจุบันพูดว่าคนยุคโบราณไม่ดีที่จริงคือการที่คนปัจจุบันใช้ทัศนคตินั้นที่ไม่ดีไปแล้วในปัจจุบันไปตัดสินคนโบราณท่านดูภาพยนตร์ฮ่องกงที่ถ่ายทำคนโบราณฆ่าฟันกันนั่นเป็นเพียงวรรณกรรมเป็นการเขียนให้เกินเลยในประวัติศาสตร์นับพันปีที่ยาวนานเรื่องชนิดนั้นมีน้อยมากทุกท่านต่างเข้าใจดีว่างานศิลป์นั้นต้องทำให้เกินเลยชีวิตจริง

คนในอดีตพูดกันว่า “เวลาตีคนต้องไม่ตีที่ใบหน้า”คำพูดนี้ฟังดูพื้นๆมากแต่แม้กระทั่งทำสงครามคนก็ยังสามารถควบคุมตนเองได้ไม่อาจทำตามอำเภอใจแต่คนในปัจจุบัน พอตีกันขึ้นมาก็เอาแต่จะตีที่ใบหน้า คลั่งแค้นเหลือเกินชั่วร้ายอย่างยิ่งไม่มีการควบคุมใดๆคือคนนั้นไม่เหมือนกันแน่ละแล้วทำไมยุคโบราณมีสงครามละข้าพเจ้าขอบอกท่านนั่นคือฟ้าลิขิตเพราะสิ่งที่หลักการของจักรวาลกำหนดให้กับมิตินี้ของคน คือการกรีฑาทัพปราบปรามใต้หล้าพระราชาปกครองแผ่นดินผู้ชนะเป็นวีรบุรุษสิ่งนี้หากมองจากระดับชั้นสูงล้วนแต่ไม่ดีแต่ในหลักการที่กลับกันของคนก็ได้ปรับเข้ากับหลักการที่กลับกันกับจักรวาลกี่พันปีมาแล้ว ที่บังเกิดผลต่อสังคมมนุษย์เมื่อกรรมของคนหนักแล้วเช่นนั้นก็ต้องสลายกรรม ดังนั้นภัยพิบัติทางธรรมชาติและสงครามจึงเกิดขึ้นได้

ศิษย์เมื่ออ่าน “จ้วนฝ่าหลุน”หรือฟังท่านตอบปัญหาบรรยายฝ่าในที่อื่นๆมีคำศัพท์ที่ไม่เข้าใจความหมายจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับคำศัพท์เหล่านี้ให้ได้หรือไม่ อาทิเช่น “ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ”“ ต้องเป็นอย่างนี้อย่างนั้นแน่นอน”

อาจารย์ความหมายชั้นผิวของคำศัพท์นั้นโดยทั่วไปจะเหมือนกับการรับรู้ของคนธรรมดาสามัญไม่แน่ว่าจะต้องไปคุ้ยแคะหาความหมายของคำศัพท์เหล่านี้เวลาทุกท่านอ่านหนังสืออย่าได้คุ้ยแคะหาความหมายของตัวอักษรให้ท่านอ่านต่อไปเรื่อยๆแต่ต้องรู้ว่าตนเองกำลังอ่านฝ่าอยู่สิ่งที่อ่านคืออะไรต้องรู้แต่ความนัยของฝ่าไม่ได้อยู่ที่ชั้นผิวเมื่อพวกท่านเข้าใจแจ่มแจ้งในการรับรู้ที่นอกเหนือและสูงยิ่งขึ้นของคำพูดนั้นก็คือการปรากฏออกมาของหลักการของฝ่าฝ่ากำลังปรากฏให้เห็น

ศิษย์เป็นหมอฝังเข็มเวลาปักเข็มจะสัมผัสกับผิวหนังของผู้ป่วยหรือเวลาใช้กระปุกร้อนอังในการรักษาก็จะดูดสิ่งที่สกปรกและขุ่นจำนวนมากออกมาจากผิวหนังผู้ป่วยสภาพการณ์สองชนิดนี้จะถ่ายทอดกรรมได้ผู้บำเพ็ญสามารถจะทำงานอย่างนี้ต่อไปได้ไหม

อาจารย์ อย่าได้คิดหยุมหยิมอย่างนั้นเนื่องจากกิจกรรมทั้งหลายของพวกท่านในสังคม ล้วนแต่สัมผัสอยู่กับคนธรรมดาสามัญอย่างเช่นเก้าอี้ที่ท่านนั่งคนอื่นเพิ่งนั่งท่านจะนั่งหรือไม่สิ่งที่คนอื่นจับต้องท่านจะจับต้องหรือไม่การสัมผัสที่เว้นช่วงชนิดนี้ก็เป็นการสัมผัสสังคมนี้ก็สกปรก ก็เป็นอย่างนี้ผู้บำเพ็ญไม่อาจมีจิตใจกลัวนั่นกลัวนี่ก่อเกิดเป็นจิตยึดติดอีกชนิดหนึ่งยึดติดกับการกลัวนั่นกลัวนี่ให้บำเพ็ญอย่างสง่าผ่าเผยสิ่งที่ร่างกายท่านเปล่งออกมาคือแสงของฝ่าที่ถูกต้องศิษย์ต้าฝ่าหลายๆคนนั้นทำงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เวลาทดลองเกี่ยวกับเชื้อจุลินทรีย์นั้นในขณะที่ไม่ตั้งใจเชื้อจุลินทรีย์ที่อยู่ใกล้กับมือก็ตายหมดแล้วตัวอย่างแบบนี้มีมากเหลือเกินก็คือว่าผู้ฝึกต้าฝ่านั้น ตัวท่านเองก็มีความสามารถที่จะฆ่าจุลชีพอยู่แล้ว เนื่องจากท่านไม่ได้ใช้วิธีการของชี่กงไปรักษาแต่ท่านเลือกใช้วิธีการรักษาของคนธรรมดาสามัญนี่ไม่เป็นไรแม้ว่าท่านสามารถปนเปื้อนกรรมได้เล็กน้อยทว่าก็น้อยนิดมากๆไม่มีผลกระทบอะไรแต่หากท่านใช้ชี่กงรักษาโรค นั่นก็ไม่เหมือนกันแล้วนั่นคือท่านกำลังปฏิสัมพันธ์(แลกเปลี่ยน)กับคนอื่นอย่างชัดแจ้งท่านนำโรคข้ามมานำส่งที่ดีให้คนอื่นดังนั้นข้าพเจ้าจึงพูดว่าอาจารย์ชี่กงปลอมเหล่านั้นเขาไม่เคยผ่านการบำเพ็ญเขาคิดแต่จะหาเงินที่จริงเขากำลังทำร้ายตนเองทำร้ายตัวเองจนถึงชีวิตเพื่อเงิน อะไรคนก็กล้าทำและยังไม่รู้ว่าเป็นการทำร้ายตนเอง

ศิษย์ผมบำเพ็ญได้สองปีกว่าแล้วมีศรัทธามั่นคงต่อต้าฝ่าและมีความเข้าใจในระดับหนึ่งแต่ในเวลาที่ประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันผมกลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีในใจรู้แต่พูดออกมาไม่ได้ผมจึงไม่อยากพูดนี่คือความสามารถในการแสดงออกไม่ดีแต่กำเนิดหรือว่ามีความเข้าใจต่อฝ่าไม่เพียงพอ
อาจารย์ นี่ไม่แน่ว่าจะเป็นปัญหาความเข้าใจต่อหลักการของฝ่าการบำเพ็ญของแต่ละคน ล้วนมีสภาพการณ์ไม่เหมือนกัน

ศิษย์บำเพ็ญก่อนกับบำเพ็ญทีหลังมีอะไรแตกต่างหรือไม่

อาจารย์ไม่แตกต่างกัน ข้าพเจ้าไม่ได้บอกว่าบำเพ็ญก่อนแล้วจะเป็นอย่างไรบำเพ็ญทีหลังแล้วจะเป็นอย่างไรต้าฝ่ายังถ่ายทอดอยู่ขอเพียงได้รับแล้ว ท่านก็ไปบำเพ็ญหากไม่สามารถทำให้ท่านสำเร็จสมบูรณ์นั่นก็ไม่ให้ท่านบำเพ็ญแล้วระดับชั้นสูงหรือต่ำไม่ได้อยู่ที่การเข้ามาก่อนหรือหลังแต่เป็นการบำเพ็ญของตัวเอง

ศิษย์ในขณะนั่งสมาธิพบว่าศีรษะส่ายและหมุนไปมาโดยควบคุมตัวเองไม่ได้ทำให้สงบลงมาไม่ได้ในเวลาที่นั่งสมาธิกลับทำให้ใจของผมรู้สึกหวาดหวั่นนี่เป็นเรื่องอะไรกัน
อาจารย์มีสองสภาพการณ์อย่างหนึ่งคือผู้ฝึกใหม่ก่อนที่ยังไม่ได้เป็นผู้บำเพ็ญอย่างแท้จริงนั้นเป็นไปได้ว่าเมื่อก่อนท่านเคยศึกษาอะไรอื่นมาก่อนหรือว่าในบ้านเคยบูชาของอะไร หรือเคยกราบไหว้อะไร เช่นนั้นก็ไม่อาจจะขจัดทิ้งสิ่งของอะไรที่ก่อเกิดจากการทำเรื่องที่ไม่ดีในหมู่คนธรรมดาสามัญแล้วชักนำมาในขณะที่ฝึกพลังอยู่ หากท่านสามารถแน่วแน่ในการบำเพ็ญต้าฝ่าได้อย่างแท้จริงเช่นนั้นข้าพเจ้าก็จะขจัดมันทิ้งไปยังมีสภาพการณ์อีกชนิดหนึ่งก็คือเมื่อคนบำเพ็ญแล้ว ในระหว่างการปรับร่างกายในระยะแรกเมื่อก่อนตรงส่วนไหนเคยมีโรคเช่นนั้นก็อาจจะเป็นการสะท้อนของการขจัดกรรมทางด้านนี้ไปสาเหตุทั้งสองชนิดล้วนมีได้แต่ว่าพยายามอย่าส่ายตามมันไปหากยากที่จะควบคุมได้จริงๆท่านก็ลืมตาฝึกณ เวลานี้ทำไมท่านไม่ขยับละเช่นนั้นท่านก็คงสภาพในเวลานี้ฝึกไปจนมันไม่ขยับอีกท่านค่อยปิดตาผู้บำเพ็ญพอโจวเทียนใหญ่เปิดโล่งก็จะเกิดการส่ายหน้าได้

ศิษย์ศิษย์ต้าฝ่าทั่วทั้งเมืองพิตส์เบิร์กฝากสวัสดีท่านอาจารย์

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน(เสียงปรบมือ)

ศิษย์เวลาที่ผู้ใหญ่ฝึกสมาธิในความสงบเด็กจะนอนหลับอยู่ข้างๆได้ไหมเช่นนี้แล้ว จิตหลักและจิตรองของเด็กจะมีผลกระทบอะไรไหม

อาจารย์ความหมายของท่านคือเด็กจะได้รับพลังหรือไม่แต่ท่านกลับไม่พูดตรงๆเพราะมีจิตยึดติดอยู่ข้างในข้าพเจ้าไม่ใช่เคยพูดหรือว่าคนหนึ่งฝึกพลัง ทั้งครอบครัวจะได้รับประโยชน์หรือ อย่างน้อยที่สุดสนามพลังที่ท่านมีนั้นจะมีประโยชน์ต่อคนทั้งครอบครัวเพราะท่านบำเพ็ญอยู่ในฝ่าที่ถูกต้องพลังงานที่เมตตาและสงบชนิดนั้นสามารถปรับแก้สภาพการณ์ที่ไม่ถูกต้องทั้งหมดได้

ศิษย์มีคนพูดว่าหลังจากบำเพ็ญถึงระดับชั้นหนึ่งที่แน่นอนหากมักจะพูดกับคนอื่นหรือระลึกถึงขั้นตอนการบำเพ็ญเมื่อก่อนของตนเองหรือความรู้สึกเวลาที่สลายกรรมก็จะตกกลับไปที่ระดับชั้นในเวลานั้น
อาจารย์จะเป็นไปได้อย่างไรละในฐานะผู้บำเพ็ญคนหนึ่งการบอกเล่าขั้นตอนการบำเพ็ญเป็นการบอกให้ตนและศิษย์ต้าฝ่าคนอื่นที่จะข้ามด่านอย่างนี้อีกสามารถข้ามได้ดียิ่งขึ้นไม่กระทบต่อระดับชั้นแต่อย่างใดแต่หากมีจิตโอ้อวดนั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้วพูดออกมาก็จะมีผู้ฝึกที่ไม่อยากฟัง

ศิษย์เมื่อวานนี้ท่านพูดว่าสสารกับจิตเป็นสิ่งเดียวกันเช่นนั้นมันเกี่ยวข้องอะไรกับการศึกษาฝ่าของพวกเรา
อาจารย์ คนที่ถามคำถามยังไม่ได้ศึกษายังไม่เข้าใจฝ่าที่ข้าพเจ้าบรรยายแต่ข้าพเจ้าก็สามารถตอบให้ท่านได้เพราะข้าพเจ้า ณ ที่นี้ก็คือการบำเพ็ญเมื่อครู่ท่านก็ได้ยินชัดแล้วในการบำเพ็ญสามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายคนได้การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่นำมาโดยการเลื่อนสูงขึ้นของซินซิ่งและความนึกคิดของผู้บำเพ็ญในระหว่างที่บำเพ็ญเช่นนั้นตามปกติผู้คนเข้าใจกันว่าซินซิ่งนั้นอยู่ในขอบข่ายของจิตใจจิตใจกับสสารไม่ได้เชื่อมต่อกันและมีหลายคนรู้สึกว่าจิตนี้กับพลังที่ฝึกมีอะไรเกี่ยวข้องกันละของพวกเรานั้นคือการฝึกพลังใช่ไหมจะพูดหลักการเหล่านี้ไปทำไมละ นี่ก็คือสาเหตุที่แท้จริงที่คนจำนวนมากที่ฝึกพลังแต่พลังไม่โตขึ้นเวลาที่บอกให้ท่านเข้าใจหลักการจะทำให้ความคิดของท่านเลื่อนสูงขึ้นทำให้เขตแดนของท่านสูงขึ้นสามารถให้ท่านเข้าใจหลักการที่สูงยิ่งขึ้นได้นั่นก็คือเขตแดนความคิดของท่านหลังจากที่ยกระดับขึ้นตำแหน่งที่ตั้งอยู่ของเขตแดนความคิดของท่านเมื่อท่านบรรลุมาตรฐานนี้แล้วพลังของท่านจึงสามารถโตขึ้นมาก็คือเหตุผลนี้หากท่านไม่เข้าใจเหตุผลอันนั้นวันๆท่านฝึกพลังจากเช้าถึงค่ำ ท่านฝึกโดยไม่กินไม่ดื่มท่านก็ไม่อาจมีพลังเพิ่มขึ้นแต่ท่านพูดว่าฉันจะอ่านแต่หนังสือไม่ฝึกพลังก็ไม่อาจพูดได้ว่าท่านเป็นศิษย์ผู้บำเพ็ญต้าฝ่าเพราะท่านศึกษาโดยถือว่าเขาเป็นทฤษฎีการบำเพ็ญนั้นมีแต่ตัวเองคิดอยากจะบำเพ็ญมีความปรารถนาคิดจะบรรลุการสำเร็จสมบูรณ์ขณะเดียวกันก็มีพฤติกรรมของการบำเพ็ญนี่จึงเรียกว่าบำเพ็ญนี่ก็บรรยายให้ท่านในระดับชั้นผิวที่แท้การยกระดับของจิตใจก็คือการยกระดับของพลังเพราะจิตใจกับสสารคือสิ่งเดียวกัน

ศิษย์เมื่อผมกำลังอ่าน “จ้วนฝ่าหลุน”ให้เข้าใจมีอยู่หลายครั้งเกิดสภาพการณ์ที่คล้ายกันชนิดหนึ่งก็คือขณะที่อ่านทำความเข้าใจนั้นทันใดก็รู้สึกศีรษะหนักอึ้งง่วงมากแต่ไม่ได้นอนหลับไปรู้สึกว่าตามักจะกลอกไปมาอยู่ ณ ท่อนใดท่อนหนึ่งของหนังสือทันใดก็ปรากฏคำพูดอีกท่อนหนึ่งออกมาแต่ไม่ใช่คำพูดใน“จ้วนฝ่าหลุน”
อาจารย์นี่ก็คือกรรมทางความคิดของท่านขัดขวางท่านอย่างหนักมากแล้วไม่ให้ท่านอ่านหนังสือศึกษาฝ่ามันทำให้ท่านง่วง ให้ท่านนอนหลับให้ท่านสูญเสียความคิดที่ถูกต้องกับสำนึกที่ถูกต้องกระทั่งเมื่อมันกระวนกระวายขึ้นมา ก็จะแสดงออกมารบกวนท่านยังจะแสดงตัวอักษรออกมาในความคิดของท่านมารที่บ่อนทำลายต้าฝ่าก็จะทำเช่นนี้ด้วยกระทั่งเมื่อมันกระวนกระวายก็จะทะเลาะถกเถียงกับท่านในความนึกคิดหรือพูดกับท่าน ไม่ให้ท่านศึกษาเช่นนั้นยังไม่เข้าใจหรือกรรมทางความคิดนี้หรือการรบกวนจากภายนอกกำลังส่งผลอยู่มันไม่ให้ท่านเลื่อนขึ้นไปเพราะการเลื่อนขึ้นไปของท่านจะสลายมันทิ้งไปข้าพเจ้าบอกว่าจะชำระกรรมให้ท่านใช่หรือไม่ละหากชำระมันไปจริงๆก็จะดับสลายไปจริงๆมันจะยอมหรือดังนั้นมันจึงต่อต้านสุดชีวิตหากท่านถือว่าสิ่งนี้เป็นตนเองแล้วเช่นนั้นท่านก็ไม่อาจได้รับฝ่าแล้วเพราะฝ่านั้นมอบให้กับท่านไม่ใช่มอบให้กับกรรมเหล่านั้นอย่างแน่นอนดังนั้นต้องควบคุมมันต่อให้ง่วงสักเท่าไรก็ต้องควบคุมมันไว้กำจัดมันเมื่อทะลวงผ่านด่านนี้ไป ก็คือเวลาที่สลายมันมันทิ้งไป

ศิษย์ผมรู้สึกว่าปัจจุบันมีเรื่องมากมาย พอพูดก็ผิดทันทีพอทำก็ผิดทันทีดังนั้นจึงไม่กล้าพูดและไม่กล้าทำแล้วแต่คนรอบข้างมีคนไม่น้อยพูดว่าผมเป็นคนระมัดระวังเรื่องที่หยุมหยิมมากเกินไปแล้ว

อาจารย์ ข้าพเจ้าก็เห็นเป็นเช่นนี้ที่จริงนี่เป็นสภาพที่ปรากฏออกมาหลังจากรู้จักสัจธรรมแล้ว และ เห็นว่าหลักการของคนนั้นแท้จริงแล้วกลับกัน มันเป็นการแสดงออกของขั้นตอนหนึ่งของการเดินสู่การเป็นผู้บำเพ็ญแต่ยังคงต้องทำตัวเป็นผู้บำเพ็ญที่สง่าผ่าเผยบำเพ็ญอย่างสง่าผ่าเผยเพียงแต่เขตแดนของผู้บำเพ็ญจะปรากฏออกมาได้เรื่องที่ทำออกมามีทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวและเป็นมาตรฐานที่สูงอย่าเข้าไปในจิตยึดติดอีกชนิดหนึ่งกลัวว่าตนเองจะพูดผิดกลัวว่าตนเองจะทำผิดความกลัวนี้ก็เป็นจิตยึดติดพยายามทำอย่างสง่าผ่าเผยจะไม่มีปัญหา

ศิษย์สามารถจะบอกพวกเราได้หรือไม่ว่ารากเหง้าของจิตที่ฟุ้งเฟ้อคืออะไร

อาจารย์ฉิง(อารมณ์ )ท่านชอบที่จะให้ผู้อื่นบอกว่าท่านดีท่านชอบที่จะให้ผู้อื่นเยินยอท่านยกย่องท่านท่านชอบที่จะให้ผู้อื่นเทิดทูนท่านเรื่องใดๆที่ทำให้ภาพลักษณ์ของท่านเสียท่านจะกลัวทั้งนั้นก่อเกิดเป็นสภาพจิตใจชนิดนี้ก็คือจิตที่ฟุ้งเฟ้อจิตที่ฟุ้งเฟ้อเป็นจิตยึดติดใช่ไหมจิตที่รักหน้าตาของคนนั้นก็เป็นเรื่องที่หนักหนามากที่จริงหากปล่อยวางจิตใจลงมาได้อย่าพกพาภาระ(ทางความคิด)มากมายอย่างนั้นเอาไว้จะบำเพ็ญได้เร็วยิ่งกว่า

ศิษย์ในขั้นตอนของการบำเพ็ญด่านมากมายนั้นข้ามง่ายพอกัดฟันทนก็ผ่านไปได้หมดแต่ตัว “ฉิง” นี้ข้ามยากมากต่อเนื่องกันมาหลายครั้งก็ข้ามไม่ได้เลยโดยเฉพาะอุปนิสัยที่ค่อนข้างอ่อนแอเป็นคนที่มีอารมณ์อ่อนไหวเนื่องจากบำเพ็ญได้เกือบสองปีแล้วแต่ในช่วงนั้นเนื่องจากปัญหาอารมณ์ความรู้สึกที่มีต่อเพื่อนชายจึงหยุดฝึกพลังไปหลายเดือนตอนนี้เริ่มฝึกใหม่อีกท่านอาจารย์จะดูแลดิฉันไหม
อาจารย์ปัจจุบันต้าฝ่ายังเปิดประตูอยู่ยังมีผู้ฝึกใหม่เข้ามาศึกษาเรื่อยๆผู้ฝึกใหม่ยังคงเข้าประตูมาเพียงแต่บำเพ็ญอยู่ล้วนต้องดูตัวท่านเองแต่หากท่านเป็นอย่างนี้อยู่เสมอก็ใช้ไม่ได้ได้รับบทเรียนครั้งหนึ่งก็พอแล้วคำว่า “ฉิง” นั้นปล่อยวางได้ยากมากข้าพเจ้าขอบอกพวกท่านคนล้วนแต่เข้าใจว่าความคิด ความรู้สึกของตนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายตนเองมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยผ่านความคิดที่จริงไม่ใช่“ฉิง” เป็นการแสดงออกที่ไม่มีสติสัมปชัญญะมากที่สุดในเวลาที่พวกท่านถูก “ฉิง”ชักนำพวกท่านก็มีสติขึ้นมาไม่ได้อย่างแน่แท้พวกท่านคิดดูให้ละเอียดซิในเวลาที่พวกท่านเฝ้าครุ่นคิดไม่ยอมลืมเรื่องบางอย่าง โกรธแค้นกับเรื่องบางอย่างนั่นคือถูกฉิงชักนำบางคนควบคุมตนเองไม่ได้ตื่นเต้นดีใจมากในเวลาที่อารมณ์ไม่เป็นปกตินั่นคือ ถูกฉิงชักนำจนสติสัมปชัญญะเลอะเลือนแล้วบางคนไม่อาจปล่อยวางอารมณ์ความรู้สึกกระทั่งในเวลาเจ็บปวดรวดร้าวใจก็ตัดไม่ลงถูกดึงเข้าไปในฉิงโดยไม่รู้จักขัดขืนอย่างนี้ทั้งหมดล้วนเป็นผลจากฉิงที่จริงตัวฉิงนี้คือเทพองค์หนึ่งในสามภพของมิติของเรานี้เขาเป็นผู้สร้างมันให้กับคนเป็นเทพองค์หนึ่งที่ดำรงอยู่เพื่อคน เพื่อสรรพชีวิตในสามภพหากไม่มีฉิงแต่ละคนจะกลายเป็นคนเย็นชาหากคนไม่มีฉิงจะยิ่งชั่วร้ายยิ่งขึ้นเช่นนั้นมนุษยชาติจะไม่มีความหมายแม้แต่น้อยก็เพราะมีฉิงคนจึงเข้าใจดีใจ โกรธ เศร้าสนุกสนานก็เพราะมีฉิงคนจึงมีความรู้สึกผูกพันระหว่างพ่อแม่และบุตรธิดาก็เพราะมีฉิงจึงสามารถก่อตั้งเป็นครอบครัวได้ก็เพราะมีฉิงตนเองจึงสามารถรักและทะนุถนอมบุตรธิดาของตนฉิงส่งผลต่อมนุษยชาติอย่างนี้แต่ว่าเนื่องด้วยการนำพาไปของความคิดที่ไม่ถูกต้อง ฉิงนี้ ยังสามารถทำให้คนเกิดพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องหรือเกิดวิธีคิดที่ไม่ถูกต้องคนพอเกิดมาก็ถูกฉิงห่อหุ้มเอาไว้มันซึมซาบท่วมท้นเข้าไปในเซลล์ทั้งหมดของท่านโมเลกุลที่มีอยู่ทั้งหมดในสามภพล้วนถูกมันซึมซาบอยู่ดังนั้นในการบำเพ็ญจึงยากจะหลุดพ้นได้ผู้บำเพ็ญหากท่านปล่อยวางฉิงนี้ไม่ลงทุกสิ่งที่ท่านทำก็ล้วนเป็นพฤติกรรมของคนที่จริงการให้ความสำคัญกับฉิงก็คือการปกป้องฉิงนี้ไว้เช่นนั้นท่านก็คือคนธรรมดาสามัญหากท่านสามารถปล่อยวางมันลงได้ท่านก็จะไม่อยู่ในนั้นก็คือเทพก็เป็นเหตุผลอย่างนี้

พระพุทธพระโพธิสัตว์อรหันต์เทพ เขาไม่อยู่ในฉิงนี้เทพนอกสามภพไม่มีฉิงนี้ของคนแต่แม้ไม่มีฉิงของคนไม่เท่ากับว่าไม่ถนอมรักผู้อื่นเขามีสิ่งที่สูงยิ่งกว่า เรียกว่า ความเมตตาเป็นสิ่งที่สูงส่งยิ่งกว่ากว้างใหญ่กว่างดงามกว่าฉิงเป็นองค์ประกอบหนึ่งในสามภพ

ศิษย์ผู้ฝึกฟูโจวโทรศัพท์ให้ผมกล่าวสวัสดีท่านอาจารย์ที่เคารพแทนพวกเขา อาจารย์ขอบใจทุกท่าน(เสียงปรบมือ)

ศิษย์สิงคโปร์เป็นสังคมหลายเชื้อชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษกันทั่วไปประชากร ๓.๒ ล้านคนร้อยละ ๗๖ เป็นชาวจีนโพ้นทะเลแต่ขณะนี้มีเพียงจำนวนน้อยนิดที่ศึกษาต้าฝ่าส่วนใหญ่ได้รับการศึกษาด้วยภาษาอังกฤษและฟังภาษาจีนได้แต่มีปัญหาในการอ่านภาษาจีนนอกจากสาเหตุอื่นแล้วที่กล่าวมานั้นก็เป็นอุปสรรค และความยากลำบากในการได้รับฝ่าของพวกเขาศิษย์ก็ได้รับการศึกษาด้วยภาษาอังกฤษจึงเข้าใจความลำบากของพวกเขาท่านอาจารย์ พวกเราจะทำอย่างไรจึงจะสามารถเผยแพร่ต้าฝ่าให้กับคนอย่างนี้ในสิงคโปร์ได้มากยิ่งขึ้น
อาจารย์สภาพการณ์ชนิดนี้ในพื้นที่อื่นก็เหมือนกันที่ออสเตรเลียนี่ก็มีคนจีนหรือชาวจีนโพ้นทะเลของประเทศตะวันตกอื่นๆแต่ทั้งหมดเติบโตอยู่ในวัฒนธรรมตะวันตกดังนั้นพวกเขาไม่สามารถพูดภาษาจีนแต่สามารถศึกษาฝ่าได้หรือไม่ละสามารถจะอ่าน “จ้วนฝ่าหลุน”ภาษาอังกฤษอ่าน “จ้วนฝ่าหลุน”ภาษาอื่นได้ก็จะได้รับฝ่าเหมือนกันไม่มีปัญหา

ศิษย์ท่านอาจารย์พูดว่า ปัจจุบันคนบนโลกล้วนไม่ควรเป็นคนศิษย์เข้าใจอย่างนี้ไม่ทราบจะถูกหรือไม่คือว่า แรกเริ่มที่คนเหล่านี้ลงมาหาใช่ตกลงมาเพราะค่อยๆเปลี่ยนเป็นไม่ดีแต่เสี่ยงภัยลงมาแต่พอถึงโลกมนุษย์ ก็ล้วนตกอยู่ในวังวนก่อกรรมมากมายบางคนก่อกรรมมากเกินไปหลงทางไปหมดแล้วไม่อาจบำเพ็ญได้แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ท่านอาจารย์มองจุดที่เขาเริ่มลงมาได้ฝ่าจุดนี้ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนอะไรขอเพียงวันนี้เขาเกิดความคิดหนึ่งที่จะบำเพ็ญก้าวเข้าประตูนี้มา ท่านอาจารย์ก็จะช่วยเหลือเขา

อาจารย์เป็นเช่นนี้โดยพื้นฐานแต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่ลงมาโดยมีความคิดที่ถูกต้องก็มีที่ตกลงมาแต่การช่วยเหลือคนของต้าฝ่านั้นปฏิบัติอย่างเสมอภาคกันทั้งหมดประตูใหญ่นี้ของข้าพเจ้าเปิดจนไม่มีประตูแล้วดูแต่ใจคนอีกอย่างปัจจุบันคนบนโลก ล้วนไม่ใช่มาเพื่อจะเป็นคนข้าพเจ้าเคยพูดคำนี้ว่าแต่ก็ไม่ใช่ล้วนมาเพื่อเป็นพระพุทธ เต๋า เทพ ก็คือว่าไม่ใช่ล้วนมาเพื่อจะบำเพ็ญแต่ล้วนมาเพื่อต้าฝ่าเกิดขึ้นเพื่อต้าฝ่าสร้างขึ้นมาเพื่อต้าฝ่าในนั้นมีทั้งที่ก่อผลด้านบวกและลบ

ศิษย์หลังจากศิษย์ศึกษาฝ่าหลุนต้าฝ่าแล้วฝันเห็นท่านสองครั้งล้วนเป็นรูปลักษณ์ในขณะนี้ศิษย์นั้นได้รับการศึกษาด้วยภาษาอังกฤษและเป็นคนเลือดผสมทำไมไม่สามารถเห็นฝ่าเซิน(ธรรมกาย)ของท่านแต่เห็นเฟินเซิน(ร่างที่แยกออกมา)ของท่าน
อาจารย์วิถีการบำเพ็ญของแต่ละคนไม่เหมือนกันข้าพเจ้าไม่อยากบอกกับพวกท่านให้เป็นรูปธรรมเกินไปผู้ฝึกบางคนนั้นสภาพการณ์ต่างกันและมองไม่เห็นธรรมกายของข้าพเจ้า ทุกท่านทราบธรรมกายนั้นเป็นรูปลักษณ์ของพระพุทธผมสีน้ำเงิน จีวรสีเหลืองเมื่อยังบรรลุไม่ถึงเขตแดนของพระพุทธก็ไม่อนุญาตให้มองเห็นรูปลักษณ์ของพระพุทธก็คือประเด็นนี้เพื่อไม่ให้กระทบต่อการยกระดับของพวกท่าน ดังนั้นข้าพเจ้าจึงไม่พูดถึงสภาพการณ์รูปธรรมของพวกท่านแต่มีบางคนสามารถมองเห็นได้เมื่อมองเห็นแล้วก็ง่ายที่จะเกิดจิตยินดีดังนั้นข้าพเจ้าจึงไม่พูดสภาพการณ์รูปธรรมมาโดยตลอดแต่ก็มีคนถามตลอดมาและบางคนเขามีองค์ประกอบก่อนกำเนิดติดตัวมาทำให้เขาสามารถมองเห็นคนอย่างนี้มีมากมายเพราะข้าพเจ้าพูดแล้วคนล้วนไม่ได้มาเพื่อจะเป็นคนเกิดจากสาเหตุนี้เช่นนั้นบางคนที่บำเพ็ญได้ดีจำเป็นต้องทะลวงเร็วยิ่งขึ้นและไม่ให้เขามองเห็นดังนั้นจึงทำให้มองไม่เห็นศาสนาใดๆหรือการบำเพ็ญชนิดใดล้วนไม่สามารถช่วยท่านให้ไปยังที่ที่อยู่เหนือเทพของเขาได้เช่นนั้นต้าฝ่าเราสามารถช่วยสรรพชีวิตทั้งปวงสามารถจะบำเพ็ญได้สูงเพียงใดก็ดูที่ตัวผู้บำเพ็ญเองเนื่องจากเขาคือฝ่าของจักรวาลเขาสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมของการดำรงอยู่ของชีวิตทั้งปวงสามารถทำให้ท่านหวนกลับไปสู่ตำแหน่งที่เคยอยู่ก่อนกำเนิดแต่ข้อกำหนดก็สูงเช่นกันผู้ฝึกบางคนจะบำเพ็ญไปถึงระดับชั้นที่สูงมาก หากเผยการรู้แจ้งแล้วก็จะไม่อาจบรรลุถึงเขตแดนนั้นตลอดกาล

เส้นทางการบำเพ็ญ กำหนดตามตัวคนแต่ละคนล้วนไม่เหมือนกันบางคนมองเห็นได้ชัดเจนมากวันนี้มองเห็นสิ่งนี้พรุ่งนี้มองเห็นสิ่งนั้นบางคนนั้นมองไม่เห็นอย่าได้เข้าใจว่าคนที่มองไม่เห็นมีระดับชั้นที่ต่ำและอย่าเข้าใจว่าคนที่มองเห็นเขาก็บำเพ็ญได้ดีระดับชั้นสูงหรือต่ำของการบำเพ็ญต้องดูที่ซินซิ่งว่าสูงหรือต่ำนี่แน่นอนทีเดียวในประวัติศาสตร์การบำเพ็ญชนิดใดๆ ล้วนแต่ไม่ใช้ความสามารถพิเศษเป็นมาตรฐานในการประเมินซินซิ่งว่าสูงหรือต่ำหรือว่าระดับชั้นสูงหรือต่ำซึ่งแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมี

ศิษย์สิ่งต่างๆที่มีอยู่ล้วนผันแปรมาจากกุศลเช่นนั้นสิ่งที่ได้รับจากอาจารย์ตรงนั้นจะสูญเสียกุศลหรือไม่

อาจารย์ข้าพเจ้าเคยพูดไว้อย่างนี้คำหนึ่งข้าพเจ้าว่า พวกท่านล้วนเป็นผู้บำเพ็ญพวกท่านต้องกำหนดตัวเองอย่างเข้มงวดพวกท่านไม่ว่าใครล้วนต้องไปทำเช่นนี้เพราะท่านกำลังบำเพ็ญอยู่นั่นคือข้อกำหนดต่อพวกท่านแต่ข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้บำเพ็ญอาจารย์นั้นมาช่วยพวกท่านพวกท่านต้องแจ่มแจ้งในจุดนี้ดังนั้นพวกท่านอย่าได้นำพวกท่านมาเปรียบกับข้าพเจ้าตลอดไป

ศิษย์ท่านอาจารย์พูดว่าเส้นทางการบำเพ็ญของศิษย์แต่ละคนล้วนจัดวางจนสำเร็จสมบูรณ์แต่ใน “จ้วนฝ่าหลุน”บอกว่า “ สิ่งที่ติดตัวเขามาความสามารถในการอดทนอดกลั้นของเขาเมื่อรวมเข้าด้วยกันนั้นเป็นสิ่งที่แน่นอน” อาจารย์นี่ไม่ขัดแย้งแต่ละคนนั้น ข้าพเจ้าล้วนต้องจัดวางให้ท่านสำเร็จสมบูรณ์แต่ แต่ละคนล้วนไม่แน่ว่าจะสำเร็จสมบูรณ์อยู่ในเขตแดนเดียวกันนะคือเหตุผลนี้หรือไม่ละดังนั้นสิ่งที่ติดตัวท่านมาความอดทนอดกลั้นของท่านความสามารถในการแบกรับของท่านตำแหน่งก่อนกำเนิดของท่าน ล้วนไม่เหมือนกัน

ศิษย์“ณ ระดับชั้นที่ต่ำมากก็เปิดพลังเปิดการรับรู้แล้ว”กล่าวสำหรับคนประเภทนี้จัดวางให้จนสำเร็จสมบูรณ์จะมีความหมายอะไรหรือ

อาจารย์ท่านรู้สึกว่าไม่มีความหมายคนอื่นรู้สึกว่ามีความหมายนะคนที่ไม่ได้บำเพ็ญล้วนรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญเมื่อมีความสำเร็จสักหน่อยก็พอใจแล้วพวกเขารู้สึกว่ามีความหมายมากและมีชีวิตอย่างมีรสชาติไม่ใช่เหตุผลนี้หรือผู้บำเพ็ญที่ต่างกันจะสำเร็จสมบูรณ์อยู่ในระดับชั้นไหนกล่าวสำหรับเขาก็คือมีความหมายแล้ว

ศิษย์ศิษย์ศึกษาฝ่า ฝึกพลังได้ปีกว่าแล้วแต่ว่า แต่ละครั้งที่ฝึกท่าเคลื่อนไหวอยู่มักจะหาวนอนตลอดวันน้ำตาไหลนองหน้าใช่ไหมว่ามีจิตยึดติดอะไรยังไม่ปล่อยวางลง

อาจารย์ ไม่ใช่หาวนอนเป็นสภาวะหนึ่งของผู้บำเพ็ญระยะแรกของการบำเพ็ญจะพบได้บ่อยแต่ไม่แน่ว่าจะปรากฏออกมากันทั้งหมดสภาวะนี้ไม่ใช่ตายตัวระยะแรกชี่ที่เกิดขึ้นในร่างกายกรอกเข้าไปในสมองเมื่อมันจะระบายออกมาก็จะหาวนอนไม่ใช่เรื่องอะไรที่ไม่ดีในระยะแรกที่ปรับร่างกายให้ทำการชำระล้างสมองข้างในก็จะเกิดสภาพการณ์ชนิดนี้ล้วนเป็นปรากฏการณ์หนึ่งในขั้นตอนของการบำเพ็ญ

ศิษย์เมื่อต่างฝ่ายต่างยึดถือความคิดเห็นของตนเป็นใหญ่ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะแยกแยะได้อย่างไรระหว่างจิตยึดติดกับยึดถือความเห็นของตนอาทิเช่นเมื่อมีความคิดเห็นต่างกันต่อวิธีการทำงานในเรื่องใดแต่เลือกได้เพียงวิธีการอย่างหนึ่งและการมองแต่ละชนิดล้วนเป็นการแสดงออกโดยอยู่ในระดับชั้นที่ต่างกันของฝ่า ให้ทำไปตามการรับรู้ของตนเอง หรือว่าทำไปตามข้อกำหนดของกลุ่มศิษย์แต่ละคนจะแสดงออกอย่างไรโดยถือฝ่าเป็นอาจารย์ อาจารย์ในการจัดการปัญหาเมื่อมีความคิดเห็นต่างกันหลังผ่านการอภิปรายก็ต้องถือต้าฝ่าเป็นสำคัญอย่าได้เน้นที่ข้อเสนอของตนเองมากเกินไปสุดท้ายเมื่อกำหนดแน่นอนแล้วก็ต้องร่วมกันไปทำให้ดีการยึดถือความเห็นของตนเป็นใหญ่ถกเถียงกันนานไม่อาจบรรลุความเป็นเอกภาพนั่นก็ถูกมารที่ทำร้ายต้าฝ่าหรือถูกจิตมารใช้แล้วดื้อดึงในความคิดเห็นของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายไม่ยอมวางนั่นก็คือยึดติดต่อตัวเองแล้ว

ศิษย์เมื่อคนมีทัศนะต่อเรื่องหนึ่งๆก็จะก่อเกิดทัศนคติของตนเองแต่ผู้บำเพ็ญต่างจากคนธรรมดาสามัญคือในขณะที่เขาปฏิบัติต่อทัศนคติของตนเองนั้น จะมีสภาพจิตใจที่ต่างกันคนธรรมดาสามัญนั้นยึดติดกับความถูกต้องของทัศนคติของตนจากนั้นหวังว่าคนอื่นก็จะเห็นพ้องกับตนเองส่วนผู้บำเพ็ญเพียงมีทัศนคติของตนแต่ไม่ยัดเยียดให้กับคนอื่นเข้าใจอย่างนี้ถูกไหมคะ

อาจารย์ ไม่ใช่ถูกต้องอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเพราะผู้บำเพ็ญจะไม่ก่อเกิดทัศนคติในหมู่คนธรรมดาสามัญอย่างง่ายๆล้วนต้องยึดถือต้าฝ่าอยู่เหนือทุกสิ่งใช้ฝ่าทะลวงความหลง ทำลายทัศนคติของคนธรรมดาสามัญใช้ฝ่าประเมินทุกสิ่งนอกจากยืนหยัดปกป้องฝ่าด้วยความคิดที่ถูกต้องแล้วยังไม่แสวงหาในเรื่องของคนธรรมดาสามัญจะทำสำเร็จได้หรือไม่ได้ ล้วนไม่ยึดติดยิ่งไม่ควรมีทัศนคติที่ดื้อรั้นศิษย์ต้าฝ่าจะปฏิบัติต่อเรื่องการถกเถียงกันอย่างไรใช้ความคิดที่ถูกต้องปฏิบัติต่อมันหรือไม่โดยเฉพาะเมื่อเกิดการปะทะกันทางความคิดเห็นอย่างรุนแรงต้องดูตัวเองใจของตนตั้งอยู่ตรงไหนตั้งอยู่ในฝ่าร้อยทั้งร้อยไหมจุดยืนในการยืนกรานความเห็นของตนอยู่ตรงไหนจะต้องดูแก่นแท้ของความคิดนี้

ศิษย์ผู้ฝึกของเราที่นี่บางคนมีอารมณ์ท้อแท้ใจอย่างหนึ่งบอกว่าตนเองคงจะเป็นชีวิตในสามภพไม่ว่าจะพยามยามอย่างไรคงไม่อาจออกนอกสามภพได้ความคิดของเขาถูกต้องไหม
อาจารย์ใครบอกว่าเขาเป็นชีวิตในสามภพข้าพเจ้าไม่เคยพูดกับใครว่าท่านไม่อาจจะบำเพ็ญได้ข้าพเจ้าพูดว่าข้าพเจ้าไม่สนใจว่าท่านเป็นใครข้าพเจ้าไม่สนใจว่าท่านทำอะไรมาไหนเลยจะเกรงว่าท่านเกิดมาเพื่อทำลายฝ่าข้าพเจ้าก็จะช่วยเหลือท่าน(เสียงปรบมือ)

พวกท่านทราบไหมผู้ฝึกต้าฝ่าในวันนี้มีจำนวนมากจริงๆถ้าหากพวกเราเองทำได้ไม่ดีด้วยกลุ่มคนที่ใหญ่อย่างนี้ย่อมจะมีผลที่ตามมาไม่เบาเลยเช่นนั้นบางหน่วยงานของรัฐบาลก็จะเพ่งเล็งแล้วที่จริงตลอดมามีคนที่กำลังทำความเข้าใจอยู่มีบางคนทำงานเป็นสายลับและกำลังฝึกตามผู้ฝึกทำการตรวจสอบอยู่ดูว่าพวกเขา(ผู้ฝึก)กำลังทำอะไรพวกท่านทราบไหมว่าข้าพเจ้าคิดอย่างไรไม่ว่าจะทำงานอะไรเขาก็เป็นสมาชิกหนึ่งของสรรพชีวิตก่อนอื่นเขาคือสรรพชีวิตกล่าวสำหรับพวกเขาข้าพเจ้าคิดว่าเพียงแต่ต่างกันที่การทำงานเท่านั้นไม่ว่าพวกเขาก้าวเข้ามาในสภาพแวดล้อมของเราด้วยจิตใจอะไรข้าพเจ้าล้วนแต่จะใช้ความคิดที่ดีงามกับเขาขอเพียงเขาคิดจะบำเพ็ญข้าพเจ้าก็จะรับผิดชอบเขาดังนั้นมีคนเหล่านี้จากหลายหน่วยงานของรัฐบาลที่เข้ามาทำความเข้าใจต้าฝ่าเมื่อพวกเขาพบว่าเราไม่มีอะไรปิดบังอำพรางไม่มีอะไรที่ไม่ดีและยังเข้าใจว่าต้าฝ่าดีเหลือเกินก็เริ่มต้นศึกษาต้าฝ่าแล้วต่อมาเขาจึงบอกกับผู้ฝึกว่าพวกคุณรู้ไหมว่าผมเป็นใครผมนั้นถูกส่งเข้ามาผมพบว่าพวกคุณนั้นดีเหลือเกินตอนนี้ผมมาศึกษาแล้ว(เสียงปรบมือ)

ข้าพเจ้าว่า ต้าฝ่าของเรานั้น ไม่กลัวคนอื่นมาทำความเข้าใจผู้ฝึกเราแต่ละคนผู้ปฏิบัติงานของเราแต่ละคนล้วนจะเป็นเช่นนี้คือ คุณมาทำความเข้าใจคุณอยากรู้อะไรฉันก็จะให้ท่านรู้หมดคุณอยากจะดูอะไรฉันก็จะเอาออกมาให้ดูไม่มีการปิดบังอำพรางแต่อย่างใดเป็นไปอย่างสง่าผ่าเผยเพราะนี่คือดินแดนบริสุทธิ์หนึ่งเดียวในโลกมนุษย์ในวันนี้ เมื่อยังไม่เข้าใจต้าฝ่าก็ไม่เชื่อว่าจะมีคนดีอยู่อีกหากพวกเขาไม่เข้าใจเรา ไม่ก้าวเข้ามาในสภาพแวดล้อมนี้เขาก็จะไม่เชื่อจริงๆว่าบนโลกนี้จะมีคนดีเหล่านี้อยู่

ศิษย์บ่อยครั้งที่ขณะที่ผมเพิ่งตื่นนอนหรือกำลังเดินอยู่นั้น สมองส่วนหนึ่งมักจะท่อง “จ้วนฝ่าหลุน”ท่อนใดท่อนหนึ่งแต่จิตสำนึกหลักของผมกลับกำลังคิดเรื่องของคนธรรมดาสามัญนี่ใช่หรือไม่ว่าด้านนั้นที่บำเพ็ญสำเร็จแล้วกำลังท่อง อาจารย์ใช่จะเกิดสภาพการณ์อย่างนี้ขึ้นได้ด้านนั้นที่บำเพ็ญสำเร็จจะปลอดโปร่งรู้สึกร้อนใจแทนด้านนี้ของคนที่บำเพ็ญไม่ดีไม่ก้าวหน้า

ศิษย์สามีดิฉันเคยตั้งคำถามในฝ่าฮุ่ยที่ภาคตะวันออกของนิวยอร์กเมื่อเดือนมีนาคมซึ่งท่านอาจารย์พูดให้กำลังใจเขาว่าให้กลับใจกลับเนื้อกลับตัวใหม่เริ่มต้นเป็นคนดีเขาก็รู้ว่าต้องไปบำเพ็ญจริงตามคำพูดของท่านอาจารย์แต่ตลอดมาสามีดิฉันตกอยู่ในความสำนึกเสียใจอย่างลึกมากและตำหนิตัวเองจึงก้าวออกมาไม่ได้และยังมีมารรบกวนอย่างรุนแรงเป็นมาสี่เดือนกว่าแล้ว
อาจารย์จิตสำนึกหลักของสามีท่านอ่อนแอเกินไปแล้วไม่สามารถควบคุมตนเองอย่างมีสติแจ่มแจ้งข้าพเจ้าบอกว่าเขาผิดไปแล้วเช่นนั้นเขากลับถลำเข้าไปในสภาพการณ์อย่างหนึ่งของการตำหนิตนเองวิ่งไปยึดติดกับอีกขั้วหนึ่งและมารก็ฉวยโอกาสใช้จิตใจที่ไม่ถูกต้องนี้ของเขารบกวนเขาอยู่

ศิษย์เขายังจะบำเพ็ญได้ไหม

อาจารย์นี่ต้องถามตัวเขาเองแล้วทำไมข้าพเจ้าจึงพูดว่าผู้ป่วยโรคจิตไม่สามารถบำเพ็ญทุกท่านทราบต้าฝ่าของเรานี้ ให้จิตสำนึกหลักของท่านบำเพ็ญก็คือให้กับตัวท่านเองพวกท่านต้องบำเพ็ญตนเองอย่างมีสติแจ่มชัดวิธีการบำเพ็ญทั้งหมดในอดีตรวมทั้งศาสนาที่มีอยู่ทั้งหมดในอดีตล้วนแต่บำเพ็ญจิตรองพอคนตายแล้วจิตหลักก็ไปเวียนว่ายตายเกิดเช่นเคยแต่ส่วนนั้นที่บรรลุมาตรฐานได้ไปสวรรค์แต่กลับไม่ใช่ตัวท่านเองที่แท้จริงหากแต่เป็นจิตรองนี่คือความลับชั่วกาลนานในอดีตนั้นไม่อาจจะเปิดเผยได้วันนี้เพื่อถ่ายทอดต้าฝ่าชุดนี้ ข้าพเจ้าสามารถทำให้ท่านได้รับการช่วยเหลืออย่างแท้จริงข้าพเจ้าจึงนำความลับชั่วกาลนานเหล่านี้เป็นความลับแห่งความลับความลับแห่งความลับของสวรรค์บอกให้กับสรรพชีวิตหากตัวท่านเองไม่สามารถบำเพ็ญตัวท่านเองไม่แจ่มแจ้งฝ่านี้ของข้าพเจ้าจะให้กับใครละให้ใครมารับละดังนั้นจึงต้องให้จิตสำนึกหลักของท่านแจ่มแจ้งหากท่านไม่แจ่มแจ้งก็ใช้ไม่ได้ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่านอีกครั้งต้องมีสติสัมปชัญญะบำเพ็ญอย่างสง่าผ่าเผย

ศิษย์เวลานั่งสมาธิจะใช้เบาะหนุนด้านหลังให้สูงขึ้นสักหน่อยและหนุนเอวได้หรือไม่

อาจารย์ทำได้ชั่วคราวยอมให้ท่านมีขั้นตอนของการฝึกได้ในอนาคตทำไม่ได้เพราะในอนาคตท่านก็ต้องฝึกได้ดีแน่

ศิษย์ในความฝันท่านอาจารย์พูดกับดิฉันว่าให้บำเพ็ญของจริงเป็นของปลอมและบำเพ็ญของปลอมให้หมดไปเลยท่านก็จะบำเพ็ญสำเร็จได้ อาจารย์ในนี้มองได้จากสองด้านหนึ่งสภาพที่เป็นจริงนี้ของสังคมมนุษย์ในสายตาของเทพมันหาใช่ของจริงไม่ยังมีอีกนี่เป็นการสะกิดเตือนต่อการยึดติดในสิ่งที่เป็นจริงของท่านคือการสะกิดเตือนท่านด้านนั้นที่ยึดติดในรูปธรรม ข้าพเจ้าบอกท่านได้เพียงเท่านี้ท่านไม่อาจนำคำพูดที่ข้าพเจ้าสะกิดเตือนท่านมาเรียกให้ข้าพเจ้าอธิบายออกมาให้กับท่านเช่นนั้นข้าพเจ้าจะสะกิดเตือนท่านไปทำไมกัน
ศิษย์ลำดับของคำว่า เจิน ซั่น เหริ่น มีความนัยอะไรเป็นพิเศษไหมอาจารย์ คือความประสานกลมกลืนอย่างสมบูรณ์ “ เจิน” ในนั้นมี เจิน ซั่น เหริ่น“ซั่น” ข้างในก็มี เจิน ซั่นเหริ่น“เหริ่น” ข้างในก็ยังมีเจินซั่นเหริ่น

ศิษย์ในหนังสือ “จ้วนฝ่าหลุน”เมื่อท่านอาจารย์กล่าวถึง พุทธ เต๋า สองสายมักจะวางสายเต๋า ไว้หน้าสายพุทธ เช่นนี้มีความเกี่ยวพันกับการเรียงลำดับของ เจิน ซั่น เหริ่น หรือไม่

อาจารย์ท่านอย่าได้มุ่งความสนใจไปจดจ่อกับเรื่องเหล่านี้นี่ไม่มีความเกี่ยวข้องเป็นพิเศษอะไรพุทธเต๋าเทพข้าพเจ้าพูดออกมาคล่องปากข้าพเจ้าอาจพูดเต๋าพุทธเทพ แต่พูดขึ้นมามันไม่คล่องปากหรือเทพพุทธเต๋ามักจะรู้สึกว่าไม่คล่องปากอย่างนั้นเจิน ซั่น เหริ่นคล้องจองดีนะกลับกันก็ได้ แต่พูดขึ้นมาแล้วไม่คล่องปากข้าพเจ้าพูดอย่างไรพวกท่านก็พูดอย่างนั้น

ศิษย์ผมเป็นคนที่จริงจังระแวดระวังและใจร้อนคนหนึ่งผมรู้สึกได้ว่าสภาพจิตใจชนิดนี้กลายเป็นอุปสรรคในการบำเพ็ญไปแล้ว อาจารย์เป็นอุปสรรคเกินไปแล้วท่านสามารถค้นมันพบนี่ก็ดีมาก

ศิษย์นี่เป็นสิ่งที่เกิดจากทัศนคติหลังกำเนิดและกรรมใช่ไหมหรือว่าเกิดจากคุณสมบัติเฉพาะก่อนกำเนิด

อาจารย์คือทัศนคติก็คือทัศนคติที่มีลักษณะคล้ายกันชนิดนี้เป็นสิ่งที่บ่มเพาะมานานพอพบกับเรื่องอะไรก็ให้ท่านเข้าไปสู่ทัศนคติชนิดนี้คุณสมบัติของมันก็คือสิ่งที่เรียกกันว่า ความระแวดระวังจริงจังใจร้อนที่บ่มเพาะสิ่งที่เป็นความเคยชินชนิดหนึ่งซึ่งล้วนสามารถจะทิ้งมันไปได้

ศิษย์ท่านอาจารย์พูดว่า อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทุกข์ยากอย่างนี้ ยังคิดจะบำเพ็ญช่างยอดเยี่ยมนักดิฉันนั้นเพราะรู้สึกว่าโลกนี้ช่างทุกข์ยากช่างน่าเบื่อหน่ายเหลือเกินและจะต้องบำเพ็ญนี่คือดิฉันไม่สามารถทนทุกข์ได้หรือเปล่า
อาจารย์นี่ไม่ใช่เลยที่ข้าพเจ้าพูดคือวิธีมองของข้าพเจ้ากับปวงเทพแต่ความรู้สึกของท่านนั้นเป็นความรู้สึกตามปกติของชาวโลกสังคมมนุษย์นั้นทุกข์ยากมากจริงๆ ชีวิตในมิติใดๆเขาล้วนแต่สามารถบินไปบินมาลอยไปลอยมาสามารถขยายให้ใหญ่หรือหดเล็กลงได้ทุกสิ่งล้วนอิสรเสรีได้ดังใจมีเพียงมนุษย์กับมิติชั้นผิวที่เป็นเช่นนี้เมื่อท่านเกิดมา ท่านก็ถูกทุกสิ่งในมิตินี้บังคับไว้แล้วท่านเดินก็จะเหนื่อยท่านไม่กินก็จะหิวไม่ดื่มจะกระหายใส่เสื้อผ้าน้อยก็จะหนาวเป็นต้นนี่คือการเข้าสู่ความทุกข์ที่มิตินี้นำมาอย่างเป็นไปเองตามธรรมชาติแน่ละ ยังมีการขัดสีกันด้านซินซิ่งระหว่างคนด้วยกันการแสดงออกของกรรมก่อกรรมไม่หยุดหย่อนโดยไม่รู้ตัวยังมีความทุกข์ที่หลายคนรู้สึกไม่ได้ด้วยตัวเองความทุกข์ที่ยากจะบรรยาย ดังนั้นมนุษย์จึงทุกข์ยาก

ศิษย์มีผู้ฝึกคนหนึ่งถามแต่ละครั้งที่เขาสัมผัสกับโลหะมือจะส่งกระแสไฟฟ้าออกมาเป็นต่อเนื่องมาหนึ่งปีกว่าแล้วเรียนถามท่านอาจารย์ใช่ไหมว่ายังติดอยู่ในระดับชั้นหนึ่ง
อาจารย์ ไม่ใช่พลังงานทั้งหมดที่เกิดขึ้นในระหว่างการบำเพ็ญหรือพูดว่าพลังกงของท่านกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายท่านกล่าวสำหรับคนแล้ว มีหลายสิ่งที่มีไฟฟ้าอยู่ด้วย คนจะอ่อนไหวที่สุดต่อองค์ประกอบของไฟฟ้า ไฟฟ้าเป็นการแสดงออกชนิดหนึ่งของพลังงานพูดจากอีกด้านหนึ่งหากในการบำเพ็ญด้านไหนของใครที่ก้าวหน้าไม่พอ หรือทางด้านใดยังทำขาดตกบกพร่องไปหน่อยนี่ก็อาจเป็นการสะกิดเตือนผู้ฝึกยังมีอีกสภาพการณ์หนึ่งการยกระดับชั้นในระหว่างการบำเพ็ญร่างกายชั้นผิวของคนก็จะมีการทะลวง ความสามารถของการต้านกระแสไฟฟ้าที่สอดคล้องกันมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน และจะมีการแสดงออกอย่างนี้ได้นี่ล้วนเป็นเรื่องเล็กไม่เป็นไรแต่สามารถจะปรับให้ดีได้ทั้งหมด

ศิษย์ในซิดนีย์มีคนโจมตีต้าฝ่าผู้ฝึกบางคนจึงเสนอให้ฟ้องร้องเขาผมเข้าใจว่านี่คือการใช้วิธีการของคนธรรมดาสามัญต่อสู้กับคนธรรมดาสามัญมองอย่างนี้ถูกหรือไม่
อาจารย์ก่อนอื่นขอยืนยันกับผู้ฝึกจิตใจที่ปกป้องต้าฝ่านั้นไม่ผิดดูว่าเป็นการให้ร้ายฝ่าอย่างไร หากเขาก่อให้เกิดผลกระทบที่แน่นอนระดับหนึ่งต่อต้าฝ่า เมื่อมองจากมุมมองของผู้ฝึกที่จะปกป้องฝ่าการใช้วิธีการทางกฎหมายจัดการก็ไม่ผิดแน่ละพวกเราพยายามไม่เอาสิ่งเหล่านี้หากจำเป็นต้องใช้กฎหมายแก้ไข ก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้แต่เนื่องจากจะช่วยเหลือคนใช่ไหมพวกเราก็มักจะเปิดทางออกให้ช่องหนึ่งให้โอกาสแก่คนไหนเลยจะเกรงว่าเขาเคยให้ร้ายฝ่าโดยไม่เจตนาและต้องให้เขามีขั้นตอนหนึ่งในการรับรู้ไปหาเขาคุยด้วย หากเขายังทำเช่นนี้ต่อไปอีกเช่นนั้นพวกเราเลือกวิธีการทางกฎหมายสักครั้งก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้เนื่องจากสมาคมศึกษาต้าฝ่าออสเตรเลียเป็นองค์กรที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายตามกฎหมายเป็นสิ่งที่ถูกต้องและไม่ใช่ให้คนโจมตีตามชอบใจเพียงแต่ว่าในนั้น เรื่องอย่างนี้จำนวนมากมีความสัมพันธ์กับการบำเพ็ญส่วนบุคคลอย่าได้ ไม่พิจารณาตนเองใช่หรือไม่ว่าเกิดขึ้นจากจิตยึดติดของตนใช่หรือไม่ว่าเป็นผลจากองค์ประกอบที่ยึดติดที่ไม่ได้ทิ้งไป

ศิษย์ปัญหาของผมคือสภาพการณ์ในระหว่างการบำเพ็ญมีมากมายนับหมื่นชนิดพวกเราควรประเมินตัวเองอย่างไรใช่หรือไม่ว่าได้ปฏิบัติต่อสภาพการณ์ระหว่างการบำเพ็ญได้อย่างถูกต้องแล้ว
อาจารย์ในการบำเพ็ญส่วนบุคคล ความรู้สึกกับสภาพการณ์ที่ปรากฏออกมาทั้งหมดต้องถือว่าเป็นสภาพการณ์ปกติของการบำเพ็ญในการบำเพ็ญ แต่ละคน ต่างก็คิดจะข้ามด่านให้ดีและอยากจะรู้ว่าที่แท้แล้วตนเองข้ามได้ดีหรือไม่ดีที่จริงหากท่านสามารถวางเฉยต่อหน้าผลประโยชน์ท่านก็ข้ามไปได้แล้วท่านสามารถค้นหาสาเหตุของตนเองเมื่อเผชิญกับความขัดแย้งจากนั้นแก้ไขตัวเองก่อนท่านก็ข้ามไปได้แล้วในการทดสอบชนิดต่างๆสามารถปล่อยวางจิตยึดติดได้ท่านก็ข้ามไปได้แล้วแน่ละ ระดับที่ข้ามไปก็ไม่เหมือนกันผู้ฝึกบางคนเขาสามารถทำได้หมดบางคนทำได้เพียงเปลือกนอกในใจยังปล่อยวางไม่ได้บางคนดูไปก็ไม่เลวแต่ในใจยังไม่สบอารมณ์นั่นก็พูดได้ชัดว่าเขายังเก็บเอาไว้นิดหนึ่งเรื่องนี้แยกแยะได้ไม่ยากแต่ว่านะใช่หรือไม่ว่าทุกท่านต้องข้ามทุกด่านข้ามให้ดีหากข้ามไม่ได้ท่านก็บรรลุไม่ถึงมาตรฐานของการบำเพ็ญแล้วท่านก็ใช้ไม่ได้แล้วไม่ใช่อย่างนี้ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่านการบำเพ็ญนั้น ก็คือแก้ไขใจดวงนี้ของคนข้าพเจ้าจะพูดให้ชัดเจนยิ่งขึ้นอีกต่อหน้าผลประโยชน์ต่อหน้าความโกรธแค้นในความขัดแย้งระหว่างคนกับคนด้วยกันใจของท่านล้วนจะถูกกระทบหากสามารถบรรลุถึงความสงบเยือกเย็นไม่หวั่นไหวได้ข้าพเจ้าว่านั่นคือยอดเยี่ยม แต่ละครั้งเมื่อตนเองข้ามด่านได้ไม่ดีพวกท่านก็จะคิดว่าใช่ไหมว่าด่านนี้ฉันข้ามได้ไม่ดีฉันก็ใช้ไม่ได้แล้วไม่ใช่บางคนรับรู้ได้สูงหน่อยบางคนรับรู้ได้ต่ำหน่อย บางคนข้ามด่านนี้ได้ดีแล้ว บางคนบกพร่องไปหน่อยบางคนข้ามไปได้ไม่ดีเลยแต่ว่าพวกท่านล้วนจะสำนึกเสียใจภายหลังตำหนิตนเองที่ไม่มุมานะฉะนั้นต้องตัดสินใจแน่วแน่ ครั้งต่อไป พยายาม ข้ามด่านให้ดี ชดเชยครั้งนี้ที่บกพร่องเมื่อเกิดการทดสอบข้ามด่านอีกตัดสินใจแน่วแน่ ข้ามมันให้ดีที่จริงนี่ก็คือการบำเพ็ญหากแต่ละด่านล้วนสามารถผ่านไปได้หมดข้าพเจ้าว่านั่นไม่ใช่การบำเพ็ญนั่นก็คือว่าข้าพเจ้า อาจารย์คนนี้ไม่ทำหน้าที่ให้เต็มที่จัดวางทุกข์ภัยให้ท่านเบาไปซินซิ่งของท่านไม่ได้รับการยกระดับจากในนั้นใช่ไหม

ศิษย์ศิษย์ประเทศญี่ปุ่นฝากสวัสดีท่านอาจารย์

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน(เสียงปรบมือ)

ศิษย์ดิฉันบำเพ็ญได้ประมาณสามปีคุณแม่ดิฉันจากไปเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้วท่านก็บำเพ็ญได้สามปีบ่อยครั้งที่ดิฉัน รู้สึกสำนึกเสียใจกับความบกพร่องในหลายๆเรื่องของตัวเองที่เพิ่มความทุกข์ให้กับท่าน ในช่วงเวลาที่ท่านกำลังข้ามด่านความเป็นความตายเนื่องจากในเวลานั้นตนเองไม่สามารถรับรู้อย่างมีสติแจ่มชัดถึงความเข้มงวดของต้าฝ่าและนึกตำหนิตนเองที่ไม่สามารถช่วยเหลือท่านได้อย่างแท้จริงจากในฝ่า
อาจารย์นี่ก็ไม่มีอะไรต้องตำหนิตัวเองตำหนิตัวเองมากไปก็เป็นการยึดติดพวกท่านแต่ละคนล้วนกำลังบำเพ็ญและอาจทำเรื่องอะไรที่ผิดได้แต่จะไม่เกิดผลที่แน่นอนกับผู้อื่นโดยเฉพาะคนอื่นก็เป็นผู้บำเพ็ญเช่นกันการบำเพ็ญเป็นเรื่องของแต่ละคนถ้าหากในขณะที่เธอเผชิญกับการรบกวนสามารถที่จะควบคุมตัวเองอย่างไม่หวั่นไหวสะทกสะท้าน นั่นจึงเรียกว่าบำเพ็ญนะคนอื่นทำได้ไม่ดีจึงให้ความช่วยเหลือเธอได้น้อยเกินไปแต่หากผู้บำเพ็ญต้องอาศัยการช่วยเหลือของผู้อื่นนั่นไม่เรียกว่าการบำเพ็ญด้วยตนเองนี่ก็ไม่มีอะไรที่ต้องตำหนิตัวเองเมื่อมีข้อบกพร่องก็รับบทเรียนเหล่านี้ไว้ทำให้ตนเองทำได้ดียิ่งขึ้นอย่างไรมองจากหลายๆด้านนะบางทีไม่ใช่ว่าจะไม่ดีเหมือนกับที่ท่านคิดอย่างนั้นบางทีแต่ละคนที่ศึกษาต้าฝ่าแล้ว ล้วนไม่ศึกษาโดยสูญเปล่าบางทีในอนาคตการสำเร็จสมบูรณ์ของท่านทำให้เขาได้รับการช่วยเหลือ

ศิษย์ท่านสามารถพูดถึงโครงสร้างของสสารให้กับพวกเราได้หรือไม่ อาจารย์ปัญหานี้ใหญ่มากทีเดียวนะโครงสร้างของสสารระดับชั้นไหนละโครงสร้างของสสารชนิดไหนละนั่นเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากลำดับการเรียงตัวที่ชั้นผิวของโมเลกุลนั้นปัจจุบันนี้วิทยาศาสตร์ก็สามารถรับรู้ได้แล้วโครงสร้างทั้งหมดของสสาร นั่นก็พูดได้ไม่จบสิ้นข้าพเจ้าพูดกี่วันก็พูดไม่จบเมื่อข้าพเจ้าพูดถึงแนวคิดของจักรวาล ก็ยังเป็นการพูดให้กับพวกท่าน โดยใช้การรับรู้ของคน ความคิดของคนคำศัพท์ของคนถึงขีดจำกัดที่สุด ซึ่งมีข้อจำกัดมากและเป็นแบบคร่าวๆก็เป็นเช่นนี้ข้าพเจ้าก็ได้พูดถึงรูปแบบของการคงอยู่ของสสารชนิดหนึ่งของจักรวาลอย่างคร่าวๆและภาษาของคนก็ขาดแคลนและมีข้อจำกัดอย่างยิ่ง เพราะมนุษย์ไม่มีภาษาและคำศัพท์แบบนั้นที่จะอธิบายมันได้

ศิษย์ในมิติของเรานี้เรื่องราวต่างๆจะเกิดขึ้นไปตามลำดับของเวลาในมิติอื่นที่ไม่มีแนวคิดด้านเวลาจะปรากฏออกมาอย่างไรใช่หรือไม่ว่าจะปรากฏออกมาโดยเป็นไปตามยุคสมัยโดยตรง

อาจารย์วันนั้นมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งถามข้าพเจ้าว่า หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสองคือสัจธรรมไหมข้าพเจ้าว่า ในหมู่คนธรรมดาสามัญคือสัจธรรมข้าพเจ้าว่าเมื่อออกไปจากมิตินี้มันก็ไม่ใช่สัจธรรมในสภาพกาลมิติที่ต่างกันไปมันก็ไม่ใช่สัจธรรมก็คือเมื่ออยู่ในสภาพกาลมิติที่ต่างกันนั้นท่านไม่อาจใช้แนวคิดของคนมาประเมินมันมันก็มีวิธีนับเวลาของมันและรูปแบบวิธีการคงอยู่กับการรับรู้เรื่องราวซึ่งไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง ดีหรือเลวบวกหรือลบก็ไม่เหมือนกับการรับรู้ของคน

ศิษย์แต่ละคนต่างมีกรรมของตนต้องชดใช้กรรมของตัวเองตัวเองต้องแบกรับคนอื่นไม่อาจยุ่งเกี่ยวตามชอบใจได้หากมีคนมีอันตรายถึงชีวิตในฐานะผู้บำเพ็ญควรทำอย่างไร

อาจารย์เรื่องนี้ข้าพเจ้าได้พูดไปหลายครั้งแล้วแม้ว่าผู้บำเพ็ญจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคนธรรมดาสามัญแต่หากท่านเห็นคนกำลังจะฆ่าคนกำลังวางเพลิง ท่านไม่สนใจนั่นก็เป็นปัญหาซินซิ่งการไร้ความหมายมั่นที่ข้าพเจ้าพูดนั้นพวกท่านอย่าไปหาเรื่องอะไรทำให้ได้ด้วยจิตยึดติด

ศิษย์ผู้ฝึกฮ่องกงฝากสวัสดีท่านอาจารย์ อาจารย์ขอบใจทุกท่าน(เสียงปรบมือ)

ศิษย์เมื่ออ่านหนังสือ “จ้วนฝ่าหลุน”ขณะอ่านหนังสือจะมีความคิดวุ่นวายอย่างอื่นแทรกเข้ามาในสมองจะจัดการให้ถูกต้องและปฏิบัติต่อปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร
อาจารย์นี่ล้วนเป็นเรื่องธรรมดามากแต่ละคนล้วนจะพบได้แต่ท่านต้องเอาชนะมันให้ได้นี่เป็นความคิดและทัศนคติที่ก่อเกิดหลังกำเนิดและเกิดจากกรรมในความคิดของท่านมันกำลังรบกวนการบำเพ็ญและได้รับฝ่าของท่านให้ผลักไสมันไปฉันก็จะแน่วแน่รวบรวมพลังความสนใจอ่านหนังสือศึกษาฝ่าการทำเช่นนี้โดยตัวมันเองคือการกำลังสลายมันทิ้งไปเพราะเป็นฝ่าใช่ไหมท่านศึกษาฝ่าก็เป็นการสลายมันอย่าให้มันส่งผลกระทบได้อย่างเด็ดขาดหากว่าตากำลังอ่านหนังสือแต่ความคิดไม่อยู่กับหนังสือแม้แต่ตัวอักษรแต่ละตัวที่อ่าน ก็ไม่รู้ว่าอะไรแล้วนั่นใช้ไม่ได้เท่ากับอ่านโดยเปล่าประโยชน์

ศิษย์แต่ละครั้งที่ข้ามด่านซินซิ่ง คล้ายกับว่าในเวลานั้นได้ข้ามด่านไปแล้วแต่หลังผ่านเรื่องนั้นแล้วหันกลับไปมองดูพบว่ากลับข้ามได้ไม่ดีหรือไม่ได้ข้ามนี่ใช่หรือไม่ว่าเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นเนื่องจากการยกระดับ

อาจารย์เป็นเช่นนี้หากท่านยกระดับโดยผ่านการบำเพ็ญแล้วพอหันกลับไปมองจะมีความรู้สึกชนิดนี้ที่จริงคือมาตรฐานสูงขึ้นแล้วข้อกำหนดก็สูงขึ้นด้วย

เราพักกันสิบนาทีดีไหม

(ผู้ฝึกมอบช่อดอกไม้ให้อาจารย์พร้อมกับแสดงความคารวะอย่างสูงที่สุดต่ออาจารย์)

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ)ดอกไม้เหล่านี้ดูเหมือนจะแพงมากนะทุกท่านไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินเหล่านี้ไม่ต้องพิถีพิถันในเรื่องเหล่านี้แต่ว่า ข้าพเจ้าก็ขอบใจพวกท่าน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์ผู้ฝึกบางคน เมื่อก่อนเคยเรียนหลักพลังอย่างอื่นสามารถนั่งสมาธิสองสามชั่วโมงพวกเขามักรู้สึกว่าดีกว่าผู้ฝึกที่ไม่สามารถนั่งได้แต่พวกเขาไม่สนใจศึกษาฝ่าและบำเพ็ญซินซิ่งขอเชิญท่านอาจารย์ให้ความกระจ่างแก่พวกเรา
อาจารย์ไม่ว่าเงื่อนไขทางร่างกายเมื่อก่อนกำเนิดจะเป็นอย่างไรเมื่อเข้ามาในต้าฝ่าจริงๆก็จะไม่เหมือนกันแล้วผู้ฝึกบางคน เมื่อก่อนเคยเล่นกีฬาบางคนเคยฝึกเต้นระบำลำขาอ่อนมากขัดขาขึ้นได้ทันทีเบาสบายมากแต่นั่นเป็นการฝึกพลังหรือไม่นะไม่ใช่หากเขาบำเพ็ญจริงๆก็จะพบว่าไม่เหมือนกันแล้วขาที่เคยเต้นระบำกลับขัดขึ้นมาไม่ได้และยังปวดมากเพราะการขัดสมาธิของผู้บำเพ็ญ ไม่อาจจะกลายเป็นเพียงการขัดขาตามลำพังโดยไม่มีกลไกบังคับเพราะนี่คือการบำเพ็ญทุกสิ่งที่ท่านมีทั้งหมดล้วนต้องรับผิดชอบต่อการยกระดับของท่านรวมทั้งการนั่งสมาธิการนั่งขัดสมาธิต้องสามารถทำให้ท่านสลายกรรมได้จริงๆ ยกระดับซินซิ่งขึ้นได้บังเกิดผลได้จึงจะใช้ได้การขัดสมาธินานขึ้นไปอีกมีประโยชน์อะไรละหากไม่สามารถสลายกรรมหากไม่อาจบังเกิดผลในระหว่างที่บำเพ็ญขัดขาเพียงเพื่อจะขัดขาต่อให้ขัดขาได้นานยิ่งขึ้นแล้วจะมีประโยชน์ที่ตรงไหนละเป็นอย่างนี้กระมังที่นี่ ข้าพเจ้าไม่ได้วิจารณ์ใครนะเป็นการกำลังบรรยายหลักการของฝ่าอยู่แต่ไหนแต่ไรมา ข้าพเจ้าไม่เคยพูดว่าใครนั่งขัดขาได้นาน ระดับชั้นของเขาก็สูงหรือเขาบำเพ็ญได้ดีอย่างไร อย่างไรหากเมื่อก่อนท่านเคยเรียนหลักพลังอย่างอื่นหรือเคยเต้นระบำ เล่นกีฬา เป็นต้นเดิมทีนั่งขัดขาไม่ปวดการขัดขาของท่านเหมือนกับเมื่อก่อนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนั่นก็ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้วละไม่อาจให้ต้าฝ่าเฉียดมาแล้วผ่านไปเฉยๆนะ หากไม่ศึกษาฝ่าอย่างแท้จริงก็จะไม่รู้คุณค่าของฝ่านี้ คนที่ขัดขาไม่ขึ้น ท่านก็อย่าร้อนใจ หากก่อเกิดเป็นจิตยึดติดชนิดหนึ่งแล้วก็คืออุปสรรค ค่อยๆ ไปฝึกขัดขา ฝึกขัดข้างเดียวก่อน ในที่สุดก็จะขัดขึ้นมาได้ คนที่อายุแปดสิบกว่า ไม่เคยขัดขามาก่อนก็ขัดขึ้นมาได้ ทำไมตนเองจะขัดขึ้นมาไม่ได้ ล้วนแต่ขัดขึ้นมาได้

ศิษย์ศิษย์ศึกษาฝ่ามาหลายปีรู้สึกว่ายังห่างไกลจากการมองความลี้ลับทั้งปวงได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

อาจารย์ที่จริงข้าพเจ้าขอบอกท่านคือคน ณ ชั้นผิวของท่านที่ยังบำเพ็ญได้ไม่ดีแต่คิดจะรู้เรื่องของเทพและในความคิดที่ยึดติดกับสิ่งเหล่านี้ก็คือทัศนคติที่ก่อเกิดหลังกำเนิดกับกรรมทางความคิดฉะนั้นจะให้สิ่งเหล่านี้รู้เรื่องของเทพได้อย่างไรกันละและท่านก็แยกแยะได้ไม่กระจ่างว่าความคิดที่ถูกต้องของตนเองที่แท้จริงแล้วคืออะไรเมื่อท่านอยู่ในขั้นตอนของการบำเพ็ญขณะที่อ่าน “จ้วนฝ่าหลุน”อยู่ในทันใดเมื่อเข้าใจหลักการหนึ่งของฝ่าได้ท่านก็อยู่ในระดับชั้นนั้นแล้วหาไม่แล้วหลักการระดับชั้นนั้นของฝ่าก็ไม่อาจเผยให้กับท่านได้เช่นนั้นเหตุใดจึงไม่สามารถจะรู้ได้ทั้งหมดในทันทีละเพราะด้านนี้ที่เป็นคน ของท่านที่บำเพ็ญยังไม่สำเร็จ ไม่อาจจะรู้เรื่องของเทพหรือพระพุทธแต่ด้านนั้นที่บำเพ็ญสำเร็จนั้นกลับถูกแยกออกไปแล้วท่านได้แต่ผ่านการศึกษาฝ่าจึงสามารถค่อยๆเข้าใจหลักการระดับชั้นที่สูงยิ่งขึ้นได้นี่ก็เป็นการเผยให้ท่านอย่างหนึ่งแล้วแต่ด้านนั้นที่บำเพ็ญสำเร็จแล้ว ในทันใดผู้บำเพ็ญก็จะบรรลุถึงมาตรฐานนั้นส่วนนั้นที่บำเพ็ญสำเร็จ ในทันใดก็เข้าใจหลักการทั้งหมดที่มีอยู่ในเขตแดนนั้นผู้ฝึกบางคนพอพบข้าพเจ้า หลายคนก็ถามคำถามออกมาไม่ได้คล้ายกับว่าไม่มีคำพูดอะไรจะพูดแล้วที่จริงพวกท่านก็เข้าใจอะไรได้หมดแล้วด้านนั้นที่บำเพ็ญสำเร็จแล้วพอพบกับข้าพเจ้า ในทันใดก็ตื่นตัวขึ้นมาแล้วเปลือกนอกของร่างกายคนที่ชั้นผิวซึ่งยังบำเพ็ญไม่สำเร็จก็เข้าใจแล้วแต่คนทางด้านนี้ที่ยังบำเพ็ญไม่สำเร็จ จะมีปัญหาที่จะถามอยู่ตลอดเวลาดังนั้น พอจากข้าพเจ้าไปในทันใดคนที่ชั้นผิวก็คิดปัญหาออกมาได้แล้วโอ้ ฉันมีปัญหา ทำไมไม่ถามอาจารย์นะคนจำนวนมากล้วนเป็นลักษณะอย่างนี้

ศิษย์ ตลอดมาสนใจวิจัยค้นคว้าเกี่ยวกับขั้นตอนการบำเพ็ญและเหตุปัจจัยที่กระทบต่อการบำเพ็ญฝอฝ่าให้ก้าวหน้าเพื่อกระตุ้นตนเองให้บำเพ็ญดียิ่งขึ้น
อาจารย์ ไม่มีอะไรต้องค้นคว้าวิจัยก็คือปัญหาจิตจิตยึดติดข้าพเจ้าได้บรรยายหลักการของฝ่าให้กับพวกท่านอย่างกระจ่างแจ้งมากแล้วในอดีตล้วนอาศัยการรับรู้ของคนทั้งนั้นแต่ข้าพเจ้าได้พูดมันออกมาแล้วในการศึกษาฝ่า อย่าได้มีจิตใจที่จะทำค้นคว้าวิจัยเมื่อพบกับปัญหาท่านก็ค้นหาปัญหาทางความคิดของท่านจะออกมาทางด้านนั้นอย่างแน่นอนทิ้งจิตยึดติดของท่านเสียรับรองว่าจะสามารถข้ามด่านนั้นได้ก็จะทำได้ดีและสามารถจะยกระดับขึ้นมาได้

ศิษย์มักจะร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นปรึกษาหารือด้วยกันกับคนที่รับรู้เข้าใจต่อฝ่าใกล้เคียงกับตนเองหรือมีวิธีรับรู้ปัญหาต่างๆเหมือนกัน ใช่ไหมว่าก็เป็นการยึดติดชนิดหนึ่ง

อาจารย์ นั่นต้องดูว่าพวกท่านที่ชอบพูดคุยกับผู้ฝึกที่มีความคิดใกล้เคียงกันนั้นมีใจคนอย่างอื่นๆอยู่หรือไม่หากไม่มี นั่นก็ไม่เป็นไรถ้ามีองค์ประกอบที่ไม่ดีนั่นอาจจะเป็นอุปสรรคในการก้าวหน้า

ศิษย์เวลาที่ประสบกับผู้ที่เข้าใจฝ่าต่างกันหรือมีวิธีรับรู้ว่าในเรื่องใดเรื่องหนึ่งต่างกันจะขจัดทัศนคติดั้งเดิมของตนและยกระดับขึ้นมาได้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไร
อาจารย์ผู้ที่บำเพ็ญท่านไม่อาจยกระดับขึ้นในระดับชั้นเดียวกันพร้อมกับคนอื่นดังนั้นท่านกับผู้ฝึกคนอื่นล้วนจะมีทัศนะที่ไม่เหมือนกันรับรู้ต่อหลักการของฝ่าต่างกันความเข้าใจที่ไม่เหมือนกันต่อฝ่าในระดับชั้นที่เล็กมากแต่ละชั้นของพวกท่านก็คือความแตกต่าง ผู้ฝึกแต่ละคนล้วนกำลังก้าวหน้าไปล้วนก้าวหน้าอยู่แต่ความเข้าใจต่อฝ่าอาจจะไม่เหมือนกันทั้งนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ตามเวลาที่พวกท่านทำอะไร รวมทั้งทำงานของต้าฝ่าต้องพยายามยึดถือต้าฝ่าเป็นสำคัญถือการยืนยันความถูกต้องของฝ่า ช่วยเหลือสรรพชีวิตเป็นสำคัญ ถือการปกป้องต้าฝ่าเป็นรากฐานทางความคิดอันดับแรก ถ้าหากพฤติกรรมในการเผยแพร่ฝ่ากับคนธรรมดาสามัญ จะให้คนธรรมดาสามัญสามารถเข้าใจต้องแสดงออกโดยปฏิบัติตามหลักการชั้นผิวที่สุดของฝ่าหลักการของฝ่าที่สูงยิ่งขึ้นที่ตนเองรับรู้ได้หรือบำเพ็ญได้สูงอย่างไรที่จริงนั้นท่านก็พูดออกมาไม่ได้เพียงแต่รับรู้ได้ด้วยใจและไม่อาจใช้หลักการที่เหนือสามัญวิสัยไปทำงานกับคนธรรมดาสามัญแต่ก็ไม่อาจปนเปกับคนธรรมดาสามัญ

ศิษย์ท่านอาจารย์เคยพูดว่าร่างชีวิตของบรรดามิติทั้งหลายล้วนไม่มีร่างกายนี้ของพวกเราคนธรรมดาสามัญ อาจารย์ถูกต้องล้วนไม่มีร่างกายของคนที่ประกอบด้วยโมเลกุลระดับชั้นนี้แต่ในระดับที่ไม่สูงมากนอกสามภพมีกรณีที่เป็นพิเศษซึ่งมีจำนวนน้อยมากที่มีสภาพการณ์นี้

ศิษย์ดังนั้นจึงไม่เจ็บป่วยและไม่มีปัญหาการเกิด แก่ เจ็บ ตายและไม่มีความเจ็บปวดชนิดนี้แล้วคนในมิติอื่นสามารถลอยขึ้นมาไม่มีหนักหรือเบาช่างงดงามมากเช่นนั้นทำไมคนที่ตายแล้วและถอดเปลือกชั้นนี้ของกายเนื้อคนแล้วแต่พวกเขายังเจ็บปวดได้ละ
อาจารย์เพราะคนเมื่อตายแล้วไม่ได้ออกไปจากสามภพคนที่อยู่ในสามภพนั้น ล้วนแต่เรียกว่าคนนะล้วนแต่เป็นทุกข์เพียงแต่ยิ่งสูงขึ้นไปในสามภพ เขาก็ดีกว่าระดับชั้นที่ต่ำกว่าเขาอยู่สักหน่อยคนบนโลกยังไม่นับว่าเป็นทุกข์ที่สุดที่จริงยังมีพวกที่ต่ำกว่าคนและยังมีนรกที่ต่ำกว่านรกลงไปอีกก็ยังมีมากนักคนเมื่อเปรียบกับเทพก็นับว่าทุกข์ยากที่สุดปัญหาการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ในสามภพล้วนแต่คงอยู่ยังไม่ใช่แค่คนจิตหลักทั่วไปของคนเมื่อออกจากร่างกายคนไปก็ไม่ได้หลุดพ้นไปจากสามภพเขายังคงอยู่ในสามภพหลังจากตายแล้วก็ไปเกิดใหม่ข้างบนในสามภพ ระดับชั้นต่างๆที่สูงกว่าคนความทุกข์จะน้อยกว่าคนมากถ้าเขายังต่ำกว่าคนแล้วในระดับชั้นที่ต่ำกว่าคน เช่นนั้นความยากลำบากของเขานั้นย่อมมากกว่าคนคนในแต่ละระดับชั้นภายในสามภพล้วนเรียกรวมๆว่าคนแต่คนบนสวรรค์เรียกคนบนโลกของเราว่าคน เรียกคนบนสวรรค์ว่าชาวสวรรค์

ศิษย์ศิษย์นานกิงฝากสวัสดีท่านอาจารย์ อาจารย์ขอบใจทุกท่าน(เสียงปรบมือ)

ศิษย์ผู้ฝึกทั้งหมดของเซินเจิ้นฝากสวัสดีท่านอาจารย์ อาจารย์ขอบใจทุกท่าน(เสียงปรบมือ)

ศิษย์หนึ่งปีก่อนผมได้สัมผัสกับต้าฝ่าผมรู้สึกว่าดีมากแต่ผมเชื่อถือศาสนาไม่อยากทิ้งมันตามข้อกำหนดของต้าฝ่าสมควรยึดแนวทางเดียวผมยากที่จะเลือกระหว่างต้าฝ่ากับศาสนา เรียนถามว่าจะทำอย่างไรดี
อาจารย์เรื่องนี้ลองถามตัวเองดูจะดีกว่าคิดจะเลือกอะไร ตัวเองเป็นคนกำหนดแต่ในหลักการของฝ่าข้าพเจ้าได้พูดอย่างชัดเจนแล้วทางนั้นแม้เป็นการเดินด้วยตัวพวกท่านเอง แต่ข้าพเจ้าก็นำเหตุการณ์ที่เป็นจริงในวงการบำเพ็ญบอกกับพวกท่านแล้วในปีนั้นที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดพลังอยู่ในประเทศจีนพอข้าพเจ้าทางฝั่งนี้เริ่มการบรรยายเช่นนั้นรับรองได้ว่า ในสถานที่ใกล้ๆกับข้าพเจ้าอาจารย์ชี่กงปลอมคนหนึ่งก็เริ่มเปิดการบรรยายด้วยคนเองตัดสินใจเลือกสิ่งที่ถูกต้องหรือจะเอาสิ่งนอกรีตวันนี้พวกเรากำลังเปิดฝ่าฮุ่ยเช่นนั้นก็มีองค์กรศาสนาอะไรเปิดประชุมอะไรอยู่ทางฝั่งโน้นด้วยมิใช่หรือถึงอย่างไรอิทธิพลที่ชั่วร้ายก็ใช้หลักการเสริมและต้านซึ่งกันและกันมารบกวนการได้รับการช่วยเหลือของชาวโลกดูไปเหมือนกับว่าคนได้ฝ่ากันง่ายๆที่จริง ไม่ง่ายเลยขณะนี้ศาสนาที่ถูกต้องล้วนไม่มีเทพดูแลแล้วคนในศาสนาล้วนกำลังต่อสู้กันเพื่อทรัพย์สินเงินทองและฐานะทำไมคนเชื่อศาสนา จึงเป็นปัญหาที่ใหญ่เหตุผลเหล่านี้ข้าพเจ้าได้พูดไว้ชัดเจนแล้วจะเชื่อหรือไม่เชื่อ และจะเลือกอะไรนั่นเป็นเรื่องของท่านเองท่านคิดจะบำเพ็ญอะไรก็ไปบำเพ็ญอะไรท่านไม่คิดจะบำเพ็ญ ท่านก็ไม่ต้องบำเพ็ญข้าพเจ้าที่นี่ดูแต่ใจคนไม่มีสิ่งใดๆที่เป็นรูปแบบ

ศิษย์เวลาที่ศิษย์ต้าฝ่าสำเร็จสมบูรณ์จะมีสองสภาพการณ์ทางด้านร่างกายชนิดหนึ่งคือร่างกายจะถูกสสารพลังงานสูงแทนที่อีกอย่างคือหยวนอิงแทนที่ร่างกายการเข้าใจอย่างนี้ถูกหรือไม่
อาจารย์ วันนี้ข้าพเจ้าจะให้สิ่งที่ดีที่สุดกับพวกท่าน แต่ว่าสภาพการณ์ของแต่ละคนไม่เหมือนกันบางคนนั้น จะให้กายเนื้อแก่เขาเขากลับไม่ต้องการนะเพราะพอเขากลับไปถึงโลกของเขาหากนำกายเนื้อกลับไปเทพที่นั่นจะรู้สึกว่าแปลกๆเขาจึงไม่ต้องการเช่นนั้นอาจมีผู้ฝึกบางคนคิดว่า อะไรๆฉันก็ต้องการหมดที่จริงสำหรับสิ่งเหล่านี้ พวกท่านกำลังใช้ความคิดของคนคิดอยู่เมื่อท่านเข้าใจได้แล้วเมื่อเปิดการรับรู้แล้วจะไม่มองอย่างนี้อีกเลยเพราะในเวลานั้นพวกท่านจะไม่มีความคิดของคนจะพิจารณาปัญหาต่างๆโดยยืนอยู่ในเขตแดนนั้นแล้วการบำเพ็ญของต้าฝ่านั้น ที่จริงอะไรก็สามารถจะบำเพ็ญออกมาได้ผู้ฝึกต้องการอะไรก็จะมีอะไรเพราะนี่คือฝ่าที่เป็นมูลฐานของจักรวาล

ศิษย์เทพพิทักษ์ฝ่าของศิษย์อาจารย์เป็นผู้จัดให้ทั้งหมดใช่หรือไม่
อาจารย์การบำเพ็ญฝ่าที่ถูกต้องจะมีอาจารย์เหล่าเทพและทหารสวรรค์คอยคุ้มครองแต่อย่าใช้คำศัพท์และแนวคิดในศาสนาอื่นเช่นนั้นจะมีองค์ประกอบที่ไม่บริสุทธิ์ติดอยู่อย่าว่าแต่พวกท่านที่บำเพ็ญต้าฝ่าแม้แต่คนที่สวมเสื้อผ้าสกปรกมอมแมเลอะเทอะหนีบผ้าห่มขาดๆขยุ้มหนึ่งทั้งเดินไปถึงไหนก็นอนตรงนั้นท่านเห็นว่าเขาเป็นขอทานแต่รอบตัวเขานั้นมีมังกรสวรรค์ แปดอสูรฟ้าพิทักษ์ฝ่า คนรู้ไหมว่าเขาเป็นใครคนก็ไม่รู้ คนก็คือใช้สายตาของคนมองดูปัญหา ทำไมผู้ฝึกบางคนพอบำเพ็ญก็ใจกล้าขึ้นมา ที่ผ่านมาไม่กล้าเดินในความมืด หลังจากบำเพ็ญต้าฝ่าแล้วก็กล้าเดินสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มีเหตุผล
ศิษย์ผู้ฝึกเจียงซีจิ่งเต๋อเจิ้นทั้งหมดฝากสวัสดีท่านอาจารย์ อาจารย์ขอบใจทุกท่าน

ศิษย์ได้รับสวัสดิการผู้พิการในหมู่คนธรรมดาสามัญหลังจากได้ฝ่าแล้วไม่สามารถรับสวัสดิการอย่างนี้อีกใช่หรือไม่ผมกลัวว่าหากรับสวัสดิการชนิดนี้ก็จะชดใช้กรรมไม่หมด
อาจารย์ปัญหานี้ต้องมองจากสองด้านหากท่านเป็นคนพิการคนหนึ่งพูดว่าท่านไม่สามารถทำงาน ไม่มีรายได้และประเทศนี้ก็มีนโยบายอย่างนี้ข้าพเจ้าเห็นว่าสามารถรับได้เพราะข้าพเจ้าบอกให้ท่านบำเพ็ญโดยสอดคล้องกับสังคมคนธรรมดาสามัญให้มากที่สุดข้าพเจ้าก็ไม่มองรูปแบบเหล่านี้มองแต่ใจคนปัจจุบันสังคมมนุษย์ก็เป็นอย่างนี้กฎหมายกำหนดเอาไว้อย่างนี้แล้วสังคมยินยอมให้กับท่านเช่นนั้นในจุดนี้พวกท่านก็ทำให้สอดคล้องกับมันให้มากที่สุดก็แล้วกันหากความพิการนี้หายได้แล้วโดยผ่านการบำเพ็ญต้าฝ่าและท่านยังรับสวัสดิการชนิดนี้ท่านไม่บอกรัฐบาลนั่นก็เป็นปัญหาซินซิ่งก็พิจารณากันอย่างนี้ยังมีการช่วยเหลือในชื่ออื่นๆอีกพวกท่านเพียงแต่รับโดยสอดคล้องกับเงื่อนไขของสังคมคนธรรมดาสามัญก็ไม่มีปัญหา

ศิษย์ขณะที่ฝึกพลังปรากฏกรรมทางความคิดหรือการรบกวนของสื่อสัญญาณอื่นยังไม่ทันที่ผมจะขจัดไปมันก็สะท้อนออกมาจนหมดไปแล้ว
อาจารย์เกิดขึ้นเร็วมากจนตอบสนองกลับไม่ทันนี่ไม่ใช่บำเพ็ญได้ไม่ดีหากทราบว่าเป็นสิ่งผิดแต่ปล่อยให้มันสะท้อนออกมาก็คือไม่บำเพ็ญตนเองหากทางด้านพฤติกรรมปล่อยให้มันควบคุมนั่นก็คือคนธรรมดาสามัญที่จริงเมื่อท่านสำนึกได้ท่านสามารถสำนึกได้ว่ามันไม่ใช่ตนเองเมื่อสำนึกได้ว่าความคิดชนิดนี้ไม่ถูกต้อง ที่จริงท่านก็กำลังขจัดมันอยู่ปกติเวลาศึกษาฝ่ารากฐานที่วางไว้แน่นหนาขึ้นอีกสักหน่อยก็จะดีขึ้นมากคนธรรมดาสามัญที่ไม่บำเพ็ญจะสำนึกถึงสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เลยพวกเขาเข้าใจว่าความคิดทั้งหมดล้วนเป็นตัวพวกเขาเองทั้งสิ้นสุดท้ายทัศนคติต่างๆที่ก่อเกิดขึ้นในหมู่คนธรรมดาสามัญก็ควบคุมคนทำสิ่งต่างๆทั้งหมดแต่คนกลับเข้าใจว่าตัวพวกเขาเองเป็นผู้ทำในเวลานั้นตัวคนเองถูกกลบฝังจนหมดแล้วปิดคลุมจนมิดไม่สามารถก่อผลอะไรเลยไม่ใช่ตัวคนเองแล้วจริงๆปัจจุบันคนในสังคมล้วนดำรงชีวิตกันอย่างนี้พวกเขายังรู้สึกว่าผู้คนยังยกย่องว่าเขายอดเยี่ยมคนๆนี้ไม่ยอมเสียเปรียบง่ายๆไม่ยอมหลงกลใครง่ายๆคนๆนี้มีความสามารถมีประสบการณ์ชีวิตโชกโชนถ้าให้ข้าพเจ้าพูด เขาคือพวกโง่เหลือหลายชั่วชีวิตนี้ของเขาไม่ได้มีชีวิตของตัวเองเลยเขามอบให้สิ่งอื่นดำเนินชีวิตแทนเขา ร่างกายของเขาถูกสิ่งอื่นควบคุมแล้ว

ศิษย์แม้ว่าผมเลือกวิธีแยกแยะตัวตนของผมให้ชัดเจนแต่ก็ยังไม่อาจระงับได้ทั้งหมด
อาจารย์ถ้าเพียงท่านพูดว่าฉันไม่เอาแกมันก็ตายแล้วนั่นก็เร็วเกินไปแล้วในเวลาที่ท่านสามารถแยกแยะมันได้ชัดเจนท่านเองก็เข้มแข็งขึ้นมาแล้วท่านเองก็ตื่นขึ้นรับรู้อยู่ท่านเองก็กำลังฝ่าวงล้อมของมันออกไปเข้มแข็งยิ่งขึ้นเรื่อยๆมันก็ยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆสลายไปมากขึ้นเรื่อยๆสุดท้ายดับสลายไปสิ้น ต้องเป็นขั้นเป็นตอน

ศิษย์จะนำสิ่งที่ไม่ดีมาสู่พลังได้หรือไม่
อาจารย์ไม่เพราะความคิดที่ถูกต้องของท่านกำลังก่อผลถ้าไม่ระวังจะถูกเจาะช่องว่างแต่พลังจะไม่ถูกมันรบกวนเพราะอาจารย์ดูแลอยู่ศึกษาฝ่าให้มากรักษาความคิดที่ถูกต้องไว้เมื่อพบกับปัญหาก็สามารถค้นหาตัวเอง ตรวจหาปัญหาของตนมันก็จะกลัวจนลนลานแล้วมันก็รู้ว่าพอตัวมันเองถูกเผยออกมาก็จะถูกสลายไปจบสิ้นแล้ว

ศิษย์หากในระหว่างที่มีชีวิตอยู่แต่บำเพ็ญไม่สำเร็จสมบูรณ์สามารถจะนำกรรมติดตัวไปได้หรือไม่ไปบำเพ็ญต่อในโลกฝ่าหลุนเหมือนกับโลกสุขาวดี
อาจารย์จักรวาลกำลังปรับฝ่าให้ถูกต้องร่างนภากำลังก่อตั้งขึ้นใหม่หลังการปรับฝ่าให้ถูกต้องแล้วทุกสิ่งก็จะดีที่สุดสิ่งที่ไม่ได้มาตรฐาน จะไม่อาจเป็นชีวิตในระดับชั้นนั้นที่มีมาตรฐานที่สูงได้มาตรฐานอยู่ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้นที่จริงข้าพเจ้าขอบอกทุกท่านในอดีตโลกสุขาวดีมีสภาพการณ์อย่างนี้อยู่จริงแต่หลังการปรับฝ่าให้ถูกต้องก็ยากจะพูดได้แล้วการนำกรรมติดตัวไปนั้นไม่ใช่สภาพการณ์ชนิดนั้นที่คนคาดคิดกันนั่นเป็นการแปลงเป็นอารมณ์(ฉิง)ของคน เป็นความชอบของคนคนได้แปลงมันเป็นความรู้สึกของคน อะไรคือการนำกรรมติดตัวไปนะหรือข้าพเจ้าขอบอกทุกท่านผู้ที่สามารถนำกรรมติดตัวไปนั้นที่จริงเมื่อเขามีความแน่วแน่และความศรัทธา เขาก็บรรลุถึงมาตรฐานแล้วด่านที่คนผ่านได้ยากที่สุดซึ่งในการบำเพ็ญต้องก้าวออกไปจากด่านนั้น ก็คือการปล่อยวางความเป็นความตายแน่ละไม่แน่ว่าแต่ละคนล้วนต้องทดสอบท่านในขณะเผชิญกับความเป็นความตายแต่ก็ไม่ใช่จะตัดประเด็นนี้ออกไปเสียทั้งหมดแต่ละคนเมื่อเผชิญกับด่านของทุกข์ภัยที่ใหญ่ที่สุดกับที่ยึดติดมากที่สุดแล้วสามารถปล่อยวางได้หรือไม่ที่จริงก็ล้วนกำลังทดสอบว่าคนจะสามารถก้าวออกมาจากก้าวนี้ได้หรือไม่หากปล่อยวางความเป็นความตายได้ก็คือเทพหากปล่อยวางความเป็นความตายไม่ได้ก็คือคนแน่ละเมื่อท่านสามารถปล่อยวางความเป็นความตายได้ไม่ได้หมายความว่าท่านต้องไปตายสิ่งที่บำเพ็ญคือการละทิ้งใจคนในขณะที่คนกำลังจะตายนั้น ในความคิดไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวความตายแบบนั้นโดยสิ้นเชิงคนธรรมดาสามัญสามารถทำได้ไหมจะต้องตายเดี๋ยวนี้แล้วความรู้สึกอันนั้นเป็นอย่างไรละถ้าไม่มีรากฐานการบำเพ็ญ กับรากฐานทางความคิด เขาจะทำได้หรือคนที่ไม่กลัวความตายแม้แต่น้อยเมื่อใกล้จะตายปากเขายังคงท่องพระพุทธและไม่เพียงไม่กลัวท่องพระพุทธจนตัวเองยังเกิดความคิดที่ยินดีชนิดหนึ่งและจากไปโดยมีความยินดีต่อพระพุทธชนิดนี้ท่านว่าคนๆนี้จะตกนรกได้ไหมเพราะว่าเขามีความคิดที่ถูกต้องอันแน่วแน่จึงปล่อยวางความเป็นความตายได้นี่ไม่ใช่พฤติกรรมของคนแล้วคนนั้นมีที่ไหนจะไม่กลัวตายฉะนั้นเมื่อปากของเขาท่องพระพุทธอยู่พระพุทธนั้นก็มองเห็นคนแบบนี้พระองค์จะไม่รับเขาไปหรือแน่ละเขายังมีกรรมอยู่เขาไม่ได้ก้าวหน้าในการบำเพ็ญใช่ไหมเขายังมีจิตที่ไม่ได้ทิ้งไปจะทำอย่างไรได้ละก็นำเขาไปที่ที่ใกล้ๆกับโลกสุขาวดีอยู่ที่นั่นบำเพ็ญต่อไปอีกบำเพ็ญมันกี่หมื่นปี กี่แสนปีจนบรรลุมาตรฐานแล้วค่อยไปโลกสุขาวดีทำไมต้องบำเพ็ญนานอย่างนั้นละเพราะที่นั่นไม่ทุกข์ยากแล้วใช่ไหมไม่ทุกข์ยากจึงบำเพ็ญได้ช้าที่นี่ของคนทำไมบำเพ็ญได้เร็วละชาติหนึ่งไม่กี่สิบปีก็บำเพ็ญสำเร็จแล้วแต่ศิษย์ต้าฝ่าของข้าพเจ้ายิ่งเร็วกว่าเนื่องจากคนที่นี่ทุกข์ยากทุกท่านล้วนเกิดมาจากท้องแม่ ในระหว่างกันและกันก็เป็นเช่นนี้ทั้งนั้นไม่มีความทุกข์ยากมาเปรียบเทียบผู้คนจึงไม่รู้สึกว่าทุกข์ยากที่จริงในสายตาของเทพ คนนั้นทุกข์ยากมากการบำเพ็ญต้าฝ่าจะไม่เปล่าประโยชน์ในช่วงของการบำเพ็ญส่วนบุคคลบางคนก็ไม่ก้าวหน้าหรือเขาไม่ก้าวหน้าพอการรับรู้ด้อยไปบ้างพอหมดอายุขัยก็นับว่าท่านได้รับอะไรบ้าง และได้รับการจัดวางอย่างหนึ่งหากปรารถนาจะกลับมาในโลกบำเพ็ญต่อเช่นนั้นสิ่งต่างๆที่บำเพ็ญจะไม่หายไปไม่ได้ฝึกโดยสูญเปล่าจะนำติดตัวกลับชาติไปเกิดกลับชาติไปเกิดแล้วบำเพ็ญต่อจะมีสภาพการณ์นี้เช่นนั้นบางคนเมื่อเห็นว่าเขาไม่อาจบำเพ็ญได้แล้วเช่นนั้นภพต่อไปก็จะจัดวางให้เขาได้โชคลาภตอบสนองเพราะเขาได้ทนทุกข์แล้วทุ่มเทแล้วสิ่งต่างๆที่ได้รับมันไม่สามารถกลายเป็นมรรคผลถูกต้องแต่สามารถผันแปรมันให้กลายเป็นโชคลาภชาติหน้าเป็นข้าราชการใหญ่มีทรัพย์สินมากมายแน่ละนี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญแสวงหากันเขาไม่อาจบำเพ็ญต่อได้แล้วนั่นก็ต้องเป็นเช่นนี้

แต่ยังมีอยู่จุดหนึ่งหากลูกคนหนึ่งของผู้ฝึกบำเพ็ญสำเร็จสมบูรณ์แล้วเขาก็บำเพ็ญแล้ว แต่บำเพ็ญไม่สำเร็จสมบูรณ์ลูกของเขาบำเพ็ญสำเร็จสมบูรณ์แล้วข้าพเจ้าคิดว่าลูกของเขาคงจะรับเขาไปเป็นสรรพชีวิตในโลกของลูกเขาแต่ไม่มีมรรคผลเขาถือว่าเป็นสรรพชีวิต ซึ่งก็คือพลเมืองในโลกของพระพุทธก็มีสรรพชีวิตอื่น แต่เขาไม่ใช่คนบนโลกชนิดนี้ที่สกปรกนั่นต้องบรรลุมาตรฐานของชาวสวรรค์ในเขตแดนนั้น

ศิษย์ศิษย์เมืองฉางชุนฝากสวัสดีท่านอาจารย์ที่เคารพอย่างสูง อาจารย์ขอบใจทุกท่าน(เสียงปรบมือ)

ศิษย์การยึดติดต่อ“ฉัน”คือจิตหนึ่งที่ทิ้งไปได้ยากที่สุด
อาจารย์ นั่นแน่นอนละแต่ละคนมีชีวิตอยู่บนโลกเขาก็ล้วนแต่เพื่อตัวเองใช่ไหมจากนั้นจึงเกิดจิตที่เห็นแก่ตัวมากมายเมื่อเห็นแก่ตัวแล้วก็ง่ายที่จะถูกฉิงชักนำทุกหนแห่งที่แสดงออกมาในการบำเพ็ญล้วนยากที่จะตัดหรือละได้เมื่อบำเพ็ญขึ้นมาจึงยากจะปล่อยวางจิตยึดติดบางครั้งเมื่อทำงานเพื่อต้าฝ่าก็แสดงออกซึ่งจิตยึดติดในการปกป้องบทบาทของตนเองปกป้องชื่อเสียงของตนเองเอยปกป้องสิ่งที่ตนชอบที่แสดงออกมาในคนธรรมดาสามัญก็ยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีกตัวเองอยากเป็นข้าราชการเอยชอบสรรเสริญบรรพบุรุษชอบให้ผู้คนพูดว่าตนเองดีเอยอยากร่ำรวยเอยอยากสูงส่งกว่าคน เป็นต้นการปกป้องความชอบของตนก็คือแสดงออกของฉิงกับทำเพื่อตัวเองดังนั้นจึงยากจะทิ้งไปได้ต้องปฏิบัติต่อทุกคนด้วยจิตเมตตาเมื่อประสบกับปัญหาให้หาสาเหตุที่ตนเองไหนเลยจะเกรงว่าคนอื่นด่าว่าพวกเราตีพวกเราพวกเราก็ต้องค้นหาที่ตัวเองใช่หรือไม่ว่าตนเองมีตรงไหนที่ไม่ดีนี่จึงจะค้นพบสาเหตุที่แท้จริงของความขัดแย้งและเป็นวิธีขจัดทิ้งการยึดจิตในความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ตนที่ดีที่สุดทำใจให้กว้างจนสามารถอภัยให้กับทุกคนในระหว่างการบำเพ็ญส่วนบุคคลรวมทั้งอภัยให้กับศัตรูของท่านเพราะว่า บรรดาผู้ที่ท่านเรียกว่าศัตรูนั้นคือสิ่งที่คนแบ่งแยกออกมาว่าเป็นศัตรู เป็นการแบ่งเพื่อผลประโยชน์ของคนหาใช่พฤติกรรมของเทพไม่ดังนั้นข้อกำหนดจึงสูงเทพจะถือว่าคนเป็นศัตรูได้อย่างไรละเช่นนั้นในระหว่างการบำเพ็ญของเราเมื่อประสบกับเรื่องอะไรจึงต้องคิดถึงผู้อื่นก่อนเสมอเมื่อฉันได้ของของคนอื่นก็ต้องคิดถึงคนอื่นว่าเขาเสียของนี้ไปแล้วจะเป็นการให้ร้ายอะไรเขาหรือไม่ใช่ไหมว่าเขานั้นลำบากใจมากไม่ว่าเรื่องอะไรล้วนต้องคิดถึงคนอื่นคำนึงถึงคนอื่นจากนั้นค่อยคิดถึงตนเองข้าพเจ้านั้นก็ต้องการให้พวกท่านบำเพ็ญให้สำเร็จสมบูรณ์กลายเป็นผู้รู้แจ้งที่ถูกต้องในฝ่าที่ถูกต้องโดยมีความคิด เขาก่อนฉันทีหลังนี่ก็เป็นการทิ้งความเห็นแก่ตัวจึงจะสามารถละทิ้ง“ตัวฉัน”ส่วนนั้นของพวกท่านที่บำเพ็ญสำเร็จรับรองว่าจะเป็นเหมือนที่ข้าพเจ้าเพิ่งพูดไปอย่างนี้ล้วนเป็นอย่างนี้ดังนั้นเมื่อมองจากทางด้านนี้ของพวกท่านเมื่อพวกท่านประสบกับปัญหาแล้วสามารถค้นหาสาเหตุของตนได้คิดถึงคนอื่นให้มากบำเพ็ญตนเองค้นหาจากภายในมองความไม่ดีของคนอื่นให้น้อยทุกเรื่องราวหากสามารถทำตามที่ข้าพเจ้าพูดได้พวกท่านก็ก้าวหน้าอยู่อย่างแท้จริงแล้ว

ศิษย์หลายปีมานี้ผมเข้าร่วมกับศาสนกิจของวัดพุทธหลังจากศึกษาฝ่ารู้สึกว่าขัดกันไม่รู้ว่าจะปฏิบัติต่อมันอย่างไรผมรู้ว่าผมควรปล่อยวางจิตยึดติดแต่ยากที่จะละวางความรับผิดชอบของผมเรียนเชิญชี้แนะว่าผมควรปฏิบัติอย่างไร อาจารย์ ที่จริง ง่ายมากเหลือเกินทำไมท่านปล่อยวางไม่ลงละท่านบอกว่าที่ท่านวางไม่ลงคือความรับผิดชอบนั่นเป็นมาตรฐานของคนธรรมดาสามัญนั่นเกี่ยวข้องอะไรกับการบำเพ็ญหรือคือท่านปล่อยวางฉิงนั้นของคนธรรมดาสามัญไม่ลงความรับผิดชอบนี้คือสิ่งที่พระพุทธใส่ใจหรือเช่นนั้นท่านรับผิดชอบต่อใครกันรับผิดชอบต่อศาสนาหรือความรับผิดชอบของท่านสามารถทำให้คนเขาสำเร็จสมบูรณ์ได้ไหมและความรับผิดชอบของท่านนั้นสามารถทำให้ท่านสำเร็จสมบูรณ์ได้ไหมเมื่อสำเร็จสมบูรณ์ไม่ได้แล้วท่านยึดติดมันทำไมกันท่านไม่ต้องรับผิดชอบต่อการสำเร็จสมบูรณ์ของท่านเองหรือท่านทำเพื่อความรับผิดชอบของท่านยึดติดชั่วชีวิต เดินเฉียดต้าฝ่าแล้วผ่านไปหรือว่าคว้าโอกาสนี้ไว้ให้มั่นอย่างแท้จริงรับผิดชอบต่อการบำเพ็ญของตนเองอย่างแท้จริงและแสวงหาการสำเร็จสมบูรณ์อย่างแท้จริงละนี่ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายมากหรือการทำเรื่องที่มีความหมายมั่นนั้นเขาย่อมสำเร็จสมบูรณ์ไม่ได้อย่างแน่นอนถึงท่านจะบำเพ็ญอยู่ในวัดนั้นความรับผิดชอบดังว่าชนิดนั้นของท่านจิตชนิดนี้ไม่ทิ้งไปพระพุทธเห็นแล้วไม่สบายใจท่านอย่าเข้าใจว่าท่านรับผิดชอบอะไรอยู่ในนั้นแล้วพระพุทธก็จะถือว่าท่านได้มาตรฐานแล้วพระพุทธนั้นไม่ยอมรับศาสนายอมรับแต่ใจคนศาสนาคือสิ่งที่คนตั้งขึ้นมาปีนั้นพระเยซูไม่ได้ตั้งศาสนาปีนั้นองค์ศากยมุนีก็ไม่ได้ตั้งศาสนายอมรับแต่เพียงใจคนที่บำเพ็ญแน่ละเมื่อผู้บำเพ็ญอยู่ด้วยกัน ก่อเกิดเป็นสภาพแวดล้อมหนึ่งของการบำเพ็ญขึ้นมานั่นก็ยิ่งดีนั่นเป็นการถือเอาการบำเพ็ญสำเร็จสมบูรณ์ได้มรรคผลที่ถูกต้องเป็นเรื่องอันดับแรกส่วนการยึดติดกับสภาพแวดล้อมยึดติดกับองค์กรศาสนาเองนั่นมิใช่ความหมายมั่นหรือบางคนคิดว่าฉันสร้างวัดเท่าไรแล้ว ฉันสร้างพระพุทธรูปกี่องค์แล้วฉะนั้นในอนาคตฉันควรสำเร็จสมบูรณ์ได้ข้าพเจ้าว่าสำเร็จสมบูรณ์ไม่ได้ในหมู่คนธรรมดาสามัญมีคนมากมายก็สร้างพระพุทธรูปอะไรก็ไม่ใช่เป็นแค่การงานนั่นเป็นความหมายมั่นหลักธรรมแห่งความหมายมั่นนั้นดั่งภาพเพ้อฝันนี่คือสิ่งที่องค์ศากยมุนีตรัสหากความคิดของท่านไม่ยกระดับขึ้นจริงๆถ้าคนธรรมดาสามัญคนหนึ่งในสมองเต็มไปด้วยกรรมทางความคิดตลอดเวลาสะท้อนความคิดที่ไม่ดีออกมาแล้ววางเขาไว้ตรงที่พระพุทธอยู่นั้นก็จะเหมือนขยะกองหนึ่ง วางอยู่ตรงหน้าเทพ พระพุทธนี่จะยอมให้ได้หรือย่อมไม่อาจยอมให้อย่างเด็ดขาดดังนั้นในการบำเพ็ญ ทุกท่านจึงต้องทิ้งสิ่งสกปรกเหล่านี้ไปสิ่งที่ไม่ดีบรรลุถึงร่างกายที่บริสุทธิ์ความคิดที่สะอาดและความคิดในเขตแดนชั้นสูงกว่าท่านจึงสามารถไปที่นั่นได้ถ้ายังสละสิ่งเหล่านี้ไปไม่ได้ปล่อยวางเรื่องที่เป็นความหมายมั่นเหล่านี้ไม่ได้นั่นมิใช่ช่างโง่เขลาหรอกหรือ

ศิษย์ท่านยังจะบรรยายฝ่าอีกกี่ปี อาจารย์ตลอดไปจนจบสิ้นฝ่าปรับโลกมนุษย์

ศิษย์ในหนังสือความนัยของคำว่า “คน”“มนุษย์”“คนธรรมดาสามัญ” ไม่เหมือนกันใช่ไหม

อาจารย์เหมือนกันเพียงเป็นการใช้ในสถานที่ที่ต่างกันความนัยเหมือนกันคนธรรมดาสามัญก็คือคนที่จริงในระดับชั้นที่สูงกว่ายังรวมถึงชาวสวรรค์ก็คือชาวสวรรค์ในสามภพมนุษย์ นั่นก็คือคนผู้ที่ไม่ได้บำเพ็ญก็เป็นคน

ศิษย์หลักการที่เหนือสามัญวิสัยที่รับรู้ได้ในขั้นตอนการบำเพ็ญไม่ทราบว่าถูกต้องหรือไม่จะทำอย่างไรดี
อาจารย์เมื่อรับรู้ได้ถึงหลักการที่เหนือสามัญวิสัย ย่อมจะเป็นความรู้สึกที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นความรู้สึกของการยกระดับขึ้นของความคิดที่ถูกต้องที่มีความสอดคล้องกับหลักการของฝ่าซึ่งได้แต่รู้ได้ด้วยใจคนโบราณพูดถึงการซาบซึ้งในใจ ในความคิดของตัวเข้าใจได้แล้วแต่ยากมากที่จะใช้ภาษาคนพูดออกมาก็ไม่ใช่รสชาตินั้นแล้ว เพราะอะไรละก็เพราะหลักการของระดับชั้นสูงนั้น ได้แต่ใช้ความคิดและภาษาในระดับชั้นสูงเท่านั้นไปพูดดังนั้นในด้านพฤติกรรมของเหล่าผู้ฝึก จึงไม่อาจใช้พฤติกรรมที่สูงกว่าคนที่รับรู้ได้ในระดับชั้นสูงไปพูดกับคนธรรมดาสามัญคนก็คือคนไม่อาจเข้าใจหลักการและพฤติกรรมในระดับชั้นสูงกว่าคนได้

ไปบำเพ็ญโดยปฏิบัติให้สอดคล้องมากที่สุดกับสภาพการณ์ของสังคมคนธรรมดาสามัญหลักการของฝ่าที่สูงยิ่งขึ้นซึ่งท่านรับรู้ได้นั้นนั่นคือท่านกำลังยกระดับขึ้นในระหว่างการบำเพ็ญโดยไม่ให้ท่านแสดงสภาพการณ์เหล่านั้นออกมาในสังคมคนธรรมดาสามัญเมื่อท่านที่ฝั่งนี้เข้าใจหลักการของฝ่าแล้วส่วนการเปลี่ยนแปลงในมิติอื่นนั้นยิ่งใหญ่มากร่างกายท่านส่วนนั้นที่ประกอบด้วยอณู ณ ระดับจุลทรรศน์นั้นเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาจะรุนแรงมากและในทันใดก็เข้าใจหลักการของฝ่าในระดับชั้นนั้นได้ทั้งหมด

ศิษย์วัตถุสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิตในอีกมิติที่มองเห็นในระหว่างที่บำเพ็ญจะตัดสินได้อย่างไรว่าพวกเขาดีหรือไม่ดี
อาจารย์สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นบำเพ็ญนั้นยากจะตัดสินได้ไม่อาจแยกแยะได้โดยง่ายและมีเทพในมิติชั้นสูงมากมายที่หลบหนีการปรับฝ่าให้ถูกต้องลงมายังมีมิติต่างๆในสามภพซึ่งมีเทพมากมายที่ไม่รู้เรื่องราวในเขตแดนที่สูงกว่าของเขาดังนั้นพวกเขาก็อยู่ในวังวนที่แน่นอนระดับหนึ่งฉะนั้นการแสดงออกของพวกเขา กล่าวสำหรับคนแล้วจึงค่อนข้างดีงามเมื่อมองดูโดยคนนั่นคือความดีงาม แต่ในเขตแดนนั้นของเขาไม่สอดคล้องกับมาตรฐานแล้วเพียงแต่เมื่อคนมองดูก็ยังคงดีงามกว่าคนดังนั้นจึงง่ายที่จะทำให้ผู้ฝึกเฉพาะรายที่มีจิตยึดติด งุนงงไม่แจ่มชัดแล้วจะทำอย่างไรละข้าพเจ้าเคยสอนพวกท่านว่าไม่เดินสองแนวทางไม่ว่าใครก็อย่าไปสนใจเขา เห็นอะไรก็ไม่หวั่นไหวท่านไม่ต้องไปพูดกับเขา ไม่ต้องไปสนใจเขาเลย ไม่ไปมองดูเขาได้แต่ทำอย่างนี้หลบหลีกของๆ เขาทุกสิ่ง เขาบอกอะไรท่าน ท่านก็ไม่ฟัง บางทีเขาจะเอาใจท่านเพื่อให้ท่านฟังเขาเขาจะบอกท่านว่าพรุ่งนี้สลากรางวัลหมายเลขอะไรเขาอาจจะทำอย่างนี้แน่ละ เรื่องเหล่านี้ล้วนไม่ใช่บังเอิญนี่คือทุกข์ภัยในการบำเพ็ญของท่านทดสอบใจคนของท่านดังนั้นทุกท่านต้องระวังเรื่องเหล่านี้จงยืนหยัดไม่ไปติดต่อสัมผัสกับพวกเขาก็จะไม่มีปัญหาเนื่องจากในเวลานี้พวกท่านยากมากที่จะแยกแยะได้

ศิษย์ผู้บำเพ็ญที่เป็นเด็กอายุน้อยมากจำเป็นต้องหาหมอหรือไม่
อาจารย์คนที่ไม่ได้บำเพ็ญ ควรจะไปหาหมอก็ไปหาหมอเนื่องจากคนธรรมดาสามัญเมื่อป่วยก็ต้องหาหมอที่นี่ สิ่งที่ข้าพเจ้าพูดคือคนที่บำเพ็ญจริงๆร่างกายของท่านล้วนจะผันแปรเป็นร่างพระพุทธนั่นเป็นเรื่องที่ไม่ว่าหมอจะรักษาอย่างไรก็ไม่อาจทำได้แต่คนที่บำเพ็ญต้าฝ่าโดยมากหลายๆครอบครัวมีลูกเล็ก เป็นไปได้มากว่าพวกเขาไม่ใช่เด็กทั่วๆไปก่อนที่จะมาเกิดในครรภ์เขาก็รู้แล้วว่าในอนาคตคนครอบครัวนี้จะศึกษาต้าฝ่าฉันจะไปเกิดในครอบครัวนี้เช่นนั้นเป็นไปได้มากว่ามีที่มาเด็กอย่างนี้ทั้งหมดเมื่อผู้ใหญ่ฝึกพลังอยู่ก็ฝึกแทนเด็กแล้วเรื่อยไปจนตัวเขาเองสามารถฝึกได้มีจำนวนมากมายที่เป็นสภาพการณ์นี้นี่ก็ต้องอาศัยท่านที่เป็นผู้ใหญ่ไปยึดกุมเองแล้วถ้าท่านมองไม่ออกว่าเป็นสภาพการณ์อย่างนี้ใช่หรือไม่ท่านส่งเขาไปโรงพยาบาลก็ไม่นับว่าผิดอะไรแต่ในนั้นก็จะดูใจของท่านและจะแสดงวิธีคิดต่างๆ สภาพจิตต่างๆออกมา พูดอย่างก็แล้วกันหากท่านเป็นผู้บำเพ็ญต้าฝ่าที่แน่วแน่ก็จะเข้าใจได้ว่าแต่ละคนนั้นต่างก็มีชีวิตของตนหากไม่สมควรเกิดปัญหาก็จะไม่ให้เขาเกิดปัญหาได้ง่ายๆเด็กชนิดนี้ที่มาจากระดับชั้นสูงที่ข้าพเจ้าเพิ่งพูดไปนั้นคือมารับฝ่าเขาไม่มีกรรมอย่างแน่นอนเขาจะไม่เป็นโรคเลยทุกสิ่งที่เขาแบกรับนั้น เป็นไปได้มากว่าคือการแบกรับแทนพวกท่านที่เป็นผู้ใหญ่ มีมากมายที่เป็นสภาพการณ์ชนิดนี้แต่ว่านี่ก็ไม่ตายตัวสภาพการณ์รูปธรรมนั้นพวกท่านไปจัดการเอง

ศิษย์ผู้ฝึกสิงคโปร์ฝากสวัสดีท่านอาจารย์ อาจารย์ ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์ศิษย์เจียงซูฝากสวัสดีท่านอาจารย์

อาจารย์ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์พระพุทธรูปใหญ่ที่ภูเขาหลิงซานเมืองอู่ซีมณฑลเจียงซู แต่ละวันมีคนนับหมื่นไปกราบไหว้แต่พูดกันว่าพระพุทธรูปใหญ่มีตัวสิงร่างอยู่ในท้องมีกล่องบรรจุเถ้ากระดูกใส่เอาไว้มากมายเหล่าศิษย์มีการโต้เถียงกันไม่เลิกราเรื่องจะไปเผยแพร่ฝ่าที่นั่นขอเชิญท่านอาจารย์ให้ความกระจ่าง
อาจารย์การเผยแพร่ฝ่านั้นมุ่งต่อคน ไม่ใช่มันทุกท่านคิดดูคนเอากล่องบรรจุเถ้ากระดูกใส่ไว้ในท้องพระพุทธรูปนั่นเป็นการทำเรื่องดีหรือเรื่องเลวละพระสงฆ์ทำไมทำเรื่องชนิดนี้เป็นเพราะครอบครัวคนตายจ่ายเงินให้พระสงฆ์รูปนั้นทำเพื่อเงินแม้แต่พระพุทธก็ขายปัจจุบันก็เป็นเวลาที่ยุ่งเหยิงอย่างนี้แล้วในเวลาที่คนกราบไหว้พระพุทธรูปคือการกราบไหว้ใครละกราบไหว้กล่องเถ้ากระดูกหรือล้วนน่าขันถึงขั้นนี้แล้วคนตายนั้นถูกคนทำจนมีบาปมากเหลือเกินแล้วครอบครัวคนตายกับบรรพบุรุษล้วนถูกพัวพันเข้าด้วยกัน
ศิษย์เมื่อผมมองเห็นฝ่าหลุนและทัศนียภาพบางอย่างหลังจากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับศิษย์ฝ่าหลุนกงเราแล้วทัศนียภาพกับฝ่าหลุนอะไรก็สูญหายไปหมดแล้วผมทำผิดไปแล้วหรือ

อาจารย์นี่ต้องมองจากสองด้านหากท่านพูดกับคนอื่นด้วยจิตยินดีนั่นอาจจะไม่มีแล้วไม่ให้ท่านเห็นแล้วเพราะทัศนียภาพอันศักดิ์สิทธิ์ที่ให้ท่านเห็นนั้นไม่สามารถทำให้ท่านเกิดใจที่จะยืนหยัดบำเพ็ญต้าฝ่าให้ดียิ่งขึ้นและใจที่บริสุทธิ์ออกมาได้ตรงกันข้ามกลับทำให้ท่านเกิดจิตยินดีออกมา แน่นอนจึงไม่ให้ท่านเห็นแล้วคือต้องรับผิดชอบต่อการบำเพ็ญของท่านหากหลังจากท่านมองเห็นแล้วท่านไม่เกิดจิตยินดีหรือจิตโอ้อวดออกมาท่านรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องจริงมีความคิดเพื่อให้ผู้ฝึกคนอื่นแน่วแน่ในความคิดที่ถูกต้อง ไปพูดกับผู้อื่นสักหน่อยนี่ก็จะไม่มีปัญหาอะไรเลยไม่ใช่ไม่อาจจะพูดได้ก็กลัวแต่จะไปพูดด้วยจิตยึดติด

ศิษย์ถ้าพวกเราบำเพ็ญได้ดีมากเมื่อพวกเราบำเพ็ญสำเร็จสมบูรณ์บางทียังคงเป็นหนุ่มเป็นสาวถึงเวลานั้นเราควรรับผิดชอบต่อครอบครัวอย่างเต็มที่ต่อไปหรือไม่
อาจารย์หากท่านไม่ทิ้งจิตยึดติดชนิดนี้ก็จะสำเร็จสมบูรณ์ไม่ได้อย่างเด็ดขาดท่านกำลังใช้ความคิดของคนธรรมดาสามัญคิดเรื่องเหล่านี้ข้าพเจ้าขอบอกทุกท่านข้าพเจ้าไม่เพียงช่วยพวกท่านสลายกรรมไม่เพียงดูแลท่านหากท่านบำเพ็ญได้มรรคผลถูกต้องโลกของท่านก็จะอุดมสมบูรณ์ขึ้นมาข้าพเจ้าจะต้องทำเรื่องต่างๆมากมายให้กับท่านในอดีตท่านเคยติดค้างชีวิตคนเขาเคยฆ่าชีวิตบุญคุณความแค้นต่างๆข้าพเจ้าล้วนต้องแก้ไขให้ท่านทั้งหมดจะต้องทำเรื่องมากมายให้ท่านทั้งหมดแต่หากท่านยึดติดกับเรื่องเหล่านี้นั่นก็คืออุปสรรคใหญ่อันหนึ่งต่อการก้าวหน้าในการบำเพ็ญของท่านจงปล่อยวางใจคนเหล่านี้ลงท่านจงสนใจแต่เพียงการบำเพ็ญก่อนที่ท่านจะสำเร็จสมบูรณ์ ท่านต้องพยายามรับผิดชอบครอบครัวนี้ให้เต็มที่ นี่เป็นเรื่องที่ต้องทำ

ศิษย์ใน“คัมภีร์ไบเบิ้ล”กล่าวว่าอยู่ในวิหารพระเยซูโกรธคนที่เก็บดอกเบี้ยแพง แต่ข้อกำหนดของฝ่าหลุนต้าฝ่าคือพวกเราไม่อาจจะโกรธถ้าพระเยซูเป็นพระพุทธนี่จะเข้าใจได้อย่างไร

อาจารย์ “คัมภีร์ไบเบิ้ล” ไม่ใช่สิ่งที่พระเยซูเขียนเองต่อพฤติกรรมของพระเยซูคนสื่อออกมาไม่ถูกต้องอย่างแน่นอนการมีท่าทีที่แข็งสักหน่อยต่อคนเหล่านี้ที่เก็บดอกเบี้ยสูงนั้นนี่เป็นไปได้มากว่าพระองค์ทรงเกลียดชังความชั่วพระองค์ทรงเฉียบขาดกับคนที่ทำเรื่องชั่วแต่พระองค์ไม่ได้โกรธจริงๆ

ศิษย์ศิษย์เซี่ยงไฮ้ฝากสวัสดีท่านอาจารย์หวังว่าท่านอาจารย์จะมาเซี่ยงไฮ้ อาจารย์ขอบใจทุกท่านนะ(เสียงปรบมือ)

ศิษย์พวกเราควรทำอย่างไรที่จะเข้าใจได้ค่อนข้างดีต่อการแสดงออกของ “เต๋าใหญ่ไร้รูป”ในแต่ละระดับชั้นที่ต่างกันเนื่องจากเวลาที่ผมทำงานผู้ช่วยฝึกสอนอยู่ปรากฏว่าผู้ฝึกบางคนเนื่องจากว่าผู้รับผิดชอบของสมาคมศึกษากับผู้ช่วยฝึกสอนซึ่งล้วนอยู่ในระดับที่ต่างกันในการทำงานเผยแพร่ฝ่านั้นยากที่จะบรรลุถึงการรับรู้ที่เหมือนกัน เสียเวลาเสียกำลังไปกับการพูดคุยหารือทั้งหมดคล้ายกับว่าเกี่ยวข้องในระดับหนึ่งที่แน่นอนกับสิ่งที่เข้าใจ
อาจารย์เป็นเรื่องธรรมดามากในจีนแผ่นดินใหญ่มีผู้ช่วยฝึกสอนมากมายสุกงอมขึ้นมาแล้วเมื่อประสบกับปัญหาพวกเขาสามารถคิดได้ก่อนว่าตนเองมีปัญหาอยู่หรือไม่ดังนั้นโดยพื้นฐานจึงกำลังบำเพ็ญกันอย่างเข้มแข็งแต่ก็มีบางพื้นที่ ผู้ช่วยฝึกสอนศึกษาฝ่าได้ไม่นานหรือไม่ค่อยก้าวหน้ายุ่งกับการทำงานดังนั้นเมื่อประสบกับปัญหาจะชอบถกเถียงกันไม่ค้นหาจากภายในใจตนเมื่อท่านรู้สึกว่าไม่ถูกต้องท่านคิดดูใช่ไหมว่าฉันเองไม่ถูกต้องสามารถจะทำได้ถึงจุดนี้ได้หรือไม่นั้น คือมาตรฐานในการประเมินผู้ฝึกของต้าฝ่าหากพบว่าเป้าหมาย(จุดเริ่ม)ของตนไม่มีอะไรไม่ถูกต้องจากนั้นใช้ท่าทีที่สุภาพของท่านพูดกับฝ่ายตรงข้ามคู่กรณีของความขัดแย้งต่างปฏิบัติต่อตนเองเช่นเดียวกันนี้แล้วจะมีอะไรขัดแย้งอีกละยังจะถกเถียงอะไรอีกแต่พูดก็พูดได้อย่างนี้ในการบำเพ็ญเพื่อให้ละจิตยึดติดก็ยังคงจะมีการโต้เถียงได้กระทั่งบางครั้งยังจะรุนแรงเพราะพวกท่านกำลังบำเพ็ญพวกท่านยังมีจิตที่ไม่ได้ทิ้งไปในเวลาที่พวกท่านสำนึกไม่ถึงในเวลาที่ท่านลืมค้นหาที่ตัวเองยึดติดกับท่าทียึดติดกับทัศนคติของตนล้วนจะเกิดการโต้เถียงขึ้นได้

ศิษย์ปรากฏการณ์ของเต๋าใหญ่ไร้รูปแบบในแต่ละระดับชั้นจะเข้าใจอย่างไรดี
อาจารย์ รูปแบบของต้าฝ่าในสังคมวันนี้คือเต๋าใหญ่ไร้รูปรูปแบบใดๆของคนธรรมดาสามัญล้วนไม่คู่ควรกับการเผยแพร่ต้าฝ่าดังนั้นข้าพเจ้าจึงไม่ได้ใช้รูปแบบใดๆวันนี้ท่านมาเรียนท่านก็เรียนไม่มาท่านก็ไปได้ ตามสบายแน่ละหากท่านจะเรียนจริงๆพวกเราก็ต้องรับผิดชอบต่อท่านและการรับผิดชอบชนิดนี้ก็เป็นสิ่งที่คนธรรมดาสามัญมองไม่เห็นในมิตินี้ของคนธรรมดาสามัญนั่นคือไร้รูปไม่มีสำนักงาน ไม่สะสมเงินไม่สะสมวัตถุพวกท่านทุกคนต่างเป็นหน่วยหนึ่งของสังคมคนธรรมดาสามัญล้วนมีการงาน การศึกษาเล่าเรียนของคนธรรมดาสามัญ ดำเนินชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมนานาชนิดสิ่งเดียวที่ท่านไม่เหมือนกับคนธรรมดาสามัญคือพวกท่านกำลังบำเพ็ญตนเองพวกท่านเองทราบว่าท่านเป็นผู้บำเพ็ญคนธรรมดาสามัญไม่บำเพ็ญบางครั้งจึงไม่เข้าใจผู้บำเพ็ญก็เหมือนกับผู้ฝึกที่ไปจงหนานไห่-ที่ทำการรัฐบาลทำไมทันทีทันใดคนเหล่านี้ก็มาแล้วทันใดก็ไปแล้วเพราะพวกเขาเป็นหน่วยหนึ่งของสังคมไม่มีรูปแบบเพียงแต่เขาเป็นผู้บำเพ็ญมาจากสาธารณชนเมื่อแสดงท่าทีเสร็จก็กลับไปสู่สาธารณชนไม่มีรูปแบบการจัดตั้งแต่ยิ่งเป็นอย่างนี้คนที่เคยชินกับการจัดตั้งหรือมวลชนที่ถูกจัดตั้งกลับไม่เข้าใจ คิดว่าพวกท่านจัดตั้งกันได้อย่างแนบแน่น เรื่องทั้งหลายที่ผู้บำเพ็ญทำคนจีนในปัจจุบันยากที่จะเข้าใจกระทั่งบางคนไม่เชื่อเลยว่าปัจจุบันยังมีคนมากมายอย่างนี้ที่เป็นคนดี

ศิษย์คนผิวขาวคือคนที่ตกทอดมาจากอารยธรรมครั้งก่อนเช่นนั้นคนผิวเหลืองกับสีผิวอื่น...

อาจารย์ ในช่วงอารยธรรมครั้งก่อนแผ่นทวีปใหญ่ตอนนั้นกับเดี๋ยวนี้ไม่เหมือนกันแต่ว่านะประมาณว่าภูมิภาคอเมริกาใต้กับอเมริกาเหนือ ล้วนมีคนผิวเหลืองอยู่อาศัยปัจจุบันชาวอินเดียนแดงที่อยู่ตรงนั้น พวกเขาจัดเป็นคนผิวเหลืองคนผิวเหลืองในที่นี้ของประเทศจีนในเวลานั้นจุดศูนย์กลางที่สุดคือคาซัคสถานหลังน้ำท่วมใหญ่จึงอพยพมาแถบทะเลทรายเขตซินเกียงตอนนั้นเคยเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ต่อมาก็อพยพเรื่อยมาทางตะวันออกหากพูดอย่างเคร่งครัด คนอินเดียอียิปต์เปอร์เซียคนผิวเหลืองคนผิวขาวคนผิวดำคือชนเผ่าใหญ่หกชนิดในโลกยุคใกล้นี้ส่วนพวกอื่นเป็นคนเลือดผสม

ศิษย์ผมรู้สึกว่าการบรรยาฝ่าของท่านอาจารย์เป็นคำตอบของปริศนา ไขข้อปริศนาใน“จ้วนฝ่าหลุน”การฟังอาจารย์บรรยายฝ่าในที่ต่างๆนานๆเข้าจะเป็นการรับรู้ต่อ“จ้วนฝ่าหลุน”ใช่ไหม
อาจารย์ ข้าพเจ้าขอบอกความจริงกับทุกท่านว่าคนนั้นไม่คู่ควรฟังข้าพเจ้าบรรยายฝ่า (เสียงปรบมือ)เพียงเพื่อมาบรรยายฝ่าให้กับคนนั้นพระยูไลองค์หนึ่งลงมาทำก็พอแล้วในเวลาที่ข้าพเจ้าบรรยายฝ่าพวกเราที่นั่งอยู่ บางคนอาจมองเห็นได้ว่ามีชีวิตระดับชั้นต่างๆของร่างนภาที่ต่างกันล้วนกำลังฟังอยู่ข้าพเจ้าไม่เพียงแค่บรรยายฝ่าให้กับคนแต่ในการบำเพ็ญนั้น รับรองว่าจะมีเหลือไว้ให้ท่านได้บำเพ็ญหรือเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้าบรรยายฝ่าออกมาหมดแล้วบรรยายจนเข้าใจกันแล้วและไม่มีให้พวกท่านได้บำเพ็ญแล้ว และก็ไม่นับแล้วคือความหมายนี้หรือไม่ไม่ใช่อย่างนี้ย่อมต้องเหลือไว้ให้พวกท่านได้บำเพ็ญ

ศิษย์ผู้ฝึกเมืองอูลูมู่ฉีเขตซินเกียงฝากสวัสดีท่านอาจารย์(เสียงปรบมือ) อาจารย์ขอบใจทุกท่าน(เสียงปรบมือ)

ศิษย์ใช่ไหมว่าเดิมทีมรรคผลอยู่ตรงไหนก็บำเพ็ญไปถึงตรงนั้น อาจารย์สำหรับผู้ที่มาจากระดับชั้นสูง ส่วนใหญ่จะเป็นเช่นนี้แต่ว่า ท่านทราบไหมว่าท่านเป็นใครท่านคือผู้ที่มาจากระดับสูงหรือไม่ผู้ที่มาจากระดับสูงใช่ไหมว่าเพราะมีบาปจึงตกลงมาท่านไม่ทราบเลยว่าท่านมาจากที่ไหนแม้แต่ผู้ที่ลงมาจากข้างบนเหล่านั้นเมื่อผ่านการกลับชาติมาเกิดนับพันปี กาลเวลาที่ยาวนานพวกที่มีกรรมหนักทำให้พวกเขาสูญเสียคุณสมบัติพิเศษทั้งหมดบรรดามีที่มีมาแต่ก่อนกำเนิดไปหมดแล้ว อย่าถามคำถามด้วยใจคนที่เข้มข้นอย่างนี้

ศิษย์จะขอเชิญท่านพูดถึงตัวท่านเองการดำรงชีวิตของท่านเป็นต้นจะได้ไหม

อาจารย์ขณะนี้ท่านยังเป็นคนธรรมดาสามัญสิ่งที่ถามเป็นคำถามของคนธรรมดาสามัญข้าพเจ้าไม่ต้องการจะพูดถึงตัวเองสิ่งที่ข้าพเจ้าให้กับคน คือฝ่าชุดนี้พวกท่านก็ถือเสียว่าข้าพเจ้าเป็นคนทั่วๆไปข้าพเจ้าเป็นเพียงคนๆ หนึ่งที่มีรูปลักษณ์ของคนอย่างพร้อมมูลอยู่ที่นี่คุยกับพวกท่านและใช้ภาษาของคน พูดถึงว่าข้าพเจ้ามีความสามารถมากเพียงใดข้าพเจ้าก็จะไม่แสดงออกมาพวกท่านก็จะมองไม่เห็นแต่หากท่านบำเพ็ญข้าพเจ้าก็จะรับผิดชอบต่อท่านและสามารถจะรับผิดชอบได้ในจุดนี้ในทางปฏิบัติเหล่าผู้ฝึกก็ซาบซึ้งกันดีและไม่ต้องให้ข้าพเจ้าพูดมากคนในอนาคตจะไม่สามารถรู้ว่ามีข้าพเจ้าอยู่หากผู้ฝึกในวันนี้ต่างสำเร็จสมบูรณ์กันหมดฝ่าของข้าพเจ้าก็ไม่ได้บรรยายให้กับคนแต่บรรยายให้กับเทพคนที่ไม่บำเพ็ญผ่านไปอีกหนึ่งชาติ เวียนว่ายตายเกิดอีกหนึ่งครั้งอะไรพวกเขาก็ไม่รู้แล้วคนในอนาคตไม่อาจรู้จักข้าพเจ้าสิ่งที่จะสืบทอดต่อไปจะเป็นดั่งเทพนิยายดังนั้นข้าพเจ้าไม่ต้องการเหลืออะไรไว้ให้กบคนเรื่องราวชีวิตของข้าพเจ้าเอยเรื่องต่างๆของข้าพเจ้าเอยข้าพเจ้าไม่อยากพูดและไม่อยากให้คนอื่นเขียนในฐานะศิษย์ในอนาคตพวกเขาจะรู้จักข้าพเจ้าหลังจากสำเร็จสมบูรณ์พวกเขาจะเข้าใจแจ่มแจ้งในเรื่องราวของข้าพเจ้า(เสียงปรบมือ)
ศิษย์ศิษย์นิวซีแลนด์ทั้งหมดฝากสวัสดีท่านอาจารย์ที่เคารพ อาจารย์ขอบใจทุกท่าน(เสียงปรบมือ)

ศิษย์การยกระดับซินซิ่งกับการรับรู้หลักการของฝ่ามีความแตกต่างกันมากการรับรู้ต่อฝ่านำหน้าตลอดมา อยู่ในเขตแดนที่ค่อนข้างสูงแต่ในการบำเพ็ญจริงนั้นการยกระดับซินซิ่งมักจะล้าหลังบางครั้งอ่อนด้อยมากๆเกรงว่าในสภาพการณ์อย่างนี้หลักการที่รับรู้ออกมาได้จะเบี่ยงเบน

อาจารย์ที่จริงท่านสามารถมองเห็นได้ถึงจุดนี้ท่านก็บำเพ็ญได้ไม่เลวแล้วคนธรรมดาสามัญล้วนมองไม่เห็นความผิดพลาดของตนท่านกลับสามารถมองเห็นความแตกต่างในสภาวะการบำเพ็ญที่ต่างกันที่จริงก็ไม่เหมือนกับที่ท่านคิดอย่างนั้นในการรับรู้หลักการของฝ่านั้นโดยมากจะเข้าใจได้ง่าย แต่คนอยู่ท่ามกลางสภาพความเป็นจริงของสังคม ยึดติดกับผลประโยชน์และอารมณ์ต่างๆนานาหากหลังจากเข้าใจหลักการของฝ่าแล้วก็สามารถจะทิ้งไปได้ในทันที นั่นก็ไม่ต้องบำเพ็ญแล้วและไม่ต้องมีด่านที่ต้องข้ามแล้วเวลาที่ยึดติดอะไรก็จะค้นหาข้ออ้างจากในฝ่านั่นต้องผิดแน่ๆให้ศึกษาฝ่าโดยไม่แสวงหาจากนั้นสิ่งที่เข้าใจย่อมเป็นการรับรู้ที่ถูกต้องอย่างแน่นอน

ศิษย์ผู้ฝึกปักกิ่งอเมริกาฝากสวัสดีท่านอาจารย์

อาจารย์ขอบใจทุกท่านแล้ว (เสียงปรบมือ)

ศิษย์ในการบำเพ็ญของผมบางครั้งจะเกิดกรรมทางกามารมณ์จะขจัดมันไปได้อย่างไร

อาจารย์บรรดาสิ่งที่พวกท่านพบในความฝันคือการทดสอบต่อพวกท่านดูว่าการบำเพ็ญของพวกท่านในเวลาปกติใจของพวกท่านบำเพ็ญอย่างจริงจังหรือไม่ด่านนี้ข้ามได้ดีหรือไม่มันเป็นการทดสอบอย่างหนึ่งดูว่าด่านนี้ท่านสามารถจะข้ามไปได้หรือไม่ท่านบำเพ็ญจริงจังหรือไม่เพราะในเวลานั้นจึงจะสามารถแสดงออกมาได้อย่างแท้จริงเพราะในเวลานั้นบรรดาสิ่งที่ท่านคิดจะปกปิดเอาไว้ใจที่ปิดบังเอาไว้ต่างนอนหลับหมดแล้วหากทำได้ไม่ดีต้องเห็นความสำคัญเพราะแสดงออกได้ไม่ดีจริงๆใช่ไหมหากในเวลาปกติบำเพ็ญได้ดีแน่นอนว่าในความฝันจะทำได้ดีมากก็จะสามารถข้ามไปได้

ศิษย์ผมพบว่าเมื่อตนเองประสบกับปัญหา หรือไตร่ตรองปัญหามักจะวนอยู่รอบๆตัวเองว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้คล้ายกับมีรากหนึ่งอย่างนี้ฝังอยู่ทิ้งไปไม่ได้สักทีดังนั้นจึงกลุ้มใจมากว่าทำไมไม่สามารถรักษาสภาวะของความสำนึกที่ถูกต้องเอาไว้ได้ อาจารย์ไม่เลวจริงๆใจดวงนี้ที่ท่านคิดจะทิ้งไปนั้น ข้าพเจ้ามองเห็นแล้วนี่ก็คือการบำเพ็ญพูดถึงว่าจะทิ้งจิตที่เห็นแก่ตัวของตนไปทั้งหมดนั้นรากอันนั้นจะต้องมีขั้นตอนเพราะนั่นปลูกฝังมาครึ่งชีวิตของคนข้าพเจ้าเชื่อว่าในการบำเพ็ญของท่านจะต้องทิ้งมันไปได้แน่นี่คือสิ่งที่เป็นแก่นแท้ของความเห็นแก่ตัวท่านสามารถสำนึกได้ถึงสิ่งเหล่านี้ในการบำเพ็ญสามารถตั้งใจที่จะขจัดมันไปนี่ดีมาก นี่ก็คือการบำเพ็ญ

ศิษย์มักรู้สึกว่าตนเองไม่ก้าวหน้าไม่สามารถทนทุกข์ความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ไม่พอมีวิธีอะไรที่จะเพิ่มความสามารถในการทนทุกข์ของตนให้เข้มแข็งขึ้นได้ อาจารย์อ่านหนังสือให้มากค่อยๆทำให้ปณิธานในการบำเพ็ญของท่านให้แน่วแน่ขึ้นก็จะสามารถเอาชนะเรื่องอื่นได้ไม่มีทางลัดการบำเพ็ญก็คือต้องบำเพ็ญอย่างนี้ท่านสามารถสำนึกได้ถึงสิ่งเหล่านี้แล้วดีมากท่านสามารถรับรู้สิ่งเหล่านี้ได้ นี่คือสิ่งที่คนธรรมดาสามัญทำไม่ได้เลยที่จริงความไม่พอใจต่อตัวเองของท่านก็คือการบำเพ็ญอยู่ ความสามารถก็จะค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ

ศิษย์ ครั้งนี้เมื่อได้ยินวงการข่าวต่างประเทศรายงานผิดๆต่ออาจารย์และฝ่าหลุนต้าฝ่าแม้ว่าจะทำเรื่องที่ปกป้องต้าฝ่าไปแล้วหลายอย่างแต่ในใจยังรู้สึกว่าพวกเขามีพฤติกรรมที่ไม่มีค่าควรแก่การสนใจแม้แต่น้อยในการรายงานข่าวสภาพจิตใจของผมถูกหรือไม่ อาจารย์เมื่อต้าฝ่าถูกโจมตี หากท่านรู้สึกว่าไม่ได้โจมตีท่านเช่นนั้นท่านก็ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของต้าฝ่าทำไมจึงมีคนมากมายอย่างนั้นไปที่ทำการรัฐบาลที่จงหนานไห่เพราะพวกเขารู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่เมืองเทียนจินกำลังกระทำต่อพวกเขาเช่นกันพวกเขารู้สึกว่าเมื่อตำรวจจับพวกเราศิษย์ต้าฝ่าก็เหมือนกับจับตัวเองเพราะเขาเป็นส่วนหนึ่งของการบำเพ็ญทุกท่านต่างร่วมบำเพ็ญอยู่ในฝ่าชุดเดียวกันการประทุษร้ายต่อผู้ฝึกเมืองเทียนจินผู้ฝึกคนอื่นไม่ควรร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยเจตนาที่ดีงามหรอกหรือพูดถึงว่าการรายงานที่ไม่ถูกต้องของวงการข่าวก็ไปบอกเขาว่านี่ไม่ถูกต้องไปบอกสภาพการณ์ที่เป็นจริงของพวกเราการประทุษร้ายด้วยเจตนาที่ชั่วร้ายต่อต้าฝ่าไม่อาจฟังแล้วก็ปล่อยไปส่งผลกระทบต่อการได้ฝ่าของชาวโลกนั้นเป็นเรื่องใหญ่เพราะการรายงานข่าวนั้นสามารถคัดลอกซึ่งกันและกันได้คุณรายงานแล้วหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นก็สามารถคัดลอกต่อทุกท่านผ่านความเข้าใจซาบซึ้งด้วยตนเอง ฉะนั้นการชี้แจงอธิบายย่อมจะมีพลังมากกว่ามันหลายเท่าพูดว่าข้าพเจ้าหลี่ หงจื้อ ดีข้าพเจ้าไม่ใส่ใจพูดว่าข้าพเจ้าเลวข้าพเจ้าก็ไม่ใส่ใจคนธรรมดาสามัญทำให้ใจข้าพเจ้าหวั่นไหวไม่ได้แต่ว่าในฐานะผู้ฝึกคนหนึ่งพวกท่านไปปกป้องฝ่า นี่เป็นเรื่องสมควรแต่ไม่อาจใช้ด้านที่ชั่วร้ายต่อสู้กับพวกเขาพวกท่านต้องใช้จิตใจที่ดีงามไปบอกกล่าวสภาพการณ์ที่แท้จริงกับเขานี่ก็คือการปกป้องฝ่าแล้ว

ศิษย์ศิษย์เซินเจิ้นทั้งหมดฝากสวัสดีท่านอาจารย์ อาจารย์ขอบใจทุกท่าน(เสียงปรบมือ)

ศิษย์๑. ขอเรียนถามธรรมกายของพระพุทธบุพกาลเจ็ดองค์ในวัดเฟิ่งกั๋วเป็นตัวแทนของระดับชั้นที่แท้จริงหรือระดับชั้นในการบำเพ็ญของพวกเขา

อาจารย์พระพุทธใช่ไหมเป็นพระพุทธแล้วจึงไม่มีปัญหาของการบำเพ็ญและระดับชั้นท่านถามเรื่องนี้ทำไมละนี่ไม่ใช่เรื่องในต้าฝ่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการบำเพ็ญยกระดับ

ศิษย์๒. พระพุทธบุพกาลเจ็ดองค์คือชีวิตบุพกาลทั้งหลายที่ท่านพูดถึงใช่ไหม

อาจารย์ฉายานามของพวกเขากลายเป็นชื่อตำแหน่งเฉพาะที่แน่นอนของพระพุทธชนิดนั้นแล้วพูดว่าบุพกาลนั้นหมายถึงระยะเวลาที่เรียกขานฉายานามนี้ ในระหว่างการหมุนเวียนสับเปลี่ยนอาจไม่ใช่ชีวิตดั้งเดิมอันดับแรกเสมอไปแล้วคำว่าบุพกาลนี้ ในระดับชั้นที่ต่างกันในเขตแดนที่ต่างกันจะมีการรับรู้ที่ไม่เหมือนกันกล่าวสำหรับคนดูเหมือนว่ายาวนานกว่าประวัติอารยธรรมยุคนี้ของมนุษย์ หรือกี่พันปีก็ดูเหมือนว่าก็คือบุพกาลแล้วแต่ว่านะในสายตาของพระพุทธเป็นเพียงชั่วพริบตาเดียว กล่าวสำหรับชีวิตระดับชั้นสูงพวกเขาก็ไม่ใช่บุพกาลอย่างนั้นแล้ว

ศิษย์๓.รูปปั้นขององค์ศากยมุนีทำไมใบหน้าจึงหันไปทิศตะวันตก
อาจารย์ ท่านบำเพ็ญในพุทธศาสนาใช่หรือไม่คิดจะมาถามเรื่องพระพุทธกับข้าพเจ้าข้าพเจ้ากำลังบรรยายต้าฝ่า ไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธเมื่อสามารถนั่งอยู่ที่นี่ได้ก็คือวาสนาของท่านข้าพเจ้าสามารถตอบปัญหาของท่านได้วัดถูกสร้างให้หันไปทางทิศไหนก็มีทั้งนั้นและมีที่สร้างหันไปทิศตะวันออกและมีที่สร้างหันไปทางทิศตะวันตก และมีที่หันไปทางทิศใต้หากวิหารใหญ่ของมันหันไปทางไหนพระพุทธรูปนั้นก็จะหันไปทางนั้นแน่นอนนี่ไม่อาจบ่งบอกอะไรได้ล้วนเป็นความหมายมั่นพระพุทธเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงคือผู้รู้แจ้งที่ยิ่งใหญ่แต่ที่ท่านพูดนั้นเป็นเพียงรูปปั้นทำจากดินขนาดใหญ่คนๆหนึ่งคิดจะบำเพ็ญพุทธะท่านก็ต้องตั้งใจอยู่ในด้านการยกระดับจิตใจของตนอย่างแท้จริงจึงจะถูกต้องเรื่องที่มีความมั่นหมายทั้งหมดหรือการยึดติดกับศาสนาพุทธล้วนไม่ใช่การบำเพ็ญแต่เป็นอุปสรรค

ศิษย์เจิน ซั่น เหริ่น เป็นอภิสสารใช่ไหมพวกเขาเป็นชีวิตบุพกาลหรือไม่หรือเป็นชีวิตเหนือบุพกาล
อาจารย์ ยังคงเป็นศาสนาพุทธเมื่อเดินเข้ามาแล้วก็คือวาสนาข้าพเจ้ายังคงจะตอบให้ท่านเจินซั่นเหริ่น คือคุณสมบัติพิเศษของสรรพสิ่งทั้งปวงในจักรวาลฝ่าของจักรวาลก็ออกมาจาก เจิน ซั่น เหริ่นยิ่งต่ำลงมาฝ่ายิ่งซับซ้อน ข้อกำหนดยิ่งมากยิ่งใหญ่เหมือนรูปปิรามิดต้าฝ่านี้สร้างสรรค์สภาพแวดล้อมของการคงอยู่ให้กับสรรพชีวิตในระดับชั้นที่ต่างกันของจักรวาลสร้างพระพุทธ เต๋า เทพของระดับชั้นที่ต่างกัน และคนรวมทั้งมารและสรรพชีวิตอื่นๆรวมทั้งสวรรค์โลกกับสสารทั้งปวงจักรวาลนี้ซับซ้อนจนไม่สามารถใช้ภาษาคนบรรยายให้ชัดเจนได้เขายังมีสภาพการณ์อื่นๆที่ต่างกันที่มอบองค์ประกอบในการดำรงชีวิตให้กับสรรพชีวิตในระดับชั้นต่างๆอาทิเช่นการเสริมและต้านซึ่งกันและกันอินหยางเอย ฯลฯ เป็นต้นสิ่งต่างๆมากมายล้วนแต่แตกแขนงออกมาจากต้าฝ่าของจักรวาลนี้(เสียงปรบมือ)
ศิษย์ก่อนประชุมใหญ่ผมเคยโทรศัพท์ให้กับคนที่เกี่ยวข้องทำความเข้าใจข้อกำหนดในการเข้าร่วมประชุมใหญ่คนที่รับโทรศัพท์ถามผมว่าคุณเป็นศิษย์ฝ่าหลุนกงไหมผมตอบไม่ได้ในทันทีเพราะผมศึกษาเองได้หนึ่งปีแล้วเรียนถามท่านอาจารย์หลี่ผมนับว่าเป็นศิษย์ของท่านได้หรือไม่
อาจารย์ขอเพียงท่านศึกษาจริงท่านก็ใช่ไม่ว่าท่านศึกษาเองหรือไม่(เสียงปรบมือ)การเปลี่ยนแปลงของท่านและการสะกิดเตือนท่านในเวลาปกตินั้นไม่ใช่เป็นการบอกท่านถึงจุดนี้แล้วหรือเนื่องจากท่านไม่มีสภาพแวดล้อมของการบำเพ็ญอยู่ด้วยกันกับทุกท่านดังนั้นท่านจึงมีเรื่องหลายอย่างที่รับรู้ไม่ได้แต่ไม่เท่ากับว่าท่านไม่ได้บำเพ็ญต้องฝึกพลังพร้อมกับผู้ฝึกมากๆก็จะยกระดับได้ยิ่งเร็ว

ศิษย์อาจารย์พูดว่าหลังปีค.ศ.๑๙๙๒ เหล่าเทพของศาสนาต่างๆก็ไม่ดูแลเรื่องของคนศิษย์มีการรับรู้ต่ำไม่เข้าใจความหมายนั้นขอเชิญท่านอาจารย์อธิบายสักนิด อาจารย์ปัญหานี้ข้าพเจ้าเคยพูดแล้วในการบรรยายฝ่าครั้งก่อนๆครั้งนี้บรรยายฝ่าให้ทุกท่านไม่ใช่การมาช่วยคนอย่างพื้นๆจักรวาลกำลังปรับฝ่าให้ถูกต้องเชื่อมโยงมาถึงมนุษยชาติและพูดได้อีกว่าแม้แต่เทพเหล่านั้นที่พวกท่านเชื่อถือกันในอดีตล้วนแต่อยู่ในการปรับฝ่าให้ถูกต้องครั้งนี้จัดวางตำแหน่งของพวกเขาใหม่คนยิ่งเป็นอย่างเดียวกันพวกเขายังจะดูแลเรื่องของมนุษย์ได้อย่างไรละ

ศิษย์ศิษย์ต้าฝ่าเมืองเหอเฟย มณฑลอันฮุย เสิ่นหยางเยียนเปียนฝากสวัสดีท่านอาจารย์

อาจารย์ ขอบใจทุกท่าน(เสียงปรบมือ)

ศิษย์มีคนตีพิมพ์บทความวิจารณ์ต้าฝ่าไม่ดีผมโต้แย้งกับเขาใช่ไหมว่าผมไม่ได้ปฏิบัติตาม “ความอดทน”(เหริ่น)ของ เจิน ซั่น เหริ่น การโต้แย้งกับคนนับว่าเป็นจิตยึดติดหรือไม่

อาจารย์ หากพูดเหตุผลกับเขาด้วยใจและเจตนาที่ดีงามบอกกับเขาถ้าไม่ยอมฟังก็แล้วกันไปที่จริงท่านยังสำนึกไม่ถึงว่าเมื่อท่านพูดหลักการของต้าฝ่ากับเขา คือท่านกำลังบรรยายฝ่ากับเขาท่านกำลังถ่ายทอดฝ่าให้เขาท่านกำลังช่วยเขาโปรดเขานะเขาไม่ฟังคือการเลือกของเขาเองไปโต้เถียงกับเขาทำไมกัน ให้ปฏิบัติต่อทุกสิ่งนี้ด้วยความคิดที่ดีงามผลลัพธ์ย่อมจะดีกว่า

ศิษย์เวลาศึกษาฝ่าบางครั้งรับรู้ได้ถึงหลักการหนึ่งของฝ่าแต่พอคิดจะพูดออกมาก็รู้สึกว่าการรับรู้นี้ไม่ถูกต้องแล้วความรู้สึกนี้ชัดแจ้งขึ้นเรื่อยๆ อาจารย์ถูกละเมื่อครู่ข้าพเจ้ามิใช่พูดแล้วหรือได้แต่ซาบซึ้งด้วยใจไม่สามารถสื่อออกมาด้วยคำพูดพอท่านพูดออกมาด้วยภาษาของคนธรรมดาสามัญก็จะตกลงมาที่ระดับเดียวกับหลักการของคนธรรมดาสามัญแล้ว

ศิษย์ผู้บำเพ็ญเพศหญิงมีสัดส่วนมากกว่าเพศชาย อาจารย์ดูๆไป ปัจจุบันเพศหญิงรับรู้ต่อต้าฝ่าได้เร็วขึ้นนี่เป็นเรื่องดีจริงๆ

ศิษย์เดิมทีดิฉันชอบเด็กมากและอยากจะมีลูกมากแต่หลังจากสัมผัสกับต้าฝ่า คิดถึงว่ามนุษยชาติอยู่ในระดับต่ำอย่างนี้ศีลธรรมเสื่อมทรามอย่างนี้เช่นนั้นจะมีลูกไปทำไมทำให้จิตวิญญาณที่สะอาดบริสุทธิ์ต้องแปดเปื้อน อาจารย์ข้าพเจ้าขอบอกท่าน ไม่ใช่ท่านที่สร้างชีวิตหากเป็นชีวิตนั้นที่เข้าสู่ครรภ์ของคน กลับชาติมาเกิดจะมีกรรมหรือไม่เขาเองเป็นผู้นำติดตัวมาถ้าไม่มาเกิด ณ ที่ท่านตรงนี้เกิดจากคนอื่นก็อย่างเดียวกัน ท่านเป็นผู้ฝึกต้าฝ่ายังกลัวลูกจะถูกแปดเปื้อนหรือ

ศิษย์ดิฉันเป็นครูสอนเด็กอนุบาลของชนชาติหนึ่งงานของดิฉันคือไปตามโรงเรียนอนุบาลเผยแพร่วัฒนธรรมและประเพณีจีนดิฉันอยากเผยแพร่ชุดฝึกพลังทั้งห้าให้กับเด็กๆจะทำอย่างนี้ได้หรือไม่

อาจารย์ดีมากที่จริงครูใหญ่ตลอดจนครูของโรงเรียนอนุบาลในบางพื้นที่ ล้วนกำลังฝึกอยู่เด็กๆเหล่านั้นก็กำลังฝึกอยู่ทั้งนั้นเด็กเล็กๆเขาไม่มีจิตยึดติดใช่ไหมพอนั่งลงตรงนั้นโอ้ดีเหลือเกินบริสุทธิ์จริงๆยอดเยี่ยมจริงๆเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีแน่นอนใช้หลักการของต้าฝ่ามาสอนเด็กๆจะเป็นประโยชน์ไม่มีที่สิ้นสุดต่อชีวิตพวกเขา

ศิษย์บางคนบำเพ็ญศาสนาคริสต์ ศาสนาพุทธ ด้วยน้ำใสใจจริงซึ่งล้วนไม่มีโอกาสจะได้รับฝ่าหลุนต้าฝ่าพวกเขาจะมีทางออกอะไรไหม

อาจารย์ก่อนที่ข้าพเจ้าจะทำเรื่องนี้เทพของพวกเขาต่างแสดงออกมาอย่างชัดเจนให้กับคนเหล่านั้นที่สามารถได้รับการช่วยเหลืออย่างแท้จริงบางคนเชื่อบางคนไม่เชื่อ ข้าพเจ้าไม่มองว่ามันเป็นศาสนาอะไรหรือมองว่าเขาเป็นข้าราชการใหญ่แค่ไหนและไม่ดูว่าเขาเป็นใครดูแต่ใจคนใครก็ตามอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้าก่อนอื่นท่านก็คือคนๆหนึ่งข้าพเจ้าดูแต่ใจคนหากท่านไม่ต้องการข้าพเจ้าก็ไม่ดูแลท่านเมื่อท่านต้องการข้าพเจ้าก็จะช่วยท่านก็เป็นอย่างนี้ไม่ดูรูปแบบไม่ดูตำแหน่งไม่ดูว่าเชื่อถืออะไรอยู่ (เสียงปรบมือ)

ศิษย์บำเพ็ญต้าฝ่ามาได้หลายปีแล้วหลายเดือนมานี้เวลาแลกเปลี่ยนความคิดกับทุกคนมองเห็นศิษย์บางคนคุยจ้อไม่หยุดพูดไม่ยอมจบตนเองก็ยิ่งไม่อยากพูดมากเรียนถามท่านอาจารย์สภาพการณ์ชนิดนี้ถูกหรือไม่
อาจารย์ถ้าเขาพูดมากไม่หยุดเมื่อพูดไม่ยอมหยุดยิ่งพูดท่านก็ยิ่งไม่อยากฟังยิ่งพูดท่านก็ยิ่งรำคาญท่านก็มีจิตใจอย่างหนึ่งแล้วและเขายิ่งพูดยิ่งไม่ยอมหยุดก็คือการพูดที่พุ่งมาที่ท่าน แม้จะไม่พูดกับท่านโดยตรง (เสียงปรบมือ)ก็คือเปิดโปงใจของท่านออกมาที่จริงก็ได้เปิดโปงออกมาแล้วเพียงแต่เราเองกำลังแก้ต่างพูดว่าคนเขาพูดจ้อไม่หยุดข้าพเจ้ามิใช่เคยบอกพวกท่านว่าเมื่อประสบกับเรื่องอะไรล้วนต้องมองตนเองหรือใช่หรือไม่ว่าจิตอะไรของท่านออกมาแล้วเพราะพวกท่านเป็นผู้บำเพ็ญคนหนึ่งเป็นคนเหนือสามัญวิสัยทำไมต้องมองว่าคนธรรมดาสามัญไม่ดีอย่างไร หรือไปเปรียบกับคนธรรมดาสามัญละ แม้ว่าเขาจะเป็นผู้บำเพ็ญแต่เขาก็บำเพ็ญอยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญเขายังมีจิตที่ไม่ได้ทิ้งไปนะยังมีการแสดงออกของคนธรรมดาสามัญถ้าเขาไม่มีสิ่งเหล่านี้แล้วเขามิใช่พระพุทธแล้วหรือเป็นเทพแล้วหรือเป็นเหตุผลนี้กระมังดังนั้นในหมู่ผู้ฝึก พอเกิดปัญหานี้ปัญหานั้นแล้ว ก็พูดว่าคุณดูซิคนนั้นบำเพ็ญแย่อะไรอย่างนั้นเขาไม่พิจารณาตนเองในการบรรยายฝ่าข้าพเจ้าเคยบอกทุกท่านแล้วเมื่อคนสองคนเกิดความขัดแย้งกันคนที่สามเมื่อมองเห็นแล้วก็ต้องพิจารณาตัวเอง ไอหย๋า พวกเขาเกิดความขัดแย้งกันแล้วทำไมจึงให้ฉันเห็นละใช่ไหมว่าฉันมีจิตอะไรอยู่ใช่ไหมว่าฉันก็มีปัญหาอย่างนี้อยู่ดังนั้นการบำเพ็ญนั้น ท่านต้องรับผิดชอบต่อตัวเองจริงๆต้องมองตัวเองอีกอย่างจะขอพูดสักหน่อยผู้ฝึกบางคนเวลาศึกษาฝ่าร่วมกันพูดจ้อไม่หยุดในเรื่องที่ไม่ใช่ของต้าฝ่า หรือเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญก็คือกำลังรบกวนการบำเพ็ญระหว่างผู้ฝึกด้วยกันต้องระวังเป็นพิเศษสำหรับคนที่ทำอย่างนี้ต้องชี้ออกมาอย่างชัดเจนให้กับเขา

ศิษย์เมื่อมองเห็นด้านที่เห็นแก่ตัวของผู้บำเพ็ญในใจรู้สึกกลัดกลุ้มเหลือเกิน อาจารย์นั่นก็เป็นอีกจิตใจหนึ่งของท่านควรที่จะเป็นว่า ใครก็สั่นคลอนใจผู้บำเพ็ญไม่ได้เมื่อท่านมองเห็นจิตที่เห็นแก่ตัวของเขาแสดงออกมาแล้วการแสดงออกมาก็อาจเพื่อให้ท่านบอกกับเขาให้เขารับรู้ได้ทิ้งมันไปท่านถูกจิตที่เห็นแก่ตัวนั้นของเขาสั่นคลอนแล้วท่านถูกมันทำจนกลุ้มแล้วท่านยังไม่มีใจหรือ ใช่ไหม

ศิษย์ใจตนเองเกิดมารทำไมจึงตกลงสู่ก้นบึ้งไม่สามารถบำเพ็ญได้อีกหรือ อาจารย์เป็นการอธิบายอย่างหนึ่งของข้าพเจ้าหากใจตนเองเกิดมารของเขาบรรลุถึงขั้นยากที่จะกอบกู้สถานการณ์ได้เขาก็จะตกลงสู่ก้นบึ้งถ้าเขาสามารถสำนึกได้นั่นยังพอมีช่องทางกอบกู้สถานการณ์ได้ ข้าพเจ้าบอกทุกท่านถึงอันตรายของใจตนเองเกิดมารบนหลักการของฝ่า

ศิษย์ผู้บำเพ็ญสามารถจะปรับปรุงระบบการศึกษาได้หรือไม่ทำให้คนในสังคมยอมรับต้าฝ่าง่ายยิ่งขึ้น
อาจารย์มีผู้ฝึกมากมายรู้สึกว่าต้าฝ่าดีมากสามารถเปลี่ยนแปลงใจคนได้ทั้งหมดสามารถทำให้คนเลื่อนสูงขึ้นสามารถทำให้สังคมบรรลุสภาพที่ดีที่สุดได้ เป็นสังคมที่มีศีลธรรมสูงเช่นนั้นผู้ฝึกมากมายกับคนธรรมดาสามัญที่ไม่ได้บำเพ็ญจึงคิดว่าถ้าได้รับการยอมรับกันทั่วจากคนในสังคมสามารถทำให้คนมากยิ่งขึ้นทำกันอย่างนี้สังคมนี้จะดีแค่ไหนกันละ ที่จริงใจของท่านนั้น ก็คืออยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญ ข้าพเจ้าสามารถบอกท่านได้อย่างนี้ว่าเพราะท่านยังรับรู้ฝ่าได้ไม่ลึกถึงอย่างนั้นยังไม่ทราบอย่างกระจ่างชัดถึงการถ่ายทอดฝ่านี้ของข้าพเจ้าซึ่งหาได้ทำเพื่อจะให้สังคมคนธรรมดาสามัญเป็นอย่างไรอย่างไรแต่เป็นการบรรยายฝ่าให้ผู้บำเพ็ญทำให้ผู้บำเพ็ญได้รับการช่วยเหลือสังคมคนธรรมดาสามัญนั้นก็เป็นสังคมคนธรรมดาสามัญถ้ามีข้าราชการชั้นสูงใช้หลักการของฝ่าที่ดีงามของต้าฝ่าแก้ไขศีลธรรมในสังคมที่เสื่อมถอย นั่นก็จะเป็นการแสดงออกที่ดีงามของใจคนข้าพเจ้าไม่คัดค้านเพราะเมื่อต้าฝ่าถ่ายทอดออกมาเพื่อให้คนได้ดีใช่ไหมก็คืออย่างนี้นั่นเป็นเรื่องของคนธรรมดาสามัญ ในอนาคตเมื่อฝ่าปรับโลกมนุษย์ นั่นจะเป็นเรื่องในก้าวต่อไป

ศิษย์ผู้ฝึกไต้หวันทั้งหมดฝากสวัสดีท่าน อาจารย์ขอบใจทุกท่าน(เสียงปรบมือ)

ศิษย์ขณะนี้มีหลายปัญหาจะขอเรียนถามท่านความสูงต่ำของความสามารถของคนคือสิ่งที่มีมาพร้อมกับจิตหลักเมื่อเกิดหรือว่าจัดวางตามกุศลและกรรมของแต่ละคน

อาจารย์ความสามารถที่ท่านพูดมีสองชนิดชนิดหนึ่งคือความฉลาดของคนธรรมดาสามัญตามที่เรียกกันในการบำเพ็ญ นี่ไม่ใช่อะไรเลยในทางกลับกันเป็นอุปสรรคอย่างร้ายแรงอีกชนิดหนึ่งคือความสามารถเหนือคนธรรมดาสามัญ ที่จะปรากฏออกมาในการบำเพ็ญสิ่งเหล่านี้มีองค์ประกอบก่อนกำเนิดและก็มีองค์ประกอบหลังกำเนิดแต่สิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่มาตรฐานในการตัดสินระดับชั้นของการบำเพ็ญต้องดูว่าคนบำเพ็ญเป็นอย่างไรความสามารถในการรับรู้ฝ่าก็คือดูรากฐานจิตใจแล้วธาตุแท้ก่อนกำเนิดของคนถูกกลบจนมิดแล้วท่ามกลางกาลเวลาที่ยาวนานในการกลับชาติมาเกิดในชาติภพต่างๆธาตุแท้ของคนยังสามารถจะพรั่งพรูออกมาได้มากน้อยแค่ไหนนี่ก็คือรากฐานจิตใจกับความสามารถในการรับรู้เป็นอย่างไร

ศิษย์รูปลักษณ์ที่สง่างามต่างๆนานาของพระพุทธ เต๋า เทพ ในอดีตที่ตกทอดอยู่ในที่ต่างๆบนโลก ซึ่งแสดงออกมาโดยใช้การปั้นสลักและภาพวาดนั้นตกทอดลงมาในโลกโดยผ่านวิธีการอย่างไร
อาจารย์ที่ท่านพูดคือรูปลักษณ์ของพระพุทธ คนรู้ได้อย่างไรยุคสมัยที่ศีลธรรม อารยธรรมของมนุษย์ดีมากนั้นกับยุคสมัยที่ศีลธรรมของมนุษย์ไม่ดีมีความแตกต่างกันมากเมื่อศีลธรรมของสังคมมนุษย์สูงภาพที่แท้จริงของจักรวาลที่เทพแสดงออกมาให้กับคนก็จะมากนี่เป็นสภาพการณ์ที่สังคมมนุษย์ทั้งหมดนำมา ส่วนสังคมมนุษย์ในวันนี้ใช้ไม่ได้เพราะสิ่งที่สังคมวันนี้เชื่อถือคือวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เทพดังนั้นจึงมองไม่เห็นยิ่งขึ้นเรื่อยๆและวิทยาศาสตร์นี้คือสิ่งที่มนุษย์ต่างดาวสร้างออกมาให้กับคนมนุษย์ต่างดาวก็เป็นชีวิตในมิตินี้เพียงแต่มันเป็นชีวิตในดาวดวงอื่นเท่านั้นภาพวาดฝาผนังเหล่านั้นในพระราชวังลูฟร์ของประเทศฝรั่งเศสมีหลายภาพเป็นเรื่องราวของเทพวาดได้อย่างสมจริงข้าพเจ้าดูมาแล้วว่าเป็นอย่างนั้นแต่ว่านะมันเป็นสิ่งที่ตกทอดมาจากยุคที่เจริญรุ่งเรืองของศาสนาคริสต์หรือพูดได้ว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่ศีลธรรมมนุษย์ดีที่สุด ตกทอดลงมาจากช่วงเวลาที่เชื่อถือเทพมากที่สุด เช่นนั้นจึงมีศิลปินมากมายเขาก็เป็นสาวกที่เคารพเลื่อมใสในศาสนาคริสต์เช่นนั้นเทพจึงแสดงออกมาให้เขาเห็นเขาจึงสามารถเห็นได้เพราะทุกท่านทราบ คนที่ทำงานศิลปะ ความจำของเขานั้นดีมาก ในฉับพลันเวลาที่เขามองเห็นภาพลักษณ์ของเทพเหล่านี้ดังนั้นเขาจึงวาดออกมาได้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าวาดได้เหมือนมากสมจริงมากๆเป็นเช่นนั้นจริงๆมีคนมากมายที่เห็นภาพวาดฝาผนังชนิดนี้แล้วจะเกิดความรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์น่าเคารพเลื่อมใสความเคารพเลื่อมใสต่อเทพที่ยิ่งใหญ่ชนิดนั้นพระพุทธรูปนั้นก็ตกทอดลงมาอย่างนี้ให้คน

ศิษย์สสารที่บำเพ็ญสำเร็จสมบูรณ์เมื่อกล่าวสำหรับข้างบน เป็นสิ่งที่ล้ำค่าใช่ไหมว่าหมายถึงการหวนคืนสู่ความจริงแท้ดั้งเดิม บวกกับขั้นตอนของการบำเพ็ญ

อาจารย์การเชื่อมโยงนี้ของท่านไม่ใช่อย่างนั้นเลยขั้นตอนการบำเพ็ญของท่านก็คือการหวนคืนสู่ความจริงแท้ดั้งเดิมนะ“สสารที่สำเร็จสมบูรณ์นั้นกล่าวสำหรับข้างบน เป็นสิ่งที่ล้ำค่า” คำพูดนี้ไม่เป็นเหตุเป็นผลเขตแดนนั้นที่สูงเลยจากที่ท่านสำเร็จสมบูรณ์ กล่าวสำหรับเทพที่สูงกว่าไม่แน่ว่าจะล้ำค่ากล่าวสำหรับเทพที่สูงยิ่งขึ้น เขาถือว่าเป็นดินที่จริงสังคมมนุษย์ที่นี่อะไรที่ไม่ดีของจักรวาลล้วนตกลงมาที่นี่

ศิษย์สาวกของคริสต์ศาสนาสามารถบำเพ็ญต้าฝ่าได้ไหม
อาจารย์เมื่อครู่ข้าพเจ้ายังพูดไว้อีกประโยคหนึ่งข้าพเจ้าว่าเทพนั้นไม่เห็นความสำคัญของศาสนาหรือไม่ใช่ศาสนาอะไรนั่นเป็นสิ่งที่คนทำขึ้นมาเวลาที่พระเยซูอยู่ในโลก ไม่มีวิหารเลยเวลาที่พระเยซูอยู่บนโลกก็ไม่มีศาสนาคริสต์เลยเมื่อองค์ศากยมุนีอยู่ในโลกก็ไม่มีวัดคือสิ่งที่คนทำออกมาเมื่อองค์ศากยมุนียังอยู่ในโลกก็ไม่มีคัมภีร์เมื่อพระเยซูยังอยู่ในโลกก็ไม่มี “ไบเบิ้ล”ทว่าเป็นคนรุ่นต่อมา ที่หวนระลึกถึงคำพูดที่พวกเขาพูดแล้วเขียนออกมา

ดังนั้น พระพุทธ กับเทพ จึงไม่เห็นความสำคัญกับอะไรที่เป็นรูปแบบหรือไม่เป็นรูปแบบที่คนทำกันจะสนใจรูปแบบนั้นของท่านไปทำไมกันสำหรับมนุษย์ศาสนาไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีแต่หากคนยึดติดรูปแบบนี้โดยตัวมันเองก็ไม่ใช่ศิษย์ที่มีความสัตย์จริงของเทพหรือพระพุทธทุกท่านทราบวัดนั้นในสมัยปฏิวัติวัฒนธรรมล้วนถูกทำลายไปแล้วในตอนนั้นทำไมพระพุทธไม่ดูแลละจะดูแลมันไปทำไมกันวัดนั้นคนอะไรก็ไปกันอะไรๆก็ขอคนที่ขอกับพระพุทธนั้นเขาไม่บำเพ็ญจุดประสงค์ในการกราบไหว้พระพุทธ คือให้ช่วยคุ้มครอง ให้มีบุตรเอยให้ร่ำรวยเอยคุ้มภัยให้ฉันช่วยขจัดทุกข์ภัยเอยพระพุทธจะทำเรื่องนี้ให้ท่านหรือพระพุทธนั้นจะช่วยสรรพชีวิตแก้ปัญหาให้โดยแก่นแท้จะโปรดท่านขึ้นไปบนสวรรค์ท่านกลับขอความสุขสบายในหมู่คนธรรมดาสามัญดังนั้นจิตใจที่ปฏิบัติต่อพระพุทธวอนขอกับพระพุทธนั้นเป็นจิตที่ไม่ดีที่สุดทำให้พระพุทธลำบากใจคนไม่รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ใช้อารมณ์ความรู้สึกปฏิบัติต่อพระพุทธคือ ฉันพูดเยินยอว่าพระพุทธ พระโพธิสัตว์ดีมีเมตตายิ่งใหญ่พระพุทธ พระโพธิสัตว์ก็ต้องช่วยสนองให้ตามที่ฉันขอนะฉันพูดว่าพระพุทธองค์นี้ดีพระพุทธก็จะดีใจแน่คนคิดว่าพอพูดอย่างนี้พระพุทธก็จะดีใจคนคิดว่าใจคนสามารถชักนำใจของพระพุทธได้นะหรือเขาคิดว่าเพียงคำพูดดีๆ ไม่กี่คำก็จะสามารถทำให้พระพุทธดีใจช่างน่าขันยิ่งนักก็คนแบบนี้ที่กราบไหว้พระพุทธรูปอยู่ตรงนั้นพระพุทธนั้นยังจะอยู่ตรงนั้นอีกหรือฟังแล้วรำคาญหูพระพุทธก็ไม่อยู่ตรงนั้นตั้งนานแล้วพระพุทธไม่อยู่บนพระพุทธรูปนั้นร่างวิญญาณชั่วที่ก่อกวนโลกก็จะมารับควันธูปแทนฉะนั้นสิ่งที่คนกราบไหว้คืออะไรละทุกท่านคิดดูวัดนี้ยังจะเหลือไว้ทำอะไรคนไม่ทำลายทิ้งพระพุทธก็จะให้ฟ้าผ่ามันทิ้งคือเหตุผลนี้ใช่หรือไม่ดังนั้นพระพุทธจึงดูแต่ใจคนสภาพจิตใจของท่านไม่ถึงมาตรฐานนั้นของการบำเพ็ญท่านปกป้องพุทธศาสนาปกป้องศาสนานั้นมันมีประโยชน์อะไรละนั่นคือสิ่งที่คนทำขึ้นมาสิ่งที่ท่านปกป้องคือศาสนาคือการยึดติดต่อศาสนาโดยตัวมันเองท่านบอกว่าฉันปกป้องศาสนานั้นแล้วฉันก็สามารถจะสำเร็จเป็นพระพุทธได้ก็สามารถจะสำเร็จเป็นเทพได้ก็สามารถจะไปสวรรค์ได้นั่นไม่ใช่การพูดล้อเล่นหรือ

ศิษย์ศาสนาคริสต์ต่างจากฝ่าหลุนต้าฝ่าไม่มากใช่หรือไม่เพียงแต่เป็นความต่างระหว่างตะวันออกกับตะวันตกเท่านั้น อาจารย์นี่แตกต่างกันมากเหลือเกินฝ่าหลุนต้าฝ่าคือฝ่าที่สร้างสรรค์จักรวาลรวมทั้งสรรพชีวิตทั้งปวงรวมทั้งคน เทพฟ้าดินสรรพสิ่งทั้งหลายเทพทั้งปวงที่มีอยู่ล้วนสำเร็จได้โดยต้าฝ่า“จ้วนฝ่าหลุน” หนังสือเล่มนี้ท่านไปอ่านดูในหนังสือเล่มนี้ปัญหาเหล่านี้ข้าพเจ้าก็อธิบายไว้ชัดเจนแล้วพวกท่านสามารถอ่านหนังสือซึ่งมี“จ้วนฝ่าหลุน”ภาษาอังกฤษ

ศิษย์ผมมีปัญหาหนึ่งขอความกรุณาอธิบายผมบำเพ็ญ ในสามปีกว่านี้ทุกข์ภัยที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็ผ่านได้ง่ายแต่ปีกลายปรากฏการข้ามด่านถ่ายอุจจาระเป็นเลือดมาหลายเดือนนี่เป็นเพราะอะไรขณะนี้กระทบต่อร่างกายแล้วเช่นนี้จะสามารถบำเพ็ญต่อไปได้ไหม
อาจารย์ทุกท่านคงอยากจะเข้าใจปัญหานี้โดยตัวมันเองก็มีปัญหาอยู่ท่านยังคิดว่าจะเหมือนกับเมื่อสามปีนั้นที่สงบและราบรื่น นั่นคือการบำเพ็ญหรือสามปีนี้ก้าวหน้าจริงๆแล้วหรือปฏิบัติต่อตนเองเหมือนกับผู้บำเพ็ญที่แท้จริงแล้วหรือบรรลุมาตรฐานนี้แล้วหรือบางครั้งในใจตนเองยังมองเรื่องครอบครัวสำคัญกว่าฝ่าเรื่องที่คิดคือการหาเงินยึดติดกับความรู้สึกต่อครอบครัวล้วนสำคัญกว่าฝ่ากรรมของตนเองไม่คิดจะสลายไปไม่คิดจะทนทุกข์นี้เป็นศิษย์ที่บำเพ็ญจริงหรือหากบำเพ็ญเช่นนี้ สิบปีก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ทั้งนั้นเมื่อข้าพเจ้าเริ่มนำพาท่านไปสู่ระดับสูงแล้วเริ่มชำระล้างร่างกายท่านเลือดที่เคยคั่งอยู่ในอดีตเอยเลือดเสียเอยสิ่งที่ไม่ดีเอยเมื่อผลักออกมาในทันใดก็มองว่าร่างกายเกิดปัญหาแล้วไม่สามารถยืนหยัดในความคิดที่ถูกต้องไม่เชื่อว่านี่คืออาจารย์กำลังชำระร่างกายให้ในระหว่างการบำเพ็ญการบำเพ็ญเป็นเรื่องที่เข้มงวดออกอย่างนั้นแต่กลับมองว่ามันคือโรคข้าพเจ้ามองปัญหานี้อย่างไรหรือนี่คือการข้ามด่านหรือจิตใจยังไม่มั่นคงเดิมทีเป็นเรื่องที่ดี เพราะชำระร่างกายให้ท่านแล้วใช่ไหมใครจะทำเรื่องนี้ให้ท่านละไม่ใช่เพราะท่านจะบำเพ็ญจึงทำให้ท่านหรอกหรือต่อปัญหานี้ท่านเอง ยังไม่สามารถรับรู้ได้ถูกต้องยังคงบำเพ็ญอย่างช้าๆอย่างนั้นไม่สามารถก้าวหน้าเรื่องเหล่านี้ก็ไม่สามารถรับรู้ได้โดยอยู่ในฝ่าดังนั้นเรื่องการชำระร่างกายนี้ขั้นตอนจึงยืดยาวจึงผ่านไปไม่ได้สักทีเป็นสภาพการณ์อยู่อย่างนี้ลากมานานหลายเดือนความคิดก็ยิ่งไม่มั่นคงพอเวลานานเข้าทุกข์ภัยก็ใหญ่แล้วใช่ไหมก็ยิ่งผ่านไปไม่ได้ทำไมลากยาวถึงเพียงนั้นละและยังผ่านไปไม่ได้ความคิดเริ่มไหวหวั่นการบำเพ็ญนี้ไม่ได้ผลแล้วใช่ไหมอาจารย์ไม่ดูแลฉันหรือเป็นเรื่องอะไรกันแน่กระทบต่อร่างกายเสียแล้วในปัญหานี้ท่านไม่ได้ถือว่าตนเองเป็นผู้ฝึกพลังหลายๆ ปัญหาที่เป็นรูปธรรมปกติข้าพเจ้าไม่อยากจะพูดให้ท่านฟังแต่ทุกท่านคิดดูมีหลายคนหลังจากบำเพ็ญต้าฝ่าโรคที่รักษาไม่หายเอยคนป่วยหนักเอยก็หายหมดแล้วเพราะว่าเขาไม่มีจิตยึดติดเขากำลังก้าวหน้าอยู่เขาไม่คิดถึงโรคของเขาเลยโรงพยาบาลก็กำหนดโทษตายไว้แล้วฉันยังจะกลัวความตายอะไร วันนี้ได้รับต้าฝ่าแล้วบำเพ็ญไป สามารถได้เท่าไรก็เท่านั้นบำเพ็ญฝึก อย่างมุ่งมั่นโรคของเขาก็หายหมดอย่างไม่รู้ตัวเพราะเขาไม่ยึดติดกับโรคแต่ก็มีบางคนที่ป่วยหนักรวมทั้งโรคที่รักษาไม่หายเขาก็ตายไปทำไมละเพราะพวกเขาล้วนมาเพื่อรักษาโรคในการฝึกพลังก็ไม่อาจปล่อยวางจิตยึดติดของตนเขาคิดว่า คนๆนั้นฝึกฝ่าหลุนกงก็หายจากโรคที่รักษาไม่ได้ฉันก็จะฝึกให้หายได้ฉันมาฝึกแล้วอาจารย์คนนี้ก็ต้องดูแลฉันแน่ๆสมองเขากำลังคิดเพียงฉันอ่านหนังสือเพียงฉันฝึกพลังอาจารย์ย่อมจะช่วยฉันเอาโรคทิ้งไปท่านดูในใจก็ด้อยไปนิดหนึ่งอย่างนั้นเขายังคิดว่า อาจารย์ต้องขจัดโรคให้ฉันแน่โดยเปลือกนอกก็กำลังบำเพ็ญเหมือนทุกท่านกำลังอ่านหนังสืออยู่เขาไม่ใช่อ่านเพื่อโรคนั้นหรือข้าพเจ้าต้องดูธาตุแท้ของเขานะการบำเพ็ญนั้นเข้มงวดท่านกำลังหลอกพระพุทธอยู่หรือท่านกำลังหลอกอาจารย์อยู่หรือหลอกตัวเองนะธาตุแท้ของท่านไม่เปลี่ยนท่านจะสามารถเป็นผู้บำเพ็ญจริงได้ไหมทำไมผู้ฝึกมีการทดสอบในขณะฝันอยู่ละเมื่อบรรดาจิตที่สามารถปิดบังตัวเองล้วนหลับอยู่ก็จะดูว่าท่านอยู่ในสภาพการณ์อะไรต้องบรรลุถึงมาตรฐานาของผู้บำเพ็ญที่แท้จริงคือเหตุผลนี้ใช่หรือไม่ได้ศึกษาต้าฝ่าแล้วยังไม่ก้าวหน้าอย่าได้พลาดโอกาสไปเสียละมีคนอีกมากมายยังไม่ได้รับฝ่านะ

ศิษย์ทำไมพอผมเข้าร่วมกลุ่มฝึกพลังภรรยาของผมก็รู้สึกทนไม่ได้ อาจารย์เกิดจากกรรมของท่านหนี้มากมายที่ติดค้างไว้ชาติภพก่อนๆของคน พอท่านบำเพ็ญแล้วก็ไม่ต้องชดใช้แล้วหรือไปเป็นเทพได้อย่างสะดวกสบายแล้วหรือ นี่จะถูกหรือนี่เรียกว่าเทพอะไรละก่อกรรมแล้วก็ไม่นับ จะได้หรือเทพมองชีวิตของคนๆหนึ่ง เขาไม่ได้มองเพียงชาติเดียวนะแต่ละชาติ ละชาติที่ไปเกิดใหม่ก็เหมือนแต่ละวัน แต่ละวันที่ผ่านไปนอนหลับไปพอตื่นขึ้นตอนเช้า ท่านบอกว่าท่านไม่ยอมรับเรื่องที่ทำไปเมื่อวานนี่ใช้ไม่ได้ใช่หรือไม่เทพจะมองชีวิตท่านทั้งหมดโดยรวม ในช่วงเวลาไหนท่านเคยทำอะไรไว้ล้วนแต่มองเห็น

ศิษย์จะขยายความจุ(ความอดทน)ของจิตใจให้ใหญ่ขึ้นได้อย่างไร อาจารย์ในระหว่างที่ท่านบำเพ็ญ ก็ขยายใหญ่ขึ้นโดยอัตโนมัติแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่จะตั้งใจทำได้ปล่อยวางจิตยึดติดได้ยิ่งมากจิตใจก็จะยิ่งกว้างใหญ่ความจุ(ความอดทน)ต่อเรื่องราวจะยิ่งมาก

ศิษย์ขณะฝันอยู่ฝันเห็นอาจารย์ส่งถ้วยแก้วใสสี่ใบให้แต่มีเพียงใบหนึ่งที่สมบูรณ์ดีวันที่สองฝันเห็นตนเองมีลูกสาวสี่คนแต่มีเพียงคนเดียวที่มีชีวิตเหลืออยู่เพื่อนผู้ฝึกพลังด้วยกันรับรู้ได้ว่า ใช่ไหมว่าได้รับสิ่งที่อาจารย์มอบให้เพียงหนึ่งในสี่ถูกต้องไหม อาจารย์ให้ท่านรับรู้เองนะข้าพเจ้าไม่อาจพูดได้ถ้าข้าพเจ้าพูดแล้ว มิใช่ให้ข้าพเจ้ารับรู้เองแล้วหรือ

ศิษย์ขอเรียนถาม หลังจากไปถึงเขตแดนและระดับชั้นของพระพุทธยังมีจิตหลัก จิตรองหรือไม่

อาจารย์นั่นก็ไม่มีแล้วข้าพเจ้ามิใช่เคยพูดใน “จ้วนฝ่าหลุน”แล้วหรือว่าหลังจากสำเร็จสมบูรณ์แล้วจิตรองเป็นได้เพียงผู้พิทักษ์ฝ่าหรือคงอยู่ในรูปแบบอื่น

ศิษย์ประเทศจีนเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีในการบำเพ็ญหลังจากดำรงชีวิตอยู่ในออสเตรเลียได้ช่วงหนึ่งแล้วจะกระทบต่อผลลัพธ์ของการบำเพ็ญไหม อาจารย์ไม่ใช่เพียงท่านบำเพ็ญอยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน

ศิษย์เวลาที่ผมนั่งสมาธิได้หนึ่งชั่วโมงส่วนมากจะรู้สึกว่าเวลายาวนานมากทนความเจ็บปวดนั่งจนจบแต่พบว่าเวลาที่สลายกรรมอยู่นั้น เวลาที่นั่งสมาธิจะเร็วเป็นพิเศษ ทันใดก็นั่งจบแล้วและความรู้สึกก็ไม่เหมือนกันสภาพการณ์ชนิดนี้ถูกหรือไม่ อาจารย์นี่ล้วนเป็นสภาพการณ์ของการฝึกพลังของท่านนี่ล้วนเป็นสภาพการณ์ที่เป็นธรรมชาติมาก

ศิษย์เมื่อนั่งสมาธิขณะสลายกรรมอยู่ทั้งสองฝั่งล้วนสลายกรรมพร้อมกันหรือไม่

อาจารย์สองฝั่งอะไรหรือด้านที่บำเพ็ญสำเร็จแล้วจะไม่เจ็บปวดถ้าหมายถึงขาสองข้างนั่นจะปวดอย่างแน่นอนเมื่อนั่งเป็นเวลานานไม่เพียงปวดขาปวดเอวชาที่เอว ใจกระวนกระวายคลื่นเหียนล้วนจะออกมาเหนื่อยยากร่างกายทุกข์ทรมานจิตใจปวดขานั่นเป็นเพียงการแบกรับทางกายนั่งสมาธิขณะที่ใจยังจะกระวนกระวายด้วยก็คิดจะเอาลงมาพวกเรามากมายล้วนมีความรู้สึกอย่างนี้ทนทุกข์ก็จะสามารถสลายกรรมได้

ศิษย์เป็นเกียรติและโชคดีมากที่ได้เห็นท่านด้วยตาตนเองขณะนี้มีปัญหาข้อหนึ่งท่านบอกว่าไม่ให้เดินสองแนวทางปกติหากผมอ่านคัมภีร์กับหนังสือของพุทธศาสนา ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ฝึกระดับชั้นต่ำ อย่างเช่นผมค่อยๆบรรลุมาตรฐานเพราะศาสนาพุทธก็เป็นพุทธธรรมถูกหรือไม่

อาจารย์วิธีคิดของท่านไม่ถูกต้าฝ่ากับพุทธศาสนาไม่ใช่สิ่งเดียวกันท่านอ่าน “จ้วนฝ่าหลุน”ให้มากเถอะสิ่งที่ข้าพเจ้าจะพูดกับท่าน มีมากจริงๆสิ่งที่ท่านอยากรู้ก็มากมายแต่วันนี้ข้าพเจ้ามีเวลาไม่พอที่นี่ข้าพเจ้าจะพูดคุยปัญหาต่างๆที่ประสบในการบำเพ็ญ ณ ระดับชั้นที่ต่างกันของเหล่าศิษย์ให้พวกเขาฟังหากท่านคิดจะบำเพ็ญก็อ่านหนังสือหน่อยหลังจากอ่าน “จ้วนฝ่าหลุน”ท่านค่อยตัดสินใจว่าท่านจะบำเพ็ญหรือว่าจะอ่านคัมภีร์พุทธของท่านท่านตัดสินใจเอาเองต้าฝ่ากับศาสนาทั้งหลายที่มีอยู่ ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน

ศิษย์ได้พบท่านรู้สึกตื่นเต้นมากพูดอะไรไม่ออกคิดจะพูดก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีในเวลานี้คือจิตสำนึกหลักไม่แจ่มแจ้งหรือว่าอารมณ์ความรู้สึกของคนเข้มข้นเกินไป
อาจารย์ ไม่ใช่ทั้งนั้นมีผู้ฝึกจำนวนมากพอพบข้าพเจ้าไม่เพียงแต่ท่านเวลาที่พบกับข้าพเจ้าเขาไม่มีคำพูดจะพูดแล้วเพราะในเวลานี้ส่วนนั้นที่บำเพ็ญได้ดีของพวกท่านมีสติขึ้นมาแล้วหลักการของฝ่าในเขตแดนนั้นด้านที่บำเพ็ญได้ดีอะไรก็รู้ได้หมดดังนั้นเมื่อพบกับข้าพเจ้าแล้วก็ไม่มีอะไรจะถามอาจารย์ทำเรื่องมากมายอย่างนั้นให้ทุกท่านด้านที่เข้าใจของพวกท่านล้วนทราบดีโดยชั้นผิวเพียงบรรยายหลักการของฝ่าให้พวกท่านแต่การยกระดับที่แท้จริงในด้านอื่นของพวกท่านรวมทั้งการสลายกรรมให้พวกท่านเอยทำเรื่องมากมายให้กับพวกท่านเอยพวกท่านก็มีส่วนนั้นที่สามารถมองเห็นได้ดังนั้นนะพอเห็นข้าพเจ้าก็อยากจะร้องไห้ด้านนี้ของพวกท่านที่ยังบำเพ็ญได้ไม่ดี ก็ไม่รู้ว่าร้องไห้ทำไมก็คือสภาพการณ์นี้เพราะพวกท่านทราบว่าไม่มีทางจะอธิบายเรื่องเหล่านี้ ที่อาจารย์ทำให้กับพวกท่านในโลกอันวุ่นวายที่ไม่มีทางจะช่วยอะไรได้อย่างนี้ท่ามกลางศีลธรรมในใจคนที่ตกต่ำอย่างรวดเร็วการช่วยพวกท่านสลายกรรมและให้ของมากมายอย่างนั้นกับพวกท่านเช่นนั้นหากไม่มีโอกาสดังว่านี้ก็จะไม่มีใครทำดังนั้นด้านนั้นของพวกท่านเมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้แล้วก็จะเป็นสภาพการณ์นี้(เสียงปรบมือ)

ศิษย์ ผมขอเรียนถามผมอยากถามสักหน่อยจะทราบได้อย่างไรว่าตัวเองได้รับฝ่าแล้วที่ผ่านมามีโรคเบาหวานและคลอเรสเตอรอลสูงหลังจากบำเพ็ญฝ่าหลุนกงก็หายหมดแล้วพูดได้ชัดใช่ไหมว่าได้ฝ่าแล้ว

อาจารย์นี่ไม่ใช่ดูแลท่านแล้วหรือการบำเพ็ญก็ต้องปรับร่างกายให้ดีก่อนเสมอจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงของการบำเพ็ญอย่างเป็นทางการ ท่านล้วนกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วถ้าข้าพเจ้าไม่ดูแลก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างนี้นั่นไม่ใช่อยู่ในฝ่าแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงละหรือท่านก็อ่านหนังสือให้มาก ศึกษาฝ่าให้มาก ก้าวหน้าไปเถอะ

ศิษย์เวลาที่บำเพ็ญจะฝึกพลังไปพลางท่องคำเคล็ดไปพลางจะได้ไหม อาจารย์การท่องคำเคล็ดให้ท่องก่อนฝึกพลังขณะฝึกพลังก็ไม่ต้องท่องแล้วดีที่สุดคือ อะไรก็ไม่คิดจะดีที่สุด

ศิษย์ปัจจุบันผู้ฝึกที่เพิ่งเข้ามา กับศิษย์ที่บำเพ็ญได้หลายปีแล้วจะสำเร็จสมบูรณ์พร้อมกันได้หรือไม่มีผู้สูงอายุจำนวนหนึ่งเนื่องด้วยมีระดับการศึกษาจำกัด กับองค์ประกอบบางอย่างของตัวเองโดยเฉพาะคือความสามารถในการเข้าใจอ่อนด้อยจะมองการบำเพ็ญให้สำเร็จสมบูรณ์ของพวกเขาอย่างไรดี

อาจารย์ท่านก็อย่าดูแคลนผู้สูงอายุนะแต่ละคนล้วนต้องดูระดับความก้าวหน้าของเขาว่าเป็นอย่างไรไม่อาจมองเรื่องอายุกันอย่างนี้ข้าพเจ้าได้แต่บอกให้ท่านได้ฝ่าข้าพเจ้าก็จะให้เวลาที่เพียงพอแก่ท่านแต่หากท่านไม่อาจก้าวหน้าได้ไม่อาจปฏิบัติต่อตนเองในฐานะผู้ฝึกพลังเช่นนั้นอะไรก็จะสูญไปเปล่าๆทั้งหมดข้าพเจ้าให้เวลาที่เพียงพอกับท่านคือการให้เวลาที่เพียงพอที่ท่านจะก้าวหน้าไม่ใช่ให้เวลาท่านฝึกบ้างไม่ฝึกบ้าง(ฝึกเล่นๆ)

ศิษย์ลูกคลอดได้สามวันเห็นคนแก่ชาวต่างชาติคนหนึ่งสวมชุดดำบนศีรษะสวมหมวกที่ใช้ประกอบพิธี และมีเคราสีขาวห่มผ้าให้ลูกทั้งครอบครัวเราล้วนบำเพ็ญต้าฝ่าจึงควรเป็นธรรมกายของอาจารย์และไม่ควรเป็นคนแก่ต่างชาติคนนี้ศิษย์ไม่เข้าใจขอเชิญท่านอาจารย์อธิบายสักหน่อย จะได้ไหม

อาจารย์ ข้าพเจ้าที่อยู่ในระดับชั้นที่ต่างกันจะมีรูปลักษณ์ที่ต่างกันข้าพเจ้าก็มีสวรรค์ที่ต่างกันในระดับชั้นที่ต่างกันและเด็กมาจากที่ไหนรับฝ่า ใช่หรือไม่ว่ามีเทพอะไรที่ตามมาดูแลทั้งหมดนี้ข้าพเจ้าล้วนไม่อาจบอกท่านได้สนใจแต่การบำเพ็ญเถอะได้มองเห็นสิ่งเหล่านี้ก็ควรจะยิ่งก้าวหน้านะ

ศิษย์พวกเราหวังอย่างมากว่าศิษย์ชาวผิวขาวเหล่านั้นที่ได้รับประโยชน์ในต้าฝ่าจะริเริ่มก้าวออกมาแนะนำต้าฝ่าให้กับเพื่อนร่วมชาติของตนเอง อาจารย์ศิษย์ต้าฝ่าแต่ละคนไม่ว่าเขาจะเป็นคนผิวขาว หรือคนจีน หรือชนชาติอื่นในการบำเพ็ญพวกเขาเอง ล้วนทราบว่าควรทำอย่างไร

ศิษย์ผมไปออสเตรเลียค้นหาอยู่สี่เดือนจึงจะพบศูนย์ฝึกผู้ฝึกทั้งหมดหน้าตาดูคล้ายคนคุ้นเคยแต่ไม่เคยพบกันมาก่อนในระหว่างที่แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันผู้ฝึกต้าฝ่าทั้งหลายที่ได้พบก็คล้ายกับเคยพบกันมาก่อนไม่เหมือนคนแปลกหน้าไม่ทราบว่าเพราะอะไร

อาจารย์นั่นแน่นอนละที่ศิษย์ต้าฝ่าเราบำเพ็ญคือฝ่าเดียวกันทั้งหมดล้วนบำเพ็ญอยู่ในต้าฝ่าด้านที่บำเพ็ญสำเร็จล้วนรู้สึกคุ้นเคยกันมากและระหว่างพวกท่านด้วยกันอาจเป็นไปได้ว่าเคยรู้จักกันในชาติไหนภพไหนมาก่อน

ศิษย์สมองของผมมักจะว่างแต่มักมีคนถามผมว่า คุณบอกฝ่าหลุนกงดีแต่ทำไมคุณจำอะไรไม่ได้เลย

อาจารย์เพราะด้านที่บำเพ็ญได้ดีด้านที่บำเพ็ญจนเข้าใจแล้วนั้น ถูกกันออกไปแล้วด้านที่ไม่เข้าใจมักเป็นด้านที่ยังบำเพ็ญได้ไม่ดีอย่าให้สิ่งที่รบกวนท่านแสดงบทบาทได้อีก

ศิษย์ตั้งแต่เล็กมีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจความน้อยเนื้อต่ำใจเป็นจิตยึดติดที่ควรทิ้งไปหรือไม่

อาจารย์ถูกต้องให้ทิ้งมันไปวันนี้ท่านคือชีวิตที่โชคดีที่สุดของจักรวาลแล้วท่านเป็นผู้ฝึกต้าฝ่าแล้วเทพบนสวรรค์ต่างอิจฉาพวกท่านนะท่านยังจะน้อยเนื้อต่ำใจอะไร

การประชุมสองวันของเราใกล้จะจบลงแล้ว ผ่านฝ่าฮุ่ยสองวันนี้หนาข้าพเจ้าคิดว่าทุกท่านต่างก็มีการยกระดับที่แน่นอนหนึ่งและฝ่าฮุ่ยครั้งนี้จัดได้สำเร็จบริบูรณ์มาก ดีมากบรรลุถึงผลลัพธ์ตามที่คาดการณ์ไว้ผ่านฝ่าฮุ่ยครั้งนี้ทำให้ผู้ฝึกแต่ละคนสามารถค้นพบข้อบกพร่องต่อไปในการบำเพ็ญจะก้าวหน้าโดยไม่หยุดหย่อนเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อการบำเพ็ญของทุกท่านให้แข็งแกร่งทำให้ฝ่าฮุ่ยครั้งนี้เป็นไปตามเป้าหมายนี่คือจุดประสงค์ของการเปิดฝ่าฮุ่ยข้าพเจ้าก็หวังว่าเมื่อผ่านฝ่าฮุ่ยให้ถือมันเป็นแรงกระตุ้นอย่างหนึ่งในการบำเพ็ญในภายหน้าต้องรับผิดชอบต่อตนเองผู้ที่นั่งอยู่เป็นผู้ฝึกใหม่ค่อนข้างมากยังมีส่วนหนึ่งที่เข้าใจต้าฝ่าไม่มากนักในเมื่อท่านเดินเข้าประตูนี้มาแล้วมองเห็นทั้งหมดนี้แล้วข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะหาหนังสือสักเล่มหนึ่งทำความเข้าใจเขาว่าทำไมมีคนมากมายอย่างนั้นศึกษาอยู่ทำไมจึงมีคนมากอย่างนี้บำเพ็ญอยู่ในห้องประชุมของเรานี้ท่านคงจะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่สุขสงบปัจจุบันไม่ว่าท่านจะอยู่ในสภาพการณ์ใดหรือสภาพแวดล้อมใดก็หาไม่พบ

ข้าพเจ้าทำเรื่องนี้ก็พิจารณาถึงการรับผิดชอบต่อคนรับผิดชอบต่อสังคมยิ่งจะไม่สร้างความยุ่งยากให้กับสังคมไม่ว่าผู้ฝึกเราจะอยู่ในที่แห่งใดล้วนจะเป็นคนดีคนหนึ่งเมื่อเราพบกับความยุ่งยากใดๆความยากลำบากใดๆล้วนต้องใช้ความคิดที่ดีงามเจตนาที่ดีงามไปพูดกับคนอื่นไม่อาจให้ด้านที่ชั่วร้ายแสดงบทบาทอย่างเด็ดขาด

ฝ่าฮุ่ยนี้ก็จะจบลงแล้วข้าพเจ้าหวังว่าทุกท่านจากนี้ไปต้องเพิ่มความก้าวหน้ายิ่งขึ้นหลังจากฝ่าฮุ่ยครั้งนี้แล้วจะมีผู้ฝึกศึกษาฝ่ามากยิ่งขึ้นสืบเนื่องต่อๆกันไปข้าพเจ้าคิดว่าทุกท่านก็ล้วนจะสามารถทำได้ดีสุดท้ายหวังว่าทุกท่านจะก้าวหน้าไปไม่หยุดสำเร็จสมบูรณ์ในเร็ววัน (เสียงปรบมือ)


หมายเหตุจากผู้แปล : บทความนี้จะมีการแก้ไขเพื่อให้ใกล้เคียงกับต้นฉบับภาษาจีนมากที่สุด 
วันที่แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ธันวาคม 2006