(Minghui.org) ในจ้วนฝ่าหลุน อาจารย์หลี่หงจื้อได้กล่าวไว้หลายครั้งว่าเราจะระวังใจของเราไม่ให้หวั่นไหวได้หรือไม่เมื่อเผชิญกับความขัดแย้งและความทุกข์ยาก การถูกเอารัดเอาเปรียบ หรือการเผชิญกับสิ่งล่อใจในสังคมทั่วไปหรือในมิติอื่น ๆ ฉันขอแลกเปลี่ยนความเข้าใจของตัวเองเกี่ยวกับการระวังใจของเราไม่ให้หวั่นไหวในการบำเพ็ญ

ฉันรับรู้ว่า "ใจ" ที่ถูกรบกวนได้หรือทำให้หวั่นไหวได้คือจิตยึดติดของเรา ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตในมิติอื่น เหตุใดใจของเราจึงหวั่นไหวและมันหวั่นไหวเพื่ออะไร สำหรับคนธรรมดาสามัญ พวกเขามีชีวิตอยู่เพื่อชื่อเสียง ผลประโยชน์ และอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งทำให้ “ใจ” ของพวกเขา “หวั่นไหว” กล่าวอีกนัยหนึ่งคือคนธรรมดาสามัญมีแรงจูงใจจากการแสวงหาชื่อเสียง ผลประโยชน์ และอารมณ์ความรู้สึกของพวกเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราในฐานะผู้บำเพ็ญต้องละทิ้งไป แน่นอนมันจะไม่เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน—มันเป็นขั้นตอนการปล่อยวางที่ค่อยเป็นค่อยไป

เมื่อผู้บำเพ็ญคนหนึ่งยกระดับชั้นและเขตแดนของตัวเองในระหว่างการบำเพ็ญ สิ่งที่รบกวนใจของเขาได้จะค่อย ๆ ลดลงและไม่เหลือความน่าสนใจอีก วิธีที่เขาจัดการกับทุก ๆ สิ่งล่อใจสะท้อนถึงสภาวะการบำเพ็ญของเขา เมื่อไม่มีอะไรกระทบใจหรือทำให้ใจของเขาหวั่นไหวได้ เขาก็ใกล้หยวนหมั่นแล้ว

ในระหว่างการบำเพ็ญ บางครั้งฉันสัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์และงดงามของการยกระดับจิตใจที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ จิตโดยกำเนิดของเราบริสุทธิ์และไม่มีความยึดติด บางครั้งมีคำพูดว่าเด็กมี “ใจบริสุทธิ์” นี่ไม่ใช่คำอุปมาแต่เป็นการพูดให้เห็นภาพจริง เมื่อเด็กโตขึ้นและได้สัมผัสกับสังคมมนุษย์ เขาก็จะก่อเกิดจิตยึดติดในชื่อเสียง ความมั่งคั่ง และอารมณ์ความรู้สึก จิตของเขาไม่บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้ว และจิตยึดติดเหล่านี้ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของเขา

เมื่อเขาถูกขับเคลื่อนด้วยจิตยึดติดเหล่านี้ และแข่งขันเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เขาจะก่อกรรม และ "ตัวเองปลอม" จะมีอำนาจเหนือเขา เมื่อเขาถือว่า “ตัวเองปลอม” เป็นตัวเขาเองจริง ๆ และถูกมันควบคุม เขาก็จะสร้างกรรมมากขึ้นและทำให้ “ตัวเองปลอม” แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เกิดเป็นวงจรอุบาทว์ขึ้นมา เขาจะค่อย ๆ เบี่ยงเบนออกจากฝ่าและรับรู้ในทางเบี่ยงเบน

อาจารย์บอกเราว่า:

“รากของข้าพเจ้าหยั่งลึกในจักรวาล ใครที่สามารถแตะต้องคุณได้ ก็สามารถแตะต้องข้าพเจ้าได้ พูดให้ชัดเขาก็สามารถแตะต้องจักรวาลนี้ได้” (บทที่ 1, จ้วนฝ่าหลุน)

ในอดีตฉันไม่เข้าใจว่าทำไมมารร้ายจึงจับกุมและตัดสินลงโทษผู้ฝึกจำนวนมากได้ ต่อมาเมื่อฉันบำเพ็ญได้ดีขึ้นและรับรู้หลักการของฝ่าได้ลึกซึ้งขึ้น ฉันก็ตระหนักว่ามารร้ายสามารถเข้าถึงได้เฉพาะส่วนที่เรายังบำเพ็ญได้ไม่ดีเท่านั้น เมื่อเราบรรลุมาตรฐานของฝ่าได้อย่างแท้จริง มารร้ายก็ไม่สามารถทำอันตรายเราได้อีกแล้ว

ส่วนที่เรายังบำเพ็ญได้ไม่ดีคือส่วนของเราที่ยังคงยึดติดกับชื่อเสียง ผลประโยชน์ และอารมณ์ความรู้สึก ที่สามารถ “หวั่นไหว” ได้

ที่จริงเราจะเห็น “ตัวเองปลอม” ได้อย่างทะลุปรุโปร่งอยู่ตลอดและกำจัดมันได้ถ้าเราบำเพ็ญตัวเองด้วยความขยันหมั่นเพียร นี่ยังเป็นขั้นตอนชำระเราให้บริสุทธิ์ขึ้นด้วย แต่ขั้นตอนนี้ไม่ใช่ง่าย มีทั้งทางเบี่ยงและการเกิดซ้ำ คนมักพูดว่า “ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์คือตัวเอง” ซึ่งไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล โดยนัยหนึ่ง ตัวเราเองเท่านั้นที่หวั่นไหวและส่งผลกระทบต่อตัวเองได้จริง ๆ

ในทางกลับกัน ระหว่างการบำเพ็ญในช่วงเจิ้งฝ่า เราไม่ควรให้อิทธิพลเก่าใช้จิตยึดติดของเราเป็นเหตุผลในการประทุษร้ายเรา เราต้องปฏิเสธการประทุษร้ายอย่างสิ้นเชิง และกำจัดปัจจัยชั่วร้ายที่อยู่เบื้องหลังมันทั้งหมด

หมายเหตุจากบรรณาธิการ: บทความนี้เพียงแสดงความเข้าใจในปัจจุบันของผู้เขียน ซึ่งตั้งใจสำหรับแลกเปลี่ยนในหมู่ผู้ฝึกเพื่อให้เราสามารถ “ศึกษาและบําเพ็ญ เปรียบเทียบซึ่งกันและกัน”(“บำเพ็ญจริงจัง” หงอิ๋น)

บทความ กราฟิก และเนื้อหาทั้งหมดที่เผยแพร่บน Minghui.org มีลิขสิทธิ์ อนุญาตให้ทำสำเนาที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ได้ แต่ต้องระบุแหล่งที่มาพร้อมชื่อบทความและลิงก์ไปยังบทความต้นฉบับ