(Minghui.org) (ต่อจากตอนที่ 2)

ตำราคลาสสิกของขงจื๊อ “ตำราธรรมเนียมปฏิบัติ” สรุปส่วนสำคัญของความคาดหวังในความสัมพันธ์ของมนุษย์ : ผู้ชายควรอยู่อย่างมีเกียรติ ผู้ที่สูงวัยกว่าควรปกป้องและโอบอ้อมอารีต่อผู้ที่อ่อนวัยกว่า ในขณะที่คนที่อ่อนวัยกว่าควรเคารพและทำตามความประสงค์ของผู้ที่สูงวัยกว่า นอกจากนี้ กษัตริย์ควรมีใจเอื้อเฟื้อ ในขณะที่ข้าราชการควรจงรักภักดีต่อกษัตริย์

ต่อไปนี้คือตัวอย่างของความสัมพันธ์ตามจารีตประเพณีเหล่านี้

สติปัญญา ความกล้าหาญ และความสามารถ

หลู่ จ้งเหลียน เป็นบัณฑิตในสมัยโบราณและเป็นนักปราชญ์ในยุครณรัฐ (475 - 221 ปีก่อนคริสตกาล) เขาเป็นที่รู้จักในสิ่งที่เขาทำไว้ให้คนรุ่นหลัง

หลังจากการสู้รบครั้งใหญ่ระหว่างอาณาจักรฉินและอาณาจักรจ้าวเป็นเวลา 3 ปี อาณาจักรจ้าวพ่ายแพ้และสูญเสียทหารกว่า 400,000 นาย จากนั้นกองทัพฉินเข้าล้อมเมืองหานตาน (ในมณฑลเหอเป่ย์ในปัจจุบัน) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรจ้าวเมื่อ 260 ปีก่อนคริสตกาล กษัตริย์แห่งอาณาจักรเว่ยที่ตั้งใจจะมาช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้ยกทัพกลับ แต่ส่ง ซิน หยวนหย่าน มาโน้มน้าวกษัตริย์แห่งอาณาจักรจ้าวและท่านผิงหยวนให้ยอมจำนนต่ออาณาจักรฉิน พวกเขาลังเลว่าจะทำอย่างไร

ในเวลานั้นหลู่ จ้งเหลียนอยู่ในอาณาจักรจ้าวและเขาขอให้ท่านผิงหยวนจัดการประชุมกับซิน หยวนหย่าน ในที่ประชุม หลู่อธิบายว่าอาณาจักรฉินไร้มารยาทและบังคับอาณาจักรอื่นให้ยอมจำนนโดยใช้กำลังทหาร ฉินยังล่อลวงปัญญาชนด้วยอำนาจและกดขี่สามัญชน ถ้ากษัตริย์แห่งฉินพิชิตอาณาจักรได้มากขึ้น อาณาจักรเว่ยและอาณาจักรอื่น ๆ จะกลายเป็นข้ารับใช้และทุกคนจะทุกข์ทรมานรวมถึงซินด้วย

ซินเชื่อการหว่านล้อมและเลิกโน้มน้าวจ้าวให้ยอมจำนน กองทัพฉินได้ยินเรื่องนี้และถอยห่างออกไป 50 ลี้ (25 กิโลเมตร) ในเวลาเดียวกัน กองทหารของเว่ยก็เข้ามาช่วย ทำให้กองทัพฉินต้องล่าถอย

ท่านผิงหยวนขอบคุณหลู่และแสดงการขอบคุณโดยจัดพิธีฉลองและมอบรางวัลทองคำ 1,000 ชิ้นให้เขา หลู่ไม่รับเงินโดยบอกว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับบัณฑิตคือการให้ความช่วยเหลือคนอื่นในยามจำเป็น “ถ้าใครรับเงินจากการทำเช่นนั้น เขาก็ไม่แตกต่างจากพ่อค้า” เขาพูดพร้อมกับยิ้มและจากไป

สิ่งที่คล้ายกันเกิดขึ้นอีกครั้งในเวลาต่อมา เมื่อเยว่ อี นายพลคนสำคัญจากอาณาจักรหยานรุกรานอาณาจักรฉีและพิชิตพื้นที่ส่วนใหญ่ของอาณาจักรได้ นายพลเทียน ตาน แห่งฉีสู้กลับและยึดคืนได้หลายเมือง อย่างไรก็ตาม นายพลเหลี่ยวเชิงจากอาณาจักรหยาน (ในมณฑลซานตงในปัจจุบัน) ได้รับหน้าที่ปกป้องเมืองและต่อสู้กลับด้วยความชำนาญศึก

หลู่แนะนำนายพลเทียนให้หยุดโจมตีเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุร้ายมากไปกว่านี้ ในระหว่างนั้น เขาเขียนจดหมายถึงนายพลจากอาณาจักรหยานโดยบอกว่ามันไม่มีเหตุผลที่จะใช้ความพยายามทั้งหมดในการปกป้องเมืองที่ห่างไกลจากอาณาจักรที่เป็นบ้านเกิดโดยไม่มีพันธมิตรหรือกองทัพมาเสริม และยังทำร้ายชีวิตผู้บริสุทธิ์ด้วย หลังจากอ่านจดหมาย นายพลร้องไห้อยู่สามวันแล้วฆ่าตัวตาย นายพลเทียนแห่งอาณาจักรฉีจึงยึดเมืองคืนได้ กษัตริย์แห่งอาณาจักรฉีคิดจะมอบตำแหน่งให้กับหลู่เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา แต่หลู่เพียงแค่ขอบคุณเขาและเดินจากไป

ลูกแพร์สองผลสำหรับคนกว่า 1,000 คน

เจิ้ง เหลียนอยู่ในราชวงศ์หมิง เขามีครอบครัวใหญ่ หลังจากผ่านไปกว่า 300 ปี สมาชิกในครอบครัวของเขาเพิ่มขึ้นจนมีมากกว่า 1,000 คน และเจ้าเมืองได้ให้เกียรติเขาด้วยเหรียญ "ครอบครัวที่ดีที่สุดในโลก"

ครั้งหนึ่งจักรพรรดิไท่สู่ถามเจิ้งว่าจัดการครอบครัวใหญ่อย่างไรจึงทำให้ทุกคนปฏิบัติต่อกันได้ดี “เราเชื่อฟังคำสอนของบรรพบุรุษและไม่ฟังสตรี” เจิ้งตอบ จักรพรรดิประทับใจและมอบลูกแพร์สองลูกให้เจิ้ง จากนั้นพระองค์แอบส่งคนไปตามดูเจิ้งว่า เขาจะจัดการกับลูกแพร์สองผลนี้อย่างไร

หลังจากกลับถึงบ้าน เจิ้งเรียกสมาชิกทุกคนในครอบครัวมารวมกัน และมีสมาชิกกว่า 1,000 คนยืนที่สองฝั่งของลานบ้าน หลังจากที่พวกเขากล่าวสำนึกในบุญคุณของจักรพรรดิแล้ว เจิ้งขอน้ำสองถังใหญ่ จากนั้นเขาก็ทุบลูกแพร์ทั้งสองผลและใส่ลงในถัง ถังละผล จากนั้นทุกคนก็ได้รับแจกน้ำลูกแพร์คนละหนึ่งชามสำหรับดื่ม

จักรพรรดิประหลาดใจและยินดีที่ได้ยินเรื่องนี้ และมอบตำแหน่งที่เป็นทางการให้เจิ้ง แต่เจิ้งปฏิเสธโดยอ้างว่าอายุมากแล้ว

การดูแลผู้สูงอายุ

ในเสี่ยว จิง (ตำราคลาสสิกของความกตัญญู (The Classic of Filial Piety)) บอกว่าร่างกายเรามาจากบิดามารดาและบอกว่าเราไม่ควรทำให้ร่างกายเสียหายโดยไม่ใส่ใจ แต่เมื่อต้องช่วยเหลือบิดามารดาก็ควรทำโดยไม่ลังเล

จี้ หยางเป็นข้าราชการในเซียงโจวระหว่างยุคของราชวงศ์เหนือและใต้ (420-589) เมื่อเขาอายุ 15 ปี พ่อของเขาถูกใส่ร้ายและถูกจับกุมอย่างไม่ยุติธรรม ด้วยความอับอายเกินกว่าจะยอมถูกสอบปากคำ พ่อของเขายอมรับข้อกล่าวหาเท็จและต้องเผชิญกับการถูกประหารชีวิต

แม้จี้จะเด็ก แต่เขาก็ยังไปหาเจ้าหน้าที่และถามว่าเขาจะรับโทษประหารชีวิตแทนพ่อได้หรือไม่

จักรพรรดิหวู่แห่งอาณาจักรเหลียงประหลาดใจ และขอให้เจ้าหน้าที่ ไช่ ฝ่าตู้ แสดงท่าทีดุดันใส่เด็กชาย

“จักรพรรดิอนุมัติคำขอของคุณที่จะตายแทนพ่อของคุณ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ดังนั้นจงคิดใคร่ครวญอย่างจริงจัง หากนี่เป็นความคิดของผู้อื่น บอกให้เราทราบ แล้วเราจะพิจารณาใหม่” ไช่กล่าว

“ผมมีพี่น้องหลายคน ทุกคนอายุน้อยกว่าผม” เด็กชายบอก “ผมไม่อยากให้พ่อตาย ทิ้งพวกเราไว้เพียงลำพัง นั่นเป็นเหตุผลที่ผมเกิดความคิดนี้และผมตัดสินใจแล้ว”

เมื่อพิจารณาถึงอายุของเด็กชาย ไช่จึงผ่อนคลายการทรมานให้เขา จนกระทั่ง จี้ยืนกรานว่าให้ปฏิบัติกับเขาเหมือนนักโทษประหารคนอื่น ๆ

จักรพรรดิประทับใจในความกตัญญูของจี้ เขาจึงให้อภัยโทษทั้งพ่อและลูกชาย หวางจื้อ เจ้าหน้าที่ในตานหยางได้ยินเรื่องนี้ หลายปีต่อมาเขาตัดสินใจมอบตำแหน่งอย่างเป็นทางการให้กับจี้ จี้ปฏิเสธโดยบอกว่าเป็นเพียงเรื่องปกติธรรมดาที่จะตายเพื่อบิดามารดาของตัวเอง การทำเช่นนั้นเพื่อชื่อเสียงและรับผลประโยชน์จากมันไม่เหมาะสมสำหรับผู้สูงศักดิ์

ความกรุณาจากกษัตริย์

จักรพรรดิหวู่แห่งราชวงศ์ฮั่น เป็นหนึ่งในจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จีน เขาครองราชย์เป็นเวลา 54 ปี และทิ้งสิ่งที่ไม่ธรรมดาไว้ให้คนรุ่นหลัง

เมื่อ 89 ปีก่อนคริสตกาล สองปีก่อนที่ ซาง หงหยาง ซึ่งเป็นขุนนางระดับสูงจะเสียชีวิต เขาได้เสนอให้จัดตั้งกองทหารรักษาการณ์ในหลุนไถซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกล (ในมณฑลซินเจียงในปัจจุบัน) เพื่อเสริมกำลังที่ชายแดน ในเวลานั้นราชวงศ์ฮั่นต่อสู้กับเผ่าหานมานานกว่า 40 ปี และประเทศก็อ่อนแอลง จักรพรรดิหวู่ปฏิเสธคำแนะนำของซางและมุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูเศรษฐกิจแทน

ในปีเดียวกัน จักรพรรดิยังได้ออกราชโองการสำนึกผิดหลุนไถ ซึ่งเป็นราชโองการแรกของราชโองการประเภทเดียวกันในประวัติศาสตร์จีน เพื่อขออภัยต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการ จากนั้นพระองค์ก็ถอนทหารและยุติทุกมาตรการที่ผลาญทรัพยากรสาธารณะและเป็นเหตุให้พลเมืองของพระองค์เดือดร้อน

ปัน กู้ ผู้ประพันธ์ตำราแห่งฮั่น ยกย่องจักรพรรดิหวู่อย่างมากสำหรับการกระทำเช่นนี้ เขาเขียนว่ามีเพียงจักรพรรดิและนักปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่จะสละหลุนไถและออกราชโองการที่ขมขื่นเช่นนี้ได้

เจ้าหน้าที่ผู้ภักดี

กษัตริย์โจ้วแห่งราชวงศ์ซางเป็นผู้ปกครองที่ฉ้อฉลและไร้ความปรานี ทำให้ ปี่ ก้าน เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ผู้ภักดีที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในประวัติศาสตร์

ในเวลานั้น กษัตริย์โจ้วใช้ชีวิตเสเพลอย่างไม่มีขอบเขต เขายังคิดค้นวิธีที่โหดร้ายเพื่อทรมานประชาชน ทำให้เจ้าหน้าที่หลายคนรวมถึง เว่ย จื่อ ซึ่งเป็นน้องชายของเขาหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งในลุงของเขาคือ จี จื่อ แสร้งทำเป็นวิกลจริตเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา แต่ปี่ ก้าน ซึ่งเป็นลุงอีกคนหนึ่งยังคงแนะนำกษัตริย์ให้หยุดกระทำชั่ว

“ในฐานะเจ้าหน้าที่ระดับสูง เราควรให้คำแนะนำแก่กษัตริย์ แม้ว่านั่นหมายถึงการสละชีวิตของเราก็ตาม” เขากล่าว เมื่อเขาแนะนำให้กษัตริย์โจ้วแก้ไขให้ถูกต้อง กษัตริย์ผู้โกรธแค้นไม่เพียงประหารเขาเท่านั้นแต่ยังควักหัวใจของเขาออกมาด้วย

หลายราชวงศ์ต่อมา ปี่ได้รับความนับถือในความภักดีและความกล้าหาญของเขา