บรรยายธรรม ณ ที่ประชุมฝ่าฮุ่ยภาคตะวันตก สหรัฐอเมริกาปี 2004

หลี่ หงจื้อ
28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2004 ณ ลอสแองเจลิส

สวัสดีท่านทั้งหลาย ( สวัสดีท่านอาจารย์ เสียงปรบมือ ) การประทุษร้ายครั้งนี้ได้ยืดเยื้อมานานหลายปีแล้วแต่ว่า กล่าวสำหรับชีวิตชั่วร้ายเหล่านั้นสภาพแวดล้อมสำหรับการคงอยู่ โอกาสแห่งการดำรงอยู่ของพวกมัน ลดน้อยลงเรื่อยๆแล้ววันคืนของพวกคนชั่วเหล่านั้นบนโลกที่ก่อการประทุษร้ายครั้งนี้ ยิ่งยากลำบากขึ้นเรื่อยๆมองจากภาพรวมของการเจิ้งฝ่าเดี๋ยวนี้ชาวโลกก็ยิ่งกระจ่างชัดยิ่งขึ้น ต่อการประทุษร้ายครั้งนี้ที่พวกกากเดนมนุษย์ และพวกชั่วช้าก่อขึ้นมา โดยเฉพาะชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ล้วนกำลังตื่นขึ้นมา ผู้คนได้เห็นความชั่วร้ายของการประทุษร้ายครั้งนี้กันแล้ว และรู้ถึงสาเหตุของการประทุษร้ายครั้งนี้สามารถพูดได้ว่า เป็นประโยชน์ยิ่งๆ ขึ้นต่อการอธิบายความจริง การช่วยเหลือชาวโลก การเปิดโปงการประทุษร้ายของศิษย์ต้าฝ่าในขณะนี้ชาวโลกจำนวนมากล้วนสามารถแจ่มชัดขึ้นมาได้ หลังจากพวกชั่วร้ายถูกชำระล้างไปแล้วสามารถพิจารณาปัญหาการทำร้ายฝ่าหลุนกงได้ด้วยสติปัญญาของตนเอง ทำให้พวกชั่วร้ายคิดจะดำเนินการปราบปรามฝ่าหลุนกงต่อไปได้ยากยิ่งขึ้นเป็นลำดับเนื่องจากการตื่นตัวของชาวโลก ทำให้พวกชั่วร้ายรู้สึกหวาดกลัวมากชาวโลกไม่ยอมเป็นแพะรับบาปแทนพวกมันอีก กล่าวสำหรับองค์ประกอบของสิ่งชั่วร้ายและคนชั่ว นี่คือการประคองการปราบปรามที่ชั่วร้ายต่อไปไม่ไหวแล้วแต่ว่าเมื่อขี่เสือแล้ว ก็ยากจะลงจากหลังเสือเวลาที่พวกชั่วร้ายบ้าคลั่งขึ้นมา ไร้สติสัมปชัญญะอยู่นั้น การประทุษร้ายก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นลำดับ จะทำอย่างไรก็ไม่ได้ ยิ่งบ้าคลั่งขึ้นเรื่อย ๆ ขณะนี้ข้าพเจ้าเห็นว่ามันเลื่อนขึ้นจนถึงจุดสูงสุดแล้วจะลงก็ลงไม่ได้แล้วลงไม่ได้แต่ก็ยืนไม่อยู่แล้ว การปราบปรามที่ชั่วร้ายครั้งนี้ ชาวโลกได้เห็นชัดแล้วแต่ว่าการประทุษร้ายอย่างถึงที่สุดครั้งนี้ ทำให้ศิษย์ต้าฝ่าได้รับการทำร้ายอย่างมากและไม่เคยมีการประทุษร้ายที่อำมหิตชั่วร้ายเช่นนี้มาก่อนในประวัติศาสตร์ กล่าวจากอีกด้านหนึ่งไม่ว่าอะไรที่ทำกับต้าฝ่าและศิษย์ต้าฝ่า ก็เท่ากับทำกับพวกมันเองเพราะในอนาคตพวกมันล้วนต้องชดใช้แบบเดียวกันหลายเท่าทีเดียว

ในจักรวาล มีดีงาม มีชั่ว (ซั่น-เอ้อ)มีลบ มีบวกมีดี มีไม่ดี ( ห่าว-หวั้ย )ทั้งหมดนี้ ก่อให้เกิด สิ่งที่เสริมและต้าน ซึ่งกันและกันที่จริงคนมองไม่เห็น และคนชั่วยิ่งคิดไม่ถึงการประทุษร้ายครั้งนี้แต่แรกเริ่ม ก็กำหนดให้มันจบลงด้วยความพ่ายแพ้ ทว่าในระหว่างนั้นกลับทำให้บรรดาศิษย์ต้าฝ่าบำเพ็ญสำเร็จ หรือกล่าวได้ว่าความตั้งใจของคนชั่วนั้นชั่วร้ายนัก แต่กลับเป็นการหยิบยื่นสภาพแวดล้อมหนึ่งที่จะสร้างสรรค์ศิษย์ต้าฝ่าอย่างเหมาะเจาะพอดี แน่นอนข้าพเจ้าไม่ปรารถนาให้เกิดสภาพการณ์แบบนี้ขณะถูกประทุษร้าย ข้าพเจ้าและศิษย์ต้าฝ่าก็ยับยั้งการประทุษร้ายไม่ให้สรรพชีวิตทำบาปต่อต้าฝ่า ชีวิตที่ไม่อาจจะช่วยได้เหล่านั้น เอาแต่จะทำชั่วกลับไม่อาจเข้าใจหลักการที่ว่าการพูด การกระทำใดๆ ย่อมมีผลทั้งบวกและลบคงอยู่พร้อมกันเนื่องจากจักรวาลเก่าระดับชั้นนี้มี กฎการเสริมและต้านซึ่งกันและกันบวก -ลบปัจจัยสองชนิดอยู่ ดังนั้นไม่ว่าจะทำเรื่องอะไร ย่อมเกิดผลบวกและลบขึ้นมาพร้อมกันรวมทั้งการทำเรื่องใด ๆ ในสังคมมนุษย์ล้วนจะเกิดปัจจัยทั้งสองชนิดขึ้นมาพร้อมกันรวมทั้ง หนึ่งคำพูด หนึ่งการกระทำของคน กระทั่งหนึ่งความคิดที่เกิดขึ้นล้วนจะเกิดปัจจัยทั้งสองชนิดพร้อมกันเหมือนการประทุษร้ายครั้งนี้ ท่านทั้งหลายล้วนกระจ่างชัดต่อเป้าหมายแล้วจุดเริ่มต้นก็ชั่วร้ายมากแต่การทำเรื่องชั่วของมันกลับส่งผลให้ศิษย์ต้าฝ่าฝึกฝนตนจนสุกงอม ท่ามกลางการต่อต้านการประทุษร้ายโดยเฉพาะ คือยิ่งการประทุษร้ายรุนแรงเท่าไรก็ยิ่งทำให้ศิษย์ต้าฝ่าสำเร็จผล คนชั่วไม่มีทางเข้าใจเหตุผลข้อนี้ กล่าวในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นอาจารย์ ในการเจิ้งฝ่านั้นข้าพเจ้าไม่ยอมรับโดยเด็ดขาดต่อการใช้การประทุษร้ายครั้งนี้มาทดสอบศิษย์ต้าฝ่า ศิษย์ต้าฝ่าก็อย่าได้มีความคิดที่คลาดเคลื่อนว่าการทนแบกรับการประทุษร้ายนี้จะทำให้บำเพ็ญได้สูงต้าฝ่า และศิษย์ต้าฝ่านั้นคัดค้านการประทุษร้ายนี้ และนี่ก็เป็นภารกิจของผู้เป็นศิษย์ต้าฝ่าไม่บำเพ็ญอยู่ในฝ่า การทนแบกรับการประทุษร้ายโดยตัวมันเองไม่อาจทำให้บำเพ็ญได้สูงยิ่งขึ้น ยิ่งไม่อาจบรรลุมาตรฐานของศิษย์ต้าฝ่าไม่ยอมรับสภาพแวดล้อมทั้งหลายนี้ที่อิทธิพลเก่าหยิบยื่นให้ เพราะว่าในการเจิ้งฝ่าข้าพเจ้าสามารถทำให้สรรพชีวิตทั้งปวงกลืนกลายเข้ากับต้าฝ่า ไม่จำเป็นต้องให้ศิษย์ต้าฝ่าฝึกฝนอยู่ในท่ามกลางความชั่วร้ายแบบนี้เลยแม้แต่น้อย เจิ้งฝ่าต้องสำเร็จศิษย์ต้าฝ่าต้องสำเร็จพวกมันทำเช่นนี้ศิษย์ของข้าพเจ้าก็สำเร็จได้ พวกมันไม่ทำเช่นนี้ศิษย์ของข้าพเจ้าก็สำเร็จได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าสิ่งชั่วร้ายเอาแต่จะทำเช่นนี้ให้ได้ จึงรบกวนต่อการเจิ้งฝ่า ทำให้พวกมันก่อบาปในระหว่างการทำชั่วทำให้ชีวิตจำนวนมากและชาวโลกรวมทั้งพวกมันเอง ถูกกำจัดทิ้งไปในจักรวาลนั้นมีปัจจัย หนึ่งบวก หนึ่งลบหนึ่งข้อดี หนึ่งข้อเสีย อย่างนี้โดยแท้จริง

คนเห็นหลักการนี้ไม่ชัด คนธรรมดาสามัญคิดทำเรื่องหนึ่งในสังคมที่จริงพอความคิดเขาก่อเกิด หรือ เมื่อทำเรื่องหนึ่งก็ก่อให้เกิดผลสองชนิดแล้วในอดีตผู้บำเพ็ญกล่าวว่า “ดีชั่ว เกิดจากหนึ่งความคิดของตน” ความหมายอีกชั้นหนึ่งของคำพูดประโยคนี้คือ ในกระบวนการของเรื่องราวหนึ่ง ๆ สามารถก่อให้เกิดผลสองชนิดอย่างแท้จริงในระหว่างการประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่าพวกมันไม่คิดว่า ในทางกลับกันก็สามารถฝึกฝนศิษย์ต้าฝ่านี่คือสิ่งที่พวกมันคิดไม่ถึงหลักการของจักรวาลที่ผ่านมาคือ ปัจจัยหนึ่งลบ หนึ่งบวก ที่แน่นอนชนิดนี้ จะเกิดขึ้นพร้อมกันสังคมมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ปรากฏอยู่ในทุกสรรพสิ่งคนธรรมดาสามัญคิดจะทำอะไรล้วนจะเกิดหนึ่งบวกหนึ่งลบหนึ่งดี หนึ่งเสียเช่นนี้มีคนคิดตี คิดด่าคนที่ตัวไม่ชอบในการตีการด่า นั้นก็ให้กุศลแก่ฝ่ายตรงข้ามไปพร้อมกัน และในอนาคตยังต้องชดใช้อีกด้วยนี่เป็นการพูดจากด้านที่คนมองไม่เห็นที่คนสามารถมองเห็นก็เป็นอย่างนี้เช่น เมื่อคนสั่งสอนบุตรธิดาของตนนั้น มักจะคิดอยากให้พวกเขาเป็นผู้ที่เหนือกว่าผู้อื่นในสังคม แต่กลับไม่คิดว่าลูกจะห่างไกลจากความจริงความบริสุทธิ์ความดีงามออกไปเรื่อย ๆ ห่างไกลคุณสมบัติพิเศษของจักรวาลไปเรื่อย ๆ ห่างไกลเทพออกไปเรื่อย ๆ คนกลัวว่าลูกของตนจะได้รับภัยจึงสอนให้ลูกของตนว่าจะตอบโต้ผู้อื่น อย่างไร ที่จริงคนไม่ได้คิดว่าเมื่อท่านบอกให้เขาทำอย่างนี้กลับเป็นการทำลายคุณธรรม ความดีงาม ของคนอย่างแท้จริง คนทำเรื่องอะไรล้วนแต่จะเกิดผลสองชนิดนี้

การประทุษร้ายต่อศิษย์ต้าฝ่าหลายปีมานี้ก็ เกิดสภาพการณ์แบบนี้ขึ้นมาอย่างเต็มที่อำนาจทางการเมืองไหนเลยจะสามารถเพิกถอนความเชื่อของคนไปได้จะสามารถช่วงชิงเสรีภาพทางความคิดของคนได้อย่างไร นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีอยู่ในประวัติศาสตร์ไหนเลยจะสามารถทำได้เพื่อที่จะบรรลุจุดประสงค์นี้กระทั่งจะทำลายวัฒนธรรมเก่าแก่หลายพันปีทั้งหมดทิ้งไปปฏิเสธสิ่งที่รักษามาตรฐานด้านคุณธรรมของมนุษย์ทั้งหมดพลิกคว่ำทั้งหมด(ล้มล้างให้หมดไป)ยังจะ “เหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้า”“ไม่ให้ลุกขึ้นมาได้อีกตลอดไป” ไม่ว่าจะทำได้หรือไม่การทำเช่นนี้ก็ทำให้เกิดผลตอบสนองต่อการกระทำเช่นนี้พร้อมกันไปนี่เป็นสิ่งที่พวกมันคิดไม่ถึงชาวจีนที่ไม่มีความเชื่อก็จะสูญเสียบรรทัดฐานคุณธรรมในการประพฤติตนคนแบบนี้ เรื่องอะไรก็กล้าทำเรื่องชั่วอะไรก็ทำได้สังคมเสื่อมทรามทุกๆด้านคนจีนเดี๋ยวนี้อ้าปากก็โกหกการโกหกเหมือนเป็นคำพูดปกติทั่วไปในบ้านทำเรื่องชั่วอย่างไรก็ไม่รู้สึกละอายเช่นนั้นกลุ่มคนเช่นนี้จะเป็นผลดีต่ออำนาจทางการเมืองที่ทำเรื่องนี้ไหม นี่เป็นสิ่งที่คนคิดไม่ถึงเลย

หนึ่งข้อดี หนึ่งข้อเสีย ดำรงอยู่พร้อมกันคนคิดอยากจะบรรลุเป้าหมายอะไรในสังคมมนุษย์นั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน การเปลี่ยนแปลงใดๆที่เคยเกิดขึ้นในสังคมมนุษย์กิจกรรมอะไรที่เกิดขึ้นในสังคมมนุษย์ที่แท้ก็เป็นการควบคุมของเทพมีเพียงเทพที่บอกให้คนไปทำภายใต้การบัญชาการของเทพจึงเกิดสภาพการณ์ต่างๆขึ้นในสังคมคนธรรมดาสามัญคนตั้งใจคิดจะทำอะไรนั้นย่อมไม่เป็นผลปีศาจทราม(ผีเน่าเปื่อย) และเทพ ในมิติชั้นต่ำก็ทำไม่ได้การทำร้ายคนดีหรือผู้บำเพ็ญนั้น มีเพียงสิ่งที่ชั่วร้ายที่สุด โง่งมที่สุด จึงจะทำเรื่องที่ไร้สติเช่นนี้ออกมาได้ ในอนาคตมนุษย์ล้วนจะเกิดความเข้าใจใหม่ต่อประวัติศาสตร์โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ในร้อยปีที่ผ่านมาและจะมีการประเมินกันใหม่

ไม่ว่าจะอย่างไรท่านทั้งหลายได้เห็นแล้วว่า ในการคัดค้านการประทุษร้ายนั้นศิษย์ต้าฝ่ากำลังเดินสู่ความสุกงอมชาวโลกก็ตื่นขึ้นเรื่อยๆสำหรับสิ่งชั่วร้ายและคนชั่วบนโลกที่ก่อการประทุษร้ายนั้นเดินสู่ความตกต่ำลงไปเรื่อยๆแล้วบรรดาอำนาจ รูปแบบการปกครองทั้งหมด ที่พวกมันใช้ในการประทุษร้ายผู้ฝึกฝ่าหลุนกงในครั้งนี้ ล้วนจะถูกประวัติศาสตร์คัดทิ้งไปท่านฯก็เห็นแล้วว่า จะต้องเป็นเช่นนี้อย่างแน่นอนเช่นนั้นกล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การอธิบายความจริงช่วยเหลือชาวโลก ก็ไม่ลำบากอีกต่อไปขณะนี้ที่พวกเราเห็น ก็คือสภาพการณ์อย่างนี้ต่อไปการอธิบายความจริงของท่านฯก็ยิ่งง่ายเพราะชาวโลกยิ่งเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆผู้คนจะเป็นฝ่ายมาหาท่านขอฟังความจริง ผู้คนจะเป็นฝ่ายมาหาท่านขอเรียนฝึกพลังกง เรื่องนี้จะเกิดขึ้นในทันที(อย่างรวดเร็ว)โดยเฉพาะในจีนแผ่นดินใหญ่ ยังจะปรากฏ ประชาชนทั่วทั้งประเทศออกมาคัดค้านการประทุษร้าย ( เสียงปรบมือ) คนทำอะไรล้วนทำให้แก่ตนเองการประทุษร้ายต่อศิษย์ต้าฝ่า ก็คือการประทุษร้ายต่อผู้ประทุษร้ายเองนี่คือสิ่งที่คุณสมบัติพิเศษของจักรวาลกำหนดไว้เมื่อตอนเริ่มต้นของการประทุษร้ายฝ่าหลุนกงก็เป็นการเคลื่อนไหวของประชาชนทั้งหมดอย่างหนึ่งหนึ่งข้อดี หนึ่งข้อเสียคอยดูผลลัพธ์สุดท้ายก็แล้วกันไม่ใช่สิ่งที่คนสามารถทำได้คนรู้สึกว่าตนเองมีอำนาจเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อของท่านโหมกระพือยิ่งขึ้นก็ไม่มีประโยชน์การปลุกปั่นข่าวเท็จและหลอกลวงต่างๆของอันธพาลใช้กับผู้บำเพ็ญไม่ได้หรอกเป็นสิ่งที่เทพไม่อนุญาตเมื่อท่านก่อความปั่นป่วนและดิ้นรนจนหมดฤทธิ์แล้วเทพก็จะคิดบัญชีกับท่านก็จะเป็นอย่างนี้

กล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่าท่านทั้งหลายต้องยิ่งมีสติมากขึ้นก่อนที่สิ่งชั่วร้ายจะถูกทำลายไปหมดยังต้องขยันไปอธิบายความจริง ช่วยเหลือชาวโลกทำสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าควรทำให้ดีบรรดาสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าทำในวันนี้ล้วนเป็นการยืนยันความถูกต้องของฝ่าล้วนเป็นการเดินสู่ความเป็นเทพของพวกท่านไม่อาจย่อหย่อนแม้ในช่วงสุดท้ายทำในสิ่งที่ควรทำให้ดีต่อไป

มีศิษย์ต้าฝ่าบางคนพึงจำไว้ว่าแต่ละครั้งที่ข้าพเจ้าบอกว่าสิ่งชั่วร้ายลดน้อยลงเรื่อยๆ ยืนหยัดต่อไปไม่ไหวผู้ฝึกหลายคนรู้สึกว่า อ้อ เรื่องอื่นล้วนต้องปล่อยวาง(ทิ้ง)ให้หมด ทำแต่เรื่องของต้าฝ่านี่ไม่ถูกศิษย์ต้าฝ่าทำเรื่องอะไรต้องไม่เดินไปสุดขั้วพวกท่านต้องดำรงชีวิตตามปกติ บำเพ็ญตามปกติขณะเดียวกันก็ทำสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าควรทำปัจจุบันก็ควรเป็นเช่นนี้ในสังคมคนธรรมดาสามัญนอกจากสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าสมควรทำแล้ว โดยรูปแบบก็ไม่มีอะไรต่างกันโดยภายนอกก็เหมือนกับสังคมคนธรรมดาสามัญแต่ว่าท่านเป็นผู้บำเพ็ญก็เป็นเช่นนี้ทุกสิ่งที่พวกท่านทำในวันนี้ เป็นการบุกเบิกให้กับอนาคตหนทางเส้นนี้ก็เดินกันอย่างนี้นี่เป็นเส้นทางหนึ่งที่เที่ยงตรงที่สุดซึ่งผู้บำเพ็ญในอนาคตจะใช้อ้างอิงดังนั้นพวกท่านต้องไม่ให้เกิดเรื่องที่สุดขั้วและไม่อาจเดินสุดขั้วในเรื่อง(ทาง)ใดนั่นก็จะเป็นการจงใจสร้างอุปสรรคให้กับตนเอง สร้างความยุ่งยากความคิดสุดขั้วใดๆ ล้วนไม่ใช่สิ่งที่ข้าพเจ้าเรียกให้ท่านทำนั่นย่อมจะเป็นการยึดติดแบบหนึ่งก็จะเกิดความยุ่งยากเรื่องเหล่านี้พวกเราเคยประสบกันมามากแล้วข้าพเจ้าคิดว่ากล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า เดินมาถึงวันนี้ ก็ควรพูดได้ว่าเรื่องราวมากมายล้วนแจ่มชัดแล้ว มีสติยิ่งขึ้นเรื่อยๆปัญหาที่พบก็รู้ได้ว่ามีความเป็นมาอย่างไรดังนั้นกับเรื่องเหล่านี้ควรแจ่มแจ้งมากแล้ว ไม่ให้เกิดการรบกวนอีกด้วยเรื่องอะไรก็ตาม

อีกจุดหนึ่งทุกสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าทำในปัจจุบันล้วนเป็นการยืนยันความถูกต้องของฝ่าเนื่องด้วยการรับรู้และการยกระดับของพวกท่านล้วนมาจากในฝ่าฉะนั้นกล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่า แน่นอนพวกท่านย่อมต้องยืนยันความถูกต้องของฝ่านั่นไม่มีอะไรต้องพูดกันแต่ทุกสิ่งที่ทำไปในการยืนยันความถูกต้องของฝ่าล้วนเป็นการทำเพื่อตัวพวกท่านเองไม่มีเรื่องใดๆที่ทำเพื่อข้าพเจ้า รวมทั้งที่ข้าพเจ้าบอกให้พวกท่านทำ เพราะในขั้นตอนการเดินสู่การหยวนหมั่นของแต่ละคนล้วนแต่ต้องสถาปนาธรรมานุภาพของตนเองโดยเฉพาะชีวิตที่ต้าฝ่าสร้างขึ้นมาก็ปรากฏออกมาแล้วในระหว่างการยืนยันความถูกต้องของฝ่าของพวกท่านดังนั้นเรื่องที่ศิษย์ต้าฝ่าทำล้วนยิ่งใหญ่รวมทั้งเรื่องการแจกใบปลิวที่ดูธรรมดาอธิบายความจริงกับชาวโลกไปฟาเจิ้งเนี่ยนที่สถานฑูตศิษย์ต้าฝ่ายืนยันความถูกต้องของฝ่าด้วยวิธีการนานา ที่ทำการรัฐในสังคม ท้องที่ต่างๆทำสื่อต่างๆเป็นต้นทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการสร้างธรรมานุภาพให้กับตนเองล้วนกำลังเดินบนทางสุดท้ายสู่การหยวนหมั่นหรือกล่าวได้ว่าทุกสิ่งที่พวกท่านทำ รวมทั้งเรื่องเล็กๆเรื่องหนึ่งล้วนทำเพื่อตนเองไม่มีสักเรื่องที่ทำให้ต้าฝ่าและไม่มีสักเรื่องที่ทำให้ข้าพเจ้าผู้เป็นอาจารย์นี้ ( เสียงปรบมือ )

ในอนาคตพวกท่านล้วนจะมองเห็นนอกจากที่จำเป็นต้องพูดในที่ประชุมแล้ว ปกติข้าพเจ้าก็พูดอะไรอีกน้อยมากเพราะทุกคนต้องเดินบนทางของตัวเอง แต่ละคนจำเป็นต้องเดินหนทางของตัวเองอย่างนั้นจึงจะสามารถสถาปนาธรรมานุภาพขึ้นมาได้ดังนั้นข้าพเจ้าไม่สามารถคอยผลักให้ท่านเดินไปในทุกๆที่ทุกๆเวลา อย่างแต่ก่อนอีกเพียงแต่ศึกษาฝ่าอย่างเดียวการบำเพ็ญส่วนบุคคลช่วงเวลานั้นได้ผ่านไปแล้วขณะนี้คือศิษย์ต้าฝ่ากำลังหยวนหมั่นสิ่งสุดท้ายของพวกท่านทุกสิ่งที่พวกท่านจำเป็นต้องมี ดูไปแล้วคล้ายกำลังทำอะไรเพื่อต้าฝ่าและบางคนอาจกำลังคิดว่า “ฉันกำลังทำอะไรเพื่ออาจารย์ เพราะเป็นสิ่งที่อาจารย์บอกให้ฉันทำ” (หัวเราะ) ที่จริงไม่ใช่ข้าพเจ้าบอกให้ท่านทำ ก็คือให้ทำเพื่อตัวท่านเอง

ฝ่าคือสิ่งที่ชีวิตใดๆก็ทำลายไม่ได้เขาคือสิ่งที่มีอยู่แต่เดิม เขาคือสิ่งที่พร้อมมูลอยู่แล้วเพียงแต่ถ่ายทอดให้กับสรรพชีวิตช่วยเหลือสรรพชีวิตแต่รูปแบบที่แสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมของฝ่าที่แท้จริงนั้น มีกี่ชีวิตที่สามารถมองเห็นได้ ยากเหลือเกินมองไม่เห็นดังนั้นจึงไม่เห็นแก่นแท้ของฝ่าฝ่าหลุนที่พวกท่านมองเห็นนั้น เป็นเพียงรูปแบบของพลัง(กง)แต่ ฝ่าที่กำหนดไว้กับหลุนนั้นชีวิตทั่วๆไปยากจะมองเห็นระดับชั้นสูงก็มองไม่เห็นใครล่ะจะสามารถทำลายฝ่าได้จริงๆ ใครก็ทำลายไม่ได้เลย

ข้าพเจ้าเคยพูดกับท่านทั้งหลาย การช่วยเหลือสรรพชีวิตนั้นยากมากคิดที่จะให้ชีวิตทั้งหมด ทุกๆระดับชั้นล้วนได้ฝ่า ล้วนได้รับการช่วยเหลือจำเป็นต้องเลือกบรรยายฝ่าอยู่ที่ระดับชั้นต่ำที่สุดของชีวิต-ที่ของคนตรงนี้ในจักรวาล ด้วยเหตุนี้ชีวิตทั้งหมดทุกระดับชั้นจึงสามารถได้ยินเช่นนั้นการบรรยายฝ่าที่นี่ชาวโลกที่นี่ ใครมาฟังฝ่าละ ก็ต้องมีชีวิตอย่างนี้ชีวิตอย่างนี้ก็คือศิษย์ต้าฝ่าทุกวันนี้ (เสียงปรบมือ)การเจิ้งฝ่าต้องเลือกทำในจักรวาลเก่าที่มาถึงช่วงก้าวสุดท้ายของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับสูญและก็คือช่วงที่ยากลำบากที่สุดในการช่วยเหลือสรรพชีวิตและร่างนภาทั้งหมดเป้าหมายเริ่มแรกของการสร้างตรีภูมิก็คือเพื่อใช้ในการเจิ้งฝ่าในช่วงก้าวนี้เช่นนั้นสรรพชีวิตในตรีภูมิคือใครชีวิตแบบไหนอยู่ที่นี่ในอนาคตต้องมีชีวิตแบบไหน และรูปแบบการดำรงชีวิตแบบไหนรวมทั้งรูปแบบความนึกคิดของชีวิตพฤติกรรมและวัฒนธรรมของชีวิตเป็นต้น ล้วนจะก่อเกิดขึ้นในขั้นตอนประวัติศาสตร์แต่หากมองจากการเจิ้งฝ่าการจัดวางนี้ทำไว้บกพร่องมากเพราะเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นจากการก่อรูปของอิทธิพลเก่าและกล่าวได้ว่าสิ่งต่างๆมากมายของมนุษย์ล้วนไม่ใช่เรื่องบังเอิญล้วนเป็นไปตามลำดับเพราะว่าเป็นไปอย่างมีลำดับมาก ดูไปจึงเป็นธรรมชาติมากแต่เมื่อถ่ายทอดฝ่า ศิษย์ต้าฝ่าสามารถจะก้าวเข้าประตูต้าฝ่ามาได้หรือไม่ถ้าถึงเวลาข้ามด่านยังจะบำเพ็ญหรือไม่สุดท้ายสามารถจะเดินไปสู่หยวนหมั่นได้หรือไม่ พอเกิดการประทุษร้ายหรือการรบกวนรูปแบบอื่นๆ ศิษย์ต้าฝ่าสามารถจะทำได้ดีหรือไม่ ในท่ามกลางการยืนยันความถูกต้องของฝ่าสิ่งต่างๆเหล่านี้ต้องดูแต่ละคนดังนั้นในการยืนยันความถูกต้องของฝ่าของพวกท่าน ท่านทั้งหลายได้เห็นแล้วยังมีปัญหาหนึ่ง ก็คือการเกิดขึ้นของอิทธิพลเก่าทำให้ต้าฝ่าและศิษย์ต้าฝ่าได้รับการรบกวนอย่างหนัก แต่ไม่ว่าจะรบกวนอย่างไร เรื่องที่ทำชั่วร้ายมากเท่าไรท่านทั้งหลายหันกลับไปดู แท้จริง ล้วนหนีออกไปไม่พ้นฝ่ามือพระยูไล (เสียงปรบมือ) รับรองว่าเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าอิทธิพลเก่า ปีศาจทรามและคนชั่วคิดจะทำอะไร สุดท้ายล้วนแต่ต้องจบลงตามข้อกำหนดในการเจิ้งฝ่าของข้าพเจ้าการรบกวนต่างๆเหล่านั้นที่เกิดในช่วงตรงกลางก็ดีสภาพการณ์ ต่างๆของผู้ฝึกจำนวนหนึ่งที่ปรากฏออกมาก็ดีล้วนเป็นเพียงสภาพการณ์ที่ปรากฏออกมาของชีวิตของจักรวาลเก่าในช่วงสุดท้าย แห่งการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับสูญ ซึ่งรบกวนต่อการเจิ้งฝ่าแต่กล่าวสำหรับต้าฝ่าเอง ใครก็ทำลายไม่ได้ และศิษย์ต้าฝ่าไม่ว่าจะได้รับความทุกข์ทรมานอย่างไร สุดท้ายล้วนก้าวสู่ความเป็นเทพ

ท่านทั้งหลายต่างก็รู้จักกฎข้อหนึ่งจากในฝ่าในจักรวาลนี้บรรดาความทุกข์ยากที่ชีวิตใดๆได้รับล้วนไม่สูญเปล่าโดยเฉพาะคือผู้บำเพ็ญต้าฝ่าคนหนึ่งและเป็นศิษย์ต้าฝ่าในยุคเจิ้งฝ่า ขอเพียงสุดท้ายยังคงอยู่ในฝ่าไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรสิ่งที่รออยู่ก็คือหยวนหมั่นหรือพูดได้ว่าพวกชั่วร้ายไม่ว่ามันจะประทุษร้ายอย่างไรก็ไม่อาจบรรลุเป้าหมาย สุดท้ายล้วนแต่ต้องหล่อหลอมตามผลลัพธ์ที่เลี่ยงไม่พ้นของการเจิ้งฝ่าก็คืออย่างนี้เมื่อรบกวนการเจิ้งฝ่าแล้วเช่นนั้นในการเจิ้งฝ่าก็ใช้สถานการณ์การรบกวนให้เป็นประโยชน์สุดท้ายยังคงต้องบรรลุเป้าหมายที่ต้องการของการเจิ้งฝ่าต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน

ในอนาคตหลังจากศิษย์ต้าฝ่าก้าวข้ามมาแล้วท่านทั้งหลายลองดูทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเป็นเช่นนี้แน่นอนกล่าวสำหรับเทพในจักรวาลมันช่างน่ากลัวมากเมื่อเขาได้เห็นจักรวาลในท่ามกลางการเจริญและเสื่อมไป ก้าวเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของขั้นตอน การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับสูญใครก็ไม่คิดจะดับสูญ ล้วนอยากจะปกป้องตัวเองเมื่อคิดจะปกป้องตัวเองจะต้องทำให้จักรวาลทั้งหมดได้รับการช่วยเหลือแต่สรรพชีวิตคิดวิธีการจนถึงที่สุดแล้วก็ยังไม่บรรลุเป้าหมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีการทั้งหลายที่ชีวิตในเวลานี้คิดขึ้นมาเรื่องที่ทำขึ้นมานั้นไม่อาจพูดได้ว่าดีไม่ว่าชีวิตนั้นจะสูงแค่ไหน ก็ล้วนไม่อาจพูดว่าเขานั้นดีงามที่สุด งดงามที่สุดดังนั้นล้วนไม่บรรลุเป้าหมายและสรรพชีวิตของจักรวาลล้วนมองเห็นผลลัพธ์สุดท้ายที่น่ากลัวนี้แล้วจึงคิดจะทำอะไรบ้างด้วยเหตุนี้จึงเกิดอิทธิพลเก่าของจักรวาลขึ้น

การเจิ้งฝ่าของจักรวาลล่วงมาถึงก้าวย่างในวันนี้ที่จริงข้าพเจ้าไม่อาจใช้คำพูดของคนมาพูดให้เหมาะเจาะได้อีกแล้ว ภาษาของคนถ่ายทอดออกมาไม่ได้แล้ว ล้วนแต่เป็นการบรรยายอย่างกว้างๆคร่าวๆเรื่องที่ต้องการทำแต่แรกได้ทำไปหมดแล้วที่จริงจักรวาลของพวกเราเองได้สร้างเสร็จแล้ว (เสียงปรบมือ) เหลือเพียงองค์ประกอบสุดท้ายเหล่านั้นที่สามารถจะทำให้เทียนถี่อันมหึมานี้คงอยู่องค์ประกอบเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่กั้นชั้นเปลือกนอกของมนุษย์ไว้อย่างแท้จริง

สภาพการณ์ทั้งหลายที่ปรากฏออกมาในสังคมมนุษย์ในปัจจุบัน คล้ายกับรูปการของการเจิ้งฝ่าของจักรวาลมาก ยิ่งกระจ่างชัดขึ้นเรื่อยๆแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่ารูปการนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงเร็วยิ่งขึ้นหลังจากฝ่าปรับโลกมนุษย์เริ่มขึ้น นั่นก็เกี่ยวพันถึงคนอย่างแท้จริงแล้วเมื่อเริ่มการเจิ้งฝ่า ส่วนของตรีภูมินี้ได้(ถูก)ห่อหุ้มเอาไว้แล้ว เช่นนี้แล้วตรีภูมิกับเทียนถี่ของจักรวาลเดิมก็แยกออกจากกันแล้วสรรพชีวิตข้างบนกับข้างล่างไม่อาจติดต่อสัมผัสกันได้ ต่อไปเรื่องใดๆของคนกับของข้างนอกตรีภูมิก็ไม่สัมพันธ์กันแล้วสรรพชีวิตข้างนอกตรีภูมิยุคใกล้ก็มองเห็นทั้งหมดนี้แล้วจึงลงมาจุติกันมากมายก่อนการเจิ้งฝ่าดังนั้นมองไปแล้วคนก็ยังคงเป็นหนังผืนนี้ของคนที่จริงแล้วข้างในหนังของคนล้วนไม่ใช่คนแต่เดิมแล้วมีชีวิตชั้นสูงมากมายมารับฝ่า จุติลงมาเป็นคนและมีจำนวนมากที่เป็นชีวิตในเทียนถี่ที่แตกต่างกันในจักรวาลอันไกลโพ้นที่จริงในการยืนยันความถูกต้องของฝ่าของศิษย์ต้าฝ่าในครั้งนี้ยังมีคนมากมายที่สมควรได้รับฝ่าแต่เพราะเหตุต่างๆนานา ได้ถูกอิทธิพลเก่ากั้นเอาไว้ตั้งแต่เริ่มแรกไม่ยอมให้พวกเขาได้รับฝ่าและยังมีจำนวนหนึ่งในระหว่างการประทุษร้ายครั้งนี้ยังได้ทำบาปกรรมที่ไม่อาจชดใช้ได้ซึ่งต้องเผชิญกับการถูกคัดทิ้งไปและมีอีกจำนวนหนึ่งไม่ได้ทำบาปต่อต้าฝ่าแต่ก็บำเพ็ญไม่ได้แล้วจะเป็นคนในศักราชใหม่เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องในอนาคต

ต่อไปจะขอถือโอกาสพูดเรื่องหนึ่ง เมื่อเร็วๆนี้มีศิษย์ต้าฝ่ามากมายได้เขียนหนังสือออกมาจำนวนหนึ่งข้าพเจ้าได้ดูคร่าวๆของบางคนจุดมุ่งหมายนั้นดีมีจำนวนมากเป็นเรื่องการบำเพ็ญกับการถูกทำร้ายและการคัดค้านการประทุษร้ายแต่ว่าไม่ควรเผยแพร่ในหมู่ศิษย์ต้าฝ่า นี่เป็นเงื่อนไขที่แน่นอนท่านทั้งหลายใช้รูปแบบของหนังสือเพื่อการยืนยันความถูกต้องของฝ่า เพื่อช่วยเหลือชาวโลกที่ทำคือสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าควรทำแต่ว่าท่านทั้งหลายล้วนทราบว่าศิษย์ต้าฝ่าจะหยวนหมั่นดังนั้นเรื่องใดๆก็ไม่สามารถรบกวน รูปแบบการยืนยันความถูกต้องของฝ่าของศิษย์ต้าฝ่าในวันนี้ นี่เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งนอกจากการศึกษาฝ่าสิ่งใดๆก็ไม่ให้สอดแทรกเข้ามาดังนั้นสิ่งของใดๆ ที่ไม่ถือว่าเป็นของต้าฝ่าเอง ไม่ให้เผยแพร่ในหมู่ศิษย์ต้าฝ่าอย่างเด็ดขาดต้องไม่ก่อการรบกวนต่อศิษย์ต้าฝ่าอย่างเด็ดขาด

ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยพูดปัญหาเหล่านี้ไปแล้ว วันนี้ภายใต้สภาพการณ์และสภาพแวดล้อมพิเศษ และยังมีรูปแบบเฉพาะของการถูกประทุษร้ายนี้เกิดขึ้น ดังนั้นข้าพเจ้าจึงพูดเรื่องนี้อีกครั้ง หนังสือเหล่านี้สามารถนำไปดำเนินการในสังคมคนธรรมดาสามัญศิษย์ต้าฝ่าก็สามารถช่วยและใช้สื่อที่ศิษย์ต้าฝ่าทำเพื่อโฆษณาและสามารถเผยแพร่ให้กว้างขวางในสังคมคนธรรมดาสามัญ ท่านทั้งหลายสามารถร่วมมือกันทำ ล้วนเป็นเรื่องดีเพียงแต่ไม่ให้ก่อให้เกิดความหวั่นไหวในหมู่ศิษย์ต้าฝ่าต่อไปในการประชุมฝ่าฮุ่ยนอกจากหนังสือของต้าฝ่าเอกสารข้อมูลใดๆ โสตทัศนูปกรณ์เป็นต้น ที่ไม่ใช่เป็นของฝ่าเองล้วนอย่านำมาจำหน่ายในที่ประชุมฝ่าฮุ่ยยิ่งไม่อาจถือเอาการประชุมฝ่าฮุ่ยและผู้ฝึกเป็นตลาดไม่ให้หาเงินกับศิษย์ต้าฝ่าเอกสารข้อมูลการเผยแพร่ฝ่าและอธิบายความจริงต้องผลักสู่สังคมให้เป็นเช่นนี้

ต่อไปจะใช้ช่วงเวลาหนึ่งตอบคำถามให้กับทุกท่าน (เสียงปรบมือ) ท่านทั้งหลาย ส่งคำถามขึ้นมาได้ ตอนนี้เริ่มต้นได้

ศิษย์: จะใช้กฎหมายจัดการกับปัญหาพฤติกรรมของตำรวจฝรั่งเศสได้ไหม

อาจารย์: ในระหว่างการเยือนประเทศฝรั่งเศสของผู้นำจีนท่านทั้งหลายไปร้องเรียน ขณะเดียวกันก็แสดงความยินดีต้อนรับ เดิมทีก็เป็นเรื่องที่ดี แต่อันธพาลกลุ่มหนึ่งของพวกที่ประทุษร้ายฝ่าหลุนกง ก็อยากจะสร้างเหตุยุ่งยาก ทำให้ตำรวจฝรั่งเศสที่ไม่เข้าใจความจริง ทำการรบกวนต่อผู้ฝึก เรื่องนี้โดยตัวมันเองแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ (ฝีมือ) พวกชั่วร้ายทำออกมา คืออันธพาลกลุ่มนั้นที่ประทุษร้ายฝ่าหลุนกงทำออกมา ในฐานะประเทศประชาธิปไตยที่ยึดถือกฎหมายเป็นสำคัญ ไปฟังอีกประเทศหนึ่งทุกอย่าง ฟังรัฐบาลที่ถูกสิ่งชั่วร้ายควบคุม ชี้นำการละเมิดสิทธิมนุษยชน เรื่องนี้สำหรับประเทศที่สนับสนุนประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ข้าพเจ้าคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่มีเกียรติอะไร การใช้กฎหมายจัดการปัญหานี้ก็ถูกต้อง

ศิษย์: ศิษย์ต้าฝ่าประเทศไทย ฝากความระลึกถึงท่านอาจารย์

อาจารย์: ขอบใจท่านทั้งหลาย

ศิษย์: มีผู้ฝึกบางคนไม่มีความสุขุมรอบคอบในการอธิบายความจริง พูดจาเกินขอบเขต

อาจารย์: ศิษย์ต้าฝ่าเรา ไม่ว่าทำเรื่องอะไรต้องใช้ความดีงามสุขุมรอบคอบไปทำ ไม่ว่าจะอธิบายความจริงกับคนหรือเข้าร่วมกิจกรรมอะไร ล้วนต้องให้คนเห็นความดีงาม ความมีเมตตาของศิษย์ต้าฝ่า อย่าทำเรื่องอะไรที่เกินเลย ในการช่วยเหลือสรรพชีวิต อธิบายความจริง ท่านไปพูดกับผู้คนอย่างเกินเลยก็ไม่อาจเกิดผลที่ดีได้ เพราะความไม่เมตตาของท่านไม่อาจทำให้องค์ประกอบของสิ่งชั่วร้ายเหล่านั้นในความคิดของคนที่ถูกพิษร้ายสลายไปได้ ดังนั้นท่านก็ไม่สามารถก่อให้เกิดประสิทธิผลด้านตรง

ข้าพเจ้าเคยพูดกับท่านว่า ความเมตตานั้นไม่ใช่จะแสร้งทำออกมาได้ และก็ไม่ใช่สภาพการณ์ที่ทำกันแต่เปลือกนอก ความเมตตานั้นเป็นสิ่งที่แสดงออกมาจากใจข้างใน ต้องผ่านการบำเพ็ญจึงจะทำได้จึงจะปรากฏออกมาได้ อยู่ต่อหน้าสรรพชีวิต คำพูดของท่านพอออกมาจากปาก พอความคิดของท่านเคลื่อนไหว ก็สามารถทำให้องค์ประกอบ (ความคิด) ที่ไม่ดีสลายไป จึงสามารถทำให้สิ่งที่เป็นพิษต่อชาวโลก สิ่งที่ไม่ดีในองค์ประกอบในความคิดของคนสลายไปจากนั้นคนจึงค่อยเข้าใจ ท่านก็สามารถช่วยเขาได้ ท่านไม่มีแรงพลังที่แข็งแกร่งของความเมตตาที่แท้จริง ท่านก็ไม่อาจทำให้มันสลายไป ในการอธิบายความจริงของท่านก็ไม่เกิดผล โดยเฉพาะที่ทำอย่างสุดขั้ว ข้าพเจ้าขอบอกท่านทั้งหลาย ไม่อาจส่งผลที่ดีได้โดยสิ้นเชิง ก็เพราะความสามารถของการบำเพ็ญของท่านออกมาไม่ได้ ความเมตตาของท่านปรากฏออกมาไม่ได้ ดังนั้นเรื่องใดๆล้วนอย่าได้มีความคิดที่เป็นปฏิปักษ์ ต่อสู้กับคนเขา นี่ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อย่าได้สุดขั้ว แม้จะไปที่สถานกงสุล ก็ต้องปฏิบัติต่อคนด้วยความเมตตากรุณาซึ่งปฏิบัติต่างกับชีวิตที่ชั่วร้ายในการฟาเจิ้งเนี่ยนของพวกเรา ต้องชำระล้างสิ่งชั่วร้ายที่ไม่ใช่มนุษย์ พวกผีปีศาจที่ประทุษร้าย ปีศาจทรามเหล่านั้น พวกสมุนดำ พวกท่านปฏิบัติต่อมันอย่างไรก็ไม่มีปัญหา แต่ต่อคนต้องใช้ความเมตตา ช่วยเหลือคนมิใช่หรือ ช่วยชาวโลกมิใช่หรือ ดังนั้นจะช่วยคนได้ไหมถ้าไม่เมตตาต่อคน

ศิษย์: ชีวิตเกิดขึ้นมากๆแล้ว บางชีวิตก็เกิดความเห็นแก่ตัวขึ้นมาจนตกลงไป นี่เป็นปัจจัยเดียวของความเสื่อมของจักรวาลใช่ไหม ในอนาคตยังจะมีชีวิตมากมายอย่างนี้อีกไหม

อาจารย์: ความเห็นแก่ตัวเป็นคุณสมบัติมูลฐานของจักรวาลในอดีต เกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับสูญ เกิดแก่เจ็บตาย ก็เป็นคุณสมบัติที่นำมาซึ่งลักษณะที่แน่นอน ฝ่าในอนาคตนั้นกลมกลืนสมบูรณ์ เป็นไปเพื่อส่วนรวม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของคุณสมบัติมูลฐานของจักรวาล ก็ทำให้ขั้นตอน (กระบวนการ) ของจักรวาล ลักษณะพิเศษของชีวิต เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยมูลฐานเช่นกัน คุณสมบัติมูลฐานของจักรวาลได้กำหนดสภาพมูลฐานของจักรวาล ความไม่บริสุทธิ์ของชีวิต จนกระทั่งชีวิตที่เสื่อมไปแล้วตกลงไปนั้นเกิดขึ้นจาก (กฎ) การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับสูญ การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับสูญโดยตัวเองนั้นกำหนดโดยคุณสมบัติมูลฐานของจักรวาล แต่ดูประหนึ่งไม่เกี่ยวโยงโดยตรงกับคุณสมบัติมูลฐาน

ตอนนี้ท่านใช้ความคิดของคน คิดเรื่องของเทพ ซึ่งไม่ใช่เช่นนี้ เนื่องจากชีวิตของจักรวาลจะมากหรือน้อยนั้นมีตัวเลขกำหนดไว้แล้ว ไม่เกี่ยวกับว่าชีวิตจะเสื่อมไปหรือไม่

ไม่มีที่ไหนไม่มีเทพ ไม่มีที่ไหนไม่มีชีวิต มากจนเหลือคณานับ ท่านทั้งหลายทราบไหม ในอากาศนี้มีอนุภาคมากมายเท่าไร ที่ประกอบขึ้นมาเป็นอากาศ ที่พวกเราลืมตามองเห็นวัตถุทั้งปวงนั้น ล้วนมาจากอนุภาคระดับจุลภาค อนุภาคที่เล็กกว่าประกอบขึ้นมาเป็นอนุภาคที่ใหญ่กว่าหนึ่งชั้น อนุภาคแต่ละระดับชั้นล้วนมีชีวิต และแต่ละระดับชั้นอนุภาคยังมีกลุ่มชีวิตที่ใหญ่มหึมา ปรากฏอยู่ในมิติต่างๆกัน ซึ่งใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบันมองไม่เห็นแต่ว่ามันดำรงอยู่จริง ซึ่งมีมากถึงระดับนี้ หากหยิบผิวดินเม็ดหนึ่งขึ้นมา บนนั้นก็มีชีวิตนับไม่ถ้วน นี่ไม่ใช่หมายถึงจุลินทรีย์ หากท่านนำอณูนั้นมาขยายให้ใหญ่เท่าโลก ท่านลองดูซิว่าบนนั้นมีชีวิตสักเท่าไร ผิวดินเม็ดนี้ยังไม่ใช่อนุภาคที่เล็กที่สุด อนุภาคที่เล็กยิ่งกว่า ยิ่งเล็ก ๆ ๆ ๆ ลงไปอีก เล็กจนแทบจะไม่มีที่สิ้นสุด นี่เป็นการพูดจากระดับจุลภาคแล้วอนุภาคที่ใหญ่ยิ่งขึ้นละที่ใหญ่กว่าโมเลกุลเทียนถี่ (ร่างจักรวาล) อันมหึมาระดับมหภาคที่ใหญ่ยิ่งกว่า มีชีวิตอยู่เท่าไรละ ทั้งหมดนั้นจะมีชีวิตมากสักเท่าไร จักรวาลเป็นสิ่งที่หลากหลาย เป็นเทียนถี่ที่มหึมาไร้ที่เปรียบ ทั้งหมดล้วนมีชีวิตทั้งหมดล้วนคือชีวิตชีวิตมีมากเสียจนเต็มทั่วไปหมดชีวิตดีหรือไม่ดี ไม่เกี่ยวข้องกับว่ามีมากหรือน้อย วันเวลาของชีวิตหนึ่ง ๆ จะสั้นหรือยาวก็เพราะกำหนดโดยคุณสมบัติพิเศษของจักรวาลเก่า ที่ผ่านมาก็คือสร้างขึ้นมาโดยกฎของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับสูญฝ่าในอนาคตนั้นจะกลมกลืนบริบูรณ์

ศิษย์: รูปลักษณ์ในปัจจุบัน กับ จิตหลัก(หยวนเสิน) และรูปลักษณ์ หลังจากการบำเพ็ญสำเร็จเหมือนกันหรือไม่

อาจารย์: ปัญหานี้เคยพูดแล้ว ยิ่งสูงขึ้นไปยิ่งงดงามยิ่งอ่อนวัยดูไปก็คล้ายท่านวันนี้ไม่ว่าท่านอยู่ในวัยชราวัยกลางคน หรือวัยหนุ่มสาวบางทีจิตหลักของท่านล้วนไม่ใช่เช่นนี้ แต่ยิ่งสูงขึ้นไปยิ่งงดงาม ยิ่งสวยงาม จุดนี้เป็นเรื่องแน่นอน งดงามมิใช่หรือ ดีงามก็รวมถึงสวยงามด้วยใช่ไหม ดังนั้นพอไปถึงระดับชั้นสูงมาก สมมติว่าบำเพ็ญไปถึงขั้นนั้น จะรู้สึกว่าสวยงามจนไม่เหมือนกับขณะนี้เลย ไม่เหมือนคนบนโลกโดยสิ้นเชิง เป็นเขตแดนที่ปรากฏออกมาซึ่งเกิดขึ้นจากการที่คนเลื่อนขึ้นไปถึงที่นั่น

ศิษย์: สนามพลังในร่างกาย ส่วนไหนแรงเป็นพิเศษ (เสียงที่ประชุมหัวเราะ)

อาจารย์: เป็นคำถามของผู้ฝึกใหม่กระมัง ไม่แบ่งว่าตรงไหนแรงเท่า ๆ กันทั้งนั้นเพียงแต่ร่างกายของท่านส่วนที่มีความรู้สึกไวแตกต่างกัน ส่วนไหนรู้สึกไว ท่านรู้สึกตรงไหนแรงหรือ การเปลี่ยนแปลงของร่างกายจากผลของพลังนั้นเหมือนกัน

ศิษย์: ในจีนแผ่นดินใหญ่ มีผู้ฝึกที่ไม่ออกมาเพราะมีจิตหวาดกลัว อนาคตของพวกเขาจะเป็นเช่นไร

อาจารย์: เรื่องเหล่านี้ข้าพเจ้ายังไม่คิดจะสรุปในตอนนี้ ที่จริงท่านทั้งหลายก็กระจ่างชัดแล้วว่า คน ๆ หนึ่งได้รับประโยชน์จากต้าฝ่า เมื่อต้าฝ่าตกอยู่ในความยากลำบาก เพื่อที่จะรักษาตัวรอด ไม่ยอมพูดความจริงสักคำ คน ๆ นี้ควรช่วยเหลือไหม ขอยกตัวอย่างง่าย ๆ สักตัวอย่างหนึ่ง เมื่อมองเห็นคน ๆ หนึ่งพบกับอันตราย ได้ให้ความช่วยเหลือเขาแล้ว พอหันกลับมาดูก็เห็นว่าคนที่ช่วยเหลือเขา ก็ได้รับความยากลำบากอยู่ แต่เขากลับวางเฉยไม่สนใจ นั่นเป็นคนดีไหม ชีวิตที่ต้าฝ่าช่วยเหลือ ชีวิตใหม่ที่ต้าฝ่ามอบให้ เมื่อศิษย์ต้าฝ่าล้วนถูกประทุษร้าย เมื่อการประทุษร้ายต้าฝ่าเกิดขึ้น ท่านกลับไม่สามารถปกป้องต้าฝ่า นั่นเป็นศิษย์ต้าฝ่าไหม แม้แต่เป็นแค่คนดีคนหนึ่งก็ยังไม่ได้แล้ว แต่ท่านเคยได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง ในสายตาของเทพนี่เป็นชีวิตที่แย่ที่สุด แย่ยิ่งกว่าพวกที่ประทุษร้ายต้าฝ่าโดยตรงเสียอีก เพราะคนที่ประทุษร้ายต้าฝ่า เขาไม่เคยได้รับประโยชน์จากฝ่า ดังนั้นเขาจึงแย่ยิ่งกว่าคนเลวพวกนั้น โดยเฉพาะนี่เป็นต้าฝ่าที่สร้างสรรค์ชีวิตทั้งปวงของจักรวาล พูดถึงว่าจะจัดการอย่างไร นั่นก็มีมาตรฐานของฝ่า

ศิษย์: “ขจัดสิ้นความคิดเหลวไหล บำเพ็ญพุทธะไม่ยาก” ความคิดเหลวไหลในประโยคนี้หมายถึงกรรมทางความคิดใช่หรือไม่

อาจารย์: ใช่ สิ่งที่กรรมทางความคิดสะท้อนออกมามากที่สุดก็คือความคิดเหลวไหลเลอะเทอะ คิดโน่นคิดนี่สะเปะสะปะ ล้วนแต่เป็นจิตยึดติดของคน ส่วนมากคือคิดอยากได้ในสิ่งที่พึงพอใจ คิดเหลวไหลในสิ่งที่อยากได้แต่ไม่ได้ ดังนั้นจึงเป็นความคิดเหลวไหลเปลืองความคิดเปล่า ๆ (หัวเราะ) ก็เป็นความหมายเหล่านี้

ศิษย์: แง่มุมการรายงานข่าวของไต้หวัน จะวางน้ำหนักในการเปรียบเทียบระหว่างสองฝั่ง (ไต้หวัน-จีน) อย่างไรดี

อาจารย์: แง่มุมการรายงานข่าวของไต้หวัน จะวางน้ำหนักในการเปรียบเทียบระหว่างสองฝั่ง (ไต้หวัน-จีน) อย่างไรดี เขียนไม่ชัดเจน ที่แท้ท่านต้องการจะพูดว่า ท่าทีที่ต่างกันต่อปัญหาฝ่าหลุนกง จะเปรียบเทียบอย่างไรดีใช่ไหม ท่าทีของสองฝั่งโดยตัวมันเองก็คือการเปรียบเทียบกันอยู่แล้ว มีบรรพบุรุษร่วมกัน วัฒนธรรมเหมือนกัน สองแผ่นดินมีท่าทีต่อต้าฝ่าสองแบบ นั่นไม่ใช่การเปรียบเทียบโดยตัวมันเองหรอกหรือ ในบทความอธิบายความจริงสามารถใช้วิธีการเปรียบเทียบให้ชาวโลกเห็นได้

ศิษย์: กับกลุ่มนายทุนใหญ่ จะไปอธิบายความจริงกับเขาอย่างไรดี

อาจารย์: มาถึงเดี๋ยวนี้แล้ว ข้าพเจ้าไม่แบ่งแยกว่าเขาเป็นกลุ่มนายทุนใหญ่ หรือกลุ่มนายทุนเล็ก ถ้าเพียงเป็นผู้ที่สมควรช่วยเหลือ พวกเราก็ช่วยที่ควรทำพวกท่านก็ไปทำ สามารถช่วยได้ก็ช่วย สามารถทำได้ก็ไปทำ คิดจะรับการช่วยเหลือหรือไม่ นั่นก็เป็นเรื่องของ ตัวเขาเอง

ศิษย์: ในเขต(พื้นที่)ของเรามีศิษย์ต้าฝ่าคนหนึ่ง เนื่องจากยุ่ง (ง่วนอยู่) กับงานของต้าฝ่ามาก จนละเลยความรับผิดชอบต่อครอบครัว

อาจารย์: ผู้ฝึกที่ถามดูเหมือนก็มีจิตยึดติด อย่ายืมใช้คำพูดของอาจารย์ สิ่งที่ข้าพเจ้าบอกกับพวกท่านคือ อยู่ที่ไหนก็ต้องเป็นคนดีคนหนึ่งต้องให้พวกเขาเห็นว่าท่านเป็นศิษย์ต้าฝ่า เรื่องของครอบครัวก็ต้องจัดการให้ดี เรื่องของที่ทำงานต้องจัดการให้ดี การเป็นศิษย์ต้าฝ่านะ ท่านบำเพ็ญได้เป็นเช่นไรต่อหน้าชาวโลกก็จะแสดงออกมาในด้านต่างๆเหล่านี้ ท่านพูดว่าฉันบำเพ็ญได้ดี ฉันเป็นศิษย์ต้าฝ่า แต่ท่านกลับแสดงออกมาได้ไม่ดีในด้านต่างๆเหล่านี้ เช่นนั้นจะแสดงให้เห็นว่าท่านบำเพ็ญได้ดีได้อย่างไรล่ะ (หัวเราะ) ใช่หรือไม่ แน่นอนล่ะศิษย์ต้าฝ่าเราบางคนบำเพ็ญได้ดี เพียงแต่ว่าไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้ แต่สภาพการบำเพ็ญที่ดีไม่ใช่สิ่งที่จะจงใจแสดงออกมาได้ เป็นสิ่งที่ติดตัวผู้บำเพ็ญเอง

ศิษย์: หัวหน้ามารที่อิทธิพลเก่าเลือกขึ้นมา ประวัติศาสตร์ของมันย่อมไม่มีเกียรติอะไร ท่านอาจารย์กรุณาเล่าความเป็นมาของมันได้หรือไม่

อาจารย์: ที่จริงมันไม่มีความเป็นมาอะไร ก็คือชี่ชั่วร้ายที่ออกมาจากศพที่เน่าเปื่อยเป็นพันปี กลายเป็นตัวอ่อนคางคกและถูกอิทธิพลเก่าคัดเลือก มันมีจิตใจคับแคบอิจฉาริษยา ความสัมพันธ์ในแวดวงราชการบ่มเพาะจนมันกลั่นแกล้งคน ซ่องสุมพวกพ้อง ในใจไม่มีปณิธานใหญ่โตอะไร ประจบสอพลอแบบพวกลิ่วล้อ อิทธิพลเก่ารู้สึกว่ามันบรรลุข้อกำหนดกากเดนมนุษย์อย่างครบถ้วน ไม่มีอะไรเลวกว่า ครบเครื่องเรื่องความชั่วจึงชอบมันเกินกว่าจะวางลงได้เมื่อถึงเวลาย่อมใช้การได้ดี คือสิ่งที่อิทธิพลเก่าคัดเลือกมาและผ่านการสร้างขึ้นมาโดยมีเจตนาเวลาที่คัดเลือกก็ต้องชั่วร้ายโง่เง่า ดังนั้นการแสดงออกของมันทั้งหมดล้วนเป็นเช่นนี้

ศิษย์: กรุณาพูดเรื่องการฟาเจิ้งเนี่ยน (ส่งความคิดที่ถูกต้อง) และความหมายของการร้องเรียนหน้าสถานกงสุล ให้พวกเราฟังอีกครั้ง ทุกวันพวกเราไปฝึกพลังอยู่หน้าสถานกงสุล ลมฝนไม่เป็นอุปสรรค แม้ว่าสภาพแวดล้อมจะไม่ดี ทุกคนก็ไม่หวั่นไหว

อาจารย์: สถานกงสุลของแต่ละประเทศคือหน้าต่างของพวกเขา นั่นเป็นที่ๆชาวจีนในต่างประเทศใช้แสดงความคิดเห็น ย่อมไปได้แน่นอน ที่นั่นก็มีคนที่ท่านจะช่วยเหลือได้ ดังนั้นจึงมีความหมายมาก โดยเฉพาะทุกอย่างที่พวกท่านทำ ชาวโลกก็จะเห็น แต่ว่าเป็นศิษย์ต้าฝ่าช่างลำบากจริงๆ ฤดูหนาวของภาคเหนือนั้นหนาวเย็นมาก ลมหนาว เย็นเข้าถึงกระดูก เหล่าศิษย์ต้าฝ่ายังยืนหยัดอยู่ที่นั่น ยอดเยี่ยมมาก ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่ละคนล้วนกำลังเดินบนหนทางยืนยันความเป็นจริงให้ฝ่าของตนเอง ผู้ฝึกเหล่านั้นก็กำลังเดินบนทางของตนเองในการยืนยันความถูกต้องของฝ่า

ศิษย์: ท่านอาจารย์มักพูดถึงธรรมานุภาพของศิษย์ต้าฝ่า แน่นอนข้าพเจ้าเชื่อในสิ่งที่ท่านกล่าวทั้งหมด แต่ยากจริง ๆ ที่จะเห็นพลานุภาพของการทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งหลายของพวกเรา ดูไปก็เป็นเพียงน้ำหยดหนึ่งในสายธารใหญ่ที่เชี่ยวกราก ผมจะศึกษาฝ่าต่อไป อะไรก็ล้วนสามารถเข้าใจได้จากในฝ่าทั้งหมด?

อาจารย์: ความรู้สึกก็จะเป็นเช่นนี้ เพราะว่าโดยพื้นฐานชีวิตทั้งหมดในสังคมมนุษย์ล้วนแต่อยู่ในวังวน โดยเฉพาะมนุษย์หลงอยู่ในวังวนหนักที่สุด ข้าพเจ้าเคยบอกจุดมุ่งหมายให้ท่านทั้งหลายแล้ว ก็คือจะให้โอกาสคนสักครั้งหวนกลับคืนไปจากในวังวนนี้คือโอกาสในการบำเพ็ญ ในเวลาที่มองไม่เห็นความจริงคนยังสามารถทำดีได้ โดยเฉพาะการยืนหยัดบำเพ็ญในกองทุกข์ นี่คือจุดสำคัญ (กุญแจ) ที่สามารถกลับคืนไปได้ ถ้าคนมองเห็นความจริงของจักรวาลหมดแล้ว และเห็นการดำรงอยู่ของเทพ อย่างนั้นทุกๆคนก็ล้วนทำความดีกันหมด และไม่ต้องพูดถึงการให้โอกาสอะไรแก่คนแล้ว ไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือคนแล้ว ทุกๆคนก็จะคิดหาวิธีทำความดี แต่ละวันเขาก็ไม่ทำอะไรแล้ว อะไรก็ไม่เอาแล้ว ล้วนแต่จะไปบำเพ็ญกันหมด ในสภาพเช่นนั้นยังจะนับว่าเป็นการบำเพ็ญหรือ? แม้สามารถบำเพ็ญ ข้าพเจ้าว่าการบำเพ็ญนั้นก็ต้องช้ามาก ๆ เพราะเขามองเห็นภาพจริงแล้ว เทพที่อยู่ตรงนั้น  ตรงนั้นก็คือเป้าหมาย เดินไปเถอะ เมื่อไหร่เดินถึงที่สุดก็เมื่อนั้น แต่ว่าอยู่ในวังวนนี้ที่มองไม่เห็นปลายทาง มองไม่เห็นเป้าหมายของท่าน กระทั่งเรื่องยิ่งใหญ่ที่ท่านทำนั้นก็มองไม่เห็นผลที่เกิดขึ้นจากมัน  (การกระทำนั้น) อยู่ภายใต้ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ท่านสามารถก้าวออกมา ท่านสามารถบำเพ็ญออกมา เทพก็จะเลื่อมใส ต่างก็เห็นว่า ท่านอยู่ในความยากลำบากเช่นนี้ อยู่ในวังวนอย่างนี้ อยู่ในท่ามกลางการรบกวนนานาชนิด ท่ามกลางชื่อเสียงผลประโยชน์ที่ยั่วยวนนี้ กลับหลุดพ้นออกมาได้ ท่านสามารถเดินออกมาจากความเป็นคน เทพจึงจะเลื่อมใส จึงจะถือว่าท่านยอดเยี่ยม สมภาคภูมิที่ท่านสามารถสำเร็จเป็นเทพ นี่ก็คือธรรมานุภาพ หากไม่ใช่เช่นนี้ตรีภูมินี้และมนุษย์นี้ก็จะเหมือนกับระดับชั้นอื่น ๆ ของจักรวาลแล้ว ทุก ๆ ระดับชั้นล้วนสามารถรู้ความจริง เช่นนั้นที่นี่ก็ไม่ใช่มนุษย์แล้ว ที่นี่ก็จะเป็นโลกของเทพ อย่างน้อยที่สุดก็สามารถพูดได้ว่านี่เป็นระดับชั้นต่ำที่สุดของเทพ ไม่ใช่ระดับชั้นต่ำที่สุดของชีวิตคนชั้นนี้ก็เป็นความสัมพันธ์เช่นนี้ ศิษย์ต้าฝ่าวันนี้สามารถทำได้ดีในสิ่งที่ตนสมควรทำ สามารถก้าวออกมาจากความลำบากยากเข็ญ (พายุลมฝน) ในช่วงหลายปีมานี้ ในอนาคตพวกท่านก็จะมองเห็นทั้งหมดนั้น จงเห็นคุณค่าเถอะ ท่านทั้งหลายจะต้องเห็นคุณค่าในหนทางที่ตนเดินผ่านมา ฉะนั้นทางข้างหน้าก็จะต้องเดินให้ดี (เสียงปรบมือ)

ศิษย์: อักษร “เปย”ในคำว่า “ฉือเปย”(ความเมตตา) จะเข้าใจอย่างไรดี?

อาจารย์: การไขความหมายของคำไม่ใช่จุดประสงค์ในการถ่ายทอดต้าฝ่าของข้าพเจ้า เพราะนี่เป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไป เล็กจนไม่ใช่อะไรทั้งนั้น ขอมอบคำพูดสองประโยคให้ท่านทั้งหลาย “ก็เป็นเพียงแค่ใจคนเท่านั้นมีใจไม่ใช่เปย”

ในสังคมมนุษย์ ในช่วงเวลาอันยาวนาน ข้าพเจ้าขอบอกท่านทั้งหลาย ประเทศจีนคือเวทีใหญ่แห่งการร้องละครประวัติศาสตร์ครั้งนี้ตลอดหลายพันปีมานี้มีการวางรากฐานให้แก่คน ทุกสิ่งที่คนควรมีในอนาคตในเวลาที่จะได้รับฝ่าได้แก่ วัฒนธรรม วิธีคิด พฤติกรรม สภาพการดำรงชีวิตพื้นฐานที่จะสามารถรับรู้ เข้าใจฝ่า รวมทั้งการถูกจิตยึดติดชักนำในวังวนนี้มองไม่เห็นความจริง อีกทั้งเพียงแต่ให้เกิดความคิดที่ถูกต้องจากการศึกษาฝ่าก็สามารถจะก้าวออกมาได้ สิ่งที่สร้างขึ้นมาก็คือสภาพแวดล้อมแบบนี้ ได้มีการทุ่มเทอย่างมากมาย ในการสร้างมนุษย์ในทุกวันนี้ขึ้นมา แต่เนื่องมาจากการรบกวนของอิทธิพลเก่า นี่จึงไม่ใช่สภาพที่ดีที่สุดอีกแล้ว ข้าพเจ้าเพียงแต่ใช้ (มัน)ให้ดีงาม (ซั่นโย่ง) เท่านั้น มีผู้ฝึกผิวขาว ผิวดำ ผู้ฝึกชนชาติอื่นๆหลายคน ทุกวันนี้ท่านไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างในจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ข้าพเจ้าขอบอกพวกท่าน ในประวัติศาสตร์ คนบนโลกเกือบจะทุกคน ล้วนออกมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ตรงนั้น (เสียงปรบมือ) ความนึกคิดของท่านไม่เหมือนกับชาวจีนทุกวันนี้ แต่ว่าในประวัติศาสตร์ ท่านเคยมีรากฐานของความคิดแบบนั้น ในส่วนลึกของชีวิตท่านสามารถรู้ได้ หรือกล่าวได้ว่า ฝ่าที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดในวันนี้ท่านสามารถเข้าใจได้ ตัวหนังสือชั้นผิวนอกล้วนต่างกัน แต่แฝงความนัยไว้เหมือนกัน ท่านสามารถรู้ถึงความหมายภายในของฝ่า สามารถเข้าใจความหมายภายในของฝ่า ดังนั้นในการบำเพ็ญไม่ได้รับผลกระทบ

ดังนั้นคำว่า “ฉือเปย” นี้ สร้างขึ้นมาท่ามกลางการวางรากฐานวัฒนธรรมให้กับมนุษย์“ฉือเปย” อธิบายสภาพการแสดงออกของเทพที่อยู่เหนืออารมณ์ความรู้สึกของคน แน่นอนล่ะ “ฉือเปย” (เมตตา) อักษรสองตัวนี้ เดี๋ยวนี้ในสังคมคนธรรมดาสามัญก็ใช้กันอยู่ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่คนสามารถทำได้ สิ่งนี้เกิดจากความสับสนของวัฒนธรรมในปัจจุบัน คนไม่เชื่อเรื่องเทพแล้ว คนไม่เข้าใจการบำเพ็ญแล้ว คนกล้าลบหลู่พระพุทธ ลบหลู่ธรรมะ ลบหลู่เทพ นำคำศัพท์ในเรื่องการบำเพ็ญมาใช้ในหมู่คนธรรมดาสามัญ คนต่างก็ทำกันแล้ว แต่ว่ามันไม่ใช่คำศัพท์ในหมู่คนธรรมดาสามัญ เพียงแต่คนธรรมดาสามัญนำมาใช้

ศิษย์: “ประชาชนทั้งหมดจะต่อต้านมัน” สามารถพูดเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยได้ไหมครับ?

อาจารย์: ความลับสวรรค์ไม่สามารถเผยออกมาเร็วเกินไป (หัวเราะ) (ที่ประชุมหัวเราะ ปรบมือ) แต่ก่อนข้าพเจ้าเคยพูดกับพวกท่านว่า การประทุษร้ายต่อฝ่าหลุนกงก่อให้เกิดความเข้าใจผิดของชาวจีนต่อฝ่าหลุนกงหรือพูดว่า คนจำนวนมากแม้ไม่เข้าใจฝ่าหลุนกง แต่ทุกๆคนล้วนด่าหัวโจกมารนั้น ขณะนี้เป็นเช่นนี้ใช่ไหม (เสียงปรบมือ)

ศิษย์: ในระยะนี้ศิษย์มักจะต่อสู้กับองค์ประกอบที่แรงชนิดหนึ่ง รู้สึกรับไม่ไหว ทำให้กายใจอ่อนล้า

อาจารย์: ฟาเจิ้งเนี่ยน ขจัด “สมุนดำ” ปัจจุบันนี้หากศิษย์ต้าฝ่ามีสิ่งผิดปกติปรากฏออกมาในระหว่างการยืนยันความถูกต้องของฝ่า และการรบกวนอย่างต่อเนื่องแล้ว ย่อมต้องเป็นการกระทำของพวกสมุนดำแน่นอน ในการขจัดทิ้งต้องสลายพวกมันให้ถึงที่สุด แต่ผู้ฝึกที่ได้ฝ่าช้าหรือออกมาช้า การบำเพ็ญของท่านกับเรื่องการยืนยันความถูกต้องของฝ่าจะต้องรวมอยู่ด้วยกัน จะยิ่งปรากฏแรงกดดันมากสำหรับท่าน แน่ล่ะ การบำเพ็ญใช่ไหม ขอเพียงความคิดถูกต้องเข้มแข็งสักหน่อย รับรองว่าท่านจะสามารถข้ามไปได้ ความยากลำบากต้องมีแน่ ก่อนการบำเพ็ญคนก็มีกรรม ในระหว่างการบำเพ็ญต้องล้างกรรม ล้างกรรมก็ต้องมีความเจ็บปวด นั่นเป็นกรรมที่ติดค้างมาแต่ก่อน อาจารย์ไม่อาจล้างให้ท่านทั้งหมดได้ หนี้อะไรท่านก็ไม่ชดใช้ก็จะไปเป็นเทพเทพเห็นท่านแล้วก็ไม่เข้าลูกตา “ท่านจะอยู่กับพวกเราได้อย่างไรกัน หนี้ที่ท่านติดค้างเหล่านั้น ท่านชดใช้แล้วหรือ อาจารย์เอาออกไปให้ท่านใช่ไหม ชดใช้ให้ท่าน นั่นจะใช้ได้หรือ?” แน่ล่ะย่อมไม่ได้ ดังนั้นการบำเพ็ญจึงต้องทนทุกข์ในระดับหนึ่งอย่างแน่นอน

แต่พูดในทางกลับกัน ผู้ฝึกที่อยู่นอกจีนแผ่นดินใหญ่ ความทุกข์ที่ท่านได้รับต่างกันไกลกับการทนทุกข์ของผู้บำเพ็ญในประวัติศาสตร์ ในเวลานั้นทุกข์ยากอย่างยิ่ง วันนี้ไม่มีความทุกข์ปานนั้นวันนี้ทุกข์อยู่ที่ไหนพวกท่านรู้ไหม ในอดีตนะ ร่างกายและจิตใจคนล้วนต้องรับทุกข์ พวกท่านเป็นทุกข์ ก็เพียงในเวลาปล่อยวางจิตยึดติดลงไม่ได้ --- โอยทำไมฉันทุกข์ยากอย่างนี้หนา ทำไมบางคนจึงปฎิบัติต่อฉันไม่ดีอยู่ร่ำไปน่ะ ร่างกายฉันทำไมล้างกรรมบ่อยๆ คนนั้นปล่อยวางไม่ลง มากที่สุดสามารถวางลงได้สักเท่าใดตนเองสามารถมีความคิดถูกต้องมากๆ เหมือนกับศิษย์ต้าฝ่าจริงๆไหม ถือตนเป็นผู้บำเพ็ญที่แท้จริงอย่างสง่าผ่าเผยหรือไม่ถ้าหากสามารถปล่อยวางจิตยึดติดได้ในทุกสภาวการณ์ เมื่อปฏิบัติตนเป็นศิษย์ต้าฝ่าที่ไม่เหมือนกับคนธรรมดาสามัญข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกสิ่งก็จะเปลี่ยนแปลง ผู้ฝึกเก่าล้วนเข้าใจได้ลึกซึ้ง พวกเขาก้าวผ่านสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดมาแล้ว ดังนั้นปัญหานี้ผู้ฝึกใหม่ลองถามๆ ผู้ฝึกเก่าให้ชี้แนะหน่อย ลองอ่านบทบรรยายธรรมฉบับก่อนๆ ของข้าพเจ้าให้มากสักหน่อย ก็จะได้รับคำตอบมากมายในปัญหาเหล่านี้ อีกอย่างในระยะนี้เทพชั่วที่เจาะเข้ามาในตรีภูมิ (สมุนดำ) ก็เข้าร่วมการประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่าโดยตรง โดยมากเป็นการกระทำของพวกมัน ระหว่างฟาเจิ้งเนี่ยน กวาดล้างพวกมัน ขจัดการรบกวนออกไป

ศิษย์: ขอบพระคุณมากที่อาจารย์ผู้เปี่ยมเมตตาช่วยเหลือผม แต่ศิษย์ติดหนี้มากมีจิตยึดติดและจิตของคนธรรมดาสามัญนานาชนิดรู้สึกร้อนใจมาก ขอให้ท่านอาจารย์ช่วยเหลือด้วย

อาจารย์: ข้าพเจ้าสามารถช่วยเหลือท่าน แต่ข้าพเจ้าไม่อาจช่วยท่านเพื่อสิ่งเหล่านี้ (ที่ประชุมหัวเราะ) ข้าพเจ้าได้แต่เพียงบอกให้ท่านบำเพ็ญ ท่านบอกว่าตอนนี้ฉันติดเงินคนไว้มากมาย ฉันไม่อาจปล่อยวางจิตใจลงมาบำเพ็ญ อาจารย์ช่วยให้ฉันร่ำรวย ชดใช้เงินเหล่านี้คืนให้หมดแล้ว ฉันก็จะวางใจบำเพ็ญข้าพเจ้าขอบอกท่าน นั่นไม่ใช่การบำเพ็ญ ข้าพเจ้าไม่ให้ท่านบำเพ็ญแบบนั้น ล้วนแต่มีทุกข์ต้องทนรับ ก็ให้อยู่ในความยากลำบากเช่นนี้ ดูซิว่าท่านสามารถบำเพ็ญได้หรือไม่ ท่านสามารถบำเพ็ญ ทุกสิ่งอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ว่าการบำเพ็ญของท่านต่างหากเป็นเรื่องที่แท้จริง เกิดจากใจตนเอง ท่านว่าฉันบำเพ็ญ ทุกวันนี้ฉันฝึกพลัง แต่ภายในใจท่านกลับซ่อนเอาไว้ว่า “ขอฉันเพียงฝึกพลัง เรื่องเหล่านี้ของฉันอาจารย์บอกแล้วว่าล้วนสามารถขจัดทิ้งไป ล้วนสามารถจะเปลี่ยนแปลง” ถ้าท่านมีจิตเช่นนี้ก็เปลี่ยนไม่ได้ เพราะนั่นคือจุดรั่ว เพราะนั่นคือมีจิตยึดติดปิดบังไว้ (อำพรางด้วยจิตยึดติด) หลอกตนเอง หลอกเทพไม่ได้ เวลาที่สามารถทำตัวเป็นผู้บำเพ็ญที่แท้จริงได้ เมื่อสามารถเป็นศิษย์ต้าฝ่าที่สง่างามได้จริงๆทุกสิ่งล้วนจะเปลี่ยนแปลง

เพียงแต่ในบางกรณีเป็นการรบกวนของสมุนดำให้ใช้ความคิดที่ถูกต้องขจัดการรบกวนอย่างจริงจัง

ข้าพเจ้าขอถือโอกาสพูดสักประโยค ในระยะนี้มีผู้ฝึกจำนวนมากเห็นผู้ฝึกบางคนไม่เคารพอาจารย์ ที่จริงเรื่องนี้ข้าพเจ้าให้อภัยได้ แต่พึงระวัง องค์ประกอบนานาชนิดของอิทธิพลเก่าและชีวิตเหล่านั้นของจักรวาลที่ยังเจิ้งฝ่าไม่เสร็จสมบูรณ์ พวกมันไม่ยอมอภัย พวกมันจะยึดกุมจุดนี้ทำในสิ่งที่พวกมันอยากจะทำ ในปีที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดฝ่าที่จีนแผ่นดินใหญ่นั้น เรื่องพวกนี้มีมาก พอมีคนไม่เคารพอาจารย์ พวกมันก็จะผลักเขาไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามอย่างแน่นอน ชีวิตล้วนแต่มาเพื่อฝ่า พวกหนึ่งคือก่อผลบวก  อีกพวกหนึ่งก่อผลลบ ที่ก่อผลลบนั้นสุดท้ายล้วนถูกทำลาย ดังนั้นพอเห็นผู้ฝึกเป็นเช่นนี้ ก็จะต้องผลักคนๆนี้ไปฝ่ายตรงข้าม จากนี้ไปก็บอกให้เขาทำแต่เรื่องไม่ดี

อันตรายมาก ดังนั้นพอเกิดสภาพการณ์เช่นนี้ขึ้น อิทธิพลเก่าก็ต้องทำแบบนี้ในทันที เพราะพวกมันจับหลักการได้แล้ว พวกมันจะพูดว่ากรรมมหาศาลของเขาอาจารย์ของเขาช่วยสลายให้แล้ว แบกรับแทนเขาแล้ว นำชีวิตนั้นของเขาที่ถือว่าตกนรกไปแล้ว ช้อนขึ้นมา ให้เขาเป็นเทพ ให้สิ่งต่างๆกับเขามากมายเช่นนั้น แม้ว่าเขามองไม่เห็น แต่ว่าก็ได้ให้เขาอย่างแท้จริง พวกมันถือว่าเขากล้าปฏิบัติต่ออาจารย์ของเขาแบบนี้ พวกมันก็จะต้องผลักเขาไปอยู่ฝ่ายตรงข้าม ให้เขาทำเรื่องเลว สุดท้ายถูกทำลาย

แน่นอน ข้าพเจ้าไม่ยอมรับการจัดวางเหล่านี้ของอิทธิพลเก่า ข้าพเจ้าก็ไม่อนุญาตให้พวกมันทำอย่างนี้ ดังนั้นข้าพเจ้าพยายามบอกผู้ฝึกให้รับรู้ตัวเอง แต่ผู้ฝึกของเราหากไม่ระมัดระวัง ทุกข์ภัยเช่นนี้ย่อมทำให้ท่านสลัดหลุดได้ยากมาก ข้าพเจ้าคิดถึงปัญหานี้ขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน คือต้องระมัดระวัง หนทางใดๆที่เดินไม่เที่ยงตรงล้วนแต่อันตราย ล้วนแต่ขรุขระ

ศิษย์: เจ็ดเดือนก่อนผมได้ฝ่า ผมเป็นศิษย์ยุคเจิ้งฝ่าหรือไม่ เมื่อฝ่าปรับโลกมนุษย์ผมจะกลับไปได้ไหม

อาจารย์: ข้าพเจ้าไม่อาจพูดได้ว่าที่ท่านถามนั้นผิด แต่ว่า นี่มีจิตยึดติด ไม่ว่าท่านเป็นผู้ฝึกใหม่หรือเก่า ไม่ว่าเป็นศิษย์ประเภทไหน วันนี้ท่านเดินเข้ามาสู่ประตูการบำเพ็ญต้าฝ่าแล้ว ท่านก้าวเข้ามาสู่ประตูที่ใหญ่จริงๆแล้ว ก็อย่าไปยึดติดอะไร หนึ่งความคิดในใจคนก็ล้วนเป็นอุปสรรค เป็นอุปสรรคต่อการยกระดับ ดังนั้นการบำเพ็ญมีคำพูดหนึ่งว่า “มีใจบำเพ็ญ ไม่มีใจอยากได้พลัง (กง)” ท่านสามารถบำเพ็ญไป แต่ท่านอย่ายึดติด จิตใจอะไรก็ไม่มี อะไรก็ไม่ยึดติด ก็จะบำเพ็ญได้เร็ว ยกระดับได้เร็ว ทุกข์ภัยก็จะน้อย หากเพียงมีจิตยึดติด บำเพ็ญก็จะช้า

ไม่ต้องสนใจว่าเป็นศิษย์ยุคเจิ้งฝ่าหรือเป็นศิษย์ในอนาคต ท่านเดินเข้ามาสู่การบำเพ็ญแล้ว ท่านเป็นชีวิตหนึ่งที่สรรพชีวิตนับไม่ถ้วนรู้สึกอิจฉาท่านก็เดินหนทางของท่านให้ดี ชีวิตหนึ่งๆในจักรวาลได้ทำอะไรไว้ ล้วนต้องมีกรรมสนอง ทำดีก็ได้รับการสนอง ทำชั่วก็ได้รับการสนอง การบำเพ็ญก็ย่อมมีการสนองตอบแน่นอน คือ การสนองผลของการยืนยันในมรรคผล นี่เป็นกฎที่เด็ดขาด (แน่นอน) ของจักรวาล อย่าคิดมากเกินไป และอย่าสนใจว่าตนเป็นอย่างไร สามารถทำได้ บำเพ็ญได้ท่านก็ไปบำเพ็ญ

ศิษย์: ท่านอาจารย์กรุณาพูดถึง “แก้ไขด้วยความเมตตา”(ซั่นเจี่ย)

อาจารย์: แก้ไขด้วยความเมตตา ข้าพเจ้าพูดถึงวิธีการแบบหนึ่งที่ชีวิตในจักรวาลกลืนกลายเข้ากับฝ่า ระหว่างการเจิ้งฝ่า บางชีวิตไม่คู่ควร แก่การแก้ไขด้วยความเมตตา ซึ่งควรจะทำอย่างไร (กับพวกเขา) ก็ทำอย่างนั้น บางชีวิตทำบาปต่อการเจิ้งฝ่า นั่นยิ่งไม่อาจแก้ไขด้วยความเมตตา พอการเจิ้งฝ่าเดินผ่านไปก็กวาดล้างไปแล้ว ชีวิตที่แก้ไขด้วยความเมตตานั้นเป็นการใช้วิธีการที่ดีที่สุดไปกลืนกลายเขา แต่ศิษย์ต้าฝ่านั้นอยู่เหนือการแก้ไขด้วยความเมตตา เพราะศิษย์ต้าฝ่ากำลังบำเพ็ญโดยตนเอง บำเพ็ญไปสู่อนาคตซึ่งสูงค่ากว่าการแก้ไขด้วยความเมตตา

ศิษย์: ศิษย์ต้าฝ่าทั้งประเทศฝรั่งเศส ระลึกถึงท่านอาจารย์

อาจารย์: ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์: ประเทศฝรั่งเศสมีผู้ฝึกที่สติไม่ดี ในการแจกเอกสารให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนครั้งหนึ่งเขาเคยควบคุมตัวเองไม่ได้ เอะอะเอ็ดตะโรต่อหน้านักท่องเที่ยวชาวจีนหลายคน ก่อให้เกิดผลกระทบทางลบ เขาฟาเจิ้งเนี่ยนอยู่หน้าสถานทูตจีนก็ทำเรื่องวุ่นวาย ยังเคยเที่ยวขีดเขียนตัวหนังสือที่สถานทูตจีน

อาจารย์: เรื่องเหล่านี้ ในฐานะศิษย์ต้าฝ่าควรจะจัดการมันให้ดี สำหรับผู้ฝึกคนนี้ ในฐานะศิษย์ต้าฝ่าไม่ควรทำอย่างนี้ พวกเราต้องใช้แต่ความคิดที่ดีงามไปช่วยเหลือสรรพชีวิต ถ้าไม่มีสติก็จะก่อให้เกิดผลทางลบ

ผู้ฝึกบางคน เวลาควบคุมอารมณ์ความรู้สึกไม่ได้ ผู้ฝึกคนอื่นควรไปห้ามปราม ศิษย์ต้าฝ่าเป็นร่างเดียวกัน ท่านทั้งหลายต้องประสานกันให้ดี อย่าให้เกิดเรื่องอย่างนี้อีก เกิดเรื่องแล้วก็ต้องจัดการให้เหมาะสมเรียบร้อย ถ้าหากจิตใจมีปัญหาจริงๆดังว่า เช่นนั้นข้าพเจ้าคิดว่า ก็แนะนำให้เขาฝึกพลังอยู่ที่บ้าน อาจารย์จะดูแลแบบเดียวกัน อย่าออกมา ถ้าหากไม่ใช่เรื่องสติไม่ดี ท่านก็ต้องช่วยเขา

ศิษย์: ในจักรวาลทุกสิ่งมีลิขิตแน่นอน ชีวิตจำนวนหนึ่งมีกำหนดว่าต้องดับสลาย อะไรกำหนดจุดนี้ของชีวิตนี้

อาจารย์: ในจักรวาลทุกสิ่งมีลิขิตแน่นอน หมายถึงจักรวาลทั้งหมด อาทิเช่น หลักการของฝ่าเก่าได้กำหนดดวงชะตาไว้แน่นอนของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับสูญ นี่คือขีดจำกัดของสติปัญญาของฝ่าเก่าอันนั้น แม้ว่าจักรวาลมีกำหนดดวงชะตาไว้อย่างนี้ มูลฐานของชีวิตโดยรูปธรรมแม้จะมีประวัติศาสตร์สัมพันธ์กับมันอยู่ แต่การพูดว่าชีวิตใดๆได้ทำอะไรไปแล้วโดยรูปธรรม เขามีกรรมมากแค่ไหน เขาต้องชดใช้เมื่อกรรมของเขาหนักแล้วก็จะถูกทำลายนั่นล้วนเป็นเรื่องของชีวิตนั้นๆเองชีวิตหนึ่งๆเองแต่ละก้าวไปทางใด สิ่งเหล่านี้โดยพื้นฐานไม่ได้ตายตัว แต่ผู้คนสามารถอาศัยการกระทำของชีวิตนี้มองเห็นก้าวต่อๆไปและต่อๆไปในจักรวาลของชีวิตนี้ หรือพูดได้ว่าพอไปพ้นสภาพกาลเวลาของมิติของเรานี้ อยู่ในอีกสภาพกาลเวลาสามารถมองเห็นว่าหลังจากนี้เขาจะทำอะไรได้บ้าง นั่นก็เป็นการยืดเวลาไปถึงก้าวนั้นโดยอาศัยสภาพการณ์ในวันนี้ของเขา ถ้าหากสภาพของเขาในปัจจุบันเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลัน เช่นนั้น สภาพการณ์ ณ ก้าวต่อไปก็จะเปลี่ยนแปลงด้วย ดังนั้นเรื่องพวกนี้ไม่ตายตัว ลิขิตที่กำหนดไว้ในจักรวาลแห่งการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไปนั้นแน่นอน

ศิษย์: ศิษย์ต้าฝ่าจำนวนส่วนใหญ่ถูกกำหนดโดยวาสนา แล้วมูลเหตุแท้จริงของวาสนาคืออะไร?

อาจารย์: วาสนา ข้าพเจ้าเคยพูดไว้ใน จ้วนฝ่าหลุน ในการบรรยายก่อนๆหลายครั้งก็เคยพูด วาสนาของศิษย์ต้าฝ่าข้าพเจ้ายิ่งเคยพูดไว้ศิษย์ต้าฝ่ามี 3 สภาพการณ์ ข้าพเจ้าว่าไม่ต้องพูดซ้ำอีกแล้วเวลามีไม่มาก อีกประเดี๋ยวไม่แน่ว่าข้าพเจ้าจะตอบปัญหาได้ทั้งหมด (หัวเราะ) หาดูจากการบรรยายครั้งก่อนก็แล้วกัน

ศิษย์: เพื่อนผู้บำเพ็ญจำนวนมาก มีความเห็นแตกต่างกันในเรื่อง การกลมกลืนเข้ากับฝ่าชั้นนี้ของคน

อาจารย์: การกลมกลืนเข้ากับฝ่าชั้นนี้ของคนคำพูดนี้ไม่ถูกต้อง ถ้าหากว่าไม่ทำให้ดี นั่นเป็นปัญหา การบำเพ็ญไม่มีปัญหาการกลมกลืนนี้

ศิษย์: ทำอย่างไรจึงจะทะลวงผ่านเกินจี (รากฐาน) ก่อนกำเนิด หรือขีดจำกัดของเกินจี

อาจารย์: การบำเพ็ญอย่ายึดติดกับสิ่งเหล่านี้ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้ท่านอย่าไปสนใจว่าเกินจีเป็นอย่างไร วันนี้ชีวิตหนึ่งสามารถเข้ามาในต้าฝ่าได้เกินจีก็ไม่ใช่พื้นๆแล้ว ดูชาวโลกซิ ทั่วทั้งโลกมี 7 พันล้านคน ศิษย์ต้าฝ่ายุคเจิ้งฝ่ามีสักกี่คน ท่านเป็นหนึ่งในนั้น ยังจะพูดเกินจีอะไรอีกล่ะ? (เสียงปรบมือ)

ศิษย์: ในภาพรวม ถ้าหากผู้ประสานงานของบางโครงการมีทัศนคติมากเกินไป จะร่วมมือทำงานให้ดียิ่งขึ้นอีกได้อย่างไร

อาจารย์: ศิษย์ต้าฝ่าแต่ละคนล้วนกำลังบำเพ็ญ แต่ละคนล้วนเดินบนทางของตนเอง แต่ละคนก็ล้วนมีจิตแบบคนธรรมดาสามัญ จึงสามารถบำเพ็ญ ดังนั้นจิตของคนจึงแสดงออกมา อย่าเข้าใจว่ามีความขัดแย้งแล้ว มีความไม่พอใจแล้ว ก็ไม่คิดทำงานร่วมกัน ต้องรู้ว่าทุกท่านล้วนเดินมาจากสภาวะนั้น และแต่ละคนบางครั้งบางคราวก็แสดงสภาวะนี้ออกมา ต้องรู้จักอภัยผู้อื่น เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ต้องรู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทุกท่านสามารถร่วมกันทำเรื่องยืนยันความถูกต้องของฝ่าของศิษย์ต้าฝ่าได้ดี นี่คือสิ่งที่สมควรทำ

ศิษย์: ประเทศเหล่านั้นที่ไม่มีศิษย์ต้าฝ่าอยู่ อนาคตจะเป็นอย่างไร พวกเราจะไปเผยแพร่และอธิบายความจริงให้กับประเทศที่อยู่ห่างไกลเหล่านั้นได้อย่างไร

อาจารย์: ศิษย์ต้าฝ่าก็กำลังทำในสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าควรทำ ถ้าหากพวกท่านมีกำลังพอ พวกท่านสามารถไปทำ ที่ๆไม่มีศิษย์ต้าฝ่าพวกท่านไปเผยแพร่ฝ่าได้ แต่ความยากลำบากค่อนข้างมาก ที่ๆใกล้ชิดกับกลุ่มอันธพาลชั่วที่ประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่า ขณะนี้พวกท่านอย่าไปเป็นการชั่วคราว เพราะก้าวต่อไปยังมีเรื่องของก้าวต่อไป

ศิษย์: ถ้าหากอนาคตสรรพชีวิตเลวลงอีก ยังจำเป็นต้องเจิ้งฝ่าไหม

อาจารย์: บางทีนี่คือ ก่อนหน้าไม่มีคนโบราณภายหลังไม่มีคนมาแล้ว

ถ้าหากสรรพชีวิตในจักรวาลเลวลงไปอีก ก็ไม่อาจเจิ้งฝ่าแล้ว แต่การเกิดขึ้นของการเจิ้งฝ่านั้นตอนเริ่มต้นทำเรื่องนี้ พอดีกับที่สรรพชีวิตของจักรวาลและมนุษย์ล้วนไม่ไหวแล้ว และเป็นเวลาที่ต้องคัดทิ้งไปแต่ยังไม่ถึงกับช่วยเหลือไม่ได้ จึงถ่ายทอดฝ่า ณ เวลานี้ ถ้าหากชีวิตเลวลงจนถึงกับต้องลงนรกจริงๆแล้ว แน่นอนละ อะไรๆข้าพเจ้าก็สามารถทำได้ ข้าพเจ้าก็สามารถช่วยเหลือได้แต่เมื่อถึงเวลานั้นก็ไม่คู่ควรที่จะช่วยเหลืออีกแล้ว

ศิษย์: ถ้าจรวดบินออกไปนอกขอบเขตดาวนพเคราะห์แล้ว มันก็ออกนอกตรีภูมิแล้วใช่ไหม

อาจารย์: นั่นเป็นขอบเขตที่ประกอบขึ้นมาจากอนุภาคโมเลกุลชั้นหนึ่งเท่านั้น ขอบเขตตรีภูมินี้จะใช้ภาษาคนมาบรรยายไม่ได้เลย ข้าพเจ้าพูดกับท่านทั้งหลายในขณะนี้ว่า ตรีภูมินั้นกว้างใหญ่เพียงไรนั้นเป็นการพูดโดยใช้ความรู้สึกของคน พูดตามทัศนคติที่สัมผัสได้ด้วยตาในระดับชั้นอนุภาคเดียวกัน จุดที่ต่างกันมากที่สุดในการมองจักรวาลระหว่าง เทพกับคนคือ เทพไม่ได้มองโดยอยู่ในโครงสร้างของอนุภาคระดับชั้นนี้ ทว่ามองโดยอยู่ในโครงสร้างจักรวาลที่ประกอบขึ้นมาจากระดับชั้นที่ต่ำหรือสูงขึ้นไปชั้นหนึ่ง ซึ่งคงอยู่ ณ เวลาเดียวกันในทุกทิศทางแบบรูปทรงมิติ เขาสามารถมองเห็นวัตถุในจักรวาลที่ปรากฏออกมาจากระดับชั้นที่ต่างกันทั้งหมด ดูจากรากฐานว่าคืออะไร แต่คนเพียงเห็นโลกนี้ ที่ประกอบขึ้นมาจากอนุภาคระดับชั้นนี้ของโมเลกุล เป็นเพียงสิ่งต่างๆที่อนุภาคระดับชั้นนี้สร้างขึ้นมา แต่จักรวาลไม่เพียงแต่ประกอบขึ้นมาจากอนุภาคระดับชั้นนี้ คนมองไม่เห็นภาพจริง คนมองเห็นเพียงระดับชั้นนี้ และก็มีช่วงคั่นระหว่างองค์ประกอบนานาชนิด ควบคุมและจำกัดโครงสร้างของดวงตาคนมีเจตนาสร้างภาพลวงตาแบบนี้ให้กับคน คือไม่ให้คนเห็นภาพที่แท้จริงของมัน หรือพูดว่า สิ่งต่างๆที่ประกอบขึ้นมาจากอนุภาคระดับชั้นนี้ยังไม่ให้คนมองเห็นมันทั่วทุกด้าน ก็คือสร้างดวงตาแบบนี้ให้กับคนเพื่อจำกัดการรับรู้ต่อจักรวาลเอาไว้ จากนั้นจึงสร้างวัฒนธรรมอย่างนี้ ทั้งหมดนั้นล้วนสร้างขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมาย

ท่านทั้งหลายทราบว่ารังสีอินฟราเรด อัลตร้าไวโอเล็ต และยังมีแสงอื่นๆที่ไม่อาจมองเห็น มีเสียงที่ไม่อาจได้ยิน แต่ว่ามันดำรงอยู่ ซึ่งปัจจุบันเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์สามารถตรวจวัดได้ รู้ถึงการดำรงอยู่ของมัน แต่ตาคนกลับมองไม่เห็น ก็คือว่า สิ่งที่อยู่ในระดับชั้นนี้ของโลกมนุษย์ ก็ยังไม่ให้ตาของคนมองเห็นได้ทั้งหมด โลกแบบไหนที่ให้คนมองเห็นก็เป็นสิ่งที่กำหนดไว้อย่างมีเจตนา จากนั้นทำให้การรับรู้ของคนตั้งอยู่ในสภาพเช่นนี้ ที่จริงก็ไม่ได้จำกัดตายตัวและไม่อาจล้ำเกินได้ด้วยการบำเพ็ญจึงสามารถทะลุทะลวงไปได้ แต่ทะลวงไปได้แค่ไหน มองเห็นภาพจริงของจักรวาลได้แค่ไหน ต้องดูระดับชั้นของผู้บำเพ็ญ ในทางกลับกันคนยิ่งยึดติดในวัตถุก็ยิ่งจำกัดอยู่ในวังวน ยิ่งวัตถุนิยม ความคิดของคนก็ยิ่งจำกัดอยู่ใน เรื่องเฉพาะหน้า (“สภาพความเป็นจริง”) คนก็ยิ่งตกอยู่ในเรื่องเฉพาะหน้า (“ สภาพความเป็นจริง”)

ขอบของตรีภูมิที่ใหญ่ขึ้นไปอีกจะใหญ่เท่ากับจักรวาลน้อย ขอบของตรีภูมิ ณ ระดับจุลภาคนั้น ที่แท้หากมองจากระดับจุลภาค ที่ว่าใกล้แค่ลัดนิ้วมือเดียวก็ไกลลิบ ท่านทั้งหลายทราบว่า อนุภาคระดับจุลภาคก่อเกิดอนุภาคที่ใหญ่กว่าหนึ่งระดับชั้น ฉะนั้นพูดได้อีกอย่างว่า อนุภาคที่ต่างระดับชั้นกันเกิดจากอนุภาคที่เล็กลงไป 1 ระดับชั้นประกอบกันขึ้นมา เมื่อพูดถึงขอบเขตของตรีภูมิมันก็อยู่ที่นี่ ก็อยู่ในสรรพสิ่งนี้อยู่ในวัตถุที่ระดับจุลภาคทั้งหมด หากใช้ความคิดของคนยุคนี้ไปเข้าใจก็คือ ไม่มีระยะห่าง ท่านแทบจะคำนวณระยะห่างของมันออกมาไม่ได้ แต่ว่าอนุภาคในระดับชั้นต่างกันซึ่งประกอบเป็นตรีภูมิ กลับมีขอบเขตของระดับชั้นที่ไม่เหมือนกัน หรือพูดว่า ถ้ามองจากแนวระนาบ ในระดับชั้นที่ต่างกัน ก็จะมีระยะห่างระหว่างขอบของระดับชั้นที่ต่างกัน และจักรวาลนั้นมันยังเป็นร่างที่สลับซับซ้อนอย่างยิ่ง ตรีภูมิที่พวกเราพูดถึงนั้นเป็นขอบเขตที่แน่นอนซึ่งได้จัดแบ่งขึ้นมา เพื่อใช้ในการเจิ้งฝ่าในอนาคต แต่ว่ายังมีมิติที่กว้างใหญ่ยิ่งขึ้นไปอีกที่เชื่อมต่อกับตรีภูมิซึ่งคงอยู่ ณ อนุภาคระดับเดียวกัน ณ เวลาเดียวกัน เทพระดับสูงสุดท้ายจำนวนมากก็รวมเรียกมันว่าเป็นระดับชั้นต่ำที่สุด แต่ตรีภูมิที่พวกเราหมายถึง คือขอบเขตที่จำเพาะอันนี้ แต่กับมิติอื่นที่เชื่อมต่อซึ่งกันและกันกับตรีภูมิที่ประกอบขึ้นจากอนุภาคระดับเดียวกันขอบเขตของมัน (ตรีภูมิ) ก็ใหญ่โตมหึมาอย่างไร้ที่เปรียบ

ศิษย์: เหตุใดศิษย์ต้าฝ่าจึงเรียกท่านว่า “จ้าวแห่งพุทธะ” เหตุใดท่านจึงมาจากที่ๆสูงและไกลยิ่งนัก

อาจารย์: (หัวเราะ) ที่จริงข้าพเจ้าไม่มีชื่อเรียก ข้าพเจ้าเพียงแต่เขียนคำพูดหนึ่งไว้ในจิงเหวินบทหนึ่งว่า ความเมตตาของจ้าวแห่งพุทธะ ผู้ฝึกจึงคิดเดาว่า อาจารย์เป็นจ้าวแห่งพุทธะใช่หรือไม่ ที่จริงจะเรียกอย่างไรก็ไม่ถูก ชีวิตของแต่ละคนในจักรวาลล้วนแล้วแต่มีที่มา ในขณะเดียวกันก็มีองค์ประกอบที่ผ่านเหตุการณ์อันยาวนานอย่างยิ่ง รวมทั้งชีวิตนั้นๆที่อยู่ในระดับชั้นต่ำสุด ได้แก่หญ้าบนพื้นดิน พวกมันก็ล้วนมีความเป็นมาและองค์ประกอบที่ผ่านเหตุการณ์อันยาวนาน ในยุคประวัติศาสตร์ที่ต่างกันมีพืช สัตว์ ที่แตกต่างกันในประวัติศาสตร์ของจักรวาลอันยาวนาน มีดวงดาว อนุภาคที่ดับสลายไม่หยุดหย่อน จากนั้นก็เกิดขึ้นใหม่ ดับสลายเกิดใหม่ เปลี่ยนแปลงใหม่เรื่อยไป และในจักรวาลมีฝุ่นละอองมากมายซึ่งอาจเป็นองค์ประกอบของชีวิตอันยาวนานที่ดับสลายลง ดินที่ตกลงบนพื้นโลก มีมากมายที่อาจเป็นสสารที่ผ่านกาลอันยาวไกล และหญ้าที่ว่านั้นก็ดูดซึมสสารจากในดินนี้ ดังนั้นหญ้าก็อาจมีองค์ประกอบที่ผ่านกาลอันยาวไกลที่แตกต่างกัน นี่เป็นการอธิบายจากชั้นผิวของสสาร วัตถุใดๆล้วนมีชีวิต ขอเพียงมันยังคงอยู่ มันก็ยังมีชีวิต

อธิบายจากอีกแง่มุมหนึ่ง ใน คัมภีร์ไบเบิ้ล กล่าวว่า พระยะโฮวาห์ใช้ดินสร้างคนที่จริงคนที่พระยะโฮวาห์สร้างนั้นเป็นคนผิวขาวเผ่าพันธุ์หนึ่ง ยังไม่ใช่คนผิวขาวทั้งหมด และคนผิวขาวก็ไม่ได้มีเพียงเผ่าพันธุ์เดียว ดังนั้นจึงเป็นการสร้างโดยเทพหลายๆองค์ คนผิวเหลืองก็สร้างโดยเทพหลายๆองค์เช่นกัน แล้วคนเผ่าพันธุ์อื่นล่ะ เช่นคนอินเดีย ยังมีชาวอียิปต์โบราณ ล้วนแต่สร้างขึ้นโดยเทพต่างๆกัน ผู้คนล้วนเข้าใจว่าเทพสร้างคนโดยเลียนแบบตัวเทพเอง ที่จริงเทพองค์นั้นก็คือมีความสามารถเช่นนั้น คนที่เขาสร้างขึ้นมาย่อมเป็นส่วนที่ต่ำที่สุดส่วนหนึ่งของเขาแน่นอน เป็นอนุภาคที่ต่ำที่สุด พูดให้ชัดคือเป็นอนุภาคหนึ่งใต้ฝ่าเท้าของเทพจะเรียกว่าเซลล์ก็ได้ ในการบรรยายที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยบอกท่านทั้งหลาย แต่ละเซลล์ของชีวิตรวมทั้งคน พืชสัตว์ล้วนเป็นรูปลักษณ์ของเจ้าของร่าง

ดังนั้น คนที่สร้างขึ้นมาในตอนแรกนั้น แม้แต่จิตหลัก(หยวนเสิน)และทุกส่วนของชีวิตล้วนแต่สร้างขึ้นมาจากองค์ประกอบของสสารในตรีภูมิ ดังนั้นเทพผู้สร้างคนต่างชนิดกันย่อมจะต้องดูแลคนของเขาเอง ตลอดจนถึงยุคใกล้ที่จะถ่ายทอดต้าฝ่า จิตหลัก(หยวนเสิน)มากมายในหนังคนก็เป็นชีวิตระดับสูงที่ลงมาจุติ ไม่ใช่จิตจิตหลัก(หยวนเสิน)นั้นของคนเดิมอีกต่อไปแล้ว ยังต้องพูดอีกปัญหาหนึ่งให้ชัด ทุกสิ่งของคนที่ประกอบขึ้นมาจากอนุภาคชั้นผิวนอก เรียกว่าหนังของคน รวมทั้งกระดูกของคน อวัยวะภายในและผิวหนังชั้นนอก คน -ชั้นเปลือกนอกที่เป็นหนังของคนจะตายไปเพราะความแก่ชรา แต่ว่าหนังชั้นเปลือกนี้ ในตลอดชั่วชีวิตมีสิ่งต่างๆมากมายที่มันได้รับที่จะถ่ายทอดให้รุ่นต่อไปได้ คนอยู่ในกาลเวลาอันยาวนานรุ่นแล้วรุ่นเล่า คนก็ทำการสืบทอดความนัยของวัฒนธรรม ที่เทพสร้างให้เรื่อยๆไป สิ่งเหล่านี้ไม่อาจรู้ได้ด้วยหลักเหตุผลของคน แต่ข้างในความนัยมีอยู่ฉะนั้นหลังจากมาถึงยุคใกล้ๆแล้ว มีสรรพชีวิตมากมายที่มาเพื่อฝ่าเมื่อกลับชาติมาเกิดเป็นคนแล้ว จิตหลัก(หยวนเสิน)เดิมของคนๆนั้นที่เทพสร้างขึ้นมาจึงถูกปล่อยไว้ในโลกแห่งวิญญาณ(ยมโลก) และเทพชั้นสูงนอกตรีภูมิที่กลับชาติมาเกิดเป็นคนจึงเข้าสวมใส่เสื้อผ้าชุดนี้ (หนังคน) แทน หรือพูดได้ว่า หนังคนที่เทพองค์นั้นสร้างขึ้นในอดีตถูกเทพอีกองค์สวมใส่แทนแล้ว

ดังนั้นจึงมีอีกปัญหาหนึ่งที่ต้องอธิบายให้กระจ่าง เทพอีกองค์ไม่แน่ว่าจะต่ำกว่าเทพองค์ที่สร้างคนขึ้นมา บางทีอาจจะสูงกว่าเขาด้วยซ้ำไป แน่นอนก็อาจมีที่ต่ำกว่าเขาเช่นกัน และอาจอยู่ในระดับเดียวกันก็ได้ มาแล้วก็เข้าครอบครองคนๆนี้ที่เขาสร้างขึ้น เช่นนั้นจึงพูดได้อีกว่าเทพอีกองค์ได้เข้ามาในขอบเขตของเทพองค์เดิมที่สร้างคนขึ้นมาข้าพเจ้ามักพูดว่าคนในปัจจุบันล้วนมีที่มา คนบนโลกล้วนมีไม่กี่คนที่ จิตหลัก(หยวนเสิน)นั้นสร้างขึ้นโดยเทพในตอนแรก ไม่ว่าใครเมื่อเข้ามาในวังวนแห่งโลกมนุษย์แล้ว ได้สัมผัสกับมันแล้ว สิ่งที่ตามองเห็นทั้งหมดก็จะเป็นเช่นนี้เมื่อคลอดออกมาจากครรภ์มารดาก็จะดูโลกในลักษณะนี้แล้ว ดังนั้นเมื่อตกอยู่ในวังวนนี้ของสังคมก็จะก่อกรรมได้เช่นเดียวกัน มนุษย์ในยุคใกล้ยังสร้างวัฒนธรรมหนึ่งที่ยิ่งทำให้คนหลงอยู่ในวังวนมากขึ้นไปอีก ในวัฒนธรรมวัตถุนิยมมากขึ้นนี้ก็บ่มเพาะตนเองขึ้นมา คนนั้นยากมากที่จะเข้าใจอะไรที่เหนือไปกว่านี้ หากคนสามารถเข้าใจสิ่งทั้งปวงที่นอกเหนือไปจากนี้ก็ทำได้โดยการบำเพ็ญเท่านั้น

ยังมีอีกปรากฏการณ์หนึ่ง เนื่องจากเทพองค์ต่าง ๆ กันสร้างคนต่าง ๆ กัน หลายพันปีมานี้ เนื่องจากศาสนาต่าง ๆ ได้ถ่ายทอดข้ามเขตแดนและชนชาติ ด้วยเหตุนี้ทำให้คนไปนับถือเทพองค์อื่น ดังนั้นเทพที่สร้างเขารู้สึกเศร้าเสียใจมาก ส่วนเทพที่คนนับถือนั้นก็ช่วยคนที่เทพองค์อื่นสร้างไม่ได้ และมีชนชาติมากมายก็ไม่รู้แล้วว่าองค์ใดคือเทพองค์ที่แท้จริงของตน ปรากฏการณ์เช่นนี้มีมากมายเหลือเกินในประวัติศาสตร์ที่มีมา ด้วยเหตุนี้เทพองค์ที่สร้างคนไม่อาจไม่ปล่อยวางคนที่ตนสร้างขึ้นมา เช่นนี้แล้วมีชนชาติมากมายจึงกลายเป็นคนที่ไม่มีรากเหง้า เป็นคนที่ไม่มีเทพดูแลแล้ว ความวุ่นวายในสังคม สติสัมปชัญญะขาดการควบคุม การไม่เคารพต่อเทพ โดยมากมาจากคนประเภทนี้ ชนชาติประเภทนี้และบุคคลล้วนแต่อดอยากยากแค้น

พูดถึงว่าทำไมอาจารย์มาจากที่สูงและแสนไกล จริงๆแล้วบางทีศิษย์ต้าฝ่าหลายคนที่นั่งอยู่ ก็มาจากที่ที่สูงที่ที่ไกลอย่างยิ่งเช่นกัน (เสียงปรบมือยาวนาน) เพียงแต่ข้าพเจ้ามาไกลกว่าอีกหน่อย เนื่องจากเหตุนี้ ในการเจิ้งฝ่า ไม่ว่าใคร ข้าพเจ้าก็ช่วยเหลือได้หมด พูดถึงว่าข้าพเจ้ามาจากที่ไหน กล่าวสำหรับสรรพชีวิตของจักรวาล ข้าพเจ้ามาจากระดับที่สูงหรือต่ำนั้นไม่สลักสำคัญอะไรแล้ว ข้าพเจ้านั้นเดินไปสู่ที่สูงที่สุด ที่ปลายที่สุดจึงจะสำคัญที่สุด ท่านทั้งหลายทราบว่าที่ข้าพเจ้ามาก็เพื่อถ่ายทอดต้าฝ่านี้เป็นผู้สร้างฝ่านี้ก็พอแล้ว

ศิษย์: มีผู้ฝึกบางคนเข้าใจว่าการอธิบายความจริงกับทนายความอย่างเป็นระบบ เข้าใจรายละเอียดข้อกฎหมาย สุดท้ายจะพบวิธีจัดการปัญหาที่เป็นผลมากที่สุด นี่เป็นการไม่ไว้ใจทนายใช่ไหม ขอให้ท่านอาจารย์แสดงความคิดเห็น

อาจารย์: สังคมมนุษย์ถูกมนุษย์เองปิดล้อมจนมิตินี้เล็กลงมากแล้ว ปัญญาของคนนั้นมีขีดจำกัด มีกรอบมากมายล้อมขังคนไว้หมดแล้ว เรื่องราวมากมายยากจะทำได้ การช่วยคนก็ยากมาก ปฏิบัติต่อปัญหาพวกนี้ด้วยปัญญาเถิด บอกว่าจะทำอย่างไร การอธิบายความจริงไม่มีปัญหาแน่นอน ทำไปตามสภาพรูปธรรมที่พวกท่านมองเห็นก็แล้วกัน เรื่องใดๆที่พวกท่านประสบในการยืนยันความถูกต้องของฝ่านั้น ย่อมไม่เหมือนกันข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ไม่อาจที่จะพูดให้ครอบคลุมไปทั่วทุกด้าน และไม่อาจพูดเรื่องพวกนี้อย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นปัญหาที่พบยังคงต้องให้พวกท่านทำกันเอง จะทำอย่างไรดี นั่นก็เป็นการที่พวกท่านยืนยันความถูกต้องของฝ่า เดินบนหนทางของตัวเอง

ศิษย์: การแสดงท่าฝึกให้กับคน (ดู) รวมทั้งนักท่องเที่ยวเหล่านั้นที่มาจากประเทศจีน ถือว่าเป็นการอธิบายความจริงได้ไหม

อาจารย์: การแสดงท่าฝึกสามารถเกิดประโยชน์ระดับหนึ่ง เรื่องอะไรๆ ที่พวกท่านทำล้วนสามารถเกิดผลบวกในระดับหนึ่ง แต่ว่าท่านไม่อธิบายความจริง ไม่พูดให้เป็นรูปธรรม ฝึกแต่ท่าอย่างเดียว คนมีปัญหาในความคิดมากมายที่แก้ไม่ตก ก็จะไม่อาจแก้ไขได้ในชั่วประเดี๋ยว

ศิษย์: ศิษย์ต้าฝ่าสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ประเทศจีนมหาวิทยาลัยซิงหวา นครปักกิ่ง มณฑลกานสู้ ด่านเจียยวี่เหอเป่ย กว่างตง นิวซีแลนด์ เปรู เทียนจิน มอนทรีออล- แคนนาดา ฉางชุนปักกิ่ง เซิ่นหยาง ฮาเอ่อปิน มณฑลซื่อชวน(เสฉวน) เล่อซันภูเขาเอ๋อเหมย กว่างโจว เจิ้งโจว มู่ตันเจียง ทั้งหมดนั้นขอฝากความระลึกถึงท่านอาจารย์

อาจารย์: ขอบใจทุกท่าน( เสียงปรบมือ)

ศิษย์: ถ้าหากถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสายลับโดยเพื่อนผู้บำเพ็ญด้วยกัน ควรจะ ปฏิบัติอย่างไรดี

อาจารย์: ข้าพเจ้าก็จะพูดเรื่องสายลับนี้หน่อย (หัวเราะ) (ที่ประชุมหัวเราะ) จริงๆแล้ว พวกท่านรู้ไหมว่าอาจารย์มองปัญหาเหล่านี้จากอีกด้านหนึ่งอย่างไร แน่นอนว่าอิทธิพลเก่าทำสิ่งเหล่านี้ก็มุ่งจะทดสอบศิษย์ต้าฝ่า ข้าพเจ้าว่า ที่แท้ก็เป็นการลบหลู่ ฝ่า เป็นความอัปยศของมนุษย์ เป็นการไม่เคารพต่อฝ่า รบกวนการเจิ้งฝ่า เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมีอยู่ แต่ว่าเพราะสรรพชีวิตไม่ดีแล้วจึงเจิ้งฝ่า ในที่สุดสังคมมนุษย์ก็เกิดอาชีพอย่างนี้ขึ้นมาแล้ว เช่นนั้นใช่หรือไม่ว่า เจาะจงคัดเลือกคนที่เลวที่สุดชั่วที่สุดไปเป็นสายลับ ไม่ใช่คนทำการงานอะไรโดยมากมักเป็นไปตามความพึงพอใจของตนเอง และมีหลายคนที่ถูกกระทำ (ถูกผลักดัน) ให้ทำงานประเภทหนึ่ง และบางคนรู้สึกว่าคนไหนฉลาด สามารถทำงานนี้ได้จึงถูกกำหนดด้วยเหตุนี้ หรือพูดได้ว่า หน้าที่การงานของคนไม่ใช่กำหนดจากธาตุแท้ของคนว่าดีหรือเลว ในหมู่ผู้ฝึกที่เป็นสายลับมีคนดีอยู่หรือไม่ล่ะมีแน่นอน ภาระหน้าที่ในสังคมมนุษย์นั้นแตกต่างกัน ไม่อาจพูดได้ว่าคนนี้ดีหรือเลวและชีวิตนี้จะสามารถช่วยเหลือได้หรือไม่ได้

ข้าพเจ้ามองเห็นปัญหาอย่างนี้แล้วดังนั้นพอเริ่มต้นถ่ายทอดฝ่า ข้าพเจ้าก็ได้พูดแล้วข้าพเจ้าก็ได้ทำเช่นนี้แล้วไม่แบ่งแยกตามหน้าที่การงานหรือชนชั้นในสังคมไม่ว่าท่านทำการงานอะไรข้าพเจ้าล้วนจะช่วยเหลือประตูของข้าพเจ้านั้นเปิดอยู่เปิดออกทั้งหมดแล้วเปิดจนไม่มีประตูท่านเพียงแต่คิดจะบำเพ็ญ ก็เข้ามาได้ใครๆข้าพเจ้าก็ช่วยไม่ว่างานที่ท่านทำคืออะไรแต่ว่าจะเข้ามาหรือไม่ก็แล้วแต่ท่านเอง จะได้ฝ่าหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของแต่ละคน เพราะว่า การเลือกหน้าที่การงานของมนุษย์เองในวันนี้เป็นเรื่องที่ยากจะยึดกุมได้ ในหนึ่งชั่วชีวิต คนคิดจะทำอะไรก็ทำอะไรนั้น ไหนเลยจะง่ายดายเช่นนั้นยากจริงๆ หรือพูดได้ว่า คนมีชีวิตอยู่บนโลกไม่ใช่ว่าตนเองจะสามารถเลือกหน้าที่การงานได้ตามชอบใจ ข้าพเจ้ามองเห็นสิ่งเหล่านี้แล้ว คนก็ยังมาเพื่อฝ่าด้วย ไม่ว่าท่านจะทำอะไร ไม่ว่าท่านจะทำงานอะไร ข้าพเจ้าก็สามารถจะช่วยท่าน แต่ว่าจะสามารถยืนหยัดบำเพ็ญให้ดีได้หรือไม่ นั่นเป็นปัญหาเฉพาะคน ท่านคิดจะบำเพ็ญหรือไม่ นั่นก็เป็นปัญหาของท่านเอง

คำพูดนี้ของข้าพเจ้า วิธีการนี้ของข้าพเจ้าได้ทำไว้ก่อนแล้ว หลายปีมานี้พวกเรามีผู้ฝึกหลายคน ยังคงไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ในจุดประสงค์ของสิ่งทั้งหลายที่อาจารย์ได้พูดไว้ประตูนั้นข้าพเจ้าก็เปิดออกแล้วคนอาชีพอะไรชนชั้นไหนข้าพเจ้าล้วนให้เขาเข้ามาหมด ท่านทั้งหลายเองเหตุใดจึงเจตนาเอาแต่จะขีดคั่น(แบ่ง) เอาแต่จะขีดเส้นแบ่ง (เสียงปรบมือ) เพราะเป็นคนที่กำลังบำเพ็ญ ไม่ใช่เทพกำลังบำเพ็ญ คนกำลังบำเพ็ญ คนก็คือมีใจคน ในใจคนก็มีความเคยชินในอาชีพ จึงมีจิตยึดติดที่สร้างขึ้นจากอาชีพ ปลูกฝังความเคยชินล้วนส่งผลโดยไม่รู้ตัว เมื่อเวลาที่คนบำเพ็ญได้ไม่ดี ในการงานนั้นความเคยชินที่สร้างขึ้นนั้นก็จะสะท้อนออกมา แน่นอนการเป็นสายสืบ สายลับนั้นความเคยชินของเขาก็จะสะท้อนออกมา กระทั่งเวลาที่ข้ามด่านไม่ได้ก็จะทำเรื่องผิดๆ โดยเฉพาะคือในท่ามกลางการประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่าครั้งนี้ ด่านไหนเขาข้ามไม่ได้ ในชั่วขณะที่ใจไม่แจ่มชัดเขาก็จะไปส่งรายงาน(ให้พวกชั่ว)แล้วแต่ว่าพูดจากแก่นแท้แล้ว คนๆนี้เลวหรือไม่ ช่วยเหลือได้หรือไม่ ยังไม่อาจดูกันแค่ชั่วครั้งชั่วคราว (ครั้งเดียว) ต้องยินยอมให้คนเขามีข้อผิดพลาดบ้าง ต้องยอมให้เขาแก้ไข นี่จึงจะเป็นอานุภาพของฝ่าเรา (เสียงปรบมือ)

ที่ผ่านมาข้าพเจ้าจึงพูดว่า ใครก็ทำลายต้าฝ่าไม่ได้ มีเพียงศิษย์ต้าฝ่าทำได้ไม่ดีจึงจะทำลายต้าฝ่า ฉะนั้นในการประทุษร้ายครั้งนี้ กลุ่มอันธพาลชั่วนั้นจึงคิดจะใช้ศิษย์ต้าฝ่าทำลายต้าฝ่าที่แท้แล้วก็ทำลายไม่ได้เลย ความหมายของสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดไปก่อนหน้านี้คือศิษย์ต้าฝ่ากำลังบำเพ็ญอยู่จริงๆ และในการบำเพ็ญไม่อาจเข้าใจฝ่าได้ลึกซึ้งพอ เข้าใจได้ไม่ทะลุปรุโปร่งเดินไม่ถูกทาง ก่อให้เกิดผลกระทบที่ไม่ดี ที่จริงก็เพียงแต่มีผลกระทบกับคนที่นี่เท่านั้นไม่อาจแตะต้องถึงต้าฝ่าอย่างแท้จริง ยิ่งกว่านั้นพูดว่าในท่ามกลางการประทุษร้ายพวกที่ก้าวไปสู่ฝ่ายตรงข้ามนั้น ไม่ใช่ศิษย์ต้าฝ่าอีกต่อไปแล้ว แต่ผู้ที่สามารถเดินกลับมา ก็ต้องว่ากันเป็นอีกกรณีหนึ่งเมื่อไม่ใช่ศิษย์ต้าฝ่าแล้ว นั่นก็กลายเป็นผู้ประทุษร้ายในหมู่พวกชั่วร้ายอย่างแท้จริงนั่นคือการจงใจทำเรื่องชั่ว จงใจมาทำลายจงใจกลับขาวเป็นดำ(กลับผิดเป็นถูก)ยึดถืออย่างนี้ไม่พูดตามเหตุผล อย่างนั้นไม่สามารถทำลายต้าฝ่าได้ มีแต่ทำให้ศิษย์ต้าฝ่ายิ่งมีสติมากขึ้น ความคิดยิ่งถูกต้องมากขึ้น ยิ่งมีสติกระจ่างแจ้งขึ้น ผลลัพธ์ของการประทุษร้ายครั้งนี้มิใช่เช่นนี้หรือ ท่านทั้งหลายไม่ใช่สุกงอมแล้วหรือที่ข้าพเจ้าพูดคือถ้าศิษย์ต้าฝ่าเองทำได้ไม่ดีจึงจะส่งผลกระทบที่ไม่ดีในโลกมนุษย์หากศิษย์ต้าฝ่าคนใดมีจิตของคนธรรมดาสามัญทำได้ไม่ดี แต่ก่อนเคยเป็นสายลับ หรือผู้ฝึกบางคนเมื่อข้ามด่านไม่ได้ แล้วทำเรื่องที่ผิด ด้วยเหตุนี้ท่านทั้งหลายก็ผลักเขาออกไปหรือมองด้วยความแปลกแยก ทำให้โอกาสแห่งวาสนานับพันหมื่นปีของเขาถูกทำลายไปจริงๆ แล้วเดินไปฝ่ายตรงข้าม ข้าพเจ้าขอบอกท่านทั้งหลาย นั่นจึงจะเป็นการทำเรื่องชั่วอย่างแท้จริงแล้ว (เสียงปรบมือ)

เมื่อพวกเราเปิดใจให้กว้าง พวกเราจึงจะสามารถช่วยคนได้ ถ้าหากศิษย์ต้าฝ่าแต่ละคนล้วนคิดกันอย่างนี้ ท่านทั้งหลายลองคิดดู ด้วยพลังแห่งความเมตตานี้ องค์ประกอบที่ไม่ดียังมีที่ๆจะอยู่ได้อีกหรือ แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ข้าพเจ้าขอบอกท่านทั้งหลาย สายลับอาชีพก็จะเข้ามาไม่ได้ ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกก่อนปีค.ศ. 1999 ที่เคยมีอาชีพนี้ บำเพ็ญไม่ดี และผู้ฝึกที่มีจิตหวาดกลัวแล้วไปประนีประนอมกับพวกชั่วร้ายในชั่วขณะ ปฏิบัติได้ไม่ดีจึงกระทำออกมา หากท่านบอกให้เขาไปทำลายฝ่าจริงๆ พวกเขาจะไม่ทำเพียงแต่เมื่อจิตใจของพวกเขาเลอะเลือนไปชั่วขณะ จึงทำไม่ดี หรือเมื่อข้ามด่านไม่ได้ จึงเดินทางผิดและมีศิษย์ต้าฝ่าบางคนยึดติดกับสิ่งเล็กน้อยนั้นของตนเองและบ้างก็คิดจะจัดการกับองค์กรสายลับอันธพาลที่จริงท่านจะให้ใครทำลายต้าฝ่าจริงๆล้วนเป็นไปไม่ได้เลย

เนื่องจากเหล่าผู้ฝึกบางคนยังมีสิ่งยึดติดของคนยังมีจุดที่ทำได้ไม่ดีหากมีสายลับเจาะเข้ามา เจาะจริงๆข้าพเจ้าขอบอกท่านทั้งหลายนี่เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยเพราะนี่คือการบำเพ็ญพวกมันคิดจะอาศัยผู้ฝึกส่งข่าวต่างๆให้กับพวกมันกำลังหาเป้าหมายอะไรๆก็ไม่มีประโยชน์ พวกเขากำลังหลอกตัวเองและคนอื่นองค์กรของสายลับรู้เป็นอย่างดีว่า ผู้ฝึกฝ่าหลุนกงไม่มีความลับอะไรเลย รู้ดีว่าผู้ฝึกฝ่าหลุนกงเป็นคนดีกลุ่มหนึ่ง มีแต่คัดค้านการประทุษร้ายครั้งนี้ พวกเขาเองล้วนเข้าใจ วิธีการอันธพาลที่มันใช้ เช่น สร้างภาพข่มขวัญ สร้างสถานการณ์ประเทศจีนนั้นก่อการเคลื่อนไหวต่างๆจนเคยชินแล้ว พวกเขาทำได้เพียงสิ่งเหล่านี้ คิดจะสร้างภาพข่มขวัญอะไรอย่างหนึ่งขึ้นมา รบกวนใจคนแล้วมีผลต่อผู้บำเพ็ญหรือไม่ล่ะหลายปีได้ผ่านไปแล้ว ศิษย์ต้าฝ่าไม่ใช่ยิ่งยืนหยัด ยิ่งมีสติมากขึ้นหรือ (เสียงปรบมือ) มีใครถูกท่านข่มขู่ได้ไหมไม่มีดังนั้นการประทุษร้ายของสิ่งชั่วร้ายศิษย์ต้าฝ่าเหล่านั้นในประเทศจีน ถูกท่านขู่จนฝ่อได้หรือแน่นอนว่าย่อมมีคนที่ไปไม่ไหวบ้างคนที่ไปไม่ไหวนั่นก็เป็นการจงใจจัดวางเข้ามาของอิทธิพลเก่าข้าพเจ้าเคยพูดว่า สรรพชีวิตล้วนมาเพื่อฝ่า แต่ว่าไม่ใช่จะเป็นผลทางด้านบวกเสียทั้งหมด เป้าหมายของอิทธิพลเก่าก็คือต้องการให้พวกเขาก่อผลในทางลบ จากนั้นฝึกฝนศิษย์ต้าฝ่านั่นเอง นั่นไม่ใช่ความสามารถอะไรของคนชั่ว คนมองเห็นเรื่องเหล่านี้ไม่ชัดเจน คนจึงยึดติดในสิ่งที่คนต้องการทำ แต่ว่าคนทำอะไรไปล้วนต้องชดใช้แน่นอน (เสียงปรบมือ)

แต่ว่าข้าพเจ้าก็รู้ว่ายังมีสายลับที่กำลังเจาะช่องว่างของผู้ฝึกที่มีจิตยึดติด นั่นเพราะผู้ฝึกทำไม่ดี เกิดจากการยึดติดมากเกินไป ผู้ฝึกบางคนที่สมองไม่แจ่มแจ้งต้องระวังให้ดี

เมื่อครู่ข้าพเจ้าบรรยายฝ่านี้จากด้านบวก แต่ข้าพเจ้าก็รู้ว่า ในเวลาเดียวกันอาจารย์ได้ให้โอกาสอีกครั้งหนึ่ง ยังมีหลายคนถือเอาความเมตตาอีกครั้งของอาจารย์มาล้อเล่น ทรยศต่อจิตใจที่ดีงามของตนเองมาโดยตลอด คนที่ไม่รับรู้(อู้)ร่วมมือกับสายลับทรยศต่อศิษย์ต้าฝ่า ให้ข่าวกรองแก่พวกชั่วซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยพฤติกรรมนี้นำผลกระทบด้านลบมาสู่ต้าฝ่านั้น ในสายตาของเทพแล้วนี่เป็นสิ่งที่ไม่มีทางชดใช้ได้ พฤติกรรมการเข้าร่วมกับการรบกวนการเจิ้งฝ่านี้เป็นการเข้าร่วมการประทุษร้ายครั้งนี้โดยตรง ผลลัพธ์ย่อมเหมือนกับกลุ่มอันธพาลที่ประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่าอย่างชั่วร้ายนั้นขณะนี้คนพวกนี้ข้าพเจ้าไม่มีอะไรที่จะพูดด้วย แต่ที่ข้าพเจ้าพูดไปเมื่อครู่ไม่ได้รวมคนพวกนี้เข้าไป พอข้าพเจ้าพูดมาถึงตรงนี้มีเทพองค์หนึ่งพูดว่าดูไปแล้วพวกเขามีเพียงโอกาสตระเตรียมการสั่งเสียแค่นั้นเอง

ศิษย์: ท่านอาจารย์พูดว่า ให้ทำทั้งสามเรื่องให้ดีทุกสิ่งก็จะอยู่ในนั้นหมดนี่รวมถึงสิ่งยึดติดและความขัดแย้งทั้งหมดที่แต่ละคนได้ประสบนั้น ก็ต้องแก้ไขด้วยความเมตตาด้วยหรือไม่ ขอความกรุณาท่านอาจารย์ช่วยให้ความกระจ่าง

อาจารย์: (หัวเราะ) คนๆหนึ่งหากในการบำเพ็ญไม่สามารถแก้ไขปัญหาพื้นฐานเหล่านี้ของท่านนั่นก็พูดไม่ได้ว่าบำเพ็ญ อะไรที่เรียกว่าบำเพ็ญ เป้าหมายสุดท้ายในการบำเพ็ญคืออะไรล่ะคือการ ก้าวออกมาจากความเป็นคน เมื่อไม่อยู่ในความเป็นคน ความขัดแย้ง สิ่งยึดติด องค์ประกอบ นานาชนิดของคน จะมีผลกับท่านไหมไม่อย่างแน่นอนแต่ท่านสามารถก้าวออกมาจากในนั้นได้หรือไม่บำเพ็ญได้หรือไม่ ท่านก้าวหน้าได้หรือไม่ท่านบำเพ็ญได้เร็วหรือช้า นี่ล้วนเป็นปัญหาของท่านแต่ละคน ข้าพเจ้าในฐานะอาจารย์ย่อมจะรับผิดชอบต่อท่านอย่างแน่นอน แต่ท่านสามารถก้าวหน้าได้ไหม นั่นต้องดูตัวท่านเอง เทพองค์หนึ่งจะให้สิ่งยึดติดของคนสั่นคลอนจิตใจได้หรือ ไม่ได้แน่นอนไม่ได้แน่ เพราะฉะนั้นอะไรๆก็แก้ไขได้หมดนั่นก็ต้องดูว่าท่านบำเพ็ญอย่างไรท่านว่า เช่นนั้นฉันก็ไปบำเพ็ญเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ นั่นท่านก็ไม่ได้บำเพ็ญจริงการบำเพ็ญนั้นต้องไม่มีเงื่อนไขใดๆ

ศิษย์: กาลเวลา ณ ระดับชั้นนั้นของจักรวาลที่ศิษย์ต้าฝ่าสร้างขึ้นมาจะไม่ยาวนาน ท่านอาจารย์กรุณาอธิบายให้ชัดเจนสักหน่อยด้วยครับ

อาจารย์: ข้าพเจ้าไม่เคยพูดกับพวกท่านว่าจะไม่ยาวนาน ในขณะนี้พวกท่านกำลังใช้ความคิดของคนคิด (หัวเราะ) เนื่องจากความคิดของคนนั้นไม่มีพลัง สิ่งที่ส่งออกมา ครู่เดียวก็จะเหมือนฟองอากาศ เล็กๆ ชั่วครู่มันก็สลายไป สิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าคิดออกมานั้นแรงกล้ามาก ระดับชั้นยิ่งสูง สิ่งที่คิดออกมาก็ยิ่งเข้มแข็งยิ่งใหญ่ เวลาก็ยิ่งทอดยาวออกไป เทพผู้ยิ่งใหญ่องค์หนึ่ง หนึ่งความคิดของเขาก็สามารถก่อเกิดเทียนถี่ของจักรวาลได้ ที่จริงยังมีองค์ประกอบพื้นฐานยิ่งกว่าอีก ฝ่านั้นกลมกลืนสมบูรณ์ ในอดีตองค์ประกอบของจักรวาลนั้นไม่สมบูรณ์แบบ ในการเจิ้งฝ่าครั้งนี้ล้วนจัดการแก้ไขไปแล้วอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ ดังนั้นในเมื่อเขาเป็นฝ่าที่กลมกลืนสมบูรณ์ คุณสมบัติพิเศษมูลฐานของจักรวาลแห่งการ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไปก็เปลี่ยนไปแล้ว แนวคิดเรื่องกาลเวลา นั่นไม่สามารถจะใช้ความคิดคนไปคิด

ศิษย์: ในระยะนี้เพื่อนผู้บำเพ็ญมักอาศัยอุปกรณ์ซอฟท์แวร์ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ศึกษาฝ่า กระทั่งเผยแพร่ในวงกว้างอย่างเต็มที่ เช่นนี้โอกาสในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและศึกษาฝ่าด้วยกันโดยตรงของทุกๆคนก็ลดน้อยลง

อาจารย์: ไม่ดีนะ นอกจากศิษย์วัยเยาว์แล้วผู้อื่นไม่ควรทำ แต่ก็ไม่ขัดข้องให้ใช้ชั่วครั้งชั่วคราวในเวลาทุกท่านมีงานรัดตัวมากๆ แต่อย่าให้เกิดความเคยชิน นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการจะเหลือไว้ให้พวกท่าน ทุกท่านร่วมกันศึกษาฝ่า ศึกษาฝ่าต่อหน้าซึ่งกันและกัน พิจารณาปัญหาเช่นนี้จะไม่มีปัญหาสามารถจะใช้ชั่วครั้งชั่วคราวในเวลาที่พวกท่านมีงานยุ่ง แต่ไม่ควรทำอย่างนี้กันทั้งหมด และไม่ควรทำเป็นประจำ

ศิษย์: ศิษย์เข้าใจไม่ชัดเจนในความแตกต่างระหว่างความไม่บริสุทธิ์และการแปรเปลี่ยนไปของสสาร ขอความกรุณาท่านอาจารย์ช่วยอธิบาย

อาจารย์: ความไม่บริสุทธิ์กับการแปรเปลี่ยนไปของสสาร เป็นสาเหตุพื้นฐานของจักรวาลเก่าที่ไม่ดีแล้ว เป็นสิ่งที่คุณสมบัติพิเศษของจักรวาลกำหนดไว้ การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อมไป ดับสูญ คือสติปัญญาที่จำกัดของหลักธรรมในเวลานั้น สำหรับขอบเขตที่ต่างๆ บางส่วน (มัน) เป็นวิธีการทำให้บริสุทธิ์สะอาดเป็นวัฏจักร ถ้าสรรพสิ่งทั้งมวลเดินไปสู่ขั้นนั้นก็เสร็จสิ้น (ยุติลง) สสารไม่บริสุทธิ์กับการแปรเปลี่ยนไปนั้นเมื่อมองจากสังคมมนุษย์ตรงนี้ วิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน นำมาซึ่งความไม่บริสุทธิ์ของบรรดา อากาศดินโลหะ น้ำ กับปัจจัยสำคัญชนิดต่างๆ และเป็นสิ่งที่มนุษย์แก้ไขไม่ได้แล้ว ความคิดคนที่แปรเปลี่ยนไป ในสายตาของเทพ ก็ไม่ใช่มนุษย์แล้ว ทุกสิ่งในจักรวาลนั้นหมุนเวียน หลังจากสิ่งเหล่านี้ถูกชีวิตชั้นสูงกลั่นกรองเอาไป ก็พลอยทำให้ชีวิตและองค์ประกอบของมิติระดับชั้นสูงเกิดความไม่บริสุทธิ์ นี่เป็นการพูดโดยสรุปให้ไปอ่านการบรรยายของข้าพเจ้าครั้งก่อนๆแล้วกัน

ศิษย์: หมิงฮุ่ยเน็ตกับบทบาทในการอธิบายความจริงนั้น ศิษย์โพ้นทะเล (นอกประเทศจีน) จะให้ความร่วมมืออย่างไรดี

อาจารย์: หมิงฮุ่ยเน็ตกับบทบาทในการอธิบายความจริงเป็นสิ่งที่ไม่อาจทดแทนกันได้ ตรงนั้นคือหน้าต่างสำคัญที่สุดที่พวกเราจะเผยแพร่ความจริงของการประทุษร้าย ที่ศิษย์ต้าฝ่ายืนยันสถานการณ์ความถูกต้องของฝ่า เรื่องราวของศิษย์ต้าฝ่านั้นทุกท่านล้วนต้องร่วมมือให้ดี

ศิษย์: เร็วๆนี้ ผมพบว่าผู้ฝึกบางคนอ้างตัวว่าหยวนหมั่นแล้ว สามารถไปบำเพ็ญหลักวิชาอื่นได้ เรียนถามว่า เขารับรู้ (อู้) ในทางมารหรือว่าคิดเพ้อเจ้อไป

อาจารย์: ข้าพเจ้าว่าเขาไข้ขึ้นแล้ว (ที่ประชุมหัวเราะ) ไข้ขึ้นสูงจนเลอะเลือนแล้ว ที่จริงการพูดคำนี้ออกมา ก็อันตรายมากแล้ว คนที่สติสัมปชัญญะและความคิดที่ถูกต้องไม่แจ่มชัด เป็นชีวิตที่เทพมองไม่ขึ้น(ดูถูก)มากที่สุด

ศิษย์: ที่สื่อมวลชนลงรูปถ่ายอาจารย์นั้นเหมะสมหรือไม่

อาจารย์: ข้าพเจ้าคิดว่าทำได้ ไม่มีปัญหา เพราะข้าพเจ้ามีวิธี (หัวเราะ) (เสียงปรบมือ)

ศิษย์: ใน[การบรรยายฝ่าสัญจรอเมริกาเหนือ]ท่านพูดว่า “ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร” ศิษย์ไม่ค่อยเข้าใจ

อาจารย์: มีอะไรไม่ค่อยเข้าใจหรือ สิ่งที่ผ่านไปก็ผ่านไปแล้ว ขณะนี้สำหรับสรรพชีวิตแล้ว ข้าพเจ้าคือปริศนา ในอนาคตใครก็ไม่รู้ว่าข้าพเจ้าอยู่ที่ไหน ข้าพเจ้ามีความสามารถทุกด้าน ข้าพเจ้าไม่ถูกทุกสิ่งพัวพัน เรียกข้าพเจ้าว่าอะไรก็ไม่ถูกต้อง สรรพชีวิตต่างๆในอนาคตจะเห็นข้าพเจ้าในรูปลักษณ์ที่แตกต่างตามชนชาติของพวกเขา ข้าพเจ้าสร้างทุกสรรพสิ่ง แต่ข้าพเจ้าไม่อยู่ในท่ามกลางสรรพสิ่งเหล่านั้น ก็เป็นแนวคิดในลักษณะนี้ (ที่ประชุมหัวเราะ เสียงปรบมือ)

ศิษย์: ขณะนี้พื้นที่ต่างๆบนโลกกำลังมีการระบาดของไข้หวัดนก โรควัวบ้า แพร่ระบาดจากสัตว์สู่คน เรียนถามท่านอาจารย์ ปรากฏการณ์นี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับ ช่วงวิถี (จังหวะก้าว) ของการเจิ้งฝ่า

อาจารย์: กรรมของมนุษย์ใหญ่มากแล้ว เพราะคนได้ลื่นไถลจากด้านต่างๆลงไปสู่ที่ที่อันตรายมากแล้ว กรรมยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ บวกกับท่าทีต่อต้าฝ่ามีสาเหตุมากมายที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง สิ่งนี้ดูไปแล้วคล้ายกับไม่เกี่ยวข้องโดยตรงต่อการเจิ้งฝ่า แต่ไม่ว่าเรื่องใดก็ล้วนดำเนินไปโดยรอบต้าฝ่า เรื่องใดๆล้วนมิใช่บังเอิญ และเป็นการเตือนสติคนโดยอาศัยสิ่งเหล่านี้

ศิษย์: เหตุใดในหมู่ผู้ฝึกผู้ที่ทำงานสายลับจนบัดนี้ยังไม่รู้สำนึก หากเปิดโปงฐานะของเขาซึ่งๆหน้า จะเป็นเรื่องไม่ดีหรือไม่

อาจารย์: การปกป้องฝ่าไม่อาจพูดได้ว่าไม่ดี งั้นก็เตือนสติเขาเถอะเปิดโปงก็เปิดโปงเถอะ ถ้าช่วยเขาได้ยิ่งดี หากช่วยไม่ไหวก็เป็นการเลือกของเขาเอง

ศิษย์: มีศิษย์ต้าฝ่าบางคนใส่บทความบนเว็บเกี่ยวกับปาฎิหาริย์ของต้าฝ่า ทำให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเข้าใจต้าฝ่าผิด

อาจารย์: หากพูดกันอย่างเคร่งครัดเรื่องราวด้านนี้ไม่มีปัญหา อย่าไปคิดว่าเข้าใจผิดอะไร และอย่าไปทำแบบคุยโม้ ให้ยืนยันความถูกต้องของฝ่าอย่างสง่าผ่าเผย เปี่ยมด้วยสตินั่นก็จะไม่มีปัญหา โดยแก่นแท้แล้วศิษย์ต้าฝ่าคือผู้บำเพ็ญ พวกเราไม่ใช่องค์กรทางการเมืองในสังคมของคนธรรมดาสามัญ เป็นกลุ่มผู้บำเพ็ญ พวกเรานั้นบำเพ็ญเป็นเทพ แน่นอนว่าย่อมจะต้องมีเรื่องปาฏิหาริย์ (เสียงปรบมือ)

ศิษย์: ท่านอาจารย์บอกว่าราคะจิตไม่หมดไปย่อมไม่มีทางได้หยวนหมั่น ขณะนี้มีศิษย์มากมายราคะจิตยังไม่หมดไปขอเรียนถามว่าหน่วย(คำนวณ)ของการหยวนหมั่นคืออะไร หน่วยคำนวณโดยอนุภาคใช่หรือไม่

อาจารย์: ไม่มีการพูดเช่นนั้น คิดเหลวไหลกัน ข้าพเจ้าไม่เคยพูดกับพวกท่านว่าการหยวนหมั่นเกี่ยวข้องอะไรกับหน่วยนับศิษย์ต้าฝ่าเอย ข้าพเจ้าพูดมาตั้งนานแล้วว่า ราคะตัณหานั้นเป็นด่านตายของผู้บำเพ็ญถูกอารมณ์ความรู้สึกนี้ของคนธรรมดาสามัญกระตุ้นรุนแรงจนเกินไป สาหัสเกินไปแล้ว แม้แต่เรื่องเล็กน้อยนี้ยังฉุดตัวเองไม่ขึ้น ดูไปตอนแรกอิทธิพลเก่าจัดวางเรื่องแบบนี้ไปไว้ในคุกประเทศจีน จึงค่อยแก้ไขได้ใช่หรือไม่ในสภาพแวดล้อมที่ทารุณเช่นนั้นดูว่าท่านจะเป็นอย่างไร ใช่หรือไม่ว่าเพราะสุขสบายกันเกินไปจึงเป็นเช่นนี้พวกที่ไม่ขจัดจิตชนิดนี้ไปแล้วยังหาข้ออ้าง ล้วนแต่กำลังหลอกตัวเอง หลอกคนอื่น ข้าพเจ้าไม่เคยจัดวางอะไรเป็นพิเศษให้ท่าน

ศิษย์: การฟาเจิ้งเนี่ยนไม่จำเป็นต้องกำหนดเวลาตายตัวใช่หรือไม่

อาจารย์: เดิมทีหมิงฮุ่ยเน็ตไม่ใช่บอกว่าให้ศิษต้าฝ่าทั่วโลกฟาเจิ้งเนี่ยนตามเวลาที่กำหนดไว้หรือ นั่นข้าพเจ้าก็รู้สึกว่าดีมาก ทุกท่านก็ทำกันเช่นนั้น เรื่องที่เฉพาะอื่นๆ สามารถทำไปตามสภาพท้องที่และสภาพการณ์ที่ต่างกัน

ศิษย์: แต่ละครั้งที่ได้พบท่านอาจารย์ ปัญหาอะไรก็หมดไปดุจเมฆหมอกสลาย มีอาจารย์อยู่ มีฝ่าอยู่ไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้ ช่วงเวลานี้ เป็นเวลาที่น่าปลื้มปิติ

อาจารย์: เมื่อความคิดถูกต้องเข้มแข็ง ที่จริงอะไรก็ล้วนสามารถแก้ไขได้ เมื่อความคิดถูกต้องเข้มแข็งอะไรก็เข้าใจได้ เมื่อความสับสนเลอะเลือนปะทุขึ้นมามักจะเป็นเพราะปล่อยวางจิตยึดติดในใจไม่ลง ในใจไม่สบอารมณ์ก็เลอะเลือนสับสนขึ้นมา

ศิษย์: ในการแสดงดนตรีของพวกเรา ศิษย์ต้าฝ่าจะเพิ่มการแสดงมายากลเข้าไปด้วยจะเหมาะสมกับการยืนยันความถูกต้องของฝ่าหรือไม่ ?

อาจารย์: อันนี้ข้าพเจ้าว่า ไม่มีปัญหาอะไรข้าพเจ้าคิดว่ารูปแบบวัฒนธรรมก็คือรูปแบบวัฒนธรรม ฟังรื่นหู ดูเพลินตา ทุกคนอยากจะชม และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ต่ำข้าพเจ้าคิดว่าทำได้

ศิษย์: กลไกจากต้าฝ่าจะเป็นหลักประกันให้ชีวิตในอนาคตแม้ผ่านกาลเวลาอันยาวนานของจักรวาล ก็จะไม่เกิดจิตยึดติด และความเห็นแก่ตัวด้วยเหตุนี้จักรวาลจึงกลมกลืนสมบูรณ์ไม่ดับสูญ

อาจารย์: ไม่ใช่หลักการแบบนี้ ไม่ใช่เข้าใจกันอย่างนี้ และไม่ใช่แนวคิดชนิดนี้ ต้าฝ่านั้นกลมกลืนสมบูรณ์ คุณสมบัติมูลฐานของจักรวาลนั้นไร้ความเห็นแก่ตัวชีวิตหนึ่ง ๆ เมื่อบำเพ็ญไปถึงเขตแดนนั้น ก็จะเป็นอย่างนั้น ฝ่าได้มอบหลักประกันแห่งการดำรงอยู่ให้สรรพชีวิต ฝ่าสร้างกลไกและความเจริญรุ่งเรืองของจักรวาลให้แก่สรรพชีวิต และฝ่าได้สร้างสรรพชีวิตและสรรพสิ่งสร้างสวรรค์ โลก คน เทพแต่การดำเนินชีวิต ของแต่ละชีวิตในระดับที่แน่นอนอันหนึ่งนั้น เป็นสิ่งที่ตนต้องเลือกเอง

ศิษย์: ศิษย์ต้าฝ่าต่อไปนี้ฝากความระลึกถึงท่านอาจารย์หูเป่ย- อี๋ชัง เขื่อนเก่อโจว ซานเสีย ม่อเอ๋อ เปิ่นไฮ่หนาน(เกาะไหหลำ) จี่หลิน-หนงอัน ไคอัน เมืองจี่หลิน ซานตง-เหอเจ๋อ เฮยหลงเจียง ประตูทิศเหนือเทียนถาน ปักกิ่ง เสฉวนเฉิงตู-จือหยาง

อาจารย์: ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์: ในหนังสือของท่านอาจารย์เขียนหลักธรรมไว้ว่า “เมื่อคนอื่นทำไม่ดีต่อท่าน พวกเขาก็ให้กุศลแก่ท่าน ท่านควรที่จะดีใจ” แต่ว่าถ้าหากพวกเราดีใจ ก็ไม่เมตตาใช่ไหม

อาจารย์: (ที่ประชุมหัวเราะ) ไม่ใช่ไม่เมตตา เมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์และอารมณ์ความรู้สึก (ฉิง) แล้วไม่คิดอะไรมีแต่ผู้บำเพ็ญที่แท้จริง ศิษย์ต้าฝ่าที่แท้จริงจึงจะทำได้ การพูดว่าผู้ตีให้กุศลแก่คนที่ถูกตี นั่นเป็นสิ่งที่คุณสมบัติพิเศษของจักรวาลสร้างขึ้นมา ไม่ใช่สิ่งที่สามารถได้มาเมื่อรู้สึกดีใจ คนที่ถูกตีสามารถไม่โกรธไม่เกลียดในขณะเจ็บปวด หัวเราะให้หมดสิ้นบุญคุณความแค้น นี่ไม่เมตตาหรือ พูดจากแง่มุมของคนนี้ ใครก็ไม่อาจพูดได้ว่าไม่เมตตา คนอื่นตีท่านแล้ว ท่านกลับหัวเราะโดยไม่โกรธแค้นเขา แน่นอนผู้บำเพ็ญไม่ควรเหมือนกับคนธรรมดาที่เมื่อได้รับสิ่งของแล้วก็หัวเราะแบบนั้น (ที่ประชุมหัวเราะ) ในใจรู้สึกสงบราบเรียบ ใครก็ต้องว่าท่านเป็นคนดี เขาจะทำเรื่องไม่ดีต่อท่าน ท่านอาจไปเตือนเขาดี ๆ เพื่อมิให้เขาสูญเสียกุศล นี่คือการเมตตาเขา ถ้าเขาไม่ฟัง เขายังจะทำชั่ว เตือนก็ไม่ฟัง ก็ไม่มีทาง คุณจะตีให้ได้ ทำอย่างไรก็ห้ามคุณไม่ได้ เช่นนั้นคุณตีแล้ว พอถึงเวลาเขาก็ต้องตกนรก นั่นไม่ใช่ศิษย์ต้าฝ่าไม่เมตตาหรอกนะ

ไม่ว่าในมิติใดๆ ล้วนมีหลักการของฝ่าในมิตินั้นหลักการนี้แม้จะเป็นสิ่งที่ยกระดับขึ้น แต่ว่าในมิติใดๆชีวิตที่สามารถทำตามกฎของมิตินั้น นั่นก็คือชีวิตที่ดีในมิตินั้น หากท่านสามารถอยู่เหนือกฎนั้น ท่านก็อยู่เหนือกว่ามิตินั้น ใครถูกตีแล้วก็ย่อมไม่พอใจ คนทนทุกข์แล้วก็ไม่พอใจ นี่ก็คือคนในมิตินี้ไม่มีคนที่พูดว่าท่านทำไม่ดีกับฉันๆก็ดีใจ มีเพียงผู้บำเพ็ญจึงสามารถทำได้ นี่คือสูงกว่าเขตแดนของคนธรรมดาสามัญร่างกายของตนเอง แบกรับความทุกข์แล้ว สามารถควบคุมจิตใจไว้ได้ นั่นคือความเมตตาของผู้บำเพ็ญพูดถึงว่า เขาให้กุศล นั่นไม่ใช่ศิษย์ต้าฝ่าไปเอามา และไม่ใช่ว่าเขาอยากจะให้ก็ให้ได้ และไม่ใช่ว่าใครอยากได้ก็จะได้ แต่เป็นกลไกของจักรวาลที่ทำการแลกเปลี่ยน มันเป็นผลจากคุณสมบัติพิเศษของจักรวาล ข้าพเจ้านี้ ในฐานะอาจารย์ได้นำหลักการของฝ่ามาถ่ายทอดให้กับสรรพชีวิตแล้ว

ศิษย์: ศิษย์ที่ตั้งครรภ์ ไม่มีสิ่งสุดยอดของชี่ แล้วจะบำเพ็ญชีวิตได้อย่างไร

อาจารย์: ใครบอกว่าศิษย์ที่ตั้งครรภ์ไม่มีสิ่งสุดยอดของชี่ การบำเพ็ญต้าฝ่านั้น เรื่องอะไรก็รบกวนไม่ได้ในทางกลับกันยังจะมีประโยชน์ต่อทารกอีกด้วย

ศิษย์: สามีของดิฉัน XXX เพิ่งได้รับเสรีภาพ แต่ตัวเขาขณะนี้ยังอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ เขารู้ว่าดิฉันจะมาร่วมประชุมฝ่าฮุ่ยให้ฉันฝากความคิดถึงมาถึงท่านอาจารย์

อาจารย์: ขอบใจนะ (เสียงปรบมือ) ศิษย์ต้าฝ่าในจีนแผ่นดินใหญ่คนไหนๆ ข้าพเจ้าในฐานะอาจารย์ล้วนจะไม่ปล่อยให้เขา (เธอ) ตกหล่น ยกเว้นพวกที่เดินไปสู่ฝ่ายตรงข้ามไม่อาจช่วยเหลือได้อีก (เสียงปรบมือ) ข้าพเจ้าก็คิดถึงพวกเขา (เธอ) อยู่

ศิษย์: ระยะนี้รู้สึกว่าเวลาหมุนเร็วยิ่งขึ้น เวลาในตรีภูมิได้ถูกปรับเปลี่ยนแล้วใช่ไหม

อาจารย์: ใช่ เวลาเร็วมาก มิติของคนธรรมดาสามัญนี้ ก่อนที่ฝ่าจะปรับโลกมนุษย์ เวลาของคนที่นี่ยังจะไม่ช้าลงโดยสิ้นเชิง

ศิษย์: ในระบบจักรวาลเก่าหนึ่งความคิดที่ผิดของชีวิตชั้นสูง สามารถก่อให้เกิดความผิดพลาดให้แก่สรรพชีวิตนับไม่ถ้วน ในจักรวาลใหม่ปรากฏการณ์แบบนี้จะไม่ดำรงอยู่ตลอดไป เป็นเพราะกลไกของจักรวาลใหม่สมบูรณ์ยิ่งกว่าใช่ไหม

อาจารย์: ยังไม่ใช่ความเข้าใจเช่นนี้ จักรวาลใหม่ก็จะเป็นเช่นนั้น เหตุใดจึงบอกว่าการเจิ้งฝ่ากับการบำเพ็ญจำเป็นต้องบรรลุถึงมาตรฐาน ไม่ว่าจะโดยการกลืนกลายหรือถูกปรับให้ถูกต้องระหว่างการเจิ้งฝ่า ล้วนแต่ต้องบรรลุมาตรฐานอย่างเด็ดขาด ศิษย์ต้าฝ่าเอย ถ้าบำเพ็ญถึงระดับชั้นสูงมากๆ และควบคุมเทียนถี่ชั้นสูงมากๆหนึ่งความคิดของท่านในเทียนถี่นั้นของท่านไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ นั่นเป็นสิ่งที่แน่นอน ดังนั้นศิษย์ต้าฝ่าต้องบำเพ็ญให้ดีบำเพ็ญให้ถูกต้องเที่ยงตรง แน่นอนละ นอกเหนือจากที่ท่านต้องบำเพ็ญตัวเองนั่นเป็นด้านหนึ่ง เนื่องจากในระหว่างการเจิ้งฝ่าอาจารย์ก็ช่วยพวกท่านแก้ไขสิ่งมูลฐานที่สุดที่ไม่บริสุทธิ์ดังนั้นในอนาคตจะถูกต้องเที่ยงตรงมาก

ไม่ว่า เวลา นี้ในโลกมนุษย์จะยาวนานเพียงไรต่อให้เป็นหลายหมื่นปีแล้ว ที่จริงเมื่อเปิดพลังกงท่านจะรู้สึกว่าคล้ายความฝันตื่นหนึ่งบางเบาจนคล้ายความฝันค่อย ๆ ลืมเลือนไปจนสิ้น จะไม่มีโครงสร้างความคิดของคนอีกแล้ว ไม่มีความคิดแบบนั้นที่จมอยู่ในความคิดของคนไปคิดว่ามนุษย์เป็นอย่างไรจะเป็นโครงสร้างความคิดของเทพ ที่ผ่านมาข้าพเจ้าเคยพูดว่าพระยูไลนั้นรู้แม้กระทั่งความคิดของวัว ควาย และม้าแต่เขาไม่จมอยู่ในความคิดของมันในการขบคิดปัญหาอย่างเด็ดขาด

ศิษย์: บางครั้งคิดถึงบทกลอนของท่านอาจารย์จะพูดออกมาได้ไหม หากพูดออกมาต้องพูดให้หมดทั้งบทเลยใช่หรือไม่หากพูดเพียง สองประโยคต้องเติมชื่ออาจารย์เป็นหมายเหตุ

อาจารย์: ถ้าเพียงแค่พูดก็ไม่จำเป็นหากลงบนกระดาษ เทป หรือ วิดิทัศน์ ก็จะไม่เหมือนกันที่จริงกลอนมากมายที่ข้าพเจ้าได้เขียนไว้ล้วนเกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญต้าฝ่า จึงเป็นส่วนหนึ่งของฝ่าด้วยฉะนั้นไม่อาจถือเป็นของส่วนตัวของใครและนำไปใช้ตามชอบใจ บอกว่าเพียงแต่เอ่ยถึงเวลาที่คุยกับคนอื่น หรือเมื่อนำไปใช้พิมพ์ประกอบบทความก็ให้ระวังไว้ ก็พอ

ศิษย์: ศิษย์ต้าฝ่าในรัสเซีย และศิษย์ต้าฝ่าภาษารัสเซียทั่วโลกในแวนคูเวอร์แคนาดา ยวี่เจีย เว่ยเอ๋อ ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น เจียงซู-นานกิง เท็กซัส-อเมริกา เซี่ยงไฮ้ ศิษย์ยุวชนแห่งแวนคูเวอร์-คานาดา อานซาน-เมืองเหลียวหนิง เฉาหยาง-เมืองเหลียวหนิง ฝากความระลึกถึงท่านอาจารย์

อาจารย์: ขอบใจทุกท่าน

ศิษย์: ศิษย์ต้าฝ่าที่ทำงานด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะคือคนที่ยอดเยี่ยม (อัจฉริยะ) ในหมู่คนนั้น ความอิจฉาซึ่งกันและกัน กับความเป็นตัวเองแรงมากเชิญท่านอาจารย์ให้ความกระจ่าง

อาจารย์: ไม่ร้ายแรงอย่างนั้นกระมังแต่ไม่ปฏิเสธกรณีที่ยังไม่ได้ขจัดจิตของคนทิ้งไป ซึ่งย่อมจะแสดงออกมา ไม่บำเพ็ญให้ดียังมีจิตชนิดนี้อยู่ก็ต้องสลัดทิ้งไปมีความเชี่ยวชาญอะไรก็อย่าได้ลำพองใจพวกท่านทราบไหม เรื่องทั้งมวลของจังรวาลของมนุษย์ทั้งหมดผู้ที่สามารถพูดได้กระจ่างก็มีเพียงข้าพเจ้า หลี่ หง จื้อชีวิตใดๆ ล้วนไม่อาจทำได้ ( เสียงปรบมือ ) แต่ไหนแต่ไรมา ข้าพเจ้าก็ไม่เคยวางมาดกับพวกท่าน ดังนั้นศิษย์ต้าฝ่าเอย เทคโนโลยีเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พวกเรายึดกุมไว้นั้น จงอย่าได้เย่อหยิ่ง ไม่มีอะไรน่าเย่อหยิ่ง ที่จริงทุกสิ่งที่ท่านเรียนนั้นก็เป็นเพราะท่านมีความปรารถนาเช่นนี้จึงได้จัดวางไว้ให้ท่านแต่แรกเริ่มเพราะจำเป็นต้องใช้ในการเจิ้งฝ่าก็เพียงเท่านี้

ศิษย์: ขณะนี้รู้สึกว่าในแต่ละวัน เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกินมีเรื่องมากมายที่ไม่มีเวลาทำได้ทัน บนหมิงฮุ่ยเน็ต มีบทความเล่าประสบการณ์ของผู้ฝึก กล่าวว่าเมื่อในสภาวะที่ดีมาก เรื่องหนึ่งๆ สามารถทำเสร็จได้ในเวลาอันสั้นท่านอาจารย์กรุณาพูดปัญหาเรื่องเวลาสักหน่อย

อาจารย์: ที่จริงข้าพเจ้าคิดอย่างนี้ว่าศิษย์ต้าฝ่าของเรานั้นไม่กลัวว่าท่านจะมีจิตของคนธรรมดาสามัญ ที่สำคัญคือจะสถาปนาความคิดถูกต้องของคนขึ้นมาได้อย่างไร ถ้าหากว่าความคิดถูกต้องของท่านเข้มแข็ง เป็นเช่นผู้บำเพ็ญได้ตลอดเวลา หรือไม่พูดว่าตลอดเวลา แต่ท่านสามารถปฏิบัติตนเช่นศิษย์ต้าฝ่าเมื่อประสบกับเรื่องต่างๆ ท่านก็จะรู้ว่า เรื่องนี้ควรจะทำอย่างไรท่านก็จะสามารถแสดงปาฎิหาริย์ออกมาได้ท่านก็จะแสดงสิ่งที่พิเศษออกมา ท่านก็จะแยกแยะได้ ท่านก็จะทำทุกสิ่งได้ดี (เสียงปรบมือ) ว่ากันถึงแก่น ท่านคือผู้บำเพ็ญนะพวกท่านไม่เหมือนกับคนธรรมดาสามัญ แม้ว่าพวกท่านล้วนแต่บำเพ็ญอยู่ในวังวนยากที่จะปรากฏเรื่องต่างๆของศิษย์ต้าฝ่าออกมา ที่จริงไม่ใช่ว่าเรื่องอะไรๆ พวกท่านก็ไม่รู้เรื่องที่เหนือธรรมชาติมันจะปรากฏออกมาได้หากท่านมีความคิดถูกต้องเข้มแข็งดังว่า

ศิษย์: ผมพาเพื่อน กับ เด็กๆเข้ามา พวกเขาเห็นท่านแต่ไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านพูดจิตหลักของเขากำลังฟังอยู่ใช่ไหม พวกเขาสามารถกลับบ้านของพวกเขาได้ไหม

อาจารย์: ท่านต้องรู้ว่าข้าพเจ้านั้น บรรยายฝ่า ให้กับศิษย์ต้าฝ่านะ (หัวเราะ) คน ๆ หนึ่งเข้ามาในวันนี้ เขาไม่รู้ว่าข้าพเจ้ากำลังพูดอะไร อย่าว่าแต่เด็ก ๆ เลย แต่ในฐานะเป็นชีวิตคนล้วนมีด้านหนึ่งที่เข้าใจได้ ด้านนั้นสามารถเข้าใจได้ ในขณะเดียวกันก็ได้รับประโยชน์แต่เรื่องเหล่านี้อย่าไปให้ความสำคัญกับมันเกินไป หากช่วยคนไม่ได้ด้านที่เข้าใจนั้นก็ไม่เกิดประโยชน์

ศิษย์: เอกสารที่ใช้อธิบายความจริงในวงกว้างให้กับประชาชนในประเทศจีนนั้น มีผู้ฝึกบางคน เข้าใจว่า “บำเพ็ญอยู่ที่ตัวเองพลังอยู่ที่อาจารย์” ดังนั้นจะเลือกเนื้อหาอะไรก็ไม่สำคัญ

อาจารย์: นั่นก็เป็นการเดินไปอีกสุดขั้วหนึ่งแล้ว ในการยืนยันความถูกต้องของฝ่า พวกท่านต้องทำอย่างมีสติ พวกท่านจะเลือกอย่างไร และทำให้ดียิ่งขึ้นนี่ก็คือการยืนยันความถูกต้องของฝ่าของพวกท่าน จะเดินให้ตรงบนหนทางของตนเองได้อย่างไร อะไร ๆ ก็ล้วนให้ข้าพเจ้าทำ ท่านก็กลายเป็นเครื่องพิมพ์ดีดหนึ่งเครื่อง เช่นนั้นข้าพเจ้ายังจะให้ท่านเป็นศิษย์ต้าฝ่าอะไรกันอีก? กลับชาติไปเกิดเป็นเครื่องพิมพ์ดีดก็พอแล้วมั้ง (ที่ประชุมหัวเราะ)

ศิษย์: เรียนถามในอนาคตยังจะมีผู้ได้รับฝ่ายังจะต้องบำเพ็ญกันนี่รวมถึงศิษย์ต้าฝ่าที่ทำไม่ดีพอในระหว่างยุคเจิ้งฝ่าด้วยหรือไม่

อาจารย์: ไม่รวม! จุดนี้ข้าพเจ้าบอกพวกท่านได้แน่นอนยุคสมัยนี้ กลุ่มนี้ ก็คือกลุ่มนี้แล้ว

ศิษย์: ขณะนี้งานของต้าฝ่ารัดตัวมากจำเป็นหรือไม่ที่ต้องจัดเวลาเขียนบทความของคนธรรมดาสามัญให้กับศิษย์ต้าฝ่า ที่ทำหนังสือพิมพ์ใช้ หรือพยายามใช้บทความสำเร็จรูปที่คนธรรมดาสามัญเขียนไว้แล้ว

อาจารย์: ข้าพเจ้าคิดว่าให้ดูความจำเป็นของพวกท่านก็แล้วกัน ทำอย่างไรก็ได้ท่านอย่าได้คิดว่าการเขียนบทความของคนธรรมดาสามัญก็ไม่ใช่การช่วยเหลือสรรพชีวิตแล้ว ท่านทั้งหลายร่วมกันทำสื่อออกมาช่วยเหลือสรรพชีวิต ผลที่ได้ก็จะมีของท่านส่วนหนึ่งแม้ว่าสิ่งที่ท่านเขียนนั้นเป็นบทความของคนธรรมดาสามัญ (เสียงปรบมือ) แน่นอนละ ท่านก็อย่าเอาแต่เขียนบทความของคนธรรมดาสามัญต้องทำเรื่องอื่นๆที่ศิษย์ต้าฝ่าควรทำด้วยซิ

ศิษย์: ศิษย์ต้าฝ่าแห่งแคลิฟอร์เนียเหนือและใต้ ฝากความระลึกถึงท่านอาจารย์เรียนถามท่านอาจารย์ผู้ฝึกบางคนแสวงหาความสามารถพิเศษ กับพลังเป็นต้นอยากโอ้อวดตัวเอง ทั้งยังมีคนหลับขณะฝึกพลังกงและฟาเจิ้งเนี่ยนเมื่อพวกเราเตือนสติด้วยความหวังดีเขากลับโกรธ ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีกับเขา

อาจารย์: โกรธก็โกรธซิเมื่อโกรธแล้วก็พูดได้ชัดว่า การบำเพ็ญนั้นมีปัญหา เหตุใดทำผิดแล้วยังจะโกรธอีก ถึงโกรธก็ต้องพูดกัน เพื่อรับผิดชอบต่อเขาอย่างแท้จริงก็ไม่กลัวว่าเขาจะโกรธ

โอ้อวดความสามารถอะไรกันกับศิษย์ต้าฝ่าล่ะมีอะไรน่าโอ้อวด ไปโอ้อวดกับพวกสมุนดำของสิ่งชั่วร้ายจะดีกว่าที่จริงความสามารถทั้งหลายที่ท่านมีไม่ใช่เพราะบำเพ็ญต้าฝ่าจึงให้กับท่านหรอกหรืออย่าไปโอ้อวดกับผู้ฝึก และอย่าได้หลงระเริงอย่าได้เข้าใจว่าตนเองมีความสามารถอะไรความสามารถเล็กน้อยของท่านจะทำอะไรได้สิ่งเหล่านี้อย่าให้อาจารย์พูดกับท่านอีกเลยต้องเคารพตนเองสักหน่อยผู้ที่ถูกจิตยึดติดชักนำจนขาดสตินอกจากจำนวนไม่กี่คนที่มีจิตยึดติด รับฟังท่านโอ้อวดแล้วผู้ฝึกล้วนมองท่านอย่างไร รู้ไหม

พอโอ้อวดแล้ว สิ่งเหล่านั้นก็ไม่ใช่อะไรอีก อย่ายึดติดกับสิ่งเหล่านี้ ยิ่งไม่ควรนำสิ่งที่ท่านมองเห็นไปเผยแพร่ในหมู่ผู้ฝึกด้วยจิตใจของคน ที่จริงเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะพูดในหมู่ผู้ฝึกไม่ได้และไม่ใช่ว่าไม่ควรจะมีความสามารถ ที่สำคัญคือมีจิตใจอะไรหากใช้อย่างถูกต้องก็จะเป็นประโยชน์ต่อศิษย์ต้าฝ่า ถ้าโอ้อวด ก็คือท่านกำลังก่อการรบกวน

วันนี้ศิษย์ต้าฝ่าล้วนอยู่ในท่ามกลางการยืนยันความถูกต้องของฝ่า หยวนหมั่นเกียรติยศ มรรคผลอันสูงส่งไร้เทียมทานของพวกเขาสิ่งใดๆก็อย่าได้สอดแทรกเข้ามาใครสอดแทรกเข้ามา ผู้นั้นก็ทำบาปไม่อนุญาตอย่างเด็ดขาด ! หากเตือนครั้งสองครั้ง ไม่ยอมฟัง นานๆเข้า ย่อมเป็นเพราะอิทธิพลเก่าต้องการผลักดันท่านไปฝ่ายตรงข้ามจึงได้ทำเช่นนี้ ท่านก็กำลังก่อผลเช่นนี้ เมื่อเลยมาถึงขั้นนี้จริงๆก็ไม่อาจช่วยเหลือได้อีกแล้ว ข้าพเจ้าไม่ยอมรับการจัดวางของอิทธิพลเก่า อาจารย์กำลังช่วยเหลือ กำลังให้โอกาสท่านอย่าทำซ้ำแล้วซ้ำอีกเป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยไป หากอยู่ท่ามกลางการอธิบายความจริง ช่วยเหลือสรรพชีวิตคัดค้านการประทุษร้ายแล้ว แสดงอิทธิฤทธิ์อย่างยิ่งใหญ่ได้จริง ๆ ข้าพเจ้ากับศิษย์ต้าฝ่าทั้งหมดล้วนจะสรรเสริญท่านเป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่

เทียนถี่ (ร่างจักรวาล) นั้นใหญ่จนไม่มีทางที่จะบรรยายได้มีเรื่องมากมายที่ข้าพเจ้าไม่พูดกับพวกท่านเลย ที่ท่านรู้นั้นเล็กน้อยเหลือเกิน เทพชั้นสูงมากองค์หนึ่งเมื่อเขาได้เห็นเทียนถี่ที่กว้างใหญ่ยิ่งขึ้นเห็นความมหึมาของมันจะตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เทพล้วนจะเป็นเช่นนี้หากคนได้รับรู้มิติที่ใหญ่ยิ่งกว่าสักหน่อยก็ต้องหวั่นไหวอย่างแน่นอน แต่ว่าศิษย์ต้าฝ่าต้องมีสติ

ศิษย์: สื่อต่างๆที่ศิษย์ต้าฝ่าทำมีอานุภาพเกรียงไกรในต่างประเทศใช่หรือไม่ว่า สุดท้ายแล้วสื่อต่างๆที่ใช้ในการเจิ้งฝ่า ผ่านช่องทางที่มีอยู่ ซึ่งใช้ในการอธิบายความจริง เช่น อินเตอร์เน็ต หรือการส่งจดหมาย เป็นต้น ควรมุ่งสู่ประเทศจีนอย่างทั่วถึงและควรพิจารณาถึงระดับความสามารถที่จะรับได้ของคนจีนหรือไม่เพราะชาวจีนแผ่นดินใหญ่ไม่ เหมือนชาวจีนโพ้นทะเลพวกเขาถูกพิษร้ายของการหลอกลวงอย่างลึกซึ้ง

อาจารย์: ขณะนี้ทุกๆสิ่งที่พวกเราทำนั้น โดยพื้นฐานแล้วข้าพเจ้าว่า เปี่ยมด้วยสติสัมปชัญญะอย่างยิ่ง ไม่ว่าชาวจีนแผ่นดินใหญ่ หรือ ชาวจีนนอกแผ่นดินใหญ่ ล้วนสามารถรับได้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าในขณะนี้สื่อเหล่านี้นับว่าทำได้ดีบรรดาวิธีการที่ใช้ในการอธิบายความจริงบทความที่เขียนชาวจีนแผ่นดินใหญ่ถือว่าสามารถรับได้ทั้งหมด

หากให้มุ่งต่อชาวจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งหมดปัจจุบันยังไม่เหมาะหนังสือพิมพ์ที่ศิษย์ต้าฝ่าจะทำในอนาคต จะเป็นฉบับที่ใหญ่ที่สุดในโลก( เสียงปรบมือ )เพราะสื่อหลอกลวงเหล่านั้นล้วนมีบาปคนเหล่านั้นก็จะต้องชดใช้สื่อของพวกเขาก็ต้องชดใช้

ข้าพเจ้าก็ได้ตอบปัญหาให้ท่านจนหมดแล้ว ( เสียงปรบมือ ) สังคมมนุษย์ ได้ผ่านขั้นตอนเช่นนี้มากว่าร้อยล้านปีแล้ว สรรพชีวิตล้วนมาเพื่อฝ่านี้ สรรพชีวิตทั้งปวงในตรีภูมิล้วนมาเพื่อฝ่านี้ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝ่านี้ เกิดขึ้นมาเพื่อฝ่านี้ รวมทั้งสรรพสิ่งทุกสิ่งในโลกมนุษย์ ล้วนแต่กำลังหมุนวนอยู่รอบต้าฝ่าไม่ว่าคนจะรู้สึกได้หรือไม่ ไม่ว่าท่านจะรู้สึกว่าเขามีสำนึก หรือไม่สำนึก อะไร ๆ ก็ล้วนอยู่รอบต้าฝ่า รวมทั้งทุกสิ่งในโลกปัจจุบัน ที่เย็นชาต่อการประทุษร้ายครั้งนี้ก็ดี หรือให้ความเอาใจใส่ก็ดี ก็กำลังหมุนอยู่รอบต้าฝ่า เนื่องจากความจำเป็นต้องเจิ้งฝ่าก็คือจำเป็นต้องมีคนกลุ่มหนึ่งในสภาพการณ์เช่นนี้เพื่อปิดผนึกและรักษาเอาไว้สำหรับคนรุ่นถัดไปได้บำเพ็ญ และก็พูดได้ว่าท่านอย่าได้เห็นว่ามันคล้ายกับไม่มีลำดับ ล้วนแต่มีลำดับอะไร ๆ ก็ล้วนเชื่อมโยงกับการเจิ้งฝ่าครั้งนี้ อย่างแยกไม่ออก

ทุกสิ่งที่พวกเราทำล้วนยิ่งใหญ่ ทุกสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าทำล้วนเป็นการช่วยเหลือสรรพชีวิต ทุกสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าทำล้วนเป็นสิ่งที่ คนแต่ก่อนในประวัติศาสตร์ไม่เคยทำความยิ่งใหญ่ของเขา เนื่องด้วยมีต้าฝ่าความยิ่งใหญ่ของเขาเป็นเพราะต้าฝ่าได้สร้างผู้บำเพ็ญกลุ่มนี้ขึ้นมา และเพราะต้าฝ่าอยู่ในตรีภูมิถ่ายทอดอยู่ในโลกมนุษย์และในโลกใบเล็กๆนี้ กลับกำลังส่งผลสะเทือนไปถึงเทียนถี่อันมหึมา ดูไปคล้ายธรรมดา ๆ ดูไปคล้ายกับไม่แตกต่างจากเรื่องของคนธรรมดาสามัญ แต่ว่าธรรมานุภาพของเขากลับสอดคล้องกับเทียนถี่ที่สูงที่สุด

เหล่าศิษย์ต้าฝ่าได้เดินผ่านกาลเวลาที่ยากลำบากเช่นนั้นแล้ว ข้าพเจ้าหวังว่าทุกท่านจะเดินบนหนทางสุดท้ายให้ดีที่สุด เห็นคุณค่าในทางที่เดินผ่านมาทั้งหมดทุกสิ่งในอนาคตล้วนจะปรากฏออกมาท่ามกลางการยืนยันความถูกต้องของฝ่า

(เสียงปรบมือนาน 1 นาที)


หมายเหตุจากผู้แปล : บทความนี้จะมีการแก้ไขเพื่อให้ใกล้เคียงกับต้นฉบับภาษาจีนมากที่สุด
วันที่แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มีนาคม 2012