บรรยายธรรม ณ ที่ประชุมผู้ฝึกภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก

หลี่ หงจื้อ
12 เมษายน ค.ศ. 2004 ที่นิวยอร์ก

ศิษย์: ผู้รับผิดชอบบางคนไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง เหมือนกับข้าราชการของคนธรรมดาสามัญ

อาจารย์: ผู้รับผิดชอบจักต้องทำให้ได้ในการรับฟังยินดีรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างแต่ถ้ากล่าวจากมุมมองของผู้รับผิดชอบพวกเขาเองก็เป็นผู้บำเพ็ญคนหนึ่ง ไม่ได้สมบูรณ์แบบไร้ข้อบกพร่องผู้ฝึกบางคน คิดว่า เหตุใดจึงไม่เลือกคนที่ฉลาดที่สุด ในพื้นที่ของพวกเรา คนที่บำเพ็ญได้ดีที่สุด มารับผิดชอบละ ( ที่ประชุมหัวเราะ)ไม่ใช่เช่นนี้ทำไมข้าพเจ้าไม่ออกมาทำ(เลือก)โดยตรงละ ข้าพเจ้านั้นต้องการจะให้โอกาสของการหยวนหมั่นกับ การสถาปนาธรรมานุภาพนี้แก่พวกท่านหากข้าพเจ้ามาทำเสียเอง หรือ ข้าพเจ้าบอกพวกท่านหมด ว่า โดยรูปธรรมของแต่ละเรื่องควรทำกันอย่างไรทุกท่านก็คอยทำตามการประสานงานย่อมต้องดีแน่เพราะเป็นสิ่งที่อาจารย์บอกหรือ ไม่ได้บอกทำตามอาจารย์ละกันพวกท่านจะมีธรรมานุภาพหรือไม่พวกท่านจะสถาปนาอะไรได้พวกท่านเดินบนหนทางของตนเอง ในท่ามกลางการเผชิญกับความยากลำบากหรือไม่ในการยืนยันความจริงให้ฝ่า เผชิญหน้ากับความยากลำบากอยู่นั้น จะทำสิ่งต่างๆให้ดีได้อย่างไรความสำเร็จคือ ผลลัพธ์ของความมานะบากบั่นของพวกท่านเองนั่นจึงจะยอดเยี่ยม

ผู้รับผิดชอบของศิษย์ต้าฝ่าที่จริงก็เป็นเพียงผู้ประสานงานคนหนึ่ง ผู้ติดต่อผู้ถ่ายทอดต่อคนหนึ่งพวกท่านอย่าถือเอาพวกเขาเหมือนอย่างอาจารย์ฝากความหวังไว้มากมายเช่นนั้นกลายเป็นที่พึ่งพาสำหรับการบำเพ็ญของพวกท่าน เรื่องราวอะไร พวกเขาก็ต้องทำได้ดีที่สุดไม่ใช่เลย ถ้าหากผู้รับผิดชอบคนนี้ เหมือนอย่างอาจารย์จริงๆแล้วหรือว่าคิดปัญหาอะไรได้รอบด้านหมดไม่มีผิดพลาดโดยเด็ดขาดเช่นนั้นพื้นที่นี้คนจำนวนมากก็จะบำเพ็ญออกมาไม่ได้แล้วเพราะเขาคิดได้รอบด้านที่สุดแล้วไม่มีสิ่งที่ท่านคิดเลยเรื่องที่เขาทำล้วนดีที่สุดก็ไม่มีที่ดี ของพวกท่านบ้างเลยเป็นเหตุผลเช่นนี้กระมัง

ที่จริงข้าพเจ้าได้บอกกล่าวแก่ผู้รับผิดชอบ พื้นที่ต่างๆ มานานแล้วว่าต้องมีการบริหารจัดการแบบหลวมๆนอกเหนือจาก เวลาที่พวกท่านร่วมกันทำเรื่องอะไรซึ่งจำเป็นต้องประสานซึ่งกันและกันแล้วก็อย่าได้ไปควบคุมการเดินบนหนทางการยืนยันความจริงให้ฝ่าของศิษย์ต้าฝ่าแต่ละคนเว้นแต่กรณีที่จะก่อเกิดผลที่ไม่ดีต่อต้าฝ่า ก็ต้องห้ามปราม ศิษย์ต้าฝ่าแต่ละคนล้วนต้องแสดงบทบาทของตนอย่างเต็มที่ ไปทำในสิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าสมควรทำด้วยการริเริ่มของตนเอง ในการยืนยันความจริงให้ฝ่าสิ่งที่พวกท่านคิดได้ เห็นได้ สัมผัสได้สามารถรับรู้ได้ท่านก็ทำไปนั่นจึงจะเป็นการเดินบนหนทางของตนเองสถาปนาธรรมานุภาพของตนเองเป็นเหตุผลเช่นนี้ไหม(เสียงปรบมือ)

ข้าพเจ้าพบว่ามีผู้ฝึกบางคน คอยแต่ชำเลืองมองตัวผู้รับผิดชอบ ผู้รับผิดชอบทำไมใช้ไม่ได้ (หัวเราะ)ถ้าผู้รับผิดชอบดีเป็นพิเศษเรื่องอะไรๆก็คาดคะเนได้หมดข้าพเจ้ารู้สึกว่าในพื้นที่นี้ผู้ฝึกอื่นๆย่อมจะแสดงความสามารถของตนเองออกมาไม่ได้แล้วถ้าหากพื้นที่นี้ทำได้ดีสภาพการณ์จะเป็นแบบนี้แน่นอน คือ ผู้รับผิดชอบเพียงพูดว่าจะทำเรื่องอะไรสักเรื่องเหล่าศิษย์ต้าฝ่าก็ประสานงานกัน ด้วยจิตสำนึกของตน ต่อสู้ความยากลำบากแสดงสติปัญญาของศิษย์ต้าฝ่าออกมาอย่างเต็มที่ ทำเรื่องนั้นๆได้ดีทำได้สมบูรณ์ดียิ่งขึ้นนั่นคือ ผู้รับผิดชอบนั้นไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้อย่างเพียงพอกระทั่งมีช่องโหว่แต่ในขั้นตอนการทำงานศิษย์ต้าฝ่าล้วนทำได้เรียบร้อยดีนั่นจึงจะเป็นธรรมานุภาพของท่านในท่ามกลางความยากลำบาก อย่ามีอารมณ์ขัดเคือง และก็ไม่ต้องให้ใครดูสิ่งทั้งหมดนี้ที่ท่านทำอาจารย์มองเห็นได้เหล่าเทพมองเห็นได้ทำได้ดีแล้วนั่นก็ เป็น ธรรมานุภาพนิรันดร ของท่าน

ในการบำเพ็ญของพวกท่านไม่ควรใช้ตาเฝ้าดูแต่คนอื่นอยู่เรื่อยต้องมองตัวเองบำเพ็ญตัวเอง มีปัญหาก็มองตัวเองทำอย่างไรจึงจะค้นพบปัญหาของตนเองเมื่อมองเห็นข้อด้อยแล้วกล่าวสำหรับรายบุคคลจะทำอย่างไรจึงจะทำแต่ละเรื่องได้ดีในขั้นตอนที่ทำอยู่ให้มีความคิดที่ถูกต้องเมื่อเผชิญกับความยากลำบากก็แสดงออกซึ่งความคิดถูกต้อง การกระทำถูกต้องนั่นจึงจะยอดเยี่ยมในฐานะศิษย์ต้าฝ่าคนหนึ่ง นั่นจึงจะเป็นการใช้ความคิดถูกต้องยืนยันความจริงให้ฝ่าท่านจึงจะไม่อายที่เป็นศิษย์ต้าฝ่า

ศิษย์: หลายประเทศในเขตเอเชียแปซิฟิกสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นกับพวกชั่วร้าย ทำให้งานช่วยเหลือสรรพชีวิตมีความแตกต่างกันไกลมาก

อาจารย์: พวกท่านสามารถทำได้แค่ไหนก็ทำแค่นั้น ทำไปตามกำลังให้เต็มที่เมื่อเงื่อนไขสุกงอมก็ไปทำที่ๆพวกชั่วร้ายกำเริบเสิบสานหนักก็ชะลอหน่อยไม่เป็นไรนี่ไม่ใช่ความผิดของผู้ฝึกแน่นอนละที่ใดไม่มีศิษย์ต้าฝ่าในอนาคตการช่วยเหลือสรรพชีวิตที่นั่นก็จะมีปัญหากล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่าพวกท่านย่อมคิดถึงปัญหานี้ได้ทำไปตามสถานการณ์ละกันสามารถทำได้แค่ไหนก็ทำแค่นั้นที่ทำไม่ไหว ในอนาคตค่อยพูดกัน

ศิษย์: ไม่มีความนึกคิดใดๆหรือ กำหนดการ แผนการ ผลลัพธ์ของการยืนยันความจริงให้ฝ่า จะดีมากหากเป็นในทางกลับกัน ผลลัพธ์ก็ไม่ดี

อาจารย์: ใช่ มีเรื่องมากมาย ท่านทั้งหลายไปทำโดยไม่มีความนึกคิดของคนธรรมดาสามัญ และไม่มีจิตยึดติดของแต่ละคนนอกจากการรับผิดชอบต่อฝ่าพวกท่านไม่มีจิตยึดติดใดๆของคนไม่มีสิ่งที่เป็นของๆตน ไม่มีองค์ประกอบส่วนตนอยู่ข้างในย่อมจะทำเรื่องนี้ได้ดีแน่

ท่านทั้งหลายต้องระวังปัญหาหนึ่ง : พวกท่านกำลัง ยืนยันความถูกต้องของฝ่าไม่ใช่ยืนยันความจริงให้ตนเองภาระหน้าที่ของศิษย์ต้าฝ่าคือการยืนยันความจริงให้ฝ่าการยืนยันความจริงให้ฝ่าก็เป็นการบำเพ็ญด้วยในการบำเพ็ญก็คือการละทิ้งตัวตนที่ยึดติดต่อตัวฉันในทางตรงข้ามอย่าได้ส่งเสริม การยืนยันความจริงให้กับปัญหาของตนแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวชนิดนี้ในการยืนยันความจริงให้ฝ่ากับการบำเพ็ญ ก็คือขั้นตอนของการละทิ้ง ตัวฉัน (การยึดติดในตน)เมื่อทำได้(อย่างนี้)แล้ว ท่านจึงจะเป็นการยืนยันความจริงให้ท่านเองเพราะสิ่งที่เป็นของคนธรรมดาสามัญ ในที่สุดท่านก็ต้องละทิ้งไปนะปล่อยวางการยึดติดทั้งหมดของคนธรรมดาสามัญ จึงจะสามารถเดินออกไปจาก ความเป็นคนธรรมดาสามัญ

ท่านเป็นผู้บำเพ็ญท่านต้องมีธรรมานุภาพธรรมานุภาพของท่านมาจากที่ไหนกันละ ไม่ใช่มาจากการที่ท่านสามารถปล่อยวางตนเองในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากอย่างนี้หรือไม่มีตัวเองในฐานะศิษย์ต้าฝ่าคนหนึ่ง สามารถจะรับผิดชอบต่อฝ่า ได้อย่างครบถ้วนหรือไม่สิ่งนี้โดยตัวมันเองไม่ใช่ธรรมานุภาพหรอกหรือ โดยเฉพาะคือสามารถทำได้ ในสภาพแวดล้อมที่ลำบากยากเข็ญเมื่อเวลาที่ เน้นหนักตัวเองมีตัวตนก็ยิ่งไม่มีธรรมานุภาพดังนั้นเรื่องที่ทำก็ไม่อาจสำเร็จได้โดยง่ายไม่ง่ายที่จะทำให้ดีเพราะว่าเรื่องของต้าฝ่าควรจะเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดดังนั้นยิ่งไม่มีทัศนคติของตนเองไม่มีองค์ประกอบแห่งตนทำขึ้นมาก็จะยิ่งดียิ่งสำเร็จได้ง่าย

ศิษย์: บนบอร์ดนิทรรศการแสดงความจริงของต้าฝ่าจะติดภาพอาจารย์ฝึกพลังอยู่ได้หรือไม่

อาจารย์: ข้าพเจ้าว่าเพื่อการอธิบายความจริง ย่อมไม่มีปัญหาท่านทั้งหลายมิใช่ทำกันแล้วหรือ (ที่ประชุมหัวเราะ)

ศิษย์: (อาจารย์: คำพูด ตามมารยาท ก่อนคำถามจะไม่อ่านแล้วนะ) สื่อทีวีเอกชนที่ศิษย์ต้าฝ่าทำ ต้องการกำลังคนกำลังทรัพยากรกำลังทรัพย์ หมุนเวียนเป็นระยะเวลานานแต่ที่สถานีโทรทัศน์ เพื่อนผู้บำเพ็ญมักถามผม ผมเป็นศิษย์จากไต้หวัน ไต้หวันมีคน 3- 5 แสนคน บำเพ็ญต้าฝ่าการสนับสนุนของสถานีโทรทัศน์ ไม่น่าจะขาดคนอยู่เรื่อย เรียนถามว่า ไต้หวันควรจะเห็นความสำคัญของวิธีการอธิบายความจริง ทางทีวี หรือไม่

อาจารย์: ผู้ที่เข้าใจเทคโนโลยีนี้ผู้มีความชำนาญ ไม่ว่าไต้หวันก็ดีพื้นที่อื่นก็ดีควรพูดได้ว่า พวกเขาย่อมยินดีต้อนรับแน่นอน

ศิษย์: ความก้าวหน้าในงานแปลหยุดชะงักเป็นเพราะถูกรบกวนใช่ไหม

อาจารย์: ควรพูดว่าเรื่องที่เป็นรูปธรรมซึ่งศิษย์ต้าฝ่าทำล้วนเกี่ยวข้องกับ การบำเพ็ญของแต่ละคน ขณะเดียวกันก็เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขของพวกท่าน เรื่องรูปธรรมเหล่านี้ยังคงต้องให้พวกท่านเองร่วมหารือค้นคว้าวิเคราะห์ กัน ว่าจะทำให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไรเดินบนหนทางของตนเอง หนังสือภาษาต่างประเทศของต้าฝ่าทั้งหมดไม่มีสักเล่มที่ข้าพเจ้าแปล(อาจารย์หัวเราะ ที่ประชุมหัวเราะ) ศิษย์ต้าฝ่าแต่ละคนที่เข้าร่วมต่าง กำลังแบกรับความรับผิดชอบต่างๆกันเรื่องงานแปลไม่ใช่ใครสั่งให้ไปทำล้วนเป็นการทำโดยการประสานซึ่งกันและกัน ประสานซึ่งกันและกันเช่นนั้นพวกท่านก็คิดหาวิธีทำให้ดียิ่งขึ้นเถอะ ที่พวกท่านทำทั้งหมดล้วนเป็นการยืนยันความจริงให้ฝ่า ล้วนเป็นการบำเพ็ญ ล้วนเป็นสิ่งที่พวกท่านควรทำ

ศิษย์: การรับสมัครนักเรียนใหม่ของโรงเรียนหมิงฮุ่ยนั้นควรจะต้องมีการคัดเลือกหรือไม่ (ที่ประชุมหัวเราะ) เรียนเชิญท่านอาจารย์สอนสั่ง

อาจารย์: ข้าพเจ้าว่าแม้จะทำโรงเรียนก็ไม่ควรมีการเลือกรับสมัครนักเรียนเข้าใหม่ที่จริงท่านทั้งหลายทราบว่าต้าฝ่าคือการบำเพ็ญนอกเหนือจากการบำเพ็ญแล้วไม่มีอะไรอีกแม้ว่าทุกวันนี้ศิษย์ต้าฝ่าเดินบนหนทางการบำเพ็ญที่ต่างกันเพื่อการอธิบายความจริงช่วยเหลือคนมากยิ่งขึ้นหยุดยั้งการประทุษร้ายครั้งนี้มีผู้ฝึกที่รวมตัวกันขึ้นมาทำสื่อ ทำนี่ ทำนั่นและล้วนไม่ใช่สิ่งที่เป็นของต้าฝ่าเองนั่นเป็นการเดินบนหนทางของตัวเองในการยืนยันความจริงให้ฝ่าของผู้ฝึกเป็นสิ่งที่เหล่าผู้ฝึกแต่ละคนก่อตั้งกันขึ้นมาทั้งหมดดังนั้นนี่ก็เป็นการสถาปนาธรรมานุภาพของพวกท่านเอง เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม

ในเมื่อไม่ใช่ของต้าฝ่า นั่นย่อมเป็นของสังคมคนธรรมดาสามัญแน่นอนดังนั้นต้องยืนหยัดอยู่กับสังคมคนธรรมดาสามัญได้โดยเฉพาะคือผู้ที่พวกท่านจะช่วยเหลือคือ สรรพชีวิต ในสังคมคนธรรมดาสามัญดังนั้นพวกท่านก็ต้องเข้าไปใกล้สังคมคนธรรมดาสามัญสามารถทำให้มวลชนในสังคมคนธรรมดาสามัญยินดีมาฟังและชมสื่อของพวกท่านนั่นจึงจะบรรลุผลที่ดียิ่งขึ้น

โรงเรียนหมิงฮุ่ยก็เช่นเดียวกันต้าฝ่าโดยตัวเองไม่มีโรงเรียนแต่ศิษย์ต้าฝ่ากำลังช่วยเหลือสรรพชีวิตอธิบายความจริงและกำลังทำสิ่งที่ดีที่สุดไว้เพื่อชาวโลกในอนาคตสรรพชีวิตในอนาคตและกำลังบ่มเพาะศิษย์ต้าฝ่ายุวชนรุ่นใหม่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเถอะสิ่งที่ทำล้วนเป็นเรื่องดีทำเรื่องที่ดีเพื่อสรรพชีวิตจึงไม่ควรแบ่งว่า คนพวกไหนเข้ามาได้คนพวกไหนเข้ามาไม่ได้ รับสมัครคนจากสังคมเข้ามาได้มากยิ่งขึ้นไม่ยิ่งดีหรือ พูดจากอีกด้านหนึ่งหากคิดจะก้าวไปสู่วัฏจักรของความดีงามศิษย์ต้าฝ่ามักจะทุ่มเทเงินทองไม่หยุดหย่อน ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองอย่างหนึ่งมีเพียงการยืนหยัดอยู่ในสังคม ก้าวไปสู่วัฏจักรของความดีงามในลักษณะหนึ่ง จึงจะเป็นวิธีแก้ปัญหา

ศิษย์: สามารถจะเปิดชั้นเรียนหมิงฮุ่ยสักห้องหนึ่งขึ้นมาภายในระบบการศึกษา ในโรงเรียนที่มีอยู่เดิมได้หรือไม่

อาจารย์: อิงตามสภาพและเงื่อนไขที่มี จะทำอย่างไรก็ใช้ได้ ทำเรื่องที่ดีเพื่อสรรพชีวิต นั้น ไม่มีข้อจำกัดไม่มีกรอบ พวกท่านเองทำโรงเรียนหมิงฮุ่ยทำชั้นเรียนหมิงฮุ่ยหรือว่า ท่านเป็นครูเมื่อสอนนักเรียนอยู่ในห้องเรียนจะใช้ เจิน ซั่น เหยิ่น นำ การสอนล้วนไม่มีปัญหาแน่นอนละการทำโรงเรียนหมิงฮุ่ยนั้น ยอดเยี่ยมในเมื่อทำขึ้นมาแล้ว ข้าพเจ้าหวังว่าท่านทั้งหลายยิ่งทำยิ่งดียิ่งทำ ยิ่งโตยิ่งทำยิ่งมากกล่าวสำหรับสรรพชีวิตแล้วก็คือ ศิริมงคลกล่าวสำหรับสิ่งชั่วร้าย ก็เป็นการชำระล้างพวกมัน

ศิษย์: มักจะมีคนมาเรียนฝ่าหลุนกง เพื่อจะยื่นขอเป็นผู้ลี้ภัยควรจัดการกับเรื่องแบบนี้อย่างไรดี

อาจารย์: (หัวเราะ) ที่จริงพูดขึ้นมาแล้วนี่เป็นเรื่องอัปยศของรัฐบาลจีนประเทศอื่นทำไมไม่มาขอเป็นผู้ลี้ภัยละ (ที่ประชุมหัวเราะ)ทำไมประเทศจีนจึงมีคนมากเช่นนี้มาขอเป็นผู้ลี้ภัยละไม่ใช่ได้ชื่อว่าเป็นมหาอำนาจแล้วหรือ มีประเทศมหาอำนาจที่ไหน ที่มีคนมากมายเช่นนั้นต่างพากันหนีออกมาเป็นผู้ลี้ภัยละ มหาอำนาจจอมปลอมกระมัง

พูดจากอีกจุดหนึ่งไม่ว่าคนมีความคิดอะไรออกมาจากตัวเองคิดหาโอกาสอยู่ในอเมริกาหรือประเทศอื่นที่มีเศรษฐกิจก้าวหน้าปัจจุบันนี้วิธีที่ดีที่สุดก็คืออาศัยชื่อเสียงของฝ่าหลุนกง มาขอลี้ภัยได้ยินว่าที่ถนนถังเหรินของนิวยอร์กก็มีการจัดการอบรมการยื่นขอเป็นผู้ลี้ภัย ( ที่ประชุมหัวเราะ)ในนั้นสอนว่าจะฝึกฝ่าหลุนกงอย่างไรโดยเฉพาะแน่นอนเขาไม่ได้สอนคนฝึกฝ่าหลุนกงจริงๆเขาบอกให้คนรู้ว่าฝ่าหลุนกงมีท่าฝึกอะไรบ้างมีหลักพลังอะไรบ้างมีหนังสืออะไรบ้างเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะสอบถามข้อไหน( ที่ประชุมหัวเราะ) เขาทำสิ่งนี้

ไม่ว่าอย่างไรคนๆหนึ่งเมื่อยื่นขอลี้ภัยในนามของฝ่าหลุนกง เขาก็ได้มอบอนาคตของเขาไว้แก่ฝ่าหลุนกงแล้ว ไม่ว่าเขา เข้าใจก็ดีไม่เข้าใจก็ดีเนื่องจากเขากำลังใช้ชื่อเสียงของฝ่าหลุนกงเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเขานี่เป็นการพูดจากจุดยืนของคนธรรมดาสามัญที่จริงคนทั้งหมดล้วนมาเพื่อต้าฝ่าฉะนั้นในเมื่อชาวโลกล้วนมาเพื่อต้าฝ่ายืมใช้ชื่อเสียงของต้าฝ่าแน่นอนก็ไม่เป็นไรงั้นท่านก็ยืมไปเถอะ ( หัวเราะ)ขอเพียงรัฐบาลที่นั่นไม่คัดค้านพวกเราก็ไม่คัดค้าน

แต่ว่า ใครจะอาศัยชื่อเสียงของฝ่าหลุนกงลี้ภัยทางการเมืองเขาก็ติดค้างฝ่าหลุนกงแล้วเพราะฝ่าหลุนกงทำให้ชะตากรรมของเขาเปลี่ยนแปลงแล้ว ฉะนั้นคนประเภทนี้จะคัดค้านฝ่าหลุนกงไม่ได้อย่างเด็ดขาด หากเพียงเขาคัดค้านสักครั้ง เขาก็ตัดหนทางในอนาคตของเขาแล้วเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดดังนั้นคนประเภทนี้หนาเขามาเรียน ก็เรียนมาฝึกก็ฝึกเพียงถือโอกาสบอกเขาถึงประโยชน์และความเสียหายที่เกี่ยวข้องว่า ไม่ว่าเมื่อใดอย่าได้เข้าร่วมกับการประทุษร้ายฝ่าหลุนกงแม้เพียงคิดก็อย่าได้มีเพื่อให้ดีแก่ท่านเนื่องจากท่านจะอาศัยใช้ฝ่าหลุนกง ฉันจึงบอกกับท่านถ้าท่านไม่ทำแบบนี้ฉันก็ไม่พูด

ศิษย์: ศิษย์อาศัยรูปแบบการประพันธ์โคลงกลอนช่วยอาจารย์เจิ้งฝ่าจะทำอย่างไรจึงจะยกระดับความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการเขียนบทความให้สูงขึ้นได้

อาจารย์: จริงๆแล้วข้าพเจ้าทราบดีว่า ทุกท่านคิดว่าจะทำอย่างไร จึงจะมีสติปัญญาสูงขึ้น ที่จะก่อให้เกิดผลที่ดียิ่งขึ้นในการยืนยันความจริงให้ฝ่า ถ้าหากพวกท่านมี พื้นฐานเช่นนี้ก็จะเขียนได้ดีแน่นอนหากไม่มีเลยในช่วงเริ่มต้น ก็ย่อมมีความยากลำบากระดับหนึ่งอาทิเช่น การเขียนถังซือ(กลอนแบบสมัยราชวงศ์ถัง) ถังซือเป็นอย่างไรซ่งฉือ (รูปแบบกาพย์กลอนสมัยราชวงศ์ซ่ง(ซ้อง) )เป็นอย่างไร หยวนฉวี่ (รูปแบบร้อยกรองสมัยราชวงศ์หยวน)เป็นอย่างไรก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจสิ่งเหล่านี้จากนั้นท่านค่อยทดลองเขียน กล่าวในฐานะศิษย์ต้าฝ่า บางทีท่านคิดจะทำเช่นนี้จริงๆ ก็จะทำได้ดีย่อมจะก้าวหน้าได้เร็วกว่าผู้อื่น สุกงอมเร็วกว่าจะเป็นเช่นนี้แน่มีศิษย์ต้าฝ่าหลายคนเขียนบทกลอนได้เร็วมากไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรคิดจะเขียนก็เขียนได้ทันทีเลยคนธรรมดาสามัญนะหรือเวลาคิดจะเขียนบทความเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ยังจะต้องเฟ้นหาอารมณ์ความรู้สึกคิดหาวิธีอื่นๆฉะนั้นกล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่าจะทำเรื่องอะไรก็ควรจะทำได้เร็วมากเมื่อปล่อยวางความเป็นตัวฉันได้มากยิ่งขึ้นสติปัญญาในการยืนยันความจริงให้ฝ่าก็ยิ่งจะออกมาโดยอัตโนมัติ

ศิษย์: ก่อนหน้านี้ไม่นานท่าน พูดถึงการแก้ไขตัวหนังสือในจิงเหวินต้องใช้ตัวหนังสือที่ถูกต้องติดทับโดยตรงใช่ไหมไม่ใช้การขูดลบออก

อาจารย์: ที่จริงพวกท่านทำอย่างไรก็ได้เพียงแก้ไขได้ก็พอผู้ฝึกที่อยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ย่อมไม่มีเงื่อนไขเหล่านั้นข้าพเจ้าทราบว่าหนังสือจำนวนมากที่พิมพ์ในปีนั้นล้วนแต่ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์พิมพ์ออกมากระดาษนั้นค่อนข้างหนาดังนั้นใช้ใบมีดขูดเบาๆ จะไม่ขาดข้าพเจ้าเพียงให้ข้อเสนอแก่พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เท่านั้น ( ที่ประชุมหัวเราะ)

ศิษย์: รัฐบาลหลายประเทศในทวีปเอเซียคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมองไม่เห็นการประทุษร้ายในประเทศจีนพวกเราควรเพิ่มการอธิบายความจริงด้านเศรษฐกิจของประเทศจีนให้ชัดเจนจะดีไหม

อาจารย์: เรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อสรรพชีวิต ล้วนสามารถไปทำได้วิธีคิดของคนไม่เหมือนกันบางคนอาจจะไม่มองเรื่องผลประโยชน์ ว่ามีความสำคัญอะไรนัก หลังจากที่ได้ฟังความจริงก็จะได้รับผลลัพธ์ที่ดีแต่ข้าพเจ้าทราบว่ากล่าวในฐานะคนโดยตัวเขาเองแล้ว ย่อมง่ายที่จะถูกผลประโยชน์ชักจูงไปต่างๆนานา

ข้าพเจ้าจะขอพูดถึงชาวโลกหน่อยผลประโยชน์คือ หลักประกันของแรงกระตุ้น สำหรับชีวิตในอดีตที่มีแต่ความเห็นแก่ตัวคนบนโลกนั้นถือเอาการแสวงหาผลประโยชน์ เป็นแรงกระตุ้นในการดำเนินชีวิตและผลประโยชน์นี้ ในความรู้สึกรับรู้ก็เป็นสิ่งที่สามารถทำให้เขาดีใจเพราะมัน หรือ เป็นสิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดเพราะมันที่สุดแม้จะได้มาแล้ว ก็ไม่อาจเป็นสิ่งที่จีรังยั่งยืนเป็นสิ่งแท้จริงแน่นอนของชีวิตและไม่ว่าคนจะต่อสู้อย่างไรเพื่อมันมันก็ไม่อาจถูกคนควบคุมอย่างแท้จริงเพราะชีวิตของคนบนโลกนั้น ถูกลิขิตไว้เรียบร้อยแล้วเทพนั้นควบคุมคนอยู่ ทุกย่างก้าว คนเองจะคิดอย่างไรล้วนไม่เป็นผลแต่การแสวงหาของคนกลับสามารถกลายเป็นการยึดติดชาวโลกจะทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ ถึงแม้จะไม่ได้มันมา นี่ก็คือคนเพราะไม่ว่าคนจะได้มันมาหรือไม่ได้มาคนล้วนต้องลงมือทำ และก็เป็นพฤติกรรมของคน รอให้ขนมหล่นลงมาเองจากฟ้า นั้นไม่ได้ คนจำเป็นต้องไปทำแม้จะเป็นของๆ ตนเอง ก็ต้องไปทำ ส่วน ที่ไม่ใช่ของตัวเอง แต่ด้วยจิตยึดติดคนก็จะไปทำนี่คือ คนที่จริงคนมีชีวิตอยู่บนโลก นอกจาก การยึดติดแล้วแต่ไหนแต่ไรมาคน ล้วนไม่เคยเลยที่จะเป็น เจ้าชีวิตของตนเองคิดจะได้อะไรก็ ได้อะไร นั้นเป็นไปไม่ได้คนจะได้อะไรนั้น ในชะตาชีวิตของเขาต้องมีอยู่ก่อนแล้วหากในชะตาชีวิตของเขาไม่มีก็ไม่อาจจะได้มาชั่วนิรันดร์ข้าพเจ้าเคยพูดว่า คนนั้น มีสอง สภาวการณ์ที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนทางหนึ่งคือ การบำเพ็ญ อีกทางหนึ่งคือชีวิตนี้จากนี้ไปตกต่ำลงไปเรื่อยๆ จึงจะเปลี่ยนแปลงได้นอกจากนี้ไม่มีวิธีการไหนอีกที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตคนได้

ฉะนั้นกล่าวสำหรับคนแล้วความหมายของการดำรงชีวิต คือ อะไรล่ะก็คือ ในท่ามกลางการยึดติดในผลประโยชน์ ขณะจมอยู่ใน “ฉิง”(อารมณ์ความรู้สึก) ก็ซาบซึ้งอยู่กับการเสพสุขในช่วงชีวิตของคนทุกท่านลองคิดดู ช่างน่าสังเวชเสียนี่กระไรซาบซึ้งอะไรกันละได้ของอะไรมาแล้ว ก็ ดีใจไม่ได้มาก็ปวดร้าวกินเนื้อแล้วรู้สึกอร่อยกินน้ำตาลรู้สึกหวานแต่ว่าในโลกมนุษย์ก็ยัง มีทุกข์มีเจ็บแสบ มีขมขื่น ยังมีคนหนุ่มสาว ที่ยึดติดในความรัก ก่อให้เกิดความซาบซึ้ง และมีคนชนชั้นต่างๆแสวงหาบนหนทางชีวิตคนเพื่อตัวเองรู้สึกถึงการได้เสียทว่าการได้เสีย ชนิดนี้มิใช่ได้มาจากความมานะของตนอย่างแท้จริงคนมีชีวิตอยู่บนโลกก็เป็นเช่นนั้นคนนั้น ช่างน่าสังเวชนักแต่คนเมื่ออยู่กับเรื่องเฉพาะหน้าต่างๆ นานา กลับมองไม่ทะลุและไม่ คิดจะมองให้ทะลุปรุโปร่ง

กล่าวสำหรับเทพการที่จะสร้างความรู้สึกนานาชนิด ของคนในโลกให้มีความเข้มข้นยังต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างอาทิเช่นสร้างตัว“ฉิง”( อารมณ์ความรู้สึก )ให้กับคน ให้ดวงตาคู่หนึ่งที่มองไม่เห็นภาพที่แท้จริงของจักรวาล กับ ภาพลวงของวัตถุสสาร แก่คนแน่นอนละ ยังมีองค์ประกอบอื่นๆอีก เป็นต้น จึงสามารถทำให้คนยึดติดยิ่งขึ้นกับความรู้สึกในความรู้สึกหนึ่งเดียวนี้ที่เทพให้กับคนความรู้สึกที่รุนแรงยิ่งขึ้นชนิดนี้ หากคิดจะทำให้คนรู้สึกอย่างรุนแรงเช่นนั้น ยังจะต้องให้คนมีความอยาก(ตัณหา)ต่อความรู้สึกที่ได้รับผลประโยชน์ พูดให้ชัดคือ คนมีชีวิตอยู่บนโลก ก็โดยอาศัยผลประโยชน์เป็นแรงกระตุ้นคนรักษากำลังวังชาในชีวิตเพียงเพื่อผลประโยชน์ เพื่อผลประโยชน์จึงเกิดการต่อสู้แย่งชิงกันระหว่าง คน สอง คนเพื่อผลประโยชน์สามารถเกิดการต่อสู้กันระหว่างคนสองชนชาติ เพื่อผลประโยชน์สามารถเกิดมหาสงครามโลก เพราะคนมีการยึดติดนี้มีตัณหาในผลประโยชน์นี้และก็เพราะองค์ประกอบเหล่านี้เทพจึงควบคุม(คน)ได้ง่าย

ปัจจุบันนี้ ไม่ใช่มีการพูดถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนพูดเรื่องเสรีภาพในความเชื่อ อะไรต่างๆหรอกหรือเหล่าศิษย์ต้าฝ่าล้วนมองเห็นแล้วในฐานะผู้บำเพ็ญ ท่านทั้งหลายมองเห็นชัดเจนมากทุกสิ่งที่มีอยู่ในโลกมนุษย์ล้วนแต่ไม่อาจพึ่งพาได้เมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์ ก็จะเปลี่ยนแปลงจนไม่มีค่าแม้แต่สตางค์แดงเดียวในโลกตะวันตกหลายๆประเทศไม่ใช่แสวงหาประชาธิปไตยเสรีภาพในความเชื่อ สิทธิมนุษยชนหรือสิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็นตัวแทน ความก้าวหน้าในสังคมยุคนี้แต่ว่าภายใต้ความยั่วยวนของผลประโยชน์มีรัฐบาลของกี่ประเทศที่ออกมากล่าวคำว่า “ไม่” ต่อการที่กลุ่มอันธพาลชั่วร้ายในประเทศจีนประทุษร้ายผู้ฝึกฝ่าหลุนกง ที่พวกเรามองเห็นคือ ตลอดมานั้นต่อเรื่องสิทธิมนุษยชนซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าของสังคมเสรีภาพในความเชื่อสิ่งต่างๆเหล่านี้ ได้ถูกย่ำยีพวกเขากลับไม่กล้าเผชิญหน้าต่อหน้าผลประโยชน์กลับเปลี่ยนแปลงจนซีดเซียวไร้เรี่ยวแรงล้วนแต่เปลี่ยนเสียจน แสร้งเป็นมองไม่เห็น ไม่กล้าพูดเสียแล้ว ประชาธิปไตยอะไรเอย เสรีภาพในความเชื่อ เมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์ สิ่งเหล่านี้ที่ผู้คนให้ความสำคัญอย่างยิ่งพลัน กลับกลายเป็นไม่มีค่าแล้ว แม้แต่สตางค์แดงเดียว

กล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่ายิ่งควรเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งในจุดนี้สิ่งใดๆบนโลก พวกเราล้วนไม่อาจยึดติดกับมันพวกเราบำเพ็ญโดยสอดคล้องกับสังคมคนธรรมดาสามัญมากที่สุดแม้ว่าปัจจุบันนี้พวกเราใช้เรื่องสิทธิมนุษยชน ใช้เสรีภาพในความเชื่อ เป็นต้น ไปอธิบายความจริง และช่วยเหลือสรรพชีวิตในปีนั้นที่เกิดลัทธิสังคมนิยมคนก็ไม่ใช่คลั่งไคล้ไปชั่วขณะหรือคนจำนวนมากไม่ใช่เข้าใจกันว่าเป็นความก้าวหน้าของสังคมหรอกหรือเรื่องของคนที่นี่นะในฐานะผู้บำเพ็ญ ไม่เพียงไม่ยึดติดแต่ยังจะต้องมีสติด้วย

ข้าพเจ้าไม่ได้บอกให้ท่านทั้งหลายไปต่อต้านสิ่งเหล่านั้นจุดนี้ในฐานะศิษย์ต้าฝ่านั้นย่อมแจ่มชัดข้าพเจ้าเพียงแต่พูดหลักการของฝ่านี้ออกมา บอกแก่ท่านทั้งหลาย คนสามารถเดินมาถึงทุกวันนี้สามารถลดความปวดร้าวลงอย่างมีสติสัมปชัญญะ กล่าวในฐานะที่เป็นคนโดยตัวมันเองแล้ว ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดคนนั้นสามารถทำอะไรออกมาได้อย่างแท้จริงละ ที่จริงขณะที่ไร้สติสัมปชัญญะเมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์ นั้น ก็คือการถูกเทพควบคุมด้วยดังนั้นท่านทั้งหลายจะรู้สึกได้ ขณะที่กำลังอธิบายความจริงในแวดวงรัฐบาล เรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ว่า คนย่อมจะถือเรื่องผลประโยชน์เฉพาะหน้าเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอนคนทำการค้าย่อมจะมองแต่สภาพเศรษฐกิจของบริษัทตนอย่างแน่นอน ต่อสิ่งเหล่านี้ พวกเขาถือเป็นเรื่องใหญ่เสมอท่านไปอธิบายความจริงกับเขา เมื่อเกี่ยวโยงถึงจุดสำคัญด้านผลประโยชน์เขาก็ไม่อยากฟัง นี่ข้าพเจ้าก็มองเห็น แต่ว่าคนก็ไม่เหมือนกัน เมื่อสักครู่ข้าพเจ้าพูดแล้วก็มีมาตรฐานของการดำรงชีวิตที่ไม่เหมือนกันก็เป็นกันเช่นนี้ท่านทั้งหลายสามารถไปทำ แต่ว่าพวกท่านเองจะต้องแจ่มชัด ต้องรู้ว่ามนุษย์นั้นเป็นอย่างไรกัน

ศิษย์: ศิษย์คิดจะถามว่าเหตุใดในประวัติศาสตร์จึงมีการจัดวางฮ่องกงกับมาเก๊า ให้อยู่ในประเทศจีน ด้วยรูปแบบ หนึ่งประเทศสองระบบ ความเป็นมาของพวกมันในประวัติศาสตร์เป็นเช่นไร

อาจารย์: ความเป็นมาในประวัติศาสตร์นั้นควรเป็นดินแดนของประเทศจีนจุดนี้ไม่อาจพูดว่าเป็นดินแดนของประเทศอื่น พูดถึง เรื่องหนึ่งประเทศ สองระบบนั้นเนื่องจากใครๆก็รู้ว่าพรรคการเมืองพรรคนั้นมันไม่ดี พวกมันเองก็รู้ว่าผู้คนล้วนรู้ว่ามันไม่ดีดังนั้นจึงคิดเอากลับมาให้พรรคดังกล่าวปกครอง และก็รู้ว่าผู้คนเขาไม่ยอม โลกก็ไม่ยอม เช่นนั้นก็ให้ เป็น หนึ่งประเทศสองระบบละกัน (ที่ประชุมหัวเราะ) ที่แท้แล้วเป็นเรื่องน่าอัปยศประเทศอื่นๆรวมกลับเข้าไปแล้ว ทำไมไม่มีสองระบบละไม่ใช่เพราะผู้คนเขาไม่ชอบสิ่งนั้นของท่านดอกหรือ

ศิษย์: การมีหนึ่งประเทศ สองระบบ ใช่หรือไม่ว่าจุดประสงค์คืออยากให้คนจีนมีโอกาสเข้าใจความจริง

อาจารย์: แน่นอนเรื่องราวใดๆ ล้วนไม่ใช่ความบังเอิญ และก็ไม่ใช่ปรากฏเพื่อจุดประสงค์หนึ่งเดียว เทพจัดวางอะไรจะไม่เหมือนอย่างที่คนขบคิดปัญหาอย่างนั้น พอเขาจัดวางจะเกี่ยวพันกับปัญหาที่ใหญ่มาก ๆ ทั่วด้านมาก ๆ คนมองโลกนั้นจะมองอยู่ท่ามกลางอนุภาคชั้นหนึ่ง เป็นต้นว่า โลกนี้ที่คนมองเห็น ก็คือระหว่างอนุภาคสองชนิด โมเลกุลและดาวเคราะห์ คนมองดูโลกนี้โดยอยู่ในท่ามกลางอนุภาคที่ประกอบขึ้นเป็นโมเลกุล แต่เทพไม่ใช่ จากภายในขอบเขตความสามารถของเขา เทพจะมองผลลัพธ์ที่จะปรากฏกับอนุภาคทั้งหมดในจักรวาลซึ่งเกี่ยวข้องกับปัญหาเดียวกัน พวกเขาดูปัญหาแบบทุกมิติ รอบด้าน ดังนั้นเรื่องที่เขาดำเนินการจะบรรลุหลายเป้าหมาย

แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ คนอยู่ท่ามกลางโลกที่ประกอบขึ้นจากอนุภาคชั้นหนึ่งก็ไม่อนุญาตให้ท่านมองเห็นได้ทั้งหมด เพราะหากพวกเขาอนุญาตให้คนมองเห็นได้ทั้งหมดแล้ว มีหลาย ๆ สิ่งนั้นไม่อาจจะใช้วิทยาศาสตร์มาอธิบายได้ไม่ให้คนเชื่อในเทพคนก็จะเชื่อในเทพแล้ว เพื่อไม่ให้คนมองเห็นโลกนี้ได้ชัดเจนทั้งหมดก็ต้องสร้างดวงตาคู่หนึ่งเช่นนี้ให้แก่คน ดวงตาของคนแม้ว่าจะประกอบขึ้นจากอนุภาคโมเลกุล แล้วเหตุใดแม้แต่สิ่งที่ประกอบขึ้นจากอนุภาคโมเลกุลซึ่งอยู่ภายในขอบเขตนี้นั้น บางอย่างก็ยังมองไม่เห็นล่ะ เป็นเพราะพวกเขายังได้จัดวางอุปสรรคไว้มากมายแก่คน จุดประสงค์ที่แท้จริงของสองระบบชนิดนี้คือเพื่อเป็นรูปแบบตามต้องการของโลกในช่วงเวลาประวัติศาสตร์นี้ เรื่องเหล่านี้ข้าพเจ้าพูดไปแล้วก่อนหน้านี้

ศิษย์: บ่อยครั้งศิษย์ใช้โคลงกลอนรูปแบบวรรณกรรมชนิดนี้ เขียนบทความอธิบายความจริงให้กับเวปไซต์ต้าฝ่า บางครั้งเพื่อจะสื่อความนัยของการยืนยันความถูกต้องของฝ่า ไม่ปฏิบัติตามแบบและกฎเกณฑ์ของโคลงกลอนอย่างเคร่งครัด ทำอย่างนี้ผิดหรือไม่ เพื่อจะสื่อความนัยที่ถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องถือแบบและกฎเกณฑ์เป็นกรอบตายตัว ความเข้าใจแบบนี้ถูกต้องไหม

อาจารย์: ก็คือยกเลิกประเพณีที่ปฏิบัติกันมานี้ใช่ไหม ที่จริงนี่คือความคิดของคนปัจจุบันที่คุณธรรมตกต่ำลง ต่อต้านประเพณี ต่อต้านอนุรักษ์นิยม นี่ไม่ใช่จะว่าท่าน ข้าพเจ้าพูดจากบนฝ่าว่าปัจจุบันมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ อันที่จริงมนุษย์กำลังตกต่ำลง เดินไปสู่ความโง่เขลา วัฒนธรรมจีนนั้นเป็นเทพที่ถ่ายทอดให้แก่คน วัฒนธรรมของทุกรัชสมัยซึ่งรวมทั้งโคลงกลอนถังซือ(กลอนแบบสมัยราชวงศ์ถัง)ซ่งฉือ (รูปแบบกาพย์กลอนสมัยราชวงศ์ซ่ง(ซ้อง) )หยวนฉวี่ (รูปแบบร้อยกรองสมัยราชวงศ์หยวน) ก็ดี ล้วนแต่เป็นวัฒนธรรมแบบต่างๆ ที่ร่างนภาต่างๆ นำมาให้แก่คนในเวลาที่มาผูกความสัมพันธ์ ดังนั้นหากพวกท่านคิดจะเขียนโคลงกลอนอย่างนี้ ดีที่สุดให้รักษาประเพณีของมัน ท่านบอกว่าก็ฉันไม่ชอบการสัมผัสเสียง ไม่ชอบการสัมผัสเสียง ปัจจุบันมีโคลงรูปปกิณกะนี่ ท่านก็เขียนโคลงรูปปกิณกะก็แล้วกัน อันนั้นไม่มีอะไรต้องยึดถือปฏิบัติมากนัก ก็สอดคล้องกับรูปแบบในยุคปัจจุบัน ที่จริง ข้าพเจ้ารู้สึกว่าโคลงนั้นอ่านแล้วนิ่มนวลเกินไป ไม่มีความนัย โคลงกลอนแบบโบราณยังคงอ่านแล้วได้รสชาด

ศิษย์: ดิฉันเป็นตัวแทนศิษย์ต้าฝ่าฉงฉิ่งกล่าวคำสวัสดีต่อท่านอาจารย์ ถ่ายทอดความคิดถึงต่อท่านอาจารย์ พวกเขาให้ดิฉันถ่ายทอดต่อให้ได้

อาจารย์: ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ) อาจารย์ทราบทั้งหมด ให้ท่านบอกพวกเขา อาจารย์ทราบทั้งหมด

ศิษย์: ผู้ฝึกบางคนเพราะถูกล้างสมองแล้วก็เดินบนทางวกวน ศิษย์คนอื่นก็รู้สึกร้อนใจกับสภาพของเขาควรช่วยเหลืออย่างไรจึงจะดี

อาจารย์: ควรช่วยก็ช่วยพอเปิดโปงคำหลอกลวงได้ก็จะทะลุปรุโปร่ง สำนึกผิดอะไรกัน สำนึกไปทางไหนละ นั่นล้วนไม่ใช่การหลอกลวงหรือ เมื่อกลับมาอยู่ในสังคม สงบจิตใจลองคิดดู อะไรก็สามารถเข้าใจได้ ในรายที่เรียกกันว่าถูกล้างสมอง พอออกมาไม่นานเท่าไรต่างก็เข้าใจกันหมดแล้วมิใช่หรือ มีสักกี่รายที่ยังคงยืนหยัดอยู่ในความสับสนได้ตลอดไปหรือ รายที่ล้วนแต่ใช้ไม่ได้ตลอดมาคือ ตัวเขาเองรู้สึกว่าได้ทำเรื่องเลวไว้มากเกินไปแล้ว เขารู้ว่าผิดไปแล้วไม่มีหน้าพบกับผู้ฝึกทั้งยังยึดติดและรู้สึกละอายเป็นเพราะเหตุนี้

ศิษย์: ผู้ฝึกออกเงินเช่าห้องทำเรื่องอธิบายความจริง จะได้ไหม

อาจารย์: ในการอธิบายความจริง ศิษย์ต้าฝ่านั้นที่จริงล้วนแต่ใช้เงินสะสม เงินเดือนของตัวเองมาทำเรื่องเหล่านี้ แต่พวกท่านต้องคำนึงถึงการครองชีพของตัวเอง ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงการครองชีพของตัวเองยังต้องคำนึงถึงการครองชีพของครอบครัว ต้องคำนึงถึงผู้อื่น หากจัดการเรื่องการครองชีพของครอบครัวไม่ดี จัดการเรื่องการครองชีพของตัวเองไม่ดี ก็จะพลอยทำให้เกิดความยากลำบากต่อการอธิบายความจริง กล่าวจากอีกด้านหนึ่ง หากการครองชีพของพวกท่านแก้ไม่ตกแม้แต่เรื่องปากท้องก็ยังมีความยากลำบาก เช่นนั้นความคิดจิตใจของท่าน ก็ต้องใช้ไปในทางนั้นการอธิบายความจริงมิกลับจะถูกรบกวนแล้วหรือ ดังนั้นต้องคำนึงถึงสภาพเงื่อนไขจิตใจของพวกท่านข้าพเจ้าล้วนมองเห็นทำเท่าที่มีกำลังจะทำได้ไหว

ศิษย์: ท่านอาจารย์กรุณาพูดเรื่องอนาคตของจักรวาล กับ มนุษยชาติ อีกสักหน่อย จะได้ไหมครับ

อาจารย์: ถ้าข้าพเจ้าพูดเรื่องอนาคตเดี๋ยวนี้ ก็จะไม่มีความหมายสำหรับพวกท่านอย่างแท้จริง อนาคตของมนุษยชาตินั้นงดงาม แล้วคนที่เหลืออยู่มีโชคลาภแล้ว เพราะต้าฝ่าเคยถ่ายทอดอยู่ที่นี่ ทำให้ที่นี่คงเหลืออยู่ชีวิตที่ไม่ได้ทำบาปต่อต้าฝ่าในช่วงนี้ก็จะมีโชคลาภแล้ว เพราะต้าฝ่าถ่ายทอดอยู่ที่นี่แล้ว และก็ได้สร้างสรรค์เงื่อนไขที่ดีงามแก่ชีวิตในอนาคต บางทีอาหารของอนาคตนั้นจะอิงรูปแบบไม้ผลเมล็ดข้าวจะใหญ่ขนาดนั้น (ทำมือแบบลูกรักบี้) พูดเล่นๆนะ พูดเปรียบเทียบกันแล้ว การใช้แรงงานก็เบาลงมากแล้วน้ำและอากาศล้วนสะอาด แล้วสิ่งที่มีพิษร้ายจำพวกแมลงนั้นยุงแมลงวัน สิ่งเหล่านี้ล้วนจะไม่มีแล้ว โลกเปลี่ยนแปลงจนงดงามยิ่งแล้ว ความงดงามของจักรวาลใหม่นั้นเทพเก่าล้วนคาดคิดไม่ถึง เพราะพวกเขามองไม่เห็น พวกเขาไม่กล้าที่จะคิด และคิดไม่ออกว่าเป็นอย่างไรเป็นสิ่งที่รังสรรค์ขึ้นมาจากอีกรากฐานหนึ่ง ชีวิตในอดีตนั้นเห็นแก่ตัว ต่อไปจักรวาลนี้ไม่ใช่สิ่งที่ก่อตั้งขึ้นมาจากรากฐานของความเห็นแก่ตัว ทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนให้ดียิ่งขึ้นแล้ว

ศิษย์: ต่อไปจะมีคนมากมายตั้งใจมารับฝ่าพวกเราต้องขยายศูนย์ฝึกพลังกงไหม

อาจารย์: เป็นเช่นนี้แน่นอนพวกท่านได้ทำเช่นนี้กันแล้ว(ที่ประชุมหัวเราะ)คนมากไม่สามารถรองรับ ก็ไปเปิดศูนย์ฝึกพลังกงใหม่อีกสักจุดกันเถอะเป็นเช่นนี้

ศิษย์: ในหมู่ผู้ฝึกญี่ปุ่น ไม่ไว้วางใจกัน ทำให้งานยืนยันความถูกต้องของฝ่ามีความลำบาก ศิษย์รู้สึกไม่สบายใจมาก หวังอยากจะให้คนทั้งหมดสามารถยกระดับขึ้นมาโดยเร็วจริงๆ

อาจารย์: ใช่ที่จริงไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรการที่องค์ประกอบไม่ดีมีตลาด (บังเกิดผลได้) นั่นคือตัวผู้ฝึกเราเองมีปัญหา เมื่อวานมีผู้ฝึกถามปัญหาเรื่องจิงเหวินปลอม ข้าพเจ้าบอกว่าชีวิตที่ต้าฝ่าสร้างขึ้นมานั้นท่านยังถูกของปลอมหลอกได้หรือ ท่านไม่ได้ใช้มาตรฐานของฝ่าไปวัดหรือนั่นเพราะจิตยึดติดหนักเกินไป สิ่งชั่วร้ายจึงมีตลาดได้ ใช่ไหมที่จริงบางคนยังคงไม่มีสติสัมปชัญญะความคิดถูกต้องไม่เพียงพอ

ศิษย์: ญี่ปุ่นมีศาสนานับพันเผยแพร่อยู่ชาวญี่ปุ่นมักจะเข้าใจว่าฝ่าหลุนกงเป็นศาสนา

อาจารย์: ปัญหานี้ข้าพเจ้าคิดอย่างนี้คือ ต่อไปใครพูดว่าฝ่าหลุนกงเป็นศาสนา พูดแล้วก็ช่างเถอะถ้าหากเขาคิดจะเข้าใจลึกซึ้งขึ้นอีกนิด ท่านก็บอกกับเขาว่าเหตุใดฝ่าหลุนกงจึงไม่ใช่ศาสนา ถ้าหากเขาไม่คิดจะเข้าใจให้มากขึ้นท่านก็ไม่ต้องไปพูดกับเขาตรง ๆ ว่า ใช่ศาสนาหรือไม่ ท่านจะพูดว่าเป็นศาสนาก็เป็นซิ เพราะในสังคมมนุษย์นั้นศาสนาโดยตัวมันเองไม่มีความหมายทางลบ ศิษย์ต้าฝ่าบำเพ็ญโดยไม่เดินหนทางนั้นของศาสนา คือ ไม่มีรูปแบบ ไม่ถูกรูปแบบโดยตัวมันเองรบกวน ข้าพเจ้าบอกทุกท่านให้รู้ถึงแก่นแท้ของหลักการความจริงของฝ่า คนธรรมดาสามัญสามารถเข้าใจได้ถึงระดับไหน ที่จริงข้าพเจ้าได้บอกท่านทั้งหลายตั้งนานแล้วว่า คนธรรมดาสามัญจะเรียกพวกเราว่าเป็นศาสนาที่ผ่านมาในการบรรยายฝ่า ข้าพเจ้าก็เคยพูดแล้ว

ศิษย์: ในจ้วนฝ่าหลุนฉบับภาษาญี่ปุ่นคำว่า “มู่ตี้” (จุดประสงค์) ตัวอักษร“ตี้” (ของ) ต้องแก้เป็น “ตี้”  (พื้นดิน ) ด้วยหรือไม่

อาจารย์: ภาษาญี่ปุ่นนี้เป็นเรื่องอีกประเด็น เพราะความหมายภายในไม่เหมือนกับตัวหนังสือฮั่น (จีน) ภาษาญี่ปุ่นนั้น ข้าพเจ้าคิดว่าไม่ต้องไปแก้เลย

ศิษย์: ผู้ฝึกที่เป็นฝอเซี๊ยฮุ่ย (สมาคมศึกษาพุทธ) ไม่สมควรไปยับยั้งเรื่องต่าง ๆ ที่ผู้ฝึกทำใช่ไหม (ที่ประชุมหัวเราะ)

อาจารย์: สำหรับเรื่องการยืนยันความจริงให้ฝ่า เรื่องการอธิบายความจริงที่ผู้ฝึกทำกันไม่อาจไปยับยั้ง ใครทำเช่นนี้ก็ผิด แต่ผู้ฝึกบางคนทำแบบสุดขั้วง่ายต่อการส่งผลกระทบที่ไม่ดี ก็ควรยับยั้ง ที่กำลังนั่งอยู่มีหลายคนเป็นผู้รับผิดชอบของพื้นที่ต่าง ๆ พวกท่านต้องจำไว้หน่อย นอกเหนือจากเรื่องที่จำเป็นต้องร่วมมือกันทำทั้งหมดก็ปล่อยมือให้ผู้ฝึกไปฝึกฝนตนเอง ให้ผู้ฝึกไปสถาปนาธรรมานุภาพของตนเอง ต้องให้โอกาสผู้ฝึก ปล่อยให้พวกเขาไปทำ พวกท่านต้องจำจุดนี้ไว้ ข้าพเจ้าในฐานะที่เป็นอาจารย์ยังวางมือให้ผู้ฝึกเดินบนหนทางของตนเอง ผู้ฝึกทำผิดตรงไหนแล้วต้องชี้ให้เขาเห็น แต่ที่ก่อให้เกิดผลกระทบจริง ๆ ก็ต้องพูดกับเขาอย่างจริงจัง คิดวิธีปรับแก้ให้ถูกต้องเสีย กอบกู้ผลกระทบแต่อย่าบอกว่าเขาเป็นมารไปแล้ว การบำเพ็ญนั้นยากจะหลีกเลี่ยงการทำผิด การทำผิดมีทั้งใหญ่ และเล็ก

แต่กล่าวสำหรับผู้ฝึกต้องปฏิบัติต่อตนเองอย่างเข้มงวด กล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่าพวกเราไม่อาจไม่รับผิดชอบต่อตนเอง ไม่รับผิดชอบต่อต้าฝ่า ถึงจะอย่างไรท่านคือชีวิตที่ต้าฝ่าสร้างขึ้นมา ธรรมานุภาพ ของท่านจะสาดแสงเจิดจรัสในจักรวาลแห่งอนาคตพวกเราจะไม่เดินบนหนทางของตนให้ดีได้หรือ ดังนั้นอย่าได้เน้นหนักที่ผู้รับผิดชอบมากเกินไปหากผู้รับผิดชอบล้วนแต่ดีทั้งหมดแล้วเขาบำเพ็ญสำเร็จแล้วตาของท่านเอาแต่มองไปข้างนอกไม่บำเพ็ญภายในตนเองท่านยังคงเป็นผู้บำเพ็ญหรือเปล่าที่บำเพ็ญคือตัวท่านเองถ้าผู้รับผิดชอบมีปัญหาจริงๆ แล้วก็ให้สงบใจชี้ออกมาด้วยเจตนาดี ทุกท่านล้วนเป็นผู้บำเพ็ญผู้บำเพ็ญก็ยังคงมีจิตของคนธรรมดาสามัญที่ยังไม่ได้ละทิ้งไปจิตของคนธรรมดาสามัญนั้นกลัวการถูกว่ากล่าวโจมตีการโจมตีนั้นมันก็ง่ายที่จะก่อให้เกิดผลด้านลบ ดังนั้นต้องเมตตาแก้ไขด้วยความเมตตาต้องสุภาพอ่อนโยนพูดให้ชัดด้วยความเมตตาจึงจะสามารถแก้ไขได้ถ้าหากแม้แต่การแสดงความคิดเห็นด้วยเจตนาดี ผู้รับผิดชอบก็ยังยอมรับไม่ได้ ก็มีปัญหาแล้ว

ในทางกลับกันผู้ฝึกส่วนน้อย(เฉพาะราย)ก็มีอย่างนี้ โดยเปลือกนอกปฏิบัติต่อคนอื่นดีมากคำพูดที่พูดออกมามีองค์ประกอบของตัวเองมากถึงกับไปเสียดแทงองค์ประกอบของคนอื่นโดยเปลือกนอกพูดได้นุ่มนวลมาก (ที่ประชุมหัวเราะ)นั่นคือการใช้ความปลิ้นปล้อนของคนนั่นเป็นสภาวะที่ศิษย์ต้าฝ่าไม่ควรมี

ถ้าพื้นที่ใดผู้รับผิดชอบ ไม่ได้บำเพ็ญอยู่ในฝ่าศิษย์ต้าฝ่าไม่ก้าวหน้าในการศึกษาฝ่าย่อมจะสะท้อนสภาพการณ์ที่สลับซับซ้อนเหล่านี้ออกมาได้ แต่ในฐานะที่เป็นศิษย์ต้าฝ่าคนหนึ่งและผู้รับผิดชอบ พูดไปแล้วก็สมควรจะแจ่มชัดด้วยกันทั้งหมดจิตของคนที่ไม่บำเพ็ญทิ้งไปสามารถจะสะท้อนออกมา แต่ไม่ได้หมายความว่า คนๆ นี้ใช้ไม่ได้หลายๆ ด้านที่บำเพ็ญได้ดีของเขาจะไม่อาจแสดงออกมาเพราะจิตของคนในด้านเหล่านี้ได้บำเพ็ญไปหมดแล้ว( ไม่มีเหลือแล้ว)ที่จริงเมื่อเวลาที่ ผู้บำเพ็ญคนหนึ่งนั้น เมื่ออยู่ในหมู่คนธรรมดาสามัญล้วนไม่มีจิตอะไรของคนอยู่เลยคนๆ นี้ก็จะไม่มีอะไรแสดงออกมาได้จริงๆแน่นอนถ้าบำเพ็ญถึงขั้นนี้จริงๆ ก็หยวนหมั่นแล้วดังนั้นเมื่อมีจิตของคน ก็ย่อมแสดงออกมาแต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้บำเพ็ญและไม่ได้หมายความว่าเขาบำเพ็ญไม่ดีเขาทำได้ไม่ดีในปัญหาใด ในด้านไหน ล้วนควรระวังไว้

และก็พูดได้อีกว่า ไม่กลัวว่าในขั้นตอนการบำเพ็ญยังคงมีจิตของคนธรรมดาสามัญสะท้อนออกมา ที่สำคัญคือท่านทั้งหลายล้วนสามารถถือตนเป็นผู้บำเพ็ญเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นแล้วต้องค้นหาจากภายในล้วนสามารถทำกันเช่นนี้เช่นนั้นสภาพการณ์บำเพ็ญของพื้นที่นี้ย่อมจะต้องดีแน่นอนความขัดแย้งย่อมจะต้องน้อย

ศิษย์: การบำเพ็ญไม่มีผู้นำต้าฝ่าไม่มีการจัดตั้งเมื่อเวลาที่พวกเราสมาชิกเซี๊ยฮุ่ย (สมาคมศึกษาฯ) และนายกสมาคมติดต่อกับองค์กรในสังคมหรือหน่วยงานของรัฐหากใช้ชื่อตำแหน่งของนายกสมาคม หรือสมาชิกในการดำเนินการจะเหมาะสมหรือไม่

อาจารย์: ควรพูดได้ว่าเหมาะสมเซี๊ยฮุ่ย (สมาคมศึกษาฯ) ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคมคนธรรมดาสามัญมิใช่หรือทำไมพวกเราไม่ใช้รูปแบบนี้ในการอธิบายความจริงในสังคมคนธรรมดาสามัญละ แน่นอนว่าสามารถทำได้รัฐบาลก็ยินยอมให้ท่านจดทะเบียนแต่ไม่ควรมีจิตโอ้อวดพวกท่านกำลังยืนยันความถูกต้องของฝ่า ไม่ใช่ยืนยันความเป็นจริงให้ตนเอง

ศิษย์ต้าฝ่าเป็นผู้บำเพ็ญที่แท้จริงถ้าหากรูปแบบของสังคมปัจจุบันไม่ใช่อย่างนี้แม้แต่ฝอเซี๊ยฮุ่ย(สมาคมศึกษาพุทธ)นี้ ข้าพเจ้าก็จะไม่อยากบอกให้ท่านไปก่อตั้งจริงๆนั่นก็จะเป็นสนามฝึกแต่ละที่ ผู้รับผิดชอบผู้รับผิดชอบของพื้นที่ก็เป็นอย่างนี้ที่จริงผู้รับผิดชอบก็คือ ผู้เรียกกล่าวการประชุมและเป็นผู้บำเพ็ญทั่วไปคนหนึ่งเป็นผู้ให้บริการท่านทั้งหลายเป็นผู้ที่ทุ่มเทมาก

ศิษย์: ผู้ป่วยโรคมะเร็งกลุ่มหนึ่งหวังจะให้พวกเราไปสอนการฝึกพลังกง จะทำได้หรือไม่ พวกเราไม่มีความรู้พื้นฐานของการร้องเพลง เต้นรำ ถ้าหากตั้งใจไปฝึกหัด สามารถจะแสดงศิลปะเป็นคณะใหญ่ภายในช่วงเวลาสั้นๆ ได้หรือไม่

อาจารย์: อันนี้ให้ทำไปตามสถานการณ์ก็แล้วกันทำไปตามความสามารถพวกท่านหากไม่มีเงื่อนไขที่สำคัญ จะไปแสดงศิลปะเป็นคณะใหญ่ ฝืนทำผู้ชมก็ย่อมดูพวกท่านเป็นเรื่องขบขัน การทำให้คนสนุกสนานนั้นไม่เป็นไร แต่ว่าผู้คนก็จะดูแคลนขบขันพวกท่านข้าพเจ้าคิดว่าจะเกิดผลตรงกันข้ามแล้ว ดังนั้นต้องทำไปตามสภาพเงื่อนไข

ผู้ป่วยโรคมะเร็งเรียนฝึกพลังกงนั้น ต้องดูจุดประสงค์ชาวโลกคิดจะได้ฝ่า คิดจะบำเพ็ญคิดจะบอกว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าดีนั่นคือคนกำลัง ยืนยันความถูกต้องของฝ่าจากความคิดริเริ่มของคนเอง เลือกอนาคตของตนจากความคิดริเริ่มของคนเอง ถ้าหากพวกท่านถือว่าต้าฝ่าเป็นสิ่งที่ใช้รักษาโรคจะทำอย่างนี้ในหมู่คนธรรมดาสามัญจริงๆ แล้วคือการไม่เข้มงวดจริงจังต่อต้าฝ่า

พวกท่านสามารถไปสอนท่าฝึกในคุกพวกท่านก็สามารถไปโรงพยาบาลสอนผู้ป่วยนั่นก็เพื่อการยืนยันความถูกต้องของฝ่าต้องเหมือนกับการคิดไปสอนท่าฝึกที่อื่นๆโดยแก่นแท้คือเพื่อช่วยเหลือสรรพชีวิต ทำไปเพื่อให้คนได้ฝ่า ได้รับการช่วยเหลือหากถือต้าฝ่าเป็นเครื่องมือแก้ไขความผิดพลาดของคนเพื่อการรักษาโรคจะถือเป็นวิธีหนึ่งในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงความทุกข์ยากของคนธรรมดาสามัญนั้นไม่ได้ ต้าฝ่านั้นคือการช่วยเหลือคน จึงได้ถ่ายทอดอยู่ในสังคมมนุษย์จุดนี้ต้องแจ่มชัดมีคนพูดว่าฝ่าหลุนกงรักษามะเร็งได้ผลชะงัดทุกคนต่างมากันรับรองว่าไม่ได้ผลเพราะว่าใจของท่านไม่ถูกต้องต้าฝ่าไม่ได้มาเพื่อรักษาโรคให้คนคือเพื่อช่วยเหลือคนจากแก่นแท้จึงแก้ไขปัญหาให้คนถ้าหากเป็นจุดมุ่งหมายเช่นนี้ผลลัพธ์ย่อมดีแน่หากมีเรื่องยึดติดอะไรของคนธรรมดาสามัญผลลัพธ์ก็ไม่ดี

การบำเพ็ญนั้นเข้มงวดหลี่ หงจื้อ ไม่ใช่มาเพื่อนำท่านทั้งหลายรักษาโรคให้คนยิ่งไม่ใช่มาเพื่อเรื่องอะไรของคนและไม่ใช่นำท่านทั้งหลายสร้างศาสนาอะไรในสังคมอย่างแน่นอนข้าพเจ้ามาเพื่อสอนพวกท่านให้บำเพ็ญเพื่อรับผิดชอบให้ชีวิตพวกท่านได้รับการช่วยเหลือ

ศิษย์: การเลือกตั้งใหญ่ประธานาธิบดีไต้หวันมีผู้ฝึกบางคน จิตใจหวั่นไหวเป็นการจัดวางมาทดสอบของอิทธิพลเก่าใช่หรือไม่ควรจะปฏิบัติอย่างไรจึงจะถูกต้อง

อาจารย์: ฟ้าถล่มลงมา ความคิดถูกต้องของผู้บำเพ็ญก็ไม่สะเทือนนี่จึงจะเป็นการบำเพ็ญ เช่นนี้จึงจะยอดเยี่ยม (เสียงปรบมือ) ผู้บำเพ็ญไม่ยึดติดกับทุกสิ่งในโลกรูปแบบ การบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่าในวันนี้ แตกต่างออกไปในการบำเพ็ญ ทุกท่านพยายามที่สุด ที่จะบำเพ็ญให้สอดคล้องกับสังคมคนธรรมดาสามัญ อยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญ ล้วนมีการงานทำตามปกติ ในเวลาเดียวกันก็มีครอบครัวของตนเองการงานด้านต่าง ๆ เป็นความสัมพันธ์ที่แนบแน่นอย่างแยกไม่ออกกับสังคม อย่างนี้ฉะนั้นการเลือกตั้งใหญ่ของไต้หวัน ผู้ฝึกบางคนจึงเลือกคนนั้นจากความรู้สึกส่วนตัวว่าคนนั้นดีเช่นนั้น บางคนก็รู้สึกว่าคนนี้ก็ดีจึงเลือกคนนี้ ความเข้าใจแต่ละคนไม่เหมือนกันจุดนี้ ไม่มีข้อจะตำหนิได้พฤติกรรมของแต่ละคน ในสังคมไม่ใช่ตัวแทนต้าฝ่าแต่ไม่อาจยึดติดเรื่องเหล่านี้เหมือนคนธรรมดาสามัญ

พวกท่านเลือกใคร กล่าวในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นอาจารย์ ข้าพเจ้าไม่สามารถพูดได้ว่าท่านทั้งหลายทำผิดแล้ว สำหรับเรื่องพวกนี้ข้าพเจ้าไม่ข้องแวะด้วย เนื่องจากทางที่ข้าพเจ้าบอกให้พวกท่านเดินนั้นคือทางเส้นนี้ที่อยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญ ผู้บำเพ็ญเพียงแต่นำสิ่งที่ดีมาให้กับสังคมบำเพ็ญอยู่ในสังคมคนธรรมดาสามัญก็ไม่ วุ่นวายกับสังคมมนุษย์

ในฐานะผู้ฝึก แต่ละคนท่านคิดจะเลือกใครก็เลือกใคร เพียงแต่อย่ายึดติดเกินไป แต่ว่าศิษย์ต้าฝ่าเมื่อได้ผ่านการประทุษร้ายศิษย์ต้าฝ่าครั้งนี้ ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ล้วนมองเห็นปัญหาหนึ่งแล้ว ดังนั้นบางคนจึงกำลังคิดว่า “ใครเดินอยู่ใกล้พวกชั่วร้ายที่ประทุษร้ายพวกเรา ฉันก็ไม่เลือกเขา” (เสียงปรบมือ) กล่าวในฐานะอาจารย์นี้ ข้าพเจ้าก็ไม่มีความเห็นอะไร (ที่ประชุมหัวเราะ ปรบมือ ) นั่นเป็นความคิดของผู้ฝึกเองข้าพเจ้าในฐานะอาจารย์ไม่ได้บอกให้ท่านไปเลือกใครยิ่งไม่มี และไม่อนุญาตให้มีการรวมตัวดำเนินการใดๆ (ที่ประชุมหัวเราะ)

ผู้ฝึก และ การดำเนินการแบบเฉพาะคนในหมู่ผู้ฝึกเอยนั่นล้วนเป็นเรื่องระหว่างเพื่อนผู้ฝึก เพื่อนผู้บำเพ็ญแต่ละคนบอกว่าฉันจะเลือกใครคุณจะเลือกใครนี่ล้วนเป็นพฤติกรรมของแต่ละคนนี่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวต้าฝ่าเองไม่เกี่ยวข้องกับฝอเซี๊ยฮุ่ย(สมาคมศึกษาพุทธ)ผู้รับผิดชอบของฝอเซี๊ยฮุ่ย(สมาคมศึกษาพุทธ)ก็สามารถสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดนั่นเป็นพฤติกรรมของแต่ละคนเพราะเขากำลังบำเพ็ญขณะเดียวกันเขาก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งในสังคมในขั้นตอนการบำเพ็ญท่านจะให้เขาปล่อยวางของๆ คนทั้งหมดหรือนั่นต้องรอเมื่อบำเพ็ญหยวนหมั่นแล้วจึงจะทำได้ฉะนั้นการบำเพ็ญในสังคมคนธรรมดาสามัญเขาก็มีความสัมพันธ์กับสังคมดังนั้นเขาคิดจะเลือกใคร เขาก็เลือกใครเขามีความคิดของเขาเองนี่ก็ไม่มีข้อจะตำหนิได้

ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ไม่ควรทำให้สังคมเกิดการขัดแย้งนั่นเป็นสิ่งที่อันตรายยิ่งในฐานะเป็นผู้บำเพ็ญยิ่งต้องเข้มงวดกับตัวเอง ดังนั้นข้าพเจ้าจึงบอกผู้ฝึก อย่าถูกใจคนชักนำ จนเกิดความตื่นเต้นอย่างคนธรรมดาสามัญเพราะว่าพวกท่านมีพลังงานความสามารถเรื่องทั้งหลายที่พวกท่านทำ สามารถกระตุ้นองค์ประกอบที่ใหญ่มาก ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างมหาศาลในสังคมดังนั้นอย่าไปทำตามคนธรรมดาสามัญข้าพเจ้าก็มองเห็นแล้วว่า ผู้ฝึกหลายคนถูกคนธรรมดาสามัญชักนำจนใจไม่สงบอารมณ์หวั่นไหวความคิดถูกต้องไม่เข้มแข็งในเวลานี้ใครก็มองไม่เห็นว่าลักษณะของผู้บำเพ็ญของท่านอยู่ที่ไหนนี่ใช้ไม่ได้ในปีนั้น วันที่ 25 เมษายน พวกเราไปร้องเรียน ก็เป็นไปอย่างสันติเปี่ยมด้วยสติสัมปชัญญะพวกเราล้วนเป็นประโยชน์ต่อสังคม

ศิษย์: แม้ว่าพวกมือสกปรกของอิทธิพลเก่ากับพวกชั่วร้ายมีไม่มากแล้วเช่นนั้นปัจจุบันนี้เมื่อผู้ฝึกทำได้ไม่ดีนั้นคือการรบกวนของอะไร

อาจารย์: พวกมือสกปรกของอิทธิพลเก่าได้ขจัดทิ้งไปมากแล้ว ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ที่นั่นก็กำลังหดเล็กลงพวกที่ออกมาทำเรื่องชั่วเป็นครั้งคราว (ที่ประชุมหัวเราะ) อีกอย่างยังมีที่ข้าพเจ้าจะขจัดทิ้งก็คือเทพเสื่อมที่อยู่นอกตรีภูมิพวกมันกำลังควบคุมพวกชั่วร้ายอยู่กระทั่งบ้างก็กำลังลงมือทำเองโดยตรงไม่ว่าจะเป็นอย่างไรนะมาถึงก้าวนี้แล้วเทพกล้าเข้าร่วมทำโดยตรงข้าพเจ้าไม่ขจัดมันข้างบนก็กำลังขจัดมันเดี๋ยวนี้สภาพการณ์เปลี่ยนแปลงเร็วมาก

ศิษย์: ประโยคที่ว่า “ได้ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ชั่วพริบตาเดียวคือกาลเวลา (อุปมาว่าได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงของโลกมาอย่างโชกโชนนับครั้งไม่ถ้วน)” ความหมายคืออะไร

อาจารย์: ได้ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนนั้นก็คือ ได้ผ่านกาลเวลาอันยาวนานและทุกสิ่งในกาลเวลาอันยาวนาน ชั่วพริบตาเดียวก็คือกาลเวลาสั้นๆ ชั่วขณะไม่ว่ามันจะได้ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน หรือชั่วพริบตาเดียวแนวคิดเกี่ยวกับความสั้น ยาวของเวลานั้นในสายตาของเทพมันเหมือนกันบางทีนำเวลาชั่วพริบตาเดียวนั้นมาใส่ให้ชีวิตของข้างในกาลเวลานี้ ก็จะก่อเกิดเป็นกาลเวลาที่ยาวนานได้ พวกเราเห็นเป็นชั่วพริบตาเดียว (แต่)อยู่ข้างในสนามของเวลานั้น ชั่วพริบตาเดียวนี้อาจเป็นกาลเวลายาวนานของความพลิกผันในชีวิต กาลเวลายาวนานของความพลิกผันในโลกของพวกเรานั้น สำหรับเทพองค์ที่ใหญ่โตก็เห็นเป็นชั่วพริบตาเดียว คือเป็นผลที่เกิดจากเวลา เป็นการเล่นกลของเวลา นี่คือความหมาย

ศิษย์: มีโอกาสเข้าร่วมการรณรงค์แข่งขันสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาเทศบาลและคบหาเป็นมิตรกับคนมากมายในระดับชั้นต่างๆกันของสังคม วางรากฐานในการอธิบายความจริงในเวลาต่อมาเนื่องด้วยไม่เข้าใจตำแหน่งหน้าที่ของสมาชิกสภาเทศบาลนี้จำเป็นต้องใช้เวลาช่วงหนึ่งเข้าใจปัญหาหน่วยการปกครองในสังคมเข้าร่วมงานของหน่วยปกครองสังคม และเรียนรู้ว่าจะเป็นสมาชิกสภาได้อย่างไรบางครั้งขัดแย้งมากผมรู้สึกว่าเวลาเหล่านี้ ควรใช้ในการจัดทำรายการทีวีทำเรื่องอื่นของการอธิบายความจริงจะดีกว่า

อาจารย์: ฝ่าที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดนั้นให้บำเพ็ญในสังคมคนธรรมดาสามัญบำเพ็ญในสังคมคนธรรมดาสามัญศิษย์ต้าฝ่าก็จะมีการติดต่อกับคนประเภทต่างๆ ในสังคมการงานที่แตกต่างกันโดยตัวมันเองก็คือ ความสัมพันธ์กับสังคมนี่ไม่ขัดแย้ง

ที่จริงผู้ฝึกมากมายก็มีการงานที่ต่างกันในขณะเดียวกันก็กำลังอธิบายความจริงก็คือตนเองจะจัดวางอย่างไรให้ดีใช้เวลาของตนเองให้ดีทำอย่างไรให้ดียิ่งขึ้นไม่ได้คัดค้านท่านทั้งหลายว่า จะมีตำแหน่งหน้าที่อะไรในสังคมอยู่ในสังคมทำการค้าใหญ่โตเพียงไรเป็นข้าราชการใหญ่แค่ไหนล้วนไม่ขัดแย้งข้าพเจ้าต้องการจะยืนยันว่าคนระดับชั้นต่างกันก็สามารถบำเพ็ญได้ข้าพเจ้าก็ได้เปิดเป็นประวัติการณ์นี้แล้วในประวัติศาสตร์มีน้อยมากที่จะช่วยเหลือคนรวยมีน้อยมากที่จะช่วยเหลือข้าราชการข้าพเจ้าไม่แบ่งแยกสิ่งนี้ ดูแต่ใจคน ข้าพเจ้าช่วยทั้งหมด(เสียงปรบมือ) ในทางปฏิบัติก็ยืนยันได้ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องไม่เพียงแค่ใช้ได้โดยเฉพาะศิษย์ต้าฝ่าของข้าพเจ้าก็ได้บำเพ็ญออกมาแล้วเพราะว่าในอดีตไม่มีต้าฝ่าหลักธรรมที่เทพองค์ต่างๆ ประจักษ์แจ้ง ไม่ใช่หลักธรรมที่เป็นรากเหง้าของจักรวาล วันนี้เป็นการถ่ายทอดต้าฝ่าเรื่องอะไรก็สามารถทำได้ทั้งหมด

ศิษย์: งานและกิจกรรม ยืนยันความถูกต้องของฝ่ามากมายไม่มีเวลาเพียงพอเวลาสำหรับฝึกพลังกงศึกษาฝ่าในแต่ละวัน กระชั้นมาก

อาจารย์: มีปัญหาอย่างนี้นะถ้าหากรูปธรรมของงานต้าฝ่ายุ่งมากเช่นนั้นในการฝึกพลังกงสามารถจะผ่อนลงได้บ้างจากนั้นหาเวลาฝึกชดเชยนี่ไม่มีปัญหาเพราะหลักพลังกงนี้ เมื่อมีเวลาก็ฝึกมากหน่อยไม่มีเวลาก็ฝึกน้อยหน่อยอาจารย์เคยพูดปัญหานี้แล้วพูดถึงการศึกษาฝ่านั้นข้าพเจ้าคิดว่ายังคงต้องเจียดเวลามาศึกษา ถึงแม้ว่าจะศึกษาเพียงเล็กน้อย การเจียดเวลาศึกษามักจะเกิดปัญหาหนึ่งได้ง่ายที่สุด คือสงบใจลงมาไม่ได้ สงบใจลงมาไม่ได้เท่ากับศึกษาโดยเปล่าประโยชน์เสียเวลาเปล่าจะศึกษาท่านก็ปล่อยวางจิตใจลงมาทำจิตให้มั่นคงสงบความคิดศึกษาอย่างจริงจังถึงแม้ท่านจะอ่านไปได้ไม่กี่ท่อนก็ยังดีกว่าเมื่อเทียบกับที่ท่านอ่านทั้งเล่มแต่ใจไม่นิ่งศึกษาฝ่านั้นต้องศึกษาให้เข้าไปในใจให้ได้

ศิษย์: ความยากลำบากทั้งหมดที่ศิษย์มีในปัจจุบัน ล้วนเป็นการที่อิทธิพลเก่าพุ่งเป้ามาที่การเจิ้งฝ่า ใช่หรือไม่

อาจารย์: ไม่ใช่ความยากลำบากของพวกท่านทั้งหมดเป็นเรื่องการบำเพ็ญของท่านเองการรบกวนของอิทธิพลเก่านั้นมุ่งต่อการบำเพ็ญของพวกท่านแต่ละคนโดยเฉพาะข้าพเจ้าพูดว่า การรบกวนศิษย์ต้าฝ่าของอิทธิพลเก่านั้นข้าพเจ้าไม่ยอมรับเพราะศิษย์ต้าฝ่าคือศิษย์ของข้าพเจ้าใครก็ไม่คู่ควรมายุ่งเกี่ยวยิ่งไม่อาจถูกมันใช้ประโยชน์ บีบบังคับศิษย์ต้าฝ่าเพื่อบรรลุเป้าหมายของพวกมันจากนั้นก็บรรลุแผนการร้ายในการทำลายศิษย์ของข้าพเจ้า พวกมันรบกวนได้เพราะพวกมันจับจิตยึดติดและข้อด้อยของพวกท่านได้บวกกับกรรมที่เหลืออยู่ในประวัติศาสตร์การประทุษร้ายครั้งนี้ล้วนเกิดขึ้นจากองค์ประกอบเหล่านี้เองการเจิ้งฝ่านอกตรีภูมิโดยตัวมันเองนั้นไม่ค่อยเกี่ยวข้องโดยตรงกับพวกท่านแต่ว่าพวกท่านอยู่ร่วมกับช่วงการเจิ้งฝ่าร่วมกับอาจารย์คือศิษย์ต้าฝ่าแห่งยุคเจิ้งฝ่า

ศิษย์: ผู้ฝึกบางคนเข้าใจว่าเพียงแต่ฟาเจิ้งเนี่ยนอยู่ที่บ้านใช้โทรศัพท์ในการอธิบายความจริง ก็นับเป็นศิษย์ต้าฝ่าแล้ว ไม่จำเป็นต้องก้าวออกมาใช้ได้ไหม

อาจารย์: ถ้าหากไม่ได้ยุ่งอยู่กับเรื่องของต้าฝ่าเป็นพิเศษมีกิจกรรมกลุ่มยืนยันความถูกต้องของฝ่า อธิบายความจริงหรือการรวมกลุ่มศึกษาฝ่า และอื่นๆ เป็นต้น แล้วไม่ออกมา นั้นไม่ถูกการศึกษาฝ่าเป็นกลุ่มนั้นเป็นสภาพแวดล้อมอย่างหนึ่งที่ข้าพเจ้าริเริ่มไว้ให้พวกท่านเหลือรูปแบบชนิดนี้เอาไว้ให้ข้าพเจ้าคิดว่าสมควรทำเช่นนี้เพราะนี่เป็นการก้าวข้ามมา(สิ่งที่ได้มา)จากการปฏิบัติการบำเพ็ญแบบนี้ทำให้ผู้ฝึกยกระดับได้เร็วที่สุดบำเพ็ญเองคนเดียวไม่มีองค์ประกอบกระตุ้น(ส่งเสริม)การยกระดับฉะนั้นกล่าวสำหรับศิษย์ต้าฝ่าพวกท่านเคยพูดไว้มิใช่หรือว่า อาจารย์บอกให้ทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น เคยพูดว่าควรเดินให้เที่ยงตรงบนหนทางที่ศิษย์ต้าฝ่าสมควรเดิน

ข้าพเจ้าเห็นความยากลำบากของพวกท่านข้าพเจ้าไม่คิดจะบอกท่านฯว่า “ต้องทำอย่างไร” ข้าพเจ้าพูดเช่นนี้น้อยมากๆข้าพเจ้ารู้ว่าพวกท่านลำบากกันมากพูดถึงการบำเพ็ญอีก ท่านต้องรับรู้เอาเองหลักธรรมนั้นข้าพเจ้าได้พูดไว้อย่างชัดเจนแล้วท่านต้องเดินบนหนทางของตนเองข้าพเจ้าบอกท่าน “ต้องเดินอย่างนี้” คือการมีจุดรั่ว ณ ก้าวย่างนี้ทว่าจุดรั่วนั้นกลับสร้างขึ้นโดยอาจารย์- อาจารย์ไม่ได้ให้ท่านรับรู้ออกมาเอง ไม่ได้ให้ท่านไปทำเองด้านนี้ของท่านไม่ได้บำเพ็ญดังนั้นข้าพเจ้าจึงพูดอย่างนี้น้อยมากศิษย์ต้าฝ่าสมควรมีสำนึกในภาระรับผิดชอบของตนเองในฐานะศิษย์ต้าฝ่าสมควรจะทำอย่างไรบ้าง จึงจะถูกต้อง

ศิษย์: ในการยืนยันความถูกต้องของฝ่าศิษย์มักจะเข้าร่วมกิจกรรมที่สำคัญหลายครั้งต่อมาก็ค้นพบว่าบ่อยครั้งเมื่อทำเรื่องใหญ่สำเร็จสักเรื่อง ก็จะมีการรบกวนมากและการชำระกรรม เป็นต้น

อาจารย์: การรบกวนนั้นไม่เคยขาดตอนเลย การรบกวนใหญ่น้อยมักจะมีเสมอพวกกากเดนของอิทธิพลเก่าและสิ่งชั่วร้ายเหล่านั้นก็คือไม่พอใจ แต่ละครั้งที่ข้าพเจ้าบรรยายฝ่าพวกมันก็ได้ยินเหมือนกับ พวกท่านได้ยินพร้อมกันแต่พวกมันก็จะทำอย่างนั้นบาปชั่วของพวกมันใหญ่หลวงมากจนไม่อาจเอาชีวิตของพวกมันมาเทียบได้แล้วในอนาคต พวกมันจะต้องชดใช้บาปของพวกมันอย่างไม่รู้จบสิ้นถึงเป็นเช่นนี้ก็ชดใช้ไม่หมดใหญ่หลวงถึงขั้นนี้พวกเหลือเดนเหล่านี้ของอิทธิพลเก่าที่อยู่ในตรีภูมิองค์ประกอบนานาชนิดของจักรวาลที่เสื่อมทรามสุดท้ายองค์ประกอบเก่าเหล่านี้ก็เทสิ่งเหล่านี้ออกไปแล้วจึงบอกให้พวกมันทำจนถึงที่สุดบาปที่หนักของพวกมันนั้นล้วน สามารถเผาผลาญพวกมันเองได้ คือองค์ประกอบเลวเหล่านั้นกำเริบจนพอที่จะทำให้พวกมันเป็นอย่างนี้

ศิษย์: ความคิดที่เรียบง่ายกับที่สลับซับซ้อน มีดีเลวหรือไม่ สาเหตุคืออะไร

อาจารย์: ในสายตาของเทพความคิดเรียบง่ายของคนนั้นสะอาดสะอ้านเทพถือว่าคนๆนี้เป็นคนดีความคิดสลับซับซ้อนของคนเทพถือว่าคนๆนี้ไม่ดีเพราะเทพถือว่าสาเหตุของความสลับซับซ้อนนั้นไม่ใช่สิ่งยึดติดของคนในโลก สร้างขึ้นมาหรือ ความสลับซับซ้อนไม่ใช่ยึดติดกับองค์ประกอบในโลกของคนหรือดังนั้นในการบำเพ็ญจึงมีเหตุผลแบบนี้

ความคิดเรียบง่าย ไม่นับว่าด้อยปัญญาความคิดสลับซับซ้อนไม่นับว่ามีปัญญานี่ไม่ขัดแย้งกับวิธีการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่าในสภาพแวดล้อมของคนฯ และทุกสิ่งในวันนี้ที่พวกท่านทำในการ ยืนยันความถูกต้องของฝ่า ปัญญาของศิษย์ต้าฝ่ามาจากความคิดที่ถูกต้อง – ความคิดของเทพปัญญานี้เป็นแนวคิดที่ต่างกันกับความคิดสลับซับซ้อนที่ก่อรูปขึ้นในสังคม ในคนฯเล่ห์เหลี่ยมเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองเพื่อผลประโยชน์ เพื่อความเห็นแก่ตัว การปัดแข้งปัดขากันทว่าศิษย์ต้าฝ่ามีเป้าหมายเพื่อ ยืนยันความถูกต้องของฝ่าไม่แสวงหาเพื่อตนเองดังนั้นนี่เป็นสิ่งที่ต่างกันโดยแท้ พวกหลังนี้เป็นปัญญาที่ยิ่งใหญ่พวกแรกควรเรียกว่าความคิดที่สลับซับซ้อนการแสดงออกมาก็ต่างกันนั่นแน่นอนเลย

ศิษย์: ตลอดมาในพื้นที่นี้ของพวกเรามีผู้ฝึกเก่าจำนวนมากที่ไม่มาร่วมการศึกษาฝ่าด้วยกันเป็นเวลานานมากและไม่ออกมาร่วมฝึกพลังกงข้างนอกด้วยกันเข้าใจว่าไม่ร่วมกลุ่มศึกษาฝ่าอยู่ในบ้านศึกษาฝ่าก็ศึกษาฝ่าได้ดีอยู่บ้านฝึกพลังกงก็เช่นกัน สามารถฝึกได้ดีเข้าใจว่าการทำอย่างนี้จะไม่บรรลุการยกระดับไปพร้อมกัน

อาจารย์: ที่จริง ข้าพเจ้าว่า ถ้ามีอย่างนี้จริง นั่นคือจิตยึดติดของคนทำให้เกิดขึ้นไม่เชื่อลองควานดูที่รากเหง้าความคิดของท่านคือการยึดติดแน่นอนพูดให้เบาหน่อยคือ ท่านขี้เกียจพูดหนักหน่อยคือท่านกลัวแน่นอนละมีผู้ฝึกบางคนวุ่นอยู่กับงานรูปธรรมหลายอย่างนี่ไม่เหมือนกัน

ศิษย์: เคยติดตามคนเลวที่ฮ่องกงคนนั้นจะสามารถเข้าร่วมงานสื่อในปัจจุบันได้หรือไม่

อาจารย์: คำถามรูปธรรมนี้อย่าได้ถามอาจารย์เลย ผู้ฝึกเราบางคนเคยทำผิดไปแล้วแก้ไขแล้ว ก็ใช้ได้ใครไม่เคยผิดละกล่าวในฐานะผู้ฝึกเมื่อผู้ฝึกอื่นไม่ไว้ใจท่านก็อย่าฝืนทำหลบเลี่ยงสักหน่อยก็ไม่มีอะไรไม่ดีเช่นนี้แล้วความกดดันในใจทั้งสองก็เบาลงได้

ไม่ให้ทำเรื่องพวกนี้เหรองั้นฉันก็ไปแจกเอกสารแผ่นพับตามถนนช่วยเหลือสรรพชีวิตได้เหมือนกันไปสถานกงสุลฟาเจิ้งเนี่ยนไปทำด้านอื่นล้วนทำได้ทั้งนั้นทำไมมัวแต่ยึดติดในด้านนี้ละ ท่านยิ่งยึดติดผู้ฝึกอื่นก็ยิ่งมีความคิดเห็นกับท่านหนักขึ้น ใช่หรือไม่ ทำไมเอาแต่จะทำอย่างนี้ให้ได้ละ การทำเช่นนี้ของท่านโดยตัวมันเองก็จะถูกอิทธิพลเก่าใช้ประโยชน์ได้ใช่ไหม ก่อให้เกิดความวุ่นวายไหมละ ดังนั้นไม่ว่าทำเรื่องอะไรก็สามารถคำนึงถึงต้าฝ่าด้วยสำนึกของตัวเอง ข้าพเจ้าว่าปัญหาก็จะไม่เหมือนกันแล้ว สถานการณ์ก็จะไม่เหมือนกันแล้ว ข้าพเจ้าขอแนะว่าผู้ฝึกทั้งหลายที่ถูกสงสัยเคลือบแคลง ขอให้ไปที่สถานกงสุล ไปที่ถนนแจกเอกสาร ไปที่ที่มีความต้องการคนมากที่สุดอธิบายความจริงกับชาวโลกโดยตรงอย่าเพิ่งไปร่วมในเรื่องพิเศษเฉพาะเลยทำให้ทุกคนเห็นว่าท่านนั้นจริงหรือปลอมท่านใช้ได้หรือไม่

ถ้ามีปัญหาจริงทุกท่านก็ไม่ต้องกังวลใจคนชนิดนี้อยู่ในหมู่ศิษย์ต้าฝ่าแต่กลับไม่อยู่ในฝ่าเมื่ออิทธิพลเก่าใช้ชีวิตของพวกเขาจนหมดแล้วก็จบสิ้นกันที่จริงข้าพเจ้าทราบว่าพวกที่มีปัญหาก็รู้ว่าต้าฝ่าดีเนื่องจากกลัวว่าแต่ก่อนเรื่องที่ทำไม่ดีไว้กับทุกคนจะถูกองค์กรสายลับกระพือข่าวจิตหวาดกลัวทำให้เขา ทำเรื่องไม่ดีไปพลาง ก็ขอให้ฝ่าเซินของอาจารย์ผ่อนปรนให้จะให้ผ่อนปรนได้อย่างไรกันละการบำเพ็ญนั้นช่างเข้มงวดเสียนี่กระไรโดยเฉพาะคือการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่าเป็นธรรมานุภาพที่ไม่ธรรมดาเลย! แสวงหาด้วยจิตยึดติดยังเป็นจิตหวาดกลัวที่สกปรกจะไม่ได้รับอนุญาตอะไรเลยและเป็นไปไม่ได้จิตชนิดนี้พวกปีศาจทรามเหลือเดนของอิทธิพลเก่าย่อมมองเห็นได้จากนั้นก็แอบอ้างอาจารย์นำพาท่าน อนุญาตท่านอะไรนั่นก็คือต้องการจะฆ่าท่าน

ศิษย์: ศิษย์ต้าฝ่าไต้หวันทั้งหมดศิษย์ยุวชนโรงเรียนหมิงฮุ่ยไต้หวันขอส่งความปรารถนาดี มายังอาจารย์ (อาจารย์: ขอบใจทุกคน) (ที่ประชุมปรบมือ) ไต้หวัน ศิษย์ยุวชนโรงเรียนหมิงฮุ่ยโต้วโต้วหยวนทั้งหมด ขอส่งความปรารถนาดีมายังอาจารย์ในช่วงเจิ้งฝ่าพวกเราจะอาศัยเรื่องการศึกษาในการยืนยันความถูกต้องของฝ่าให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไร

อาจารย์: ที่จริงเรื่องที่พวกท่านทำคือการยืนยันความถูกต้องของฝ่าอยู่แล้วนักเรียนโรงเรียนหมิงฮุ่ยล้วนเป็นศิษย์ยุวชนกันแล้วและส่งผลกระทบต่อสังคมส่งผลกระทบต่อโรงเรียนส่งผลกระทบต่อวงการศึกษานั่นคือพวกเราสามารถหยั่งรากได้ลึกยิ่งขึ้นกว้างขวางยิ่งขึ้นที่จริงนั่นคือความหวังที่ข้าพเจ้าฝากไว้กับพวกท่าน (หัวเราะ) (เสียงปรบมือ) พูดว่าข้าพเจ้าฝากความหวังนั้น ควรพูดว่าเป็นการฝากความหวังของสรรพชีวิต (หัวเราะ) (เสียงปรบมือ)

ศิษย์: หลายคนที่เรียกตัวเองว่าศิษย์ต้าฝ่าซึ่งมาจากพื้นที่บางแห่งในประเทศจีน ก็มีเพื่อนผู้บำเพ็ญรีบช่วยทำเรื่องขอลี้ภัย จำเป็นต้องทำความเข้าใจสักระยะหนึ่งแล้วค่อยช่วยเหลือเรื่องการลี้ภัยหรือไม่

อาจารย์: เรื่องเหล่านี้ผู้ฝึกเองทำไปตามสถานการณ์เถอะถ้าเป็นศิษย์ต้าฝ่าจริงมีความยากลำบากแล้วไม่ช่วยก็ไม่ดีถามเกี่ยวกับฝ่าสักหน่อยก็เข้าใจได้มิใช่หรือ

ศิษย์: มีผู้ฝึกบางคนทำอะไรมักเดินสุดขั้ว นำพาให้เกิดผลกระทบที่ไม่ดีต่อต้าฝ่า

อาจารย์: ชีวิตที่เทพมองไม่ขึ้นมากที่สุด (ดูถูก) ก็คือชีวิตนี้ที่ค้นหาตนเองไม่พบทำอะไรล้วนไม่มีความคิดถูกต้องเพียงพอหาตัวเองไม่พบ พูดจาไม่ได้ออกมาจากใจจริง ทำอะไรแบบสุดขั้ว ไม่มีความเป็นตัวเองท่านว่าจะช่วยใครได้ละ คนไหนคือท่านเทพดูถูกชีวิตอย่างนี้มากที่สุดคนอย่างนี้แม้เข้ามาอยู่ในหมู่ศิษย์ต้าฝ่าแล้ว ที่แท้กลับไม่อยู่ในต้าฝ่าช่างน่าเวทนาเสียเหลือเกินไม่มีความคิดที่ถูกต้อง

ศิษย์: มีผู้ฝึกบางคนที่มีความสามารถพิเศษขณะที่ฟาเจิ้งเนี่ยน เข้าใจว่าชีวิตเหล่านั้นในมิติอื่นสมควรให้ความช่วยเหลือการกำจัดพวกมัน ไม่ค่อยจะมีความเมตตา

อาจารย์: เรื่องนี้เมื่อยังไม่ได้เจิ้งฝ่าหรือว่าอาจารย์สำนักไหนขณะนำพาลูกศิษย์ทำเรื่องนี้ศิษย์ของเขาไปเข้าใจอย่างนี้ก็ไม่อาจพูดว่าผิดในฐานะอาจารย์มักจะถือว่าท่านไม่มีความคิดที่ถูกต้องอาจารย์คนไหนมีลูกศิษย์แบบนี้ ไม่ช้าก็เร็ว ต้องส่งกลับบ้านไปเพราะว่าสิ่งที่อาจารย์พูด ท่านไม่ปฏิบัติตาม ท่านเป็นศิษย์ประเภทใดวันนี้ปัญหาก็ไม่เหมือนกันแล้วการเจิ้งฝ่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ก็ห่างไกล ลิบลับกับการบำเพ็ญเฉพาะตัวของชีวิตหนึ่งชีวิตหนึ่งรบกวนท่านรบกวนต้าฝ่าชีวิตที่ควรกำจัด ไม่ใช่ปัญหาความเมตตาหรือไม่เมตตาของท่านเองแต่คือปัญหาว่าท่านรับผิดชอบต่อต้าฝ่าหรือไม่

ในฐานะศิษย์ต้าฝ่าอย่าถือว่าเป้าหมายการช่วยเหลือสรรพชีวิต ก็เพื่อการบำเพ็ญหยวนหมั่นของท่านแต่ลำพังไม่ใช่ภารกิจของศิษย์ต้าฝ่าคือยืนยันความถูกต้องของฝ่าแม้แต่การยืนยันความถูกต้องของฝ่าท่านก็ไม่ทำหรือ การประทุษร้ายต้าฝ่าท่านก็ไม่รู้สึกรู้สาเลยหรือ ศิษย์ต้าฝ่าในจีนแผ่นดินใหญ่ก็ถูกสิ่งเหล่านี้ทำร้ายถึงตายด้วยนี่ไม่เกี่ยวกับท่านหรือ ท่านได้รับทุกสิ่งจากฝ่าต้าฝ่าไม่ต้องการการตอบแทนอะไรจากท่านแต่พูดในฐานะศิษย์ต้าฝ่าคนหนึ่งไม่มีต้าฝ่าแล้วจะมีท่านไหมท่านปกป้องต้าฝ่ามิใช่การปกป้องตัวท่านเองหรือ ข้าพเจ้านั้น ที่จริงรู้สึกว่าผู้ฝึกคนนี้ไม่เพียงแต่เป็นปัญหาของการสับสนปัญหาที่ถามมายังอ่านไม่หมด --------

ศิษย์: ...........คิดค้นวิธีหนึ่งชุดคือ การท่อง (ลุ่นอวี่) สักกี่จบบวกกับการรำมือเข้าไปสักกี่ท่าแล้วบอกว่าบังเกิดผลลัพธ์(พลังงาน)ที่แรงมาก (อาจารย์: ท่านดู ข้าพเจ้าว่าเขาไม่เพียงเป็นปัญหาสับสนเลอะเลือนเท่านั้นนะ) (ที่ประชุมหัวเราะ) ยังเที่ยวไปสอนผู้ฝึกคนอื่นอย่างเงียบๆด้วย

อาจารย์: นี่คือการรบกวนก็คือถูกมารหลอกใช้แล้วเพียงแต่ว่ายังไม่ร้ายแรงนักกล่าวในฐานะผู้ฝึกระดับชั้นได้ตกลงไปมากเหลือเกินแล้วเปรียบเทียบกับเหล่าศิษย์ต้าฝ่าที่ยืนยันความถูกต้องของฝ่าอย่างสง่าผ่าเผยแล้ว ดูกระจิดริดมากโอ้ ห่างกันลิบลับเลยที่จริงเขาก็รบกวนผู้ฝึกไม่ได้ผู้ฝึกมากมายก็ดูออกว่าเขาผิดปกติมีเพียงคนจำนวนน้อยจริงๆ ที่มีจิตยึดติดแรงมากจึงถูกชักนำ

ศิษย์: ศิษย์รู้สึกว่าอิทธิพลเก่าจัดวางด่านตายส่วนหนึ่งเอาไว้ให้พวกเราคิดจะให้พวกเรา พอตกลงไปก็ลุกไม่ขึ้นแต่หากพวกเราเดินผ่านด่านเหล่านั้นทุกข์ภัยเหล่านั้นก็จะสามารถปล่อยวางจิตยึดติดที่แท้จริง แล้วจึงจะทำได้ดียิ่งขึ้น

อาจารย์: ใช่หากทุกท่านไม่มีสิ่งยึดติดอะไรอิทธิพลเก่าก็จับจุดบกพร่องไม่ได้และก็ไม่มีปัญญา

ศิษย์: บทบาททั้งหลายที่แสดงออกมาในยุคเจิ้งฝ่าของไต้หวันจะเป็นอย่างไรหลังฝ่าปรับโลกมนุษย์

อาจารย์: ฝ่าปรับโลกมนุษย์นั้นเป็นเรื่องอนาคต บทบาทของไต้หวันข้าพเจ้าพูดกับท่านฯ ได้แต่เพียงว่า มีบรรพบุรุษเดียวกัน เป็นชนชาติเดียวกัน สองฝั่งช่องแคบมีท่าทีต่อต้าฝ่าต่างกันนี่คือการเปรียบเทียบอย่างเด่นชัดแบบหนึ่ง

ศิษย์: ศิษย์ต้าฝ่าจะเข้าใจอย่างเป็นรูปธรรมของวันที่การเจิ้งฝ่าสิ้นสุด(วันที่ฝ่าปรับโลกมนุษย์)ได้อย่างไร

อาจารย์: อย่ายึดติด เมื่อวันนั้นมาถึงประวัติศาสตร์ของจักรวาลเก่านี้ก็สิ้นสุดแล้วศิษย์ต้าฝ่าก็หยวนหมั่นแล้วเวลาที่หยวนหมั่นพลังกงเปิดกล่าวสำหรับชีวิตหนึ่งก็คือ ก่อนหนึ่งวินาที หลังหนึ่งวินาทีแม้เพียงหนึ่งวินาทีก็ไม่มีก็ก่อนหนึ่งพริบตา หลังหนึ่งพริบตา ก็คือความแตกต่างกันของคนกับเทพการบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่านั้น คือจากระดับจุลทรรศน์สู่ชั้นพื้นผิวดังนั้นส่วนที่บำเพ็ญสำเร็จในระดับจุลภาคนั้นเวลาไม่มีการควบคุมของร่างหลัก เขาไม่เคลื่อนไหวแต่อะไรก็รู้หมดบำเพ็ญสำเร็จแล้วนี่ท่านบำเพ็ญถึงเขตแดนสูงสุด ตลอดไปจนถึงข้างล่าง แต่ละเขตแดนนั้นล้วนมีส่วนหนึ่งของท่านสภาพการณ์ในเขตแดนที่ท่านอยู่ทั้งหมดนั้นท่านจะรู้หมดดังนั้นก่อนหน้าหนึ่งวินาที หลังหนึ่งวินาทีชั่วประเดี๋ยวเดียวนั้นคือการแบ่งระหว่างเทพกับคนในชั่วพริบตานั้นอะไรๆ ก็รู้หมดในชั่วพริบตานั้นก็คือเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถทำได้ทั้งหมด

ศิษย์: สถานการณ์ทางการเมืองของไต้หวันในเวลานี้เป็นการจัดวางของอิทธิพลเก่า หรือเป็นผลที่เกิดจากใจของศิษย์ต้าฝ่า

อาจารย์: ดูเหมือนผู้ฝึกสนใจในเรื่องนี้จริงๆ ศิษย์ต้าฝ่าไม่ได้ส่งผลให้เกิดสถานการณ์นี้ สิ่งเหล่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราศิษย์ต้าฝ่า ล้วนเกิดขึ้นจากองค์ประกอบที่อิทธิพลเก่าในอดีตเหลือทิ้งไว้ แต่ดูจากสภาพการณ์ในปัจจุบัน กากเดนทั้งหลายของอิทธิพลเก่าปรากฏว่าใจสู้แต่กำลังไม่เป็นใจแล้ว

ศิษย์: หลังจากที่สิ่งชั่วร้ายเริ่มการประทุษร้ายปราบปราม มีผู้ฝึกเคยไปร้องเรียนที่เป่ยจิง(ปักกิ่ง) ต่อมาภายหลังเขาอ่านแต่ [จ้วนฝ่าหลุน] ไม่อ่านจิงเหวิน มีการพูดคุยกันหลายครั้ง หวังอยากจะให้เขาตื่นจากการรับรู้ที่ไม่ถูกต้อง แต่ไม่ได้ผล ใคร่ขอถามจะใช้ค้อนหนักอะไรเคาะให้เขาตื่นได้ (อาจารย์หัวเราะ) (ที่ประชุมหัวเราะ)

อาจารย์: ลองไปพูดกับเขาด้วยจิตเมตตา ลองดูซิว่าเขายึดติดอยู่ตรงไหน เขามีจิตยึดติดที่เป็นเงื่อนปมในใจและจิตหวาดกลัวทำให้เกิดเป็นสภาวะแบบนี้ ยังไม่ใช่เพราะฟังหรือเชื่อการกุข่าวเท็จ การโฆษณาชวนเชื่อของสิ่งชั่วร้าย แต่(เขา)ก็รู้ว่าฝ่านั้นดี มีความขัดแย้งในใจ ไม่อาจปล่อยวาง หากไม่ไหวจริงๆ นั่นก็เป็นเรื่องของเขาเอง ยังพอช่วยเหลือได้พวกท่านก็ลองช่วยเขาเถอะ

ศิษย์: ระยะหลังพวกเราใช้รูปแบบการแสดงศิลปะไปอธิบายความจริงตามที่ต่างๆ ในสังคม ได้ผลดีมาก บางองค์กรให้พวกเราไปสาธิตหลังพลังกง สอนฝึกพลังกง ในจำนวนนั้นมีองค์กรหนึ่งเป็น คนที่ป่วยโรคมะเร็งทั้งหมด ใคร่ขอถามพวกเราจะยึดกุมให้ดีอย่างไร พวกเราต้องการจะจัดการแสดงในระดับใหญ่ สามารถจะเก็บค่าบัตรผ่านประตูไหม สามารถระดมเงินให้องค์กรอื่นได้ไหม

อาจารย์: ไม่สามารถระดมเงินให้องค์กรอื่นโดยเด็ดขาด และไม่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ที่ไม่มีความหมายต่อศิษย์ต้าฝ่า ศิษย์ต้าฝ่ายืนยันความถูกต้องของฝ่าอธิบายความจริง ช่วยเหลือสรรพชีวิต คัดค้านเรื่องการประทุษร้าย เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งที่ไม่อาจจะรบกวนได้ หากทำในสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับต้าฝ่าก็จะเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย

มีบางคนอาจจะคิด บอกว่าฉันบริจาคเงินให้เขาสักหน่อย คนเหล่านี้ไม่แน่อาจจะดีกับฝ่าหลุนกงก็ได้ ไม่ใช่เพื่อเหตุผลข้อนั้น ข้าพเจ้าถ่ายทอดฝ่ามาหลายปีขนาดนี้ ตลอดมาข้าพเจ้าไม่เคยคิดที่จะใช้วิธีการทางการเงินเลย ใช้อิทธิพลอะไร ใช้บารมีส่วนตัวไปบอกให้คนมาได้ฝ่า เขาไม่ใช่มาเพื่อฝ่า เช่นนั้นก็ใช้ไม่ได้

ศิษย์: ในการฟ้องร้องคดี ผู้ฝึกสามารถอธิบายความจริงกับผู้พิพากษาได้หรือไม่เช่นนี้จะกระทบต่อความยุติธรรมของกฎหมายหรือไม่

อาจารย์: พูดเรื่องการประทุษร้ายนั้น ไม่มีปัญหาผู้ฝึกไปอธิบายความจริงในเรื่องที่ไม่เกี่ยวโยงกับคดีความ ก็ควรที่จะไม่มีปัญหาคนอยู่ในโลกมีกรอบมากมายปิดล้อมคนเองอยู่แล้วแต่ถ้าท่านไปทำเรื่องต่างๆ ด้วยสติปัญญา และไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ควรพูดว่าไม่มีปัญหา

ศิษย์: ผู้รับผิดชอบอธิบายความจริง ณ จุดท่องเที่ยวหนึ่งในฮ่องกง และ ในสภาพที่เป็นอยู่ของฮ่องกงการอธิบายความจริงของผู้รับผิดชอบ สามารถปรับที่นั่นให้ดีได้ถึงขั้นนั้นจิตใจเช่นนี้น่ายกย่องและถูกผู้ฝึกบางคนเข้าใจว่า เธอเป็นเทพองค์หนึ่งอย่างแท้จริงผู้ฝึกบางคนมีความเห็นว่าไปที่นั่นอธิบายความจริงหนึ่งสัปดาห์ยังดีกว่าบำเพ็ญอยู่ในไต้หวันหนึ่งปี (ที่ประชุมหัวเราะ) ( อาจารย์: นี่สุดขั้วแล้ว) เนื่องจากผู้ฝึกมากมายไปเพราะชื่นชมในชื่อเสียง ......

อาจารย์: ผู้ฝึกเราทุกคน ต้องระวังปัญหาข้อหนึ่งผู้ฝึกบางคนนั้นทำได้ดีแต่เธอก็ยังคงบำเพ็ญอยู่ถ้าหากพวกเราทำกันอย่างที่ว่าแล้วใช่หรือไม่ว่าจะชักนำให้ผู้ฝึกเกิดการยึดติดใหม่ขึ้นมา จะทำให้ผู้ฝึกเกิดการลำพองใจหรือไม่ดังนั้นข้าพเจ้าคิดว่าทุกท่านต้องระวังไว้ผู้ฝึกคนใดทำด้านไหนได้ดี พวกเราควรศึกษาไว้แต่ว่าก็ยังบำเพ็ญกันอยู่ใช่ไหม ยังมีจิตของคนที่ยังไม่ได้ละทิ้งไปยังคงต้องยึดถือฝ่าเป็นมาตรฐาน

ศิษย์: เร็วๆ นี้พี่สาวคนนั้นเนื่องจากยืนกรานจะแก้ไขวิธีฟาเจิ้งเนี่ยนเปลี่ยนลำดับการเชื่อมต่อ 5 นาที โดยเปลี่ยน 5 นาทีแรกของการชำระล้างความคิดที่ไม่ดีของตนเอง เป็นการขจัดพวกมือมืดก่อนและบังคับผู้ฝึกทำตามคำเคล็ดของหล่อน

อาจารย์: ท่านดูพูดถึงก็มาเลย (ที่ประชุมหัวเราะ) นี่ก็ทำให้เธอก่อเกิดจิตอะไรขึ้นมาแล้วนี่ไม่ใช่ก็มาแล้วหรือ พวกท่านกระตุ้นให้เธอออกลวดลายมาอีกชุดหนึ่งแล้วดังนั้นข้าพเจ้าคิดว่า ต้องศึกษาฝ่าให้มากใช้ฝ่าเป็นมาตรฐานคนไหนบำเพ็ญด้านไหนได้ดีนั่นเพราะเธอบำเพ็ญได้ดีอยู่ในฝ่าไม่ใช่ว่าเธอดีกว่าฝ่าดังนั้นท่านก็ไม่ได้ศึกษาฝ่า ท่านเรียนจากคนก่อนที่คนจะบำเพ็ญสำเร็จ ย่อมจะมีจุดรั่วเสมอด้านไหนดีไม่ได้หมายความว่าทุกด้านล้วนดีหมดคราวนี้ทำจนผู้ฝึกเกิดการยึดติดขึ้นมาแล้วเรื่องพวกนี้ให้ระวังไว้

ศิษย์: ขอให้ท่านอาจารย์กรุณาบอกพวกเราว่าจะทำอย่างไรจึงจะนำ เจิน ซั่น เหยิ่น คุณสมบัติพิเศษของจักรวาลถ่ายทอดผ่านสื่ออย่างมีสติปัญญา อย่างแยบยล ออกไปทั่วทุกที่ได้สรรพชีวิตในโลกของสายเต๋าเป็นอย่างไร

อาจารย์: นี่พูดถึงอะไรนะ (ที่ประชุมหัวเราะ) ถ่ายทอดผ่านสื่อ อย่างแยบยล อย่างมีสติปัญญา ออกไปทั่วทุกที่ ข้าพเจ้าฟังดูคำพูดนี้ไม่เหมือนคำพูดของศิษย์ต้าฝ่า เป็นผู้ฝึกใหม่กระมัง ไม่มีวิธีการที่แยบยลอะไร ศิษย์ต้าฝ่านั้นล้วนทำไปตามฝ่าเมตตาสรรพชีวิต บอกสิ่งที่ดีงามแก่สรรพชีวิตทำไปตามสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่เอื้ออำนวยของตนเองและมีความปรารถนาที่จะทำเรื่องนี้

โลกของสายเต๋าเป็นอย่างไรสายเต๋า ข้าพเจ้าเคยพูดไปแล้วในอดีตสายเต๋านั้นไม่มีโลกสายเต๋าเขาบำเพ็ญตามลำพังบำเพ็ญในที่วิเวก อยู่บนสวรรค์ก็อยู่ตามถ้ำในภูเขาเต๋าอยู่บนสวรรค์ก็ท่องเที่ยวไปน้อยมากที่จะมีอารามเต๋าจากยุคใกล้ หลังจากศาสนาเต๋าปรากฏขึ้นมาก็เกิดปัญหาการถกเถียงระหว่างพุทธ กับ เต๋าดังนั้นจึงมีการตั้งศาสนาเต๋าออกมาในศาสนาเต๋าก็มีพระพุทธพระโพธิสัตว์ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ได้แก้ไขไปหมดแล้ว

ศิษย์: สองสามีภรรยาล้วนเป็นศิษย์ต้าฝ่า ทะเลาะกันความขัดแย้งไม่มีทางแก้ไข จะหย่าร้างได้ไหม (ที่ประชุมหัวเราะ) นี่เกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญหรือไม่

อาจารย์: จริงๆแล้วข้าพเจ้าว่า การบำเพ็ญของท่านมีจุดรั่ว ถึงแม้จะมีผู้ฝึกหลายคนบอกว่าท่านบำเพ็ญใช้ได้ มิใช่ยึดติดกับสิ่งเหล่านี้ของคนเกินไปหรอกหรือ ถ้าหากล้วนปล่อยวางความเป็นตัวฉัน บำเพ็ญได้ดีมาก ทั้งคู่ไม่มีความเป็นตัวฉันรุนแรงอย่างนั้นสองสามีภรรยาล้วนเป็นศิษย์ต้าฝ่า ยังจัดการปัญหาเหล่านี้ไม่ได้หรือ

การหย่าร้าง ข้าพเจ้าบอกพวกท่านให้ทำตัวสอดคล้องกับสังคมคนธรรมดาสามัญให้มากที่สุด วันนี้พวกท่านหย่าร้างก็ดี แต่งงานก็ดี ข้าพเจ้าไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น ข้าพเจ้านั้นบรรยายบนหลักการของฝ่า แต่ข้าพเจ้าขอบอกท่าน ในอนาคตไม่อนุญาตให้มีเรื่องเหล่านี้อยู่ นี่เกิดขึ้นจากสภาพสังคมปัจจุบัน ข้าพเจ้าก็ไม่อาจบังคับให้พวกท่านไปทำอย่างไรแต่ชีวิต ในอนาคตไม่อนุญาตเช่นนี้ทำเช่นนี้ไม่ได้

พูดถึงคนอีกหน่อยนะ คนเดี๋ยวนี้หนา เห็นความสำคัญของ “ฉิง” (อารมณ์ความรู้สึก ความรักความผูกพัน) มากเหลือเกินแต่ว่าฉิงเป็นสิ่งที่ไม่อาจพึ่งพาที่สุดท่านดีต่อฉันแล้ว ฉันก็ดีใจไม่ดีต่อฉันแล้ว ก็ไม่มีฉิงแล้ว เจ้าสิ่งนี้พึ่งพาได้หรือสามารถใช้ฉิงรักษา(ประคอง)ชีวิตสมรสได้ไหม คนนะ นอกจากพูดถึงศีลธรรมแล้วระหว่างสามีภรรยายังมีเรื่องบุญคุณนะกล่าวสำหรับผู้หญิงชีวิตหนึ่งของเธอก็ได้มอบให้กับท่านแล้วผู้ชายควรคิดว่า หญิงคนนี้ได้มอบชีวิตให้ฉันแล้วฉันต้องรับผิดชอบต่อเธอบุญคุณระหว่างสามีภรรยานั้นสิ่งนี้คนในปัจจุบันไม่เข้าใจกันแล้วและไม่พูดถึงแน่นอนเวลานี้ก็ไม่ใช่สภาพสังคมอย่างนี้ข้าพเจ้าก็ไม่กำหนดอย่างนี้ในฐานะศิษย์ต้าฝ่าควรทำให้ดีสักหน่อยพยายามไม่ให้เกิดเรื่องเหล่านี้

แน่นอนละเมื่อครู่ข้าพเจ้าพูดแต่ผู้ชายข้าพเจ้าจะพูดผู้หญิงบ้าง (ที่ประชุมหัวเราะ) จะพูดเบาหน่อยแล้วกัน(ที่ประชุมหัวเราะ) การเป็นผู้หญิงนะ ต้องเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้ชาย ผู้หญิงหนาพวกท่านล้วนคิดให้ผู้ชายของตนสามีของตนเป็นผู้เข้มแข็ง มีกำลังแบบชายชาตรีที่สง่าผ่าเผย แต่การแสดงออกของท่านนั้นกลับรังแกและกดขี่เขาบ่อยๆท่านควบคุมเขาราวกับเป็นผู้หญิง (ที่ประชุมหัวเราะ) นี่จะเป็นชายชาตรีได้อย่างไรกัน เมื่อสังคมทั้งหมดกลายเป็นแบบนี้พวกท่านลองคิดดูผู้ชายเหล่านี้ในสังคม ต่างเปลี่ยนเป็นชายแบบหญิงกันหมด (ที่ประชุมหัวเราะ) ผู้หญิงต่างเปลี่ยนเป็น หญิงแบบชายหมด (ที่ประชุมหัวเราะ) นี่คืออินหยางกลับตาลปัตร แน่นอนลักษณะสังคมนี้ก็เป็นอย่างนี้ ข้าพเจ้าก็ไม่เรียกร้องว่าพวกท่านต้องเป็นอย่างไรเท่านั้น พวกเรามีผู้ฝึกหญิงที่มีความสามารถมากจริง ๆ และมีบางคนก็ไม่ธรรมดาเลย (หัวเราะ) ความสามารถที่มีบางครั้งเหนือกว่าผู้ชายด้วย แต่หลาย ๆ ครั้งพวกท่านต้องคำนึงถึงผู้ชายจริง ๆ ผู้บำเพ็ญไม่ว่าอยู่ที่ไหนล้วนเป็นคนดี ท่านต้องคำนึงถึงผู้อื่นอยู่ในบ้านทำไมไม่คำนึงถึง และเอาอกเอาใจสามีของตัวพวกเรา มิใช่จะเหลือสิ่งที่ดีที่สุดไว้ให้มนุษยชาติในอนาคตหรอกหรือ ทั้งคู่ล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเธอคำนึงถึงฉันๆ คำนึงถึงเธอแล้วจะพูดเรื่องหย่าร้างได้อย่างไรกันละคุก (ความผูกพัน) นั้นแข็งแรงแน่นหนาไม่อาจตีให้แตกได้ (ที่ประชุมหัวเราะ) เอ้อ!

ศิษย์:  เรียนถามท่านว่าควรอธิบายความจริงกับนักธุรกิจอย่างไรดี

อาจารย์: คนนั้นย่อมยึดติดกับผลประโยชน์ กล่าวสำหรับคนธรรมดาสามัญ ผลประโยชน์ย่อมอยู่เหนือทุกสิ่ง นั่นก็คือคนท่านบอกความจริงกับพวกเขา แล้วเขาเข้าใจแล้ว อ้อ พวกคุณเป็นคนดีพวกคุณถูกประทุษร้าย แต่ว่าผมยังต้องไปหาเงินเนื่องด้วยแต่ละประเทศในปัจจุบันก็ยังไม่หยุดที่จะทุ่มเทเงินไปที่นั่น ในขณะที่ฝ่าหลุนกงอยู่ในระหว่างการถูกประทุษร้าย ทำให้สิ่งชั่วร้ายมีกำลังมีเงินทุนประทุษร้ายฝ่าหลุนกง และทำให้ประเทศเหล่านั้นที่ทุ่มเทเงินลงไป ต้องพึ่งพาตลาดนี้จึงไม่กล้าเปิดโปง ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นต่อการประทุษร้าย คนก็เป็นเช่นนี้นอกจากเขาจะบำเพ็ญหาไม่พวกเราก็เพียงพูดให้กับเขาได้แค่ระดับนี้นักธุรกิจก็แล้วแต่พวกเขาเถอะ

ศิษย์: เรียนถามท่านอาจารย์ องค์ศากยมุนีรู้แจ้งใน ศีลสมาธิปัญญา พวกเราอยู่ระหว่างการหล่อหลอมเข้ากับฝ่าก็ต้องประจักษ์แจ้งอยู่ท่ามกลางต้าฝ่า การหล่อหลอมเข้ากับหลักการของฝ่าของตนเอง เป็นเช่นนี้ใช่ไหม

อาจารย์: เป็นเช่นนี้ แต่สิ่งที่ท่านรู้ประจักษ์แจ้ง ข้าพเจ้ายังสรุปให้ท่านไม่สมบูรณ์ท่านยังไม่รู้ว่าคืออะไรหรอกการรับรู้เปิดแล้วจึงจะรู้เพราะวิธีการบำเพ็ญไม่เหมือนกันพวกท่านอย่าได้เสนอความคิดที่แปลกแหวกแนว พรุ่งนี้ท่านก็จะตั้งคำศัพท์อะไรออกมาท่านว่าที่ฉันบำเพ็ญคือสิ่งนี้ท่านก็เพี้ยนแล้ว

ศิษย์: ศิษย์ต้าฝ่า ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย (อาจารย์: อันนี้ ข้าพเจ้าอ่านต่อละกัน) ออสเตรเลียญี่ปุ่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเก๊า เกาหลี ไต้หวัน นิวซีแลนด์ ศิษย์ต้าฝ่าหญิงซึ่งถูกกักกันในค่ายแรงงานอย่างผิดกฎหมายในปักกิ่ง กว่างซีหลิ่วโจว กว่างตงเหม่ยโจว เจียงซู หยางโจว ซิดนีย์ โรงเรียนหมิงฮุ่ยในญี่ปุ่น เจ๋อเจียงหนิงปอ จูไห่ หังโจว ซานตงชิงเต่า ไห่หยาง เซี่ยงไฮ้ เหยียนเปียน อู่ฮั่น ซานซี เมืองจี้หลิน มณฑลจี้หลิน เมืองซวงเฉิน เฮยหลงเจียงเวยไห่ กว่างโจวฟานหยี๋ว ซีอาน ปักกิ่ง ประตูเจียงเหมิน กว่างตงขอแสดงความเคารพอย่างสูงสุดต่อท่านปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่

อาจารย์: ขอบใจทุกท่าน (เสียงปรบมือ) ข้าพเจ้าทราบโดยเฉพาะศิษย์ต้าฝ่าเหล่านั้นในจีนแผ่นดินใหญ่จิตใจและความรู้สึกของพวกเขาความคิดถึงต่ออาจารย์ของพวกเขาที่จริงข้าพเจ้าก็รู้สึกเหมือนกับพวกเขาสิ่งชั่วร้ายจะถูกขจัดไปจนถึงที่สุดเมฆดำไม่อาจบดบังฟ้าได้

ศิษย์: เมื่อโทรศัพท์ไปปักกิ่งอธิบายความจริงเพื่อนผู้บำเพ็ญรับโทรศัพท์แล้วศิษย์บอกกับพวกเขาว่าศิษย์ต้าฝ่าทั่วโลกต่างกำลังห่วงใยพวกคุณขอให้ศรัทธามั่นในอาจารย์ศรัทธามั่นในต้าฝ่าที่ทนได้ยากก็ทนได้ที่ทำได้ยาก ก็ทำได้ผู้บำเพ็ญฝากความปรารถนาดีมายังท่านอาจารย์ทุกคนล้วนแต่คิดถึงท่าน

อาจารย์: ขอบใจทุกคน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์: หน่วยสันติบาลกว่างตงฝากถ่ายทอดความปรารถนาดีมายังท่านอาจารย์ ขณะนี้พวกเขามี ( อาจารย์: จำนวนคน ข้าพเจ้าไม่อ่านละ) เข้าใจชัดเจนการประทุษร้ายครั้งนี้

อาจารย์: สถานการณ์ของการอธิบายความจริง ช่วยเหลือสรรพชีวิตของศิษย์ต้าฝ่าจีนแผ่นดินใหญ่ เปลี่ยนแปลงเร็วกว่าของนานาประเทศเพราะถึงอย่างไรที่นั่นมีศิษย์ต้าฝ่าจำนวนมากศิษย์ต้าฝ่าเกือบร้อยล้านคนกำลังแสดงบทบาทที่ยิ่งใหญ่ในการคัดค้านการประทุษร้ายการอธิบายความจริง ช่วยเหลือสรรพชีวิตนอกประเทศจีนของทั่วโลกก็ทำให้ชาวโลกเหล่านี้ที่เข้าใจความจริงสามารถประณามการประทุษร้ายครั้งนี้ทำให้สิ่งชั่วร้ายถูกกำจัดไปคือผลลัพธ์ของความมานะบากบั่นร่วมกันของการเจิ้งฝ่าและศิษย์ต้าฝ่าทั่วโลกแต่ว่าก่อนที่การเจิ้งฝ่าจะมาถึง การคิดที่จะให้การประทุษร้ายในประเทศจีนหยุดได้ นั้นยังคงต้องเป็นบทบาทหลักของศิษย์ต้าฝ่าในจีนแผ่นดินใหญ่ มวลชนมากมายในประเทศจีนรู้สึกต่อต้านการประทุษร้ายครั้งนี้ที่ประสบอยู่ไม่เพียงแต่มวลชนชนชั้นสูงในสังคมกระทั่งเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงก็มีคนมากมายที่ลุกขึ้นมาพูดความจริงเกี่ยวกับการประทุษร้ายฝ่าหลุนกงกันแบบตรงๆ ไม่อ้อมค้อมอีกไม่นานผู้คนต่างจะลุกขึ้นมาประณามการประทุษร้ายครั้งนี้

ศิษย์: ในจิงเหวินท่านเคยเอ่ยถึงว่า ในอนาคตมีภารกิจที่ใหญ่ยิ่งกว่ารอพวกเราอยู่หมายถึงหลังจากพวกเราหยวนหมั่นแล้ว ต้องลงมาช่วยสรรพชีวิตของเรา ใช่หรือไม่

อาจารย์: ที่ท่านกำลังทำอยู่เดี๋ยวนี้ก็คือการช่วยเหลือสรรพชีวิตละไม่อาจขึ้นไปแล้วลงมาอีก (ที่ประชุมหัวเราะ) ใครจะกลับมาละ ท่านอยู่ที่นี่รู้สึกว่าที่นี่ดีเพราะตาคู่นี้มองไม่เห็นสภาพการณ์ที่แท้จริง รอเมื่อถึงเวลานั้นพอหันกลับมามองคนที่นี่ช่างสกปรกจัง เรียกท่านมา ท่านก็ไม่อยากมาแล้ว ดังนั้นข้าพเจ้าว่า สำหรับชีวิตเหล่านั้นที่กล้ามาที่นี่รับฝ่าล้วนสมควรเห็นคุณค่า แต่ว่าการประทุษร้ายของพวกอิทธิพลเก่า ทำให้สรรพชีวิตทำบาปต่อต้าฝ่าการแสดงออกของคนในระหว่างการประทุษร้ายนี้ได้ทำลายคนไปมากจริงๆ ทำลายสรรพชีวิตมากเหลือเกิน

ศิษย์:  ศิษย์มีร่างกายพิการจะฟาเจิ้งเนี่ยนอย่างไรเพราะมือขวาของผมพิการ

อาจารย์: งั้นท่านก็ใช้มือซ้ายไม่เป็นไรเพราะเวลาฟาเจิ้งเนี่ยนไม่ตั้งมือก็ใช้ได้ข้าพเจ้าบอกให้พวกท่านตั้งมือข้าพเจ้าต้องการให้ทุกท่านฟาเจิ้งเนี่ยนด้วยความชัดแจ้ง มีการสั่งการเข้มแข็งมากสักหน่อย ก็เพียงแค่นี้

ศิษย์: ในไต้หวันจะปลุกเร้าให้เพื่อนผู้บำเพ็ญเปลี่ยนจากฝ่ายที่ถูกกระตุ้นให้ทำ เป็นฝ่ายริเริ่มในการเข้ามาร่วมการยืนยันความถูกต้องของฝ่าเห็นคุณค่าของช่วงเวลาสุดท้ายของการเจิ้งฝ่า

อาจารย์: อันนี้ข้าพเจ้าคิดว่าที่จริงผู้ฝึกไต้หวันนั้นข้าพเจ้าวางใจมากที่สุดเพราะที่นั่นท่าทีของรัฐบาลต่อต้าฝ่าทำให้ด้านนี้ของพวกเราไม่น่าเป็นห่วงเพราะมีฝ่าอยู่ผู้ฝึกที่นั่นทำได้ดีมากบางครั้งข้าพเจ้ารู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขาทำเหมือนกับเมื่อปีที่ข้าพเจ้าอยู่ในประเทศจีน(เสียงปรบมือ)พูดถึงว่าพื้นที่ไหนมีคนเฉพาะรายที่ทำได้ไม่ดีนั่นล้วนเป็นขั้นตอนของการรับรู้ เป็นการแสดงออกมาซึ่งขั้นตอนการเดินสู่ความสุกงอมของผู้ฝึกใหม่ล้วนแต่จะค่อยๆดีได้การรบกวนในระหว่างการบำเพ็ญของแต่ละคนเปรียบเทียบกับ การประทุษร้ายในประเทศจีนแล้วยังคงต่างกัน แน่นอนย่อมมีการทดสอบส่วนตัวอยู่เสมอกล่าวในฐานะผู้บำเพ็ญต้องเข้าใจให้แจ่มแจ้งกลัวทุกข์ภัย กลัวข้ามด่าน นั้นไม่ได้วันๆ มีแต่สุขสบายนั่นคือการบำเพ็ญหรือ

ศิษย์: ศึกษาฝ่าร่วมกับผู้ฝึกชาวจีนอ่านภาษาจีนหนึ่งท่อนค่อยอ่านภาษาญี่ปุ่นหนึ่งท่อนผู้ฝึกจีนบางคนรู้สึกว่าการศึกษาแบบนี้เชื่องช้าผลลัพธ์ไม่ดีเท่าการอ่านเป็นกลุ่มเฉพาะภาษา

อาจารย์: ข้าพเจ้าว่าล้วนใช้ได้นะผู้ฝึกที่พูดญี่ปุ่นอ่านด้วยกันผู้ฝึกที่พูดจีนอ่านด้วยกันก็ใช้ได้ดูความสะดวกละกันไม่มีข้อกำหนดตายตัวอะไรทำอย่างไรให้ทุกท่านยกระดับได้ก็ทำอย่างนั้น

ศิษย์: ผมอายุน้อย มีเพื่อนผู้บำเพ็ญที่อายุมากกว่าผมผมมองเห็นจิตยึดติดของเขาแต่ไม่กล้าพูดนี่เป็นจิตหวาดกลัวหรือไม่

อาจารย์: อย่ามีจิตหวาดกลัวอะไรเห็นความไม่ถูกต้องแล้วก็สามารถพูดได้ต่อให้เป็นศิษย์ตัวน้อยๆเมื่อเห็นแล้วก็พูดได้

ศิษย์: ผมรู้จักผู้ฝึกคนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนเคยทำความผิดอย่างมหันต์ ก่อให้เกิดความเสียหายมากต่อต้าฝ่า เดี๋ยวนี้สภาพของเขายากลำบากมากผมควรช่วยเขาหรือไม่

อาจารย์: ถ้าคนนี้ทำเรื่องไม่ดีแล้ว และไม่ศึกษาอีกแล้วท่านก็ไม่สามารถเรียกเขาว่าผู้ฝึกแล้ว ขณะนี้ทุกท่านล้วนยุ่งกับการอธิบายความจริงใช้เวลาไปมากในการช่วยเหลือเขา นั่นต้องดูว่าคุ้มหรือเปล่า พวกท่านชั่งดูเองละกันยังจะสามารถช่วยกลับมาได้หรือไม่การใช้ความสามารถที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทำเรื่องนี้ การได้เสียเป็นอย่างไรด้านต่างๆ เหล่านี้ พวกท่านพิจารณาเองแล้วค่อยทำเถอะ

ศิษย์: นอกจากแผ่นดินใหญ่แล้ว ไต้หวันก็เป็นที่ ๆ คนอ่านหนังสือพิมพ์จีนมากที่สุด ขอท่านปรมาจารย์กรุณาแนะให้เห็นภาพในอนาคตของการทำหนังสือพิมพ์ของไต้หวัน

อาจารย์: ข้าพเจ้ายังขอพูดคำนั้นทำไปตามสภาพการณ์ของผู้ฝึกกำลังความสามารถกำหนดด้วยตัวเองอย่าให้อาจารย์กำหนดอะไรตายตัวเมื่ออาจารย์พูดอะไรไปแล้วท่านก็จะบอกว่า “อาจารย์บอกแล้ว” จะทำได้หรือไม่ลำบากหรือไม่ลำบากเงื่อนไขสุกงอมหรือไม่ไม่สนใจอะไรแล้วต้องทำให้ได้ดังนั้นข้าพเจ้าว่ายังคงให้จัดทำไปตามสภาพการณ์ของพวกท่านเอง

ศิษย์: “ปัดฝุ่นที่กลบหนาทิ้งไป เห็นความสั้นยาว” จะเข้าใจได้อย่างไร

อาจารย์: “ปัดฝุ่นที่กลบหนาทิ้งไป”จักรวาลนั้น นับแต่มีประวัติศาสตร์มาตราบจนถึงวันนี้ ได้ผ่านกาลเวลานับไม่ถ้วนแล้วเทียนถี่ของจักรวาลแตกสลายเรื่อยมาเหมือนกับการผลัดเซลล์ใหม่สลายแล้ว เกิดขึ้นอีกเกิดขึ้นแล้ว สลายอีกด้วยเหตุนี้ วิทยาศาสตร์ของมนุษย์จึงเข้าใจว่า การระเบิดครั้งใหญ่ ก่อให้เกิดจักรวาลฝุ่นละอองของจักรวาลก็กำลังร่วงหล่นองค์ประกอบที่ไม่ดีตกลงสู่ข้างล่างเรื่อยๆจากบนลงล่างระดับชั้นไหนก็ล้วนไม่บริสุทธิ์อย่างแรกเริ่มแล้วโดยเฉพาะคือในตรีภูมิ ยิ่งนานวันยิ่งไม่ดีฝุ่นกลบหนามานานแล้วยิ่งนานยิ่งหนาพระจันทร์ดวงนั้น เมื่อแรกที่ส่งขึ้นไป ไม่ใหญ่เช่นนั้นปัจจุบันชั้นนอกของมันที่เพิ่มขึ้นมีความหนาหลายสิบกิโลเมตร“ปัดฝุ่นที่กลบหนาทิ้งไป เห็นความสั้นยาว” สรรพชีวิตล้วนถูกองค์ประกอบภายนอกปิดบังตาไว้สนิทและยังมีองค์ประกอบที่ไม่ดีมากมายทำให้ชีวิตเองก็ไม่บริสุทธิ์แล้วโดยเฉพาะบรรดามนุษย์ ขณะที่ประทุษร้ายต้าฝ่านั้นถูกสิ่งชั่วร้ายที่มาจากภายนอกควบคุม รอให้ชำระล้างสิ่งเหล่านี้ไปหมดแล้วค่อยดูว่าชีวิตเหล่านี้จะเป็นอย่างไรก็คือความหมายนี้ (เสียงปรบมือ)

ศิษย์: การวางแผนให้ครอบคลุมกับการประสานงานเป็นปัญหาสองด้านเหตุใดจึงไม่กล่าวถึง การวางแผนให้ครอบคลุม กล่าวแต่เพียงการประสานงาน

อาจารย์: ทุกท่านประสานงานก็พอแล้วการเจิ้งฝ่าก็มีพัฒนาการที่จริงสิ่งที่พวกท่านทำก็คือ สามเรื่องที่พูดไปก่อนหน้าล้วนแต่กำหนดแน่นอนไว้แล้วล้อมรอบสามเรื่องนี้ ทำอย่างไรจึงจะทำมันให้ดีในขณะเดียวกันก็บำเพ็ญตนเองให้ดีช่วยเหลือสรรพชีวิตที่ยากที่สุดคือการช่วยเหลือสรรพชีวิตทำให้ดีได้อย่างไรที่จริงก็คือปัญหาการประสานงานข้าพเจ้าพูดถึงการประสานงานก็คือร่วมมือกันให้ดีการยืนยันความจริงให้ฝ่าก็เป็นการบำเพ็ญทั้งหมดล้วน แสวงหาจากภายใน ก็จะร่วมมือกันได้ดีต้าฝ่าก็คือการบำเพ็ญไม่มีอะไรอื่นการอธิบายความจริงทั้งหมดที่ศิษย์ต้าฝ่าทำด้านหนึ่งคือการช่วยเหลือสรรพชีวิตด้านหนึ่งคือการยับยั้งการประทุษร้ายครั้งนี้เปิดโปงการประทุษร้ายครั้งนี้คัดค้านการประทุษร้ายนอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว พวกเราไม่มีจุดประสงค์อื่นอีกพูดถึงกิจกรรมที่ศิษย์ต้าฝ่าทำนั้นการอธิบายความจริงในรูปแบบของสื่อพวกท่านร่วมกันวางแผนว่าควรทำอย่างไรนั่นล้วนเป็นการกระทำของผู้ฝึกแต่ละคน

ศิษย์: องค์ประกอบนอกจักรวาลและน้ำตายที่ไม่มีชีวิตเป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่

อาจารย์: น้ำตายที่ข้าพเจ้าพูดนั้นเป็นเพียงรูปแบบประเภทหนึ่งของจักรวาลในระดับชั้นที่แน่นอนจักรวาลนี้สลับซับซ้อนจนไม่มีทางที่จะใช้ภาษาคนมาบรรยายไปถึงระดับที่แน่นอนหนึ่งแม้แต่น้ำก็ไม่มีแล้วไม่ใช่น้ำแล้วจักรวาลช่างใหญ่เหลือเกินในแต่ละเขตแดนที่กว้างใหญ่ ล้วนมีมูลเหตุแก่นแท้ที่ก่อเกิดของจักรวาลนั้นๆแต่ก็ไม่ใช่มูลเหตุแก่นแท้ที่สุดแต่กล่าวสำหรับชีวิตในเขตแดนนั้นเมื่อได้มองเห็นสิ่งต่างๆ ทั้งหมดที่มีอยู่นั้น ก็เข้าใจว่านั่นคือมูลเหตุแก่นแท้แล้วปรากฏการณ์ชนิดนี้มีมากเป็นพิเศษ

ศิษย์: ในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบของฝอเซี๊ยฮุ่ย(สมาคมศึกษาพุทธ) ก็สามารถอยู่เหนือเหล่าผู้ฝึกกระนั้นหรือผู้ฝึกไม่สามารถออกความเห็นได้มีผู้รับผิดชอบหลักกำลังเล่นพวก

อาจารย์: ข้าพเจ้าคิดว่าหากผู้รับผิดชอบมีปัญหานี้อยู่จริง ก็ต้องระวังไว้กล่าวสำหรับผู้รับผิดชอบทำไมผู้ฝึกมีความคิดเช่นนี้ต่อพวกท่านละ พวกเรามีปัญหาอยู่มากใช่หรือไม่ ต้องคิดๆ ดูแล้วละผู้รับผิดชอบหนาแท้จริงข้าพเจ้าว่าผู้รับผิดชอบก็เพียงแต่เรียกกันอย่างนี้รับผิดชอบอะไรละ รับผิดชอบต้าฝ่าหรือท่านแบกรับไหวจริงๆ หรือ ที่จริงพวกเราเป็นเพียงผู้ติดต่อประสานงานคนหนึ่งเป็นคนที่ให้บริการพวกท่านไม่มีอำนาจไม่มีบารมีประสานกับทุกท่านให้ดีนี่คือสิ่งที่พวกท่านสามารถช่วยอาจารย์แสดงบทบาทที่ดีที่สุดอยู่ ณ เปลือกนอกของคน

บอกว่าผู้รับผิดชอบเล่นพวก นั้นดูเหมือนไม่ค่อยเหมาะสมที่แท้ผู้รับผิดชอบมิใช่กำลังดูแลผู้ฝึกทั้งหมดหรือ บางครั้งอาจจะรู้สึกว่าเขาใกล้ชิดกับคนรอบข้างเช่นนี้ก็ง่ายต่อการทำให้ผู้ฝึกอื่นเกิดความรู้สึกอย่างนี้ถ้าผู้ฝึกบางคนในใจมีความขัดแย้งกับผู้รับผิดชอบแล้วไปแพร่ข้อบกพร่องของผู้รับผิดชอบในหมู่ผู้ฝึกส่วนหนึ่งนั่นก็ไม่ใช่เป็นเพียงปัญหาของผู้รับผิดชอบแล้วการบำเพ็ญทำไมไม่ค้นหาจากภายในยั่วยุผู้ฝึก พุ่งปลายหอกไปที่ผู้รับผิดชอบเสียทั้งหมดชักนำคนกลุ่มหนึ่งไม่ให้ฟังผู้รับผิดชอบนี่คือการไม่รับผิดชอบต่อตนเองและต้าฝ่าทั้งสองด้านนี้ข้าพเจ้าล้วนจะต้องพิจารณา

ในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบต้องทำให้ดีกล่าวสำหรับผู้ฝึก ไม่ควรเฝ้าจ้องดูแต่ตัวผู้รับผิดชอบท่านเป็นศิษย์ต้าฝ่า แต่ละคนล้วนกำลังบำเพ็ญตนเองท่านกำลังทำอะไรท่านมาบำเพ็ญเพื่อช่วยผู้รับผิดชอบเท่านั้นหรือ ตนเองไม่บำเพ็ญหรือ ใช่ปัญหานี้หรือไม่ละ แต่ว่ากล่าวสำหรับผู้รับผิดชอบมีปัญหาที่ร้ายแรงอยู่จริงหรือไม่ ถ้าหากไม่สามารถช่วยอาจารย์นำพาผู้ฝึกในพื้นที่นี้ให้ดี นั่นเพราะตนเองมีปัญหาใช่หรือไม่ พวกท่านรู้ไหมว่าข้าพเจ้าคิดอย่างไร ศิษย์ต้าฝ่าทั้งหมดที่มีอยู่ ข้าพเจ้าไม่อาจปล่อยให้ตกหล่นไปได้ทุกๆ คนล้วนเป็นญาติของข้าพเจ้าพวกท่านมองญาติของข้าพเจ้าเป็นอื่นไปได้อย่างไรกัน กล่าวสำหรับผู้รับผิดชอบงานของต้าฝ่านั้นข้าพเจ้าย่อมจะสนับสนุนท่านแน่นอนนำพาผู้ฝึกในพื้นที่ได้ดีจึงจะเป็นคุณูปการใหญ่เรื่องหนึ่งคนธรรมดาสามัญมีคำพูดหนึ่งเรียกว่า “ถ้าระแวงคนก็อย่าใช้ถ้าใช้คนก็อย่าระแวง” นี่คือสิ่งที่คนธรรมดาสามัญพูดกันต้าฝ่าก็กำลังสร้างพวกท่านแต่ว่าในฐานะศิษย์ต้าฝ่าควรละทิ้งจิตอะไรต่างๆไปให้หมดจิตที่เป็นผู้รับผิดชอบ จิตที่เป็นหัวหน้าก็ต้องทิ้งไปแต่ละคนล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเพียงแต่เป็นคนที่ทุ่มเทให้ต้าฝ่ามากหน่อยดังนั้นกล่าวสำหรับผู้รับผิดชอบข้าพเจ้าในฐานะอาจารย์ ก็ขอเรียกร้องเช่นนี้ต่อพวกท่าน

งานของต้าฝ่าก็เป็นการบำเพ็ญวิธีการทำงานในสังคมมนุษย์ไม่เกี่ยวข้องกับงานผู้รับผิดชอบของต้าฝ่าแต่ก่อนคนก็ไม่เคยมีรูปแบบและวิธีการทำงานอย่างนี้แม้จะต้องรับผิดชอบแต่ก็เป็นผู้บำเพ็ญทั่วไปคนหนึ่งพวกท่านกำลังค้นหาหนทางของตนเองอยู่ผู้รับผิดชอบของต้าฝ่าล้วนกำลังฝึกฝนตนเองอยู่เริ่มต้นนั้นอาจจะทำได้ไม่ดีสมควรจะค่อยๆ สุกงอมขึ้นมาแล้วในขั้นตอนนี้ย่อมต้องมีข้อบกพร่องผิดพลาดเกิดขึ้นนั่นเป็นขั้นตอนของการฝึกปรือกล่าวในฐานะที่ข้าพเจ้าผู้เป็นอาจารย์นี้ ก็คือมองอย่างนี้ในขณะที่พวกเขายังไม่ได้ฝึกฝนจนสุกงอมนั้นข้าพเจ้าไม่อาจเปลี่ยนคนใหม่ขึ้นมา แล้วเริ่มต้นฝึกเขาอีกระหว่างขั้นตอนก็จะมีความผิดพลาดมากอีกด้วยผู้ฝึกก็จะมีความเห็นมากมายอีกเช่นนี้แล้ว กล่าวสำหรับรูปการณ์ของต้าฝ่าทั้งหมด ก็จะได้รับความเสียหายจะรบกวนการ ยืนยันความถูกต้องของฝ่าของศิษย์ต้าฝ่าโดยรวม

สำหรับผู้รับผิดชอบที่มีปัญหาผู้ฝึกก็สมควรชี้ออกมาให้กับเขากระทั่งพูดออกมาอย่างจริงจัง กล่าวสำหรับผู้ฝึก สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อนอื่นคือต้าฝ่าอย่าเอาแต่ถือความคิดเห็นส่วนตัวเป็นอันดับแรกเอาแต่กล่าวหาอย่างนั้นอย่างนี้ถ้าหากผู้รับผิดชอบของฝอเซี๊ยฮุ่ย(สมาคมศึกษาพุทธ)นี้มัดมือมัดเท้าผู้ฝึกไม่ยอมให้ทำอะไรจริงๆ แล้ว นั่นคือปัญหาที่ร้ายแรงของเขาจริงๆ แล้วเท่ากับรบกวนการเดินบนหนทางการยืนยันความถูกต้องของฝ่าของผู้ฝึกแต่ละคนหากเป็นอย่างนี้จริงก็ต้องพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่แล้วถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยก็ใช้ไม่ได้แล้วถ้าไม่ใช่เช่นนี้หรือมีผู้ฝึกบางคนทำไม่ดีจริงๆและยังไม่ยอมฟังคำเตือนของผู้รับผิดชอบ แต่กลับพูดว่าผู้รับผิดชอบรบกวนผู้ฝึกในการยืนยันความถูกต้องของฝ่านี่ก็ใช้ไม่ได้ในฐานะที่เป็นศิษย์ต้าฝ่าเพราะเหตุใดจึงไม่สามารถพิจารณาปัญหาจากจุดฐานของต้าฝ่าละ ข้าพเจ้าต้องการให้ทุกคนฝึกฝนจนสุกงอม

พูดจากอีกมุมมองหนึ่งความขัดแย้งของพวกท่าน ที่จริงก็คือด่านที่ต้องข้ามในระหว่างการยกระดับของพวกท่านล้วนอยู่ในระหว่างการยกระดับทุกคนล้วนค้นหาจากภายในของตนกล่าวในฐานะผู้รับผิดชอบเรื่องเหล่านี้ที่เกิดขึ้นไม่อาจพูดได้ว่าไม่รับผิดชอบคือสิ่งที่ต้องรับผิดชอบผู้ฝึกกลุ่มใหญ่อย่างนี้ตนเองไม่นำพาให้ดีเป็นความรับผิดชอบที่หนักมากต้องมองเห็นปัญหานี้ข้าพเจ้านี้ผู้เป็นอาจารย์ไม่อาจให้ลูกศิษย์ตกหล่นแม้สักคนเดียว ( เสียงปรบมือ)ผู้ฝึกคนไหนดีกับท่านพวกท่านก็อยู่ด้วยกันใครไม่ฟังท่านๆ ก็ผลักไสไปนี่ไม่ถูกข้าพเจ้าผู้เป็นอาจารย์นี้ไม่ต้องการผู้รับผิดชอบแบบนี้ ต้องทำให้ทุกคนล้วนสามารถประสานเข้าด้วยกันยกระดับอยู่ในฝ่าไปเรื่อยๆสร้างสภาพแวดล้อมที่ถูกต้องเที่ยงตรงทำให้ศิษย์ต้าฝ่าอธิบายความจริงช่วยเหลือสรรพชีวิต หยุดยั้งการประทุษร้าย และทำเรื่องการยืนยันความถูกต้องของฝ่า เหล่านี้ให้ดี

ศิษย์: ช่วงสี่ปีมานี้ ผู้ฝึกจีนแผ่นดินใหญ่จำนวนหนึ่ง จ่ายเงินมากมายเพื่อมาทำงานที่เกาหลีสถานภาพของพวกเขาในการอาศัยอยู่นั้นผิดกฎหมาย รายรับในแต่ละเดือนเป็นเงิน 7,000 – 10,000 หยวน พวกเขาไม่เข้าใจภารกิจของศิษย์ต้าฝ่าในยุคเจิ้งฝ่าล้วนมาเพื่อหาเงินส่งกลับไปบ้าน ยังพูดอีกว่าเป็นการจัดวางของอาจารย์เรียนถามว่าทำอย่างไรจึงจะเกลี้ยกล่อมให้ผู้ฝึกเหล่านี้กลับไปประเทศจีน ยืนยันความถูกต้องของฝ่า

อาจารย์: ในฐานะที่เป็นศิษย์ต้าฝ่า ได้มองเห็นสถานการณ์ในจีนนั้นกวดขันเข้มงวดศิษย์ต้าฝ่ามากยิ่งขึ้นกำลังถูกประทุษร้ายชาวโลกมากมายถูกพิษร้ายศิษย์ต้าฝ่าไม่ทำเรื่องของศิษย์ต้าฝ่า นั่นยังเป็นศิษย์ต้าฝ่าอยู่หรือ ออกมาทำเรื่องของต้าฝ่าให้ดีหากไม่ทำเรื่องของต้าฝ่า เช่นนั้นจะคู่ควรเป็นศิษย์ต้าฝ่าหรือไม่ว่าจะในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ หรือนอกประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ล้วนสมควรเป็นศิษย์ต้าฝ่าหากทำตัวเหมือนคนธรรมดาสามัญแล้วนั่นก็คือคนธรรมดาสามัญดังนั้นกล่าวสำหรับผู้ฝึกเหล่านี้ต้องพูดกับพวกเขาให้กระจ่างคิดจะอยู่ที่นี่งั้นก็จงทำเรื่องที่ศิษย์ต้าฝ่าควรทำ

ศิษย์: ระยะหลังนี้ความคิดเห็นระหว่างเพื่อนผู้บำเพ็ญด้วยกันแตกแยก เข้าใจผิดกันอย่างมากผมอยากถามอาจารย์ว่าเป็นเพราะการบำเพ็ญยิ่งใกล้ช่วงสุดท้าย ระดับชั้นระหว่างเพื่อนผู้บำเพ็ญยิ่งห่างกันมากใช่หรือไม่ หรือเป็นการรบกวนของพวกอิทธิพลเก่า

อาจารย์: ระดับชั้นของผู้ฝึกนั้นกำลังห่างออกจากกันแต่ไหนแต่ไรมาการรบกวนของพวกอิทธิพลเก่าก็ไม่เคยหยุด หากเพียงในความคิดเห็นของผู้ฝึกมีองค์ประกอบของตนเองอยู่ ก็จะถูกหลอกใช้สภาพการณ์แบบนี้ มีไม่มากอย่างนั้นแล้วที่จริงด้านนี้ข้าพเจ้าเคยพูดหลายครั้งแล้วในการบำเพ็ญผู้ฝึกคือคนกลุ่มหนึ่งความคิดชนิดต่างๆ ที่ยังไม่ละทิ้งไปย่อมสะท้อนออกมาได้ทุกท่านหากไม่คิดบำเพ็ญสู่ภายในเช่นนั้นก็จะทำให้เกิดสถานการณ์ที่ซับซ้อนมากดังนั้นพื้นที่หนึ่งเมื่อเกิดปัญหาเหล่านี้นั่นคือการศึกษาฝ่ามีปัญหาอย่างแน่นอนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดล้วนมีส่วนต้องรับผิดชอบล้วนแต่ไม่บำเพ็ญตนเองให้ดีอย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นปัญหานี้

ศิษย์: อะไรคือความแตกต่างระหว่าง เรา กับ ศาสนา

อาจารย์: ต้าฝ่าไร้รูปแบบทางที่ข้าพเจ้านำพาพวกท่านเดินนั้นเป็นทางสายหนึ่งที่บริสุทธิ์เที่ยงตรงที่สุดปล่อยวางสิ่งที่เป็นรูปแบบทั้งหมดดูแต่ใจคนการบำเพ็ญคือ แก่นแท้ของการยกระดับของชีวิตสิ่งที่เป็นรูปแบบที่อยู่ภายนอกใดๆ ล้วนแต่ก่อให้เกิดจิตยึดติดของคนพวกท่านดูซิ เดี๋ยวนี้มีบุคลากรของศาสนาจำนวนเท่าไรสิ่งที่พวกเขาปกป้องไม่ใช่ พระพุทธ เต๋า เทพที่พวกเขาปกป้องคือรูปแบบของศาสนาสิ่งที่เขาเชื่อไม่ใช่เทพ ที่เขาเชื่อคือรูปแบบของศาสนาความก้าวหน้าในกิจการของศาสนาแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน เชื่อเทพกับเชื่อศาสนาหนึ่งฟ้า หนึ่งดินศาสนาก่อให้เกิดการยึดติดของผู้คนต่อรูปแบบเหล่านี้โดยตัวมันเองและส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเชื่อที่ถูกต้องในเทพของผู้คนรูปแบบมีผลกระทบต่อองค์ประกอบในการยกระดับของผู้บำเพ็ญ

ศิษย์: บางครั้งประสบกับทุกข์ภัย ไม่ทราบว่าเป็นกรรมของตนเอง หรือเป็นการจัดวางของอิทธิพลเก่า

อาจารย์: ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางของอิทธิพลเก่าหรือกรรมก่อนอื่นพวกเราต้องดูตัวเองแม้เวลาฟาเจิ้งเนี่ยน ข้าพเจ้ายังบอกให้พวกท่านชำระล้างตนเองก่อนมองตนเองก่อนตนเองมีปัญหาแล้วนั่นก็ต้องจัดการให้ดีในขณะนั้นอิทธิพลเก่าเองก็หมดปัญญามันจับข้อผิดพลาดของท่านไม่ได้ก็จะถอยไปเองแน่นอนละ ปัจจุบันนี้อิทธิพลเก่าถอยไปก็ไม่พอ ต้องขจัดให้ถึงที่สุดฟาเจิ้งเนี่ยนชำระล้างตนเองเสร็จแล้ว ก็ขจัดมัน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์: อ่านหงอิ๋น (เล่มสอง) แล้ว คำว่า “คณะกลองสะพายเอว” นั้นศิษย์เข้าใจว่า ขบวนกลองสะพายเอวสามารถเกิดผลในการกำจัดสิ่งชั่วร้าย ในการเจิ้งฝ่า

อาจารย์: ใช่ซิเสียงกลองที่พวกท่านตี ล้วนมี “เจิน ซั่น เหยิ่น” อยู่เสียงกลองที่พวกท่านตีล้วนมีพลังของศิษย์ต้าฝ่าปรากฏ

ศิษย์: ศิษย์ยุวชนไต้หวันมีการจัดตั้งคณะกลองแบบตะวันตกแต่ศิษย์คิดว่าควรตั้งคณะกลองสะพายเอว (ที่ประชุมหัวเราะ)

อาจารย์: ไม่จำกัดที่รูปแบบในการยืนยันความถูกต้องของฝ่าศิษย์ต้าฝ่าทำอะไรก็มีอานุภาพทั้งนั้นที่จริงกลองสะพายเอว เป็นเพียงวิธีหนึ่งที่ผู้ฝึกนิวยอร์กคิดขึ้นมาเมื่อตอนเริ่มต้นเข้าร่วมพาเหรดของชุมชนคนธรรมดาสามัญหลายครั้ง จะแสดงให้ชาวโลกเห็นการดำเนินชีวิตคนด้านนี้ของศิษย์ต้าฝ่าดังนั้น การพาเหรดแต่ละครั้ง นอกจากการแต่งกายแบบราชวงศ์ถังเอย นางฟ้าเอย สามารถคิดแบบอื่นบ้างได้หรือไม่ จึงคิดคณะกลองสะพายเอวออกมารูปแบบหลายชนิดหลายอย่างคิดได้แล้ว รู้สึกว่าใช้ได้ ก็ทำได้หมด

ศิษย์: ไม่ว่าภายใต้สถานการณ์ใดๆพวกเราทั้งหมดจะยืนหยัดต่อต้าฝ่าติดตามอาจารย์ทุกย่างก้าวไปตลอดกาล เพื่อทำภารกิจการยืนยันความถูกต้องของฝ่าให้สำเร็จ

อาจารย์: ใช่ ในฐานะศิษย์ต้าฝ่าทุกท่านที่นั่งอยู่อาจจะมีความคิดอย่างนี้ดังนั้นสถานการณ์การ ยืนยันความถูกต้องของฝ่าก็จะสามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงดังนั้นพวกชั่วร้ายทุกวันนี้จึงลดน้อยลงดังนั้นพวกเราจึงสามารถช่วยเหลือสรรพชีวิต (เสียงปรบมือ)

ศิษย์: ผมรู้สึกว่าผู้ฝึกบางคนที่ออสเตรเลียไม่เดินไปกับฝ่าเดินไปกับคนแห่ตามกันไปรบกวนการเจิ้งฝ่าช่วยเหลือชาวโลกยังมีผู้ฝึกหลายคนชอบผูกขาดเรื่องที่ทำทำเรื่องอะไรออกมาไม่ได้ยังไม่ยอมแจ้งกับทุกคนไม่ปรึกษากับทุกคนไม่โปร่งใสคนอื่นเข้าใจว่าพวกเขาทำได้อย่างเกริกก้องที่จริงพวกเขาไม่ได้ทำเรื่องที่มีสาระอะไรและไม่บอกกับทุกคน ทำให้เสียเวลาที่มีค่าไปและผู้ฝึกที่ทำงานจริงก็ถูกพวกเขาเบียดออกไป

อาจารย์: สถานการณ์ในออสเตรเลียข้าพเจ้าทราบผู้ฝึกหลายคนยังมีจิตของคนธรรมดาสามัญหนักมากอาจารย์กำลังดูอยู่ว่าเมื่อไรที่พวกท่านทั้งหมดจะก้าวออกมาจากความเป็นตัวฉันได้

ศิษย์: ถ้าหากฝ่ายจัดงานของคนธรรมดาสามัญไม่อนุญาตให้พวกเราใช้ชื่อของต้าฝ่าเข้าร่วมขบวนพาเหรดพวกเราจะใช้ชื่ออื่นดี หรือไม่เข้าร่วมเลย

อาจารย์: อย่างนั้น แน่นอนพวกเราก็ไม่อาจจะเข้าร่วม ให้ศิษย์ต้าฝ่าเล่นเป็นเพื่อนพวกเขาหรือ ศิษย์ต้าฝ่านั้นมาเพื่อช่วยเหลือสรรพชีวิตต้องการจะเปิดต้าฝ่าให้ชาวโลกเห็นให้ชาวโลกรู้ว่าต้าฝ่ามาแล้วนะไม่ให้พวกเราทำเช่นนี้พวกเราก็ไม่ทำแน่แต่ว่าไม่ทำก็ไม่ใช่ วิธีการแก้ไขทำไมไม่ยอมให้พวกเราทำอย่างนี้ ต้องไปหาพวกเขานั่นก็สามารถอธิบายความจริงถ้าพวกเขามีจุดประสงค์ทางการเมืองอยู่เบื้องหลังเช่นนั้นพวกเราก็สามารถใช้กฎหมายไปจัดการไม่ว่าจะใช้เวลาสั้นหรือยาวก็ต้องแก้ไขให้ได้จากต้นตอ

ศิษย์: สื่อที่ศิษย์ต้าฝ่าทำกัน ในเขตเอเซีย ทำได้ไม่รวดเร็วเท่าที่อเมริกาเหนือควรทำงานเหล่านี้ให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไร

อาจารย์: ทำตามเงื่อนไข สภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้เถิด อาจารย์ไม่บังคับพวกท่านและไม่อาจดูแลอย่างเป็นรูปธรรมได้ถึงเพียงนั้นในการยืนยันความถูกต้องของฝ่าคือการเดินบนหนทางของตัวเองข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ไม่อาจบอกว่าพวกท่านต้องทำได้ถึงระดับไหนสถานการณ์ไม่เหมือนกันทำไปตามสถานการณ์ของพื้นที่เถิด

ศิษย์: สองปีมานี้ สนามฝึกของเรานั้นปรากฏว่ามีจำนวนผู้ฝึกน้อย หรือว่าผู้ฝึกนอกประเทศจีนล้วนสามารถฝึกอยู่ที่บ้านได้

อาจารย์: ไม่ใช่แน่นอนที่จริงข้าพเจ้าทราบว่าเหตุผลใหญ่ที่สุดคือผู้ฝึกเราเองแบกรับงานรูปธรรมของงานอธิบายความจริงไว้มากยุ่งเสียจนมีเวลาออกมาฝึกพลังน้อยถ้าเป็นเช่นนี้ก็คือปกติถ้าไม่ใช่เช่นนี้นั่นก็ผิดปกติทำความเข้าใจกับผู้ฝึกที่ไม่ออกมาสักหน่อย

ศิษย์: ในระยะนี้กิจกรรมของศิษย์ที่ญี่ปุ่นถูกรบกวนพวกเราควรทำอย่างไรดี

อาจารย์: ญี่ปุ่นเอยที่ไหนมีปัญหาแล้วก็ไปอธิบายความจริงที่นั่นชนชาติญี่ปุ่นมีจิตใจอย่างหนึ่งคือถ้าทำเรื่องไม่เสร็จไม่ยอมเลิกราต้าฝ่าล้วนดีต่อคนพวกเราไปอธิบายความจริงที่ไหนที่แท้คือการโปรยเมล็ดพันธุ์ของความดีงามกวาดล้างองค์ประกอบที่ไม่ดีของที่นั่นล้วนเป็นการให้โชคลาภแก่สรรพชีวิตที่นั่นคนมีด้านที่เข้าใจเรื่องมากมายเมื่อทุกท่านประสานกันให้ดีย่อมจะทำได้ดียิ่งขึ้นข้าพเจ้าหวังว่าพวกท่านจะลดการใช้ความคิดจิตใจกับเรื่องใครชำนาญใครอ่อนหัดใครดีใครไม่ดีใครเป็นอย่างไรๆใช้ความคิดจิตใจกับการยืนยันความถูกต้องของฝ่า(เสียงปรบมือ) ทุกท่านประสานงานกันให้ดีขึ้นมาทำเรื่องยืนยันความถูกต้องของฝ่าให้ดีนั่นคือการสถาปนาธรรมานุภาพของพวกท่านเมื่อท่านอภิปรายกันว่าใครดีใครไม่ดีเทพล้วนจะไม่มองพวกท่าน

แน่นอนว่าบางคนที่มีปัญหาก็สมควรพูดพวกเราควรรับผิดชอบต่อฝ่าเป็นหลักถือฝ่าเป็นอันดับหนึ่งแก้ไขปัญหานี้ด้วยความดีงามต้องไม่ใช้วิธีการของคนธรรมดาสามัญ

ศิษย์: ผมเป็นศิษย์ที่มาจากประเทศเกาหลี มีเพื่อนผู้บำเพ็ญบางคนเข้าใจว่าคนที่ทำงานสื่อมีเพื่อนผู้บำเพ็ญบางคนรับเงินเดือนจะเหมาะสมหรือไม่

อาจารย์: ตั้งแต่แรกข้าพเจ้าได้พูดกับท่านทั้งหลายอย่างนี้ว่า: ข้าพเจ้าพูดว่าศิษย์ต้าฝ่าทำสื่อ ทำได้ดีมากต้องขยายออกไปสู่สังคมต้องขยายออกไปสู่การหมุนเวียนที่มากต้องทำให้ได้ถึงขั้นรับผิดชอบกำไรขาดทุนเองได้ สามารถทำได้ถึงขั้นเหมือนกับสื่อในสังคมอย่างสมบูรณ์สามารถตั้งเงินเดือนจัดการปัญหาการดำรงชีพ ผู้ฝึกก็สามารถทำเป็นงานอาชีพนั่นเป็นเรื่องที่ดีแน่ กลายเป็นสื่อกระแสหลักของสังคมอันหนึ่งแต่ถ้ายังบรรลุไม่ถึงขั้นนี้ก็ยังไม่อาจมีเงินเดือน นำเงินที่ผู้ฝึกให้มาสนับสนุนจ่ายเป็นเงินเดือน นั้นไม่อนุญาตโดยเด็ดขาดผู้อื่นกำลังอุทิศให้ต้าฝ่าแต่เรากลับกำลังเรียกเอาในฐานะศิษย์ต้าฝ่า มีเงินก็ออกเงินมีแรงก็ออกแรงหากสามารถขยายสู่สังคมมีกำไรแล้วพอที่จะให้เงินเดือนแล้ว ถึงแม้จะเป็นเงินน้อย ทุกท่านแบ่งกันเล็กน้อย เงินมากแล้วก็แบ่งมากสักหน่อยกำไรแล้วก็เพิ่มอีกสามารถบรรลุถึงมาตรฐานเงินเดือนในสังคมแล้ว ข้าพเจ้าในฐานะอาจารย์ก็ยินดีด้วยดังนั้น ที่พูดมานั้นคือ ก่อนที่จะบรรลุถึงสภาพการณ์นี้ ไม่อาจนำเงินที่ผู้ฝึกสนับสนุนมาให้เป็นเงินเดือน

ศิษย์: หนังสือพิมพ์ใช้คน 50 กว่าคน จะจัดวางทำให้ดีได้อย่างไร และกระทบต่องานด้านอื่น

อาจารย์: เรื่องนี้พวกท่านต้องประสานกันให้ดีเพราะระยะแรกของงานทำหนังสือพิมพ์นั้น ต้องการคนช่วยเหลือมากจริงๆแต่ก็อย่าเปลืองแรงงานคนนักเลย50 กว่าคนก็มากไปสักหน่อยเพราะทุกท่านก็ต้องคำนึงว่า แต่ละคนล้วน แต่ต้องเดินบนหนทางของตัวเอง ล้วนต้องทำเรื่องอื่นด้วย ช่วงแรกของการทำหนังสือพิมพ์ย่อมยากลำบากค่อนข้างมาก ต้องการคนจำนวนหนึ่งแต่ก็อย่าให้มากคนจนเกินไป ทุกท่านต้องประสานเรื่องเหล่านี้ให้ดีเนื่องจากสภาพแวดล้อมด้านอื่นของการอธิบายความจริงก็สำคัญ

การอธิบายความจริงโดยตรงกับการอธิบายความจริงทางสื่อนั้นจะเสริมซึ่งกันและกัน ไม่อาจอาศัยเพียงรูปแบบเดียวไปอธิบายความจริงทุกท่านมองเห็นแล้วว่าขณะนี้มีหลายแบบหลายอย่างท่านฯได้คิดวิธีการออกมามากมาย ทั้ง เว็บไซต์ทีวี วิทยุ ซีดี โทรศัพท์ จดหมาย โทรสาร เอกสารต่างๆ การอธิบายแบบตัวต่อตัวผู้ฝึกในจีนยังมีการติดป้ายคำขวัญแน่นอนยังมีการทำงานในแง่มุมอื่นๆ อีกที่สั่นสะเทือนพวกชั่วร้ายใช้วิธีการนานัปการทำพร้อมกันไป

ศิษย์: ในเกาหลีมีการเปลี่ยนตัวผู้ช่วยฝึกสอนบ่อยเกินไปการแต่งตั้ง และปลดคน ไม่มีหลักการศิษย์ที่กระตือรือร้นในการเจิ้งฝ่าเดินอยู่แถวหน้า ถูกปลด ถูกเปลี่ยนบางคนถูกตั้งและปลดเป็นครั้งที่ 2ส่วนผู้ที่ถูกแต่งตั้งใหม่ เพิ่งได้ฝ่าไม่กี่เดือนเองทั้งวันวุ่นอยู่กับเรื่องของคนเรียนถามอาจารย์ว่า การแต่งตั้งของฝอเซี๊ยฮุ่ย(สมาคมศึกษาพุทธ)มีมาตรฐานเพียงพอหรือไม่การตามใจนายกสมาคมคนเดียวเป็นผู้ตัดสินตามใจชอบเหมาะสมหรือไม่

อาจารย์: เรื่องนี้ข้าพเจ้าคิดว่า กล่าวสำหรับผู้รับผิดชอบของเราในประเทศเกาหลีข้าพเจ้าขอเสนอข้อหนึ่งเพื่อให้ผู้ฝึกสามารถบำเพ็ญได้ดีสามารถทำให้ผู้ฝึกบำเพ็ญจนสุกงอมได้อย่าได้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเช่นนี้จะกระทบความกระตือรือร้นของผู้ฝึกอีกข้อคือหากเปลี่ยนบ่อยอย่างนี้นะยังไม่ทันที่ผู้ฝึกจะฝึกฝนการทำงานของต้าฝ่าจนสุกงอม ก็เปลี่ยนเสียแล้ว งานของต้าฝ่าไม่เหมือนกับงานใดๆของคนธรรมดาสามัญแต่ไหนแต่ไรมาพวกท่านก็ไม่เคยผ่านประสบการณ์ชนิดนี้ พวกท่านกำลังคลำหาทางหาผู้ช่วยฝึกสอนของศิษย์ต้าฝ่าออกมาวิธีการทำงานของผู้รับผิดชอบแต่ละพื้นที่ และ ฝึกฝนจนสุกงอมทำให้พวกเขาสามารถสุกงอมขึ้นมาได้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ผู้นำใดๆของคนธรรมดาสามัญ ล้วนไม่เหมาะสมกับการบำเพ็ญของต้าฝ่าดังนั้นพวกเราต้องแสวงหาหนทางของตนเอง ต้องฝึกฝนทุกท่าน

แน่นอนหากผู้รับผิดชอบคำนึงถึงผู้ฝึกจากในฝ่า ขจัดจิตใจของความเป็นผู้นำออกไปนั่นข้าพเจ้าก็ไม่คัดค้านถ้าหากไม่ใช่เช่นนี้ก็ไม่สมควรกล่าวสำหรับผู้รับผิดชอบใครฟังฉันๆก็ให้เป็นไม่ฟังฉันๆก็ไม่ให้เป็น นี่เป็นวิธีการทำงานที่ไม่รับผิดชอบต่อต้าฝ่าวิธีการจัดการปัญหาชนิดนี้ ไม่เหมาะจะใช้กับงานของต้าฝ่า ผู้รับผิดชอบควรแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ฝึกมากๆวางตัวอยู่ในท่ามกลางผู้ฝึกมีท่าทีที่ดีในการทำงานร่วมกับทุกคนเมื่อผู้ฝึกยอมรับท่านแล้วก็ย่อมทำให้งานของต้าฝ่า ได้ประโยชน์ยิ่งขึ้นดียิ่งขึ้น

ไม่ใช่จะวิพากษ์วิจารณ์กันข้าพเจ้าเพียงแต่เสนอว่าควรจะปรึกษาหารือกับทุกๆคนกล่าวสำหรับผู้ฝึกก็ควรช่วยเหลือผู้รับผิดชอบของเราให้มากกล่าวสำหรับผู้รับผิดชอบก็ควรติดต่อกับผู้ฝึกให้เพิ่มมากขึ้น กว้างขวางมากยิ่งขึ้น อย่าได้คิดวางมาดเป็นแกนหลัก ไม่ใช่วิพากษ์วิจารณ์กันข้าพเจ้ากำลังสอนประสบการณ์แก่พวกท่าน (เสียงปรบมือ)

ศิษย์ต้าฝ่าเกาหลีที่จริงหลายๆครั้งพวกท่านทำได้ดีมากศิษย์ต้าฝ่าจำนวนมากก็บำเพ็ญได้ไม่เลวแต่ละครั้งที่ข้าพเจ้าเห็นพวกท่านทำได้ดี โดยเฉพาะในแต่ละครั้งเมื่อพวกท่านร่วมมือกันทำเรื่องที่ส่งผลกระทบได้มากเหล่าเทพล้วนชื่นชมพวกท่านและเมื่อพวกท่านกำลังอธิบายความจริงคัดค้านการประทุษร้ายนั้นก็ส่งผลกระทบที่สำคัญมากจงส่งเสริมจุดเด่นของพวกท่านสำแดงความสามารถอย่างเต็มที่ของความคิดที่ถูกต้องของศิษย์ต้าฝ่าทำให้ดียิ่งขึ้นสิ่งที่พวกท่านทำได้ดีโดยตัวมันเองก็จะทำให้พวกชั่วร้ายหวาดกลัวอาจารย์ฝากความหวังกับผู้รับผิดชอบในการนำพาผู้ฝึกทั้งหมดให้ดีและฝากความหวังต่อศิษย์ต้าฝ่าให้เพิ่มความสุกงอมยิ่งขึ้น

ศิษย์: ศิษย์จะหล่อหลอมเข้ากับต้าฝ่าอย่างสมบูรณ์และถึงที่สุดก้าวหน้าอย่างบริสุทธิ์ จริงจังพยายามทำสามเรื่องอย่างเต็มกำลังที่สุดไม่ทำให้การช่วยเหลืออย่างยากลำบาก ด้วยความเมตตาของอาจารย์ต้องผิดหวัง

อาจารย์: ถ้าทุกท่านล้วนเข้าใจได้เช่นนี้เรื่องของเราก็จะทำได้ดีที่พูดว่าอาจารย์เมตตาช่วยเหลือด้วยความยากลำบากถ้าให้ข้าพเจ้าพูดบ้างนะคือพวกท่านยอดเยี่ยมที่สามารถเดินมาถึงวันนี้ได้ ( เสียงปรบมือ)

เมื่อวานข้าพเจ้าพูดถึงปัญหานี้พวกท่านทราบไหมว่า เมื่อเริ่มแรกข้าพเจ้าพบกับผู้ฝึกประเภทไหนข้าพเจ้าอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ก็ดีอยู่ที่อื่นก็ดีผู้ฝึกจำนวนมาก ที่เดินเข้ามาในห้องบรรยายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามองดูผู้ที่อยู่ข้างล่างนั้น ล้วนแต่มีโลกทัศน์ต่างๆนานาที่สร้างขึ้นในหมู่คนธรรมดาสามัญผู้ที่มีความคิดของตนเองจริงๆ สามารถเข้าใจปัญหาได้อย่างชัดเจนนั้นมีน้อยเหลือเกินส่วนมากล้วนไม่แน่ใจ ที่พูดว่าต้าฝ่าดีนั้นก็ล้วนไม่ได้พูดออกมาจากใจจริง บวกกับทัศนคติชนิดต่างๆยังมีบางคนเคยเรียนชี่กงชนิดต่างๆ เรียนมากแล้วก็กลายเป็นเสพติด คนเหล่านี้จะสามารถบำเพ็ญเป็นเทพได้หรือไม่ความแตกต่างนั้นทุกท่านคิดดูก็รู้ว่ามันมโหฬารนัก แต่ว่าสามารถเดินมาถึงวันนี้หนา พวกท่านสามารถทำถึงขั้นนี้ในวันนี้ (นับว่า)ยอดเยี่ยมจริงๆ

แน่นอนข้าพเจ้านี้ในฐานะอาจารย์ สิ่งที่ข้าพเจ้านับถือที่สุดคืออะไรที่จริงเทพเหล่านั้นก็คิดอย่างเดียวกัน: ความคิดของคนๆหนึ่งที่แจ่มชัดนั้น ไม่ใช่ว่าเขาเจ้าเล่ห์มากฉลาดในเรื่องหยุมหยิมไม่เป็นเรื่องไม่ใช่ความหมายนี้ เขาสามารถมีความคิดที่ถูกต้องของตนเองมีความนึกคิดของตนเองพิจารณาโดยใช้ความคิดของตัวเอง เขาไม่ถูกจิตสำนึกภายนอกสั่นคลอนหัวสมองไม่เลอะเลือนท่านพูดว่าดี เขาก็พูดว่าดีท่านพูดว่าไม่ดี เขาก็พูดว่าไม่ดีด้วยคล้ายไม่มีความเป็นตัวของตัวเองแต่ว่าพวกท่านที่ข้าพเจ้ามาเห็นในวันนี้ ล้วนแต่มีเหตุผลมาก สุขุมมาก โดยเฉพาะเวลาทำอะไรก็หนักแน่นมั่นคงที่จริงพวกท่านก็ไม่ใช่คนในหมู่คนธรรมดาสามัญอีกต่อไปแล้วพวกท่านล้วนกลับไปไม่ได้แล้วพวกท่านกลับไปไม่ได้อีกจริงๆ แล้ว (เสียงปรบมือ) พวกท่านแตกต่างกับคนธรรมดาสามัญมากเหลือเกินแล้ว

ศิษย์: พวกอิทธิพลเก่า รู้เรื่องหลักการเสริมและต้านกัน หรือไม่

อาจารย์: รู้แน่นอนพวกอิทธิพลเก่านั้นไม่ใช่ เทพที่ปรากฏอยู่หรือ

ศิษย์: อาจารย์เคยพูดว่า เทพจำนวนมากกลับชาติมาเกิดเป็นคนแต่หนังคนนั้นมีไม่พอใช้พืช สัตว์ จำนวนมากล้วนใช่สัตว์ก็ไม่อาจได้ฝ่าใช่หรือไม่ว่าพวกมันเพียงแต่หล่อหลอมเข้ากับฝ่า

อาจารย์: เป็นเช่นนี้แต่ที่กล่าวไปข้างต้นคือ ต้องมีท่าทีที่ถูกต้องต่อต้าฝ่า ในปีนั้นที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดฝ่าข้าพเจ้าต้องเดินให้เที่ยงตรง เพื่อให้ฝ่านี้ในจักรวาลแห่งอนาคต ไม่เสื่อมสลายชั่วนิรันดร์ข้าพเจ้าจึงกำหนดว่า ไม่ให้สัตว์ได้ฝ่าในอดีตนานมาแล้วก็ไม่อนุญาตให้สัตว์ได้ฝ่าต่อมาผ่านกาลเวลาอันยาวนาน ก็ค่อยๆเกิดการเปลี่ยนแปลงและอนุญาตให้สัตว์บำเพ็ญกันแล้วจึงค่อยๆมีสัตว์บำเพ็ญมากขึ้นเรื่อยๆในปีนั้นที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดฝ่าได้ยกเรื่องการไม่อนุญาตให้สัตว์บำเพ็ญต้าฝ่าโอ้โลกต่างๆ ต่างก็เอะอะขึ้นมาทันทีเลยเช่นนั้นใช้ไม่ได้กฎก็ต้องเป็นกฎสัตว์จะได้ฝ่านั้น ท่านต้องกลับชาติมาเกิดเป็นคนข้าพเจ้าก็จะให้โอกาสแต่วันนี้ท่านมาอยู่บนโลกในการเจิ้งฝ่า ไม่ว่าท่านจะเป็นสัตว์เป็นพืช หรือสสาร/วัตถุข้าพเจ้าก็จะดูว่าเขามีท่าทีต่อต้าฝ่าอย่างไร ถ้าปฏิบัติต่อต้าฝ่าอย่างถูกต้อง อะไรๆข้าพเจ้าก็สามารถจัดการให้ได้โดยทั่วไปคือไม่ว่ามาจากที่ไหน หลังจากหล่อหลอมแล้วข้าพเจ้าก็จะให้เขากลับไปที่นั่นทั้งหมดข้าพเจ้าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้สัตว์จะบำเพ็ญต้าฝ่าโดยตรงไม่ได้เป็นการไม่เคารพต่อต้าฝ่าเองด้วย

ศิษย์: ในช่วงสุดท้ายของการเจิ้งฝ่ามีเพื่อนผู้บำเพ็ญคนหนึ่ง เนื่องจากคนในครอบครัว (เป็นเพื่อนผู้บำเพ็ญเหมือนกัน) ล้างกรรม ท้องเดินหนักมาก จนต้องฉีดยาไม่มีทางทำงานการยืนยันความถูกต้องของฝ่า อย่างราบรื่นส่งผลกระทบซึ่งกันและกันเรียนถามท่านปรมาจารย์นี่เป็นปัญหาของตนเองหรือเป็นการรบกวน

อาจารย์: กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญ ล้วนไม่ใช่ความบังเอิญสภาพการณ์ทั่วไปเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับการยกระดับของผู้บำเพ็ญถ้าหากคนนี้เป็นผู้ฝึกใหม่ หรือเป็นผู้ที่ไม่ก้าวหน้าข้ามด่านได้ไม่ดีก็จะเกิดสถานการณ์อย่างนี้แต่ศิษย์ต้าฝ่าในระหว่างการยืนยันความถูกต้องของฝ่า ถ้าหากเกิดการรบกวนอย่างหนักเช่นนี้ต้องเป็นพวกมือสกปรกแน่พวกปีศาจทรามกำลังประทุษร้ายให้ฟาเจิ้งเนี่ยนขจัดพวกมันในฐานะผู้ฝึกใหม่ หรือผู้ฝึกที่ไม่ก้าวหน้าพอ ต้องระวังตนเองในด้านนี้ให้ดีมองดูตัวเองมากๆ

ศิษย์: เมื่อเร็วๆนี้ตามที่สันนิบาตเพื่อเสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน ได้จัดการประชุมที่โตเกียวเพื่อพิจารณา สภาพปัญหาสิทธิมนุษยชนในจีนปัจจุบัน กับการไต่สวนคดีนายเจียงทั่วโลกมีสมาชิกสมาคมศึกษาฝ่าหลุนกงญี่ปุ่นอภิปรายในที่ประชุมองค์กรอื่น คือสันนิบาตเพื่อการช่วยเหลือทั่วโลก ไต่สวนคดีเจียงทั่วโลกผู้บำเพ็ญบางคนเห็นว่าเป็นการเดินที่ไม่ค่อยถูกต้อง

อาจารย์: ไม่อาจมองกันเช่นนี้พวกเราต้องมองว่าคนธรรมดาสามัญมาสนับสนุนเราเรายังจะไม่เข้าร่วมอีกหรือเท่ากับว่าชาวโลกจะยืนยันความถูกต้องของฝ่าพวกเราไม่ยินยอมพวกเรากำลังหยุดยั้งการประทุษร้าย เปิดโปงการประทุษร้ายไม่ใช่ว่าเมื่อมีคนธรรมดาสามัญเข้าร่วมแล้ว เท่ากับว่าเราเข้าร่วมทางการเมืองแล้ว ในขณะที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดฝ่านั้นข้าพเจ้าไม่สนใจองค์กรจัดตั้งไม่สนใจรูปแบบดูแต่ใจคนไม่ว่าเขาจะเป็นองค์กรใดขอเพียงไม่ใช่องค์กรอิทธิพลมืดไม่ใช่พวกที่ต่ำมากๆ คุณธรรมเสื่อมทรามเหล่านั้นเขามาสนับสนุนต้าฝ่าพวกเราควรให้โอกาสการยืนยันความถูกต้องของฝ่าแก่คนพวกเรามิใช่มาช่วยเหลือสรรพชีวิตหรอกหรือแม้กระทั่งพวกที่แย่มากๆเหล่านั้นที่ข้าพเจ้าเพิ่งเอ่ยถึงเมื่อครู่ผู้ที่อยู่ในองค์กรเหล่านั้นที่มีใจจะมายืนยันความถูกต้องของฝ่าทุกท่านล้วนต้องให้โอกาส ใช่หรือไม่ละ

แต่ว่ามีอยู่จุดหนึ่งศิษย์ต้าฝ่าห้ามเข้าร่วมอย่างเด็ดขาด สำหรับสิ่งที่คนธรรมดาสามัญทำกันถ้าเพียงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฝ่าหลุนกงของเรา พวกท่านอย่าได้เข้าร่วมการสนับสนุนฝ่าหลุนกงที่ผู้คนเขาทำขึ้นมาพวกเราไม่ไป นั่นก็ไม่ถูกต้องแล้ว

ศิษย์: จุดบนรูปไท่จี๋ ของหนังสือจ้วนฝ่าหลุนนั้นเป็นสีน้ำเงินสีแดง หรือสีดำแต่ว่ามีเอกสารบางชิ้นกลับพิมพ์เป็นสีขาวไม่ถูกต้องใช่หรือไม่

อาจารย์: ที่จริง ท่านทั้งหลายทราบว่าสีของมิติจักรวาล มันคือ แดง ส้ม เหลือง เขียว น้ำเงิน ฟ้า ม่วง ซึ่งเปลี่ยนแปลงได้ไท่จี๋คือรูปลักษณ์อย่างหนึ่งของจักรวาล จากการรับรู้ของสายเต๋าดังนั้นเพียงพูดได้ว่าเป็นสัญลักษณ์แทนระบบนั้นของเต๋า อย่างเช่นที่ข้าพเจ้าเคยพูดถึง สีดำ-แดง กับ สีน้ำเงิน-แดง สองชนิดนั้น มันมีรูปแบบของระบบนั้นของเต๋าเกี่ยวกับตาของไท่จี๋นั้น ข้าพเจ้าก็ค้นคว้าดูครั้งหนึ่งเห็นว่ายังควร(พูดว่า)เป็นสิ่งที่โปร่งใสซึ่งก็คือสีขาวตาสองชนิดของไท่จี๋ นั้นสีขาวที่จริงนี่เป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของรูปลักษณ์นั้น

ศิษย์: เด็กพูดว่าตัวเองเป็นศิษย์ต้าฝ่า และชอบฝ่า เผยแพร่ฝ่า อธิบายความจริง แต่ว่าไม่ศึกษาฝ่าฝึกพลังกงด้วยตัวเองถ้าหากเรียกร้องให้เขาทำ จะเหมาะสมหรือไม่

อาจารย์: เด็กที่เล็กเกินไปยังไม่อาจบังคับเด็กเมื่อยังเล็กเกินไปให้ทำตามผู้ใหญ่รอเมื่อเขาเติบใหญ่แล้วเขาสามารถอ่านหนังสือศึกษาฝ่าเองตอนนั้นก็เป็นการฝึกด้วยตัวเขาเองแล้ว

ศิษย์: รู้สึกว่ายังมีผู้ร่วมบำเพ็ญชาวสิงคโปร์ส่วนหนึ่งมักใช้ทัศนคติของคนมาพิจารณาต้าฝ่า ( อาจารย์ :ใช่ ) ไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไรดี

อาจารย์: ใช่ละศิษย์ต้าฝ่าทำเรื่องอะไรก็ต้องอาศัยฝ่าเป็นพื้นฐานพิจารณาโดยยืนอยู่บนฝ่าในหมู่ผู้ฝึกนั้นก็มีจิตของคนที่หนักมากและก็มีเบื้องหลังที่ทำเรื่องไม่ดี(และมีคนที่แอบทำเรื่องไม่ดีอยู่ข้างหลัง)ข้าพเจ้ากำลังดูอยู่

ศิษย์: ในขณะกำลังขจัดสิ่งชั่วร้าย ก่อนที่จะคิดคำว่า “เมี่ย”(จงดับสลาย) ในการชำระล้างตนเองสามารถจะคิดคำว่า “ฉู”(ขจัดทิ้ง) ได้หรือไม่

อาจารย์: ข้าพเจ้าบอกให้ท่านทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้นไม่ว่าท่านจะคิดอย่างไรเรื่องที่ข้าพเจ้าบอกให้ท่านทำต้องเป็นสิ่งที่มีพลังมากที่สุด(เสียงปรบมือ) ผู้ฝึกบางคนความคิดที่ถูกต้องไม่พอเพียงอยู่เสมอ พอมีจิตยินดีก็คิดอย่างอื่นขึ้นมาชุดหนึ่ง ท่านก็จะถูกมารหลอกใช้ท่านก็จะเกิดปัญหาเดินผิดทางพวกที่เกิดปัญหาเหล่านั้นไม่ใช่ว่าจะเกิดปัญหาขึ้นทันทีทันใดมันจะค่อยๆเริ่มขึ้นแบบนี้

ศิษย์: ผู้ฝึกฮ่องกงทั้งหมดฝากความระลึกถึงท่านอาจารย์กิจกรรมที่คนธรรมดาสามัญทำกันบ้างเกี่ยวข้องกับการเมือง หรือการเรียกร้องอื่นๆศิษย์ต้าฝ่าควรจะยึดกุมอย่างไรดี

อาจารย์: คนธรรมดาสามัญทำอะไรนะนั่นก็ไม่เกี่ยวกับเราเช่นนั้นคนธรรมดาสามัญสนับสนุนการคัดค้านการประทุษร้ายฝ่าหลุนกง หรือคัดค้านการประทุษร้ายต่อสิทธิมนุษยชนของประเทศจีนนี่ไม่อาจพูดว่าไม่เกี่ยวข้องกับฝ่าหลุนกงในฮ่องกงคนธรรมดาสามัญในเวลานี้ เรื่องเหล่านี้ที่เกี่ยวข้องกับพวกเราทั้งหมด ที่จะเชิญพวกเราเข้าร่วมนั้น หากเป็นไปโดยสงบ สมเหตุสมผลพวกเราก็สามารถเข้าร่วมได้ข้าพเจ้าพูดเพียงฮ่องกง สามารถเข้าร่วมได้ถ้าหากไม่เกี่ยวกับเราสิ่งที่ไม่ได้พาดพิงมาถึงพวกเราก็ไม่อาจเข้าร่วมตรงนี้ท่านทั้งหลายต้องชัดเจน

เหมือนกับครั้งก่อนที่คัดค้านกฎหมายมาตรา 23เรื่องที่เกริกก้องเกรียงไกรเช่นนั้นผู้คนไม่ใช่ทำเพื่อฝ่าหลุนกงหรือ (หัวเราะ)แต่ว่าเมื่อผ่านเรื่องนี้ต่อมามวลชนเหล่านี้ นักประชาธิปไตย บุคคลวงการต่างๆในสังคมบุคลากรทางการเมืองบุคคลจำนวนมากในกระแสหลักของสังคมก็กำลังวิเคราะห์ฝ่าหลุนกงอย่างละเอียดดังนั้นถึงเดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าคิดว่าฝ่าหลุนกงอยู่ในฮ่องกงอยู่ในหมู่มวลชนก็มีความเข้าใจที่แจ่มแจ้งมากแล้วแน่นอน“ติดประกาศทั้งสี่มุมเมือง ก็มักจะมีผู้ที่ไม่รู้หนังสืออยู่”ที่ตกหล่นไปบ้างนั้นก็ต้องมีแน่นอนผู้ที่ไม่รู้ความจริงก็ย่อมจะมีแน่ดังนั้นเรื่องการอธิบายความจริงก็ยังต้องทำต่อไป

ศิษย์: ทำอย่างไรให้ยืนยันความถูกต้องของฝ่าในสื่อสำแดงบทบาทได้ดียิ่งขึ้นในฮ่องกง

อาจารย์: หนังสือพิมพ์ต้องค่อยๆขยายไปสู่การหมุนเวียนเชิงบวก ในสังคมกลายเป็นสื่อกระแสหลักของสังคมสื่อที่ศิษย์ต้าฝ่าทำจะต้องกลายเป็นสื่อกระแสหลักของสังคมแน่นอน(เสียงปรบมือ) ไม่เพียงเป็นสื่อกระแสหลักในอนาคตจะเป็นสื่ออันดับหนึ่งของโลก( เสียงปรบมือ) ที่จริงโครงร่างของหนังสือพิมพ์ที่พวกท่านทำได้เป็นจริงขึ้นมาแล้วสื่อใดๆของประเทศเอยมันเป็นเพียงสิ่งที่เป็นของประจำประเทศประเทศจะใหญ่อย่างไรของคุณก็เป็นเพียงสื่อของประเทศเดียวเท่านั้นแม้ว่าหนังสือพิมพ์นั้นสามารถส่งออกไปนอกประเทศได้แต่ก็ไม่มีน้ำหนักมากอย่างนั้น

ในอดีตมีหนังสือพิมพ์จีนบางฉบับ ครอบคลุมพื้นที่กว้างมากแต่ต่อมาถูกซื้อกลับไปแล้วเดี๋ยวนี้ก็ไม่มีความถูกต้องเที่ยงตรงอีกแล้วและก็ไม่กล้าพูดความจริงแล้วคิดจะอ่านเรื่องจริงก็ต้องอ่านสื่อที่พวกท่านทำ


หมายเหตุจากผู้แปล : บทความนี้จะมีการแก้ไขเพื่อให้ใกล้เคียงกับต้นฉบับภาษาจีนมากที่สุด
วันที่แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 กันยายน 2012