สวัสดีท่านอาจารย์ที่เคารพ! สวัสดีเพื่อนผู้ฝึก!

ผมเป็นผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าหรือฝ่าหลุนกง อายุ 79 ปี ผมระลึกถึง ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ของผู้ฝึกฝ่าหลุนกงในช่วงเวลาเจิ้งฝ่าตลอดเวลา

ภรรยาและผมตื่นแต่เช้าเสมอ ๆ เพื่อฝึกท่าห้าชุด และออกไปอธิบายความจริงเกี่ยวกับต้าฝ่าเกือบทุกเช้า เรามักจะทานอาหารมื้อกลางวันเบา ๆ เช่น ผลไม้ และใช้เวลาในการอ่านบทความบรรยายฝ่าหนึ่งบทความ ในช่วงบ่ายเราจะไปบ้านของเพื่อนผู้ฝึก เพื่อเข้าร่วมกลุ่มอ่านฝ่า หลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็น และ ฟาเจิ้งเนี่ยนที่เวลา 18.00 น. พวกเราสองคนจะอ่านบทความบรรยายฝ่าอื่น ๆ ของอาจารย์

ตารางเวลาของเรายุ่งแต่มีระเบียบ เราปฏิบัติกิจวัตรประจำวันนี้หลายปีโดยไม่บ่ายเบี่ยง และไม่เคยพลาดการฟาเจิ้งเนี่ยนแม้แต่ครั้งเดียว ตั้งแต่มีการตีพิมพ์ประกาศนี้ครั้งแรกบนเว็บไซต์หมิงฮุ่ย

เพื่อนผู้ฝึกของเราคิดว่าเรามีความอุตสาหะในการบำเพ็ญ เราเองก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน แม้ทั้งภรรยาและผมจะมีอายุเกือบ 80 ปีแล้วก็ตาม เราทั้งคู่ไม่เคยปฏิบัติตัวเหมือนคนชราเลย เราขับรถจักรยานยนต์เมื่อเราออกไปอธิบายความจริง จนกระทั่งวันหนึ่งที่เราประสบอุบัติเหตุร้ายแรง

ซี่โครงหักเจ็ดซี่

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ปีนี้ ภรรยาและผมออกไปข้างนอกตอนเวลาประมาณ 7.30 น. ทันทีที่รถจักรยานยนต์ของเราไปถึงถนนใหญ่ ก็มีรถคันหนึ่งขับมาในทิศตรงกันข้ามและชนประสานงานกับเรา ผมล้มลงกับพื้นและหมดสติไป ภรรยาของผมบอกผมในภายหลังว่า เธอมีแค่รอยขีดข่วนที่ขาเท่านั้น และเธอได้บอกผมอย่างแน่วแน่ว่า "คุณไม่เป็นไร เร็วเข้า พูดว่า ฝ่าหลุนต้าฝ่าดี! ความจริง-ความเมตตา-ความอดทนดี! ขอให้อาจารย์ช่วยคุณ!" แต่ผมดูเหมือนคนที่ตายแล้ว มีคนเรียกรถพยาบาลและพาผมไปโรงพยาบาล ผมเข้ารับการรักษาที่ห้องผู้ป่วยหนักในสภาพวิกฤต

ผมฟื้นได้สติตอนประมาณ 11.00 น. แต่รู้สึกสับสนว่าผมอยู่ที่ไหน พยาบาลกำลังทำความสะอาดเลือด จากปากของผม เธอบอกผมว่า "นี่คือห้องไอซียู คุณได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกซี่โครงหักเจ็ดซี่" ผมจำได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นและถามพยาบาลว่าภรรยาของผมเป็นอย่างไรบ้าง พยาบาลบอกว่าภรรยาของผมสบายดี และกลับบ้านไปเอาเงินมาจ่ายค่ารักษาของผม ผมอยากลุกขึ้นแต่แขนและขาของผมถูกมัดไว้ มีอุปกรณ์และสายมากมายติดอยู่ที่ร่างกายของผม ผมคิดว่า "นี่ไม่ใช่โรค ผมเป็นผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า ผมไม่ควรอยู่ที่นี่" ผมขอร้องอาจารย์อยู่ในใจว่า "อาจารย์! โปรดช่วยผมด้วย!"

ภรรยาของผมวางเงินมัดจำค่ารักษาพยาบาลของผม และพาเพื่อนผู้ฝึกอีกสองสามคนมาช่วย พวกเขาฟาเจิ้งเนี่ยนข้างนอกห้องไอซียูและขอร้องอาจารย์อย่างจริงใจให้ช่วยผมออกจากโรงพยาบาล แพทย์อนุญาตให้ภรรยาของผมเข้าเยี่ยมเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. แพทย์บอกเธอซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า อาการของผมร้ายแรงแค่ไหน และชีวิตของผมจะตกอยู่ในอันตรายทันทีที่ผมออกจากโรงพยาบาล เธอตกลงที่จะลงนามสละสิทธิ์เพื่อให้ผมออกจากโรงพยาบาล

แพทย์รู้สึกผิดหวังที่ได้ยินการตัดสินใจของเรา เขาให้เพื่อนผู้ฝึกเข้ามาแล้วเขาก็ออกไป ผู้ฝึกเอพยายามอธิบายความจริงเกี่ยวกับต้าฝ่าให้กับแพทย์ฝึกหัดสองคนที่อยู่ในห้อง หนึ่งในนั้นไม่ยอมรับแผ่นพับ แต่อีกคนหนึ่งยอมรับ: เขาพูดว่าสมาชิกในครอบครัวของเขาบางคนก็ฝึกฝ่าหลุนกง

โรงพยาบาลไม่ให้เปลมารับผม แพทย์ที่ดูแลแผนกให้รถเข็นที่ปรับเอนได้มา ภรรยาของผมและผู้ฝึกอีกสองคนพยายามแต่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายผมขึ้นรถเข็นได้ ตัวผมเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเพราะเจ็บมากและอากาศร้อน แพทย์ฝึกหัดชายและพยาบาลสองคนช่วยเคลื่อนย้ายผมขึ้นรถเข็นได้ในที่สุดด้วยความพยายามอย่างมาก ก่อนที่เราจะออกไป แพทย์พูดกับผู้ฝึกเอว่า "พาเขากลับมาทันทีที่คุณสังเกตเห็นว่าอาการของเขาแย่ลง"

อาจารย์แสดงศักดานุภาพ

ผู้ฝึกเอยังคงพูดเกี่ยวกับต้าฝ่าให้แพทย์ฝึกหัดชายฟังตอนที่เราเดินออกจากโรงพยาบาล ผู้ฝึกอีกสองสามคนกำลังรอเราอยู่ที่รถ แพทย์ฝึกหัดรู้สึกดีที่เห็นผู้ฝึกหลายคนมาช่วยผม เขาบอกว่าเขาอยากฝึกฝ่าหลุนกง และทิ้งเบอร์โทรศัพท์ของเขาไว้กับผู้ฝึกคนหนึ่ง

แม้ผมจะอยากเข้าไปในรถของผู้ฝึก แต่ผมก็ไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิดเดียว เพราะเจ็บปวดอย่างรุนแรง เลือดไหลซึมออกมาจากแผลเย็บที่หน้าและมือของผม แม้แต่หายใจก็ยังลำบากเพราะกระดูกซี่โครงที่หักทำให้ผมเจ็บปอด ผมขอใช้รถพยาบาล แต่ว่ารถพยาบาลใช้สำหรับรับผู้ป่วยไปโรงพยาบาล พวกเขาจะไม่พาผู้ป่วยกลับบ้าน ผู้ฝึกบีพูดว่า "ถึงรถพยาบาลจะพาเขาไปที่ตึกได้ ก็จะไม่สามารถส่งเขาไปที่ชั้น 4 ได้" ผู้ฝึกเอพูดอย่างแน่วแน่ว่า "จงศรัทธาต่ออาจารย์! เราจะต้องสามารถพาเขาขึ้นบันไดได้! "

หลังจากที่พวกเราทุกคนมีความเข้าใจตรงกันแล้ว พวกเขาก็ช่วยกันพาผมเข้าไปในรถของผู้ฝึก ได้โดยไม่มีปัญหามากนัก ผมทนเจ็บได้ขณะนั่งในรถ

เมื่อผู้ฝึกช่วยผมให้ออกจากรถและไปถึงบันได ผมแทบจะขยับขาไม่ได้แม้แต่ข้างเดียว ผู้ฝึกต้องใช้ความพยายามหาศาลในการช่วยให้ผมก้าวขึ้นบันไดสองขั้น ผู้ฝึกซีและดีพูดว่า "ทำอย่างนี้ไม่ได้ผล เราต้องขึ้นไปถึง 4 ชั้น ไม่มีทางขึ้นไปถึง เราต้องให้เขาเดินด้วยตัวเอง"

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผมก็ประจักษ์แจ้งว่า "เรามีอาจารย์!" ความคิดนี้ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีทั้งทางร่างกายและจิตใจ ผมสามารถยกขาขึ้นและก้าวขึ้นสองขั้นในแต่ละครั้ง! ที่จริงแล้วที่ผ่านมา ผมไม่เคยก้าวสองขั้นในหนึ่งครั้งได้มาก่อน! ผมรู้สึกราวกับถูกผลักจากข้างหลัง ผมรู้ว่า ต้องเป็นอาจารย์แน่ ๆ! ผมใช้เวลาไม่นานนักก็ขึ้นไปถึงชั้นสี่และเข้าบ้านได้ ผมรู้สึกสำนึกในบุญคุณของท่านอาจารย์อย่างเหลือล้น

ขณะนอนอยู่บนเตียง ผมรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย และหายใจลำบากมาก ผมไม่สามารถขยับด้านซ้ายของผมได้เลย ผมขอร้องอาจารย์อย่างจริงใจให้ช่วยผมลุกขึ้นฝึกท่า อ่านฝ่า และฟาเจิ้งเนี่ยนได้ อาจารย์อยู่กับผมจริง ๆ! แม้จะมีความทุกข์ยากมากมาย ผมก็สามารถฝึกท่า อ่านฝ่า และฟาเจิ้งเนี่ยนได้ทุกวัน! ผมมีเจิ้งเนี่ยนที่แข็งแกร่งและปฏิเสธที่จะปฏิบัติกับตัวเองอย่างคนป่วยหนัก อาจารย์และต้าฝ่าแสดงพลังแห่งเทพให้ประจักษ์ผ่านผม เมื่อก่อนตอนที่ผมฝึกท่าชุดที่สองครึ่งชั่วโมงรู้สึกว่ายาวนานมาก แต่ระหว่างวันที่ผมกำลังฟื้นตัว ครึ่งชั่วโมงของการฝึกท่าชุดที่สองดูเหมือนชั่วแวบเดียว อาจารย์ต้องเร่งเวลาให้เร็วขึ้นเป็นแน่ เพื่อให้ผมทนได้

ในวันที่สาม ด้านซ้ายของร่างกายของผมดูดำสนิทเนื่องจากมีรอยช้ำขนาดใหญ่ตั้งแต่รักแร้ลงไปที่ขา ผิวสีดำหนาและแข็ง ขาซ้ายของผมบวมมาก นิ้วเท้าของผมก็ดำเหมือนกัน ด้วยศรัทธาที่แรงกล้าในอาจารย์ อาการเหล่านี้ก็ไม่ได้กวนใจผม ผมแน่ใจว่าผมจะต้องหายดี

ผมได้ยินมาว่าแพทย์และพยาบาลที่ได้รับอิทธิพลจากการโฆษณาชวนเชื่อของพรรคคอมมิวนิสต์พูดถึงอาจารย์และต้าฝ่าในทางลบหลังจากที่ผมออกจากโรงพยาบาล พวกเขาพูดว่าผู้ฝึกฝ่าหลุนกงโง่และไม่อยู่รักษาแม้จะมีคนอื่นจ่ายเงินให้ ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการอยู่ระหว่างเดินตรวจโรงพยาบาลและบังเอิญได้ยินคำสนทนาเหล่านี้ ผู้อำนวยการบอกกับพวกเขาอย่างเคร่งขรึมว่า "ทำไมคุณถึงบ่นวุ่นวายอย่างนั้น สังคมของเราจะดีกว่านี้ ถ้าทุกคนประพฤติตัวเหมือนผู้ฝึกฝ่าหลุนกง" รองผู้อำนวยการพูดว่า "ผมขอท้าให้คุณเขียนหนังสือที่คนทั่วโลกจะร่ำเรียน" ทั้งแพทย์และพยาบาลจึงเงียบกริบ

เมื่อผมอ่านฝ่า ฝึกท่า และฟาเจิ้งเนี่ยนอย่างต่อเนื่อง ผมก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ผมขออาจารย์ในใจว่า "อาจารย์ ผมต้องการพิสูจน์พลังอำนาจของต้าฝ่าให้เป็นที่ประจักษ์ต่อผู้คนในโรงพยาบาล ได้โปรดช่วยผมด้วย!" ไม่นานนักผมก็ฟึ้นตัวอย่างสมบูรณ์ เข้าสู่สภาพปกติของผม คนที่ไม่รู้เรื่องอุบัติเหตุของผมจะบอกไม่ได้เลยว่าผมเคยบาดเจ็บสาหัสมาก่อน

การทำให้ผู้คนเชื่อในพลังของฝ่าหลุนต้าฝ่า

เจ็ดวันหลังจากที่ผมได้รับบาดเจ็บ ผมไปตัดไหมที่โรงพยาบาล แพทย์และพยาบาลจำผมได้ทันทีที่เห็นผม พวกเขาถามผมด้วยความประหลาดใจว่า "คุณฟื้นตัวเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร" ผมบอกพวกเขาว่า "เป็นเพราะผมฝึกฝ่าหลุนกงที่บ้านทุกวัน การฟื้นตัวเร็วกว่าอยู่ในโรงพยาบาลใช่ไหม”

ผมไม่จำเป็นต้องพูดมาก เพราะเขาเห็นด้วยตาตัวเองถึงพลังที่เหนือธรรมดาของต้าฝ่า ผลก็คือพวกเขาตกลงที่จะลาออกจากองค์กรพรรคคอมมิวนิสต์ด้วยความยินดีเมื่อผมแนะนำให้พวกเขาทำ ผู้ป่วยสองรายได้ยินการสนทนาของเรา พวกเขาเห็นซีทีสแกนกระดูกหักของผม จึงประหลาดใจที่ผมฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว พวกเขาก็ตกลงที่จะลาออกจากองค์กรพรรคคอมมิวนิสต์ที่พวกเขาเป็นสมาชิกอยู่ก่อนด้วยความยินดี

ผมไปแวะแผนกไอซียู พยาบาลเห็นผมก่อนที่ผมจะไปถึงประตู เธอมองตะลึงอยู่สักครู่ แล้วทักทายผมอย่างตื่นเต้น ผมจึงถือโอกาสบอกความจริงเกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่าให้เธอฟัง เธอเชื่อสนิทและประทับใจมาก เธอพูดว่า "ฝ่าหลุนต้าฝ่าเหนือธรรมดาจริงๆ!" เธอตกลงที่จะลาออกจากองค์กรคอมมิวนิสต์ทันทีที่ผมถามเธอ

เพื่อนผู้ฝึกที่ไปโรงพยาบาลกับผมถามพยาบาลว่า "คุณคิดว่าเขาจะสามารถฟื้นตัวได้ดีอย่างนี้ไหม ถ้าอยู่ที่โรงพยาบาล" เธอตอบโดยไม่ลังเลเลยว่า "นั่นเป็นไปไม่ได้เลย!" เธอวิ่งเหมือนเด็ก ๆ ไปบอกเพื่อนร่วมงานของเธอเกี่ยวกับสิ่งที่เธอเห็นแล้วร้องว่า "ชายชรากลับมาแล้ว เขาหายแล้ว!"

เราไปแวะเยี่ยมผู้อำนวยการด้วย ผู้ฝึกบอกกับเธอว่า "เรามาที่นี่เพื่อขอบคุณในความเมตตาของคุณ อย่างที่คุณทราบ พี่ชายของผมได้รับบาดเจ็บสาหัส และไม่ได้สติเมื่อเขาถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลของคุณ คุณเห็นสภาพร่างกายของเขาตอนนี้แล้ว นี่อาจเป็นครั้งแรกที่คุณเห็นการฟื้นตัวได้ภายในเวลา 2 - 3 วัน ที่จริงแล้วเหตุการณ์นี้เกิดกับผู้ฝึกฝ่าหลุนกงจำนวนมาก บางคนกระดูกแตกแต่ก็ฟื้นตัวได้เร็วจากการฝึกฝ่าหลุนกง จากสภาพร่างกายที่ย่ำแย่ของพี่ชายฉันเมื่อเจ็ดวันก่อน ถ้าโรงพยาบาลนี้สามารถรักษาเขาให้ฟื้นตัวได้ภายใน 1 เดือน คุณก็คงจะภูมิใจในการรักษาของคุณมากแล้ว อย่างที่คุณเห็น แม้แต่การแพทย์ขั้นสูงก็ไม่อาจเทียบเคียงกับพลังของต้าฝ่าได้ นี่ไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์หรือ ที่หายได้ภายในเจ็ดวัน" ผู้อำนวยการพยักหน้าอยู่ตลอดและพูดว่า "ใช่เลย" ผู้อำนวยการก็ลาออกจากพรรคคอมมิวนิสต์ที่เธอเป็นสมาชิกอยู่ก่อนหน้านี้ พนักงานโรงพยาบาลที่พูดถึงอาจารย์ไม่ดีก็เปลี่ยนมุมมองของเธอ เธอยิ้มกว้างเมื่อเธอส่งเรากลับ

ระหว่างทางกลับบ้านผมเจอเพื่อนบ้านโดยบังเอิญ พวกเขาทุกคนรู้ว่าผมฝึกฝ่าหลุนกง พวกเขาเคยไม่เชื่อผม เมื่อผมอธิบายความจริงให้พวกเขาฟัง หลังจากเห็นว่าฝ่าหลุนกงช่วยฟื้นฟูสุขภาพของผมหลังจากเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขนาดนั้นได้อย่างไร พวกเขาก็เชื่อสนิท ผมเพียงแค่พูดคุยสั้น ๆ เท่านั้น เพื่อนบ้านทั้งสี่คนก็ตกลงที่จะลาออกจากองค์กรคอมมิวนิสต์ คนที่เคยต่อต้านฝ่าหลุนกงก็เปลี่ยนความคิดเห็น มีทั้งหมด 12 คน ที่ลาออกจากองค์กรคอมมิวนิสต์ภายในเวลา 2 ชั่วโมง

ผมมีความเข้าใจดีขึ้นจากประสบการณ์ครั้งนี้เกี่ยวกับสิ่งที่อาจารย์บอกพวกเรา:

"ไม่ว่าคุณจะประสบกับอะไรในระหว่างการบำเพ็ญ - ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี - คือดี เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นเพียงเพราะคุณกำลังบำเพ็ญ" (“ถึงฝ่าฮุ่ยชิคาโก” จาก สิ่งสำคัญต่อการพัฒนา เล่มที่ 3”)

ไม่นานหลังจากที่แพทย์เอาไหมออก สะเก็ดก็หลุด ยากที่จะบอกได้ว่าผมเคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน ผมเจ็บนิดหน่อยตอนที่นั่งรถแล้วกระแทก แต่ยังคงทำภารกิจได้ตามปกติเหมือนเมื่อก่อน ทุกคนที่รู้เรื่องที่ผมประสบ รู้สึกทึ่งกับพลังของต้าฝ่า

มองเข้าภายใน

ท่านอาจารย์ผู้เปี่ยมด้วยความเมตตาต้องทนทุกข์เพื่อผมมากเหลือเกิน เพื่อให้ผมรอดจากอุบัติเหตุที่ร้ายแรงนี้ ผมได้เรียนรู้ว่าผมต้องบำเพ็ญตัวเองอย่างแข็งขันเพื่อที่จะแสดงบทบาทของผมในการเจิ้งฝ่า ผมตระหนักว่าผมต้องมีช่องโหว่ที่ไม่ดีในการบำเพ็ญของผม จึงก่อให้เกิดข้อบกพร่องที่อิทธิพลเก่าเอาไปใช้ผลประโยชน์ได้ ผมต้องแก้ไขตัวเองในทันที

เมื่อมองเข้าภายใน ผมตระหนักว่าผมให้ความสนใจกับจำนวนคนที่ผมช่วยเหลือมากเกินไป ก่อนที่ผมจะรู้ตัว มันก็พัฒนาเป็นจิตยึดติดต่อผลลัพธ์และผมกังวลง่ายเมื่อผู้คนตัดสินใจ ที่จะไม่ลาออกจากองค์กรพรรคคอมมิวนิสต์ ผมไม่พอใจที่คนพูดถึงต้าฝ่าในทางลบ เมื่อจำนวนของคนที่ลาออกจากพรรคคอมมิวนิสต์เพิ่มขึ้น ผมก็มีจิตยินดี เมื่อจำนวนไม่มากพอ ผมก็อารมณ์เสีย ผมลืมวัตถุประสงค์ของการอธิบายความจริง แต่เน้นไปที่จำนวนคนแทน ซึ่งไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดของต้าฝ่า

ผมฟาเจิ้งเนี่ยนอย่างเข้มงวดขึ้นเพื่อแก้ไขตัวเอง ผมมุ่งมั่นที่จะเดินไปตามทางที่ถูกต้องเที่ยงตรง และทำตามคำสอนของอาจารย์

เมื่อพนักงานจากบริษัทประกันภัยมาเยี่ยมผมเพื่อรวบรวมข้อมูล ผมอธิบายความจริงเกี่ยวกับต้าฝ่าให้พวกเขาฟัง พวกเขายกย่องต้าฝ่า และตัดสินใจลาออกจากองค์กรพรรคคอมมิวนิสต์

ผมได้ทราบจากกรมตำรวจว่า คนที่ขับรถชนผมไม่ยอมรับความผิด เขาปฏิเสธที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลของผม และไม่ยอมเจรจากับผม มีคนบอกผมว่าผมควรจะขอเงินชดใช้ค่าเสียหายจากคนขับ และเรียกร้องเงินบำนาญคนพิการจากรัฐบาล แต่ผมไม่ได้ทำเพราะผมเป็นผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า อาจารย์สอนให้เราคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเอง ผมรู้ว่าคนขับไม่ได้ตั้งใจทำ เขาต้องรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ สำหรับผม การที่สภาพร่างกายของผมฟื้นกลับคืนสู่สภาพปกติได้และออกไปอธิบายความจริงเกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่าได้อีกครั้งนั้นดีกว่าเงินชดใช้ค่าเสียหายมากมายนัก

ผมซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ในราคา 4,000 หยวน (ประมาณ 600 ดอลล่าร์สหรัฐ) เพราะว่าคันเดิมเสียหายหมดแล้ว ผมยังจ่ายเงิน 5,000 หยวน (ประมาณ 750 ดอลล่าร์สหรัฐ) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่อยู่โรงพยาบาล 6 ชั่วโมง ถ้าผมอยู่ในโรงพยาบาล 2 เดือน ค่ารักษาพยาบาลจะเพิ่มขึ้นมาก ดังที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูดว่า “สังคมของเราจะดีกว่านี้ ถ้าทุกคนปฏิบัติตัวเหมือนผู้ฝึกฝ่าหลุนกง!"

หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุ แพทย์ฝึกหัดหนุ่มได้ติดต่อกับเพื่อนผู้ฝึกและเริ่มบำเพ็ญ ท่านอาจารย์ช่างจัดวางไว้อย่างพิถีพิถันเหลือเกิน!

ผมหวังว่าทุกคนที่มีโอกาสได้อ่านประสบการณ์ของผมจะจำได้ว่าฝ่าหลุนต้าฝ่านั้นดีและความจริง ความเมตตา ความอดทนดี ต้าฝ่าจะช่วยชีวิตของพวกเขาเมื่อเผชิญกับความวิบัติ

ผมอยากจะใช้โอกาสนี้แสดงความรู้สึกสำนึกในบุญคุณของท่านอาจารย์อย่างสุดซึ้ง ผมจะไม่ทำให้ท่านอาจารย์ที่ช่วยเหลือผมด้วยความเมตตาผิดหวัง! ผมมุ่งมั่นที่จะทำตามคำสอนของท่านอาจารย์ ในการทำ 3 สิ่งให้ดี และกลับไปบ้านที่แท้จริงของผมกับอาจารย์

ขอบคุณท่านอาจารย์! ขอบคุณเพื่อนผู้ฝึก!

มีฉบับภาษาจีน