(Minghui.org) เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2020 อือเลอิสเรดิโอ (Yle) บริษัทวิทยุแห่งชาติของฟินแลนด์ได้เผยแพร่บทความสรุปวิธีการบางวิธีที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้เพื่อสอดแนมคนจีนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในฟินแลนด์ บทความนี้ชื่อว่า “ภายใต้การจับตามองของจีน” (Kiinan Valvonvan Silmän) รายงานนี้ทำขึ้นโดยเคอร์ซี สกอน และเผยแพร่ทั้งในรูปแบบตัวหนังสือและวีดิทัศน์

รายงานนี้พูดถึงรูปแบบที่รัฐบาลหรือองค์การต่างประเทศที่อยู่ภายใต้รัฐสอดแนมอดีตพลเมืองหรือพลเมืองในปัจจุบันของตัวเองว่า "การจารกรรมข้อมูลของผู้ลี้ภัย" ในบทความนี้ อือเล (Yle) บันทึกเหตุการณ์ที่สายลับจีนติดตามและรังควานผู้ฝึกฝ่าหลุนกง ผู้สนับสนุนการประท้วงในฮ่องกง ชาวทิเบต และชาวอุยกูร์ ที่อาศัยอยู่ในฟินแลนด์ รายงานนี้บอกว่าหน่วยข่าวกรองและความมั่นคงฟินแลนด์ (the Finnish Security and Intelligence Service, SUPO) หรือที่เรียกว่าตำรวจสันติบาลฟินแลนด์ (Finnish security police) เป็นผู้ตรวจติดตามพฤติกรรมการสอดแนมเหล่านี้

พรรคคอมมิวนิสต์จีนแทรกซึมสามัญชนในลักษณะที่คล้ายกันในประเทศอื่นด้วย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลของแคนาดาออกรายงานเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2020 อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการที่เจ้าหน้าที่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและคนในสังกัดรังควานผู้ฝึกฝ่าหลุนกง ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับตน และผู้สนับสนุนประชาธิปไตยในจีนที่อยู่ในแคนาดา

รายงานของอือเลเกี่ยวกับอิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในฟินแลนด์

อือเลรายงานเรื่องของจิน เจ้าหยู ซึ่งเป็นผู้ฝึกฝ่าหลุนกงที่อาศัยอยู่ที่เมืองแลปแลนด์ทางตอนเหนือของฟินแลนด์ตั้งแต่ปี 2008 เธอรณรงค์ในฟินแลนด์เพื่อต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในประเทศจีนมายาวนานหลายปี เนื่องจากกิจกรรมของเธอเป็นแบบสงบสันติ เธอจึงได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการรังควานของคนที่เกี่ยวข้องกับสถานทูตจีนในฟินแลนด์

อือเลระบุว่าฝ่าหลุนกงคือการบำเพ็ญปฏิบัติธรรมที่ถูกปราบปรามในประเทศจีนตั้งแต่ปี 1999 องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนพบว่ามีผู้ฝึกถูกจำคุกเนื่องจากความเชื่อของพวกเขา และหลายพันคนเสียชีวิตในระหว่างการประทุษร้าย ผู้ฝึกฝ่าหลุนกงพยายามสร้างความตระหนักรู้ต่อการปราบปรามที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องการปล้นเอาอวัยวะจากผู้ฝึกที่เกิดขึ้นในประเทศจีน

แม่ของจินถูกจับเข้าคุกเป็นเวลา 7 ปี เนื่องจากความเชื่อของเธอ ขณะที่น้องสาวของจินหนีไปฟินแลนด์โดยผ่านทางมาเลเซียและประเทศไทย ตามรายงานของอือเล “ลูกสาวทั้งสองคนกลัวว่าแม่ของพวกเธออาจเสียชีวิตมาหลายปีแล้ว”

อือเลบอกว่าความพยายามของจินในการช่วยแม่และผู้ฝึกคนอื่น ๆ ที่ถูกคุมขังอยู่นั้นทำให้สื่อสนใจ เรื่องราวของจินได้เผยแพร่ในเฮลซินกิน ซาโนแมท (Helsingin Sanomat) ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์แบบสมัครสมาชิกรายใหญ่ที่สุดในฟินแลนด์ องค์กรแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลแสดงการสนับสนุนต่อความพยายามช่วยเหลือของจิน และจัดแม่ของเธอเป็นนักโทษทางความคิดคนหนึ่ง

หลังจากแม่ของจินได้รับการปล่อยตัวในปี 2015 เธอได้ไปอยู่กับลูก ๆ ที่ฟินแลนด์ด้วยความช่วยเหลือขององค์กรแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนล

รายงานของอือเลบอกว่า แม้แม่ของจินจะได้รับการปล่อยตัวมาเป็นเวลา 5 ปีแล้ว แต่จินก็ยังคงถูกรังควานอยู่ บริษัทท่องเที่ยวของเธอที่จัดท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ รวมทั้งการพาชมแสงเหนือและสุนัขลากเลื่อน ถูกโจมตีจากพนักงานของบริษัทประเทศจีนแผ่นดินใหญ่

อือเลรายงานว่าในบรรดาบริษัทเหล่านั้น บริษัทอาร์กติกไชน่าเป็นบริษัทใหญ่ที่สุดที่โจมตีบริษัทของเธอ “ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เจ้าหยูได้ยินจากลูกค้าของเธอว่า พนักงานของบริษัทอาร์กติกไชน่าเตือนพวกเขาไม่ให้ทำธุรกิจกับเธอ”

จินรายงานเรื่องนี้ต่อสถานีตำรวจในเมืองโรวาเนียมิซึ่งเป็นเมืองหลวงของเขตแลปแลนด์ และพยานหลักฐานที่ใช้สนับสนุนข้อหาหมิ่นประมาทของเธอรวบรวมได้จากลูกค้าของเธอ อือเลพิสูจน์ความจริงของข้อหานี้ที่สถานีตำรวจ ตัวอย่างหนึ่งคือสมาชิกรายหนึ่งของคณะกรรมการบริษัทอาร์กติกไชน่าใส่ร้ายจินและธุรกิจของเธอบนวีแชตซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยมของจีน

อือเลติดต่อไปที่ถังเชาซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทอาร์กติกไชน่าเกี่ยวกับการถูกกล่าวหาว่าหมิ่นประมาทจากจิน ถังบอกว่าเขาไม่รู้จักจินและตัดสายไป อือเลพยายามติดต่อเขาหลังจากนั้น แต่เขาไม่ตอบกลับ

ถังเชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอาร์กติกไชน่า (ขวา) กับเฉินหลี่ เอกอัครราชทูตจีนประจำฟินแลนด์

รายงานของอือเลบอกว่าจากข้อมูลของสถานเอกอัครราชทูตจีนในฟินแลนด์ ถังเป็นผู้ติดต่อของสถานกงสุลจีนในเมืองโรวาเนียมิมาตั้งแต่ปี 2017 บริษัทอาร์กติกไชน่ายังเป็นตัวแทนของบริษัทไคว่โฉว เหมาไท่ในฟินแลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทแอลกอฮอล์ของจีนที่เป็นรัฐวิสาหกิจบางส่วนและเป็นบริษัทมหาชนบางส่วน

การจารกรรมข้อมูลของผู้ลี้ภัยเป็นหนึ่งในงานข่าวกรองที่รัฐบาลหรือองค์การต่างประเทศที่อยู่ภายใต้รัฐได้ข้อมูลมา และใช้กดดันหรือคุกคามพลเมืองหรือผู้ที่เคยเป็นพลเมืองของตัวเองที่อาศัยอยู่ในฟินแลนด์ คนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายมักเป็นกลุ่มของคนที่ไม่เห็นด้วยหรือกลุ่มที่ถูกประทุษร้าย

อือเลรายงานว่า เมื่อต้นปี 2012 ตำรวจสันติบาลของฟินแลนด์ได้เสนอเพื่อให้พิจารณางานจารกรรมข้อมูลทางอาญา กฎหมายข่าวกรองฉบับใหม่ซึ่งมีผลบังคับใช้ในปี 2019 ได้ขยายอำนาจในการสืบสวนสอบสวนให้กับเจ้าหน้าที่ของฟินแลนด์

ผู้สนับสนุนการประท้วงในฮ่องกงตกเป็นเป้าหมาย

อือเลระบุการจารกรรมข้อมูลของผู้ลี้ภัยกรณีอื่น ๆ รวมทั้งเรื่องของเซิง ยิ่ว นักเรียนถ่ายภาพที่มหาวิทยาลัยอาอัลโต ที่พยายามจัดกิจกรรมในเฮลซิงกิเพื่อแสดงการสนับสนุนผู้ประท้วงในฮ่องกง ทันทีที่เขาโพสต์วันที่และเวลาประท้วงบนเฟซบุ๊ก ประธานขององค์กรจีนที่ชื่อว่า “สมาคมส่งเสริมการรวมตัวกันใหม่อย่างสันติของจีนแห่งฟินแลนด์” (Finland Association for Promoting Peaceful Reunification of China, FAPPRC) เริ่มปฏิบัติการต่อต้านการประท้วงเพื่อสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์จีนทันที

ยิ่วได้รับอีเมลที่ไม่ชอบมาพากลจากอีเมลแอดเดรสของมหาวิทยาลัยในช่วงเย็นหลังการประท้วง ผู้ส่งอ้างว่าเขามาจากฮ่องกงและต้องการพบกับเขา แต่ยิ่วสงสัยว่าข้อความน่าจะมาจากสายลับจีน เขาจึงส่งต่ออีเมลไปยังแผนกไอทีของมหาวิทยาลัย และพวกเขาพิสูจน์ว่าแม้ว่ามันจะดูเหมือนอีเมลที่มาจากนักศึกษาในมหาวิทยาลัย แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นอีเมลแอดเดรสปลอม

ย้อนกลับไปในเดือนมีนาคม อือเลรายงานเกี่ยวกับการแทรกซึมของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในฟินแลนด์ รวมถึงเหตุการณ์การจารกรรมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ “สมาคมส่งเสริมการรวมตัวกันใหม่อย่างสันติของจีนแห่งฟินแลนด์ (FAPPRC)” ซึ่งเป็นหนึ่งใน 200 กว่าสาขาทั่วโลก ที่ปฏิบัติการภายใต้กรมการประสานงานระหว่างประเทศกลาง (United Front Work Department) ของประเทศจีน

อือเลรายงานว่าเว็บไซต์ของ FAPPRC บอกว่าสมาชิกของกลุ่มรวมตัวกันเพื่อ “ศึกษา [สุนทรพจน์ของสี จิ้นผิง] อย่างลึกซึ้ง” เพื่อรักษาเชื้อสายจีนให้ “แข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรืองตลอดไป” และพวกเขายัง “ต้องการให้การรวมตัวกันใหม่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด”

ในปี 2017 อือเลรายงานว่ามีชายคนหนึ่งถูกจับและถูกปรับในข้อหาสอดแนมคนรู้จักชาวทิเบตที่อาศัยอยู่ในสวีเดน

ต้นฉบับภาษาจีน