(Minghui.org) ผมเคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นริดสีดวงจมูกเมื่อ 10 กว่าปีก่อน แต่มันไม่ได้รบกวนผมเลยจนกระทั่งไม่นานมานี้ ผมเริ่มมีน้ำมูกเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคม แต่อาการไม่รุนแรงและเป็นไม่บ่อยนัก ต่อมาอาการเหล่านี้ก็เริ่มรบกวนผมทุก 10 นาที จนต้องมีกระดาษชำระพร้อมใช้ตลอดเวลา พอถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม โพรงจมูกของผมข้างหนึ่งอุดตัน ขณะที่อีกข้างหนึ่งก็มีน้ำมูกไหลตลอดเวลา

ผมตื่นตระหนกและไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะว่ามันกำลังรบกวนการดำเนินชีวิตของผม ผมหายใจไม่สะดวก และออกไปอธิบายความจริงไม่ได้ หรือกลับไปทำงานเป็นครูก็ไม่ได้

ผมได้อ่านบทความเกี่ยวกับการบำเพ็ญที่ผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าอื่นเขียนเกี่ยวกับการถูกอาการป่วยรบกวน แต่ผมไม่เคยคิดว่าอิทธิพลเก่าจะกำหนดสิ่งเหล่านี้ให้ผม ผมจึงไม่เคยฟาเจิ้งเนี่ยนเพื่อสลายการรบกวน

ค้นหาสาเหตุที่แท้จริง

ผมรู้ว่าผมต้องค้นหาจากภายในเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง นี่เป็นเพียงวิธีเดียวที่จะแก้ปัญหาได้

ผมไม่ได้จริงจังตอนที่ผมถูกวินิจฉัยว่าเป็นริดสีดวงจมูกเพราะมันไม่ได้กวนใจผม ผมเริ่มบำเพ็ญฝ่าหลุนต้าฝ่าแล้ว และทราบว่าผมไม่ควรมีโรคภัยไข้เจ็บใด ๆ ผมจัดตั้งสถานที่ผลิตเอกสารและจัดหาเอกสารอธิบายความจริงให้แก่ผู้ฝึกในพื้นที่ของผมภายใต้การคุ้มครองของท่านอาจารย์หลี่

สถานที่นี้ดำเนินการมาแล้วกว่า 10 ปีโดยไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่ผมย่อหย่อนไปนิดหน่อย ในเวลาว่างแทนที่จะอ่านฝ่าด้วยความขยันหมั่นเพียร ผมกลับดูวีดิทัศน์ออนไลน์และอ่านนิยาย

ผมหาข้ออ้างให้กับการทำเช่นนี้โดยบอกว่ามันเป็นงานอดิเรกของผมและมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ผมมีเวลาว่างมากในเดือนมิถุนายนและใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านนิยาย ผมอ่านหนังสือแนวลึกลับและสืบสวนเป็นเวลาหลายชั่วโมงขณะอยู่ที่ทำงานและแอบอ่านที่บ้านด้วย

ชี้ให้เห็นข้อบกพร่องของผม

หลังจากที่ภรรยาของผม (ซึ่งเป็นผู้ฝึกเช่นกัน) ชี้ให้เห็นความหมกมุ่นของผม ผมก็โกรธ ยิ่งเธอติผม ผมก็ยิ่งใช้เวลาอ่านนิยายมากขึ้น แม้ว่าผมจะอ่านฝ่าทุกวันแต่ก็ไม่ได้ใช้เวลานานนักและผมฝึกไม่ครบทั้งห้าท่าอยู่เสมอ

ผมไม่ได้มีความคิดแบบผู้บำเพ็ญจริง ริดสีดวงจมูกจึงกำเริบ ผมยังสืบค้นออนไลน์เพื่อหาวิธีการรักษาที่เป็นไปได้ ค้นหาโรงพยาบาลที่สามารถผ่าตัดได้ และตรวจสอบค่าใช้จ่ายด้วย

ผมคงเข้าโรงพยาบาลไปแล้วถ้าไม่มีการระบาดใหญ่ ผมยังเที่ยวค้นหาบัตรประกันสุขภาพที่ผมไม่ได้แตะมันมาสิบปีแล้ว

เมื่อมองย้อนกลับไป นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญจริงจะทำกัน ผมไม่ควรพึ่งพาโรงพยาบาลหรือยารักษาโรค แต่ว่าผมจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร ผมต้องค้นหาคำตอบในต้าฝ่า

ผมรู้สึกขอบคุณที่ภรรยาคะยั้นคะยอให้ผมอ่าน Minghui Weekly และบทความแลกเปลี่ยนประสบการณ์การบำเพ็ญ

วิธีคิดของผมเริ่มกลับเข้าสู่เส้นทางที่ถูกต้อง ท่านอาจารย์กล่าวไว้นานแล้วว่าอาจารย์ได้ผลักดันศิษย์ไปข้างหน้าก่อนวันที่ 20 กรกฎาคม 1999 และกล่าวว่าร่างกายของเราไม่ควรมีโรคภัยไข้เจ็บใด ๆ สาเหตุที่อาการป่วยกลับมากำเริบอีกเป็นเพราะผมหลงระเริงอยู่ในจิตยึดติดของตัวเอง ชีวิตในมิติอื่นมองเห็นความสิ้นหวังในการบำเพ็ญของผมและต้องการให้ผมชำระหนี้กรรมของตัวเอง จึงได้นำริดสีดวงจมูกของผมกลับมา

ผมรู้ว่าผมจะปลอดจากโรคถ้าผมสามารถแก้ไขความคิดและพฤติกรรมของตัวเองให้ถูกต้อง และปล่อยวางจิตยึดติดได้

ด้วยความคิดนั้น ผมจึงพูดกับชีวิตที่อยู่เบื้องหลังริดสีดวงจมูกว่า “ผมไม่ทราบกรรมสัมพันธ์ระหว่างเรา แต่ผมรู้ว่าผมเป็นศิษย์ต้าฝ่าที่อยู่ที่นี่เพื่อช่วยอาจารย์เจิ้งฝ่า ไม่ว่าชีวิตใดก็ไม่ควรรบกวนผมหรือประทุษร้ายผม ถ้าผมมีจิตยึดติด ผมควรกำจัดมันด้วยการบำเพ็ญตัวเอง ขอให้ออกไปจากร่างกายของผมในทันทีและปล่อยให้จมูกของผมกลับคืนสู่ปกติ เพื่อให้ผมหายใจได้เป็นปกติและช่วยอาจารย์เจิ้งฝ่า”

ผมบอกกับชีวิตเหล่านั้นว่าถ้าพวกเขาไม่รบกวนการเจิ้งฝ่า พวกเขาจะมีสถานที่ที่ดีไปหากพวกเขาไปจากร่างกายของผม ในเวลาเดียวกันผมก็ลบนิยายที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือของผมทิ้งไป และเริ่มคัดลอกหนังสือจ้วนฝ่าหลุนด้วยมือทุกวัน ผมอ่านฝ่าอย่างละเอียดถี่ถ้วน เข้าใจฝ่าด้วยใจ และเติมเต็มความคิดถูกต้องให้กับจิตใจของตัวเอง

อาการน้ำมูกไหลและริดสีดวงจมูกของผมหายไปภายในห้าวัน และผมก็หายใจได้เป็นปกติ อย่างไรก็ตามการรับกลิ่นยังไม่กลับคืนมาเหมือนเดิม แสดงว่าผมยังมีจิตยึดติดบางอย่างที่ต้องปล่อยวาง

เมื่อมองย้อนกลับไปผมรับรู้ได้ว่าในฐานะผู้บำเพ็ญ ความคิดและการกระทำของเรากำลังถูกชีวิตมากมายเฝ้าจับตาดูอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่แค่อิทธิพลเก่า ถ้าความคิดของใครไม่อยู่ในฝ่า ร่างกายก็จะมีปัญหา เราต้องอ่านฝ่าให้มากขึ้น อ่านบทความเกี่ยวกับการบำเพ็ญใน Minghui.org ให้มากขึ้น และบำเพ็ญตนเองให้ดี

นี่เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของผม โปรดช่วยแก้ไขหากมีสิ่งที่ไม่เหมาะสม

บทความ กราฟิก และเนื้อหาทั้งหมดที่เผยแพร่บน Minghui.org มีลิขสิทธิ์ อนุญาตให้ทำสำเนาที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ได้ แต่ต้องระบุแหล่งที่มาพร้อมชื่อบทความและลิงก์ไปยังบทความต้นฉบับ