เบอร์ลิน เยอรมนี : ขบวนพาเหรดฝ่าหลุนกงในกรุงเบอร์ลินได้รับการสนับสนุนจากทุกสาขาอาชีพและทุกชนชั้นในสังคม

(Minghui.org) “ทุกสิ่งที่นำเสนอที่นี่ทำให้ฉันเศร้า นี่เป็นข้อกล่าวหาที่ขออุทธรณ์ที่ร้ายแรงมาก พวกเขากำลังขอความช่วยเหลืออย่างจริงใจ ทำให้ฉันรู้สึกสะเทือนใจ ฉันหวังว่าฉันจะสามารถช่วยพวกเขาได้” นักธรณีวิทยา เรจีน แพลทซ์ กล่าวกับนักข่าว

เธอดูขบวนพาเหรดของผู้ฝึกฝ่าหลุนกงในกรุงเบอร์ลินเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมตั้งแต่ต้นจนจบ

ขบวนพาเหรดจัดขึ้นที่ถนนสายหลักในกรุงเบอร์ลิน คูฟองซ์สเตนแดมน์ (Kurfürstendamm) และผ่านจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง โบสถ์อนุสรณ์ไกเซอร์วิลเฮล์ม (Kaiser-Wilhelm-Gedaechtniskirche) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโปงการประทุษร้ายฝ่าหลุนกงที่ยาวนานถึง 22 ปี

ผู้ฝึกสาธิตท่าฝึกและนำเสนอการแพร่หลายของฝ่าหลุนกงไปทั่วโลกในขบวนพาเหรด ผู้ฝึกกลุ่มหนึ่งถือภาพถ่ายของผู้ฝึกที่ถูกทรมานจนเสียชีวิตจากการประทุษร้าย พวกเขายังได้เปิดโปงการปล้นเอาอวัยวะคนที่มีรัฐให้การสนับสนุนในประเทศจีนและความโหดเหี้ยมอื่น ๆ ของการประทุษร้ายโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในขณะเดียวกัน พวกเขาร้องขอสาธารณชนให้ช่วยยุติการประทุษร้ายนี้ ในตอนท้ายของรายการ ผู้ฝึกแสดงระบำกลองสะพายเอวแบบจีนโบราณ

หลังจากขบวนพาเหรด ผู้ฝึกจัดตั้งบูทที่ พลาซา วิตเทินแบร์กพลัทซ์ (Plaza Wittenbergplatz) เพื่อบอกให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นได้ทราบเกี่ยวกับการประทุษร้าย พวกเขาจัดขบวนพาเหรดอีกรอบในตอนเย็นที่ถนน ชลอตสตราสเซอร์ (Schlosstrasse) ซึ่งเป็นย่านธุรกิจในกรุงเบอร์ลิน

ผู้ฝึกสาธิตท่าฝึกในขบวนพาเหรด

เปิดโปงการประทุษร้ายและรำลึกถึงผู้ที่ถูกทรมานจนตาย

ผู้ฝึกแสดงดนตรีกลองสะพายเอว

ประชาชนร่วมลงนามในคำร้องเพื่อสนับสนุนฝ่าหลุนกงและประณามการประทุษร้าย

บางคนเรียนท่าฝึก

ประชาชนลงนามในคำร้องที่บูทของผู้ฝึกที่ พลาซา วิตเทินแบร์กพลัทซ์ (Plaza Wittenbergplatz)

“ฉันรู้สึกถึงความเศร้าของพวกเขา”

เรจีน แพทซ์ พูดว่า “สิ่งที่ทำให้ฉันเจ็บปวดคือคนเหล่านี้ [ผู้ฝึกฝ่าหลุนกง] แค่ต้องการมีร่างกายที่แข็งแรง มีชีวิตที่ดี และมีปรัชญาร่วมกัน แต่พวกเขากลับถูกนักการเมืองที่มีแรงจูงใจที่ซ่อนเร้นไว้ประทุษร้าย”

เธอน้ำตาคลอเบ้า รู้สึกสะเทือนใจมาก และพูดว่า “เพียงเพราะพวกเขาฝึกฝ่าหลุนกง ก็ถูกปล้นเอาอวัยวะไปเพื่อแสวงหากำไร พรรคคอมมิวนิสต์จีนทำเรื่องเช่นนั้นอย่างหน้าตาเฉย ราวกับว่าพวกเขาสามารถทำทุกอย่างได้ตามต้องการ ฉันนึกเรื่องแบบนั้นไม่ออกเลย ฉันรู้สึกเศร้ามาก"

เธอพูดต่อว่า “ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะยังเกิดขึ้นอยู่ในทุกวันนี้ ผู้คนพยายามเดินขอความช่วยเหลือตามท้องถนนโดยไม่มีมาตรการที่มีประสิทธิภาพจากเบื้องบน ฉันคิดว่ามันโหดร้าย”

เธอพูดและเช็ดน้ำตาที่นองหน้าเธออยู่ “ฉันรู้สึกถึงความโศกเศร้าของพวกเขา มันเป็นความโศกเศร้าที่วิกฤติมาก และฉันเห็นความหวังบางอย่าง” เธอจำคำว่า “ฝ่าหลุน” จากขบวนพาเหรดได้ คำนี้ทำให้เธอนึกถึงขบวนพาเหรดฝ่าหลุนกงที่เธอเคยเห็นในลอนดอนเมื่อห้าปีที่แล้ว

“ที่จริง ก็เพราะว่าฉันเห็นความหวัง ฉันจึงสามารถทนรับความโศกเศร้าแบบนั้นได้ [ขบวนพาเหรด] ให้แรงบันดาลใจแก่ฉัน และฉันต้องการอยู่ในขบวนพาเหรดและให้การสนับสนุน ฉันหวังว่าผู้ที่สนับสนุนพวกเขาจะเข้าร่วมกับพวกเขาและแผ่ขยายออกไปทั่วโลกเหมือนรากของต้นไม้”

เธอลงนามในคำร้องสนับสนุนผู้ฝึกฝ่าหลุนกง (หรือที่รู้จักในนามฝ่าหลุนต้าฝ่า) และรับทราบคำแนะนำของผู้ฝึกที่ให้เขียนถึงสมาชิกรัฐสภา และวิธีอื่น ๆ ที่จะช่วยหยุดการประทุษร้าย

เธอบอกผู้ฝึกว่าเธอกำลังบันทึกภาพขบวนพาเหรดลงในโทรศัพท์มือถือเพื่อเตือนตัวเองถึงความรู้สึกที่ลึกซึ้งในวันนี้ และความกระตือรือร้นที่จะช่วยผู้ฝึกหยุดการประทุษร้าย เพื่อที่เธอจะได้ลงมือทำจริง ๆ

ขบวนพาเหรดรถ : นำความจริงของฝ่าหลุนกงสู่สาธารณชน

ในวันเดียวกันนั้น ขบวนรถ 23 คัน ขับผ่านสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของกรุงเบอร์ลินและถนนที่พลุกพล่านโดยมีป้ายกระดานอยู่บนหลังคารถแสดงข้อความว่า “ฝ่าหลุนต้าฝ่าดี” “โลกต้องการ ความจริง – ความเมตตา - ความอดทน” และอื่น ๆ เพื่อแนะนำฝ่าหลุนกง บนกระดานยังเขียนข้อมูลเปิดโปงการประทุษร้ายฝ่าหลุนกงและอาชญากรรมอื่น ๆ ที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนกระทำ และร้องขอให้ประชาชนช่วยหยุดการประทุษร้าย

ขบวนรถเตรียมพร้อมสำหรับขบวนพาเหรดหน้าประตูบรันเดินบวร์ค (Brandenburg Tor)

นอกจากคนที่เดินผ่านไปมาจำนวนมากแล้ว ยังมีคนที่ไปทานอาหารจากร้านอาหารต่าง ๆ บนถนนที่ขบวนพาเหรดรถผ่าน ข้อความบนหลังคารถดึงดูดผู้คนมากมาย หลายคนได้ลงนามในคำร้องเพื่อสนับสนุนฝ่าหลุนกงด้วย

ในช่วงกว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา ผู้ฝึกได้จัดขบวนพาเหรดและรณรงค์ต่อต้านการประทุษร้ายอย่างสันติทุกปี ตำรวจได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสงบสุขที่ผู้ฝึกฝ่าหลุนกงแสดงออกและการประทุษร้ายที่นองเลือดโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ดังนั้นตำรวจเบอร์ลินจึงยินดีอำนวยความสะดวกในกิจกรรมที่ผู้ฝึกจัด ในกิจกรรมนี้ ตำรวจขับรถด้วยความเร็วตามที่ผู้ฝึกขอ เพื่อให้คนที่ผ่านไปมามีเวลาเหลือเฟือที่จะอ่านข้อความบนป้ายกระดาน ตำรวจช่วยกั้นถนนเพื่อให้ขบวนพาเหรดและขบวนรถผ่านไปได้โดยไม่หยุดชะงัก และผู้ที่เดินผ่านไปมาได้รับข้อมูลครบถ้วน

นักข่าว : “ขบวนพาเหรดนี้ให้ผลบวกมากและสงบมาก”

“มันสงบมาก และฉันสังเกตว่าขบวนพาเหรดนี้แตกต่างจากการประท้วงอื่น ๆ ทั้งหมด ให้ผลบวกมาก และสงบมาก ทำให้คนหยุดดูและหวังว่าจะมีความเข้าใจในเชิงลึกมากขึ้นกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้ฝึกฝ่าหลุนกงส่งข้อความที่ดี” นักข่าว หลุยซา เอ็ม ลูเซีย เทียเล (Louisa M. Lusia Thiele) พูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับขบวนพาเหรด

“ในฐานะชาวยุโรป ฉันไม่สามารถเข้าใจเรื่องถูกจับและถูกประทุษร้ายเพียงเพราะความเชื่อ ความคิดเห็น และแนวคิดของตัวเอง ฉันต้องการช่วยพวกเขา ฉันต้องการให้ผู้ฝึกฝ่าหลุนกงเป็นอิสระและดำเนินชีวิตตามที่พวกเขาต้องการโดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกประทุษร้าย”

เมื่อพูดถึงผู้ฝึกฝ่าหลุนกงปฏิบัติตามหลักการ ความจริง – ความเมตตา -ความอดทน เธอพูดว่า “ทุกคนสามารถดำเนินชีวิตตามหลักการเหล่านี้ได้”

ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าการประทุษร้ายคนดีไม่มีวันประสบความสำเร็จ

จิโอวานนี ดิ นาตาลี (Giovanni Di Natali) ซึ่งทำงานให้กับคณะกรรมการบริหารจัดการพนักงานด้วย พูดว่า “[ขบวนพาเหรด] มีการจัดระบบระเบียบได้ดีมาก” หลังจากลงนามในคำร้องเพื่อสนับสนุนฝ่าหลุนกง เขาพูดว่า “ผมหวังว่าลายเซ็นของผมจะช่วยให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น และทุกคนสามารถทำอะไรบางอย่างกับมันได้”

เมื่อพูดถึงการประทุษร้ายฝ่าหลุนกงที่ยาวนานถึง 22 ปีโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน เขาบอกว่า “ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าระบอบการปกครองที่พยายามประทุษร้ายมีแรงจูงใจจากความกลัวที่จะสูญเสียอำนาจ ไม่ว่าจะยาวนานแค่ไหน ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าการประทุษร้ายไม่เคยประสบผลสำเร็จ”

“การประทุษร้ายนี้เหลือทน”

นางพยาบาลฮิลเค เค ซิลเค เบลฟัสส์ (Hilke K. Sylke Beilfuss ) เห็นเนื้อหาที่ป้ายผ้าในขบวนพาเหรด เธอเข้าไปสืบค้นข้อมูลออนไลน์เพื่อหาว่าเกิดอะไรขึ้นกับฝ่าหลุนกง เธอกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เธอได้รับรู้ และเธออยากทราบว่าจะช่วยหยุดการประทุษร้ายได้นี้อย่างไร

จากนั้นเธอก็มาที่บูทข้อมูลที่ วิตเทินแบร์กพลัทซ์ (Wittenberg Platz) เพื่อลงนามในคำร้องเพื่อสนับสนุนผู้ฝึกฝ่าหลุนกง เธอบอกว่า “การประทุษร้ายนี้เป็นเรื่องเหลือทน และไม่ควรเกิดขึ้นเลย ไม่ว่าที่ไหนก็ไม่ควรมีการประทุษร้ายเช่นนั้น นี่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและไม่ควรเกิดขึ้นเลย”

เธอเป็นห่วงเรื่องสิทธิมนุษยชนในประเทศจีนมากตลอดมา และเธอเชื่อว่าปัญหาสิทธิมนุษยชนจำนวนมากในประเทศจีนถูกเพิกเฉยด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ เธอเชื่อว่าเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลที่ทำธุรกิจกับประเทศจีนที่จะต้องใส่ใจกับปัญหาสิทธิมนุษยชนในประเทศจีน

“ยิ่งมีกิจกรรมเหล่านี้ [โดยผู้ฝึกฝ่าหลุนกง] มากขึ้น ก็จะมีคนใส่ใจเรื่องสิทธิมนุษยชนมากขึ้นหรือหาทางแก้ไขด้วยวิธีอื่น ๆ มากขึ้น” เธอพูดเสริม

“ผมจะช่วยหยุดการประทุษร้าย”

เควิน ดี เครเมอร์ (Kevin D. Kraemer) นักเรียนมัธยมปลายและเพื่อน ๆ ยืนอยู่ข้างถนนอ่านป้ายผ้าที่ผู้ฝึกฝ่าหลุนกงถืออยู่ และอ่านกระดานที่มีข้อความ SOS เขียนอยู่ พวกเขาต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมจึงอ่านแผ่นพับของผู้ฝึก

“มันมากเกินไปที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเอาอวัยวะจากคนที่ยังมีชีวิต มันสุดจะทน ฉันจึงลงนามในคำร้อง” เควินพูด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเกี่ยวกับฝ่าหลุนกง และไม่เคยรู้เรื่องที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนประทุษร้ายฝ่าหลุนกงมาก่อน

เขาคิดว่าผู้ฝึกฝ่าหลุนกงทำได้ดี “พวกเขา [ผู้ฝึกฝ่าหลุนกง] ใช้เวลาร่วมกันเพื่อทำสิ่งนี้ [ทำกิจกรรมเพื่อหยุดการประทุษร้าย] และมันสำคัญมาก ดังนั้นผมคิดว่าขบวนพาเหรดนี้ยอดเยี่ยมมาก”

เขาบอกว่า “การประทุษร้ายทำให้ผมเศร้ามาก ผมจะช่วยหยุดการประทุษร้าย – ผมจะช่วยพวกเขา [ผู้ฝึกฝ่าหลุนกง] ในการเดินพาเหรดเพื่อต่อต้านการประทุษร้ายและช่วยรวบรวมลายเซ็น”

ครูสอนประวัติศาสตร์มัธยมปลายที่เกษียณอายุแล้ว แก็บบี บี กาบี เฟลเดอร์ (Gabby B. Gaby Felder) หวังว่าลายเซ็นของเขาจะ “...ช่วยให้ผู้ฝึกฝ่าหลุนกงได้รับอิสรภาพที่จะฝึกในประเทศจีน” ในความเห็นของเขา “ฝ่าหลุนกงสอนให้ผู้คนค้นพบความสงบสุขภายในซึ่งทำให้ผมรู้สึกดีมาก ๆ มันแย่มากที่ไม่สามารถฝึกได้อย่างอิสระในประเทศจีน”

บทความ กราฟิก และเนื้อหาทั้งหมดที่เผยแพร่บน Minghui.org มีลิขสิทธิ์ อนุญาตให้ทำสำเนาที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ได้ แต่ต้องระบุแหล่งที่มาพร้อมชื่อบทความและลิงก์ไปยังบทความต้นฉบับ