(Minghui.org) แม้ฉันจะเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่ามาหลายปีแล้ว ฉันรู้สึกลำบากใจที่จะบอกว่าฉันไม่รู้วิธีบำเพ็ญจริง ๆ มาเป็นเวลานานมาก

หลายปีที่ฉันไม่เคยค้นหาจากภายในเพื่อหาข้อบกพร่องของตัวเอง ทำให้ฉันมีความทุกข์ยากมากมายในความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว

มันสะท้อนออกมาโดยเฉพาะกับปัญหาชีวิตแต่งงาน ตั้งแต่การนิ่งเงียบถึงการโต้เถียงกันอย่างดุเดือดไปจนถึงการใช้กำลังต่อสู้ ฉันกับสามีมีความขัดแย้งกันอยู่เสมอ นี่เป็นบททดสอบอย่างต่อเนื่องสำหรับฉันในการบำเพ็ญ

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเมื่อฉันเริ่มสำรวจตัวเองและคิดถึงผู้อื่นก่อน ฉันก็สามารถหยุดคิดถึงความทุกข์ยากใหญ่นี้ได้ในที่สุด

ฉันรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ความขัดแย้งในชีวิตแต่งงานของเราเกิดจากนิสัยที่ชอบใช้อำนาจและความเห็นแก่ตัวของฉัน ต้นเหตุของบุคลิกลักษณะเหล่านี้คือ "ความเกลียดชัง" ซึ่งแพร่หลายในวัฒนธรรมของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

บุคลิกลักษณะที่ก่อเกิดในช่วงแรกของชีวิตฉัน

ในวัยเด็ก ฉันดูเหมือนอ่อนโยนและขี้อายอยู่เสมอ ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังท่าทางที่อ่อนโยนของฉันคือคนที่แน่วแน่และดื้อรั้น

ฉันเห็นคุณค่าวัฒนธรรมและค่านิยมดั้งเดิม และนับถือผู้บำเพ็ญ บุคคลที่ฉันชื่นชอบมากเมื่อโตมาคือวีรสตรีอย่างมู่หลานที่ปลอมตัวเป็นผู้ชายเพื่อเข้าร่วมกองทัพแทนพ่อที่แก่ชรา

ฉันเป็นลูกคนโตในครอบครัวที่มีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แม่ของฉันไม่รู้หนังสือ แต่ตั้งความหวังในตัวลูก ๆ ไว้สูงมากว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิต ฉันตั้งใจแน่วแน่ที่จะประสบความสำเร็จเพื่อเติมเต็มความปรารถนาของแม่ เพื่อจะสามารถปกป้องน้อง ๆ และครอบครัวของฉัน

การเรียนและอาชีพการงานของฉันราบรื่น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฉันทำงานหนัก อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะตำแหน่งและอำนาจของพ่อในฐานะเจ้าหน้าที่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ฉันฉลาดและทำได้ดีในโรงเรียน ครูของฉันมักเลือกฉันเป็นหัวหน้าห้องตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา หลังจากเข้าร่วมงานกับพรรค ฉันได้พิสูจน์ตัวเองอย่างรวดเร็วว่าเชื่อถือได้และมีความสามารถ และฉันได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนได้เป็นเจ้าหน้าที่ของพรรคระดับเขต

เมื่อมองย้อนกลับไป ฉันเชื่อว่านี่คือจุดที่อิทธิพลเก่าจัดวางเพื่อเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของฉัน เพื่อที่จะอยู่ในตำแหน่งสูงสุดในหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ ฉันค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นผู้หญิงแกร่งและชอบการต่อสู้ แม้ว่าโดยธรรมชาติฉันเป็นคนไม่ชอบความขัดแย้งและหลีกเลี่ยงการโต้เถียง

ฉันรู้สึกว่า “การเป็นคนแกร่ง” ทำให้ฉันได้ช่วยคนที่ต้องการความช่วยเหลือและดำรงความยุติธรรมได้ ฉันพยายามอย่างหนักและใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้อยู่ตำแหน่งสูงสุดในทุกสิ่งที่ฉันทำ เพื่อให้ได้มาซึ่งความนับถือและการให้เกียรติ ฉันต้องทำงานหนักซึ่งปกติต้องทำเป็นทีมจึงจะสำเร็จ

การผลักดันตัวเองจนเกินขีดจำกัดอยู่เสมอส่งผลที่ไม่ดีต่อสุขภาพของฉัน ฉันลงเอยด้วยความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลางและป่วยหลายโรค ฉันรับประทานยาและลองฝึกชี่กง แม้จะพบว่าอาการดีขึ้นบ้างแต่ฉันทราบว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่กำลังมองหาอยู่

ในที่สุดฉันก็พบสิ่งที่ตามหามาตลอด

ฉันได้รับฝ่าหลุนต้าฝ่าในปี 1994

ฉันรู้ได้ในทันทีว่า นี่คือวิถีทางแท้จริงที่นำทางผู้คนในการบำเพ็ญ ท่านอาจารย์หลี่หงจื้อผู้ก่อตั้งฝ่าหลุนต้าฝ่า เป็นเพียงผู้เดียวที่ชี้นำผู้คนไปสู่ระดับสูงได้ ยิ่งกว่านั้น ผู้ฝึกต้าฝ่าไม่จำเป็นต้องละทิ้งทุกสิ่งในโลกฆราวาสและออกไปฝึกตามลำพังในภูเขาที่ห่างไกลหรือในวัด ฉันรู้ว่าในที่สุดก็พบสิ่งที่ตามหามาโดยตลอด

ฉันไม่เคยเข้าฟังการสอนฝ่าของท่านอาจารย์หลี่ ตอนแรกฉันจึงสงสัยว่าท่านอาจารย์จะรับฉันเป็นศิษย์หรือไม่ แต่เมื่อฉันอ่านบทที่สองของจ้วนฝ่าหลุนซึ่งเป็นหนังสือที่พิเศษมาก ฉันเห็นห้องของฉันเต็มไปด้วยฝ่าหลุนขนาดใหญ่ ฉันนั่งสมาธิ และห้องของฉันทั้งห้องก็ส่องแสงระยิบระยับสีทอง แล้วทุกอย่างก็เรืองแสงสีทอง นี่คือการยืนยัน—ท่านอาจารย์รับฉันเป็นศิษย์แล้ว ! ฉันตั้งใจแน่วแน่ในการบำเพ็ญตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ไม่กี่เดือนหลังจากที่ฉันเริ่มฝึก โรคของฉันหายไปทั้งหมด พอฉันศึกษาฝ่าและบำเพ็ญซินซิ่ง ฉันก็ไม่จริงจังกับชื่อเสียงและผลประโยชน์ส่วนตัวแล้ว ฉันทำงานหนักขึ้นและปฏิบัติกับครอบครัว เพื่อน และเพื่อนบ้านดีกว่าเดิม แม่สามีและน้องสะใภ้ของฉันชมเชยฉันต่อหน้าคนอื่นเสมอ

ความโกรธเคืองของสามีที่มีต่อฉันและต้าฝ่า

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าฉันจะเปลี่ยนแปลงในทางบวกมากมายเพียงใด สามีของฉันก็ยังต่อต้านฉันเรื่องการฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าและเรามีความขัดแย้งกันตลอด ตอนนั้นฉันค้นหาจากภายในและตรวจสอบตัวเองไม่เป็น—ฉันคิดว่ากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องที่สุดและเขาช่างไร้เหตุผล

สามีของฉันทำธุรกิจส่วนตัว เขาจึงเดินทางบ่อย และลูกสาวของเราอยู่ในวิทยาลัย ฉันจึงอยู่คนเดียวเป็นส่วนใหญ่ ฉันแบ่งเวลาระหว่างงานกับต้าฝ่า ทำให้ตัวเองยุ่งอยู่ตลอด ฉันตื่นแต่เช้าเพื่อฝึกท่ากับกลุ่ม ฉันต้องใช้เวลาทำงานยาวนาน บางครั้งจึงไม่มีเวลารับประทานอาหารเย็นก่อนไปศึกษาฝ่าในตอนเย็น ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ฉันได้เข้าร่วมกิจกรรมกับผู้ฝึกในท้องที่เพื่อแนะนำฝ่าหลุนต้าฝ่า ฉันจึงแทบไม่ได้อยู่บ้าน

สามีของฉันกลับมาบ้านทุกสองสามวันและมักเข้านอนทันทีเมื่อกลับมา หลังจากได้หลับแล้วเขาก็รีบกลับไปทำงาน เราทั้งคู่มีตารางเวลาที่ยุ่งมากและแทบไม่ได้เจอกันเลย ฉันไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของเขาและไม่เคยชะลอเพื่อใช้เวลากับเขาเมื่อเขามาบ้าน ฉันมักรีบออกไปเข้าร่วมกิจกรรมของฝ่าเสมอ ๆ เมื่อตอนเขาเดินเข้าประตูมา สามีของฉันค่อย ๆ โกรธเคืองฉันและต้าฝ่ามากขึ้นเรื่อย ๆ

วันหนึ่งเมื่อฉันกลับถึงบ้านหลังจากออกไปฝึกท่าในตอนเช้า ฉันพบว่าสามีของฉันฉีกหนังสือต้าฝ่า ฉันเสียใจมากที่ไม่ได้อยู่ที่นั่นเพื่อปกป้องหนังสือและโกรธสามี ฉันบอกเขาว่า “ต้าฝ่าดีมาก ต้าฝ่าสอนให้คนบำเพ็ญซินซิ่งและสอนให้เป็นคนดี ต้าฝ่าฟื้นฟูศีลธรรมของคน ดูฉันซิ โรคของฉันหายหมดแล้ว คุณเห็นแล้วว่าฉันปฏิบัติต่อครอบครัวของคุณดีแค่ไหน” เขาตอบอย่างเย็นชาว่า “ผมไม่เคยเห็นคุณปฏิบัติกับผมดีเลย” ขณะที่พูด เขาก็หยิบหนังสืออีกเล่มมาและพยายามฉีกเล่มนี้ เขาดูถูกท่านอาจารย์และครอบครัวของฉัน แล้วยังทุบตีฉันด้วย

เหมือนที่ท่านอาจารย์กล่าวจริง ๆ

“ปกติฉันว่าหนึ่งเป็นหนึ่งไม่มีสอง วันนี้เขาขึ้นมาขี่บนหัวฉันแล้ว” (บทที่ 4, จ้วนฝ่าหลุน)

ฉันรู้ว่านี่เป็นโอกาสของฉันที่จะได้ยกระดับและขจัดกรรม ดังนั้นฉันจึงอดทนกับพฤติกรรมของเขาอย่างเงียบ ๆ ในความฝันของฉันคืนนั้น ฉันเห็นอดีตชาติของเรา ฉันด่าและทุบตีสามีเหมือนที่เขาทำกับฉัน อย่างไรก็ตามฉันไม่สามารถยกโทษให้เขาที่ดูถูกท่านอาจารย์และต้าฝ่าและโกรธที่เขาทำ ความขัดแย้งของเราฝังลึกลงไป

การคัดค้านฉันเรื่องอธิบายความจริงเกี่ยวกับต้าฝ่า

เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนเริ่มต้นการประทุษร้ายฝ่าหลุนต้าฝ่าทั่วประเทศในเดือนกรกฎาคม 1999 สามีของฉันยอมรับคำโกหกที่พรรคสร้างขึ้นเพื่อใส่ร้ายป้ายสีต้าฝ่า

เขาดูถูกและทุบตีฉันบ่อย ๆ เขาจับตามองฉันอย่างใกล้ชิดและไม่ปล่อยให้ฉันออกไปข้างนอกหรือไม่ให้ผู้ฝึกมาเยี่ยม เขาขู่ว่าจะส่งฉันให้ตำรวจ

คำพูดที่แพร่อยู่ในพื้นที่ของเราในหมู่ผู้ฝึกคือสามีของฉันเป็นคนที่ "นิสัยแย่มาก" และไม่มีใครกล้ามาที่บ้านของฉัน

มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากในการบำเพ็ญของฉัน แต่ฉันยึดมั่นใน "ความพากเพียร" และ "ความอดทน" และฉันไม่ได้ต่อสู้หรือโต้เถียงกับเขา

ฉันไปปักกิ่งช่วงปลายปี 2000 เพื่อยื่นคำร้องต่อรัฐบาลกลางในเรื่องสิทธิ์ในการฝึกต้าฝ่าของฉัน ฉันถูกคุมขังเกือบหนึ่งปี การถูกคุมขังของฉันทำให้สามีกดดันอย่างมาก เขามาเยี่ยมฉันที่ศูนย์ล้างสมองและขอให้ฉันเขียนคำรับประกันว่าจะหยุดฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า เมื่อฉันปฏิเสธ เขาทุบตีฉันในห้องเยี่ยม เมื่อเพื่อนและครอบครัวของเรารู้เรื่องนี้ พวกเขาทุกคนคิดว่าเขาทำเกินไปที่ทำกับฉันอย่างนั้น

สามีของฉันเหมือนถูกวิญญาณชั่วร้ายเข้าสิง เขาต่อต้านฉันอย่างรุนแรงที่ฉันบอกความจริงเกี่ยวกับต้าฝ่าให้คนอื่นฟัง เขาบอกว่าฉันขาดคุณธรรมและทำลายอนาคตของผู้คนด้วยการทำเช่นนั้น เมื่อฉันอธิบายให้เขาฟังว่าเหตุใดจึงสำคัญที่คนจะต้องรู้ความจริงเกี่ยวกับต้าฝ่าและความจริงเบื้องหลังการประทุษร้าย เขาพยายามข่มขวัญฉันและขู่ว่าจะแจ้งความกับตำรวจ พฤติกรรมของเขาเหมือนถูกอิทธิพลเก่าจัดวางให้บ่อนทำลายฝ่าและการบำเพ็ญของฉัน ทำไมเรื่องนี้จึงเกิดกับฉัน ฉันควรทำอย่างไร

วันหนึ่งฉันพบผู้ประสานงานในท้องที่โดยบังเอิญ เขาเป็นผู้ฝึกที่ฝึกมานานแล้ว ฉันถามเขาว่า “ทำไมเขาไม่เปลี่ยน เขาอยู่ที่นี่เพื่อบ่อนทำลายฝ่าใช่ไหม” ผู้ประสานงานเปี่ยมด้วยความเมตตา พูดว่า “คุณคิดแบบนั้นไม่ได้ เขาอยู่ที่นี่เพื่อช่วยให้คุณบำเพ็ญ เมื่อคุณยกระดับแล้ว เขาจะเปลี่ยนไป” ฉันสงสัยว่า “เขาจะยังช่วยเหลือได้หรือ” ผู้ประสานงานพยักหน้า “แน่นอน เขากำลังรอให้คุณช่วยเหลือเขา”

แต่สามีของฉันมีอคติหยั่งรากลึกและปฏิเสธที่จะฟังความจริงเกี่ยวกับต้าฝ่า ฉันควรทำอย่างไร ฉันขอให้ผู้ฝึกอื่นช่วยฉันพูดกับสามี แต่เมื่อพวกเขามาถึง สามีของฉันปฏิเสธ ไม่ยอมให้ผู้ฝึกเข้าบ้าน และยังดูถูกพวกเขา ฉันขอคำแนะนำจากผู้ฝึกอีกคนหนึ่ง เธอบอกว่า “ยกระดับเขตแดนของคุณ คุณแค่ต้องยกระดับเขตแดนของคุณ”

ฉันคิดในใจว่า “เขตแดนของฉันยังสูงไม่พอหรือ ฉันสละตำแหน่งเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ระดับสูงของฉัน และปล่อยวางเกียรติยศมากมาย ฉันทำงานหนักในที่ทำงานโดยไม่ขออะไรตอบแทน ในครอบครัวฉันดูแลผู้สูงอายุ และช่วยเหลือพี่น้อง ฉันดีต่อญาติมิตร เพื่อนฝูง และเพื่อนบ้านของเรา ทุกคนบอกว่าฉันเป็นคนดี ทำไมสามีของฉันไม่เห็น” แต่ในฐานะผู้บำเพ็ญ ฉันต้องค้นหาจากภายในและสำรวจตัวเอง

ท่านอาจารย์กล่าวว่า

“ใช้ความมีเหตุผลและสติสัมปชัญญะไปยืนยันความจริงให้ฝ่า ใช้สติปัญญาไปอธิบายความจริง ใช้ความเมตตาไปหงฝ่ากับช่วยเหลือชาวโลก…” (“ความมีเหตุผล,” จิงจิ้นเหย้าจื่อ 2)

ฉันตระหนักว่าตัวเองยึดติดต่อความอ่อนไหวทางอารมณ์ของมนุษย์มากเกินไปและอดทนไม่พอ ฉันต้องการทำสิ่งต่าง ๆ ให้เสร็จอย่างรวดเร็วเสมอ ฉันขาดเหตุผลและความเมตตา ฉันต้องบำเพ็ญความอดทน และเมื่อความเมตตาปรากฏขึ้น ฉันจึงจะช่วยสามีได้

การก้าวข้ามเล็กน้อย

วันหนึ่งสามีของฉันเมา เขานอนที่พื้นและลุกขึ้นไม่ไหว ฉันโกรธจัด—เขาทำตัวไม่สมศักดิ์ศรีมนุษย์เลย ! ฉันทิ้งเขาไว้ตามลำพังเพื่อไปบ้านพ่อแม่เนื่องจากพ่อของฉันป่วยและต้องการคนดูแล ไม่นานนักสามีก็มาเคาะประตูบ้านของพ่อแม่ของฉัน เขาเสียงดังด่าว่าฉัน ตะโกน และโกรธจัด

เพื่อหยุดพฤติกรรมเกะกะระรานของเขา ฉันบอกเขาว่า “กลับบ้านนะแล้วคุยกัน” ฉันวางนิ้วมือ 2 นิ้วบนข้อมือเพื่อหาชีพจรและตัดสินใจว่า “ฉันจะรอจนกว่าใจสงบแล้วค่อยคุยกับเขา วันนี้ฉันจะบอกความจริงเกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่าและการประทุษร้ายที่ไม่ถูกต้อง”

ฉันไม่ได้ทะเลาะกับเขาไม่ว่าเขาจะไร้เหตุผลแค่ไหนก็ตาม หลังจากที่เขาสร่างเมา เป็นครั้งแรกที่ฉันบอกเขาเกี่ยวกับการหลอกลวงของเหตุการณ์เผาตัวเองที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน และวิธีที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนโกหกเพื่อใส่ร้ายป้ายสีฝ่าหลุนต้าฝ่า ฉันอธิบายว่าการช่วยให้คนลาออกจากพรรคฯ และองค์กรยุวชนของพรรคฯ คือการช่วยให้พวกเขาแยกตัวออกจากอาชญากรรมของพรรคฯ เพื่อให้พวกเขาหลีกเลี่ยงการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง

ฉันถามเขาว่า “คุณได้อะไรจากการเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ กรุณาลาออกจากพรรคฯ ความปลอดภัยและสุขภาพของคุณมีความสำคัญมากกว่าสิ่งใด ฉันจะตั้งชื่อเล่นให้คุณลาออกจากพรรคฯ ตกลงไหม” เขาพูดว่า “ได้ ให้ทำในสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้อง” วันรุ่งขึ้นฉันยืนยันกับเขา เขาพูดว่า “ผมบอกว่าจะลาออกจากพรรคฯ ผมก็จะออกจากพรรคฯ ทำไมคุณต้องถามหลายครั้ง”

ท่านอาจารย์แสดงให้ฉันเห็นจิตยึดติดมูลฐานของฉัน

ฉันก้าวข้ามการทดสอบเล็กน้อย และช่วยสามีของฉันให้ลาออกจากพรรคฯได้ แต่ซินซิ่งของฉันยังไม่ยกระดับสูงขึ้นมากพอเพราะฉันไม่พบจิตยึดติดมูลฐาน ท่านอาจารย์ช่วยผลักดันฉันนิดหนึ่งโดยการแสดงให้ฉันเห็นขณะนั่งสมาธิ

มันเป็นวันที่ห้าของเทศกาลตรุษจีนในปี 2007 และเป็นวันเกิดของสามีของฉันด้วย ทันทีที่ฉันนั่งสมาธิในเช้าวันนั้น ฉันก็เข้าสู่สภาวะสงบนิ่ง ในหัวของฉัน ฉันได้ยินเสียงของอดีตหัวหน้างาน “ให้ฉันแนะนำคุณสองคน เธอ (คือฉัน) ฉันไม่รู้จักชื่อเธอ เธอเป็นเจ้าหน้าที่หญิงที่แกร่งที่สุดในเขต”

ฉันพอใจมากกับการแนะนำฉันแบบนี้ "ฉันมีชื่อเสียงมาก" ความสำเร็จทั้งหมดของฉันแวบขึ้นมาต่อหน้าสายตาของฉัน — ต่อสู้ให้เหยื่อได้รับค่าชดเชย รับคดีที่ยาก ๆ เข้าสู่ศาล เข้าร่วมและชนะการแข่งขันต่าง ๆ ได้รับคำชมจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเมืองและของมณฑล แน่วแน่มั่นคงเมื่อถูกกักขัง ถูกทุบตีและทรมานเพื่อความเชื่อของฉัน — แม้แต่ผู้อำนวยการและผู้คุมของสถานกักกันยังเรียกฉันว่า “บ้าระห่ำ”

แต่เนื่องจาก "ความแข็งแกร่ง" นี้ ฉันทนไม่ได้ที่จะให้คนในครอบครัวมาตั้งคำถามกับฉัน ฉันออกคำสั่งและกำหนดให้ทุกคนทำตามความตั้งใจของฉัน ฉันยังแสดงให้เห็นเมื่อตอนที่ฉันพยายามให้น้องชายลาออกจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน ฉันเรียกร้องให้เขาทำในสิ่งที่ฉันพูดในฐานะพี่สาว "ผู้มีอำนาจสั่งการ" เมื่อเขาปฏิเสธ ฉันจะโกรธมากและตะโกนใส่ ฉันเรียกเขาด้วยคำที่ดูถูก ตำหนิเขาอย่างรุนแรง และพูดว่าเขาไม่รู้ว่าอะไรดี เขาสาบานว่าจะตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับฉัน

การเห็นเรื่องราวทั้งหมดที่ฉันทำในอดีตทำให้ฉันช็อกจริง ๆ “แน่นอน ฉันเป็นคนแข็งแกร่ง — แข็งแกร้าวใส่คนอื่น ฉันไม่ตระหนักได้อย่างไรหลังจากบำเพ็ญมาหลายปีแล้ว นี่เป็นวิธีที่ผู้บำเพ็ญควรกระทำหรือ คนช่างเรียกร้องที่แข็งกร้าวใส่ผู้อื่นคือความเห็นแก่ตัว ขาดความเมตตา และทำร้ายความรู้สึกของคนอื่นได้ง่าย นี่คือสิ่งที่ท่านอาจารย์บอกฉันว่าฉันต้องกำจัด "ความแข็งกร้าว" นี้

ฉันเรียกท่านอาจารย์ในใจ “ท่านอาจารย์ ฉันไม่ต้องการเป็นคนช่างเรียกร้องและคบยาก ฉันจะกำจัดสสารนี้ที่สะสมมาตลอดชีวิตและขอโทษคนที่ฉันทำให้เสียใจอย่างจริงใจ ฉันต้องการแก้ไขความโกรธเคืองใด ๆ และแทนที่มันด้วยความเมตตา ฉันจะเปลี่ยนชั้นของอนุภาคในแต่ละระดับชั้นของร่างกายของฉันให้เป็นชีวิตที่มีเมตตา ใช่ ฉันจะขอโทษสามีและน้องชายของฉันวันนี้ ฉันจะไม่ปล่อยให้ความผิดพลาดของฉันทำให้พวกเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือ”

ขาของฉันที่ขัดสมาธิเพชรไม่เคยผ่อนคลายเท่าเช้าวันนั้นและร่างกายของฉันก็ไม่เคยสบายขนาดนั้น ฉันรู้สึกว่าท่านอาจารย์ชำระร่างกายของฉันด้วยพลังงานระดับชั้นสูงจากบนสุดสู่ล่างสุด น้ำตาไหลอาบแก้มและหยดลงบนขาของฉันที่กำลังขัดสมาธิอยู่

น้องสาวของฉันที่นั่งสมาธิอยู่ข้างๆ ฉันบอกฉันในภายหลังว่า “วันนี้พี่นั่งสมาธิได้ดีจริง ๆ ฉันรู้สึกได้ถึงพลังแห่งความเมตตาของพี่ แม้แต่ขาของฉันก็ไม่เจ็บ” ฉันบอกเธอว่า “ท่านอาจารย์ช่วยให้ฉันตระหนักว่าฉันต้องกำจัดท่าทางที่แข็งกร้าวและชอบบังคับของฉัน วันนี้เมื่อครอบครัวมารวมกันเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ฉันจะขอโทษสามีของฉันและน้องชายของเราอย่างเป็นทางการ” น้องสาวของฉันยิ้ม “เยี่ยมมาก ฉันคิดว่าฉันควรขอโทษสามีของฉันและน้องชายของเราด้วย”

การแก้ไขความโกรธเคืองและปรับปรุงความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัว

สามีและหลานชายของฉันเกิดวันเดียวกัน และครอบครัวรวมตัวกันที่บ้านพ่อแม่ของฉันเพื่อฉลองวันเกิด ฉันทำเกี๊ยวกับญาติสองสามคนเพื่อเตรียมงานเลี้ยง ฉันอารมณ์ดีตลอดเช้าและรู้สึกเยี่ยมมาก

สมาชิกในครอบครัวมากัน 10 กว่าคน และเราทุกคนนั่งลงเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ฉันพูดว่า “ดีเหลือเกินที่ได้เจอทุกคนที่นี่ในวันนี้ ก่อนที่เราจะเริ่มกิน ฉันอยากจะพูดอะไรนิดหน่อย ก่อนอื่น ฉันอยากจะอวยพรวันเกิดให้สามีและหลานชายของฉันให้มีความสุขมาก ๆ ฉันฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่ามาหลายปีแล้ว แต่ฉันยังไม่ได้ยึดถือหลักการของความจริง ความเมตตา ความอดทนได้อย่างแท้จริงเลย อารมณ์ฉันไม่ดี ฉันเรียกน้องชายด้วยคำที่ดูถูก และทะเลาะกับสามี นี่ไม่ใช่เพราะต้าฝ่าไม่ดีแต่เป็นเพราะฉันทำได้ไม่ดีเอง ฉันอยากจะขอโทษทุกคนอย่างจริงใจ ฉันขอโทษ"

ก่อนจะมีใครพูดตอบ น้องสาวของฉันก็ลุกขึ้นยืนด้วย “ฉันอยากจะขอโทษสามีของฉันและน้องชายของเราด้วย” สามีของฉัน สามีของน้องสาว และน้องชายของเราลุกขึ้นยืนทุกคน และพูดคล้าย ๆ “พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน” “อย่าพูดถึงมันเลย” และ “มันเป็นอดีตไปแล้ว” จากนั้นพวกเราก็รับประทานอาหารด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย

หลังจากการรวมตัวกันในครั้งนั้น ครอบครัวของเราก็ปรองดองกันมากขึ้น สามีของฉันก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เขาหยุดวิพากษ์วิจารณ์การฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าของฉันแบบเยาะเย้ยถากถาง เขาไม่อารมณ์เสียอีกแล้วเมื่อฉันไปอ่านฝ่าหรืออธิบายความจริง บางครั้งเขายังช่วยแจกแผ่นพับอธิบายความจริงด้วย

ฉันยังคงมุ่งมั่นที่จะบรรลุมาตรฐานของต้าฝ่า เมื่อพ่อของฉันป่วยนอนติดเตียงและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลาสามปี แม่ของฉันก็ป่วยและสุขภาพแย่มากด้วย ฉันไปเยี่ยมพวกเขาเกือบทุกวันเพื่อให้น้องชายมุ่งเน้นกับการทำงาน เขาเพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บริหารและมีงานยุ่งมาก ฉันช่วยภรรยาของน้องทำงานบ้านเท่าที่จะทำได้ เช่น ทำอาหาร ซักผ้า และทำความสะอาด

ไม่นานหลังจากแม่ของฉันจากไป น้องชายของฉันและภรรยาของเขามีปัญหาในชีวิตแต่งงาน จนถึงจุดที่พวกเขาต้องการจะหย่าร้างกัน ฉันกระตุ้นให้น้องชายและภรรยาของเขาแก้ไขความโกรธเคืองที่มีต่อกันเหมือนกำลังช่วยลูก ๆ ของตัวเอง ฉันขอให้พวกเขาค้นหาความบกพร่องของตัวเองจากภายใน มุ่งเน้นที่จุดแข็งของกันและกัน และคำนึงถึงความรู้สึกของลูก ฉันบอกน้องชายว่า “น้องเป็นคนมีพรสวรรค์มากและเป็นคนดี น้องควรปฏิบัติต่อภรรยาของน้องด้วยความเกรงใจ ดูแลเธอ สื่อสารกับเธอ ช่วยเธอ และให้เธอได้ทำในสิ่งที่เธอต้องการเป็นครั้งคราว”

ในที่สุดทั้งคู่ก็ทำได้ พวกเขายังประคองชีวิตคู่ต่อไปได้ พ่อของน้องสะใภ้ประทับใจมาก จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ฉันได้ใช้เวลากับน้องชายของฉัน ฉันอธิบายความจริงเกี่ยวกับต้าฝ่าให้เขาฟังและช่วยเขาลาออกจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนและองค์กรยุวชนในเครือ เมื่อเขาไปเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาล เขาเปิดเทปบรรยายฝ่าของท่านอาจารย์ให้พ่อฟัง เขายังช่วยเหลือและปกป้องผู้ฝึกต้าฝ่าในที่ทำงานของเขาอีกด้วย

อิทธิพลเก่ารบกวนผ่านทางสามีของฉัน

สามีของฉันเป็นโรคหลอดเลือดสมอง เขาล้มหมดสติและเคลื่อนไหวหรือพูดไม่ได้ ความคิดแรกของฉันคือนี่เป็นสิ่งที่อิทธิพลเก่าจัดวางเพราะฉันไม่ขยันหมั่นเพียรในการบำเพ็ญและมีความคิดถูกต้องที่ไม่แข็งแกร่งพอ

ฉันมีส่วนร่วมในโครงการเปิดโปงพรรคคอมมิวนิสต์จีน แต่ฉันยึดติดมากกับการทำงานให้เสร็จอย่างรวดเร็ว ฉันรู้สึกว่าอิทธิพลเก่าไม่ต้องการถูกกำจัด ดังนั้นพวกมันจึงทำให้สามีของฉันได้รับโรคภัยนี้ เพราะเขาฉีกหนังสือต้าฝ่าและพูดจาไม่เคารพเกี่ยวกับต้าฝ่าและท่านอาจารย์ เป้าหมายสูงสุดก็เพื่อรบกวนฉันและทำลายสามี

ฉันเริ่มฟาเจิ้งเนี่ยนเพื่อกำจัดการรบกวนในทันที ฉันขอให้สามีขอความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์ด้วยความจริงใจและพูดว่า “ฝ่าหลุนต้าฝ่าดี” พอเราไปถึงโรงพยาบาลเขาก็เดินเองได้แล้ว ระหว่างที่เขารักษาตัวในโรงพยาบาล ฉันดูแลเขาอย่างดี และเขาได้ออกจากโรงพยาบาลในอีกเก้าวันต่อมา

เมื่ออยู่บ้าน ฉันให้เขาฟังการบรรยายฝ่าของท่านอาจารย์และฟังเพลงของต้าฝ่า ฉันโน้มน้าวให้เขาเขียนคำขอโทษท่านอาจารย์ในสิ่งที่เขาทำลงไป เขาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

ฉันหวังไว้สูงว่า เขาจะเริ่มฝึกท่าและอ่านฝ่ากับฉัน เพราะฉันเร่งไปหน่อย เขาจึงต่อต้านความคิดนี้และหยุดฟังเพลงต้าฝ่า ทั้งหมดเป็นเพราะอารมณ์ที่อ่อนไหวและจิตยึดติดกับเวลาของฉัน ฉันค้นหาจากภายในและพบว่าฉันมีแนวโน้มชอบบังคับให้คนอื่นทำสิ่งต่าง ๆ ฉันจึงขจัดจิตยึดติดของตัวเองและเปลี่ยนจุดสนใจอย่างรวดเร็วกลับไปที่การทำสามสิ่งให้ดี

ทุกข์ภัยที่ใหญ่ขึ้น

อิทธิพลเก่าเปลี่ยนกลยุทธ์หลังจากความพยายามครั้งแรกล้มเหลวและทำการรบกวนรูปแบบใหม่ หลังจากสามีของฉันเป็นโรคหลอดเลือดสมอง เขาก็อ่อนแอและมีปัญหาในการเดิน เมื่อใดก็ตามที่ฉันต้องการจะออกไปอธิบายความจริงกับผู้คน เขาจะคว้าฉันไว้และพยายามห้ามไม่ให้ฉันออกไป ไม่ว่าฉันจะพยายามอธิบายสถานการณ์ให้เขาฟังอย่างไร เขาก็ไม่ยอมให้ฉันออกไป

ถ้าฉันอยู่ห่างจากเขา เขาก็โกรธฉันด้วย เขาเหมือนถูกสิง เขากลายเป็นคนใจร้ายจริงๆ เขาแต่งเรื่องว่าฉันอยู่กับผู้ชายคนอื่นเมื่อฉันยังอายุน้อยกว่านี้ และกล่าวหาว่าฉันอยู่กับผู้ชายอีกคนหนึ่งเมื่อฉันอายุ 50 ปีเศษ ฉันโมโหมากและเจ็บปวดกับคำโกหกของเขา

สามีของฉันยังมีอีกฉากหนึ่งของการจับผิดหยุมหยิมและกล่าวหาฉันว่านอกใจนานหลายวันในเดือนเมษายน 2018 เมื่อเขาโกรธจัด ใบหน้าของเขาจะแดงและตาของเขาจะเห็นเส้นเลือดแดงก่ำ ไม่ว่าฉันจะทำอะไร เขาก็หาเหตุผลด่าว่าฉัน

เมื่อผู้ฝึกคนหนึ่งมาเยี่ยม ฉันบ่นเรื่องสามี ผู้ฝึกคนนี้ให้กำลังใจฉันว่าให้รักษาความขยันหมั่นเพียรในการบำเพ็ญไว้ หลังจากที่เธอจากไป สามีของฉันก็พูดดูถูกฉันอีกครั้ง เขาเล่าเรื่องที่แต่งขึ้นเองว่า ฉันอยู่กับผู้ชายอื่นหลายคน รวมทั้งผู้ฝึกในท้องที่ เพื่อนร่วมงาน และหัวหน้างานของฉัน เขายังปั้นเรื่องเวลา สถานที่ และรายละเอียดของสิ่งที่เราทำซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องโกหก

ฉันโกรธมาก ฉันเรียกเขาด้วยคำที่ดูถูกที่ทำให้เขาเดือดดาล เขาตะโกนใส่ฉันว่า "คุณเรียกหามันเองนะ !" จากนั้นเขาก็กระโจนมาที่ฉัน ตบหน้าฉัน คว้าคอของฉันแล้วผลักฉันลงไปที่พื้น เขาทิ้งน้ำหนักตัวลงมาที่ฉันและบีบคอฉันแน่น

ฉันขอความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์ “ท่านอาจารย์ ฉันตายไม่ได้ ถ้าฉันตายเขาจะก่อบาปมหันต์” ฉันหลับตาลงและอ้อนวอนอย่างเงียบ ๆ “ช่วยฉันด้วยท่านอาจารย์ โปรดช่วยด้วย !" เมื่อฉันเกือบหยุดหายใจ เขาก็ปล่อยมือ “อย่าแกล้งทำว่าตายแล้ว” เขาตะโกนชื่ออดีตหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์จีน ตามด้วยสโลแกน "ขอให้อายุยืน" เขาขู่ว่าจะส่งผู้ฝึกในท้องที่ทั้งหมดไปให้ตำรวจ ขณะที่พูด เขาพยายามฉีกหนังสือต้าฝ่าและทำลายรูปของท่านอาจารย์ โชคดีที่ฉันหยุดเขาได้ก่อนที่เขาจะทำความเสียหายใด ๆ

ฉันโทรหาลูกสาว เธอรีบมาและพาสามีของฉันออกไป ด้วยความกังวลว่าเราจะทะเลาะกันอีก ฉันรู้สึกงุนงงไปอีกสองสามวัน ฉันรู้สึกโกรธและเจ็บปวด

ฉันดูแลทุกอย่างในครอบครัวของเรา ฉันจ่ายค่าเรียนวิทยาลัยให้ลูกสาวเพียงคนเดียว และช่วยเธอหางานทำหลังจากสำเร็จการศึกษา ฉันถูกลดตำแหน่งและถูกหักค่าจ้างจำนวนมากเนื่องจากความเชื่อของฉัน แต่ฉันยังคงช่วยเหลือทางการเงินให้น้องชายของสามีและน้องสาวของเขา และช่วยเหลือครอบครัวทั้งหมดของเขา ฉันยังจ่ายภาษีให้กับธุรกิจของสามีของฉันด้วย

ขณะที่ฉันถูกกักขัง เขาเมาแล้วไปบ้านพ่อแม่ของฉันเพื่อหาเรื่อง เขารบกวนเพื่อนบ้านในละแวกนั้นทั้งหมด ฉันถูกกักขัง ถูกทุบตี ให้อดอาหาร และถูกทรมานตามอำเภอใจ แต่สามีไม่เคยพูดหรือถามอะไรเกี่ยวกับการกักขังเลยหลังจากที่ฉันได้รับการปล่อยตัว ฉันไม่เคยบ่น

ตอนนี้เขาตกงานและไม่มีรายได้ ฉันช่วยเหลือเขาด้านการเงินและจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดของเรา แต่เขายังคงดูถูกและทุบตีฉัน ฉันจะทนต่อสิ่งนี้ได้อย่างไร ฉันเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความคิดเรื่องการหย่าร้างก็ผุดขึ้นมาเรื่อยๆ

(มีต่อ)

ข้อคิดเห็นในบทความนี้เป็นความคิดเห็นหรือความเข้าใจของผู้เขียนเอง เนื้อหาทั้งหมดที่เผยแพร่บนเว็บไซต์นี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Minghui.org หมิงฮุ่ยจะผลิตฉบับรวมเล่มของเนื้อหาออนไลน์เป็นประจำรวมทั้งในโอกาสพิเศษด้วย