(Minghui.org) ผู้เขียนบทความนี้ชื่อ ซามูเอล อัลวาราโด อายุ 59 ปี เกิดที่เมืองเตซิอุตแลน ประเทศเม็กซิโก เขาจบการศึกษาด้านบริหารธุรกิจ ตอนนี้เขาอาศัยอยู่ที่เม็กซิโกซิตี้กับภรรยาและลูกชาย เขาเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าเมื่อ14 ปีที่แล้วในปี 2007

แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ฝึกเพียงคนเดียวในครอบครัว แต่ภรรยาและลูกชายของเขาก็มีความสุขที่เขาฝึก ภรรยาของเขาบอกเขาว่าเธอเชื่อว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าช่วยชีวิตของเขาไว้ มิเช่นนั้นเขาอาจเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา

https://en.minghui.org/u/article_images/b8dd5bf5a4c40ae7a32b67e854ea41a7.jpg

ซามูเอล อัลวาราโดแสดงความเคารพท่านอาจารย์หลี่

กราบสวัสดีท่านอาจารย์ที่เคารพ !

สวัสดีเพื่อนผู้ฝึก !

ผมเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าในปี 2007 ตอนนั้นเพื่อนสมัยเด็กของผมให้หนังสือจ้วนฝ่าหลุนกับผม ผมเริ่มอ่านและไปฝึกที่สนามฝึก แต่ผมไม่ได้ยืนหยัด

ตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่าโอกาสที่ได้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่ามีค่าเพียงใด ผมย่อหย่อนทีละน้อย ๆ จนถึงวันที่ผมเกือบจะเสียชีวิต ผมจึงรู้ตัว

ได้รับการช่วยชีวิตจากอุบัติเหตุร้ายแรง

ในเดือนมกราคม 2020 ผมตกจากบันไดสูง 2 เมตร หัวของผมกระแทกพื้นอย่างแรง ผมรู้สึกตัวเพียงบางส่วน ผมสับสน หลงเวลา หลงทาง และงุนงง ผมไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และไปที่นั่นได้อย่างไร

ภรรยาของผมตกใจกลัวและรีบพาผมไปโรงพยาบาลทันที แพทย์ตรวจอาการของผมและทำ MRI แต่ไม่พบอะไรเลย ผมมีอาการเจ็บปวดอยู่หลายเดือน เมื่อปวด มันรุนแรงมากจนรู้สึกเหมือนหัวจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ และทำให้ผมเสียชีวิตได้เลย ผมได้รับโอกาสอีกครั้ง ผมรู้สึกว่ามันเป็นคำเตือน ผมรับรู้ได้ว่าอาจารย์ช่วยเหลือผม

เบี่ยงเบนจากเส้นทางการบำเพ็ญและหลงทาง

ก่อนที่โควิด 19 จะแพร่กระจายในเม็กซิโกในเดือนมีนาคม 2020 ผมศึกษาฝ่าและฝึกท่ากับผู้ฝึกคนอื่นทุกวัน ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี แต่เนื่องจากการระบาดใหญ่ ทำให้สนามฝึกถูกปิด ผู้ฝึกบางคนเริ่มใช้โซเชียลมีเดียในการแนะนำฝ่าหลุนต้าฝ่าให้คนอื่น

เพื่อนผู้ฝึกคนหนึ่งขอให้ผมช่วยเธอทางด้านเทคนิคเพราะเธอไม่มีความรู้ด้านนี้ ผมตกลงที่จะช่วยเธอ แต่ไม่นานก็หยุด ผมกลายเป็นคนไม่ยินดียินร้ายและขี้เกียจ ผมไม่รู้ตัวว่านี่คือจิตเห็นแก่ตัวของผม ผมเริ่มออกห่างจากต้าฝ่าอีกครั้งอย่างช้า ๆ ผมหยุดอ่านฝ่าและหยุดฝึกท่า

ต้นเดือนกันยายน 2020 ผมเริ่มรู้สึกไม่สบาย ผมคิดว่าไม่เป็นไร แต่สถานการณ์กลับตรงกันข้าม สองสัปดาห์ต่อมา ผมเริ่มรู้สึกแย่มาก ผมจึงโทรเรียก 911 รถพยาบาลคันหนึ่งมาและรับผมไปส่งโรงพยาบาล

การเริ่มต้นของการฝันร้าย - โควิด-19

แพทย์ทำ CT scan ซึ่งบ่งชี้ว่าปอดของผมได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง การอักเสบรุนแรงทำให้หายใจลำบากแม้จะให้ออกซิเจนแล้ว แพทย์บอกผมว่าสิ่งเดียวที่จะช่วยได้คือการใส่ท่อช่วยหายใจเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะปอดรั่วหรือปอดล้มเหลวที่จะทำให้เสียชีวิตได้

ผมได้รับเอกสารอนุญาตให้ลงนามสำหรับขั้นตอนใส่ท่อช่วยหายใจ พอผมปฏิเสธ พวกเขาก็ให้ผมลองคิดดูใหม่ มิฉะนั้นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลจะไม่รับผิดชอบใด ๆ พวกเขารบเร้าให้ผมลงนามในเอกสารทุกวัน

ผมรู้สึกแย่มาก เหมือนผมกำลังจะตาย ผมเห็นคนอื่นในห้องเดียวกับผมอาการแย่ลงอย่างไรบ้าง ผู้ป่วยรายหนึ่งเสียชีวิตภายในสองวันหลังจากใส่ท่อช่วยหายใจ อีกคนหนึ่งที่ไม่ต้องการใส่ท่อช่วยหายใจก็หายใจไม่ออกอย่างช้า ๆ เนื่องจากจมอยู่ในของเหลวของตัวเอง ผมเห็นแพทย์ห่อผู้เสียชีวิตไว้ในถุงแล้วเข็นออกไป ผมรู้สึกเหมือนอยู่ในคุกที่หนีออกไปไม่ได้

ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตาย เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์คอยกดดันให้ผมลงนามในเอกสารอนุญาตให้ใส่ท่อช่วยหายใจ ในจินตนาการของผม ผมเห็นตัวเองอยู่กลางทะเลที่มืดมิด คลื่นแรง ผันผวน ในช่วงพายุใหญ่ ผมรู้สึกเหมือนกำลังจมน้ำและหายใจไม่ออก

ชั่วขณะนั้น ผมขอให้ท่านอาจารย์ช่วย ผมพูดซ้ำ ๆ ด้วยพลังและความศรัทธาที่ยิ่งใหญ่ “ฝ่าหลุนต้าฝ่าดี ความจริง ความเมตตา ความอดทนดี” ผมเห็นข้อบกพร่องของตนเองและเข้าใจว่าทำไมผมจึงอยู่ที่นั่น ผมสำนึกผิดจากก้นบึ้งของหัวใจและขอให้ท่านอาจารย์ยกโทษให้และให้โอกาสผมอีกครั้ง

ผมฟาเจิ้งเนี่ยน ในห้านาทีแรก ผมชำระร่างกาย ผมเน้นที่ปอดเป็นพิเศษ ผมพูดซ้ำ ๆ ว่า "เมี่ย" (กำจัด) เพื่อกำจัดจุลินทรีย์ ไวรัส หรือแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคให้หมดสิ้น

ท่านอาจารย์สอนพวกเราว่า

“ที่จริงโรคระบาดโดยตัวเองก็มุ่งเจาะจงต่อใจคน ศีลธรรมเปลี่ยนเป็นไม่ดี กรรมใหญ่แล้วจึงมา”

“คนสมควรต้องสำนึกผิดอย่างจริงใจต่อเทพ ตัวเองไม่ดีตรงไหน หวังจะได้โอกาสแก้ไข นี่จึงจะเป็นวิธี นี่จึงจะเป็นยาวิเศษ” (“ให้มีสติ”)

ท่านอาจารย์และต้าฝ่าช่วยผม

ครอบครัวของผมไม่ได้เห็นผมหลายวันแล้วและไม่ค่อยรู้อะไรนัก ยกเว้นจากรายงานทางการแพทย์ของโรงพยาบาล พวกเขาส่งโทรศัพท์มือถือให้ผมเพื่อใช้ติดต่อกัน

ผมพูดคุยด้วยความยากลำบาก ผมบอกพวกเขาว่าแพทย์ต้องการให้ผมลงนามในเอกสารอนุญาตให้ใส่ท่อช่วยหายใจ พวกเขาขอให้ผมไม่ทำ การให้กำลังใจของพวกเขาทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นมาก

ลูกชายของผมบอกผมทางโทรศัพท์ว่า : "ผมจะส่งหนังสือต้าฝ่าให้พ่อ" เมื่อเขานำหนังสือไปที่โรงพยาบาล แพทย์เวรบอกเขาว่าหายากที่คนในสถานการณ์แบบนี้จะขอหนังสือ เขาเปิดหนังสือดู และอนุญาตพร้อมกับแว่นตาและสิ่งอื่น ๆ

วันรุ่งขึ้นพวกเขาเอาถุงที่มีหนังสือมาให้ผม พยาบาลคนหนึ่งยื่นให้ผม เมื่อผมรับถุง ผมดีใจมาก ผมกอดหนังสือจ้วนฝ่าหลุนและรู้สึกว่าจ้วนฝ่าหลุนเหมือนกับสายชูชีพ เป็นตาข่ายนิรภัยท่ามกลางทะเลที่เลวร้าย มืดมิด และปั่นป่วน !

แพทย์สั่งให้ผมนอนคว่ำให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะท่านี้ช่วยลดการอักเสบของปอดและช่วยให้หายใจได้สะดวกขึ้น แม้ผมจะอยู่ในท่าที่ไม่สบายอย่างนี้ ผมก็ยังเริ่มอ่านจ้วนฝ่าหลุน

ราวกับว่าผมอ่านหนังสือเล่มนี้เป็นครั้งแรก มันเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างและพิเศษมาก

วันหนึ่ง แพทย์สามคนมาพร้อมกัน เป็นชายสองคนและหญิงหนึ่งคน คนที่อายุน้อยกว่าเริ่มกดดันผมอีกครั้งเพื่อให้ผมลงนามในเอกสารอนุญาตให้ใส่ท่อช่วยหายใจ พวกเขาบอกว่ามันจะช่วยป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลว หัวใจวาย หรือโรคหลอดเลือดสมอง

แพทย์อีกคนหนึ่งพูดว่า : "เขาหายใจยังไม่ได้เลย ดูท้องของเขาขึ้น ๆ ลง ๆ เขาจะหายใจไม่ออก" แพทย์คนที่สามยื่นปากกาและกระดาษให้ผมลงนาม

ผมบอกพวกเขาว่า “ผมจะไม่ลงนามเพราะผมกำลังจะหาย” แพทย์หนุ่มตอบว่า “โรคนี้ไม่มีทางรักษา”

ผมถามเขาว่า "แล้วคนที่ออกจากโรงพยาบาลล่ะ" เขาตอบว่า "เป็นเพราะพวกเขาหายแล้ว" ผมพูดว่า "ผมกำลังจะหายเหมือนกัน" พวกเขาไม่พูดอะไรอีก พวกเขาหันหลังแล้วก็ไป

ปฏิหาริย์ปรากฏ

เช้าวันหนึ่ง หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว ผมกลับมานอนคว่ำหน้าเหมือนที่ทำเป็นประจำ ผมสวมแว่นและเริ่มมองหาย่อหน้าสุดท้ายที่อ่านคราวก่อน

ตัวหนังสือในบรรทัดต่าง ๆ ดูพร่ามัว แต่ทันใดนั้น มีบรรทัดหนึ่งดูคมชัดมาก ผมอ่านบรรทัดที่ดูได้ชัดเจนและถูกต้องแม่นยำนั้น : "ข้าพเจ้าได้รักษาโรคของคุณจากรากเง้าแล้ว" ผมรู้สึกประหลาดใจและขอบคุณท่านอาจารย์ หลังจากนั้นผมต้องการจะอ่านบรรทัดนั้นอีกครั้งและพยายามค้นหา แต่ก็หาไม่เจอ ผมยิ่งประหลาดใจมากขึ้นเมื่อผมรู้ว่าประโยคนี้ไม่ได้อยู่ในหนังสือเล่มนี้

การฟื้นตัวหลังจากศึกษาฝ่าและฝึกท่า

ทันทีที่ผมขยับเขยื้อนร่างกายได้ ผมก็นั่งที่ขอบเตียง แม้ผมยังยืนไม่ได้ แต่ผมก็ฝึกท่าที่หนึ่งของฝ่าหลุนต้าฝ่า ผมเริ่มฝึกท่าทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งผมยืนได้และฝึกได้ครบทุกท่า

สามวันต่อมาซึ่งเป็นวันที่ผมรักษาตัวในโรงพยาบาลมานานกว่า 2 สัปดาห์ แพทย์บอกผมว่า “คุณทำได้แล้ว คุณหายจากโควิดแล้ว ผมกำลังจะทำเรื่องให้โรงพยาบาลปล่อยคุณกลับบ้านก่อนครบกำหนด และให้คุณกลับบ้านได้สัปดาห์หน้า”

หลังจากเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 18 วัน ผมก็ได้ออกจากโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ที่เข็นรถเข็นที่ผมนั่งบอกผมในลิฟต์ว่า “ผมเพิ่งเข็นคนไข้คนหนึ่งที่ไม่รอดออกไป แต่คุณเอาชนะโรคนี้แล้ว” ความคิดเดียวของผมคือ — ไม่ใช่ผม ท่านอาจารย์จัดการทุกอย่าง

ผมอ่อนเพลียมาก ขยับตัวแทบไม่ได้ ผมยังจำเป็นต้องใช้ออกซิเจนนานสองเดือน ผมศึกษาฝ่าอย่างต่อเนื่อง สิ่งแรกที่ผมทำเมื่อออกจากบ้านได้คือไปที่สนามฝึกและฝึกท่า

เมื่อผมไปถึงสนามฝึก ในใจผมยังเปี่ยมด้วยความรู้สึกสำนึกในบุญคุณของท่านอาจารย์อย่างไม่สิ้นสุดและน้ำตาของผมก็ไหล ชั่วขณะนั้น ผมปล่อยวางความรู้สึกทั้งหมดที่ผมยึดติดระหว่างอยู่ที่โรงพยาบาลได้ ผมรู้สึกถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระอย่างมากและรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในชีวิตของผม

บทเรียนที่ผมได้รับคือเราควรเดินบนเส้นทางการบำเพ็ญด้วยความเคารพ เที่ยงธรรม และขยันหมั่นเพียร โปรดชี้แนะหากมีสิ่งใดที่ผิดพลาดหรือไม่อยู่ในฝ่า

ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์สำหรับความเมตตาแห่งเทพที่ไม่สิ้นสุด ขอบคุณเพื่อนผู้ฝึก

(นำเสนอที่การประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การบำเพ็ญฝ่าหลุนต้าฝ่าที่เม็กซิโกปี 2021)

บทความ กราฟิก และเนื้อหาทั้งหมดที่เผยแพร่บน Minghui.org มีลิขสิทธิ์ อนุญาตให้ทำสำเนาที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ได้ แต่ต้องระบุแหล่งที่มาพร้อมชื่อบทความและลิงก์ไปยังบทความต้นฉบับ