(Minghui.org) เพราะฉันบำเพ็ญฉันจึงถูกจับ ถูกกักขังอย่างผิดกฎหมาย และถูกตัดสินลงโทษ ฉันจึงกลัวที่จะไปสำนักงานความมั่นคงสาธารณะ สถานีตำรวจ และคณะกรรมการละแวกบ้าน เจ้าหน้าที่ที่สถานีตำรวจและคณะกรรมการละแวกบ้านถามเรื่องของฉันจากญาติ ๆ ของฉัน และส่งข้อความขอให้ฉันไปพบพวกเขา ฉันพยายามหลีกเลี่ยงพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า และขอให้ญาติของฉันตอบพวกเขาพอเป็นพิธี แต่ญาติของฉันรู้สึกถูกกดดันและหมดความอดทนมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาบอกว่าฉันไม่ตั้งใจจัดการกับเรื่องนี้และทำให้พวกเขามีปัญหา ฉันตระหนักได้ว่าฉันจะหลบเลี่ยงปัญหาอีกต่อไปไม่ได้แล้ว และจะต้องแก้ไขปัญหานี้ด้วยตัวเอง

ก่อนที่ฉันจะไปพบคณะกรรมการละแวกบ้าน ฉันได้ศึกษาหลักการของฝ่าว่าจะปฏิเสธการประทุษร้ายที่อิทธิพลเก่ายัดเยียดให้ได้อย่างไร ฉันนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2006 ฉันถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจเนื่องจากฉันแจกเอกสารอธิบายความจริง ตอนนั้นฉันคิดว่าสถานีตำรวจเป็นเพียงสถานที่สำหรับจดทะเบียนหรือออกเอกสารรับรอง ฉันจึงไม่กลัว ฉันไม่เคยรู้ว่าตำรวจทุบตีประชาชน ใช้เครื่องมือทรมาน และอื่น ๆ ในสถานีตำรวจ อาจเป็นไปได้ว่าท่านอาจารย์ยับยั้งฉันในตอนนั้นให้ไม่เข้าใจเรื่องนี้

ตำรวจนับเอกสารอธิบายความจริงเกี่ยวกับต้าฝ่าในกระเป๋าของฉันต่อหน้าฉัน ฉันปฏิเสธที่จะตอบทุกคำถามของพวกเขา พวกเขาจึงหยุดถาม ฉันนั่งบนโซฟา พวกเขาก็ไม่ได้สนใจฉันมากนัก

ขาดความเข้าใจเรื่องการประทุษร้าย

อิทธิพลเก่าเห็นว่าฉันไม่เข้าใจเรื่องนี้ พวกมันจึงสร้างฉากที่ทำให้ฉันตระหนักได้ว่าคนธรรมดาสามัญมองธาตุแท้และบทบาทของสถานีตำรวจอย่างไร

คน 2 กลุ่มดื่มสุราและทะเลาะกัน พวกเขาถูกนำตัวมาที่สถานีตำรวจ ชายคนหนึ่งใบหน้าเปื้อนเลือดชี้ไปที่ชายอีกคนแล้วพูดว่า “เขาทำเช่นนี้กับผม” คนอื่นให้การเป็นพยานเขา ชายที่ถูกกล่าวหาปฏิเสธ เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งพูดว่า “ลากเขาขึ้นไปชั้นบน เขาจะยอมรับที่ชั้นบน” เจ้าหน้าที่หลายคนลากชายคนนั้นขึ้นไปชั้นบน ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นต่อหน้าฉันเหมือนฉากในภาพยนตร์ ฉันมองดูแต่ก็ไม่เข้าใจ “ประเด็นของการพาชายคนนั้นขึ้นไปชั้นบนคืออะไร ทำไมเขาต้องขึ้นไปชั้นบนเพื่อยอมรับข้อกล่าวหา”

วันต่อมาฉันได้ยินว่าผู้ฝึกบางคนถูกทรมานที่สถานีตำรวจนั้น ตำรวจเรียกร้องให้ผู้ฝึกเหล่านั้นเปิดเผยแหล่งที่มาของเอกสารต้าฝ่าของพวกเขา ฉันสงสัยว่าทำไมตอนนั้นฉันจึงไม่ถูกบังคับให้เปิดเผยแหล่งที่มาของเอกสาร

ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าสถานีตำรวจเป็นหน่วยงานบีบบังคับที่ทุบตีและทรมานประชาชน ฉันไม่กลัวตำรวจหรือสถานีตำรวจ จึงไม่มีใครบังคับให้ฉันทำอะไร และฉันก็ได้รับการปฏิบัติด้วยกิริยาที่โอบอ้อมอารี แต่ตอนนั้นฉันมีทัศนคติว่าการแจกเอกสารเกี่ยวกับต้าฝ่าจะส่งผลให้ถูกประทุษร้ายในค่ายกักกันแรงงาน ความคิดเช่นนั้นทำให้ตำรวจไม่ปล่อยตัวฉัน ด้วยความไม่เข้าใจหลักการของฝ่าอย่างชัดแจ้ง ฉันจึงอยู่ในสภาวะหมดหนทางโดยไม่ดิ้นรน

ครั้งหนึ่งฉันเคยคุยกับผู้ฝึกคนหนึ่งว่าฉันถูกผู้ต้องขังคนอื่นข่มเหงตอนอยู่ในคุกอย่างไรบ้าง เธอดูแปลกใจและถามฉันว่า “ทำไมคุณไม่รายงานผู้คุมของที่นั่นล่ะ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉันคิดในใจว่าเธอช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน ผู้คุมที่นั่นจะปฏิบัติดีกับฉันได้อย่างไร

การประทุษร้ายส่วนใหญ่เกิดจากการยั่วยุปลุกปั่นของผู้คุม แล้วเธอจะลงโทษผู้ต้องขังเหล่านั้นได้อย่างไร ต่อมาเพื่อนผู้ฝึกบอกว่าเมื่อเธอมีความขัดแย้งกับนักโทษอื่นในช่วงที่เธอถูกขังคุกอย่างผิดกฏหมาย ผู้คุมพูดเสมอว่านักโทษอื่นผิด ครั้งหนึ่งเธอมีความขัดแย้งครั้งใหญ่ในห้องทำงานกับหัวหน้านักโทษในห้องขังเรื่องเธอจะต้องทำงานหรือไม่ พวกเขาเรียกผู้คุมหลายคนมาเพื่อจะจบเรื่อง สุดท้ายผู้คุมก็ดุหัวหน้าห้องขังและถอดเธอออกจากตำแหน่ง และผู้ฝึกก็ไม่ต้องเข้าร่วมในการทำงานใช้แรงงานที่นั่นอีกต่อไป

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉันรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อมาก ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว เป็นเพราะในใจของเธอคิดว่าผู้คุมใจดีมีความยุติธรรม และถ้ามีปัญหา เธอจะได้รับทางออกอย่างยุติธรรมและสมเหตุสมผลจากผู้คุม ปราศจากความคิดว่าจะโดนผู้คุมทำร้าย แน่นอนว่าเธอไม่กลัวและไม่คิดพึ่งพาผู้อื่น ผู้คุมจึงไม่ทำร้ายเธอจริง ๆ ผู้ฝึกสูงวัยผู้นี้ช่างไร้เดียงสาและบริสุทธิ์เหมือนเด็ก

เข้าใจเหตุผลในการไปหาเจ้าหน้าที่

หลังจากเข้าใจหลักการของฝ่าที่เกี่ยวข้องได้ดีขึ้นแล้ว ฉันก็กลัวน้อยลงและจิตใจมั่นคงขึ้น ฉันรู้สึกว่าตอนนี้ฉันสามารถไปที่สำนักงานคณะกรรมการละแวกบ้านได้แล้ว ระหว่างทางฉันคิดว่า “พวกเขาเป็นองค์กรที่ให้บริการประชาชน เงินเดือนที่พวกเขาได้รับก็มาจากเงินภาษีของประชาชน ดังนั้นพวกเขาควรปฏิบัติดีต่อผู้ที่อาศัยอยู่ในท้องที่ทุกคน”

หลังจากที่ฉันไปถึงสำนักงาน ฉันขอเลขาธิการพรรคว่าอย่าโทรศัพท์หาญาติของฉันอีกเพราะพวกเขาถูกกดดันอย่างมากทั้งในที่ทำงานและการดำเนินชีวิต ฉันบอกว่าฉันเป็นผู้ฝึก อาจารย์ของฉันบอกให้เราคิดถึงคนอื่นก่อนในทุกเรื่องที่เราทำ ดังนั้นฉันจึงไม่ต้องการก่อปัญหาให้ญาติของฉัน เลขาธิการแสดงความเข้าใจ เขาพูดกับตัวเองว่าพวกเขาแค่บริการชุมชนเท่านั้น จากนั้นพวกเขาก็ถามคำถามส่วนตัว บางคำถามที่ฉันไม่อยากตอบ พวกเขาก็ไม่ฝืน

ระหว่างการสนทนา เจ้าหน้าที่คนหนึ่งส่งสัญญาณให้อีกคนออกไป ฉันรู้สึกกระวนกระวายใจ แล้วฉันก็บอกตัวเองว่าอย่าคิดลบ ฉันสวมหมวกกับหน้ากาก คนคนนั้นถ่ายรูปฉันก็เพียงแค่นั้น ต่อมาผู้อำนวยการคณะกรรมการละแวกบ้านเดินมาที่ประตู ฉันได้ยินคนบอกเขาว่าฉันมาที่นี่ด้วยตัวเองและในห้องปกติ ฉันรักษาใจไม่ให้สะทกสะท้าน ผู้อำนวยการก็ไม่ได้เข้ามา

หลังจากนั่งได้สักพัก ฉันก็ลุกขึ้นลากลับ พวกเขาบอกลาฉันด้วยกิริยาที่เป็นมิตรอย่างมาก ฉันออกไปด้วยความกระตือรือร้นเกินไป รู้สึกว่าขั้นตอนต่าง ๆ ดำเนินไปอย่างราบรื่นและง่ายดายมาก ในเวลานี้ผู้อำนวยการออกมาและพูดสิ่งไม่ดีมากมาย ฉันรู้ว่านี่เกิดจากจิตยินดีของฉัน ฉันจึงรีบแก้ไขวิธีคิดของตัวเอง และใช้โอกาสนี้ชักชวนให้เขาลาออกจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนและองค์กรยุวชนของพรรค เขาไม่คัดค้านหรือตกลง

เราทุกคนทราบว่าผู้ฝึกไม่มีโรค เรายิ่งไม่ควรถูกประทุษร้ายและขังคุก แล้วทำไมการประทุษร้ายยังเกิดขึ้นได้

ท่านอาจารย์กล่าวว่า

“ถ้าศิษย์ต้าฝ่าล้วนสามารถที่จะมีความคิดถูกต้องการกระทำถูกต้อง ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ใด ๆ ล้วนใช้ความคิดถูกต้องในการคิดปัญหา ถ้าศิษย์ต้าฝ่าแต่ละคนล้วนไม่เกิดจิตหวาดกลัวเมื่อเผชิญกับการถูกประทุษร้าย ดูว่าใครกล้าที่จะมาประทุษร้ายคุณ” (การบรรยายธรรมที่เมืองซานฟรานซิสโกค.ศ. 2005)

ถึงมาตรฐานของฝ่า

ความเข้าใจในปัจจุบันของฉันคือเรายังไม่ถึงจุดที่คิดด้วยความคิดถูกต้องและจิตใจของเราก็ยังไม่บริสุทธิ์ เราจึงไม่สามารถบรรลุถึงความคิดถูกต้องและการกระทำถูกต้อง

ผู้ฝึกบางคนอาจคิดว่า “มันไม่ยากเกินไปหรือที่จะบรรลุมาตรฐานของฝ่าได้ตลอดเวลา” ฉันไม่ได้บอกว่าเราต้องบรรลุมาตรฐานของฝ่าทุกขณะ แต่เมื่อเราเผชิญกับบางคนหรือบางสิ่งบางอย่าง หรือสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เราควรให้ความสนใจกับการคิดของเรา คิดด้วยความคิดถูกต้อง และในขณะเดียวกันต้องไม่กลัว ไม่เกลียด ไม่ยินดี หรือไม่มีความยึดติดอื่น ๆ

ถ้าจิตใจไม่มั่นคง เราควรฟาเจิ้งเนี่ยนเพื่อให้สิ่งต่าง ๆ เป็นไปในทิศทางที่ให้ประโยชน์ต่อการเจิ้งฝ่า และช่วยเหลือสรรพชีวิต ฉันรู้สึกว่านี่จะช่วยป้องกันไม่ให้มีการประทุษร้ายเพิ่มขึ้นมา หรืออาจหยุดการประทุษร้ายที่กำลังเกิดขึ้นได้ ที่จริงการปฏิเสธการประทุษร้ายจากกรรมแห่งโรคก็คือหลักการเดียวกัน

หมายเหตุจากบรรณาธิการ : บทความนี้แสดงความเข้าใจภายใต้สภาวะการบำเพ็ญในปัจจุบันของผู้เขียน มีจุดมุ่งหมายสำหรับแลกเปลี่ยนในหมู่ผู้ฝึกเพื่อให้เราสามารถ “ศึกษาและบําเพ็ญ เปรียบเทียบซึ่งกันและกัน” (“บำเพ็ญจริงจัง” หงอิ๋น)

ข้อคิดเห็นในบทความนี้เป็นความคิดเห็นหรือความเข้าใจของผู้เขียนเอง เนื้อหาทั้งหมดที่เผยแพร่บนเว็บไซต์นี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Minghui.org หมิงฮุ่ยจะผลิตฉบับรวมเล่มของเนื้อหาออนไลน์เป็นประจำรวมทั้งในโอกาสพิเศษด้วย

หมวด :