(Minghui.org) ฉันอายุ 34 ปี ฉันเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่ากับพ่อแม่ตั้งแต่อายุ 9 ปี ครอบครัวของฉันอยู่บนเส้นทางของการบำเพ็ญแม้จะมีการประทุษร้ายในประเทศจีน ขอขอบพระคุณการคุ้มครองของท่านอาจารย์

ฉันเติบโตขึ้นมาในครอบครัวของผู้บำเพ็ญและพ่อแม่ก็ดูแลฉันเป็นอย่างดี เราคอยเตือนกันและกันให้ประพฤติตนเฉกเช่นผู้ฝึก แม่คอยเตือนให้ฉันอยู่บนเส้นทางการบำเพ็ญอยู่เสมอ ปู่กับย่าหลงรักฉัน ฉันเหมือนดอกไม้ในเรือนกระจก แม้ว่าชีวิตจะยากลำบากในช่วง 24 ปีของการประทุษร้าย แต่มันไม่รบกวนฉันมากนัก และฉันมีความสุขท่ามกลางความยากลำบาก

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์หลายอย่างประดังเข้ามาอย่างกะทันหันทำให้ฉันต้องทบทวนเส้นทางการบำเพ็ญใหม่ ตั้งแต่ปี 2019 ถึง 2021 ปู่ย่าและบุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉันคือแม่และเพื่อนผู้ฝึกเสียชีวิต ฉันรู้สึกราวกับฟ้าถล่มลงมา ฉันรู้สึกว่าการมีชีวิตอยู่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย กระทั่งหวังว่าการเจิ้งฝ่าจะสิ้นสุดลงในไม่ช้าเพื่อที่ฉันจะได้พ้นจากความทุกข์ทรมาน

ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ผู้ฝึกคนหนึ่งมาพบฉันและพ่อ เขาถามฉันว่า “คุณพบว่าชีวิตมีความหมายหรือยัง” ฉันตอบโดยไม่ลังเลว่า “ชีวิตไม่มีความหมายเลย” เขายิ้ม “นั่นถูกหรือเปล่า คิดดูสิ จุดประสงค์ที่แท้จริงของชีวิตของคุณคืออะไร”

จริงสิ ! ความหมายที่แท้จริงของชีวิตของฉันคืออะไร คือการแสวงหาความสุขหรือ เพลิดเพลินไปกับความพึงพอใจที่สมาชิกในครอบครัวนำมาให้ฉันหรือ ไม่ใช่ จุดประสงค์เดียวของการดำรงอยู่ของฉันคือการบำเพ็ญ นั่นคือเหตุผลที่ฉันลงมายังโลกนี้ เพื่อบรรลุภารกิจในการช่วยท่านอาจารย์เจิ้งฝ่าและเพื่อช่วยเหลือผู้คนในโลกของฉัน พวกเขาเป็นญาติที่แท้จริงของฉัน และพวกเขากำลังรอคอยการกลับไปของฉัน ฉันรู้ว่าการบำเพ็ญในต้าฝ่าเป็นหนทางเดียวสำหรับฉัน

ก้าวข้ามบททดสอบของการคิดถึงแม่

แม่ดูแลฉันอย่างดีเสมอ และฉันพึ่งพาแม่ทางใจ ฉันบอกแม่ได้ทุกเรื่อง และพูดคุยได้ทั้งเรื่องที่ทำให้ฉันมีความสุขและเรื่องที่รบกวนฉัน ฉันหยุดร้องไห้ไม่ได้เมื่อแม่เสียชีวิต ฉันรู้ว่ากำลังติดกับดักอยู่ในฉิง

ในช่วงที่โรงเรียนหยุดยาว ผู้ฝึกคนหนึ่งพาฉันไปที่บ้านของเธอและเราอ่านฝ่าทุกวัน เราอ่านจ้วนฝ่าหลุนอย่างน้อย 3 บท และอ่านการบรรยายอื่น ๆ ฉันหยุดโศกเศร้าและมีรอยยิ้มกลับมาบนใบหน้า การอ่านฝ่าเป็นระยะเวลานานช่วยให้ฉันขจัดอารมณ์และกรรมทางความคิดได้

คืนหนึ่ง ฉันฝันว่าอยู่ที่โรงเรียน และครูขอให้พ่อแม่มาโรงเรียนเพื่อดูแลการเรียนของฉัน ฉันเห็นพ่อและถามว่า “แม่มาหรือเปล่า แม่อยู่ที่ไหน" พ่อบอกฉันว่า “แม่อยู่ที่นี่ แม่อยู่ในห้องทำงานของครู อย่าตามหาแม่ ให้หยุดแสวงหาความสุขในชีวิต” เมื่อฉันตื่น ฉันรับรู้ถึงความเข้าใจที่ฉันมาที่สถานที่แห่งนี้ – โลกมนุษย์ – และสร้างครอบครัวกับพ่อแม่ เพื่อที่พวกเขาจะได้ดูแลฉันในการบำเพ็ญ แม่อยู่ในห้องทำงานของครู หมายถึงแม่อยู่กับท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์กล่าวว่า

“คนที่ล่วงหน้าไปก่อน ถึงแม้ข้าพเจ้ากำหนดให้เขาหยวนหมั่นแล้ว อันที่จริงก็รอคอยอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง ต้องให้ข้าพเจ้าเป็นผู้รับ คนที่ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นผู้รับ จะไม่เป็นที่ยอมรับทั้งหมด ฉะนั้นพวกเขาต่างกำลังรอคอยการปิดของฉากสุดท้าย แน่นอนละ พวกที่รอคอยอยู่นั้นไม่มีทุกข์แล้ว นั่นล้วนแต่แจ่มแจ้งอยู่ในสภาพของเทพ เป็นเพียงประเด็นของการคืนสู่ตำแหน่งเท่านั้น” (การบรรยายฝ่าวันเทศกาลประดับโคม ค.ศ. 2003)

ฉันตระหนักว่าต้องหยุดความยึดติดกับแม่ ท่านอาจารย์บอกใบ้ในความฝันว่าให้หยุดแสวงหา "ชีวิตที่ดี" ในหมู่คนธรรมดาสามัญ

ฉันคิดว่าตัวเองก้าวข้ามความยึดติดในอารมณ์ความรู้สึกผูกพันแล้วและไม่เศร้าอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม เมื่อฉันขับรถกลับบ้านไปหาพ่อ ฉันนึกถึงรายละเอียดของช่วงเวลาที่อยู่กับแม่และอดร้องไห้ไม่ได้ เมื่อฉันก้าวเข้าไปในบ้านและเห็นผู้ฝึกที่สนิทกับแม่ ฉันคุมอารมณ์ไม่ได้และร้องไห้อย่างควบคุมไม่ได้ ฉันไม่อยากให้พวกเขากังวลเกี่ยวกับฉัน จึงพยายามควบคุมอารมณ์ แต่ยิ่งฉันพยายามยับยั้งตัวเอง ฉันก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น

ฉันสับสน : ฉันเข้าใจความสำคัญของการบำเพ็ญ แล้วทำไมฉันถึงควบคุมน้ำตาไม่ได้ ฉันตระหนักว่าเป็นเพราะระหว่างทางกลับบ้าน ฉันเอาแต่นึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ที่มีกับแม่ แน่นอน ฉันตกหลุมพรางที่อิทธิพลเก่าวางไว้ อิทธิพลเก่าควบคุมความคิดของฉันและทำให้ฉันสูญเสียการควบคุมอารมณ์ ฉันรู้ว่าหากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของท่านอาจารย์และเดินบนเส้นทางที่ท่านอาจารย์จัดวางไว้ ฉันก็จะเดินบนเส้นทางที่อิทธิพลเก่าจัดวางไว้อย่างแน่นอน ฉันรู้ว่าต้องใส่ใจอยู่เสมอว่าความคิดใดที่ไม่อยู่ในฝ่า เพื่อให้ตัวฉันที่แท้จริงควบคุมร่างกายของฉัน

คืนนั้นฉันฝันอีกครั้ง : ฉันกำลังตอบคำถามคณิตศาสตร์ที่ยากเป็นพิเศษ ฉันเขียนสมการยาวและมันเหมือนคำตอบทุกประการ แต่ฉันไม่ได้ตอบคำถาม ฉันเพียงแค่เขียนสมการเท่านั้น เมื่อตื่นขึ้นมา ฉันรับรู้ได้ว่าท่านอาจารย์ให้กำลังใจฉัน ฉันรู้คำตอบแล้วแต่ต้องนำมันไปปฏิบัติ

วันต่อมา ฉันไปแปลงผักของผู้ฝึกคนหนึ่ง ฉันจำได้ว่านี่คือสถานที่โปรดปรานของแม่ ทันทีที่ฉันมีความคิดเช่นนี้ มันก็ดึงความสนใจของฉัน นี่ไม่ใช่ฉัน มันเป็นอิทธิพลเก่าที่เข้ามาแทรกแซงอีกแล้ว ฉันคิดว่า : ฉันจะไม่ตกหลุมพรางของอิทธิพลเก่า ฉันจึงรีบขจัดความคิดนั้นออกไปทันที และฉันก็ไม่ถูกมันทำให้หวั่นไหว

ด้วยวิธีนี้ ฉันคอยตรวจตราอารมณ์ด้วยการทบทวนทุกความคิดและขจัดมันออกไป ฉันค่อย ๆ ไม่ถูกฉิงของความคิดถึงแม่มากระทบอีกต่อไป

เปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการแต่งงาน

ในอดีต แม้ว่าฉันจะถือว่าตัวเองเป็นผู้ฝึก ฉันไม่เพียงยึดติดกับฉิงของมนุษย์เท่านั้น ฉันยังรู้สึกว้าวุ่นใจและรู้สึกขุ่นเคืองเมื่อไม่ได้ดังใจ ฉันและสามีฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าทั้งคู่ และเราแต่งงานกันมา 8 ปีแล้ว ในช่วง 2 – 3 ปีแรกของการแต่งงาน เราทะเลาะกันตลอด ฉันโหยหาความเอาใจใส่และความรักจากเขา แต่เขากลับเย็นชา ฉันหมดความหวังในชีวิตแต่งงานและสงสัยว่าทำไมชีวิตของฉันจึงทุกข์ยากยิ่งนัก ฉันช่างโชคร้ายเหลือเกินที่แต่งงานกับเขา ! ถึงจุดหนึ่งที่เราเกือบจะหย่าร้างกัน ฉันเข้าใจว่าต้นเหตุของปัญหาคือฉันไม่ได้ประพฤติตนเป็นผู้ฝึก

ฉันจะหนีปัญหาชีวิตสมรสด้วยการหย่าร้างไม่ได้ ทางแก้ปัญหาของความขัดแย้งนี้มีทางเดียวคือบำเพ็ญตนเอง ฉันไม่รู้ว่าจะยกระดับซินซิ่งได้อย่างไร เราทั้งคู่มีจิตต่อสู้อย่างแรงกล้า เราทะเลาะกันหลายชั่วโมงและไม่มีใครไม่ยอมแพ้ ฉันเตือนตัวเองว่า : ฉันอาจจะไม่สามารถยกระดับในการบำเพ็ญในด้านอื่นในขณะนี้ แต่อย่างน้อยฉันก็ยังควบคุมปากของตัวเองได้ ไม่ว่าฉันจะเจ็บปวดแค่ไหนหรือรู้สึกผิดเพียงใด ครั้งต่อไปที่เราทะเลาะกันฉันจะไม่ตอบโต้

เราทะเลาะกันอีกครั้ง เราใช้เวลา 40 นาทีในการขับรถกลับบ้านจากบ้านของแม่สามี และเราทะเลาะกันตลอดทาง สามีวิพากษ์วิจารณ์ฉันไม่รู้จบ เขาเริ่มตะโกนใส่ฉันด้วยซ้ำ ฉันเตือนตัวเองซ้ำ ๆ ว่า “อย่าเถียงกลับ” ฉันอยากจะตอบโต้หลายครั้งแต่ก็ยับยั้งตัวเองไว้ เมื่อน้ำตาของฉันไหล ฉันกำมือไว้แน่น และต่อสู้ในใจอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองเงียบไว้ ในที่สุดฉันก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ แม้ว่ามันจะเป็นขั้นตอนที่ทรมานใจ แต่เมื่อมันจบลง ฉันก็ปรบมือให้ตัวเองในใจ : ฉันทำได้แล้ว !

เพราะฉันหยุดพูดได้ครั้งแรก มันจะน่าเสียดายไหมถ้าฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ในครั้งที่ 2 ครั้งหนึ่ง เราไปเมืองที่ไกลจากบ้านเพื่อส่งจดหมายอธิบายความจริงเกี่ยวกับการประทุษร้าย ระหว่างทางเราทะเลาะกันอีกเพราะความเห็นต่างกัน ฉันอยากจะเถียงแต่แล้วฉันก็คิดได้ว่าถ้าเราทะเลาะกัน มันจะทำให้แผนที่เราจะไปอธิบายความจริงเสียหาย ฉันจึงตัดสินใจหยุดพูด

คราวนี้อารมณ์ของสามีของฉันยิ่งแย่ลงอีก เขาถึงกับด่าว่าฉัน ฉันคิดว่า "นี่เป็นสิ่งดี ! ฉันผ่านการทดสอบครั้งที่แล้ว ถ้าครั้งนี้ฉันอดทนได้ เท่ากับว่าฉันก้าวหน้าในการบำเพ็ญแล้ว" ฉันหลับตาลงและเงียบเสียง เนื่องจากมันเกิดขึ้นนานมาแล้ว ฉันจึงลืมรายละเอียดของเหตุการณ์นี้แล้ว ทั้งหมดที่ฉันจำได้คือเราส่งจดหมายได้เสร็จ และฉันกลับบ้านกับสามีด้วยความสบายใจ

ท่านอาจารย์กล่าวว่า

“เพราะบนเส้นทางการบำเพ็ญนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญใดๆ บางทีในขณะที่พูดคุยกันเกิดกระทบใจท่าน บางทีผู้ที่เกิดความขัดแย้งกับท่าน ซึ่งมีองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์และความเสียหายนั้น ก็คือสิ่งที่อาจารย์ทำขึ้นมา บางทีคำพูดนั้นที่เขาพูดเสียดแทงใจท่านมาก แตะถูกจุดที่ท่านเจ็บปวด ท่านจึงรู้สึกเสียดแทงใจ บางทีเป็นการใส่ร้ายท่านจริงๆ แต่คำพูดนั้นหาใช่เขาพูดไม่ บางทีคือข้าพเจ้าพูด (ที่ประชุมหัวเราะ) ในเวลานั้นข้าพเจ้าก็จะดูว่าท่านจะปฏิบัติต่อเรื่องเหล่านี้อย่างไร ในเวลานั้นที่ท่านชนกับเขาที่จริงเท่ากับท่านกำลังชนกับข้าพเจ้า (หัวเราะ) (ที่ประชุมหัวเราะ ปรบมือ) วันนี้เราก็พูดกันถึงตรงนี้ละกัน ของนั้นข้าพเจ้าสามารถเอาออกไปให้ท่านทั้งหมด แต่ความเคยชินที่ปลูกฝังขึ้นมาพวกท่านต้องทิ้งไปให้ได้ ต้องทิ้งให้ได้ ต้องทิ้งให้ได้” (การบรรยายฝ่าที่แมนฮัตตัน)

การทดสอบเหล่านี้ช่วยฉันขจัดนิสัยที่ไม่ดีออกไป และฉันรู้สึกว่าได้ยกระดับครั้งใหญ่ สามีของฉันเป็นคนอารมณ์ร้อนและมักจะเดือดดาลบ่อย ๆ แต่ฉันไม่ใส่ใจเวลาที่เขาระเบิดอารมณ์และยังสงบนิ่งได้ ฉันไม่รู้สึกว่าตัวเองถูกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมหรือไม่รู้สึกโกรธเคืองอีกแล้ว ในทางกลับกัน ฉันขอบคุณเขาที่ให้โอกาสฉันได้ยกระดับซินซิ่ง ฉันยิ่งรู้สึกขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ช่วยขจัดสสารที่ไม่ดี (ความคิดในทางลบของฉัน) ที่ก่อเกิดข้างในฉัน

ฉันไม่แสวงหาความรักจากสามีอีกแล้ว ฉันรู้ว่าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ผู้ฝึกควรปล่อยวาง เราเป็นผู้ฝึกและควรเตือนใจกันและกันให้ก้าวหน้าและยกระดับในการบำเพ็ญของเรา บางทีการแต่งงานของเราอาจถูกจัดวางโดยอิทธิพลเก่าเพื่อทำลายเรา แต่ถ้าเราทำตามสิ่งที่ท่านอาจารย์บอกให้เราทำ และระลึกได้ว่าความขัดแย้งเป็นโอกาสให้เราบำเพ็ญตนเอง เราก็กำลังปฎิบัติตามสิ่งที่ท่านอาจารย์ต้องการให้เราทำ ต่อมาสามีของฉันก็เรียนรู้ที่จะควบคุมตัวเองและค่อย ๆ ขจัดอารมณ์ร้ายของเขาได้

อธิบายความจริงเพื่อช่วยเหลือผู้คน

เมื่อไรที่ฉันยึดมั่นกับบางสิ่งในโลกมนุษย์ ฉันก็จะสูญเสียบางสิ่ง ฉันมักสะดุดบนเส้นทางการบำเพ็ญของฉัน และรับรู้ได้หลังจากผ่านความยากลำบากมากมาย การบำเพ็ญในต้าฝ่าเป็นทางออกเดียวสำหรับฉัน เมื่อการเจิ้งฝ่ามาถึงจุดสิ้นสุด ในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่พิเศษนี้ ขณะที่เรากำลังเปลี่ยนเข้าสู่ช่วงฝ่าปรับโลกมนุษย์ ฉันจะต้องคว้าโอกาสสุดท้ายนี้เพื่อบำเพ็ญอย่างขยันขันแข็งและช่วยเหลือผู้คนให้มากขึ้น

สิ่งที่ฉันต้องทำให้ดีขึ้นคือจะอธิบายความจริงอย่างไร ฉันเพียงแค่บอกกับเพื่อน ๆ และเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับต้าฝ่า ฉันพบว่ามันยากที่จะก้าวข้ามข้อจำกัดนี้เพื่ออธิบายความจริงในวงกว้างมากขึ้น ฉันเตรียมตัวศึกษาฝ่ากับผู้ฝึกวัยเยาว์อีกคนหนึ่ง เธอเพิ่งฝึกได้เพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ และต้องการบอกผู้คนเกี่ยวกับต้าฝ่า แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร เราตัดสินใจออกไปอธิบายความจริงด้วยกัน ฉันไม่มีประสบการณ์ในการอธิบายสิ่งต่าง ๆ ให้กับผู้คนมากนัก ดังนั้นเราจึงฟังและอ่านเอกสารมากมายเกี่ยวกับวิธีการพูดคุยกับผู้คนเกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่าและการประทุษร้าย เราฝึกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ครั้งแรกที่เราออกไปอธิบายความจริง เราไปที่ชายหาด หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังเดินเล่น เราเฝ้าดูเธอเป็นเวลานาน แต่เรากลัวเกินกว่าจะเข้าไปหาเธอ เราบอกกันและกันว่าถ้าเธอไม่ยอมรับความจริง มันคงจะน่าอาย เรารวบรวมความกล้าที่จะเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้น และถามเธอว่าเคยได้ยินเกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่ามาก่อนไหม เธอกระตือรือร้นที่จะพูดคุยกับเรา เธอบอกว่าเห็นผู้ฝึกที่สนามบินและจุดท่องเที่ยวต่าง ๆ เมื่อเธอไปเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงวันหยุด

ฉันถามว่า “คุณได้คุยกับพวกเขาหรือเปล่า” เธอตอบว่า “ไม่ ฉันไม่สนใจ” ผู้ฝึกอีกคนบอกเธอว่าจะเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าอย่างไร จากนั้นเราก็คุยกันเกี่ยวกับการรณรงค์ให้คนทั่วโลกลาออกจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) เธอเห็นด้วยกับสิ่งที่เราพูด จากนั้นเราก็ถามเธอว่าต้องการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนโดยใช้นามแฝงไหม เธอตอบตกลง เราดีใจมากและรู้สึกว่านี่คือกำลังใจจากท่านอาจารย์

เราค่อย ๆ สั่งสมประสบการณ์เกี่ยวกับการอธิบายความจริง เราได้พบกับผู้คนทุกประเภทที่เข้าใจความจริงเกี่ยวกับการประทุษร้าย นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวที่น่าประทับใจอีกมากมายที่ฉันไม่ขอกล่าวถึงในที่นี้ บางทีฉันจะเล่าเรื่องราวเหล่านี้ในบทความแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในอนาคต

ฉันพบจุดประสงค์ที่แท้จริงของชีวิตในขั้นตอนนี้ มันทำให้ฉันเห็นคุณค่าของเวลาที่ฉันมีในโลกมนุษย์เพื่อการบำเพ็ญ มันยากลำบากแต่เราไม่ท้อแท้ เราเรียนรู้จากความสำเร็จและล้มเหลวไปเรื่อย ๆ และเตือนตัวเองอยู่ตลอดว่าให้ใส่ใจกับการบำเพ็ญซินซิ่ง ขจัดความกลัว ขจัดความยึดติดต่อการเสียหน้าและความฝักใฝ่ในความสำเร็จ เมื่อเรายกระดับในการบำเพ็ญ ท่านอาจารย์ก็จะจัดวางให้ผู้ที่ถูกลิขิตไว้มาหาเรา

มีตัวอย่างนับไม่ถ้วนที่ฉันรู้สึกได้ถึงการคุ้มครองของท่านอาจารย์ หลังจากที่ฉันบำเพ็ญอย่างมั่นคงจริง ๆ ชีวิตของฉันก็ราบรื่นขึ้น ตอนนี้ฉันมีเวลาศึกษาฝ่าและอธิบายความจริงเพื่อช่วยเหลือผู้คน แม้กระทั่งชั่วโมงทำงานของฉันก็ยืดหยุ่นมาก

ตราบเท่าที่เราปฏิบัติตามคำสอนของท่านอาจารย์และเดินตามเส้นทางที่ท่านอาจารย์จัดวาง ท่านอาจารย์ก็ทำการจัดวางอย่างดีที่สุดให้เรา ฉันไม่แสวงหาการมีชีวิตที่ดีและฉันไม่วิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตอีกแล้ว เวลาที่เหลืออยู่ก็เพื่อให้ฉันยืนยันความถูกต้องของฝ่า บำเพ็ญ และบรรลุภารกิจของฉันในฐานะผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า การบำเพ็ญในต้าฝ่าเป็นเส้นทางเดียวที่ฉันต้องเดิน ถ้าฉันไม่บำเพ็ญให้ดี ทุกอย่างก็จะสูญเปล่า ฉันจะสูญเสียโอกาสที่หาได้ยากนี้และจะไม่มีโอกาสที่สองอีกแล้ว ฉันต้องทำตามที่ท่านอาจารย์บอกและเดินสู่การเป็นเทพ มีเพียงเช่นนั้นที่ฉันจะไม่ทำให้ท่านอาจารย์และสรรพชีวิตในโลกของฉันผิดหวัง