(Minghui.org) สวัสดีท่านอาจารย์ ! สวัสดีเพื่อนผู้ฝึก !

ฉันอายุ 63 ปี และเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าในปี 1996 ในปี 1999 ฉันถูกกักขังอย่างผิดกฎหมายเป็นเวลา 15 วัน เมื่อฉันไปปักกิ่งเพื่อยื่นอุทธรณ์ขอความยุติธรรมให้กับฝ่าหลุนต้าฝ่า ในปี 2008 ฉันถูกจำคุก 3 ปี ในข้อหาแจกเอกสารที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับต้าฝ่าและการประทุษร้าย สภาพแวดล้อมเริ่มยากลำบากขึ้นหลังจากที่ฉันถูกปล่อยตัว

สมาชิกในครอบครัวใหญ่ของฉัน 6 คนฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า พี่สาวของฉันถูกสังหารระหว่างการประทุษร้าย ที่เหลืออีก 4 คนเลิกฝึก วันหนึ่งสามีของฉันใช้ขวดเบียร์ตีหัวฉัน และบอกให้ฉันเลือกระหว่างครอบครัวกับฝ่าหลุนต้าฝ่า

ฉันถูกประทุษร้ายและถูกรังควานบ่อยครั้ง ฉันไม่มีสถานที่ที่จะซ่อนหนังสือต้าฝ่าและเอกสารต่าง ๆ และไม่มีญาติสนิทที่จะช่วยซ่อนให้ฉัน ฉันกับลูกสาวต้องแบกกระเป๋าเป้ใบใหญ่สองใบไปทุกที่ที่เราไป ฉันไม่มีเงินและไม่มีใครให้ฉันยืมเงิน ฉันยืนอยู่บนถนนทั้งน้ำตา และรู้สึกว่าตัวเองจนมุมจริง ๆ แต่ฉันเตือนตัวเองว่า : “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันไม่สามารถสั่นคลอนความมุ่งมั่นในการฝึกต้าฝ่าของฉันได้”

ฉันกลับบ้านและบอกสามีอย่างสงบว่า “ฉันจะฝึกต่อไป ฉันจะอยู่ที่นี่หรือออกไปเช่าบ้านอยู่เองก็ได้” สามีมองมาที่ฉันแล้วพูดว่า “ไม่มีใครช่วยคุณหรือ คุณอยู่ที่นี่ได้”

การยกระดับความเข้าใจของฉันโดยการอ่านฝ่า

เมื่อฉันเริ่มฝึก ฉันเห็นคุณค่าของการศึกษาฝ่า และบางครั้งท่านอาจารย์ก็ให้ฉันมองผ่านตาทิพย์ได้ ทุกหน้าในจ้วนฝ่าหลุนมีพระพุทธอยู่ ต่อมาฉันเห็นฝ่าเซินของท่านอาจารย์ปรากฏเป็นชั้น ๆ และฉันเห็นการปรากฏของสามระดับชั้น ฉันเห็นบันไดสู่สวรรค์ด้วย เมื่อฉันอ่านเนื้อหาในหัวข้อตัวสิงร่างในจ้วนฝ่าหลุน ฉันก็เห็นการระเบิดในอีกมิติหนึ่ง ฉันอ่านจ้วนฝ่าหลุนอย่างน้อยวันละสามครั้ง และมีภาพมหัศจรรย์ต่าง ๆ ปรากฏทุกวัน ฉันไม่ยึดติดกับสิ่งที่เห็น แต่ฉันมีความสุขและมีกำลังใจ ต่อมาฉันเข้าใจว่าท่านอาจารย์กำลังผลักฉันไปข้างหน้าและยกระดับของฉัน

หลังจากฉันถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำ ฉันรู้สึกถึงฝ่าได้ไม่ชัดเจนเพราะฉันไม่ได้อ่านฝ่ามานาน ฉันยิ่งอยากอ่านฝ่ามากขึ้น และฉันทุ่มเทเวลาว่างทั้งหมดที่มีในการอ่านฝ่า นอกจากอ่านจ้วนฝ่าหลุนซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้ว ฉันยังอ่านการบรรยายธรรมอื่น ๆ ของท่านอาจารย์ด้วย

ท่านอาจารย์กล่าวว่า

“ในขณะประสบทุกข์ภัยในการบำเพ็ญ ต้องบำเพ็ญตัวเอง ต้องมองตัวเอง นี่ไม่ใช่ยอมรับทุกข์ภัยที่อิทธิพลเก่าจัดวางไว้ หรือจะทำให้ดีได้อย่างไรในท่ามกลางทุกข์ภัยที่พวกมันจัดวางไว้ ไม่ใช่อย่างนี้ พวกเรานั้นปฏิเสธแม้แต่การเกิดขึ้นของอิทธิพลเก่าโดยตัวมันเอง และทุกสิ่งที่พวกมันจัดวางไว้ การคงอยู่ของพวกมันทั้งหมดก็ไม่ยอมรับ พวกเรานั้นปฏิเสธทุกสิ่งของมันนี้โดยสิ้นเชิง ในการปฏิเสธและขจัดพวกมัน สิ่งที่พวกท่านทำทั้งหมดจึงจะเป็นธรรมานุภาพ ไม่ใช่ไปบำเพ็ญอยู่ในทุกข์ภัยที่พวกมันสร้างขึ้น แต่เป็นการเดินบนหนทางของตนเองให้ดีโดยไม่ยอมรับพวกมัน แม้แต่การขจัดทุกข์ภัยที่ปรากฏออกมาของตัวพวกมันเองก็ไม่ยอมรับด้วย” (“การบรรยายธรรม ณ เมืองชิคาโก ปี ค.ศ. 2004” รวมการบรรยายธรรมในพื้นที่ต่าง ๆ 4)

ฉันเข้าใจว่าการประทุษร้ายถูกจัดวางโดยอิทธิพลเก่า ในขณะที่กำลังทำลายตัวเอง อิทธิพลเก่าก็ต้องการทำลายศิษย์ต้าฝ่าและสรรพชีวิตทั้งหมดด้วย ในช่วงเวลาแห่งการเจิ้งฝ่า ผู้ฝึกต้องช่วยท่านอาจารย์ และปกป้องฝ่าพร้อมกับยืนยันความถูกต้องของต้าฝ่า เราต้องรับผิดชอบต่อสรรพชีวิตที่ถูกต้องในจักรวาลและช่วยเหลือสรรพชีวิตทั้งหมด ภารกิจของฉันคือการทำให้สอดคล้องกับสิ่งที่ท่านอาจารย์ต้องการ และไม่เกี่ยวข้องอะไรกับอิทธิพลเก่า

เมื่อฉันศึกษาฝ่ามากขึ้น คำสอนนำฉันไปสู่อาณาจักรเขตแดนใหม่ทั้งหมด ร่างกายและจิตใจของฉันเปลี่ยนแปลงแบบมโหฬาร และความเข้าใจในการบำเพ็ญของฉันค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น : จากการบำเพ็ญส่วนบุคคลไปสู่การบำเพ็ญของศิษย์ต้าฝ่าในช่วงเจิ้งฝ่า ฉันต้องการปฎิบัติให้บรรลุคำปฏิญาณของฉัน ทำภารกิจให้สมบูรณ์ และนำสรรพชีวิตทั้งหมดในอาณาจักรสวรรค์ของฉันกลับบ้าน

การอธิบายความจริง

ฉันออกไปอธิบายความจริงและช่วยเหลือผู้คนเกือบทุกวัน ไม่ว่าจะหนาวจัดหรือร้อนจัด ฝนตกหรือแดดออก วันเทศกาลส่งท้ายปีเก่าหรือวันปีใหม่ หลังจากสังสรรค์กับครอบครัวแล้ว ฉันก็ออกไปช่วยเหลือผู้คน ในช่วงล็อกดาวน์ 3 ปีเนื่องจากโควิด ฉันไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ และยังคงออกไปข้างนอกทุกวัน ไม่มีใครมาหาฉันเพื่อตรวจโควิดหรือฉีดวัคซีน

ฉันพกเอกสารอธิบายความจริงติดตัวทุกวัน ขี่จักรยานไฟฟ้า และพูดคุยกับผู้คนที่ฉันพบ ฉันแนะนำให้พวกเขาจำว่า “ฝ่าหลุนต้าฝ่าดี ความจริง-ความเมตตา-ความอดทนดี”

ฉันพบกับชายคนหนึ่งที่ในวัย 60 ปีเศษ ฉันทักทายเขาว่า “สวัสดี โปรดรับนิตยสารอธิบายความจริงเล่มนี้ด้วย ถ้าคุณเข้าใจความจริง คุณจะได้รับพร” ฉันพูดแล้วยื่นนิตยสารให้เขา เขาพูดว่า “คุณเป็นผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าใช่หรือไม่ ผมมาที่นี่เพื่อจับกุมคุณ ! ถอดหน้ากากอนามัย ถอดหมวก แล้วให้ผมเห็นหน้าคุณ ผมรู้จักคนส่วนใหญ่ในพื้นที่นี้ คุณอายุเท่าไร" ฉันพูดว่า “ดูภัยพิบัติจากธรรมชาติและจากที่มนุษย์ทำที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ สิ ใครกำลังถูกกำจัดทิ้ง คือคนที่ไม่รู้ความจริง ! การประทุษร้ายต้าฝ่าของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) ก่อให้เกิดภัยพิบัติทุกชนิด มีเพียงการเรียนรู้ความจริงเท่านั้นจึงจะได้รับการช่วยเหลือ”

ฉันเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับเหตุการณ์เผาตัวเองที่เทียนอันเหมินซึ่งจัดฉากโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ฉันบอกว่าทฤษฎีอเทวนิยมของพรรคคอมมิวนิสต์จีนกำลังทำลายผู้คน ในขณะที่ฝ่าหลุนต้าฝ่ากำลังช่วยเหลือผู้คน ฉันบอกว่าเมื่อเผชิญกับภัยพิบัติ อะไรก็ไม่สำคัญ แต่ความอยู่รอดนั้นสำคัญที่สุด ฉันถามว่า “คุณเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ ให้ลาออกโดยเร็วที่สุด ฉันจะใช้นามแฝงและช่วยให้คุณลาออก นี่เป็นเรื่องเร่งด่วน” ไม่ว่าท่าทางของเขาจะดุร้ายแค่ไหน ฉันก็ยังคงยิ้มและพูดคุยต่อไป ในที่สุดเขาก็ตกลงที่จะลาออกจากองค์กรของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ฉันเดินไปหาชายอีกคนหนึ่งแล้วพูดว่า “โปรดดูนิตยสาร ‘พรอันยิ่งใหญ่จากเทพ’ ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับ นี่เป็นของขวัญสำหรับคุณจากสวรรค์ คุณรู้ไหมว่าคุณโชคดีแค่ไหน” ฉันมอบหมิงฮุ่ยรายสัปดาห์ (Minghui Weekly) และนิตยสาร ‘พรอันประเสริฐจากเทพ (Great blessings from divine)’ ให้เขา และยังพูดแนะนำจิงเหวินของท่านอาจารย์ “ทำไมจึงมีมนุษยชาติ" โดยย่อให้เขาฟัง เมื่อได้ยินแล้ว เขาตื่นเต้นมากและพูดว่า “ในอดีต ถ้าคนอยากเชื่อเทพและขอพรจากเทพ พวกเขาต้องไปวัดเพื่อจุดธูปและกราบไหว้ ตอนนี้คุณค้นหาพวกเราไปทั่วเพื่อบอกสิ่งนี้กับเรา ขอบคุณมาก !"

บางครั้งฉันเจอคนหนุ่มสาวที่ถูกพรรคคอมมิวนิสต์จีนทำให้เข้าใจผิดในระดับลึก พวกเขาอารมณ์ไม่ดีและใช้คำพูดแข็งกร้าว และมักจะไล่ “ไปให้พ้น” ฉันไม่หงุดหงิดแต่อธิบายความจริงเกี่ยวกับการประทุษร้ายให้พวกเขาฟังอย่างสงบ พวกเขามักจะฟังและขอบคุณฉันด้วยไมตรีจิต

บางครั้งฉันพบกับคนที่เคยได้ยินความจริงมาก่อน พวกเขาถามว่า “พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะล่มสลายเมื่อไร การใช้ชีวิตยากลำบากมากขึ้นเรื่อย ๆ” ฉันบอกพวกเขาว่า “พวกเรากำลังเร่งรีบและพยายามช่วยเหลือคนดี ๆ เช่นคุณอยู่”

ฉันไม่พูดอะไรที่ซับซ้อนเกินไป แต่ทุกคำที่ฉันพูดนั้นออกมาจากใจ ฉันมักเริ่มต้นด้วย “ฉันอยากให้พรที่ยิ่งใหญ่แก่คุณ และช่วยให้คนรอดจากภัยพิบัติ” การอธิบายความจริงขยายความเมตตาและปริมาตรของฉัน และจิตใจฉันก็บริสุทธิ์มากขึ้น ๆ ฉันแค่เตือนตัวเองว่าทุกคนตกอยู่ในอันตราย ผู้ฝึกต้องฟังท่านอาจารย์และออกไปอธิบายความจริง และช่วยเหลือผู้คน เราต้องไม่ย่อหย่อน

ผู้ฝึกคนหนึ่งถามฉันว่า “คุณมีประสบการณ์ประทับใจที่ลืมไม่ลง หรือเป็นประสบการณ์พิเศษ ในขณะอธิบายความจริงหรือไม่” ฉันคิดแล้วก็ตระหนักว่าเมื่อก่อนก็มีบ้าง แต่ตอนนี้มีน้อยมาก โดยทั่วไป ฉันจะพูดคุยกับผู้คนเมื่อฉันเจอพวกเขา และแนะนำให้พวกเขาลาออกจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน บางครั้งฉันพูดแค่ไม่กี่คำ แล้วเขาก็ลาออกจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน หลายคนขอเอกสารอธิบายความจริง ทุกประสบการณ์ล้วนมีค่า

เมื่อฉันเห็นรายชื่อของคนที่ลาออกจากองค์กรพรรคคอมมิวนิสต์จีนในสมุดบันทึก ฉันยังกังวลอยู่ ฉันสงสัยว่าจะมีโอกาสเหลืออยู่อีกมากเท่าใด ในเวลาเดียวกันฉันทราบดีว่านี่คือขั้นตอนการเจิ้งฝ่าของท่านอาจารย์และได้มาถึงขั้นนี้แล้ว ทั้งหมดนี้คือการจัดวางของท่านอาจารย์และพลังของต้าฝ่า เป็นพรสำหรับผู้คนที่ได้รับการช่วยเหลือ และเป็นพรสำหรับศิษย์ต้าฝ่าเช่นกันที่ได้ช่วยเหลือผู้คน และพรเหล่านี้ได้รับจากท่านอาจารย์ ทุกวันเมื่อฉันกลับบ้าน ฉันจะขอบคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพเป็นอันดับแรกสำหรับพรและความคุ้มครองที่ท่านมอบให้

ตั้งแต่เริ่มอธิบายความจริงและแนะนำให้ผู้คนลาออกจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนและองค์กรในเครือ จนถึงขณะนี้ ฉันยังไม่เคยนับจำนวนคนที่ลาออกเลย ตอนแรกฉันกลัวว่าฉันมีจิตยึดติด ต่อมาฉันตระหนักว่าไม่ว่าฉันจะช่วยเหลือผู้คนได้มากเท่าใด มันก็ยังน้อยเกินไป และห่างไกลจากที่ท่านอาจารย์หวังไว้และห่างจากความคาดหวังของสรรพชีวิตทั้งหมดด้วย ฉันทำได้เพียงบำเพ็ญตัวเองให้ดีและช่วยเหลือผู้คนให้มากขึ้นเท่านั้น

เอาชนะความยากลำบากด้วยการเชื่อในท่านอาจารย์

ฉันกับผู้ฝึกอีกคนออกไปอธิบายความจริงในเดือนเมษายนนี้ ฉันขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ฉันล้มด้วยความตกใจเพราะต้องหลบรถยนต์ ฉันถูกเหวี่ยงอย่างแรงลงบนพื้น และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าก็ตกลงมาทับฉัน ฉันรู้สึกปวดหลังส่วนล่างอย่างรุนแรง ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่งและนึกถึงประสบการณ์อาการเท้าแพลงอย่างรุนแรงเมื่อไม่กี่ปีก่อน แล้วฉันก็คิดได้ในทันทีว่า “ฉันเป็นศิษย์ต้าฝ่า ฉันไม่เป็นอะไร !" ฉันนั่งบนพื้นแต่ขยับตัวไม่ได้ ผู้ฝึกอีกคนเรียกแท็กซี่และพาฉันกลับบ้าน ทันทีที่นอนลงบนเตียง ฉันก็ลุกไม่ได้ ฉันขยับตัวไม่ได้ แม้แต่หายใจก็ยังปวด ทั้งน้ำตาและเหงื่อไหลอาบหน้าทุกครั้งที่ฉันพยายามจะขยับ ฉันนอนอยู่ที่นั่นสองวันโดยความปวดไม่ทุเลาเลย ลูกสาวและลูกเขยกังวลมากและขอร้องให้ฉันไปโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจ ผู้ฝึกอีกคนก็ไม่สบายใจเช่นกันและพูดว่า “ฉันขอใส่ผ้าอ้อมให้คุณได้ไหม มันจะช่วยบรรเทาความปวดได้มากเวลาคุณเคลื่อนไหว”

ตอนนั้นฉันไม่มีความคิดในทางลบใด ๆ ฉันแค่รู้สึกว่าความอดทนต่อความเจ็บปวดมาถึงขีดกำจัดแล้ว สิ่งที่พวกเขาพูดไม่ได้รบกวนฉัน ฉันแค่ขอให้ท่านอาจารย์ช่วยฉันอย่างเงียบ ๆ และขอให้ท่านเสริมสร้างเจิ้งเนี่ยนให้ฉัน

ในวันที่ 3 เจิ้งเนี่ยนของฉันแข็งแกร่งขึ้น ฉันถามตัวเองว่า “ฉันกำลังทำอะไรอยู่ ผู้คนกำลังรอที่จะได้รับความช่วยเหลือ ฉันจะนอนอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ฉันมีภารกิจและฉันอยากลุกขึ้น” ฉันลุกขึ้นและล้มหลายครั้ง เสื้อผ้าของฉันเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ผู้ฝึกช่วยฉันและเช็ดเหงื่อให้ฉัน ลูกสาวของฉันพูดว่า “แม่ลุกขึ้นไหวไหม” ฉันไม่ยอมให้คนอื่นช่วย ฉันพยายามลุกขึ้นด้วยตัวเองเป็นเวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดฉันก็ลุกขึ้นนั่งได้ ลูกสาวของฉันยกนิ้วให้ “ต้าฝ่าน่าอัศจรรย์เหลือเกิน ! แม่ แม่ยอดเยี่ยมมาก !” วันที่ 4 ฉันออกไปแจกเอกสารอธิบายความจริงได้

สองสัปดาห์หลังจากเหตุการณ์นั้น วันหนึ่งฉันขี่รถจักรยานไฟฟ้าและถูกรถจักรยานไฟฟ้าคันใหญ่ที่ผู้ฝึกขับอยู่ข้างหลังฉันชน ตัวฉันลอยขึ้นอีกครั้ง ชายชราคนหนึ่งที่ยืนอยู่ริมถนนตกตะลึง ความคิดของฉันถูกต้องมาก ฉันคิดว่า "ฉันจะไม่ตำหนิผู้ฝึกและไม่สามารถทำให้การช่วยเหลือผู้คนล่าช้า" ทันทีที่ฉันมีความคิดนั้น ฉันรู้สึกเหมือนกำลังลอยอยู่ ฉันลุกขึ้นอย่างง่ายดาย เดินไปหาชายชรา ทักทายเขา และยื่นเอกสารอธิบายความจริงให้เขา

ประสบการณ์ทั้งสองนี้ทำให้ฉันตระหนักได้ว่า สำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในการบำเพ็ญ เราต้องค้นหาจากภายใน แต่ที่สำคัญคือด้านที่บำเพ็ญได้ดีของเราจะรู้วิธีจัดการกับมัน รู้วิธีคิด และรู้ว่าจะทำให้ดีอย่างไรโดยธรรมชาติ เมื่อเผชิญกับปัญหาใด ๆ จะดีถ้าคิดในแง่บวก ตราบใดที่เราเชื่อในท่านอาจารย์และฝ่าอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีเงื่อนไข ท่านอาจารย์ก็จะอยู่ข้าง ๆ เรา และเราซึ่งเป็นศิษย์ก็จะผ่านการทดสอบได้ทุกอย่าง

การหล่อหลอมเข้ากับฝ่า

ตอนนี้เมื่อฉันศึกษาฝ่า ฉันมักจะอยู่ในสภาวะวิเศษที่ผสานและหลอมรวมเข้ากับฝ่า มันเหมือนทั้งชีวิตของฉันผสานเข้ากับฝ่า ฉันสัมผัสได้ว่ากระบวนการเจิ้งฝ่าของท่านอาจารย์กำลังก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ฉันรู้ว่าฉันควรทำอย่างไร หลักการของต้าฝ่าในระดับชั้นต่าง ๆ ก็เปิดเผยออกมาเช่นกัน

ชีวิตของฉันเรียบง่ายมาก ฉันอยู่ง่ายกินง่าย ใส่เสื้อผ้าเรียบง่าย และใช้เวลาในการทำงานบ้านให้น้อย เพราะฉันอยู่คนเดียวและลูกสาวสนับสนุนการฝึกของฉัน ฉันจึงควบคุมเวลาได้ ฉันตื่นนอนตอนตี 3 และฝึกท่าทั้ง 5 ชุด ใช้เวลา 2.5 ชั่วโมง ฉันท่องบทกวีหงอิ๋นขณะทำอาหารเช้าและทำงานบ้าน ผู้ฝึกอื่นมาถึงเวลา 8.00 น. ฉันออกไปอธิบายความจริงในช่วงบ่าย ตอนเย็นฉันกลับมาทำอาหารและทานมื้อค่ำ ฉันดูเว็บไซต์หมิงฮุ่ยและอ่านบทความแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ตอนกลางคืนฉันพิมพ์เอกสารอธิบายความจริง ท่องฝ่าและอ่านการบรรยายฝ่าของท่านอาจารย์ตามสถานที่ต่าง ๆ ฉันเข้านอนเวลา 22.00 น.

ฉันศึกษาฝ่าอย่างน้อยแปดชั่วโมงทุกวัน ฟาเจิ้งเนี่ยนอย่างน้อยหกครั้ง จิตใจของฉันเต็มไปด้วยต้าฝ่าตลอดเวลา และฉันจะอ้างอิงฝ่าเมื่อประสบปัญหา ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ได้อยู่ในขอบเขตของสภาวะการค้นหาจิตยึดติดที่ฉันมีและจิตยึดติดใดที่ฉันต้องขจัดทิ้งไปในแต่ละวันแล้ว แต่ฉันรู้สึกว่าการบำเพ็ญคือการเลือกโดยใช้ฝ่าเป็นที่ตั้ง เมื่อประสบปัญหา ฉันจะตรึกตรองทันที และขจัดทุกความคิดที่ไม่สอดคล้องกับฝ่า

ฉันรู้สึกว่าซินซิ่งของฉันยกระดับทุกวัน การบำเพ็ญดูเหมือนจะเรียบง่ายขึ้นและง่ายขึ้น และฉันพบความมหัศจรรย์และความสุขอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ฉันไม่สามารถแสดงความสุขออกมาเป็นคำพูดได้ คำพูดใด ๆ ไม่สามารถแสดงความสำนึกในพระคุณของท่านอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ของเราได้ ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์สำหรับความเมตตาและการช่วยเหลือของท่าน !

กรุณาชี้แนะหากมีสิ่งใดที่ไม่สอดคล้องกับฝ่า