(Minghui.org) สวัสดีท่านอาจารย์ที่เคารพ ! สวัสดีเพื่อนผู้ฝึก !

ฉันเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าในปี 1996 ฉันเรียนจบชั้นประถมศึกษาเท่านั้น ในการบำเพ็ญ 27 ปีของฉัน ฉันเอาชนะบททดสอบครั้งใหญ่ตาม ๆ กันมาด้วยความเชื่อมั่นที่ฉันมีต่อท่านอาจารย์หลี่ (ผู้ก่อตั้งฝ่าหลุนต้าฝ่า) และฝ่า ท่านอาจารย์คุ้มครองพวกเราเหล่าสานุศิษย์เสมอ

ความเจ็บป่วยและชีวิตสมรสที่ล่มสลาย

ฉันและสามีทำธุรกิจขนส่งผู้โดยสาร หลังจากเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า ฉันคว้าทุกโอกาสที่จะศึกษาฝ่าและฝึกท่าของฝ่าหลุนต้าฝ่า การรักษาสมดุลของเวลาเป็นเรื่องท้าทาย แต่ใจของฉันก็เปี่ยมไปด้วยความสุข ธุรกิจของเราเจริญรุ่งเรือง นอกจากจะมีรายได้เพียงพอเลี้ยงครอบครัวแล้ว ในปี 2011 เรายังซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ปรับปรุงใหม่ในเมืองอีกด้วย เจ้าของรีบขายและราคาก็สมเหตุสมผล

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาดี ๆ อยู่ได้ไม่นาน หลังจากที่เราย้ายเข้าไปอยู่ในที่พักใหม่ได้ไม่นาน ฉันพบว่าสามีมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับหุ้นส่วนทางธุรกิจของเรา ฉันรู้สึกเสียใจมาก ฉันพยายามอดทนและถือว่านี่เป็นโอกาสในการบำเพ็ญ เจิ้งเนี่ยนของฉันแข็งแกร่งขึ้นหลังจากได้หารือสถานการณ์นี้กับผู้ฝึกอื่น แต่เมื่อสามีประพฤติตนหน้าด้านและไร้ยางอาย ฉันเกิดความโกรธเคืองและอิจฉา บางครั้งฉันควบคุมตัวเองได้ แต่บางครั้งฉันก็ร้องไห้ เนื่องจากฉันปล่อยวางฉิงไม่ได้ อิทธิพลเก่าจึงควบคุมสามีของฉันให้ปฏิบัติตามค่านิยมทางศีลธรรมที่เสื่อมถอยของสังคม และเขาก็หย่ากับฉัน

การสูญเสียทางการเงินและความกระทบกระเทือนทางจิตใจที่ตามมาทำให้ฉันมีปัญหาสุขภาพ : ฉันได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านม ฉันยังมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและภาวะมดลูกหย่อน [มดลูกต่ำ] นอกจากนี้ฉันมักจะปวดกระเพาะบ่อยๆ ฉันรู้ว่าถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ฉันคงเสียชีวิตแน่ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าฉันป่วยหนักแค่ไหน สามีของฉันก็ยังทิ้งฉันไป

ฉันร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้ง ฉันเคยคิดที่จะจบชีวิตตัวเอง แต่ฉันเตือนตัวเองว่าฉันเป็นผู้ฝึกต้าฝ่าและฉันจะนำความอัปยศอดสูมาสู่ต้าฝ่าไม่ได้ ! สิ่งเดียวที่เป็นกำลังใจให้ฉันคือฝ่าหลุนต้าฝ่า

ลูกชายและลูกสะใภ้ของฉันไปทำงานที่อื่น และทิ้งลูกสาววัย 8 เดือนไว้ให้ฉันดูแล การจากไปอย่างไร้หัวใจของสามีและอาการป่วยทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกฝังอยู่ในความทุกข์ เมื่อสามีทิ้งฉันไปหาผู้หญิงอื่น ฉันจึงเข้าใจสิ่งที่ท่านอาจารย์พูด :

“คนเดี๋ยวนี้หนา เห็นความสำคัญของ “ฉิง” (อารมณ์ความรู้สึก ความรักความผูกพัน) มากเหลือเกิน แต่ว่าฉิงเป็นสิ่งที่ไม่อาจพึ่งพาที่สุด” (“บรรยายธรรม ณ ที่ประชุมผู้ฝึกภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก”รวมการบรรยายธรรมในพื้นที่ต่าง ๆ 6)

ก้าวไปข้างหน้าในการบำเพ็ญ

ฉันเริ่มบำเพ็ญอย่างขยันขันแข็ง นอกจากดูแลหลานสาวแล้ว ฉันก็อ่านฝ่า ฝึกท่า และฟาเจิ้งเนี่ยนเพื่อปฏิเสธการประทุษร้ายร่างกายของฉันโดยอิทธิพลเก่า หลานสาวของฉันเป็นเด็กว่าง่าย หลังจากฉันป้อนอาหารเธอ เธอก็เล่นคนเดียวอย่างมีความสุขขณะที่ฉันอ่านฝ่า เมื่อเธอหลับฉันก็ศึกษาฝ่าและฟาเจิ้งเนี่ยน หลังจากงีบหลับไปสักพักฉันก็ตื่นมาฝึกท่า ปกติฉันนอนวันละแค่ 2 หรือ 3 ชั่วโมง ฉันอ่านฝ่ากับกลุ่มและฟาเจิ้งเนี่ยนพร้อมผู้ฝึกอื่นทุกครั้งที่ทำได้ ฉันไม่เคยคิดว่าความไม่สบายทางร่างกายเป็นโรค และไม่เคยคิดที่จะไปโรงพยาบาลเลย ฉันไม่ได้บอกผู้ฝึกเกี่ยวกับปัญหาทางร่างกายของฉัน ฉันตั้งใจแน่วแน่ที่จะบำเพ็ญให้ถึงที่สุดและฝากทุกอย่างไว้กับท่านอาจารย์ ฉันจะเดินตามเส้นทางที่ท่านอาจารย์จัดวางเท่านั้น

เมื่อดูเหมือนว่าสถานการณ์ของฉันจะไม่แย่ไปกว่านี้อีกแล้ว ผู้ฝึกทราบว่าฉันดูแลหลานสาวด้วยตัวเอง พวกเขามาที่บ้านของฉันทุกคืนเพื่อศึกษาฝ่าและฟาเจิ้งเนี่ยนกับฉัน พวกเขากลับไปหลังจากฟาเจิ้งเนี่ยนในเวลาเที่ยงคืน พวกเขารู้แค่ปัญหาครอบครัวแต่ไม่รู้ว่าฉันต้องต่อสู้กับโรคอยู่ การมาของพวกเขาเป็นกำลังใจให้ฉันอย่างมาก และส่งเสริมการบำเพ็ญของฉัน คืนหนึ่งในฤดูหนาวหิมะตกหนักมาก มันหนาวมากและลมแรงจนฉันมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่มาในวันนั้น แต่เมื่อเวลา 20.30 น. ขณะที่ฉันกำลังเตรียมตัวเข้านอน พวกเขาก็มาถึงทีละคน ๆ ฉันประทับใจมาก เราอ่านคำสอนของท่านอาจารย์และฟาเจิ้งเนี่ยนด้วยกันเหมือนปกติ เป็นเช่นนี้นานกว่า 3 สัปดาห์

หลังจากนั้นจิตใจของฉันก็ชัดเจนขึ้นมาก ฉันรู้สึกดีขึ้นและนี่ทำให้ฉันมีความมั่นใจมากขึ้น ต่อมาฉันรับรู้ว่า ท่านอาจารย์เป็นห่วงว่ามันจะยากเกินไปสำหรับฉันที่จะผ่านด่านทดสอบนี้เพียงลำพัง ท่านจึงได้จัดเตรียมทั้งหมดนี้ให้ ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์สำหรับการคุ้มครองของท่าน ! ขอขอบคุณผู้ฝึกสำหรับความช่วยเหลือของคุณ !

ผู้ฝึกในพื้นที่ของฉันอธิบายความจริงแก่ผู้คนโดยส่งจดหมายไปยังสำนักงานความมั่นคงสาธารณะและอัยการ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย จดหมายที่เขียนถึงหน่วยงานในพื้นที่หนึ่งจะต้องส่งจากอีกพื้นที่หนึ่ง เนื่องจากครั้งหนึ่งฉันเคยทำธุรกิจขนส่งผู้โดยสาร ฉันจึงคุ้นเคยกับเส้นทางการคมนาคมในเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ตั้งของตู้ไปรษณีย์ ฉันมีหน้าที่หย่อนจดหมายอธิบายความจริงเหล่านี้ลงตู้ไปรษณีย์

ผู้ฝึกส่งจดหมายเหล่านี้ให้ฉันหลังจากเขียน และทุกสัปดาห์ ฉันจะส่งจดหมายเหล่านี้จากเมืองต่าง ๆ โดยพาหลานสาวไปด้วย ฉันจะส่งจดหมายได้เพียงตู้ละ 1 หรือ 2 ฉบับ แล้วนั่งรถขนส่งมวลชนไปยังตู้ไปรษณีย์อีกตู้หนึ่งเพื่อหย่อนจดหมายเพิ่ม ฉันจึงต้องใช้เวลาทั้งวันในการส่งจดหมายทั้งหมด เมื่อฉันขึ้น ๆ ลง ๆ รถบัส ฉันต้องยกรถเข็นของหลานสาว บางครั้งฉันก็เครียดมากเกินไปและมีอาการมดลูกหย่อน ในฤดูหนาวจะง่ายกว่า แต่จะยากในฤดูร้อน แต่มันก็ไม่เคยรบกวนฉันเพราะฉันกำลังช่วยเหลือผู้คน ฉันฟาเจิ้งเนี่ยนอย่างเงียบ ๆ เพื่อปฏิเสธอิทธิพลเก่าในการประทุษร้ายร่างกายของฉัน ฉันยืนหยัดไม่ว่าจะเป็นฤดูหนาวที่ขมขื่นหรือฤดูร้อนที่ร้อนจัด

ฉันเตือนตัวเองว่าฉันเป็นผู้ฝึก มีความเชื่อมั่นในท่านอาจารย์ และใช้เวลาอย่างเต็มที่เพื่อทำสามสิ่ง ปัญหาสุขภาพของฉันค่อย ๆ หายไป ฉันไม่เพียงพาหลานสาวไปกลับจากโรงเรียนอนุบาลเท่านั้น เพราะลูกเขยของฉันทำงานที่เมืองอื่น บางครั้งเมื่อลูกสาวไม่สามารถพาลูกชายของพวกเขาไปทำงานด้วย เธอจะพาลูกมาให้ฉันดูแล ฉันพยายามเต็มที่เพื่อช่วยเหลือลูก ๆ เสมอเพราะฉันต้องการให้พวกเขารู้ว่าต้าฝ่าดี

การคืนดีกับสามี

2 – 3 ปีผ่านไป สามีของฉันมาหาฉันที่โรงเรียนอนุบาลของหลานสาว เขาอยากไปบ้านแต่ฉันปฏิเสธเขา เขาพยายามให้เงินฉัน แต่ฉันปฏิเสธที่จะรับ ฉันไม่อยากให้เขามารบกวนชีวิตของฉันอีก หลังจากผ่านความยากลำบากเหล่านี้ ฉันคำนึงถึงฉิงอย่างเบาบางและฉันแค่ต้องการปฏิบัติตามท่านอาจารย์เท่านั้น แต่ฉันนึกถึงสายตาของเพื่อน ๆ และญาติที่มองฉันแปลก ๆ ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ภูมิใจ ยิ่งกว่านั้นคือลูกสะใภ้ของฉันอยากมีลูกคนที่สองด้วย ฉันไม่มีเงินบำนาญและลูกชายของฉันต้องจ่ายค่าครองชีพให้ฉันและยังมีค่าจำนองอีก ผลก็คือพวกเขาไม่พอใจฉันและคิดว่าฉันต้องรับผิดชอบต่อภาระทางการเงินของพวกเขา

ในปี 2019 สามีของฉันโทรมาขอร้องให้ฉันยอมให้เขากลับบ้าน เขาสัญญาว่าเขาจะเปลี่ยนนิสัย ตลอดหลายปีที่ผ่านมาการบำเพ็ญของฉันพัฒนาขึ้นมาก ฉันนึกได้ว่าสามีของฉันสนับสนุนฉันในการบำเพ็ญเสมอ ครั้งหนึ่งเขามองมาที่ฉันขณะที่ฉันกำลังนั่งสมาธิ และพูดด้วยความประหลาดใจว่า “คุณดูสวยมาก !” ฉันรู้ว่าเขาเห็นด้านที่บำเพ็ญของฉัน เขายังพูดว่าตัวอักษรในจ้วนฝ่าหลุนเป็นสีทองและเปล่งแสงแวววาว ฉันรู้สึกว่ามันแสดงว่าเขามีเกินจีดี เขาแค่หลงอยู่ในโลกมนุษย์ ใจของฉันเต็มไปด้วยความเมตตา และฉันรู้ว่าฉันต้องรับผิดชอบต่อสามีของฉัน และให้คนในครอบครัวของฉันเข้าใจฉัน ฉันปล่อยวางความโกรธและความโกรธเคือง และยอมรับเขากลับมา

หลังจากที่เขากลับมา เราก็แต่งงานกันใหม่ เราได้ชำระหนี้ของเขา 40,000 หยวนด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไประยะหนึ่ง สามีของฉันก็ทำให้ฉันผิดหวังอีกครั้ง เขาไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่นอีก มันแย่ลงราวกับว่าทุกอย่างกำลังเกิดขึ้นอีกครั้ง ฉันทุกข์ใจ ฉันปฏิบัติต่อเขาด้วยความเมตตาถึงเพียงนี้—เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

ในปี 2020 เมื่อเกิดการระบาดใหญ่ของโควิดและมีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ ลูกชายและลูกสะใภ้อยู่บ้านเพื่อดูแลลูกสาว และฉันมีเวลาอ่านฝ่ามาก นอกจากจะอ่านจ้วนฝ่าหลุนแล้ว ฉันยังอ่านหนังสือเล่มอื่น ๆ ของท่านอาจารย์ทั้งหมด ฉันฟาเจิ้งเนี่ยนเป็นเวลา 1 ชั่วโมงทุกวันเพื่อขจัดอิทธิพลเก่าที่ควบคุมสามีของฉันและรบกวนการทำสามสิ่งของฉัน ฉันจะไม่ปล่อยให้บาปดังกล่าวปรากฏในสนามมิติของฉัน

ในขณะเดียวกัน ฉันค้นหาจากภายในและพิจารณาความคิดของตนเอง ฉันนึกได้ว่าครั้งแรกที่ฉันรู้เรื่องความสัมพันธ์ของสามี ในใจฉันมักจะโกรธเคืองอยู่เสมอ เมื่อเขาทิ้งฉันไป ดูเหมือนฉันจะปล่อยวางทุกอย่างได้แล้ว แต่ในความเป็นจริง ฉันหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและแสวงหาความสงบในใจชั่วคราว ฉันยังไม่ได้ขจัดความยึดติดของฉันจากรากเหง้า เมื่อฉันยอมให้สามีเข้ามาอีกครั้ง ก็เพื่อรักษาหน้าเพราะฉันเบื่อที่จะโดนดูถูก ฉันหวังว่าสามีของฉันจะช่วยภาระทางการเงินของลูกชายและลูกสะใภ้เมื่อเขากลับมาหาครอบครัว ฉันยังไม่ได้ปล่อยวางฉิง อิทธิพลเก่าเห็นความคิดสกปรกของฉันได้อย่างชัดเจน

ท่านอาจารย์กล่าวว่า

“โดยเฉพาะคือหลังจากหลายปีมานี้ในท่ามกลางการประทุษร้าย ในระหว่างที่พวกท่านทำเรื่องการยืนยันความถูกต้องของฝ่าเหล่านี้ ไม่ว่าประสบกับเรื่องรูปธรรมอะไร ข้าพเจ้าก็เคยบอกกับพวกท่านว่า นั่นล้วนเป็นเรื่องดี เพราะท่านได้บำเพ็ญแล้วจึงได้เกิดขึ้น ไม่ว่าท่านเข้าใจว่ามันช่างทุกข์ทรมานเหลือเกิน เจ็บปวดเหลือเกิน ก็ล้วนเป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าท่านได้บำเพ็ญแล้วจึงได้เกิดขึ้น ในทุกข์ภัยสามารถสลายกรรม ในทุกข์ภัยสามารถทิ้งจิตมนุษย์ ในทุกข์ภัยสามารถทำให้ท่านยกระดับขึ้นได้” (การบรรยายธรรมปี ค.ศ. 2008 ณ ที่ประชุมนครนิวยอร์ก)

ฉันรู้ว่าฉันต้องพากเพียรอย่างหนักเพื่อยกระดับซินซิ่งถ้าฉันต้องการมุ่งสู่ความเป็นเทพ ฉันควรถือว่าเรื่องร้ายเป็นสิ่งดี ขจัดความยึดติด และถือว่าด่านทดสอบเป็นโอกาสในการยกระดับ ฉันต้องปล่อยวางความเจ็บปวดจากพฤติกรรมของสามีที่เป็นเหตุให้ฉันโกรธเคืองและเจ็บปวดอยู่ลึก ๆ ทุกครั้งที่ฉันไม่สามารถขจัดความเกลียดชัง ฉันจะฟาเจิ้งเนี่ยน ทุกครั้งที่มันผุดขึ้นมา ฉันจะคิดว่า “ใจที่โกรธเคืองนี้ต้องตาย”

ฉันยังพบว่าตัวเองขี้ระแวงมาก เมื่อมีสิ่งใดเกิดขึ้นฉันจะคิดถึงแต่สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด แทนที่จะมองมันด้วยความคิดถูกต้อง จิตระแวงนี้มีส่วนสำคัญในความสัมพันธ์แบบชู้สาวของสามีของฉัน ฉันยังพบจิตอิจฉาริษยาและจิตแข่งขัน รวมถึงความยึดติดอื่น ๆ ด้วย เมื่อใดก็ตามที่ฉันพบความคิดมนุษย์ ฉันจะรีบคว้ามันและขจัดมันออกไป ฉันตรวจสอบตัวเองโดยใช้ฝ่าและกำจัดจิตยึดติดทีละน้อย เมื่อฉันตั้งใจยกระดับซินซิ่งจริง ๆ ท่านอาจารย์จะเห็นหัวใจของฉันและแก้ไขปัญหาของฉัน สามีของฉันก็กลับบ้าน

ตอนนี้ฉันทำสามสิ่งนี้อย่างสม่ำเสมอพร้อมกับดูแลหลานสาวที่อายุขวบครึ่งด้วย สามีของฉันรีบกลับบ้านหลังเลิกงานเพื่อช่วยฉันดูแลหลาน และสนับสนุนการบำเพ็ญของฉัน ลูกสาวและลูกเขยเคยไม่ชอบพูดคุยกัน แต่หลังจากที่ฉันยกระดับในการบำเพ็ญแล้ว พวกเขาก็เริ่มเข้ากันได้

ฉันรู้ว่าท่านอาจารย์ทำเพื่อฉันมากมายตลอดความยากลำบากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา วิธีเดียวที่ฉันจะตอบแทนท่านอาจารย์ได้คือการบำเพ็ญอย่างขันแข็ง !

นี่เป็นความเข้าใจส่วนตัวของฉัน กรุณาชี้แนะหากมีสิ่งใดไม่อยู่ในฝ่า

ขอบพระคุณท่านอาจารย์ ! ขอบคุณเพื่อนผู้ฝึก !