(Minghui.org) วิธีที่เราจัดการกับความขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ กับคนในครอบครัวและคนอื่นอาจดูธรรมดาและไม่สำคัญ อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเสมือนการทดสอบและเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการบำเพ็ญของเรา

ลูกชายของผมและครอบครัวของเขามาเยี่ยมเรา เมื่อมีคนอยู่ในบ้านเพิ่มขึ้น ก็มีเรื่องที่ต้องดูแลมากขึ้น และความท้าทายสำหรับผู้บำเพ็ญคนหนึ่งก็เพิ่มขึ้น แล้วผมทำอย่างไรในระหว่างการทดสอบเหล่านี้ ผมรู้สึกว่าผมทำได้ดีแต่เมื่อผมตรวจสอบพฤติกรรมของตัวเอง ผมก็ตระหนักว่าสภาวะการบำเพ็ญของผมค่อนข้างยุ่งเหยิง แค่คิดทบทวนเรื่องที่ดูเล็กน้อยในแต่ละวันระหว่างไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาก็เผยให้เห็นว่าชีวิตปกติกับการบำเพ็ญของผมยังไม่เชื่อมโยงกัน และคะแนนของผมใน "การทดสอบ" ครั้งนี้แทบจะเป็นศูนย์

ความไม่พอใจและความปรารถนาที่จะได้รับการยอมรับของผม

ผมกับภรรยา (เป็นผู้ฝึก) ไปเยี่ยมผู้ฝึกอีกคนหนึ่งที่บ้าน พวกเขาเปิดพัดลมสองเครื่อง เครื่องหนึ่งสำหรับพวกเขาและอีกเครื่องหนึ่งสำหรับผมในขณะที่ผมกำลังทำงานในโครงการของต้าฝ่า ตอนนั้นใกล้ถึงเวลาฟาเจิ้งเนี่ยน พวกเขาทั้งสองคนจึงเดินออกจากห้องไป ผมยังอยู่ต่ออีกสองสามนาทีและสังเกตว่าพวกเขาไม่ได้ปิดพัดลม ผมคิดว่า “ทำไมพวกเขาถึงรีบขนาดนี้ พวกเขาเปิดพัดลมทิ้งไว้” ขณะที่ผมปิดพัดลม ผมก็คิดว่า “ผมควรจะพูดอะไรกับพวกเขาหน่อย” แต่ผมตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าความปรารถนาที่จะแสดงความคิดเห็นของผมมีรากฐานมาจากความไม่พอใจ และมันเกิดจากความปรารถนาที่จะโอ้อวด ในฐานะผู้บำเพ็ญผมควรทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำและก็แค่ปิดพัดลม

เรื่องเล็กน้อยเผยให้เห็นความต้องการโอ้อวดของผม

ขณะที่ผมจัดการงานบางอย่างเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมถือโอกาสไปส่งหนังสือฝ่าหลุนต้าฝ่าให้กับผู้ฝึกใหม่ ผมตั้งใจจะพูดคุยสั้น ๆ เกี่ยวกับความสำคัญของการศึกษาฝ่า แต่พอไปถึง ผมเห็นว่าเขากำลังซ่อมกาต้มน้ำอยู่ ผมถามเขาว่ามีปัญหาอะไรหรือ เขาบอกว่าสวิตช์เสีย เนื่องจากผมมักทำงานซ่อมแซมต่าง ๆ ในโครงการเกี่ยวกับการบำเพ็ญของเราและก่อนหน้านี้ก็เคยซ่อมแซมสิ่งต่าง ๆ ที่บ้านของเขา ผมคิดว่า "มันง่ายมาก !"

ผมรีบเข้าไปช่วยโดยไม่ลังเล อย่างไรก็ตาม ผมพบว่าการถอดชิ้นส่วนของกาต้มน้ำเป็นเรื่องง่าย แต่การประกอบกลับเป็นเรื่องยาก หลังจากพยายามอยู่นานและภรรยาก็เร่งให้ผมรีบ ผมจึงต้องกลับไปโดยไม่ได้ซ่อมให้เสร็จ ทำให้ผมไม่ได้พูดคุยเรื่องหลักที่ตั้งใจไว้ เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ผมตระหนักได้ว่า เขากำลังทำการซ่อมอยู่แล้วผมก็แทรกเข้าไปทำโดยที่เขาไม่ได้ขอ ผมกำลังโอ้อวดไม่ใช่หรือ ผมอยากจะแสดงฝีมือของตัวเองเพื่อให้ได้รับการยกย่อง

ทัศนคติที่เอาแต่ใจตัวเอง

ภรรยาของผมมักพูดว่าผมเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองมาก แต่ผมไม่เห็นด้วยและขอให้เธอยกตัวอย่าง เธอพูดว่า “คุณต้องเป็นคนจัดการเสมอ แม้กระทั่งตอนที่เรากำลังถกกันบางเรื่อง ถ้ามันไม่เป็นดังใจคุณ คุณก็จะพูดไปเรื่อย ๆ จนกว่าคนอื่นจะเห็นด้วยกับคุณ

“เมื่อเราพาหลานชายไปที่สวนสาธารณะริมแม่น้ำ ฉันขอคุณว่าอย่าจอดรถบริเวณที่มีหญ้า ฉันขอให้คุณจอดรถให้ฉันลง แต่คุณก็จอดรถบนพื้นหญ้าอยู่ดี เราก็เลยต้องเดิน คุณรู้ว่าฉันไม่ชอบหญ้าเพราะมันมีฝุ่นและมีแมลง”

ผมคิดในใจว่า นั่นเป็นเรื่องจริง ! เหตุผลของผมในตอนนั้นคือสนามหญ้าอยู่ใกล้สนามเด็กเล่น ถ้าผมหยุดรถเพิ่มอีกครั้ง ก็จะสิ้นเปลืองน้ำมันไม่ใช่หรือ ผมคิดจากมุมมองของตัวเองเสมอและไม่ได้คำนึงถึงคนอื่น—นี่คือการเอาแต่ใจตัวเองและเห็นแก่ตัว !

ท่านอาจารย์บอกเราว่า “ ... บำเพ็ญจนไร้ความเห็นแก่ตัว ไร้ฉัน บรรลุการรู้แจ้งแท้จริงแห่งการ “เขาก่อน ฉันทีหลัง” (“จิตพุทธไม่รั่วตกหล่น” ในสิ่งสำคัญต่อการพัฒนา) รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้สะท้อนถึงตัวตนที่แท้จริงภายในผมจริง ๆ มิใช่หรือ ถ้าผมไม่บำเพ็ญตัวเองอย่างแท้จริง ผมจะเรียกตัวเองว่าผู้บำเพ็ญได้อย่างไร

ไม่สามารถยอมรับคำวิจารณ์ได้

ภรรยาของผมทำงานบ้านในขณะที่ผมทำอาหาร ผมนำอาหารมาวางบนโต๊ะและขณะที่ผมกำลังจะหยิบตะเกียบคู่หนึ่ง เธอก็พูดขึ้นมาว่า “คุณไม่ได้เอาตะเกียบมาให้ฉัน” ผมตอบกลับทันทีว่า “คุณหยิบเองไม่ได้หรือ” เธอชี้ให้เห็นว่าผมโกรธ เมื่อผมมาคิดดูในภายหลัง ผมก็ตระหนักได้ว่าเธอไม่ได้พูดอะไรที่ไร้เหตุผล แล้วทำไมผมจึงโต้ตอบด้วยความโกรธ ผมพบว่าผมรู้สึกดีกับการเตรียมอาหาร แต่ผมโกรธที่เธอชี้ข้อบกพร่องของผม ดูเหมือนผมจะรับคำวิจารณ์ไม่ได้ ผมแค่อยากให้คนอื่นชื่นชมผมเท่านั้น ถ้าผมกลัวการถูกวิพากษ์วิจารณ์ แล้วผมจะยกระดับอย่างแท้จริงได้อย่างไร นี่ไม่ใช่จิตยึดติดที่สำคัญหรือ

ช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเงียบ ๆ

หลังจากที่ภรรยาของผมซักเสื้อผ้า เธอขอให้ผมช่วยตากและพูดว่า “สะบัดมันก่อน มีกระดาษทิชชูติดอยู่นิดหน่อย เด็ก ๆ มีทิชชูอยู่ในกระเป๋าและลืมเอามันออก” ผมตอบด้วยความหงุดหงิดว่า “บอกพวกเขาว่ามันกระจายทั่วเครื่องซักผ้าแล้ว”

ภรรยาผมตอบอย่างนุ่มนวลว่า “พวกเขารู้ ฉันลืมตรวจดูในกระเป๋า เราควรช่วยกันและกันอย่างเงียบ ๆ ถ้ามีอะไรทำได้ไม่ดี เราก็ควรจัดการกับมันแทนที่จะชี้นิ้วไปที่คนอื่นไม่ใช่หรือ การตำหนิคนอื่นสะท้อนถึงจิตใจที่ขาดความเมตตา”

ค้นหาจากภายในและไม่โยนความผิด

เมื่อครอบครัวของลูกชายของผมมาเยี่ยมเรา หลานชายของผมจะถูกพากลับไปที่ห้องพ่อแม่ของเขาหลังจากอาบน้ำ แต่พวกเขาเริ่มพาหลานมาที่ห้องของเราและบอกว่าหลานจะหาเรา คืนก่อนที่พวกเขาจะกลับ มันเป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้วแต่พวกเขาก็ยังไม่มาพาหลานไป

ผมอารมณ์เสียนิดหน่อย มันดึกแล้ว ทำไมพวกเขาไม่มารับหลาน เราต้องฟาเจิ้งเนี่ยนตอนเที่ยงคืน และโดยปกติเราจะฝึกท่าตอนตี 3 ผมรู้สึกหงุดหงิดและพูดว่าจะพาหลานไปหาพวกเขา แต่ภรรยาของผมตอบกลับมาในทันทีว่า “ดูอารมณ์ของคุณสิ คุณแค่อดทนไม่ได้หรือ นี่เป็นคืนสุดท้ายของพวกเขา เราแค่นอนน้อยลงนิดหน่อย นอกจากนี้คุณมักจะตำหนิคนอื่นเสมอแทนที่จะไตร่ตรองกับตัวเอง คุณหยอกล้อกับเด็ก เขาก็ตื่นเต้นและอยากอยู่ต่อ” จริงทีเดียว พอเราเลิกเล่นกับเขา เขาก็เริ่มร้องหาแม่

เราต้องใส่ใจแม้กับรายละเอียดที่เล็กน้อยที่สุดในชีวิตของเรา เนื่องจากมันเป็นขั้นตอนสำคัญบนเส้นทางการบำเพ็ญของเรา ทั้งหมดนี้เชื่อมโยงถึงกันและสามารถช่วยให้เรายกระดับได้ เราควรมองว่าทุกช่วงเวลาเป็นบททดสอบที่สำคัญ และเราไม่ควรเพิกเฉยต่อโอกาสเหล่านี้โดยไม่ได้ตั้งใจ แม้ว่าผมจะไม่คาดหวังว่าผมจะทำได้ดีทุกครั้ง แต่ผมก็ตั้งเป้าที่จะปฏิบัติตัวเองในฐานะผู้บำเพ็ญและมุ่งมั่นที่จะไม่มองข้ามการทดสอบใด ๆ

เพื่อช่วยให้ตัวเองยกระดับ ผมจดบันทึกการคิดทบทวนตัวเองว่าผมจัดการกับเรื่องเล็กน้อยอย่างไร ผมจะเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าอย่าลืมว่าผมเป็นผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า

ต้นฉบับภาษาจีน