(Minghui.org) สวัสดีท่านอาจารย์ สวัสดีเพื่อนผู้ฝึก
ผมขอเล่าประสบการณ์การบำเพ็ญของผมที่เกิดขึ้นในขณะที่ผมออกแบบฉากหลัง
จากภาพเขียนสีน้ำมันสู่แอนิเมชัน 3 มิติ
ผมเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าในปี 2000 ผมจบการศึกษาหลักสูตรศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตัดต่อวิดีโอ ผมย้ายไปอยู่สหรัฐอเมริกาในปี 2001 และทำงานพาร์ตไทม์ที่ไชนาทาวน์ในนิวยอร์กซิตี้ ผมได้มีส่วนร่วมในการก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ New Tang Dynasty ในนิวยอร์กด้วย
ผมโชคดีที่ได้ทำงานเป็นนักออกแบบฉากหลังเวทีสำหรับงานเฉลิมฉลองวันตรุษจีนของ NTD ครั้งแรกในปี 2006
ในช่วงเริ่มต้นของการเตรียมงานเฉลิมฉลอง หัวหน้างานบอกกับทุกคนว่าพวกเขาอยากทำม้าบินแบบแอนิเมชัน 3 มิติให้ปรากฏในฉากหลังของการแสดง
ประสบการณ์ด้านวิจิตรศิลป์ของผมส่วนใหญ่เป็นการวาดภาพสีน้ำมันซึ่งเป็นศิลปะ 2 มิติ และผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแอนิเมชัน 3 มิติเลย แม้ว่าผมเคยมีโอกาสได้เรียนแอนิเมชัน 3 มิติตอนที่ผมยังเรียนอยู่ในโรงเรียน แต่ผมไม่ได้สนใจและหลีกเลี่ยงมัน
ขณะที่ผมช่วยงานที่สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งในนิวยอร์ก ความบันเทิงเดียวที่ผมมีคือการไปดูหนัง ในเวลานั้นเอฟเฟกต์พิเศษ 3 มิติได้รับความนิยมอย่างมาก และแสดงให้เห็นถึงจินตนาการที่ไม่สามารถทำได้ก่อนหน้านั้นและฉากที่งดงาม ผมจึงโน้มน้าวตัวเองให้เริ่มเรียนรู้แอนิเมชัน 3 มิติ และตั้งใจว่าจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะทำได้
ในตอนแรกผมรู้สึกว่ามันยากเกินไปที่จะเรียนรู้และผมยอมแพ้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดของงานใหม่นี้ทำให้ผมต้องเรียนรู้ทักษะนี้และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นอกจากนี้ ผมเป็นศิษย์ต้าฝ่าและต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี
ท่านอาจารย์บอกเราว่า :
“สิ่งที่อดทนได้ยาก ท่านลองอดทนดู สิ่งที่เห็นว่าทำไม่ได้ บอกว่าทำยาก เช่นนั้นท่านก็ลองทำดูซิว่าในที่สุดจะทำได้หรือไม่ ถ้าท่านทำได้จริง ๆ แล้วละก็ ท่านจะพบว่า ผ่านหมู่ต้นหลิวอันมืดครึ้ม ก็จะมีมวลดอกไม้สะพรั่งและหมู่บ้านอยู่ข้างหน้า” (บทที่ 9 จ้วนฝ่าหลุน)
เส้นทางที่ยากลำบากจากศิลปะกราฟิกสู่แอนิเมชัน
ผมมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้แอนิเมชัน 3 มิติและออกแบบม้าบินให้ทันการแสดง ก่อนอื่นผมต้องการแบบจำลองของม้า ในเวลานั้น ทรัพยากร 3 มิติยังมีไม่มากและหาได้ไม่ง่ายเหมือนในปัจจุบัน ผมต้องเรียนรู้วิธีปั้นแบบจำลองม้าด้วยดินเหนียว ดังนั้นผมจึงค้นหารูปภาพอ้างอิงมากมาย และพร้อมที่จะเริ่มเรียนรู้วิธีปั้น
อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์เดียวที่ผมมีคือศิลปะกราฟิก และผมไม่สามารถทำงานปั้นได้เลย ผมพบว่ามันไม่ง่ายเลย ผมจึงอ่านหนังสือที่สอนการปั้น ปรากฏว่าเทคนิคเหล่านั้นต้องใช้เวลาฝึกฝนหลายปีจึงจะเชี่ยวชาญ ผมรู้สึกท้อแท้ แต่ผมไม่สามารถยอมแพ้ได้ ดังนั้นผมจึงเริ่มฝึกปั้นทุกวัน เมื่อเวลาผ่านไป บางครั้งผมก็สงสัยว่าผมกำลังทำอะไรอยู่และรู้สึกไม่สบายใจ แต่ผมก็รู้สึกว่าการปั้นของผมดูเหมือนจะดีขึ้น
หลังจากเรียนรู้พื้นฐานของการปั้นแล้ว ผมจำเป็นต้องทำความคุ้นเคยกับวัสดุที่จะใช้กับม้าด้วย การทำงานกับวัสดุต่าง ๆ ก็เป็นองค์ประกอบที่ซับซ้อนมากเช่นกัน ทั้งเรื่องดัชนีการหักเหของแสง (refrective index), ดัชนีความโปร่งใสของผิวหนัง (skin transparency index), การตั้งค่าวัสดุพิเศษสำหรับเส้นผม (special material settings for hair) และการตั้งค่าพื้นผิวของวัสดุทางชีวภาพ (biological material texture settings) ผมคิดว่าผมเข้าสู่โลกของฟิสิกส์ มันเต็มไปด้วยสิ่งที่ผมปรับตัวเข้าไม่ได้
ขณะนั้นผมอายุ 35 ปี แต่ผมมีสิวเต็มหน้าและผมรู้สึกหดหู่ สิ่งที่ผมกำลังเผชิญอยู่นั้นตรงกันข้ามกับโลกที่ผมคุ้นเคยโดยสิ้นเชิง ผมควรเดินหน้าต่อไปหรือควรยอมแพ้และเลิกตอนนี้
โชคดีที่ผมศึกษาฝ่ากับเพื่อนผู้ฝึกทุกวัน ผมรู้สึกว่าได้รับการชำระล้างและมีกำลังใจทุกครั้งที่อ่านด้วยกัน และผมรู้ว่าความยากลำบากไม่สามารถรั้งผมไว้ได้นาน ผมเชื่อมั่นว่าถ้าผมก้าวต่อไปเรื่อย ๆ ผมจะทะลวงผ่านไปได้ ผมยังคงทำเช่นนี้อย่างต่อเนื่องวันแล้ววันเล่า แม้ผมจะรู้สึกว่างานนี้เกินความเข้าใจของผม แต่ผมก็ยังคงก้าวไปข้างหน้า
หลังจากทำม้าเสร็จ ผมคิดว่าผมจะผ่อนคลายได้บ้าง ผมรู้ว่าต้องมีเทคโนโลยีบางอย่างที่ผมจะสามารถใช้ทำให้ม้าเคลื่อนไหวได้ แต่ในเวลานั้นมันไม่มีเลย จะต้องทำด้วยมือ และต้องทำการปรับทีละเฟรม ก่อนทำแอนิเมชัน ผมต้องเชื่อมต่อกระดูกม้า ซึ่งหมายถึงผมต้องทำความเข้าใจว่ากระดูกแต่ละชิ้นของม้าทำงานอย่างไร ต้องวางกระดูกแต่ละชิ้นและเชื่อมต่อกับรูปปั้นม้าที่ทำเสร็จแล้ว จากนั้นจึงขยับกระดูกทีละชิ้นเพื่อให้ม้าดูเหมือนกำลังเคลื่อนไหว
โอ้ พระเจ้า ! นี่เป็นวิชาแพทย์หรือวิทยาศาสตร์ชีวภาพหรือเปล่า ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะล้มลง เส้นทางนี้ยาวนานแค่ไหน ในเวลานั้น ผู้ฝึกหลายคนที่สัญญาว่าจะทำแอนิเมชันกับผมต้องทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพหรือเลี้ยงดูครอบครัว ดังนั้นจึงเหลือผมเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ผมจะยอมแพ้ไม่ได้
ผมศึกษาหลักการทำงานของกระดูกม้าแต่ละชิ้น ผมตรวจดูข้อมูลและภาพยนตร์จำนวนมาก และในที่สุดก็สามารถรวมกระดูกเข้าด้วยกันได้ จากนั้นผมก็เริ่มทำแอนิเมชันซึ่งมี 24 เฟรมต่อวินาที และผมจำเป็นต้องทำการเคลื่อนไหวทีละเฟรม ผมรู้สึกว่าแอนิเมชันเป็นโครงการขนาดใหญ่ และผมไม่สามารถทำคนเดียวได้จริง ๆ ผมต้องการความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครที่อยู่รอบตัวผมสามารถช่วยผมได้
วิธีเดียวคือจ่ายเงินค่าเรียนออนไลน์เพราะ YouTube ยังใหม่และไม่มีวิดีโอเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย มันไม่ได้มีมากมายเหมือนตอนนี้ ฟิสิกส์ กายวิภาคศาสตร์ และอื่น ๆ เป็นสาขาที่ผมไม่มีความรู้ และผมรู้สึกว่าผมทนไม่ได้แล้ว แต่ผมต้องทำให้ม้าเคลื่อนไหวทีละเฟรม ๆ ทุกย่างก้าวที่ก้าวไปข้างหน้ารู้สึกเจ็บปวด โดดเดี่ยว และสิ้นหวัง แต่ผมไม่สามารถหยุดได้ในตอนนี้
สุดท้ายผมศึกษาฝ่าอย่างต่อเนื่อง อารมณ์ที่มองโลกในแง่ร้ายของผมค่อย ๆ หายไป และยิ่งผมอ่านมากขึ้น ผมก็ยิ่งรู้สึกดีขึ้น ด้วยวิธีนี้ ในที่สุดผมก็ทำแอนิเมชันของ "ม้าบิน" ได้สำเร็จ
แต่ม้าบนโลกไม่มีปีก ผมจึงต้องทำปีกขนาดใหญ่คู่หนึ่ง เป็นอีกครั้งที่ผมอ้างอิงรูปภาพและโครงสร้างของปีกจำนวนมาก จากนั้นจึงสร้างแบบจำลองและทำกับวัสดุต่าง ๆ ทีละขั้น ๆ ในที่สุดผมก็ทำปีกเสร็จ
แม้ว่าผมจะรู้สึกติดอยู่ในวงจรที่เจ็บปวด ราวกับว่าผมกำลังหมุนวนเป็นวงกลมโดยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ทักษะและความเข้าใจเกี่ยวกับงานของผมก็พัฒนาขึ้น วงจรนี้วนซ้ำแล้วซ้ำอีก และผมก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ
ในที่สุดม้าบินก็เสร็จสมบูรณ์ และหลังจากดูมันอยู่นาน ผมรู้สึกว่ามันค่อนข้างดี ผมคิดว่ามันจะทำให้ทุกคนประทับใจอย่างแน่นอน ผมจึงเปิดวิดีโอนี้ระหว่างการซ้อมเต้น
น่าเสียดายที่ผู้ชมทุกคนระเบิดเสียงหัวเราะ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นักออกแบบท่าเต้นคนหนึ่งที่ผมนับถือพูดว่า “นั่นไม่ใช่ม้าบิน นั่นสุนัขบิน ฮ่า ฮ่า !”
หลังจากนั้น ผมเข้าไปดูมันใกล้ ๆ มันก็ดูเหมือนสุนัขจริง ๆ ผมหลอกตัวเอง แน่นอนว่าแอนิเมชันที่ผมทำไม่ได้ถูกนำมาใช้ในที่สุด
ผมรู้สึกเศร้ามาก ผมทุ่มเทความพยายามอย่างมากในโครงการนี้ แต่มันกลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ผมรู้สึกท้อแท้จนอยากจะยอมแพ้ กลายเป็นว่าผมเป็นเพียงเด็กโง่ที่ชอบฝันกลางวัน
แรงบันดาลใจจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เพียงไม่กี่วันก่อนการแสดงส่งท้ายปีเก่า พ่อของผมป่วยหนัก แต่ผมไม่สามารถกลับไปไต้หวันได้เพราะผมยังออกแบบฉากหลังไม่เสร็จ ผมมีพี่น้องผู้หญิง 6 คน และพวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมผมไม่กลับไปหาพ่อที่บ้านเป็นครั้งสุดท้าย พ่อของผมเสียชีวิตในวันถัดมา
วันก่อนการซ้อมใหญ่ครั้งสุดท้าย ผมต้องสร้างฉากหลังของอาณาจักรสวรรค์ ผมไม่ทราบเลยว่าสวรรค์หน้าตาเป็นอย่างไร และผมกังวลมากว่าจะต้องทำอย่างไร ขณะนั้นเป็นเวลา 3 น. หรือ 4 น. แล้ว และผมยังทำฉากนี้ไม่เสร็จ ในขณะนั้นความเจ็บปวดลึก ๆ เกิดขึ้นในใจของผม ผมไม่เพียงเสียใจที่ไม่สามารถรีบกลับไปหาพ่อก่อนที่เขาจะเสียชีวิต แต่ยังเสียใจที่ผมไร้ประโยชน์มาก ผมรู้สึกหมดหนทางและสิ้นหวัง ผมร้องไห้และร้องไห้จนหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
ผมมีความฝันหนึ่งที่ชัดเจน ผมลอยขึ้นไปอยู่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ของผม ลอยขึ้นอย่างช้า ๆ ผ่านเจดีย์ห้าชั้นที่งดงามและรายล้อมไปด้วยหมอกนางฟ้า ผมผ่านชั้นของเมฆและเห็นประตูที่สง่างาม มีคนมากมายอยู่อีกด้านหนึ่งของประตู ผมไม่รู้ว่าสถานที่นั้นคืออะไร ผมรู้สึกว่าคนข้างในจิตใจดี ดีงาม และสง่างาม พวกเขาแตกต่างจากผู้คนบนโลกโดยสิ้นเชิง ผมรู้สึกได้ถึงความสงบและความเมตตาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีความเจ็บปวดหรือความกังวล ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้โอบกอดผม
แสงสว่างที่ให้ความรู้สึกของความรักและความเสียสละที่กว้างใหญ่ไพศาล และพลังของความรักโอบกอดผมไว้ ผมร้องไห้ แต่คราวนี้ ผมร้องไห้ให้กับความสงบสุขและความรักที่ไม่สิ้นสุด เมื่อผมตื่นขึ้นมา น้ำตายังเปื้อนอยู่ที่แก้มทั้งสองข้างของผม ผมรีบถ่ายทอดความรู้สึกนี้อย่างดีที่สุดลงไปในฉากหลัง
ต่อมาในระหว่างการซ้อม ทุกคนจำอาณาจักรสวรรค์บนฉากหลังได้ ตอนนั้นผมรู้สึกมีกำลังใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน กำลังใจนี้สำคัญมากเพราะผมเข้าใจได้ว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว ผมรู้ว่าท่านอาจารย์หลี่ปลอบโยนและช่วยเหลือผมอยู่อย่างเงียบ ๆ ผมรู้สึกปีติยินดีและรู้สึกว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียวเลย
บากบั่นแม้มีความทุกข์ยาก
หลังจากการแสดงในปีนั้น ไม่มีใครพูดถึงม้าบินหรือแอนิเมชัน 3 มิติอีก แต่ผมไม่อยากยอมแพ้เร็วเกินไป ผมยังอยากทำแอนิเมชัน 3 มิติให้ดี เพราะการทำม้าบิน 3 มิติจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคน อย่างไรก็ตาม ผมประสบปัญหาหนึ่ง คือถ้าผมยังอยู่ที่สถานีโทรทัศน์ต่อไป ผมจะต้องช่วยผลิตงานโฆษณา ผมไม่สามารถขอให้สถานีโทรทัศน์อนุญาตให้ผมพัฒนางาน 3 มิติเพราะผมก็ไม่ทราบว่าผมจะทำสำเร็จหรือไม่
ตอนที่ผมออกจากสถานีโทรทัศน์ ผมมีเงินออมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผมเช่าห้องในชั้นใต้ดินในรัฐนิวเจอร์ซีย์เดือนละ 200 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นค่าเช่าที่ผมพอจ่ายไหว เวลาฝนตกหนัก น้ำจะขังอยู่บนพื้น และเตียงมีเพียงสามขาเท่านั้น ผมจึงต้องค้ำมันไว้ แต่ผมไม่ได้บ่น ผมมีเป้าหมายที่เรียบง่าย คือการสร้างม้าบินแบบแอนิเมชันสำหรับฉากหลัง
ผมปรับปรุงแต่ละส่วนของงานที่ผมเคยทำไว้ก่อนหน้านี้ แต่มันก็ยังเป็นแค่โครงสร้างของมือสมัครเล่น ตัวอย่างเช่น รูปร่างของม้าสามารถสวยงามได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด พื้นผิวของม้าที่ผมทำควรมีความละเอียดอ่อนและสมจริง และแอนิเมชันของม้าควรจะเต็มเปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวาที่ไม่มีที่สิ้นสุด เช่นนี้ผมจึงทดสอบขั้นตอนต่าง ๆ อีกครั้งทีละขั้นตอน อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปไม่กี่เดือน เงินของผมก็เกือบหมดแล้ว
ผมขอความช่วยเหลือจากแม่ที่อยู่ไต้หวัน ครอบครัวของเรายากจน แม่บอกว่ามีเหลือแค่เงินประกันของผมเท่านั้น และผมสามารถขอเงินคืนได้เล็กน้อย ประมาณ 100,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 3,130 ดอลลาร์สหรัฐฯ) แม่ของผมส่งเงินมาให้และผมรู้สึกขอบคุณเธอมากเพราะตอนนี้ผมสามารถพัฒนาทักษะของผมต่อไปได้
ผมใช้เงินส่วนใหญ่กับค่าเล่าเรียน ภาษาอังกฤษของผมแย่มาก และผมเสียใจมากที่ไม่พยายามเรียนรู้มากกว่านี้เมื่อผมยังเด็ก ผมไม่ได้วางรากฐานที่ดีในด้านแอนิเมชัน 3 มิติด้วย ไม่เช่นนั้นงานนี้คงจะง่ายกว่านี้มาก
เมื่อผมดูวิดีโอการสอน ผมไม่รู้ว่าในวิดีโอกำลังพูดอะไรอยู่ ผมแค่ทำตามที่เมาส์ชี้ในวิดีโอ บางครั้งผมไม่เข้าใจแม้กระทั่งปุ่ม Ctrl, Option, Shift และปุ่มอื่น ๆ ที่ต้องกดพร้อมกัน ผมได้แต่เพียงคาดเดา มันทำให้ผมใช้เวลานานในการทำความเข้าใจเนื้อหา
ตอนที่ผมออกจากสถานีโทรทัศน์ มันยากที่จะอธิบายกับผู้ฝึกว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ แม้ว่าผมจะไม่ได้ติดต่อกับคนอื่น แต่ผมยังคงอ่านจ้วนฝ่าหลุนวันละหนึ่งบท ผมอาจไม่เข้าใจความหมายแฝงของความหมาย แต่การศึกษาฝ่าทำให้ผมรู้สึกมองโลกในแง่ดีและมีพลัง
เป็นเช่นนั้นเกือบหนึ่งปีผ่านไป วันหนึ่งผมรู้สึกว่าม้าบินพร้อมแล้ว ผมพยายามมองงานของตัวเองอย่างเป็นกลางที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และคิดว่ามันไม่ดูเหมือนสุนัขอีกแล้ว มันดีขึ้นกว่าเดิมมากในทุกแง่มุม ผมรู้สึกว่านี่คือจุดที่ดีที่สุดที่ผมสามารถทำได้
คืนนั้นผมฝันว่าผมอยู่ในที่ต่ำ แต่มีเมฆที่งดงามอยู่เหนือผม ผมได้ยินเสียงดังลึกจากก้อนเมฆนั้นที่ดูเหมือนกำลังเรียกชื่อผม แต่ผมกลัวที่จะยอมรับว่ามันเป็นเรื่องจริง ผมต้องได้ยินผิดเพราะผมรู้สึกต่ำต้อยเกินกว่าจะมีคนข้างบนเรียกผม ผมจึงก้มหน้าต่อไปและทำเป็นไม่ได้ยิน
แต่ผู้บำเพ็ญที่อยู่ข้าง ๆ ผมหันหน้ามาพูดว่า “เฮ้ นั่นคุณ เขากำลังเรียกคุณ” ผมเงยหน้าขึ้นมองด้วยความเกรงกลัว และเห็นแสงสว่างเปล่งประกายมาจากด้านหลังเมฆก้อนนั้น แล้วผมก็ตื่น
วันต่อมา ผมได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดการสถานีโทรทัศน์ขอให้ผมช่วยงานการผลิตฉากหลัง และบอกว่าพวกเขาต้องการคนที่มีความสามารถด้านแอนิเมชัน 3 มิติ เขารู้ได้อย่างไรว่าผมทำแอนิเมชันได้ ไม่มีใครมาที่นี่ และผมไม่ได้บอกใครว่ากำลังเรียนรู้วิธีทำมัน สิ่งมหัศจรรย์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ผมตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้เป็นกรุณาธิคุณของจ้าวผู้สร้าง และผมไม่ได้อยู่เพียงลำพัง
ตอนนี้ผมช่วยงานการผลิตฉากหลังมานาน 12 ปีแล้ว และได้ฝึกอบรมกลุ่มเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตทำภาพแอนิเมชัน
เนื่องจากการระบาดใหญ่ ผมจึงกลับไปไต้หวันและเข้าร่วมในโครงการใหม่ 2 โครงการ ทั้งคู่เป็นงานที่ท้าทายและแทบเป็นไปไม่ได้ แต่ผมไม่กลัวที่จะเข้าร่วมในโครงการแบบนั้นอีกแล้ว
ผมตระหนักได้ว่ามนุษย์เราไม่มีความสามารถมากนัก แต่ด้วยท่านอาจารย์และฝ่า ตราบใดที่เราศึกษาฝ่าอย่างขยันขันแข็ง แก้ไขตัวเอง และก้าวไปข้างหน้าเมื่อเผชิญกับความยากลำบาก เราก็จะประสบความสำเร็จ
นี่คือประสบการณ์การบำเพ็ญของผม โปรดชี้แนะในสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับฝ่า
ขอบพระคุณท่านอาจารย์ ขอบคุณเพื่อนผู้ฝึก
(ผู้เขียนพูดในการประชุมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การบำเพ็ญฝ่าหลุนต้าฝ่าไต้หวันประจำปี 2024)
ลิขสิทธิ์ © 2023 Minghui.org สงวนลิขสิทธิ์