(Minghui.org) ฉันและสามีมีลูกสาวสองคน ลูกสาวคนเล็กกำลังศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยเฟยเทียน และทัวร์กับคณะศิลปะการแสดงเสินยวิ่น ฉันขอเล่าว่าทำไมเธอจึงเลือกเข้าเรียนที่เฟยเทียน และทำไมเราจึงเห็นด้วยกับการเลือกของเธอ
จุดเริ่มต้นของบุญวาสนาที่กำหนดไว้
ลูกสาวคนเล็กของฉันเป็นเด็กที่สดใส นอกจากจะได้เกรด A ทุกวิชาอย่างง่ายดายในโรงเรียนแล้ว เธอยังมีหลายวิธีที่จะหลีกเลี่ยงการถูกพ่อแม่และผู้ใหญ่แก้ไข เธอใจดีแต่เมื่อเธอร้าย ก็ทำให้ทุกคนในครอบครัวเครียด ครั้งหนึ่งเธอทำให้พี่สาวโกรธมากจนมาบ่นกับฉันแต่พี่สาวของเธอก็ไม่มีหลักฐาน พี่สาวของเธอทำได้แค่พูดว่า “หนูรู้ว่าเธอกำลังทำอะไรไม่ดี แต่หนูจับเธอไม่ได้”
หลังจากที่แม่ของฉันย้ายมาแคนาดาเพื่ออาศัยอยู่กับเรา ความขัดแย้งระหว่างเธอกับลูกสาวคนเล็กก็รุนแรงขึ้น
แม่ของฉันเป็นครูที่โดดเด่นในประเทศจีน เธอเป็นที่เคารพและให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามประเพณีเป็นอย่างมาก ฉันกับพี่น้องไม่กล้าโต้เถียงกับเธอเลย
อย่างไรก็ตาม ลูกสาวของฉันเติบโตในแคนาดา และเด็ก ๆ ในโรงเรียนถูกสอนว่าทุกคนเท่าเทียมกัน นอกจากนี้เธอยังเป็นเด็กปากกล้า แม่ของฉันพูดว่า “ถ้าคุณพูดหนึ่งประโยค เธอมีสิบประโยคที่จะโต้เถียงกับคุณ”
ครั้งหนึ่งแม่ของฉันกำลังกินเชอร์รี และเธอกับลูกสาวของฉันทะเลาะกัน ด้วยความโกรธ แม่ของฉันเผลอกัดเมล็ดของเชอร์รี ทำให้ฟันหัก
มีเหตุการณ์เช่นนี้นับครั้งไม่ถ้วนจนทำให้ฉันรู้สึกหมดหนทาง ฉันไม่อยากเห็นแม่อารมณ์เสียกับลูกสาวของฉัน แต่ฉันไม่รู้ว่าจะช่วยให้ลูกสาวเข้าใจความหมายของความกตัญญูกตเวทีในวัฒนธรรมจีนดั้งเดิมได้อย่างไร
การเลือกโรงเรียน
สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไปเป็นเวลาหลายปี ในที่สุดลูกสาวของฉันก็โตพอที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ฉันดีใจที่ในที่สุดความขัดแย้งระหว่างลูกสาวกับแม่ของฉันจะถูกระงับไว้ชั่วคราว
ลูกสาวของฉันเป็นนักเล่นไวโอลิน จึงไม่มีโรงเรียนให้เลือกมากนัก มีโรงเรียนดนตรีที่ค่อนข้างดีในสหรัฐอเมริกาอยู่หลายโรงเรียน แต่ค่าเล่าเรียนอยู่ที่ประมาณ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีค่าครองชีพเป็นหมื่นดอลลาร์ต่อปี จึงยากที่ครอบครัวอย่างเราจะจ่ายได้ แม้ว่ามหาวิทยาลัยดนตรีหลายแห่งในยุโรปจะให้ค่าเล่าเรียนฟรี แต่ค่าครองชีพก็สูงเกินไปและเธอจะต้องเรียนภาษาอื่นด้วย
มีอีกอย่างหนึ่งที่ฉันกังวลมากที่สุดคือพอเธอไปจากบ้านโดยไม่มีสมาชิกในครอบครัวคอยตักเตือนแล้ว เมื่อเผชิญกับสังคมที่ซับซ้อนในปัจจุบัน เธอจะต้านทานสิ่งยั่วยุและการแยกแยะระหว่างถูกและผิดได้หรือไม่ ฉันคุยกับเพื่อนที่มีลูกในมหาวิทยาลัย คำตอบที่ฉันได้รับคือความกังวลของคุณไม่ใช่ไม่มีเหตุผล และบางคนยังเล่าให้ฉันฟังเกี่ยวกับประสบการณ์ด้านลบของพวกเขา นี่ยิ่งทำให้ฉันกังวลมากขึ้น
ในที่สุด เราจำกัดตัวเลือกให้เหลือเพียงมหาวิทยาลัยสองแห่งในแคนาดา และวิทยาลัยเฟยเทียนซึ่งอยู่ในสหรัฐอเมริกาซึ่งให้ที่พักและค่าเล่าเรียนฟรี นักเรียนจะได้รับประสบการณ์จริงที่เสินยวิ่น พวกเขายังได้ไปทัวร์และได้แสดงในโรงละครชั้นนำทั่วโลกอีกด้วย โอกาสเช่นนั้นสำหรับนักศึกษาสาขาศิลปะการแสดงแล้วหาได้ยาก นักเรียนยังได้รับเบี้ยเลี้ยงอีกด้วย ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งซึ่งลูกสาวกำลังเรียนอยู่ที่เฟยเทียน ลูกสาวของเธอเติบโตมากับลูกสาวฉัน เพื่อนของฉันและลูกสาวของเธอชื่นชมโรงเรียนมาก ทำให้ฉันมั่นใจหลังจากได้ฟังพวกเขา ลูกสาวของฉันก็หวังว่าจะได้เข้าเรียนที่เฟยเทียนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเฟยเทียนยังค่อนข้างใหม่ ครูของลูกสาวของฉันจึงไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับมาตรฐานของโรงเรียนมากนัก เขากระตุ้นให้เธอเลือกมหาวิทยาลัยในแคนาดา ลูกสาวของฉันเริ่มมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเฟยเทียน
ลูกสาวของฉันตัดสินใจลงทะเบียนเรียนที่เฟยเทียน
ในเดือนมีนาคมปีนั้น เสินยวิ่นมาแสดงในเมืองของเราในช่วงปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิ ผู้จัดงานถามลูกสาวของฉันว่าเธออยากเป็นอาสาสมัครหรือไม่ ลูกสาวของฉันตอบตกลงด้วยความยินดี ฉันแปลกใจนิดหน่อยกับการตอบรับอย่างรวดเร็วของเธอ งานนั้นจำเจและน่าเบื่อ ลูกสาวของฉันชอบสิ่งใหม่ ๆ และความท้าทาย ฉันถามเธอว่า “ลูกแน่ใจหรือว่าต้องการทำเรื่องนี้” เธอตอบว่า “นี่คือสิ่งที่หนูทำได้ หนูอยากทำ”
ในช่วงสองสามวันนั้น นอกจากการนอนหลับแล้ว เธอใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเป็นอาสาสมัครให้กับเสินยวิ่น เธอเข้าไปในโรงละครเพื่อชมการแสดง ในปีนั้นเสินยวิ่นได้จัดการแสดง 10 รอบในแวนคูเวอร์ และลูกสาวของฉันได้ชม 8 รอบ
หลังจากนั้นเธอบอกฉันว่าดนตรีของเสินยวิ่นนั้นไม่เหมือนใคร ยิ่งเธอฟังมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งหลงรักมันมากขึ้นเท่านั้น แม้ในขณะที่เธอทำเรื่องอื่นอยู่ เธอบอกว่าเพลงยังคงเล่นอยู่ในหัวของเธอ เธอบอกว่าความคิดที่ไม่ดีของเธอหายไป และเธอรู้สึกมองโลกในแง่ดีและรู้สึกว่าอนาคตสดใส
จักรพรรดิซุนผู้แต่งดนตรีต้าเซา (งานเพลงและระบำคลาสสิกจีนโบราณ) แก้ปัญหากบฏซานเหมียวไม่ใช่ด้วยการทำสงครามแต่ด้วยการใช้ดนตรี ขงจื๊อเคยกล่าวไว้ว่า หลังจากฟังดนตรีต้าเซาแล้ว “เราจะลืมรสชาติของเนื้อสัตว์ไปสามเดือน” ฉันเห็นว่าไม่น่าเชื่อเมื่อได้อ่านเรื่องเหล่านี้ แต่หลังจากได้ยินประสบการณ์ของลูกสาวของฉันแล้ว ฉันก็ตระหนักว่าพลังของดนตรีนั้นเกินที่จะประมาณได้
หลังจากที่ลูกสาวของฉันช่วยเสินยวิ่นแล้ว เธอก็ยุ่งอยู่กับการบันทึกเทปการแสดงของเธอและเตรียมเอกสารสำหรับการสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั้งสามมหาวิทยาลัยที่เธอส่งใบสมัครรับเธอเข้าเรียน และให้ทุนการศึกษากับเธอ แต่หลังจากที่เธอทดสอบการแสดงที่เฟยเทียนแล้วเธอก็เลือกมหาวิทยาลัยนี้ “หนูรักเฟยเทียน” เธอบอกกับครูของเธอ “มันเหมือนสวรรค์”
เธอโทรหาฉันบ่อย ๆ หลังจากที่เธอไปเฟยเทียนแล้ว และบอกฉันเกี่ยวกับเพื่อนใหม่ของเธอ การจากครอบครัว การเข้าสู่สภาพแวดล้อมใหม่ของเธอ และการเผชิญกับความท้าทายทางด้านวิชาชีพ ฉันรู้สึกถึงความกดดันอย่างมหาศาลที่เธอต้องแบกรับ ในเวลาเดียวกัน ฉันรู้สึกถึงความรักอันลึกซึ้งของเธอที่มีต่อเฟยเทียน ครู และเพื่อนร่วมชั้นของเธอด้วย
ฉันคิดว่าปัญหาที่เธอมีที่บ้านจะปรากฏขึ้นในความสัมพันธ์ใหม่ ๆ ของเธอด้วย เธอบอกฉันเป็นครั้งคราวว่าเธอมีความขัดแย้งกับเพื่อน แต่ก็แก้ไขได้ในที่สุด ฉันสังเกตว่าเธอเริ่มเรียนรู้ที่จะมองข้อบกพร่องของตัวเองแทนที่จะหาข้อผิดพลาดของคนอื่น
สามเดือนต่อมา ฉันพาแม่ไปเยี่ยมญาติที่อเมริกา เราได้แวะเยี่ยมลูกสาวของฉันระหว่างทางด้วย ในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้น เราสังเกตว่าเธอเปลี่ยนจากเด็กผู้หญิงที่นิสัยเสีย เอาแต่ใจตัวเอง เป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักมารยาทและคำนึงถึงผู้อื่น ฉันกับแม่ประทับใจกับการเปลี่ยนแปลงของเธอ แม่ของฉันตื้นตันใจมากจนเธอร้องไห้อยู่เรื่อย ๆ ลูกสาวของฉันก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้เมื่อเธอพูดถึงการเปลี่ยนแปลงของเธอ
เธอบอกฉันว่า “ขอบคุณแม่ที่เตือนให้หนูศึกษาหลักการของความจริง-ความเมตตา-ความอดทนเมื่ออยู่ที่บ้าน แม่ให้หนูท่องจำคำสอนแต่หนูไม่เข้าใจว่าทำไม ตอนนี้หนูรู้แล้วว่าถ้าตอนนั้นแม่ไม่เข้มงวดกับหนู หนูไม่รู้ว่าตอนนี้หนูจะเป็นอย่างไร”
เมื่อวิเคราะห์ว่าเธอผ่านการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงเช่นนี้ได้อย่างไร เธอพูดว่าในอดีต แม้ว่าเธอจะศึกษาหลักการของความจริง-ความเมตตา-ความอดทน แต่สำหรับบางเรื่อง เธอก็ยังรู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่ยุติธรรม
“เพื่อน ๆ ของหนูก็บอกหนูว่ามันไม่ยุติธรรม หนูไม่ค่อยคิดถึงความรู้สึกของคนอื่น แต่ที่เฟยเทียนทุกคนศึกษาคำสอนของฝ่าหลุนต้าฝ่า และทุกคนรู้หลักการที่สอนในหนังสือ
“ที่นี่เพื่อน ๆ คอยเตือนให้หนูมองสิ่งต่าง ๆ จากมุมมองของอีกฝ่าย” เธอพูดว่าเมื่อเธอคิดอย่างนั้น เธอก็ไม่หงุดหงิดอีกแล้ว เธอค่อย ๆ เข้าใจว่าการยกระดับนิสัยใจคอของตนในการบำเพ็ญนั้นสำคัญเพียงไร และเธอรู้สึกดีกับการยกระดับของเธอ
การเห็นการเปลี่ยนแปลงของเธอทำให้ฉันโล่งใจ
เติบโตในเสินยวิ่น
ไม่กี่ปีต่อมา กำหนดการที่ลูกสาวของฉันต้องทำในแต่ละวันก็เต็มทั้งวัน นอกจากเข้าเรียนในชั้นเรียนปกติที่มหาวิทยาลัยให้ครบแล้ว เธอยังต้องออกทัวร์หลายเดือนและตารางเวลาก็แน่นมาก แต่ขณะเดียวกัน เธอก็มีมุมมองกว้างขึ้น และไม่ใช่เด็กผู้หญิงตัวน้อยที่เอาแต่ใจอีกแล้ว
เธอมีเวลาพักช่วงสั้น ๆ ในแต่ละปี และเธอไปเยี่ยมครูของเธอในอดีต ที่จริงแล้วพวกเขาเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียง ครูคนหนึ่งบอกเธอว่า หลังจากฟังการแสดงล่าสุดของเธอที่บันทึกไว้ เขาไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะพัฒนาได้มากขนาดนี้
เมื่อเขาถามว่าทำไมเธอจึงเลือกไปเรียนที่เฟยเทียน ลูกสาวของฉันพูดว่าเธออยากเป็นศิลปินเสินยวิ่นอย่างแท้จริง ฉันได้ยินเธอพูดบางอย่างคล้าย ๆ กับครูสอนไวโอลินในอดีตของเธอด้วย
เธอพูดว่า “มีผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่านับไม่ถ้วนในประเทศจีนที่ครอบครัวของพวกเขาแตกสลายเนื่องจากการประทุษร้าย อวัยวะของพวกเขาถูกผ่าเอาไป ครอบครัวของหนูก็เคยถูกประทุษร้ายในประเทศจีนเหมือนกัน หนูชอบเล่นไวโอลิน แต่หนูก็อยากเป็นศิลปินเสินยวิ่นเพราะมีเพียงเสินยวิ่นเท่านั้นที่บอกความจริงเกี่ยวกับการประทุษร้ายได้ เมื่อผู้คนตระหนักถึงความจริงได้แล้วเท่านั้น การประทุษร้ายผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าจึงจะลดลงจนกระทั่งยุติได้ นี่คือสิ่งที่ศิลปินควรทำ”
ฉันเข้าใจจริง ๆ แล้วว่าทำไมเธอจึงรักวิทยาลัยเฟยเทียนมาก และทำไมเธอถึงหลงใหลการเป็นอาสาสมัครให้กับเสินยวิ่นมาก กลายเป็นว่าการประทุษร้ายฝ่าหลุนต้าฝ่า รวมถึงความทุกข์ทรมานที่ครอบครัวของเราต้องเผชิญได้จารึกลึกลงไปในหัวใจอ่อนวัยของเธอ แต่ความรักที่เธอมีต่อเฟยเทียนมีความหมายลึกซึ้งกว่านั้น เธอยังเด็กตอนที่เราอาศัยอยู่ในประเทศจีนและเธอยังไม่สามารถแสดงความรู้สึกของเธอได้อย่างเต็มที่ เธอพูดได้เพียงว่า “หนูอยากเป็นอาสาสมัครให้เสินยวิ่น”
ฉันดีใจที่ได้เห็นทักษะของเธอก้าวหน้าขึ้นในขณะที่มีชีวิตยุ่งอยู่ตลอด ในเวลาเดียวกัน เธอสามารถใช้ทักษะของเธอในการช่วยเสินยวิ่นเผยแพร่ข้อความที่ต้องการสื่อเกี่ยวกับความจริง-ความเมตตา-ความอดทนไปทั่วโลก และบอกความจริงเกี่ยวกับการประทุษร้ายที่ผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ ฉันหวังว่าความพยายามของพวกเขาจะช่วยยุติการประทุษร้ายที่ไร้มนุษยธรรมในประเทศจีนได้
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และวันที่ลูกสาวของฉันสำเร็จการศึกษาจากเฟยเทียนก็มาถึง ครอบครัวของเราทุกคนเข้าร่วมพิธีรับปริญญาของเธอ เราเดินทางไกลและไม่มีเวลาเตรียมดอกไม้ให้เธอ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ
เธอดีใจที่เรามา เธอซื้ออาหารอร่อย ๆ และแนะนำให้เรารู้จักกับเพื่อน ๆ ของเธอ เธอดึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาและบอกเราอย่างภาคภูมิใจว่า “นี่คือน้องสาวของฉัน” เด็กผู้หญิงคนนั้นดูเขินอายเล็กน้อย และฉันตอบทันทีว่า “เยี่ยมเลย เราขอต้อนรับหนูเป็นลูกสาวคนที่สามในครอบครัวของเรา” ทุกคนหัวเราะ ฉันรู้ว่าลูกสาวของฉันต้องการแบ่งปันความสุขในชีวิตของเธอกับเรา
ลิขสิทธิ์ © 2024 Minghui.org สงวนลิขสิทธิ์
หมวดหมู่: เส้นทางการบำเพ็ญ