(Minghui.org) บทความของ National Review เรื่อง "สมาชิกฝ่าหลุนกงที่อวัยวะถูกผ่าเอาไปพิสูจน์ความผิดของจีน (Falun Gong Member Whose Organs Were Harvested Proves China’s Guilt)" ซึ่งตีพิมพ์เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2024 รายงานเกี่ยวกับการผ่าเอาอวัยวะโดยปราศจากการยินยอมโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน (Chinese Communist Party, CCP) และสรุปว่า "นี่เป็นความชั่วร้ายอย่างแท้จริง" บทความนี้เขียนโดย เวสลีย์ เจ. สมิท ซึ่งเป็นนักเขียนและนักวิจัยอาวุโสที่ Center on Human Exceptionalism ของ Discovery Institute
"หลายปีแล้วที่สมาชิกของฝ่าหลุนกง ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวทางศาสนาใหม่ กล่าวหาจีนว่าตรวจสอบความเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อและผ่าเอาอวัยวะของเพื่อนผู้ฝึกของพวกเขาเพื่อส่งเสริมตลาดมืดของประเทศ และเพิ่มการปราบปรามการเคลื่อนไหวของฝ่าหลุนกงด้วยอำนาจเผด็จการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประเทศจีนปฏิเสธข้อกล่าวหาซ้ําแล้วซ้ําเล่า แต่การศึกษาและการเปิดเผยระหว่างประเทศหลายครั้งได้ยืนยันความโหดร้ายด้วยหลักฐานแวดล้อมที่ชัดเจน" สมิทเขียน
บทความกล่าวถึงผู้ฝึกฝ่าหลุนกงคนหนึ่งที่บอกว่าตับส่วนหนึ่งและปอดข้างหนึ่งของเขาถูกตัดออกไปในขณะที่เขาเป็นนักโทษการเมืองในปี 2004 บทความนี้ยังอ้างถึงรายงานของอิพ็อกไทมส์ดังนี้
ชายคนหนึ่งที่ตับส่วนหนึ่งของเขาถูกตัดออกไปโดยปราศจากการยินยอมในประเทศจีนคอมมิวนิสต์ได้ก้าวออกมาหลังจากหลบหนีออกนอกประเทศเพื่อดึงความสนใจไปที่แผนการสังหารหมู่เพื่อแสวงหาผลกําไรของระบอบการปกครองจีนที่เรียกว่าการผ่าเอาอวัยวะโดยปราศจากการยินยอม
ในงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม เฉิงเป่ยหมิง ซึ่งเป็นผู้ฝึกฝ่าหลุนกงที่อายุกำลังจะครบ 59 ปีในเดือนนี้ หวนนึกได้ว่าผู้คุมเรือนจํา 6 คน ตรึงเขาไว้ในโรงพยาบาลจีนเพื่อดมยาสลบโดยที่เขาไม่ยินยอม ในขณะที่เขาถูกคุมขังในเรือนจําทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีนเนื่องจากความเชื่อของเขา
วันนั้นคือวันที่ 16 พฤศจิกายน 2004 เมื่อเขาตื่นขึ้นในอีก 3 วันต่อมา เขาพูดว่าเท้าขวาของเขาถูกใส่กุญแจมือไว้กับเตียงในโรงพยาบาล แขนข้างหนึ่งมีเข็มฉีดยาปักอยู่เพื่อให้ยาทางหลอดเลือดดำ และมีท่อสอดอยู่ที่เท้า หน้าอก และรูจมูกของเขา
เขาเริ่มไอไม่หยุดและรู้สึกเจ็บและชาบริเวณซี่โครงซ้ายของเขา
หลังจากหลบหนีไปสหรัฐอเมริกาในปี 2020 และเข้ารับการทดสอบทางการแพทย์หลายอย่าง ทำให้เขาได้รับการยืนยันความกลัวที่เลวร้ายที่สุดของเขาคือตับส่วนหนึ่งของเขาหายไปพร้อมกับปอดบางส่วน
จากข้อมูลของ National Review รายงานของอิพ็อกไทมส์มีภาพถ่ายแผลเป็นจากการผ่าตัดขนาดใหญ่ของเฉิงรวมอยู่ด้วย ซึ่งดูเหมือนจะยืนยันเรื่องที่เขาบอก เจ้าหน้าที่ของจีนปฏิเสธคํากล่าวอ้างของเขา พวกเขากลับอ้างว่าเฉิงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากกลืนตะปูและใบมีดส่วนหนึ่งเพื่อประท้วงในขณะที่เขาถูกคุมขัง
เพื่อทําความเข้าใจสถานการณ์ สมิทได้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านประเทศจีน นินา เชีย ซึ่งเป็นผู้อํานวยการศูนย์เสรีภาพทางศาสนาของสถาบันฮัดสัน บทความของ National Review รวมคําถามของสมิท และคําตอบของเชียดังนี้
เวสลีย์ เจ. สมิท : อะไรทําให้คุณเชื่อถือรายงานนี้
นินา เชีย : ไม่มีข้อทักท้วงที่โรงพยาบาลในจีนซึ่งทํางานร่วมกับระบบเรือนจําได้ผ่าตัดเอาอวัยวะบางส่วนของเขา [เฉิง] โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเขา ตำรวจสันติบาลยอมรับทุกข์องค์ประกอบของเรื่องนี้ — ว่าเขาเป็นนักโทษที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและได้รับการผ่าตัดโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเขา ฉันเชื่อว่าเขามีการตัดปอดและตับบางส่วนออกไปที่อธิบายไม่ได้ทางการแพทย์ เพื่อทดสอบสำหรับการกําจัดและการปลูกถ่ายในอนาคต หรือสําหรับการทดลองทางการแพทย์อื่น ๆ บางอย่าง ฉันเคยเห็นรอยแผลเป็นของเขา การสแกนอวัยวะที่ถูกตัด และการประเมินโดยแพทย์ชาวออสเตรเลียที่วิเคราะห์ผลสแกน ฉันไม่ถือว่าการปฏิเสธการกระทําผิดของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะเชื่อถือได้ตามที่พวกเขาพูด…
ในช่วง 18 ปีกว่าที่ผ่านมา ฉันได้สัมภาษณ์ฝ่าหลุนกงและชาวจีนหลายคนเกี่ยวกับการผ่าเอาอวัยวะโดยไม่ได้รับการยินยอม และฉันได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญอิสระเกี่ยวกับคําให้การของเหยื่อรายนี้ ซึ่งยืนยันประเด็นสําคัญบางอย่างของเรื่องของเขา ในที่สุด ผู้มีอํานาจของรัฐบาลจีนและศัลยแพทย์ด้านการปลูกถ่ายอวัยวะที่โดดเด่น หวง เจียฝู ยอมรับว่าประเทศจีนนําอวัยวะจากนักโทษเพื่อใช้ในการปลูกถ่ายก่อนปี 2015 ตามรายงานด้านสิทธิมนุษยชนของกระทรวงการต่างประเทศ
เวสลีย์ เจ. สมิท : เฉิงหนีไปได้อย่างไร
นินา เชีย : เขาโชคดีที่หลบหนีจากโรงพยาบาลได้และอาศัยความฉลาดเกี่ยวกับท้องถนนของเขา เขาหลบหนีไปประเทศไทยและถูกนําตัวมายังสหรัฐฯ จากการกักขังที่นั่นโดยผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ โรเบิร์ต เดสโตร ซึ่งได้เรียนรู้ถึงสถานการณ์ที่อันตรายของเขา คือเขากำลังเผชิญกับการถูกเนรเทศ
เวสลีย์ เจ. สมิท : การผ่าเอาอวัยวะในประเทศจีนแพร่หลายขนาดไหน มันเกินกว่าฝ่าหลุนกงไหม
นินา เชีย : การผ่าเอาอวัยวะโดยปราศจากการยินยอมเป็นธุรกิจที่เฟื่องฟูในประเทศจีน และจากข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ 12 คน และนักข่าว อีธาน กัตมันน์ ชนกลุ่มน้อยทางศาสนาต่าง ๆ ตกเป็นเป้าหมายของการถูกผ่าเอาอวัยวะโดยปราศจากการยินยอมนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกลุ่มเหล่านี้จํานวนมาก เช่น ชาวมุสลิมอุยกูร์ ถูกคุมขังอย่างไม่มีกําหนดโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมในประเทศจีนไม่ว่าเวลาใด และเนื่องจากพวกเขามีคุณค่าจากวิถีชีวิตที่สะอาด ซึ่งแตกต่างจากอาชญากรทั่วไป
"นี่เป็นความชั่วร้ายอย่างแท้จริง" สมิทพูดต่อ "สังเกตว่าเชียใช้ไวยากรณ์ที่เป็นปัจจุบันเมื่อเธออธิบายการผ่าเอาอวัยวะว่าเป็น 'ธุรกิจที่เฟื่องฟู'"
แต่การประท้วงของรัฐบาลโลกส่วนใหญ่ไม่มีความสำคัญและไม่ต่อเนื่อง และบริษัทต่าง ๆ ยังคงทําธุรกิจกับประเทศจีน ในบทความยังเสริมว่าเราไม่เห็นการประท้วงอย่างกว้างขวางและการเรียกร้องให้ถอนการลงทุนที่แสดงออกด้วยความโกรธ เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง
“การตอบสนองที่ค่อนข้างอ่อนแอหรือไม่มีการตอบสนองเลยจากนานาประเทศต่อพฤติกรรมที่เสื่อมทรามทางศีลธรรมของจีน เพียงเพราะ ‘ผลประโยชน์ทางการเงิน’ หรือแค่เพราะจีนไม่ได้ถูกมองว่าเป็น “ผู้ร้ายที่เป็นปัญหาหลัก" ผมสงสัยทั้งสองอย่าง” สมิทเขียน “ถึงจุดใดที่การปฏิบัติต่อจีนเหมือนประเทศปกติทั่วไปของเราจะกลายเป็นการสมรู้ร่วมคิดกับการกระทำที่ไม่ถูกต้อง”
ลิขสิทธิ์ © 2024 Minghui.org สงวนลิขสิทธิ์
หมวดหมู่: รายงานสื่อ