(Minghui.org) ฉันรู้สึกละอายใจเพราะรู้สึกว่าช่องว่างในการบำเพ็ญของฉันมีส่วนทำให้เกิดช่องโหว่จนทำให้คนที่ถูกพรรคคอมมิวนิสต์จีน (Chinese Communist Party, CCP) ควบคุมยื่นฟ้องท่านอาจารย์หลี่ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งฝ่าหลุนต้าฝ่า ในแต่ละวันฉันพยายามค้นหาจากภายในและทำให้ดีขึ้นโดยปฏิบัติตามคำสอนของต้าฝ่า

เมื่อ CCP และอดีตหัวหน้าพรรค เจียง เจ๋อหมิน เริ่มปราบปรามฝ่าหลุนต้าฝ่าในปี 1999 การประทุษร้ายนั้นเลวร้ายมาก ในอดีตฉันคิดว่าตัวเองมีเจิ้งเนี่ยน แต่ฉันรู้สึกไร้พลังเนื่องจากมีองค์ประกอบเชิงลบจำนวนมาก แต่สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างออกไป ผู้นำ CCP คนปัจจุบันคิดว่าเจียงจัดการการประทุษร้ายได้ไม่ดี และเขาต้องการ "ชัยชนะ" เนื่องจากการปราบปรามนี้มุ่งเป้าไปที่ค่านิยมดั้งเดิมของมนุษยชาติและหลักการของความจริง-ความเมตตา-ความอดทน เรารู้ว่านี่เป็นเรื่องไร้สาระ

ในความเข้าใจของฉัน ท่านอาจารย์กำลังใช้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้เพื่อให้เรามีโอกาสในการบำเพ็ญอีกครั้ง แต่ว่าเรา โดยเฉพาะตัวฉันเอง ยังไม่ได้ทำอะไรมากนักในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

เราได้เรียนรู้มากมายตั้งแต่ CCP เริ่มการประทุษร้ายเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ถ้าผู้ฝึกจำนวนมากก้าวออกมาเพื่อยืนยันความถูกต้องของต้าฝ่าในปี 1999 การประทุษร้ายอาจไม่รุกลามขนาดนี้ ถ้าพวกเราทำได้ดีโดยรวมตั้งแต่เหตุการณ์ใส่ร้ายต้าฝ่า Guangming Daily ในปี 1999 จนถึงการอุทธรณ์อย่างสันติในวันที่ 25 เมษายน 1999 รวมถึงการเริ่มต้นการประทุษร้ายในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมาในวันที่ 20 กรกฎาคม การประทุษร้ายนี้อาจไม่เกิดขึ้น

ถ้าผู้ฝึกส่วนใหญ่ทำได้ดีในช่วงเวลาวิกฤติเหล่านี้ การประทุษร้ายทั่วโลกอาจไม่เกิดขึ้น เวลาผ่านไปกว่า 20 ปีแล้ว การปราบปรามในวงกว้างขนาดนี้จะดำเนินต่อไปหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับเรา ตราบใดที่เรารู้เท่าทันและมีเจิ้งเนี่ยน เราก็จะสามารถเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ได้

จากคำสอนของฝ่าหลุนต้าฝ่า เราทราบว่าท่านอาจารย์ให้เวลาเรามากกว่า 20 ปีแล้วในการทำให้เราเติบโตในการบำเพ็ญ แต่กรรมของเรายังเหลืออยู่ประมาณ 15% คำถามคือเราได้เปลี่ยนแปลงหรือดีขึ้นกว่า 20 ปีที่แล้วหรือเปล่า

หลังจากการประทุษร้ายเริ่มขึ้นในปี 1999 ท่านอาจารย์ไม่ได้บรรยายธรรมใด ๆ เลยเป็นเวลาเกือบ 1 ปี เว็บไซต์ Minghui ได้เผยแพร่รูปภาพของท่านอาจารย์ในหน้าแรกพร้อมคำอธิบายว่า “ท่านอาจารย์หลี่อยู่ท่ามกลางภูเขามองดูโลกอย่างเงียบ ๆ หลังออกจากนิวยอร์กหลังเหตุการณ์วันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1999 (เผยแพร่เมื่อวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 2000)”

ท่านอาจารย์มีความเมตตา

ท่านอาจารย์ไม่พูดในระหว่างการทดสอบใหญ่ ท่านเฝ้าดูด้วยความเมตตาว่าเราและคนธรรมดาสามัญจะจัดการกับสถานการณ์เหล่านั้นอย่างไร

ในช่วงปีแรก ๆ ของการบำเพ็ญในยุคเจิ้งฝ่า ท่านอาจารย์ได้บรรยายธรรมมากมายและอธิบายทุกสิ่งทุกอย่าง ท่านยังบอกเราว่าจะเกิดอะไรขึ้น และเราควรตอบสนองอย่างไร ฉันรู้สึกว่าตอนนี้เรากำลังทำข้อสอบ เมื่อเราอ่านจิงเหวินที่ท่านอาจารย์เผยแพร่หลังปี 1999 ความเข้าใจของเราอาจแตกต่างจากเดิม พวกเราหลายคนฝึกมาเกือบ 30 ปีแล้ว แต่เราอาจชินชาจนลืมไปว่าเรามีความสามารถเหล่านี้ ตอนนี้เราควรเป็นศิษย์ต้าฝ่าที่เติบโตเต็มที่ในการบำเพ็ญแล้ว ความก้าวหน้าของการเจิ้งฝ่ากำลังรอให้เราจัดการกับการรบกวนของอิทธิพลเก่า

ในช่วงเวลาสำคัญทางประวัติศาสตร์นี้ เมื่อได้อ่านจิงเหวินของท่านอาจารย์อีกครั้ง ฉันได้รับความเข้าใจใหม่ ๆ มากมาย จิงเหวินเหล่านี้ทำให้เรารับรู้อย่างมากและแต่ละบทมีความสำคัญ แม้แต่การอ่านชื่อเรื่องก็ช่วยให้ฉันเข้าใจว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมาท่านอาจารย์คอยชี้นำพวกเราด้วยความใส่ใจเพียงไร

ท่านอาจารย์เขียนว่า :

“เวลานี้ทุกคนคงเข้าใจกระจ่างมากขึ้นแล้วว่า ทำไมข้าพเจ้าจึงบอกให้ท่านอ่านหนังสือมาก ๆ ฝ่าสามารถขจัดสิ่งยึดติดใด ๆ ฝ่าสามารถกำจัดมารร้ายทั้งหลาย ฝ่าสามารถเปิดโปงการโป้ปดมดเท็จ ฝ่าสามารถทำให้ยึดมั่นในความคิดที่ถูกต้อง”

(“กำจัดการรบกวน” สิ่งสำคัญต่อการพัฒนา 2)

เราได้ทำตามนี้แล้วหรือยัง ในจิงเหวินหนึ่ง ท่านอาจารย์กล่าวว่าเดิมทีท่านวางแผนให้เราหยวนหมั่นในช่วงเวลานี้ ตอนนี้ท่านอาจารย์จัดวางให้เราติดตามท่านในยุคฝ่าปรับโลกมนุษย์ ถ้าผู้ฝึกไม่ตระหนักถึงความสามารถของตนเอง พวกเขาจะถือเป็นศิษย์ต้าฝ่าที่เติบโตเต็มที่ในการบำเพ็ญแล้วได้หรือ ท่านอาจารย์ให้ความสามารถเหนือธรรมชาติและทักษะแก่เรา ถ้าเราไม่ตระหนักเช่นนี้หรือรู้สึกว่าเราไม่มีพลัง เรายังจะคู่ควรกับความเมตตาและความช่วยเหลือด้วยความทุ่มเทของท่านอาจารย์อีกหรือ มันจะไม่เป็นบาปหรือถ้าเราไม่ทำให้ดีและทำหน้าที่ของเราไม่สำเร็จ

ผู้คนกำลังรอให้เราผ่านการทดสอบ

ท่านอาจารย์จะถูกฟ้องได้อย่างไร ผู้ฝึกรู้ว่าทุกคนที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบันได้ผูกวาสนากับท่านอาจารย์ไว้ในประวัติศาสตร์ และท่านต้องการช่วยเหลือพวกเขาด้วยความเมตตา ท่านอาจารย์มอบความสามารถทั้งหมดนี้ให้กับเรา แต่เพราะเราไม่ขมีขมันในการขจัดจิตยึดติดของเราออกไป เราจึงปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้น อย่างไรก็ดี คนธรรมดาไม่ใช่ผู้ฝึก แต่ว่าพวกเราเป็นผู้ฝึก ดังนั้นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้จึงอยู่นอกเหนือสังคมคนธรรมดาสามัญ

ฉันมีสติแจ่มแจ้งมากขึ้นนับตั้งแต่ฉันตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ ที่ผ่านมาฉันทำได้ไม่ดีนัก แต่ท่านอาจารย์ให้โอกาสเราอีกครั้ง และฉันจะทำให้ดีในครั้งนี้

จากการอ่านบทความของท่านอาจารย์อีกครั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ฉันมีความเข้าใจลึกซึ้งขึ้น ในปีหลังจากการประทุษร้ายเริ่มขึ้น ท่านอาจารย์พูดเกี่ยวกับหลายสิ่ง รวมถึงความสามารถเหนือธรรมชาติของเรา การฟาเจิ้งเนี่ยน และอื่น ๆ เมื่อมองย้อนกลับไป ฉันตระหนักว่าฉันไม่ได้ปฏิบัติตามครึ่งหลังของวลีที่ท่องขณะฟาเจิ้งเนี่ยน : “ฝ่าเจิ้งเทียนตี้ เซี่ยนซื่อเซี่ยนเป้า (fă zhèng tiān dì, xiàn shì xiàn bào)” (“การตั้งมือสองแบบของการส่งความคิดถูกต้อง (ฟาเจิ้งเนี่ยน)” สิ่งสำคัญต่อการพัฒนา 2)

ท่านอาจารย์ได้มอบทุกสิ่งที่เราต้องการเพื่อช่วยท่านในการเจิ้งฝ่า รวมทั้งความสามารถเหนือธรรมชาติด้วย ในอดีตฉันไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ และคิดว่าความสามารถเหล่านี้ใช้ได้กับผู้ฝึกในประเทศจีนในระหว่างการประทุษร้ายเท่านั้น ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าการประทุษร้ายมุ่งเป้าไปที่ท่านอาจารย์โดยตรงด้วย ซึ่งร้ายแรงยิ่งกว่า นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมวลีที่ท่องขณะฟาเจิ้งเนี่ยนข้างต้นจึงมีความสำคัญ องค์ประกอบที่ชั่วร้ายกำลังควบคุมคนในโลกนี้ให้ทำความชั่ว และโดยการป้องกันไม่ให้พวกเขาทำบาป เราก็กำลังช่วยพวกเขาแล้ว ฉันมั่นใจว่าเรามีความสามารถนี้

หลายปีผ่านไป และฉันลืมไปว่าท่านอาจารย์ได้มอบความสามารถเหนือธรรมชาติให้กับเรา ความยากลำบากครั้งใหม่นี้คือโอกาสที่จะชดเชยสิ่งนั้น เราควรให้ความสำคัญกับความสามารถเหนือธรรมชาติและพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านอาจารย์มอบให้เรา และเราควรเตือนผู้ฝึกคนอื่น ๆ ให้ทำเช่นเดียวกัน น่าเสียดายถ้ามีใครในพวกเราพลาดโอกาสนี้

เราทุกคนมีความรับผิดชอบที่ต้องทำ แม้ว่าผู้ฝึกบางคนรอบตัวเราจะไม่ทำก็ตาม เราควรใช้ความสามารถของเราในการปกป้องสิ่งที่พลังชั่วร้ายจ้องจะทำลาย และเราควรขจัดพลังชั่วร้ายในมิติอื่นให้หมดสิ้น ตัวอย่างเช่น เมื่อมีคนที่มีส่วนร่วมในการใส่ร้ายทางออนไลน์หรือใช้กฎหมายในทางที่ผิด เราจะมีพลังในการจัดการกับสิ่งเหล่านี้โดยมุ่งเน้นศึกษาคำสอนของต้าฝ่าเพื่อยกระดับและแก้ไขตัวเองอย่างต่อเนื่อง ความพยายามที่จะทำลายชื่อเสียงของต้าฝ่าหรือเผยแพร่บทความใส่ร้ายสามารถหยุดได้ด้วยเจิ้งเนี่ยนของเรา นอกจากจะหยุดไม่ให้ผู้คนทำชั่วแล้ว เรายังสามารถฟาเจิ้งเนี่ยนเพื่อช่วยให้คนเหล่านี้เปิดโปงการควบคุมที่อยู่เบื้องหลังและชดเชยการกระทำผิดของพวกเขาด้วย สุดท้าย การเห็นผลกรรมตามสนองในชาติเดียวกันจะช่วยให้คนเข้าใจความสัมพันธ์ของเหตุและผล และเสริมสร้างมโนธรรมของพวกเขาได้

บทความที่ผู้บำเพ็ญพูดถึงความเข้าใจของพวกเขาโดยปกติจะสะท้อนถึงการรับรู้ของบุคคลในช่วงเวลาหนึ่งตามสภาวะการบำเพ็ญของพวกเขา การนำเสนอบทความเหล่านี้มีเจตนาในการช่วยให้ยกระดับร่วมกัน