(Minghui.org) สวัสดีท่านอาจารย์ ! สวัสดีเพื่อนผู้ฝึก !

เมื่อผมเริ่มเขียนบทความนี้ ผมตระหนักว่าผมต่อต้านการประทุษร้ายโดยใช้กฎหมายมาหลายปีแล้ว

ผมได้รับเลือกให้ทํางานในสํานักงานเพราะผมมีทักษะการเขียนที่ดี ต่อมาผมได้รับการเลื่อนตําแหน่งเป็นเลขานุการคณะกรรมการสันนิบาตเยาวชนของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ผมเก่งด้านการแสดงออก การศึกษากฎหมายช่วยพัฒนาการคิดเชิงวิพากษ์ รวมถึงความสามารถในการพูดและการเขียนของผม เพื่อนร่วมงานของผมรู้ว่าผมสื่อสารเก่งและพวกเขามองว่าผมจะมีอนาคตที่ดี ผมก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

ผมได้ยินมาว่า Li ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานในสํานักงานแรงงานและการจ้างงาน กําลังอ่านจ้วนฝ่าหลุน ซึ่งเป็นหนังสือที่ช่วยให้ผู้คนบรรลุพุทธภาวะ เนื่องจากผมถูกล้างสมองโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนมานานหลาย 10 ปี และด้วยตําแหน่งของผมในที่ทํางาน ผมจึงรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องงมงาย ดังนั้นผมจึงตัดสินใจโน้มน้าวให้เขาหยุด ผมขอข้อมูลเกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่าจากเขา เขาไม่ยอมให้หนังสือจ้วนฝ่าหลุนของเขาแก่ผมเพราะเขาอ่านทุกวัน แต่เขาพิมพ์เนื้อหาในหนังสือออกมา 9 หน้าจากคอมพิวเตอร์และให้ผมแทน เขาบอกว่า "ช่วยบอกผมถ้าคุณสนใจที่จะซื้อหนังสือหลังจากอ่านจบ"

หลังจากที่ผมอ่านสิ่งที่เขาพิมพ์ให้ในช่วงพักกลางวัน ผมก็ไม่คิดว่าฝ่าหลุนต้าฝ่า "งมงาย" อีกต่อไป ผมเชื่อมั่นอย่างเต็มที่กับคําสอนของฝ่าหลุนต้าฝ่าที่ดูเหมือนเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง ผมขอให้ Li ซื้อหนังสือจ้วนฝ่าหลุนให้ผมเล่มหนึ่ง

การศึกษากฎหมาย

ตั้งแต่วัยเด็ก ผมสนใจการอภิปรายและการใช้เหตุผล หลังจากเรียนจบมัธยมต้น ผมเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งที่เน้นด้านศิลปศาสตร์ ต่อมาผมเรียนวิทยาศาสตร์ในมหาวิทยาลัยและได้เกรดดีเยี่ยม แต่ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไป

ในที่สุดผมก็ตระหนักว่าผมไม่พอใจกับอาชีพของผม และผมมีความฝันอื่น ๆ เช่น การเป็นทนายความ ดังนั้นผมจึงลงทะเบียนที่สํานักงานตุลาการท้องถิ่น ซื้อหนังสือ และเริ่มศึกษากฎหมาย ผมจำเป็นต้องผ่าน 14 วิชา เพื่อที่จะได้รับปริญญาทางด้านกฎหมาย ผมเรียนครั้งละ 2 วิชา และผ่าน 8 วิชาเมื่อผมเรียนจบมหาวิทยาลัย หลังจากที่ผมเรียนจบ ผมก็เริ่มทํางาน และต่อมาผมก็แต่งงาน ดังนั้นความฝันสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของผมจึงจางหายไป

แม้ว่าผมจะไม่ได้รับปริญญานิติศาสตร์ แต่ผมก็ได้เรียนรู้วิชาหลักเหล่านั้น ได้แก่ กฎหมายอาญา กฎหมายแพ่ง ประวัติศาสตร์กฎหมาย ภาษาขั้นสูง และตรรกศาสตร์ ผมคุ้นเคยกับบทบัญญัติทางกฎหมาย และเมื่อผมต้องตัดสินใจ ผมมักคิดจากมุมมองของกฎหมาย

ต่อต้านการประทุษร้ายโดยใช้กฎหมาย

ผู้ฝึกหลายคนในพื้นที่ของผมถูกจับกุมในปี 2008 และเป็นครั้งแรกที่เราจ้างทนายความเพื่อว่าความให้พวกเขา ในระหว่างกระบวนการนี้ ผมได้เรียนรู้ว่ากฎหมายและความยุติธรรมไม่ได้รับการเคารพอย่างที่ผมคิด ผมยังได้ยินเกี่ยวกับ ‘กระบวนการยุติธรรม’ และ ‘การยกเว้นหลักฐานที่ได้มาอย่างผิดกฎหมาย’ ด้วย

ในขณะเดียวกัน ผมยังเห็นว่าเมื่อเผชิญหน้ากับทนายความหรือคนที่รู้กฎหมาย โดยเฉพาะเมื่อบุคคลนี้เที่ยงตรง คนที่ประทุษร้ายผู้ฝึกในระบบยุติธรรมค่อนข้างกลัว ดังนั้นผมจึงเริ่มอ้างอิงกฎหมายเมื่อผมบอกใครเกี่ยวกับการประทุษร้ายหรือเมื่อผมเปิดโปงมัน

เมื่อใกล้ถึง "วันที่อ่อนไหว" ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ผู้อํานวยการบริษัทจะขอให้ผมอยู่บ้านหลังเลิกงานและไม่ออกไปข้างนอก "ในที่ทํางาน ผมควรปฏิบัติตามนโยบายและจรรยาบรรณที่นี่ หลังเลิกงานผมควรทําตามกฎหมาย" ผมอธิบาย เขาเข้าใจและบอกว่าเขาไม่มีอํานาจเหนือผมหลังเลิกงาน

ในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ปักกิ่งในปี 2008 เจ้าหน้าที่ในที่ทํางานของผมสงสัยว่าผมบอกคนอื่นเกี่ยวกับต้าฝ่าทางออนไลน์ พวกเขาจึงกักตัวผมไว้ที่สํานักงานรักษาความปลอดภัยในบริษัทและยึดคอมพิวเตอร์ของผมไป เจ้าหน้าที่ของบริษัท เจ้าหน้าที่สํานักงาน 610 คน และบุคคลอื่น ๆ ผลัดกันมาข่มขู่ผม และพยายามบังคับให้ผมละทิ้งความเชื่อ ผมให้เหตุผลกับพวกเขาทีละคนและอธิบายความจริงเกี่ยวกับต้าฝ่าให้พวกเขาฟัง

ชายร่างสูงใบหน้าคล้ำมาตอนเที่ยงคืน แต่ไม่ได้บอกผมว่าเขาเป็นใคร หลังจากฟังผมอย่างตั้งใจเป็นเวลานาน เขาก็ลุกขึ้นและพูดว่า "ผมกําลังจะไปแล้ว ไม่ว่าใครจะมาที่นี่ คุณแค่บอกคนนั้นเหมือนที่คุณบอกผม" ในบรรดาผู้คุมที่เฝ้าดูผม Liu ตกลงที่จะลาออกจากองค์กรพรรคคอมมิวนิสต์จีนและมีแผนที่จะหางานอื่นแทนที่จะทํางานเป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจ Xu บอกว่าเขาสงสัยเกี่ยวกับการได้รับมอบหมายให้เฝ้าดูผมเพราะเขารู้สึกว่าเขาควรปกป้องผม

ที่เวลา 14.30 น. ของวันรุ่งขึ้น ผมบอก Xu และผู้คุมอีกคนว่า "ผมถูกเรียกตัวมาที่นี่ตอน 15:00 น. เมื่อวานนี้ และจะครบ 24 ชั่วโมงในครึ่งชั่วโมง ซึ่งเป็นขีดจํากัดที่กฎหมายกําหนด ถ้าคุณไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าผมทําผิดกฎหมายใด ๆ ในอีก 30 นาทีข้างหน้า ผมจะฟ้องคุณ" Xu ออกไปทันทีและโทรหาเจ้าหน้าที่ระดับสูงและพูดว่า "ผมควรทําอย่างไร เขารู้กฎหมายและเราไม่สามารถกักตัวเขาต่อไปได้แล้ว" ผมได้รับการปล่อยตัวในอีก 10 นาทีต่อมา ผู้จัดการสํานักงานรักษาความปลอดภัยคืนคอมพิวเตอร์ให้ผม

หลังจากที่ผมกลับมาจากการเดินทางเพื่อทำธุรกิจเมื่อปลายปี 2008 ผมได้รับคําสั่งให้ย้ายจากหน่วยผลิตไปยังหน่วยอื่น ก่อนหน้านั้นผมถูกปลดออกจากตําแหน่งเลขานุการคณะกรรมการสันนิบาตเยาวชน ผมรายงานตัวที่หน่วยและได้รับแจ้งว่าผมถูกลดเงินเดือนหนึ่งขั้น ผมตรวจสอบกับสํานักงานแรงงานและการจ้างงาน และพวกเขายืนยันว่าเงินเดือนที่หน่วยผลิตสูงขึ้นหนึ่งขั้น

ผมขอบคุณพนักงานคนนี้และไปที่สํานักงานของผู้อํานวยการบริษัท เมื่อผมถามว่าผมทําอะไรผิดหรือเปล่า เขาก็บอกว่า “ไม่” แล้วเขาก็ย้ายผมไปหน่วยอื่นเตามทักษะของผม "ผมรู้ว่าคุณมีศักยภาพ แต่ผมไม่สามารถเลื่อนตําแหน่งคุณได้เนื่องจากนโยบายที่เกี่ยวข้องกับฝ่าหลุนต้าฝ่า" เขาอธิบาย

"ผมขอดูนโยบายได้ไหม" ผมถาม

"ไม่ได้" เขาตอบพร้อมกับส่ายหัว "ถึงแม้จะมี ผมก็ไม่สามารถแสดงให้คุณดูได้"

"แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น กิจกรรมปลูกต้นไม้ก็มีนโยบายที่เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าหน้าที่ระดับสูง การตัดสินใจด้านทรัพยากรบุคคลที่สําคัญเช่นนี้จะไม่มีนโยบายเป็นลายลักษณ์อักษรได้อย่างไร เราไม่สามารถหลอกคนอื่นได้ ใช่ไหม" ผมพูดต่อ

"พรรคคอมมิวนิสต์จีนเล่นเกมกับผู้คนเสมอ" เขาตอบอย่างหมดหนทาง

ต่อมาในวันนั้น ผมได้ยินผู้อํานวยการบริษัทแจ้งสํานักงานแรงงานและการจ้างงานให้ขึ้นเงินเดือนให้ผมหนึ่งขั้น

วันหนึ่งในฤดูใบไม้ร่วงปี 2009 ผู้จัดการ Miao ชวนผมไปทานอาหารเย็น ผมขอบคุณเขาและบอกว่าผมไม่มีเวลา เขาโทรมาในช่วงเย็นของวันนั้นและขอให้ผมกลับไปทํางาน ทันทีที่ผมไปถึง ผมก็ตระหนักว่าเพราะผมได้แจกเอกสารฝ่าหลุนต้าฝ่า สํานักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทจึงรายงานผมต่อเจ้าหน้าที่ เมื่อผมเห็นว่าเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งชื่อ Chen อยู่ที่นั่น ผมจึงตัดสินใจพูดคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่า

"คุณอาจเคยได้ยินว่าผมฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า และคุณคงอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันนี้ผมสามารถบอกคุณเพิ่มเติมได้" ผมพูดถึงประสบการณ์ของผมในการฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า ประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจ วิธีที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนประทุษร้ายผู้บริสุทธิ์ และการปราบปรามนี้ไร้สาระเพียงใด

ตอนนั้นเกือบเที่ยงคืนแล้ว "คุณทั้งสองคนรู้จักผมดีและเราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน คุณคงเคยได้ยินว่า 'ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว'" ผมพูดพร้อมกับชี้ไปที่นาฬิกาบนผนัง "ภายในครึ่งชั่วโมง มันจะเป็นวันพรุ่งนี้แล้ว และคุณจะก่ออาชญากรรมการกักขังอย่างผิดกฎหมาย ผมไม่สนใจเรื่องเวลา แต่ผมไม่อยากให้คุณเดือดร้อน" ดังนั้นพวกเขาจึงส่งผมกลับบ้าน

วันต่อมา เจ้าหน้าที่ Ma เรียกผมไปที่สํานักงานที่มี Maio, Chen และคนอื่น ๆ เธอถามว่าผมสามารถทํางานล่วงเวลาในช่วงสุดสัปดาห์ได้ไหม ผมส่ายหัวและบอกว่าผมต้องไปเยี่ยมพ่อแม่ เธอบอกว่าเธอสามารถส่งคนไปเยี่ยมพ่อแม่ของผมในนามของผมได้ "พ่อแม่ของผมอยากเจอผม ไม่ใช่คนอื่น" ผมหยุดยิ้มและพูดต่ออย่างจริงจัง "นอกจากนี้ ในฐานะเจ้าหน้าที่ของบริษัท คุณไม่มีสิทธิ์กักขังพนักงานอย่างผิดกฎหมาย" เธอไม่รู้จะทําอย่างไรและปล่อยผมไป แต่เมื่อผมไปเยี่ยมพ่อแม่ในสุดสัปดาห์นั้น รถของบริษัทถูกมอบหมายให้ติดตามผมตลอดเวลา

ในปี 2010 ผู้จัดการ Zhou ขอให้ผมทํางานในช่วงสุดสัปดาห์ ผมถามว่าทําไม เนื่องจากงานที่ได้รับมอบหมายทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว "นี่คือการตัดสินใจของผม นอกจากนี้คุณยังจะได้รับค่าล่วงเวลาด้วย" เขาตอบ เมื่อผมตระหนักว่านี่เป็นรูปแบบหนึ่งของการกักขังที่ผิดกฎหมาย ผมจึงพูดกับเขาอย่างจริงจังว่า "ตามกฎหมายแรงงาน การทํางานล่วงเวลาจะได้รับค่าจ้างเพิ่มเติมและต้องได้รับความยินยอมจากผมด้วย ขออภัยครับ ผมไม่ว่าง" แล้วผมก็เดินออกไป

เย็นวันนั้น ผมเห็นรถคันหนึ่งจากที่ทํางานของผมที่หน้าอาคารของอะพาร์ตเมนต์ที่ผมอาศัยอยู่ รถคันนี้หันหน้าไปทางทางเข้าอาคาร ผมหยิบผลไม้และไปที่รถ เพื่อนร่วมงานเหล่านี้เขินอายเล็กน้อยและบอกว่าพวกเขาได้รับมอบหมายให้อยู่ที่นั่น ผมให้ผลไม้แก่พวกเขาและพูดว่า "ผมไม่โกรธคุณ แต่คุณกำลังละเมิดกฎหมาย สิ่งที่คุณกําลังทําเกินขอบเขตงานของคุณ" พวกเขาบอกผมว่าคําสั่งนี้มาจาก Wang ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เพิ่งมาถึง

ผมได้ยินมาว่า Wang เป็นเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนมาหลายปีแล้วและผู้คนเกรงกลัวเขา ผมไปที่สํานักงานของเขาในวันรุ่งขึ้นและแนะนําตัวเอง "ในฐานะผู้นําบริษัท เราถูกคาดหวังให้เป็นตัวอย่างที่ดีในการปฏิบัติตามกฎหมาย" ผมอธิบาย "หากเจ้าหน้าที่มอบหมายให้ผู้อื่นเฝ้าติดตามพนักงานหลังเลิกงาน ถือว่าผิดกฎหมาย การใช้ยานพาหนะของบริษัทเพื่องานนี้ ก็เป็นการใช้ทรัพยากรของบริษัทในทางที่ผิดอีกประการหนึ่ง" เขาไม่โกรธ เขาถอนหายใจและพูดว่า "ผมรู้เรื่องนี้ ผมจะเกษียณในอีก 6 เดือน ผมไม่มีทางเลือก หรือคุณจะฟ้องผมก็ได้..."

เมื่อผมได้พบกับทนายความที่ว่าความให้ผู้ฝึกที่ถูกคุมขังในภายหลัง ผมบอกเขาเรื่องนี้ ทนายความบอกว่าผมทําในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

ว่าความแก้ต่างให้ตัวเอง

ในปี 2014 ตํารวจพบธนบัตรในบ้านของผมที่มีข้อความเกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่า และขังผมไว้ที่ศูนย์กักกัน เมื่อเจ้าหน้าที่บริษัทขอให้ผมละทิ้งความเชื่อ ผมก็บอกว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าดี และรายชื่อลัทธิจากกระทรวงความมั่นคงสาธารณะก็ไม่มีฝ่าหลุนต้าฝ่าอยู่ในนั้น เจ้าหน้าที่ยอมแพ้และกลับไป

เมื่อผมถูกสอบสวนในศูนย์กักกัน ผมถามเสมอว่า "ผมก่ออาชญากรรมอะไร คําถามของคุณเกี่ยวข้องกับคดีนี้หรือไม่ ถ้าไม่ ผมจะไม่ตอบ" คําตอบนี้หยุดคําถามส่วนใหญ่ของพวกเขา เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ได้อะไรจากผม รองผู้อํานวยการสำนักงานตํารวจก็มา ผมถามอย่างไม่เป็นทางการว่า "ผมคิดว่าคดีนี้อยู่ในความดูแลของรองผู้อํานวยการอีกคนหนึ่ง ทําไมเขาไม่อยู่ที่นี่" รองผู้อํานวยการคนก่อนซึ่งไม่พอใจกับคำตอบของผมอยู่แล้ว ก็ตอบด้วยความโกรธเคืองว่า "คําถามของคุณไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ดังนั้นผมจะไม่ตอบ" ทุกคนหัวเราะ ผมได้ยินในภายหลังว่า รองผู้อํานวยการอีกคนหยุดมีส่วนร่วมในการประทุษร้ายเพราะความพยายามในการอธิบายความจริงของผู้ฝึก

การบังคับใช้แรงงานในสถานกักกันเป็นเรื่องปกติ งานที่ได้รับมอบหมายคือการทําสําลีพันก้านและเป่าลูกโป่ง ผมรู้ว่ามันผิดกฎหมายและผมไม่ได้เข้าร่วม ผู้ต้องขังคนหนึ่งบอกว่าผมอยู่กับพวกเขาและคุยกันก็ได้ ผมจึงมีความคิดบางอย่าง ขณะที่ผมทําสําลีพันก้าน ผมเขียนบนก้านว่า "ฝ่าหลุนต้าฝ่าดี" คำเหล่านี้มีขนาดเล็กและชัดเจน ผู้ต้องขังปรบมือและเริ่มทําเช่นเดียวกัน

วันหนึ่งผู้คุมคนหนึ่งเข้ามาและตะโกนว่า "มีผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าอยู่ที่นี่ไหม"

"มีเรื่องอะไรหรือเปล่า" ผมถาม

"คุณมีปากกาไหม" เขาถาม

"มี" ผมตอบ

"หยุดเขียนคําเหล่านั้น เจ้านายโกรธ" เขาพูด

"เราไม่ใช่คนงานที่กำลังทำงานหาเงิน" ผมตอบ "การบังคับให้ผู้ถูกคุมขังทํางานเป็นสิ่งผิดกฎหมาย คุณกําลังทําเงินจากสิ่งนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นเจ้านายของคุณ ไม่ใช่เจ้านายของเรา" ผมตอบ

ผมเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าผู้คุมหายไปแล้ว

ก่อนการพิจารณาคดี ภรรยาของผมเขียนถึงผมและบอกว่าการจ้างทนายความเพื่อแก้ต่างว่าไม่มีความผิดไม่ใช่เรื่องง่าย เธอแนะนําให้ผมแก้ต่างให้ตัวเอง ผมก็คิดแช่นเดียวกันและเริ่มเขียนคำแก้ต่างให้ตัวเอง โดยกําหนดเป้าหมายที่จะหักล้างข้อกล่าวหาในคําฟ้องทีละรายการ คําฟ้องระบุว่าผมใช้องค์กรลัทธิเพื่อบ่อนทําลายการบังคับใช้กฎหมาย แต่ค่านิยมหลักของฝ่าหลุนต้าฝ่าคือความจริง-ความเมตตา-ความอดทน และไม่มีสมาชิก ฝ่าหลุนกงไม่ใช่ลัทธิ นอกจากนี้ในฐานะพลเมืองธรรมดาคนหนึ่ง ผมไม่มีอํานาจที่จะบ่อนทําลายการบังคับใช้กฎหมาย หากมีคนเชื่อว่าผมทําเช่นนั้น บุคคลนั้นจําเป็นต้องระบุว่ากฎหมายฉบับใดถูกบ่อนทําลายและถูกบ่อนทําลายในระดับใด

ในวันพิจารณาคดี ผมไปพร้อมกับคำให้การแก้ต่าง ผู้คุมบอกว่าไม่ให้ผมนำคำให้การไปด้วย ผมตอบว่า "ถ้าคุณลิดรอนสิทธิในการปกป้องตัวเองของผม ผมจะไม่ไปที่นั่น" เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยผมไป

ผมไม่คุ้นเคยกับขั้นตอนนี้ แต่ผมรู้ว่าผมต้องคิดให้รอบคอบก่อนที่จะตอบคําถามของพวกเขา

"เงิน [ที่มีข้อความพิมพ์อยู่บนธนบัตร] มาจากไหน" อัยการถาม

"ผมมีงานทําและผมทําเงินได้" ผมตอบ

"เอาเงินไปใช้ทําอะไร" เธอพูด

"เงินก็คือเงิน ผมใช้มันเหมือนคนอื่น" ผมตอบ

เธออารมณ์เสียและพูดว่า "โปรดตอบมาตรง ๆ"

"ผมตอบตรง ๆ แล้ว" ผมพูด

ขณะอ่านคำแก้ต่าง ผมรู้สึกว่าทุกคําพูดมีพลังและทุกประโยคมาจากใจของผม ผมรู้สึกราวกับว่าทั้งจักรวาลกําลังฟังผมอยู่ เมื่อผู้พิพากษาบอกให้ผมนั่งลง ผมก็พูดว่า "ผมขอยืนเพราะผมเป็นโจทก์ ไม่ใช่จําเลย" ผมบอกว่าผมจะฟ้องเจียง เจ๋อหมิน อดีตผู้นําพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เริ่มการประทุษร้ายฝ่าหลุนต้าฝ่า

หลังจากได้รับคําพิพากษา ผมก็เขียนอุทธรณ์ เมื่ออัยการไม่รับคำร้อง ผมก็ชี้ให้เห็นว่าการไม่ยอมรับคําอุทธรณ์เป็นการประพฤติมิชอบ เขาจึงรับคำอุทธรณ์

ก่อนออกจากศูนย์กักกัน อัยการอีกคนหนึ่งถามว่าผมคิดอย่างไร

"แม้แต่การตัดสินโทษให้ผมจำคุกแค่วันเดียวก็ผิด" ผมตอบ

"แต่มันเกิดขึ้นไปแล้ว" เขาพูด

"มันขึ้นอยู่กับศาล ในอดีตผมบริสุทธิ์ และปัจจุบันผมก็ยังบริสุทธิ์" ผมตอบ

"เรารู้ว่าคุณบริสุทธิ์ แต่เราไม่มีทางเลือก ถึงกระนั้นพวกเราก็ไม่ต้องการตัดสินจำคุกคุณเป็นเวลานานตามที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงสั่ง นั่นคือเหตุผลที่คดีของคุณยืดเยื้อมานานขนาดนี้" เขาพูด

ผมรู้สึกสะเทือนใจและพูดว่า "คุณเป็นเจ้าหน้าที่คนแรกที่บอกว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าบริสุทธิ์ คุณช่วยบอกชื่อของคุณได้ไหม" ผมถาม ผมคิดว่าเขาอาจลังเล แต่เขาบอกผมทันที ผมรู้ว่ามันเป็นชื่อจริงเพราะผมเคยได้ยินมาก่อน ผู้ต้องขังทุกคนในห้องขังรู้สึกประทับใจ

หลังจากเข้าไปในเรือนจํา ผมถูกนําไปที่ห้องประชุมที่มีเจ้าหน้าที่มากกว่า 20 คน ทุกคนนั่งอยู่ยกเว้นผม

"ทําไมคุณถึงมาที่นี่" มีคนถาม

"ฝ่าหลุนต้าฝ่า" ผมตอบ

"น่าเสียดาย !" เจ้าหน้าที่ศีรษะล้านคนหนึ่งถอนหายใจ "คุณสามารถมีอนาคตที่ดีได้ คุณรู้สึกแย่แทนพ่อแม่ของคุณไหม"

"ผมเป็นพนักงานที่ดี เป็นลูกชายที่ดี เป็นสามีที่ดี และเป็นพ่อที่ดี ทุกคนรู้ว่าผมบริสุทธิ์" ผมตอบ

ต่อมาผมได้ยินว่าเขาเป็นรองผู้จัดการของเจ้าหน้าที่การศึกษาที่รับผิดชอบในการประทุษร้ายผู้ฝึก

จากนั้นผมก็เริ่มบอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นในที่ทํางานของผมและศูนย์กักกัน ก่อนที่ผมจะพูดจบ เจ้าหน้าที่ศีรษะล้านคนนี้ก็หยุดผมและพูดว่า "คุณบอกว่านี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ แล้วมันเป็นความผิดของใคร"

"พรรคคอมมิวนิสต์จีน" ผมพูดด้วยเสียงต่ํา หลบสายตาของเขาเพราะความกลัว

"ใคร" เขาตะโกน

"พรรคคอมมิวนิสต์จีน !" ผมนั่งตัวตรงและพูดอย่างจริงจังในขณะที่มองตาเขา ผมคิดว่าพวกเขาจะทุบตีผม แต่เขาไม่ได้ทําอะไรเลย เขากลับแฟบลงเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมออก

ผมปฏิเสธที่จะทํางานในเรือนจำหรือท่องกฎของเรือนจํา ผมพยายามพูดคุยกับผู้ต้องขัง เมื่อเวลาผ่านไป ผมบอกได้ว่าคนอื่นกําลังหลีกเลี่ยงผม ผมถามว่าทําไม มีคนแอบบอกผมว่า ผู้คุมที่มีนามสกุล Gao บอกให้พวกเขาทําเช่นนั้น

ผมทักทาย Gao ในวันถัดมา เขาถามว่ามีเรื่องอะไรหรือ ผมถามว่า "การพูดคุยกับคนอื่นผิดกฎหมายหรือเปล่า"

"แน่นอน ไม่ผิด" เขาตอบ

"แล้วทําไมคุณถึงบอกให้คนอื่นหยุดคุยกับผม" ผมพูด "ถ้าผมทําอะไรผิด โปรดบอกผม ผมจะได้แก้ไข"

เขากลัวเล็กน้อยและบอกว่าเขาไม่ได้ทําเช่นนั้น

"คุณมีเวลาคุยเกี่ยวกับกฎหมายแป๊บหนึ่งไหม" ผมถาม

"ไม่ ไม่ เราไม่คุยเรื่องกฎหมายที่นี่" เขาตอบขณะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

(มีต่อ)