(Clearwisdom.net) [บทความนี้อยู่ในหนังสือ Hearts and Minds Uplifted--The Power of Falun Dafa ซึ่งเผยแพร่ครั้งแรกโดยบรรณาธิการ Clearwisdom ในปี 2006 เรื่องสั้นในหนังสือเล่มนี้เขียนโดยผู้คนทุกวัย จากหลายประเทศ และจากทุกสาขาอาชีพ ทุกเรื่องเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ก็มีสาระเดียวกัน นั่นคือการเติบโตทางจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมาจากการฝึกฝ่าหลุนกง]

ผมอายุ 17 ปี ผมเป็นผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่ามาประมาณ 6 เดือนแล้ว ในช่วงเวลาก่อนการบําเพ็ญของผม สิ่งต่าง ๆ ในชีวิตไม่ได้เป็นไปด้วยดีนัก และผมสับสนทั้งทางจิตวิญญาณและจิตใจ การพยายามปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตแบบคนทั่วไปดูเหมือนจะไม่เติมเต็มและไม่มีจุดมุ่งหมายสําหรับผม ผมไม่รู้ว่าจะทําอย่างไรกับชีวิตและไม่เข้าใจว่าผมควรทําอะไรกับชีวิตของตัวเอง ทําไมผมถึงอยู่ที่นี่ จุดประสงค์ของการดํารงอยู่ของผมคืออะไร ผมเติบโตมากับศาสนาหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าศาสนานี้ตอบคําถามที่ผมมีไม่ได้ และผมไม่เคยรู้สึกเชื่อมโยงกับคําสอนของศาสนานี้ได้อย่างเต็มที่ ผมหลงทางมาก และผมหวังว่าจะมีแนวทางการบำเพ็ญให้ผมปฏิบัติตามเพื่อให้ผมได้ค้นพบหนทางของตัวเอง

ตอนนั้นเอง เหมือนเป็นเวลาที่ถูกกำหนดไว้ พี่ชายของผมส่งหนังสือจ้วนฝ่าหลุนมาให้ผมทางไปรษณีย์ ตอนแรกผมไม่รู้จะทําอย่างไรกับหนังสือเล่มนี้ ผมเติบโตมาในเมืองเล็ก ๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา ผมไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการบำเพ็ญ และคำบางคําในหนังสือสีน้ําเงินเล่มนี้ก็ดูแปลก ๆ ไม่ต้องพูดถึงชื่อหนังสือซึ่งผมออกเสียงไม่ถูก ทั้งหมดแปลกใหม่สําหรับผมมาก อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกสนใจหนังสือเล่มนี้อย่างลึกซึ้งและแทบวางไม่ลง ยิ่งผมอ่านมากขึ้นเท่าไร อาจารย์หลี่ก็ยิ่งตอบคำถามมากขึ้นเท่านั้น และจิตใจของผมก็ยิ่งเปิดรับหลักการที่ลึกซึ้งในหนังสือเล่มนี้มากขึ้นเท่านั้น ผมสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่พิเศษมาก ทรงพลังมาก และลึกซึ้งมากเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ และผมรู้สึกว่าผมได้พบหนทางของตัวเองแล้ว

หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ประสบกับบททดสอบครั้งแรก แม้ว่าตอนนั้นผมจะยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ก็ตาม ผมกําลังจะไปท้องฟ้าจําลองกับเพื่อน 3 คน เพื่อดูการแสดงแสงเลเซอร์ ระหว่างทางไปที่นั่น ผมขับรถเลยทางออกจากทางหลวงเพื่อขึ้นทางด่วนระหว่างรัฐ ส่งผลให้เวลาเดินทางของผมเพิ่มขึ้นประมาณ 20 นาที เพื่อแก้ไขปัญหาจากความล่าช้านี้ ผมจึงขับรถเร็วขึ้นเพื่อชดเชยเวลาที่เสียไป ทำให้ผมถูกเจ้าหน้าที่ตํารวจเรียกให้จอดรถ ผมได้รับใบสั่งในข้อหาขับเรถเร็วเกินกำหนด ยิ่งกว่านั้น ผมถูกยึดใบขับขี่เป็นเวลา 2 เดือนด้วย เมื่อเราไปถึงท้องฟ้าจําลอง ก็ช้าเกินไปแล้วและเราพลาดการแสดง ระหว่างทางกลับบ้านขณะขับรถบนทางด่วนระหว่างรัฐ ผมเริ่มรู้สึกว่ารถดับ ปรากฏว่าน้ํามันรถหมด แม้ว่าเข็มที่มาตรวัดระดับน้ำมันจะแสดงว่ายังมีน้ำมันเหลือเกิน 1 ใน 4 ของถัง ผมต้องใช้โทรศัพท์มือถือโทรหาพ่อแม่ และพ่อของผมต้องเอาน้ํามันมาให้ โดยปกติแล้วผมคงทะเลาะกับพ่อด้วยอารมณ์ร้อนของผม แต่เพราะสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากจ้วนฝ่าหลุน ผมจึงสามารถรักษาใจที่สงบไว้ได้

หลังจากคืนนั้น ผมยังคงอ่านจ้วนฝ่าหลุนอย่างต่อเนื่อง ผมอ่านหนังสือจบภายในไม่กี่สัปดาห์ และหลังจากพูดคุยกับพี่ชายของผม ผมก็เริ่มอ่านซ้ำอีกครั้ง แม้ผมจะยังไม่เข้าใจฝ่าอย่างถ่องแท้ และไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการฝึกท่า 5 ชุด แต่ผมก็รู้อยู่ในใจว่าผมต้องการเป็นผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าและต้องการบำเพ็ญ ผมต้องการหลอมรวมเข้ากับคุณสมบัติพิเศษของจักรวาล (ความจริง-ความเมตตา-ความอดทน) และกลับคืนสู่ดั้งเดิมแท้จริงของผม โดยพื้นฐาน ความปรารถนาที่ผมเคยมี ผมสมปรารถนาแล้ว และตอนนี้ผมมีหนทางที่จะปฏิบัติตามแล้ว

เมื่อผมเริ่มบำเพ็ญครั้งแรก ผมตื่นเต้นมากและมีความสุขมาก พี่ชายของผมให้วิดีโอเทปการฝึกท่า 5 ชุดแก่ผม และผมเรียนรู้ได้ค่อนข้างเร็ว แม้ว่าผมจะยังไม่สามารถนั่งขัดสมาธิเพชรและไม่สามารถฝึกท่ายืนฝ่าหลุนได้นานนัก แต่ผมก็รู้สึกพอใจมากในระหว่างการฝึกท่า แต่เนื่องจากความเข้าใจในฝ่าของผมยังผิวเผิน สิ่งที่ผมเริ่มปล่อยวางและเปลี่ยนแปลงตัวเองก็ยังผิวเผินเช่นกัน ผมเข้าใจว่าจิตยึดติดเป็นเพียงเรื่องของวัตถุและเข้าใจว่าการบำเพ็ญซินซิ่งเกี่ยวข้องกับคุณธรรมเท่านั้น นอกจากนี้ ผมไม่ได้วัดตัวเองกับฝ่าด้วย ด้วยความเข้าใจที่ไม่ดีนี้ ผมจึงเริ่มยกระดับตัวเองเพียงผิวเผินเท่านั้น แน่นอนว่าสิ่งนี้จําเป็นต้องเกิดขึ้นเพื่อให้ผมเปลี่ยนเป็นคนดี ซึ่งเป็นก้าวแรกสู่การเป็นผู้ฝึก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ดูเหมือนผมจะไม่ก้าวหน้ามากนัก

ผมอ่านหนังสือเล่มนี้มากขึ้น และก็ชัดเจนว่าสิ่งที่ผมทําอยู่ไม่ใช่การบําเพ็ญที่แท้จริง แม้ว่าผมจะรู้สึกดีกับตัวเองและการฝึกของผมมาก แต่ผมก็ไม่ได้ปล่อยวางจิตยึดติดที่อยู่ลึกลงไป ซึ่งเป็นรากเหง้าของปัญหาทั้งหมดของผม ด้วยเหตุนี้ จิตใจของผมจึงขุ่นมัวและความคิดของผมไม่ชัดเจน ในจ้วนฝ่าหลุน ท่านอาจารย์กล่าวว่า "ในระหว่างการฝึกพลัง (กง) ไม่ว่าจะมีการรบกวนอย่างนี้อย่างนั้นปรากฏ ตัวท่านจะต้องหาสาเหตุในตัวเองว่า มีอะไรที่ท่านยังไม่ได้ปล่อยวางบ้าง" ผมตระหนักจากข้อความนี้ว่า ผมจะต้องปล่อยวางมากกว่าแค่สิ่งผิวเผินหากผมต้องการเป็นผู้ฝึกที่แท้จริงและก้าวหน้าอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่การกระทําและนิสัยของผมที่ต้องเปลี่ยนแปลงและ/หรือละทิ้ง แต่เป็นสิ่งที่อยู่ภายใน คือจิตใจและความคิดของผมที่ต้องเปลี่ยนแปลง หากไม่ทําเช่นนั้น ซินซิ่งของผมจะไม่สามารถยกระดับได้ และการบำเพ็ญของผมก็จะสูญเปล่า

ช่วงเวลาตั้งแต่นั้นจนถึงตอนนี้เหมือนกับการนั่งรถไฟเหาะ ผมก้าวหน้า แล้วก็ตกลงไป แล้วก้าวหน้าอีกครั้ง และตกลงไปอีกครั้ง แต่เพราะการขึ้น ๆ ลง ๆ เหล่านี้ ผมจึงได้เรียนรู้มากมาย ที่จริงนี่เป็นเพียงขั้นตอนการบำเพ็ญเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ในช่วงเริ่มต้นของการบำเพ็ญ ทุกครั้งที่ผมเข้าใจอะไรใหม่ในจ้วนฝ่าหลุน หรือผมฝึกท่าได้นานขึ้น ผมก็จะตื่นเต้นและคิดว่า "ว้าว ผมก้าวหน้าดีมาก" หรือ "ว้าว ผมทําได้ดีมากจริง ๆ" แล้วผมก็จะรู้สึกพอใจโดยไม่รู้ตัว ผลที่ตามมาก็คือ ผมจะตกลงไป เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอยู่ระยะหนึ่ง ต่อมาผมตระหนักได้ว่ามันเป็นเพราะจิตยินดีของผมที่ทำให้ผมตกลงไปหลังจากก้าวหน้าเล็กน้อย เมื่อผมปล่อยวางจิตยึดติดนี้ได้ ผมก็พบว่า หลังจากก้าวหน้าเล็กน้อย ผมก็สามารถก้าวหน้าต่อไปได้เรื่อย ๆ บางครั้งผมรู้สึกว่าตัวเองขี้เกียจ ผมจึงพยายามอ่านหนังสือทุกวันและฝึกท่าเมื่อทําได้ ตอนนี้เมื่อผมเพิ่มเวลาฝึกให้นานขึ้น ผมก็คิดในใจว่า "ผมควรอดทนให้นานขึ้นในครั้งต่อไป"

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมได้ผ่านการทดสอบที่ยากลําบากในการบำเพ็ญของผม ตลอดระยะเวลาหลายวันนั้นจิตใจของผมเริ่มไม่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ และความรู้สึกอุ่น ๆ ในตัวผมก็หายไป ผมถึงกับเริ่มสงสัยว่าผมสามารถบําเพ็ญได้หรือไม่ ผมไม่รู้ว่าทําไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น แต่หลังจากอ่านข้อความหนึ่งใน ฝ่าหลุนต้าฝ่า สิ่งสำคัญต่อการพัฒนา ผมก็พบคำตอบ ท่านอาจารย์หลี่กล่าวว่า "ข้าพเจ้ายังขอบอกพวกท่าน อันที่จริงจิตดั้งเดิมในอดีตของพวกท่านนั้นสร้างขึ้นมาบนพื้นฐานของการเพื่อฉัน เพื่อส่วนตัว จากวันนี้ไปพวกท่านจะทำอะไร พูดอะไร ก็ต้องคิดถึงผู้อื่นก่อน บำเพ็ญจนไร้ความเห็นแก่ตัว ไร้ฉัน บรรลุการรู้แจ้งแท้จริงแห่งการ “เขาก่อน ฉันทีหลัง”" ("จิตพุทธไม่รั่วตกหล่น") หลังจากอ่านข้อความนี้ได้ไม่นาน ผมก็ตระหนักถึงความคิดของผมในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมนึกถึงแต่ตัวเองมากขึ้น ผมคิดแต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเองและไม่คิดถึงคนอื่น และปัญหาของผมก็เพิ่มขึ้นเมื่อผมนึกถึงแต่ตัวเองมากขึ้น จากนั้นผมก็เริ่มกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ และในความพยายามที่จะค้นหาว่าปัญหาคืออะไร ก็ทำให้หมกมุ่นอยู่กับตัวเองมากขึ้น แทนที่จะให้ความสนใจกับการบำเพ็ญซินซิ่งของผม ที่จริงมันเป็นจิตยึดติดในความเห็นแก่ตัวที่เป็นปัญหา เมื่อผมตระหนักได้เช่นนี้ ปัญหาที่มีมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ก็หายไปในชั่วพริบตา ราวกับว่าผมรู้สึกได้ถึงความเมตตาที่บานสะพรั่งอยู่ข้างในตัวผม หลังจากนั้น ผมก็ไม่มีความคิดเห็นแก่ตัวที่นึกถึงแต่ตัวเองอีกแม้แต่ครั้งเดียว และคิดถึงแต่คนอื่นเท่านั้น มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก

ตอนนี้ผมสามารถนั่งขัดสมาธิเพชรได้แล้ว และการฝึกของผมก็มั่นคงขึ้นมาก เมื่อผมฝึกท่านั่งสมาธิ ผมรู้สึกว่ามีกระแสอุ่นไหลไปทั่วร่างกายของผม และผิวของผมก็มักจะอุ่นและแดง ที่โรงเรียน ผมรู้สึกพอใจมาก ผมแค่นั่งเงียบ ๆ ในขณะที่ผู้คนรอบข้างแข่งขันกันและต่อสู้กันเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ผมนั่งอยู่ที่นั่นด้วยจิตใจที่สงบ แต่ก็เศร้าใจมากขณะมองดูพวกเขาเพราะสิ่งที่พวกเขากําลังทําอยู่ ผมเคยเป็นเหมือนพวกเขา และบางครั้งผมก็อยากจะลุกขึ้นมาบอกพวกเขาว่าสิ่งที่พวกเขาทํานั้นผิด และมีอะไรมากกว่าที่พวกเขาคิดอีกมาก แต่เพราะผมเป็นผู้ฝึก ผมก็รู้ว่ามันไม่ใช่พื้นที่ของผมที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาของพวกเขา ผมคิดว่าความต้องการที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวนั้นมีความเชื่อมโยงกับจิตโอ้อวด ผมรู้ว่าความเมตตาทำให้เกิดความรู้สึกเศร้าใจต่อผู้คน แต่ความเมตตาไม่ได้หมายความว่าผมควรเข้าไปยุ่งกับเรื่องของพวกเขา ถ้าผมต้องการช่วยพวกเขาจริง ๆ ผมควรบอกพวกเขาเกี่ยวกับจ้วนฝ่าหลุน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีคนจํานวนไม่น้อยที่โรงเรียนของผมสนใจที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่า และผมได้ให้หนังสือไปหลายเล่ม ผมคิดว่ามันยอดเยี่ยมมากที่พวกเขาสนใจ และผมยิ้มแก้มปริเมื่อผมนึกถึงประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับ การเผยแพร่ฝ่าหลุนต้าฝ่าเป็นสิ่งที่ดี และผมคิดว่าผมต้องก้าวขึ้นไปอีกขั้นในด้านนี้ ในอนาคตข้างหน้า ผมจะพยายามตั้งกลุ่มอ่านฝ่าและเริ่มสนามฝึก และพยายามนำจ้วนฝ่าหลุนเข้าไปวางจำหน่ายในร้านหนังสือในบริเวณที่ผมอยู่

บางครั้งผมรู้สึกท่วมท้นและรู้สึกว่าการบําเพ็ญข้างหน้านั้นยากและซับซ้อนเกินไป ผมพยายามปัดความคิดเหล่านี้ออกไปจากใจทันทีที่มันผุดขึ้นมา เพราะผมรู้ว่ามันเป็นเพียงจิตยึดติดและกรรมของผมที่รบกวนผม พวกมันไม่ต้องการถูกกําจัด มันจึงต่อต้านการบำเพ็ญของผม ผมต้องมีความมั่นคงในใจและมุ่งมั่นที่จะทํามัน และให้ด้านที่บำเพ็ญแล้วของผมเอาชนะด้านที่ยังไม่ได้บำเพ็ญ รวมทั้งยอมรับความยากลําบากที่จะกําจัดกรรมของผม ยิ่งผมทําเช่นนี้มากขึ้น การบําเพ็ญของผมก็ยิ่งยากน้อยลง เมื่อพบปัญหา ผมต้องจําไว้ว่าการเอาชนะมันไม่ใช่เรื่องที่ยากจริง ๆ และเป็นเพียงความคิดและมโนคติผิด ๆ ที่ผมสร้างขึ้นก่อนหน้านี้ที่ทําให้ดูเหมือนเป็นเช่นนั้น ถ้าผมสามารถเพิกเฉยกับภาพลวงตาเหล่านี้และมองไปที่ปัญหาด้วยด้านที่บำเพ็ญแล้วของผม ก็ไม่มีปัญหาที่จะเอาชนะมัน ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม และผมจะสามารถเข้าใกล้ตัวตนดั้งเดิมแท้จริงของผมได้มากขึ้น ท่านอาจารย์กล่าวในจ้วนฝ่าหลุนว่า "ผ่านหมู่ต้นหลิวอันมืดครึ้ม ก็จะมีมวลดอกไม้สะพรั่งและหมู่บ้านอยู่ข้างหน้า" ผมยังต้องก้าวให้กว้างขึ้นในการยกระดับซินซิ่งของผม และประเมินทุกความคิดและการกระทําของผมกับฝ่า