(Minghui.org) เมื่อเจ้าหน้าที่สองคนบังคับให้ฉันนั่งบนโซฟา ฉันรู้ว่าฉันมีช่องโหว่ในการบำเพ็ญของฉัน ฉันติดโทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะการดูวิดีโอสั้น ๆ ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ หมิงฮุ่ยเตือนเราซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ลบแอ็ปอย่าง WeChat หลังจากที่ฉันลบออกแล้ว ฉันก็ติดตั้งใหม่ ฉันรู้ว่าการเสพติดของฉันทําให้เกิดความทุกข์ยาก ฉันขอโทษท่านอาจารย์อย่างเงียบ ๆ

* * *

สวัสดีท่านอาจารย์ ! สวัสดีเพื่อนผู้ฝึก !

ฉันอายุ 53 ปี และฉันเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าในปี 2012 ฉันขอเล่าว่าฉันอธิบายความจริงเกี่ยวกับการประทุษร้ายให้กับตํารวจอย่างไร และฉันทำให้พวกเขาคืนหนังสือต้าฝ่าของฉันได้อย่างไร

การจับกุมและการกักขัง

เย็นวันหนึ่งของเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ขณะที่ฉันกําลังท่องเว็บไซต์ Minghui.org มีคนมาเคาะประตู ฉันเปิดประตู และเจ้าหน้าที่ตํารวจ 5 คนเข้ามา

ฉันอาศัยอยู่คนเดียวและไม่รู้จะทําอย่างไร เมื่อเจ้าหน้าที่คนหนึ่งคว้าโทรศัพท์มือถือของฉัน ฉันก็พูดว่า "คุณกําลังทําอะไร คุณมีหมายค้นหรือเปล่า" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งแสดงแบบฟอร์มที่พิมพ์ออกมาให้ฉันดู เนื้อหาในกระดาษอ่านยากเพราะหมึกจาง แต่ชื่อของฉันตัวใหญ่และชัดเจน

ฉันตอบว่า "ไม่มีตราประทับอย่างเป็นทางการ" พวกเขาเพิกเฉยต่อฉันและรื้อค้นข้าวของของฉันต่อไป

เมื่อเจ้าหน้าที่ 2 คนบังคับให้ฉันนั่งบนโซฟา ฉันรู้ว่าฉันมีช่องโหว่ในการบำเพ็ญของฉัน ฉันติดโทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะการดูวิดีโอสั้น ๆ ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ หมิงฮุ่ยเตือนเราซ้ําแล้วซ้ําเล่าให้ลบแอ็ปอย่าง WeChat หลังจากที่ฉันลบออกแล้ว ฉันก็ติดตั้งใหม่ ฉันรู้ว่าการเสพติดของฉันทําให้เกิดความทุกข์ยาก ฉันขอโทษท่านอาจารย์อย่างเงียบ ๆ

ฉันมีเครื่องพิมพ์หลายเครื่องและหนึ่งในนั้นอยู่บนโต๊ะ ฉันมีธนบัตรที่พิมพ์วลีเกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่า เช่น "ฝ่าหลุนต้าฝ่าดี" และ "ความจริง-ความเมตตา-ความอดทนดี"

จากนั้นฉันก็นึกถึงคําพูดของท่านอาจารย์ที่ว่า "เวลานี้พวกเขาทำร้ายต้าฝ่าและผู้ฝึก วิธีต่าง ๆ ที่ใช้นั้น ชั่วร้าย น่าละอาย กลัวถูกเปิดโปงมากที่สุด" ("ความมีเหตุผล", สิ่งสำคัญต่อการพัฒนา 2)

ฉันคิดว่า "ใช่ มีเจ้าหน้าที่ตํารวจหลายคน แต่ฉันยังสามารถพูดออกมาได้"

ตอนแรกฉันลังเล แต่แล้วฉันก็ตะโกนว่า "ช่วยด้วย ! ช่วยด้วย ! มีโจรอยู่ที่นี่ !" เพราะฉันตะโกนไม่หยุด ตํารวจจึงไม่รู้จะทําอย่างไร ฉันตะโกนต่อไปในขณะที่เจ้าหน้าที่ 2 คนลากฉันเข้าไปในห้องนอน

แม้ว่าจะไม่มีใครมา แต่ฉันก็ยังตะโกนต่อไป ตํารวจหยุดรื้อค้นและสั่งให้ฉันหยุด ฉันพูดว่า "ฉันอยากให้เพื่อนบ้านรู้ว่าพวกอันธพาลบุกเข้ามาในบ้านของฉัน" เขาบอกว่านี่เป็นการจับกุมหมู่และแสดงรายชื่อให้ฉันดู เขาเก็บมันก่อนที่ฉันจะได้อ่าน

เนื่องจากฉันตะโกนไม่หยุด ในที่สุดเพื่อนบ้านหลายคนก็มาและถามว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกว่าเป็นเพราะฉันฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า

"แล้วไง" เพื่อนบ้านคนหนึ่งตอบ "เธอก่อปัญหาอะไรหรือเปล่า" เจ้าหน้าที่บอกว่า ‘ไม่’ แต่รัฐบาลไม่อนุญาตให้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า

"จักรยานไฟฟ้าของฉันถูกขโมย แต่ตํารวจไม่ได้ทําอะไรเลย ทําไมคุณถึงจับคนดีอยู่เรื่อย ทุกคนรู้ว่าเธอ (ฉัน) เป็นคนที่ดีที่สุดในอาคารนี้" เพื่อนบ้านพูด

ตํารวจบอกให้เพื่อนบ้านออกไป

ก่อนที่พวกเขาจะออกไป ฉันขอให้เพื่อนบ้านคนหนึ่งโทรหาลูกสาวของฉัน เธอทําตามที่ขอ

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ฉันถูกนําตัวไปที่สถานีตํารวจ เนื่องจากฉันตะโกนไม่หยุด พวกเขาจึงไม่เอาเครื่องพิมพ์หรือธนบัตรที่พิมพ์ข้อความเกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่าไป ฉันเห็นข้าวของกองโตของฉันบนโต๊ะขนาดใหญ่ในสถานีตํารวจ รวมทั้งคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง หนังสือต้าฝ่าหลายสิบเล่ม ภาพถ่ายของท่านอาจารย์หลี่ ไดรเวอร์ USB หลายตัว ลําโพง 2 ตัว และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง

มีคนถามว่าสิ่งของเหล่านั้นเป็นของฉันหรือไม่ และฉันเริ่มฝึกต้าฝ่าตั้งแต่เมื่อไร เมื่อรู้ว่าพวกเขาพยายามรวบรวมหลักฐานเพื่อใส่ร้ายฉัน ฉันจึงปฏิเสธที่จะตอบและบอกให้พวกเขาหยุดทําความชั่ว ฉันบอกว่าประเทศจีนไม่ใช่พรรคคอมมิวนิสต์จีน และเจ้าหน้าที่ไม่ควรฟังพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างไม่ลืมหูลืมตา

ตํารวจเอาหนังสือต้าฝ่าของฉันทั้งหมดไปไว้อีกห้องหนึ่งยกเว้นสองเล่ม ฉันเช็กประตู และพบว่ามันล็อกอยู่ ฉันจึงออกไปไม่ได้ ดังนั้นฉันจึงนั่งลงและอ่านหนังสือ ฉันรู้ว่าฉันย่อหย่อนในการบำเพ็ญของฉัน แม้ว่าฉันจะยังคงทําสามสิ่ง แต่ฉันก็บำเพ็ญได้ไม่ดีหรือไม่ได้ยกระดับซินซิ่งของตนเอง ฉันมีจิตยึดติดต่อชื่อเสียง ผลประโยชน์ทางวัตถุ ความรู้สึก และตัณหา ฉันทําผิดพลาดมากมาย ฉันมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงและฉันขอความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์

เช้าวันถัดมา เจ้าหน้าที่พยายามพาฉันไปพิมพ์ลายนิ้วมือ แต่ฉันเริ่มตะโกนว่า "ตํารวจกําลังละเมิดกฎหมาย ! รัฐธรรมนูญจีนรับประกันเสรีภาพในความเชื่อ !" เนื่องจากฉันตะโกนไม่หยุด พวกเขาจึงไม่พาฉันไปที่นั่น แต่พวกเขาส่งฉันไปที่ศูนย์กักกันเป็นเวลา 10 วันแทน

ฉันฝึกท่า อธิบายให้คนอื่นฟังเกี่ยวกับต้าฝ่า และค้นหาจากภายในเพื่อยกระดับตัวเอง เมื่อฉันได้รับการปล่อยตัว ฉันรู้ว่าฉันต้องแก้ไขตัวเอง

ฉันรู้ว่าฉันต้องเอาข้าวของของฉันคืนจากสถานีตํารวจ โดยปกติฉันเป็นคนเก็บตัว ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย

การเดินทางไปยังสถานีตํารวจ

ทันทีที่ฉันไปถึงสถานี ในใจของฉันมีแต่คำบ่น—ทําไมพวกเขาถึงเอาข้าวของส่วนตัวของฉันไป

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งขอให้ฉันรอในห้องรับรอง แต่เขาไม่กลับมาจนกระทั่งเวลาบ่ายแก่ ๆ เขานํากระดาษหลายแผ่นมาให้ฉันเซ็นชื่อ ในเอกสารเขียนว่า มีคนมาค้นบ้านของฉันในวันที่… ฉันหยิบปากกาและเขียนชื่อพวกเขาไว้บนมือของฉัน เขาพยายามหยุดฉัน

ฉันบอกว่าฉันจะค้นหาชื่อของพวกเขาบนอินเทอร์เน็ต และฉันจะไม่หยุดแค่นั้น เขาขอร้องฉันว่าอย่าตามหาบุคคลนั้น ไม่เช่นนั้นเขาอาจตกงานเพราะบุคคลนั้นเป็นเจ้านายของเขา เขาบอกว่าเขาจะพยายามคืนข้าวของส่วนตัวของฉัน

หลังจากที่ฉันกลับถึงบ้าน ฉันก็บอกผู้ฝึกคนหนึ่งว่าฉันโต้เถียงกับตํารวจอย่างไร เธอบอกว่าวิธีที่ฉันจัดการกับเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับจิตยึดติดในการแข่งขันและความขุ่นเคือง และมาจากวัฒนธรรมของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อฉันอ่านคําสอนในเวลาต่อมาของวันนั้น ฉันก็ตระหนักว่าเธอพูดถูก และฉันเสียใจที่ประพฤติตัวแย่มาก

ฉันไปสถานีตํารวจในวันต่อมา ครั้งนี้ฉันเดินผ่านห้องรับรองและขึ้นไปชั้นบน เมื่อฉันพบคนที่ฉันกําลังมองหา ฉันก็ขอรับของของฉันคืน เขาพูดว่า "ผมแค่ทําตามคําสั่งและเก็บสิ่งเหล่านี้ไว้ที่นี่ คุณต้องคุยกับผู้มีอำนาจตัดสินใจ" ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ฉันจึงออกไป

ตํารวจไม่ต้องการให้ฉันไปที่นั่นอีก และโทรหาลูกสาวของฉันและขอให้เธอห้ามฉัน "พวกเราคนจีนเชื่อในการเคารพพ่อแม่ ฉันไม่สามารถหยุดแม่ของฉันได้ถ้าเธอต้องการทําอะไร" เธอพูด

เมื่อฉันคุยกับตํารวจในภายหลัง พวกเขาบอกว่าฉันเลี้ยงลูกสาวได้ดี ฉันบอกว่านั่นเป็นเพราะผู้ฝึกปฏิบัติตามหลักการของความจริง-ความเมตตา-ความอดทน

การยกระดับตนเอง

เมื่อเห็นว่ามันเป็นทางตัน ฉันจึงสงสัยว่าฉันควรทําอย่างไร จากการอ่านฟอรัมยุติธรรม (Justice Forum) ฉันได้เรียนรู้ว่าผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าไม่ได้ละเมิดกฎหมายใด ๆ เจ้าหน้าที่ตํารวจต่างหากที่ทําผิดกฎหมาย เราต้องอธิบายเรื่องนี้ให้พวกเขาฟัง

ด้วยความเมตตาในใจ ฉันตัดสินใจเขียนจดหมาย ฉันเขียน 3 ฉบับ ฉบับแรกส่งถึงผู้จัดการหน่วยงานความมั่นคงภายในประเทศ ฉบับที่สองส่งถึงผู้อํานวยการสถานีตํารวจ และฉบับที่สามส่งถึงเจ้าหน้าที่ตํารวจผู้รับผิดชอบคดี

เมื่อฉันไปถึงสถานีตํารวจ ฉันเห็นผู้จัดการหน่วยงานความมั่นคงภายในประเทศและยื่นจดหมายให้เขา "ฉันกําลังศึกษากฎหมาย นี่คือบันทึกของฉัน คุณช่วยดูหน่อยได้ไหม" เจ้าหน้าที่ตํารวจที่รับผิดชอบคดีนี้ก็มาและฉันก็ได้มอบจดหมายให้เขา

มีเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ อยู่ในห้องด้วย และบางคนเริ่มอ่านจดหมาย พวกเขาตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของพวกเขาเป็นครั้งคราวเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ฉันเขียนเกี่ยวกับขั้นตอนทางกฎหมายนั้นถูกต้อง คนหนึ่งลุกขึ้นและเดินไปอีกห้องหนึ่งและถ่ายสําเนา หลังจากนั้นเขาขอให้ฉันออกไปเพราะพวกเขาจําเป็นต้องประชุมกัน ฉันรู้สึกได้ถึงองค์ประกอบที่ชั่วร้ายในมิติอื่นกําลังถูกสลายตัว และฉันยังคงฟาเจิ้งเนี่ยนต่อไป

ประมาณ 20 นาทีต่อมา เจ้าหน้าที่คนหนึ่งขอให้ฉันเข้าไป ทัศนคติของเขาดีขึ้น เขาขอให้ฉันเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อที่เขาจะได้ดู ฉันบอกว่าฉันจะไม่ทําเพราะมันเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของฉัน จากนั้นเขาก็ถามเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในไดรฟ์ USB ฉันไม่ตอบเขา ในที่สุดฉันก็สามารถเอาคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง และหนังสือต้าฝ่าบางเล่มกลับคืนมาได้

หลังจากที่ฉันกลับบ้าน ฉันตระหนักว่าฉันไม่ได้อธิบายความจริงเกี่ยวกับการประทุษร้ายให้กับตํารวจจริง ๆ มีตัวอย่างในฟอรัมยุติธรรม เนื่องจากเจ้าหน้าที่มักใส่ร้ายผู้ฝึกด้วยมาตรา 300 ของกฎหมายอาญา ผู้ฝึกคนหนึ่งจึงท่องจํามาตรานี้ไว้ จากนั้นเธอก็ท่องในศาลและชี้ให้เห็นว่าผู้ฝึกไม่ได้ละเมิดกฎหมายดังกล่าว ผู้พิพากษาพูดไม่ออกเพราะพวกเขาตระหนักว่าการประทุษร้ายไม่มีพื้นฐานทางกฎหมายรองรับ

ดังนั้นฉันจึงซื้อหนังสือ 2 เล่ม เล่มหนึ่งคือรัฐธรรมนูญจีน และอีกเล่มหนึ่งคือกฎหมายอาญา ฉันหามาตราที่กล่าวถึงโดยฟอรัมยุติธรรม และอ่านเนื้อความซ้ํา ๆ

ไปสถานีตํารวจอีกหลายครั้ง

ฉันไปที่สถานีตํารวจและพบผู้จัดการหน่วยงานความมั่นคงภายในประเทศ ฉันบอกเขาว่า "เราทุกคนเป็นพลเมืองจีนและเราควรปฏิบัติตามกฎหมาย" ฉันเปิดหนังสือรัฐธรรมนูญและกฎหมายอาญา ฉันถามว่าเขาอยากอ่านไหมหรือจะให้ฉันอ่านให้เขาฟัง

ผู้จัดการดูประหม่าและเริ่มเดินออกไป

"เดี๋ยวก่อน ! ฉันยังไม่ได้เริ่มอ่านเลย" ฉันพูด

"ผมจะเอาหนังสือของคุณมาคืน " เขาตอบ

ฉันบอกได้ว่าองค์ประกอบที่ชั่วร้ายที่อยู่เบื้องหลังเขากําลังหวาดกลัว เขาให้ถุงที่มีหนังสือต้าฝ่ามากกว่า 10 เล่มแก่ฉัน ฉันกลับบ้าน

หลังจากที่ฉันกลับถึงบ้าน ฉันเช็กกระเป๋าและฉันเห็นหนังสือบางเล่มหายไป เมื่อฉันอ่านฝ่าต่อไป ฉันก็ตระหนักว่าความกลัวของฉันอ่อนลง ครั้งต่อไปที่ฉันไปที่สถานีตํารวจ ผู้จัดการถามว่าทําไมฉันถึงไปที่นั่น ฉันยิ้มและบอกว่าฉันขอคุยด้วยสั้น ๆ และเขาตอบตกลง

"ฉันคิดดูแล้ว" ฉันพูด "ฝ่าหลุนต้าฝ่าสอนให้คนเป็นคนดี ทั้งในที่ทํางาน ในครอบครัว และในสังคม เราต้องการคนดีในสังคม ใช่ไหม"

เขามองมาที่ฉันและไม่รู้จะตอบอย่างไร

ฉันบอกว่าฉันคิดว่าจะฟ้องเขา แต่ฉันกังวลว่าการทําเช่นนั้นจะทําร้ายเขาและครอบครัวของเขา ฉันบอกเขาว่าท่านอาจารย์กล่าวว่า

"ท่านมีความเมตตากรุณาอยู่ตลอด เมตตาต่อผู้อื่น จะทำอะไรก็คำนึงถึงผู้อื่น แต่ละครั้งเมื่อเผชิญกับปัญหาให้คิดก่อนเสมอว่า เรื่องนี้ผู้อื่นรับได้หรือไม่ จะทำร้ายผู้อื่นหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนี้ปัญหาก็จะไม่ปรากฏ" (บทที่ 4 จ้วนฝ่าหลุน)

ดวงตาของผู้จัดการมีน้ําตาเอ่อขึ้นมา เขาคืนหนังสือทั้งหมดของฉันรวมถึงหนังสือที่เขายึดมาจากผู้ฝึกอื่นด้วย เมื่อเดินออกจากสถานีตํารวจ ฉันรู้สึกซาบซึ้งกับความเมตตาของท่านอาจารย์และพลังของต้าฝ่า

ไปสถานีตำรวจครั้งสุดท้าย

หลังจากกลับบ้าน ฉันก็ตระหนักว่าฉันต้องคุยกับเจ้าหน้าที่ตํารวจมากขึ้น เมื่อฉันรู้สึกกลัว ฉันก็อ่านคําสอน

ความกลัวของฉันลดลงและฉันกลับไปที่สถานีตํารวจ และไปหาเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคดี เขาดูประหม่าเมื่อเห็นฉัน แต่ฉันทักทายเขาอย่างเป็นมิตร

"ทําไมคุณถึงมาที่นี่อีก เราคืนข้าวของของคุณไปแล้ว" เขาพูด

ฉันบอกว่าไดรฟ์ USB หายไป

"ออกไป !" เขาแผดเสียง

ความโกรธของฉันพุ่งขึ้น แต่ฉันเตือนตัวเองว่าฉันเป็นผู้ฝึก และฉันรู้ว่าความโกรธเป็นธรรมชาติของปีศาจ ดังนั้นฉันจึงสงบใจและหัวเราะ

เขาดูขัดเขิน ถามว่าทําไมฉันถึงหัวเราะ

"บางคนบอกว่าคุณดุร้าย แต่ฉันไม่เห็นด้วย คุณปฏิบัติต่อพ่อแม่ของคุณอย่างดี ใช่ไหม" ฉันถาม

เขายิ้มและพูดว่า "ผมไม่ได้เป็นคนตัดสินใจเกี่ยวกับสิ่งของที่ยึดมาจากคุณ ผมต้องปฏิบัติตามคําสั่งจากสำนักงานตํารวจ"

"นั่นคือเหตุผลที่ฉันต้องการปรึกษาเกี่ยวกับวิธีแก้ปัญหา ทางเลือกหนึ่งคือให้ฉันมาที่นี่และหารือกัน อีกทางเลือกหนึ่งคือให้ฉันไปที่สำนักงานตํารวจโดยตรง และบอกพวกเขาว่าคุณไม่สามารถตัดสินใจได้" ฉันพูดต่อ

"ผมจะตกงานได้นะ" เขาพูด เขาบอกว่าสำนักงานตํารวจมีการประชุมเมื่อเร็ว ๆ นี้ และสถานีตํารวจทุกแห่งเข้าร่วมด้วย เจ้าหน้าที่ระดับสูงบอกวว่าสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด "มีคนถามเกี่ยวกับสิ่งของที่ยึดได้จากผู้ฝึก และพวกเขาตอบว่า 'ให้ส่งคืน' มีคนถามเกี่ยวกับธนบัตรที่พิมพ์ข้อความไว้ และคําตอบก็คือส่งคืนด้วย" "ทุกครั้งที่คุณมาที่นี่ เราต้องรายงานและตรวจสอบกับสถานีตํารวจ เราต้องปฏิบัติตามคําสั่ง"

ฉันบอกว่ารัฐธรรมนูญของพรรคกําหนดให้สมาชิกอุทิศชีวิตให้กับพรรคคอมมิวนิสต์จีน เขาต้องการเสียสละชีวิตเพื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนหรือ เขาส่ายหัว

"เมื่อดูการรณรงค์ทางการเมืองในอดีต เรารู้ว่าสิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ผู้กระทําความผิดในการรณรงค์หนึ่งกลายเป็นเหยื่อในครั้งต่อไป ดังนั้นการเป็นคนฉลาดดีกว่าการปฏิบัติตามพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างไม่ลืมหูลืมตาไม่ใช่หรือ” ฉันพูด

"แต่ผมต้องปฏิบัติตามคําสั่ง" เขาตอบ

ฉันบอกว่าผู้คนรู้ว่าการประทุษร้ายฝ่าหลุนต้าฝ่าไม่มีพื้นฐานทางกฎหมายรองรับ หากมีการสอบสวนการประทุษร้ายในอนาคต จะไม่มีใคร รวมถึงเจ้านายของเขา ที่จะปกป้องเขา เจ้าหน้าที่เหล่านี้ตกลงที่จะลาออกจากองค์กรพรรคคอมมิวนิสต์จีนและขอให้ฉันกลับมาในสัปดาห์หน้า

วันนั้นฉันยุ่งเล็กน้อย แต่ฉันรักษาสัญญา มีเจ้าหน้าที่ 7 คนอยู่ในห้อง ดังนั้นฉันจึงขอความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์เพื่อให้คนเหล่านี้ได้รับการช่วยเหลือ

พวกเขาถามคําถามฉันมากมาย เมื่อพวกเขาบอกว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจ่ายเงินบํานาญของฉัน ฉันตอบว่าเงินนี้มาจากที่ทำงานของฉัน เมื่อพวกเขาบอกว่าต้าฝ่าเป็นลัทธิ ฉันก็บอกว่านั่นเป็นเรื่องโกหก และต้าฝ่าไม่ได้อยู่ในรายชื่อลัทธิของพรรคคอมมิวนิสต์จีนด้วยซ้ํา มีคนตรวจสอบในสมาร์ตโฟนและยืนยันเรื่องนี้

เมื่อมีคนถามว่าทําไมเราจึงแนะนําให้ผู้คนลาออกจากองค์กรพรรคคอมมิวนิสต์จีน ฉันตอบว่าประชาชนมีเสรีภาพในการเลือกเส้นทางของตนเอง แทนที่จะจมลงไปพร้อมกับระบอบการปกครองนี้ บางคนถามว่าถ้าประเทศจีนวุ่นวายหลังจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนล่มสลายล่ะ ฉันตอบว่าไม่ต้องกังวล หลายประเทศที่ไม่มีพรรคคอมมิวนิสต์ก็ไม่เป็นไรและดีกว่าอีก ดังนั้นเราก็จะไม่เป็นไรเช่นกัน

คนหนึ่งเข้ามาโดยมีถ้วยชาอยู่ในมือ และถามเกี่ยวกับเหตุการณ์เผาตัวเองที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ฉันบอกว่ามันเป็นโฆษณาชวนเชื่อให้เกลียดชังที่สร้างขึ้นโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนและมีช่องโหว่มากมาย ตัวอย่างเช่น ไม่มีทางที่ผู้ให้ความช่วยเหลือคนแรกในช่วงเกิดเหตุฉุกเฉินจะสามารถถ่ายวิดีโอที่ชัดเจนจากทั้งระยะไกลและระยะใกล้ได้ นอกจากนี้ ยังเป็นไปไม่ได้ที่คนที่ถูกเจาะคอจะร้องเพลงได้ ตามที่แสดงให้เห็นในข่าวลวงที่สร้างขึ้น

คนหนึ่งพูดว่า "คุณพูดเรื่องนี้ที่นี่ได้ แต่อย่าพูดบนท้องถนน มิฉะนั้นเราจะจับกุมคุณ"

ฉันพูดว่า "ตํารวจควรจับคนเลว ไม่ใช่คนดี ไม่มีอะไรผิดที่จะพูดความจริง ใช่ไหม"

คนในห้องเห็นด้วยและบางคนพยักหน้า

ฉันมองไปรอบ ๆ และสังเกตว่ามีคนจํานวนมากเข้ามาในห้องเพราะเป็นเวลาอาหารกลางวัน บางคนอยากรู้ และถามว่าทําไมพรรคคอมมิวนิสต์จีนถึงปราบปรามฝ่าหลุนต้าฝ่า ฉันอธิบายว่า เป็นเพราะจํานวนผู้ฝึกมีมากกว่าจำนวนสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน นอกจากนี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังส่งเสริมการต่อสู้ทางชนชั้น ความเกลียดชัง ความโหดร้าย และการโกหก ซึ่งตรงกันข้ามกับหลักการของความจริง-ความเมตตา-ความอดทนของฝ่าหลุนต้าฝ่า

พวกเขาคืนของทุกอย่างให้ฉัน ฉันมีความสุขที่ได้มีโอกาสบอกความจริงกับพวกเขา จากกระบวนการนี้ ฉันได้ปล่อยวางความขุ่นเคืองและแทนที่ด้วยความเมตตา ฉันหวังว่าผู้ฝึกจํานวนมากขึ้นจะได้เรียนรู้พื้นฐานทางกฎหมาย และทํางานร่วมกันเพื่อที่เราจะได้ช่วยท่านอาจารย์ช่วยเหลือผู้คนให้มากขึ้น

(บทความนี้ได้รับการคัดเลือกสำหรับฝ่าฮุ่ยประเทศจีนบน Minghui.org ครั้งที่ 22)