(Minghui.org) ลูกชายวัย 8 ขวบของฉันชื่อหมิงได้รับการวินิจฉัยในเดือนมิถุนายน 2005 ว่าเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ในเด็ก (pediatric rheumatoid arthritis) ร่วมกับภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดในเด็ก (pediatric sepsis) และได้รับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลา 1 ปี แต่แทนที่อาการจะดีขึ้น ข้อต่อของเขากลับผิดรูป กล้ามเนื้อลีบ และในที่สุดเขาก็เป็นอัมพาต นอนติดเตียง ไม่สามารถดูแลตัวเองได้

ขณะที่สถานการณ์ของเราดูสิ้นหวังที่สุด หมิงและฉันได้ยินเกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่าในเดือนพฤษภาคม 2006 แล้วเราก็เริ่มฝึก ด้วยการอ่านคําสอนของฝ่าหลุนต้าฝ่าอย่างต่อเนื่อง ฝึกท่า ค้นหาจากภายใน และยกระดับซินซิ่งของเขา อาการของหมิงก็ค่อย ๆ ดีขึ้น เนื่องจากหมิงต้องลาออกจากโรงเรียนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เพื่อรับการรักษา หมิงจึงล้าหลังในการศึกษา แต่เขาสามารถเรียนตามทันได้และผลการเรียนก็อยู่ในระดับดี เขาสามารถไปศึกษาต่อในต่างประเทศได้และขณะนี้กําลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาเอก

ฉันขอเล่าว่าหมิงประสบกับปาฏิหาริย์ของฝ่าหลุนต้าฝ่าอย่างไร

ปัญญาจากต้าฝ่า

หมิงสามารถเดินได้อีกครั้งในฤดูร้อนปี 2008 และเขาวางแผนที่จะกลับไปเรียนหนังสืออีก เนื่องจากเขาไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กในวัยเดียวกันมาเกือบสามปีแล้ว ฉันจึงตัดสินใจให้เขาเรียนต่อชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 แทนที่จะกลับไปเรียนต่อชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ถ้าเขารู้สึกสบายดี เขาก็ไปโรงเรียนครึ่งวัน ถ้าเขารู้สึกไม่สบาย เขาก็อยู่บ้าน เขา "เรียนจบ" ระดับประถมศึกษาอย่างนี้

ในช่วงมัธยมต้น หมิงทําการบ้านเมื่อเขารู้สึกสบายดีเท่านั้น เนื่องจากเขายังไม่หายดี เขาจึงรู้สึกไม่สบายในบางครั้งและไม่สามารถไปโรงเรียนได้ เมื่อเขาเรียนจบมัธยมต้น เขาสอบติดในโรงเรียนมัธยมปลายชั้นนําของจังหวัด แต่เนื่องจากเขายังไม่หายสนิท เราจึงตัดสินใจให้เขาเข้าเรียนที่โรงเรียนเอกชนในท้องถิ่นแทน เพื่อที่ฉันจะได้ดูแลเขาและเพื่อให้เขาสามารถฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าต่อไปได้

ในช่วงมัธยมปลาย บางครั้งหมิงมีปัญหาสุขภาพ เมื่อเขามีปัญหา ฉันจะลางาน 1 วัน เพื่อฝึกท่าฝ่าหลุนต้าฝ่าและอ่านคําสอนกับเขา เขาทําได้ดีมากในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยและได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนํา ในขณะนั้นเขาหายดีแล้ว เขาสําเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและสําเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทก่อนที่จะไปต่างประเทศเพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก

"นักเรียนที่คิดบวกที่สุดในโรงเรียน"

ในขณะที่เขาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หมิงไม่เพียงแต่มีปัญหาทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังต้องทนทุกข์ทรมานจากการเห็นคุณค่าในตัวเองต่ําและโดดเดี่ยวด้วย เมื่อถึงตอนที่เขาเป็นอัมพาต ฉันเป็นคนเดียวที่เขายอมพบ เขาไม่ยอมพูดคุยสื่อสารกับพ่อหรือปู่ย่าตายายของเขา เขากลัวแสงและสีสันสดใส จึงต้องปิดหน้าต่างและประตูทั้งหมด และปิดผ้าม่านด้วย

หลังจากที่เขาเริ่มบำเพ็ญในต้าฝ่า หลักการของความจริง-ความเมตตา-อดทนได้หล่อเลี้ยงจิตใจที่เยาว์วัยของเขา เมื่อสุขภาพของเขาดีขึ้น สภาพจิตใจของเขาก็ดีขึ้นอย่างมาก ด้วยทัศนคติที่เป็นบวกและใจที่เปิดกว้าง เขาจึงปฏิบัติตามหลักการของฝ่าหลุนต้าฝ่า

ส่วนหนึ่งของการสอบเข้าโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายคือการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ตอนนั้นหมิงยังเดินได้ไม่ดีและบางครั้งฉันยังต้องแบกเขาขึ้นหรือลงบันได อีกทั้งเขายังไม่เคยเข้าเรียนวิชาพลศึกษา ครูและเพื่อนร่วมชั้นของเขาจึงบอกว่า หมิงจําเป็นต้องยื่นคำร้องขอยกเว้นการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ซึ่งต้องมีใบรับรองแพทย์ ถ้าได้รับการอนุมัติ นักเรียนจะได้รับคะแนน 60% ของคะแนนรวมโดยอัตโนมัติ

เมื่อฉันพูดคุยเรื่องนี้กับหมิง เขาตอบว่าไม่ "อาจารย์หลี่ชำระล้างร่างกายของผมให้บริสุทธิ์และผมไม่มีโรค สภาพร่างกายของผมในตอนนี้เป็นการแสดงออกของการกําจัดกรรม ถ้าผมใช้ประวัติทางการแพทย์ของผมเพื่อยื่นขอยกเว้น นั่นหมายความว่าผมยังคงเป็นผู้ป่วยและไม่เชื่อมั่นในท่านอาจารย์หรือต้าฝ่า"

"แล้วลูกจะสอบอย่างไร" ฉันถาม

หมิงตอบว่า "ผมจะเริ่มฝึกซ้อม ผมจะวิ่งพักหนึ่งทุกวันก่อนไปโรงเรียน ผมจะฝึกกระโดดไกลที่โรงเรียน และใช้ลูกบอลน้ำหนักหลังอาหารเย็น ผมไม่สนใจคะแนน แต่ผมจะลงทดสอบ"

ฉันตกลง แม้ว่าฉันจะกังวลว่าเขาจะทําได้หรือเปล่า ท้ายที่สุดข้อต่อของเขาบวมและเดินก็เจ็บปวด แต่หมิงพูดว่าความทุกข์ไม่ใช่ปัญหา

เขาฝึกซ้อมเป็นเวลา 3 สัปดาห์ก่อนเข้าสอบ เมื่อหมิงไปที่สนามกรีฑา เจ้าหน้าที่ของโรงเรียนและครูต่างตกใจ แพทย์ประจำโรงเรียนพบหัวหน้ากรรมการสอบและอธิบายสถานการณ์ หัวหน้ากรรมการสอบส่งคน 3 คนไปหยุดหมิง แต่หมิงยืนกรานที่จะทําการทดสอบกรีฑาทั้งหมดให้เสร็จ หลังจากที่เขาวิ่งครบ 1 รอบหัวหน้ากรรมการสอบก็กอดเขาด้วยความตื่นเต้น “หนุ่มน้อย เธอสุดยอดมาก ในฐานะหัวหน้ากรรมการของการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ฉันขอประกาศว่าเธอได้รับเกรด A" หมิงทําการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่กล้าจินตนาการ และได้รับคะแนน A เรารู้ว่าอาจารย์ช่วยเขา

ในช่วงที่หมิงเรียนมัธยมปลาย หมิงเรียนในห้องเรียนชั้นยอด ซึ่งมีเนื้อหาวิชาที่ยากและนักเรียนแข่งขันกันอย่างดุเดือด นักเรียนส่วนใหญ่เครียดมากโดยเฉพาะในช่วงปีสุดท้าย หลายคนมีภาวะซึมเศร้าและบางคนมีอาการนอนไม่หลับ หมิงยังคงศึกษาฝ่าทุกวันและยังรักษาความสงบในใจได้ เขามุ่งมั่นกับการเรียนและใส่ใจกับจุดหลักและตรรกะของมัน เขาไม่ได้ใส่ใจกับเกรดมากนักและยังคงผ่อนคลาย ในเวลาว่าง เขาฝึกมายากลด้วย

ครูประจําชั้นของเขาเคยโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนและอารมณ์เสีย เมื่อหมิงเห็นเช่นนี้ เขาก็เล่นมายากลที่หน้าชั้นเรียนเพื่อลดความตึงเครียด ครูประจําชั้นรู้สึกประทับใจ ครูประจำชั้นและเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนได้มอบรางวัล "นักเรียนที่คิดบวกที่สุดในโรงเรียน" ให้กับหมิง

เอาชนะความยากลําบาก

ความล้มเหลวครั้งแรกของหมิงเกิดขึ้นระหว่างการสอบเข้าบัณฑิตวิทยาลัย เนื่องจากเขาขาดเรียนหลายครั้งในช่วงประถมศึกษาและมัธยมต้น ความรู้ภาษาจีนและภาษาอังกฤษของหมิงจึงอ่อน จุดแข็งของเขาคือคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมุ่งเน้นไปที่คณิตศาสตร์และฟิสิกส์ในระหว่างการเตรียมสอบโดยหวังว่าจะได้คะแนนสูงในวิชาเหล่านั้น แต่ในระหว่างการสอบวิชาที่เขาชื่นชอบคือคณิตศาสตร์ หมิงตอบคําถามบางข้อได้ไม่ครบเพราะเขาไม่เข้าใจคำถามบางส่วน

หมิงคิดว่าเขาจะสอบไม่ติด เขาโทรหาฉันแล้วบอกว่าเขาวางแผนที่จะไม่เข้าสอบในวิชาที่เหลือ แต่ฉันเตือนให้เขาคิดถึงสิ่งที่ผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าควรทํา ฉันพูดว่า "ไม่มีสิ่งใดที่พวกเราผู้ฝึกประสบเป็นเรื่องบังเอิญ และวิธีที่เรารับมืออาจเป็นตัวอย่างให้กับคนรุ่นหลัง" เขาเงียบไปชั่วขณะแล้วบอกว่าเขารู้ว่าต้องทําอย่างไร ต่อมาเขาบอกฉันว่า เขาคงท่องวลี "ฝ่าหลุนต้าฝ่าดี" และ "ความจริง-ความเมตตา-ความอดทนดี" ตลอดทั้งวัน การทดสอบที่เหลือทั้งหมดเป็นไปด้วยดี

หมิงกังวลมากหลังจากสอบเสร็จ โดยเฉพาะคืนก่อนการประกาศผล ฉันเตือนเขาว่าในฐานะผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า นี่อาจเป็นโอกาสให้เขาหาจิตยึดติดและกําจัดมัน เขาเห็นด้วยและทบทวนประสบการณ์ในอดีตของเขา ตั้งแต่การเลือกมหาวิทยาลัย การเตรียมตัวสอบ และการสอบ เขาตระหนักว่าเขามีความยึดติดกับชื่อเสียงและผลประโยชน์ทางวัตถุรวมถึงความหยิ่งทะนงตน

หลังจากที่เขาค้นพบจิตยึดติดของเขา หมิงก็ผ่อนคลาย เมื่อผลการสอบออกมาในวันรุ่งขึ้น คะแนนของเขาสูงกว่าเกณฑ์การรับเข้าเรียนหลายคะแนน เขาไม่ตื่นเต้น เขาสงบเพราะเขาไม่ยึดติดกับผลลัพธ์อีกแล้ว

ในระหว่างเรียนระดับบัณฑิตวิทยาลัย หมิงเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่เมื่ออาจารย์ที่ปรึกษาของเขาเปลี่ยนทิศทางการวิจัยและเปลี่ยนคนดูแลเขาอย่างกะทันหัน ที่จริงหมิงสนใจอาจารย์ที่ปรึกษาคนนี้เพราะงานวิจัยของอาจารย์ แต่ต่อมาคนที่จบปริญญาเอกที่อายุยังน้อยได้รับมอบหมายให้ดูแลเขาในหัวข้อวิจัยทางวิศวกรรมธรณีเทคนิค ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะกับขนาดและสภาพร่างกายของหมิง นอกจากนี้เขาจําเป็นต้องออกแบบเครื่องมือบางอย่าง (ซึ่งต่อมาได้รับสิทธิบัตรในประเทศและต่างประเทศ) และต้องติดต่อผู้ผลิตเพื่อทำการผลิต ทดสอบ และประกอบเครื่องมือด้วย

เมื่อวัสดุของเขามาถึง หมิงพบว่านักศึกษาคนอื่น ๆ ได้วางแผนวิทยานิพนธ์ไว้แล้ว เวลากระชั้นชิดทําให้สถานการณ์ยากลําบาก และมีแนวโน้มว่าเขาจะสำเร็จการศึกษาล่าช้ากว่ากำหนด

หมิงรู้สึกกดดัน แต่เนื่องจากเขาศึกษาคําสอนของฝ่าหลุนต้าฝ่ามา 10 ปีแล้ว เขาจึงกล้าหาญและพากเพียร เขาแค่มุ่งเน้นไปที่การทำวิจัยโดยไม่ยึดติดกับผลลัพธ์

หมิงอดทนและสงบ เขาทํางานหนักและบางครั้งก็ใช้เวลาทั้งคืนในห้องปฏิบัติการ เขาได้รับปัญญามากมายจากต้าฝ่า ข้อมูลจากการทดลองบางครั้งก็ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ และนักเรียนคนอื่น ๆ บางคนแนะนําให้เขาแก้ไขข้อมูลเพื่อประหยัดเวลา แต่หมิงเตือนตัวเองว่าเขาเป็นผู้ฝึกและปฏิบัติตามหลักการของความจริง-ความเมตตา-ความอดทน หมิงจึงทําการทดลองซ้ําแทนที่จะแก้ไขข้อมูล

ด้วยเหตุนี้ หมิงจึงสามารถทําการวิจัยได้สำเร็จลุล่วงด้วยดี และเขาสําเร็จการศึกษาทันตามกำหนดเวลา เขาได้สมัครเรียนปริญญาเอกในต่างประเทศ ขั้นตอนยืดเยื้อตั้งแต่ใบสมัครและจดหมายรับรอง ไปจนถึงการสัมภาษณ์และการสอบ TOEFL ถ้าเขาไม่มีเอเจนต์ช่วยและต้องทําสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเองในขณะที่ทําการวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาและวิทยานิพนธ์อย่างต่อเนื่อง นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะภาษาอังกฤษของหมิงแย่มาโดยตลอด แต่เขามีความเชื่อมั่นในท่านอาจารย์และต้าฝ่า และไม่ยึดติดกับผลลัพธ์

ด้วยความคิดเช่นนี้ ภาษาอังกฤษของหมิงพัฒนาอย่างรวดเร็ว เขาผ่านการสอบ TOEFL และในที่สุดเขาก็ได้จดหมายตอบรับให้ศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกในต่างประเทศพร้อมกับได้รับทุนการศึกษาเต็มจํานวน

ในฐานะแม่ของหมิง ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องราวของหมิงระหว่างการเฉลิมฉลองวันฝ่าหลุนต้าฝ่าโลกครั้งที่ 26 เพื่อเป็นประจักษ์พยานที่แสดงให้เห็นความพิเศษของฝ่าหลุนต้าฝ่า ฉันหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเห็นว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าอัศจรรย์เพียงไร ฉันขออวยพรให้คุณและครอบครัวพบเจอแต่สิ่งที่ดี !