(Minghui.org) สวัสดีท่านอาจารย์ ! สวัสดีเพื่อนผู้ฝึก !

ปกติฉันอยู่คนเดียว ลูกสาวของฉันเรียน ทำงาน และแต่งงานอยู่ต่างเมือง ชีวิตของฉันจึงค่อนข้างเรียบง่าย และสถานที่ทำงานได้กลายเป็นสภาพแวดล้อมหลักในการบำเพ็ญของฉัน

ฉันทำงานในแผนกตรวจสอบผลิตภัณฑ์ของบริษัทยาแห่งหนึ่ง ฉันทำงานในเขตมหานครไมอามีมานานกว่า 20 ปีแล้ว โดยเปลี่ยนงานไปมาหลายบริษัท ทั้งบริษัทเล็กและใหญ่ ดูเผิน ๆ เหมือนฉันทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพ แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ทุกอย่างถูกจัดวางโดยท่านอาจารย์ ความเหนื่อยยากนี้ทำให้ฉันสามารถลดกรรมของตัวเอง กำจัดความยึดติดที่ฉันต้องละทิ้งออกไป และที่สำคัญกว่านั้นคือ ช่วยเหลือสรรพชีวิตที่ฉันต้องช่วยเหลือ

1. บริษัท K

ขอเริ่มจากตอนที่ฉันเปลี่ยนงานในปี 2005 ฉันเริ่มทำงานในห้องปฏิบัติการของบริษัท K ที่นั่นมีเพื่อนร่วมงานชาวจีนอยู่แล้วคนหนึ่ง ผู้จัดการแผนกของฉันเป็นผู้หญิงฟิลิปปินส์ เธอมอบหมายโครงการที่ค่อนข้างสำคัญให้ฉัน ฉันจัดการโครงการเหล่านี้ได้อย่างราบรื่น และเราทำงานร่วมกันได้ดีมาก เธอยังเพิ่มเงินเดือนให้ฉันมากทีเดียว ในขณะที่ฉันรู้สึกว่าทุกอย่างกำลังไปด้วยดี จู่ ๆ เธอก็ประกาศว่าสามีของเธอต้องย้ายไปทำงานที่อื่น และเธอต้องย้ายตามเขาไปด้วย ฉันรู้สึกผิดหวังมาก

ผู้จัดการคนใหม่เป็นผู้หญิงชาวฮิสแปนิกที่ผู้บริหารระดับสูงแนะนำมา หลังจากนั้นพักหนึ่ง ฉันได้ยินว่าผู้บริหารระดับสูงไม่ยอมรับความสามารถของเธอ แต่เธอก็สามารถรักษาตำแหน่งไว้ได้เนื่องจากความสัมพันธ์ของเธอกับผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งของบริษัท เธอจ้างพนักงานใหม่เข้ามาหลายคน ทุกคนเป็นชาวฮิสแปนิก และตั้งกลุ่มเล็ก ๆ กันขึ้นมา ฉันไม่มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานใหม่เหล่านี้และเข้ากับพวกเขาได้ดี อย่างไรก็ตาม ฉันมีความคิดเห็นบางอย่างเกี่ยวกับผู้จัดการคนนี้ ครั้งหนึ่ง เนื่องจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับงาน ซึ่งที่จริงเป็นเพราะความเข้าใจผิดของเธอ ฉันไม่สามารถรักษาซินซิ่งของตัวเองไว้ได้และโต้เถียงกับเธอเสียงดัง ไม่กี่วันต่อมา เธอพูดติดตลกว่าฉันควรขอโทษเธอ ฉันคิดว่าฉันเป็นฝ่ายถูก ฉันจึงปฏิเสธ ตอนนี้เมื่อมองย้อนกลับไป ฉันรู้สึกละอายใจมาก ในเวลานั้น ฉันหยิ่งยโสและทะนงตน ไม่เหมือนผู้บำเพ็ญเลย ฉันตระหนักได้ในภายหลังว่าฉันมีทัศนคติที่ชอบดูถูกผู้อื่น

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะเป็นอย่างไร ฉันจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นอธิบายความจริงให้กับทุกคนอยู่เสมอ รวมถึงผู้จัดการด้วย ฉันยังให้เธอยืมหนังสือต้าฝ่าด้วย และเพื่อนร่วมงานชาวจีนของฉันก็อ่านเช่นกัน พวกเขาทั้งคู่รับฟังความจริงอย่างดี ผู้จัดการชอบดนตรีต้าฝ่าที่ฉันเปิดในห้องแล็บด้วย

ย้อนไปตอนที่เสินยวิ่นเพิ่งเริ่มการแสดง ฉันจำไม่ได้ว่าเป็นปีแรกหรือปีที่สองที่มาแสดงในพื้นที่ของเรา ผู้จัดการพาเพื่อนร่วมงานของฉันสองคนไปดูการแสดง ปีต่อมา เธอชวนทุกคนในห้องแล็บไปดู ฉันเลยช่วยซื้อตั๋วแบบกลุ่มให้ทุกคน รวมถึงครอบครัวของเพื่อนร่วมงานชาวจีนสามคนของฉันด้วย

ต่อมาเจ้าของบริษัทได้ขายกิจการทั้งหมดให้กับนักธุรกิจชาวอินเดียคนหนึ่ง เนื่องจากการบริหารจัดการที่ไม่ดี บริษัทจึงเริ่มปลดพนักงาน และในปี 2010 บริษัท K ก็ปิดตัวลง

2. จากบริษัท E ไปบริษัท W

ในปี 2011 เจ้าของเดิมของบริษัท K ได้กลับมาดำเนินการที่สถานที่เดิมอีกครั้ง และก่อตั้งบริษัท E ขึ้นมา ฉันจึงเข้าทำงานด้วย เนื่องจากเป็นกิจการใหม่ที่กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และมีพนักงานจำนวนน้อย ฉันจึงไม่แน่ใจเกี่ยวกับอนาคตของบริษัท ขณะเดียวกัน ฉันได้สมัครงานกับบริษัท W ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ และบริษัทได้เชิญฉันไปสัมภาษณ์ ฉันได้รับข้อเสนอตำแหน่งงานที่มีค่าตอบแทนและสวัสดิการที่ดีกว่ามาก และถึงแม้ว่าบริษัท E จะพยายามรักษาฉันไว้ แต่ก็ไม่สามารถให้เงินเดือนที่ใกล้เคียงกันได้ ฉันจึงลาออก แต่พวกเขาก็ยินดีให้ฉันกลับมาทำงานได้ทุกเมื่อ

ที่บริษัท W ผู้จัดการโครงการของฉันเป็นคนอินเดีย และเพื่อนร่วมงานหลายคนเป็นคนจีน บริษัทมีงานมากมาย และฉันทำงานอย่างขยันขันแข็ง ถึงอย่างนั้น ฉันก็รู้สึกว่าผู้จัดการค่อนข้างเข้มงวดกับฉัน ฉันมาทราบภายหลังว่าเขาต้องการจ้างเพื่อนของเขา ซึ่งมาสัมภาษณ์งานตำแหน่งเดียวกับฉัน แต่เนื่องจากคณะกรรมการสรรหาประกอบด้วยผู้จัดการ 7 หรือ 8 คนจากแผนกต่าง ๆ เขาจึงไม่มีอำนาจในการตัดสินใจชี้ขาด เมื่อฉันได้รับการจ้างงาน เขาจึงจู้จี้จุกจิกและวิจารณ์ฉันมากเกินควร ในฐานะผู้บำเพ็ญ ฉันรู้ว่าฉันต้องรักษาวิธีคิดที่ถูกต้อง นั่นคือ ขยัน รับผิดชอบ และอดทนต่อความยากลำบาก แต่ด้วยภาระงานที่หนัก ฉันจึงต้องทำงานล่วงเวลาอยู่บ่อยครั้ง และผู้จัดการก็กำหนดให้ฉันทำงานอย่างน้อยหนึ่งวันในวันหยุดสุดสัปดาห์ของแต่ละสัปดาห์ ทำให้ฉันเหนื่อยล้าทั้งทางร่างกายและจิตใจ ครั้งหนึ่งฉันบ่นกับเพื่อนผู้บำเพ็ญคนหนึ่ง และเธอพูดว่า "คุณก็แค่ไม่อยากอดทนต่อความยากลำบากใช่ไหม" เมื่อมองย้อนกลับไป บางทีท่านอาจารย์ได้จัดวางทั้งหมดนี้ให้ฉันได้ทนทุกข์และกำจัดกรรม

ในทางกลับกัน เนื่องจากฉันมีเพื่อนร่วมงานชาวจีนหลายคนที่บริษัท W ฉันจึงรู้ว่าเป็นหน้าที่ของฉันที่จะต้องอธิบายความจริง หลังจากเข้าทำงานที่บริษัทนี้ ฉันพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานทุกครั้งที่มีโอกาสเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงครอบครัวของฉันหรือการเดินทางไปประเทศจีน ฉันอธิบายว่าฉันกลับประเทศจีนไม่ได้เพราะฉันฝึกฝ่าหลุนกง และอธิบายความจริงให้พวกเขาฟัง ผู้จัดการโครงการอีกคนหนึ่งได้ยินคำว่า "ฝ่าหลุนกง" ก็พูดว่า "ผมเกลียดฝ่าหลุนกง" ฉันถามเขาว่าเขาเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับฝ่าหลุนกงบ้างไหม เขาไม่เคยอ่าน ฉันรู้ว่าเขาถูกโฆษณาชวนเชื่อของพรรคคอมมิวนิสต์จีนหลอก ฉันเล่าประสบการณ์ของตัวเองว่าฉันได้รับประโยชน์ทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างไร เขาก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรอีก หลังจากที่ฉันออกจากบริษัทนี้ ฉันได้ยินว่าเมื่อไรที่มีคนพูดถึงชื่อของฉัน เขาจะพูดว่า "เธอเป็นคนดี !" เพื่อนร่วมงานผู้ชายอีกคนหนึ่งได้รับอิทธิพลอย่างมากจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน เขาพูดคำโกหกของพรรคซ้ำ ๆ เราถกเถียงกันนาน 2 ชั่วโมง ในที่สุดเขาก็ตกลงที่จะอ่านจ้วนฝ่าหลุน ฉันให้เขายืมอ่าน หลังจากอ่านแล้ว เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพื่อนร่วมงานผู้หญิงคนหนึ่งเปิดใจกว้างมากกว่า เธอยอมรับความจริงได้ง่ายและอยากอ่านจ้วนฝ่าหลุน หลังจากอ่านแล้ว เธอก็บอกว่ามันเยี่ยมมาก

ประมาณหนึ่งปีครึ่งต่อมา มีข่าวว่าบริษัท W กำลังควบรวมกิจการกับบริษัทใหญ่อีกแห่งหนึ่ง ผู้คนต่างคาดเดากันไปต่าง ๆ นานาว่าจะมีการปลดพนักงาน ฉันไม่ได้คิดอะไรมาก แค่ทำงานของตัวเองไป เมื่อผ่านไปอีก 3-4 เดือนก็เป็นจริงตามคาด การปลดพนักงานครั้งใหญ่เริ่มต้นขึ้น ในกลุ่มของฉันมีคนถูกเลิกจ้าง 2 คน และฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น พนักงานที่ถูกเลิกจ้างหลายคนรู้สึกสะเทือนใจมาก บางคนร้องไห้ออกมา "ทำไมต้องเป็นฉัน" ฉันสงบเพราะฉันคาดไว้แล้ว เพื่อนร่วมงานชาวจีนบางคนคิดว่ามันไม่ยุติธรรม และถามฉันว่าทำไมฉันไม่ประท้วง ฉันแค่ยิ้มแล้วบอกว่า "บางทีฉันอาจเคยติดหนี้เขาไว้ก็ได้"

ฉันต้องเผชิญกับการหางานทำอีกครั้ง ฉันคิดถึงบริษัท E แต่ก็รู้สึกอาย เพราะฉันลาออกทั้ง ๆ ที่พวกเขาพยายามรั้งฉันไว้ แต่ไม่มีโอกาสจากที่อื่น ฉันจึงติดต่อพวกเขา และพวกเขาก็ยินดีต้อนรับฉันกลับไปอย่างอบอุ่น

3. กลับไปบริษัท E

ฉันกลับไปที่บริษัท E ในปี 2013 หัวหน้าพูดล้อเล่นว่า "คุณอยากลาออก แต่ตอนนี้คุณกลับมาแล้วนะ !" ฉันพูดว่า "ฉันจะไม่ลาออกอีกแล้ว ฉันจะอยู่และทำงานที่นี่" เขาตอบทีเล่นทีจริงว่า "อืม ไว้คอยดูกัน"

ในปีต่อ ๆ มา บริษัทก็ค่อย ๆ เติบโตขึ้น ทักษะที่ฉันได้เรียนรู้จากบริษัท W โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือและการพัฒนาวิธีวิเคราะห์ต่าง ๆ มีประโยชน์มาก พวกเขาซื้อเครื่องมือมือสองมาให้ และฉันก็สามารถฝึกอบรมพนักงานใหม่ ฉันมีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่ง แต่ฉันปฏิเสธและแนะนำเพื่อนร่วมงานที่อายุน้อยกว่าแทน ต่อมาหัวหน้างานคนหนึ่งบอกกับเพื่อนร่วมงานอีกคนว่า "ลินดามีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่งหลายครั้ง แต่เธอปฏิเสธ เธอไม่ยุ่งกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล" เขารู้จักฉันดี ฉันแค่อยากได้งานที่มั่นคง เพื่อจะได้มีเวลาทำโครงการของต้าฝ่ามากขึ้น

เมื่อบริษัทอยู่ในช่วงที่รุ่งเรืองที่สุด มีชาวจีนที่จบปริญญาเอกหลายคนเข้ามาร่วมทีมวิจัยและพัฒนา ฉันจึงใช้โอกาสนี้อธิบายความจริงกับพวกเขาทุกคน และช่วยให้พวกเขาลาออกจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนและองค์กรในเครือ ซึ่งบางครั้งยังรวมถึงสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาด้วย

เมื่อการระบาดของโควิด-19 เริ่มขึ้นที่อู่ฮั่น บริษัทยาของเรายังคงเปิดดำเนินการ พนักงานฝ่ายผลิตและหัวหน้าฝ่ายคนหนึ่งแสดงอาการ และทุกคนรู้สึกกังวล ฉันรู้สึกว่าถึงเวลาที่ต้องพูด ฉันเขียนจดหมายอธิบายความจริงสั้น ๆ พร้อมแนบลิงก์วิดีโอของ Epoch Times ที่เปิดโปงการปกปิดของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP), คำร้องเพื่อ “ยุติ CCP” และบทความเกี่ยวกับพลังของการท่อง “ฝ่าหลุนต้าฝ่าดี ความจริง-ความเมตตา-ความอดทนดี” ฉันได้ส่งให้กับผู้ติดเชื้อทั้งสองคน รวมถึงรองประธานและผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลด้วย ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลขอบคุณฉัน รองประธานไม่เพียงขอบคุณฉันสำหรับข้อมูล แต่ยังบอกด้วยว่าเธอชอบ Epoch Times ปรากฏว่าเธอเป็นผู้อ่านประจำอยู่แล้ว ซึ่งทำให้ฉันประหลาดใจ

เพื่อนร่วมงานสองคนที่ทำงานอยู่ใกล้ฉันในห้องแล็บติดเชื้อ ระหว่างที่พวกเขากักตัวอยู่ที่บ้าน ฉันยังคงติดต่อกับพวกเขาและบอกให้พวกเขาท่องวลีข้างต้นทั้งสอง ทั้งคู่หายเป็นปกติ

หลังการระบาดใหญ่ ผลประกอบการของบริษัทตกต่ำลง พวกเขาระงับการให้เงินสมทบเข้ากองทุน 401k และหยุดจ่ายโบนัส ปกติฉันไม่ค่อยสนใจข่าวซุบซิบในบริษัท แต่ฉันสังเกตว่าหลายคนลาออก ตั้งแต่ระดับบนสุดไปจนถึงระดับล่างสุด รวมถึงเพื่อนร่วมงานชาวจีนด้วย เจ้าของบริษัทเสียชีวิตอย่างกะทันหัน และญาติ ๆ ของเขาเข้ามารับช่วงต่อ ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในฝ่ายบริหาร

ตอนเข้าทำงานฉันเคยสัญญาไว้ว่าจะอยู่ต่อ ฉันจึงไม่เคยคิดจะลาออก แต่ภายในเวลาไม่นานฉันพบว่า ในห้องแล็บเหลือคนแค่ 3 หรือ 4 คน ฉันเริ่มสงสัยว่าตัวเองดื้อรั้นหรือเปล่า ฉันลองค้นหาข้อมูลทางออนไลน์อย่างลวก ๆ และพบว่าบริษัท A กำลังรับสมัครพนักงานในตำแหน่งที่คล้ายกัน ฉันจึงสมัครและถูกเรียกสัมภาษณ์งานอย่างรวดเร็ว และได้รับการเสนองานนี้ ถึงแม้ฝ่ายบริหารจะพยายามโน้มน้าวให้ฉันอยู่ต่อ แต่ฉันรู้สึกว่าท่านอาจารย์ได้จัดวางเส้นทางใหม่ไว้ให้ฉันแล้ว

บริษัท A (บริษัทปัจจุบันของฉัน)

ฉันเข้าทำงานในบริษัท A ในปี 2022 หลังจากคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมและเครื่องมือต่าง ๆ แล้ว หัวหน้างานของฉันขอให้ฉันรีบเข้าไปช่วยวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์โดยใช้เทคนิค high-performance liquid chromatography (HPLC) ด้วยวิธีทดสอบหมายเลข 605

ขณะทำการวิเคราะห์กับเพื่อนร่วมงาน ฉันได้เรียนรู้ว่าวิธีวิเคราะห์นี้มักเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดอยู่บ่อย ๆ และไม่มีใครรู้ว่าทำไม วิธีวิเคราะห์แต่ละขั้นตอนจึงมีข้อกำหนดที่เข้มงวดมาก เช่น ต้องใช้ guard column ก่อน chromatographic column หลัก และ guard column ต้องมี filter ด้วย น้ำที่ใช้ในการเตรียมสารละลายต้องเป็นน้ำบริสุทธิ์สูงเกรด HPLC (HPLC-grade ultra pure water) แม้จะมีการระมัดระวังสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด แต่ปัญหาก็ยังคงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เมื่อไรที่เกิดปัญหาขึ้น พวกเขาจะเปลี่ยน chromatographic column หลัก หรือ guard column ตลอด chromatographic column อันหนึ่งราคาสูงกว่า 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ guard column ราคาหลายร้อยดอลลาร์ HPLC-grade ultra pure water หนึ่งขวดราคาเกือบ 100 ดอลลาร์สหรัฐ และต้องใช้หลายขวดสำหรับการวิเคราะห์แต่ละครั้ง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การวิเคราะห์นี้มีค่าใช้จ่ายสูงมาก

หลังจากคุ้นเคยกับวิธีวิเคราะห์แล้ว ฉันก็เริ่มวิเคราะห์ด้วยตัวเอง การวิเคราะห์สองสามครั้งแรกค่อนข้างราบรื่น แต่ไม่นานนัก ความผิดปกติก็เริ่มปรากฏขึ้น ฉันต้องหารือวิธีแก้ปัญหากับหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงาน ฉันตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าวิธีวิเคราะห์หมายเลข 605 ทารุณมากขนาดไหน หลายคนในบริษัทรู้เรื่องนี้ดี ทันทีที่มีคนพูดถึง "605" คนอื่นจะถอนหายใจและส่ายหัว เหมือนมันถูกสาป ถึงกับมีคำกล่าวว่า "ทุกคนหนี 605" ซึ่งหมายความว่าทุกคนที่ต้องทำการวิเคราะห์ด้วยวิธีนี้ สุดท้ายก็ลาออกเพราะมัน ไม่น่าแปลกใจที่ในกลุ่มของฉันมีแต่คนค่อนข้างใหม่ คนที่อยู่ก่อนหน้าพวกเขาทุกคนลาออกเพราะการวิเคราะห์นี้ ตอนนั้น ฉันรู้สึกเสียใจจริง ๆ ที่ลาออกจากบริษัทเดิม ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกระโดดลงไปในหลุมไฟ

หัวหน้าของฉันหวังว่าฉันจะสามารถวิจัยและหาวิธีแก้ปัญหานี้ได้ ฉันจึงตกลงที่จะคิดหาวิธีดู ฉันเสนอให้เราลองใช้วิธีวิเคราะห์นี้โดยไม่ใช้ guard column เธอบอกว่าไม่ได้เพราะระเบียบวิธีที่เป็นทางการกำหนดไว้เช่นนั้น ต่อมา มีครั้งหนึ่ง เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งได้ผลวิเคราะห์ที่ผิดปกติ ทำให้ต้องตรวจสอบซ้ำ ฉันเป็นผู้รับผิดชอบทำการทดสอบยืนยัน ซึ่งต้องทำให้เสร็จภายในวันเดียวกัน แต่เมื่อฉันวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือสองเครื่อง chromatographic peaks ที่ออกมาก็ผิดปกติทั้งคู่ ฉันเกือบทนไม่ไหว ฉันบอกหัวหน้าของฉันว่า "นี่มันคือการทรมานจริง ๆ !" เธอคุมอารมณ์ไม่อยู่และตะโกนว่า "ทรมานหรือ ! ฉันก็อยากลาออกมานานแล้ว !"

เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ฉันจึงตัดสินใจถอด guard column ออกแล้วลองใหม่อีกครั้ง ฉันแปลกใจมากที่ chromatographic peaks ออกมาดีเยี่ยม อย่างไม่รอช้า ฉันตัดสินใจถอด guard column ออกจากวิธีทดสอบหมายเลข 605 ที่จะทำในอนาคตทั้งหมด และผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้ก็ออกมาดีเยี่ยม

ใครจะคิดว่า "guard column" ไม่เพียงไม่ได้ช่วยป้องกันอะไร แต่ยังเป็นต้นเหตุของความทุกข์ทรมานมากมายอีกด้วย นี่น่าจะเป็นผลจากการที่บางคนด่วนสรุประหว่างพัฒนาวิธีวิเคราะห์นี้

หลังจากนั้น ฉันได้ปรับปรุงขั้นตอนการทำความสะอาด chromatographic column ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของ column ได้อย่างมาก นอกจากนี้ ฉันได้ทดลองเตรียมสารละลายโดยใช้ deionized water ที่ผ่านการกรอง แทนการใช้ HPLC-grade ultra pure water ที่มีราคาแพง การเปลี่ยนมาใช้วิธีวิเคราะห์ที่ปรับใหม่จนถึงตอนนี้ ช่วยลดค่าใช้จ่ายอย่างมาก และการทดลองก็ง่ายขึ้นมาก ไม่มีใครลาออกเพราะวิธีวิเคราะห์หมายเลข 605 อีกแล้ว คำสาปได้ถูกทำลายแล้ว

หัวหน้าของฉันบอกฉันว่า "ฉันรู้สึกขอบคุณคุณจริง ๆ ที่แก้ปัญหานี้ คุณไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้มันยากขนาดไหน ไม่มีใครเลยที่รู้สถานการณ์นี้แล้วอยากมาอยู่ในกลุ่มของฉัน" เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งก็พูดเช่นกันว่า "คุณช่วยบริษัทประหยัดเงินไปได้เยอะเลย พวกเขาควรให้โบนัสก้อนโตกับคุณ" ฉันแค่ยิ้ม ในฐานะผู้บำเพ็ญ เราทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทน

ส่วนเรื่องสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน พนักงานส่วนใหญ่พูดภาษาสเปน ฉันไม่แน่ใจเปอร์เซ็นต์ที่แน่นอน แต่คาดว่าน่าจะอย่างน้อย 95 เปอร์เซ็นต์ ทีมเล็ก ๆ ของเรารวมเข้ากับกลุ่มเล็กอีกกลุ่มหนึ่ง รวมแล้วประมาณ 10 คน และฉันเป็นคนเดียวที่ไม่ใช่คนชาวฮิสแปนิก นอกจากเวลาประชุมหรือเวลาที่คนพูดกับฉันโดยตรงแล้ว ที่เหลือฉันได้ยินแต่ภาษาสเปน ในที่ทำงานเก่าของฉัน ไม่ว่าภาษาแม่จะเป็นภาษาอะไร ทุกคนจะพูดภาษาอังกฤษในพื้นที่ส่วนรวม แต่ที่นี่ไม่เป็นเช่นนั้น ยกตัวอย่างเช่น แม้แต่เวลาพูดต่อหน้าฉัน ผู้จัดการและเพื่อนร่วมงานอีกคนหนึ่งก็ยังพูดภาษาสเปน ตอนแรกก็ปรับตัวยาก แต่ตอนนี้ฉันชินแล้ว

เนื่องจากพนักงานส่วนใหญ่ในแผนกของเราเป็นผู้หญิง จึงมีการพูดคุยกันตลอดเวลาทั้งระหว่างทำงานและหลังเลิกงาน ครั้งหนึ่ง ฉันพูดกับเพื่อนร่วมงานผู้ชายคนหนึ่งที่ทำงานในห้องเดียวกับฉันว่า "ฉันไม่เข้าใจว่าพวกเขาพูดอะไร" เขาตอบว่า "คุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจหรอก พวกเขาก็แค่นินทากัน" ฉันรู้สึกว่าเขาพูดมีเหตุผล บางทีท่านอาจารย์อาจกำลังบอกใบ้กับฉัน พอฉันพูดอีกครั้งว่าฉันไม่เข้าใจบทสนทนาของพวกเขา เขาก็บอกว่า "ลินดา คุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจหรอก พวกเขาก็แค่นินทากัน" ฉันรู้สึกว่าท่านอาจารย์กำลังบอกใบ้ฉันอีกครั้ง ฉันควรปล่อยวางความอยากรู้อยากเห็นนี้ ท่านอาจารย์อาจจัดวางสภาพแวดล้อมแบบนี้เพื่อช่วยให้ฉันรักษาจิตใจที่สงบและบริสุทธิ์ก็ได้

แม้ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ฉันก็ยังหาโอกาสแบ่งปันความงดงามของฝ่าหลุนต้าฝ่า การประทุษร้ายของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และการแสดงของเสินยวิ่น เพื่อนร่วมงานสองคนอ่านหนังสือฝ่าหลุนกงจบแล้ว และต้องการอ่านจ้วนฝ่าหลุนต่อ บางคนยังอ่านไม่จบ แต่พอได้พูดคุยกับฉัน ตอนนี้ก็เข้าใจแล้วว่าฝ่าหลุนกงคือการฝึกที่สอนให้คนเป็นคนดี ทุกฤดูกาลของเสินยวิ่นฉันจะนำแผ่นพับมาแจกให้ทุกคน หลายคนสนใจ และบางคนก็ไปดูการแสดงมาแล้ว

ข้อคิดปิดท้าย

เรื่องราวข้างต้นนี้เป็นการสรุปประสบการณ์การทำงานของฉันในบริษัทต่าง ๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สิ่งที่ฉันตระหนักได้คือ ทุกครั้งที่ฉันก้าวเข้าสู่สภาพแวดล้อมใหม่ มันเหมือนการเปิดม่านการแสดงที่ยิ่งใหญ่ เราเดินบนเวทีร่วมกับสรรพชีวิต สร้างกรรมสัมพันธ์ เราต้องแสดงบทบาทที่ท่านอาจารย์ได้จัดวางไว้ให้ดี ที่สำคัญคือต้องทบทวนอยู่เสมอว่าเราทำหน้าที่นั้นได้ดีหรือยัง และต้องระลึกไว้เสมอว่า เราคือผู้บำเพ็ญ เราไม่สามารถหลงทางอยู่ในโลกมนุษย์ได้ หลังจากผ่านการทดสอบและการหล่อหลอมมากว่า 20 ปี จิตยึดติดของมนุษย์หลายอย่างได้ถูกขจัดไปแล้ว ความหยิ่งยโสและทะนงตนที่ฉันเคยมีก็หายไปแล้ว ฉันไม่บ่นอีกแล้ว ส่วนใหญ่ฉันมีจิตใจถ่อมตนและรู้สึกขอบคุณ เห็นคุณค่ากรรมสัมพันธ์กับทุกคนรอบตัว ดังที่ท่านอาจารย์กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพชีวิตมาเพื่อฝ่า การกระทำของเราจะเป็นการอ้างอิงสำหรับอนาคต

แน่นอนว่าฉันยังคงแสดงจิตยึดติดของมนุษย์ออกมามากมาย โดยเฉพาะในบริษัทที่ทำงานอยู่ในปัจจุบัน ท่านอาจารย์ใช้สถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ฉันเห็นจิตยึดติดเหล่านี้ โชคดีที่ตอนนี้ฉันสามารถรับรู้มันได้อย่างรวดเร็ว จับมันได้ และพยายามอย่างหนักเพื่อกำจัดมันออกไป

ฉันจะมุ่งมั่นในการเป็นผู้บำเพ็ญที่แท้จริงและมั่นคง

ขอบพระคุณท่านอาจารย์ ! ขอบคุณเพื่อนผู้ฝึก !

(บทความนี้ได้รับการคัดเลือกจากการประชุมฝ่าฮุ่ยฟลอริดาปี 2025)