(Minghui.org) ฉันเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าก่อนที่การประทุษร้ายจะเริ่มขึ้น ก่อนหน้านั้นฉันสุขภาพไม่ค่อยดี ถ้าฉันไม่ป่วยสัก 2 วัน วันที่ 3 ฉันก็จะป่วยอย่างแน่นอน ฉันมีฉายาว่า "แม่นางจอมป่วย" นอกจากนี้ฉันยังเป็นคนหุนหันพลันแล่นและเข้มงวด

น้องสาวของฉันแนะนำฝ่าหลุนต้าฝ่าให้ฉัน เพราะเห็นว่าฉันป่วยอยู่เสมอ ๆ และเธอบอกว่ามันมีประสิทธิภาพอันน่าอัศจรรย์ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บและช่วยเสริมสร้างสุขภาพด้วย เธอให้หนังสือจ้วนฝ่าหลุนและภาพถ่ายของท่านอาจารย์แก่ฉัน ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้รูปภาพของท่านอาจารย์กลับมาที่บ้าน ฉันซื้อกรอบรูปมาใส่และแขวนภาพนั้นไว้บนผนัง

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฉันใช้เวลาว่างในการอ่านฝ่าและออกไปฝึกท่าที่สนามฝึก ฉันรู้ว่าต้าฝ่าสอนให้เป็นคนดี และเมื่อฉันเป็นโรคจากกรรม ฉันรู้ว่าท่านอาจารย์กำลังชำระร่างกายของฉัน ใจของฉันไม่หวั่นไหวเมื่อฉันรู้สึกไม่สบายเพราะฉันรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับฉัน อย่างไรก็ตามจุดที่ฉันยังบกพร่องคือความเข้าใจในการบำเพ็ญที่ตื้นเขิน

เนื่องจากฉันขาดความเข้าใจในฝ่าอย่างลึกซึ้ง ทำให้สภาวะการบำเพ็ญของฉันตกลงไปมากเมื่อการประทุษร้ายเริ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ฉันรู้ว่าต้าฝ่าดีและฉันไม่เคยคิดจะไปจากต้าฝ่า

เมื่อฉันเห็นผู้ฝึกอื่น ๆ ไปปักกิ่งเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ต้าฝ่า ฉันทำตามไม่ได้เนื่องจากความกลัวและความรู้สึกที่มีต่อครอบครัวของฉัน ฉันรู้สึกว่าทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวัง ฉันรู้สึกเจ็บปวดทุกข์ทรมานมากในส่วนลึกและร้องไห้ที่บ้านบ่อย ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้

เนื่องจากฉันไม่สามารถยืนหยัดที่จะอ่านฝ่าและฝึกท่าทุกวันได้ ฉันจึงเปลี่ยนไปเหมือนกับคนธรรมดาสามัญตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

การทำงานกับผู้ฝึกอื่น

ฉันกลับมาบำเพ็ญอีกครั้งในปี 2005 และเริ่มทำงานร่วมกับผู้ฝึกอื่นในการทำเอกสารอธิบายความจริง ฉันอยากจะชดเชยให้กับช่วงเวลาที่สูญเสียไปและพยายามทำให้คนรู้จักต้าฝ่าเพิ่มมากขึ้น

เนื่องจากฉันอ่านฝ่าน้อย จึงจบลงด้วยปัญหาความขัดแย้งกับผู้ฝึกอื่นเสมอ ๆ ฉันไม่สามารถมองค้นหาข้างในตนเอง ต่อมาฉันจึงตัดสินใจทำงานตามลำพัง ฉันซื้อคอมพิวเตอร์และเครื่องพิมพ์เพื่อดาวน์โหลดเอกสารออนไลน์ผ่านเว็บไซต์หมิงฮุ่ย และเริ่มทำเอกสารข้อมูลที่บ้าน หลังจากนั้นก็นำเอกสารเหล่านั้นไปแจก

ฉันบำเพ็ญตามลำพังเช่นกัน จากการอ่านฝ่าฉันจึงรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง หลังจากที่ฉันมองเข้าข้างใน ฉันตระหนักว่าฉันมีจิตยึดติดในการดูถูกผู้อื่น จิตยึดติดในการถือตัวเองเป็นสำคัญ และยึดแน่นกับความหวาดกลัว ฉันยังมีความคิดว่ามันปลอดภัยที่จะแยกตัวออกมาจากผู้ฝึกอื่น

จนเมื่อฉันเริ่มยื่นคำร้องทุกข์ทางอาญากับ เจียง เจ๋อหมิน อดีตประธานาธิบดีจีน ในการเป็นผู้เริ่มการประทุษร้ายฝ่าหลุนต้าฝ่า สภาวะการบำเพ็ญของฉันจึงเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ท่านอาจารย์ยังช่วยฉันในการขจัดจิตยึดติดมากมายด้วย

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฉันได้จัดหาเอกสารต้าฝ่าให้แก่ผู้ฝึกอื่นบางคน และจัดตั้งกลุ่มศึกษาฝ่าที่บ้านของฉัน ทุกคนในกลุ่มของเราได้ทำทั้ง 3 สิ่งที่ผู้ฝึกควรทำตามระดับการบำเพ็ญของพวกเราเอง

ความขุ่นเคืองใจสามี

ตั้งแต่เริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าฉันเปลี่ยนเป็นคนที่มีสุขภาพดี สามีของฉันให้การสนับสนุนเป็นอย่างมากและบอกว่าต้าฝ่ายอดเยี่ยม เมื่อฉันจัดทำเอกสารข้อมูลต่าง ๆ เขาจะสนับสนุนทางการเงินโดยช่วยซื้อหมึกพิมพ์และอุปกรณ์อื่น ๆ เขามักท่อง "ฝ่าหลุนต้าฝ่าดี ความจริง ความเมตตา ความอดทนดี" แล้วเขาก็ได้รับโชคลาภ

สามีของฉันทำงานเกี่ยวกับการก่อสร้างและมักจะต้องออกไปทำงานนอกเมือง ประมาณ 12 ปีที่แล้ว ตอนที่ฉันไปเยี่ยมเขาครั้งหนึ่ง ฉันเห็นเขาเดินกับผู้หญิงคนหนึ่งระหว่างทางกลับบ้านของเขา พวกเขาดูมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก

ในฐานะผู้บำเพ็ญ ฉันอยากจะเชื่อใจเขา แต่กลับทำได้ยากมาก

หลังจากนั้นเมื่อเขากลับมาที่บ้านในช่วงวันหยุด ฉันก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ ต่อเขา ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรพูดอะไร ฉันจึงเฝ้าสังเกตเขาอย่างเงียบ ๆ ฉันสังเกตว่าเขาชอบซื้อเสื้อผ้าเพียงลำพัง และเขาดูไม่ใส่ใจเรื่องของฉันมากนักอีกต่อไป บ้านของเราเป็นเหมือนโรงแรมสำหรับเขาไปแล้ว ฉันเลี้ยงดูลูก ๆ ด้วยตัวเอง และเขาดูไม่ใส่ใจลูก ๆ แล้ว - ตั้งแต่พวกเขาเริ่มเข้าโรงเรียนจนกระทั่งพวกเขาแต่งงาน

ในปี 2007 เมื่อสามีของฉันไปทำงานที่ภาคใต้ของประเทศจีน เขาและผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้พบกันอีก อยู่มาวันหนึ่งเธอโทรศัพท์มาที่บ้านเพื่อถามหาเขา เมื่อฉันรับโทรศัพท์และถามว่าเธอเป็นใคร เธอตกตะลึงนิ่งเงียบไป ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฉันจึงแน่ใจว่าสามีของฉันมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับเธอ เรื่องนี้ทำร้ายความรู้สึกของฉันมาก แต่ฉันไม่ต้องการที่จะพูดเรื่องนี้กับเขา และไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้กับญาติของฉันฟังด้วย ฉันลงเอยด้วยการกล้ำกลืนความเจ็บปวดไว้โดยลำพัง

อยู่มาวันหนึ่งสามีโทรศัพท์มาหาฉันจากเมืองอื่น ทำให้ฉันรู้สึกเศร้ามาก ฉันไม่ได้พูดอะไรกับเขา และร้องไห้ออกมาเสียงดังหลังจากวางสาย ฉันคิดว่าเมื่อเขาไม่อยู่ที่บ้านฉันต้องดูแลทุกสิ่งทุกอย่างเอง ฉันไม่เคยเรียกร้องเงินจากเขา ฉันรับเท่าที่เขาให้ฉันในส่วนที่ครอบคลุมค่าครองชีพเท่านั้น

ตลอดระยะเวลาที่เราแต่งงานกัน เขาไม่เคยซื้อของขวัญดี ๆ ให้ฉันเลย เขาไม่เคยเห็นคุณค่าในสิ่งที่ฉันทำเพื่อเลี้ยงดูลูก ๆ ของเราหรือสิ่งที่ฉันทำให้กับพ่อแม่ของเขา ยิ่งไปกว่านั้นเขายังพูดถึงฉันในทางที่ไม่ดีอีกด้วย หลังจากนั้นเป็นต้นมาฉันก็ค่อย ๆ สะสมความขุ่นเคืองต่อเขา ถ้าลูกของเราโตขึ้น ฉันจะหย่ากับเขา ฉันรู้สึกเจ็บปวดมาก

ท่านอาจารย์พูดไว้ในจ้วนฝ่าหลุน :

“แต่โดยมากเมื่อความขัดแย้งเกิดขึ้น ไม่เสียดแทงเข้าไปถึงจิตของคนก็ยังไม่นับ ยังใช้ไม่ได้ ยกระดับไม่ได้”

ท่านอาจารย์ยังพูดว่า

จิตพุทธของคนคือความดีงาม ปรากฏออกมาเป็นความเมตตากรุณา ทําอะไรจะคํานึงถึงผู้อื่นก่อน สามารถอดทนต่อความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน (“จิตพุทธกับจิตมาร” ใน สิ่งสำคัญต่อการพัฒนา)

ฉันเริ่มท่องประโยคเหล่านี้ทุกวัน และมันทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น

สามีของฉันหยุดเดินทางในปี 2017 และทำงานจากที่บ้าน เขาจะทำหน้าตาเฉยเมยกับฉันหรือไม่ก็แสดงอาการไม่พอใจเป็นครั้งคราวขณะอยู่ที่บ้าน ฉันรู้สึกเกือบจะทนไม่ไหว ครั้งหนึ่งฉันถามเขาว่า "คุณมีคนอื่นหรือเปล่า ถ้าคุณไม่ชอบฉันหรือไม่อยากอยู่ที่นี่ ทำไมคุณไม่ไปล่ะ" เขาเงียบไม่ได้พูดอะไร

อยู่มาวันหนึ่ง ฉันพบว่าเขามีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับผู้หญิงอีกคนจากโทรศัพท์มือถือของเขา พอฉันถามเขาเรื่องนี้ เขาไม่พูด ฉันไม่ทะเลาะกับเขา ฉันอดทนกับเรื่องเดิม ๆ ของเขามานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่ใจของฉันยังคงขึ้น ๆ ลง ๆ

ท่านอาจารย์พูดในจ้วนฝ่าหลุน :

“ทำไมเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ ล้วนเกิดขึ้นเพราะกรรมที่ตัวท่านเองติดค้างไว้ เราได้ช่วยลบล้างให้ท่านไปจำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว เหลือเพียงส่วนน้อยซึ่งแบ่งไว้ในแต่ละระดับชั้น เพื่อให้ท่านได้ยกระดับซินซิ่ง จัดความทุกข์ความลำบากบางส่วนให้ท่านได้ฝึกฝนจิตใจ และขจัดจิตยึดติดทุกประเภท นี่ล้วนเป็นทุกข์ภัยของตัวท่านเองทั้งนั้น เราใช้มันเพื่อยกระดับซินซิ่งของท่าน ซึ่งท่านจะผ่านพ้นไปได้ทั้งหมด ขอเพียงท่านยกระดับซินซิ่ง ก็จะสามารถผ่านพ้นไปได้ เกรงแต่ว่าตัวท่านเองไม่คิดที่จะผ่าน คิดจะผ่านก็จะผ่านพ้นไปได้”

ท่านอาจารย์พูดอย่างชัดเจนว่า ทั้งหมดนี้มาจากกรรมของเราเอง และส่วนที่เหลืออยู่นี้ก็ใช้เพื่อบำเพ็ญซินซิ่งของเรา บางครั้งเมื่อความโกรธผุดขึ้นมา ฉันก็พยายามที่จะกดมันเอาไว้

ฉันค่อย ๆ ปล่อยวางอารมณ์ความรู้สึกที่มีต่อสามี และแทนที่ด้วยความเมตตากรุณา ฉันเริ่มรู้สึกว่าสามีน่าสงสารมาก เพราะเขาหลงอยู่ในวังวน และไม่สามารถแยกแยะถูกผิดได้ พวกเราผู้บำเพ็ญมีท่านอาจารย์และต้าฝ่า พวกเราเป็นคนที่โชคดีที่สุดจริง ๆ

ท่านอาจารย์พูดว่า

“ในฐานะผู้บำเพ็ญ เพื่อการยกระดับหากไม่สร้างสภาพแวดล้อมอย่างนี้ออกมาให้ท่านก็ไม่ได้ มันไม่ได้ถ้าท่านไม่มีเรื่องยุ่งยากอันนี้ ข้าพเจ้ายังจะใช้เรื่องยุ่งยากนี้ยกระดับซินซิ่งของท่าน พร้อมกับการยกระดับซินซิ่ง พลังของท่านเองก็เพิ่มขึ้นด้วย ซินซิ่งของท่านกำลังยกระดับ ใครที่สร้างเรื่องยุ่งยากให้ท่าน เขาก็กำลังให้กุศลท่านไปพร้อมกัน ในขณะที่ท่านเจ็บปวด กรรมของท่านยังแปรผันเป็นกุศลด้วย ท่านได้ทีเดียวสี่ต่อ ท่านควรขอบคุณคนเขาจึงจะถูก ท่านกลับยังเกลียดคนเขา ไม่อาจอดทนต่อคนเขา นั่นก็ไม่ถูกต้องแล้ว” ("การบรรยายฝ่า ณ เมืองฮิวส์ตัน")

เมื่อฉันพบข้อความส่วนนี้ของฝ่าโดยบังเอิญ ฉันก็ยิ้ม ฉันพูดกับสามีว่า "ให้ฉันอ่านฝ่าของท่านอาจารย์ให้คุณฟังส่วนหนึ่ง" ฉันอ่านเสร็จ แล้วพูดว่า “ฉันผิดเองที่เกลียดคุณ ทั้งหมดเกิดจากกรรมของฉันเอง ฉันจะไม่ทำอย่างนั้นอีกต่อไป” เขาสะเทือนใจและตอบว่า “อย่าพูดแบบนั้น”

ฉันรู้สึกว่าเขาเสียใจ

"ถ้าหากไม่ใช่เพราะท่านอาจารย์และต้าฝ่า ฉันไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ฉันต้องขอบพระคุณในความเมตตากรุณาของท่านอาจารย์"

ตอนนี้ระหว่างฉันกับสามีดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ในช่วงเวลาบำเพ็ญที่เหลืออย่างจำกัดนี้ ฉันจะทำให้ดีใน 3 สิ่งที่ผู้ฝึกควรทำ และใช้ฝ่าในการแก้ไขตัวเองให้ถูกต้อง ป็นผู้บำเพ็ญอย่างแท้จริง และกลับบ้านพร้อมท่านอาจารย์

ขอบพระคุณท่านอาจารย์