เมืองเชียอี้ ไต้หวัน :การเพิ่มความตระหนักเกี่ยวกับการปราบปรามฝ่าหลุนต้าฝ่านาน21 ปีของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

(Minghui.org) ผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่ามากกว่า 200 คน ในเมืองเชียอี้ ไต้หวัน รวมตัวกันที่สวนสาธารณะเหวินฮั่วเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2020 เพื่อเรียกร้องให้คนสนใจเรื่องการประทุษร้ายฝ่าหลุนต้าฝ่าอย่างรุนแรงและต่อเนื่องในประเทศจีนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 1999 เป็นต้นมา กิจกรรมที่จัดมีทั้งการฝึกท่าเป็นกลุ่ม แสดงโปสเตอร์และแผ่นป้าย แจกเอกสารข้อมูล และจุดเทียนรำลึก ผู้ฝึกสอนวิธีพับดอกบัวกระดาษที่สวยงามด้วย

ผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าฝึกท่าเป็นกลุ่มที่สวนสาธารณะเหวินฮั่วในเชียอี้

“หวังว่าจะได้เห็นกิจกรรมอย่างนี้มากขึ้น”

แม้ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะปกปิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในช่วงเริ่มต้น แต่เจ้าหน้าที่ชาวไต้หวันก็คอยเฝ้าระวังการอธิบายข่าวที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเผยแพร่ และใช้มาตรการป้องกันที่จำเป็นตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อลดผลกระทบจากแพร่ระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนา

ในขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังคงปราบปรามฝ่าหลุนต้าฝ่าและหลักการของต้าฝ่า ความจริง-ความเมตตา-ความอดทน อย่างต่อเนื่อง ประชาชนในไต้หวันและเจ้าหน้าที่ชาวไต้หวันกลับยอมรับการฝึกนี้ ฝ่าหลุนต้าฝ่า ได้รับการยกย่องอย่างสูงในไต้หวันเพราะไม่เพียงมีประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจของผู้ฝึกเท่านั้น แต่ยังนำประโยชน์มาสู่สังคมโดยทั่วไปอีกด้วย

นักท่องเที่ยวประทับใจที่ผู้ฝึกนั่งสมาธิอย่างสงบ เขาจึงพูดคุยกับผู้ฝึกและรับสื่อสิ่งพิมพ์เกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่าและการประทุษร้าย เขาให้ข้อคิดเห็นว่า “ขอบคุณที่บอกเรื่องนี้ให้ผมทราบ เพราะผมไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ในประเทศจีนเลวร้ายขนาดนั้น” “เสรีภาพในความเชื่อนั้นสำคัญต่อสังคมของเราและมันควรได้รับการปกป้อง”

คนที่เดินผ่านไปมาหลายคนหยุดเพื่อถามคำถาม และเด็ก ๆ ตื่นเต้นที่ได้เรียนวิธีพับดอกบัวกระดาษ มีคนหนึ่งพูดว่า “เราจะไม่ยอมให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนทำสิ่งชั่วร้ายเช่นนี้อีกต่อไป มันต้องหยุด” อีกคนหนึ่งให้ความเห็นว่า “ฉันชอบกิจกรรมประเภทนี้ และหวังว่าจะเห็นกิจกรรมแบบนี้มากยิ่งขึ้น”

ผู้ฝึกแจกเอกสารข้อมูลที่กิจกรรมเพื่อเพิ่มความตระหนักเกี่ยวกับการประทุษร้ายฝ่าหลุนต้าฝ่าในประเทศจีน

อยู่ให้ห่างจากความชั่วร้ายและโอบอุ้มมโนธรรมของคุณ

อาจารย์เกษียณ หลิน เชิง-หลิง เคยมีปัญหานอนไม่หลับและมีโรคตามานานกว่า 10 ปี ลูกสาวและลูกเขยของเธอที่ได้รับประโยชน์จากการฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าเป็นผู้แนะนำต้าฝ่าให้เธอ ลูกสาวของเธอชวนคุณหลินซึ่งในเวลานั้นอายุ 65 ปี เข้าฟังการบรรยายฝ่าหลุนต้าฝ่าเก้าวันในปี 2013

ผลลัพธ์ที่ได้ยอดเยี่ยม หลินเรียนรู้ว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าพิเศษมากและมีคำสอนที่ลึกซึ้ง หลินเล่าว่า “ฉันไม่จำเป็นต้องรับประทานยาอีกต่อไป และมีสุขภาพดีตลอด 7 ปีที่ผ่านมา” “ ไม่เพียงเท่านั้น หลักการของต้าฝ่า ความจริง – ความเมตตา – ความอดทน ยังทำให้สภาพแวดล้อมในครอบครัวของเรากลมกลืนมากขึ้น และเราแทบจะไม่มีความขัดแย้งใดเลย”

ปัจจุบันหลินทำงานให้กับโทรทัศน์ NTD เธอบอกว่าเธออยากเล่าเกี่ยวกับวัฒนธรรมจีนโบราณโดยเฉพาะให้คนที่อายุยังน้อย “ฉันดีใจที่ได้มาอยู่ที่นี่ในวันนี้เพื่อบอกผู้คนว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนผิดอย่างไรที่ปราบปรามผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าซึ่งต้องการเป็นเพียงพลเมืองที่ดียิ่งขึ้นเท่านั้น”

การจุดเทียนรำลึกถึงผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าที่เสียชีวิตจากการประทุษร้ายในประเทศจีน

หวัง ฟังเหลียน เป็นผู้ให้การศึกษาเด็กปฐมวัยมาประมาณ 20 ปีแล้วก็เห็นด้วย ขณะที่เธอนั่งอยู่กับผู้ฝึกคนอื่น ๆ เพื่อจุดเทียนรำลึก เธอบอกว่าอันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายของพรรคคอมมิวนิสต์จีนมากมายจนนับไม่ถ้วน เธอพูดว่า “พวกเขาเป็นประชาชนที่บริสุทธ์เหมือนคุณและฉันที่ต้องการมีสุขภาพดีขึ้นและมีมาตรฐานศีลธรรมที่สูงขึ้น แต่พวกเขาถูกฆ่าตายและบางคนตกเป็นเหยื่อของการถูกปล้นชิงอวัยวะ” “มโนธรรมของฉันบอกให้ฉันพูดแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้”

หวังฟังเหลียนเล่าว่าการกระทำทารุณผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าในประเทศจีนมีทั้งกักขัง จำคุก ทรมานและปล้นชิงอวัยวะ

เหอเป็นครูชั้นประถมศึกษา เธอฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าเป็นเวลา 15 ปีแล้ว เธอเคยเป็นคนที่อารมณ์เสียง่ายและมีปัญหาในการเข้ากับผู้อื่น เธอบอกว่า “ฝ่าหลุนต้าฝ่าสอนให้ฉันมองย้อนเข้าหาตัวเองเมื่อมีความขัดแย้งเพื่อปรับปรุงอุปนิสัยของตัวเอง เมื่อทำอย่างนั้น ฉันพบว่าตัวเองเหมือนเป็นคนใหม่ และชีวิตเต็มไปด้วยความหวัง”

เมื่อพูดถึงการปราบปรามอย่างต่อเนื่องในประเทศจีน เหอบอกว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนหลอกลวงประชาชนมาตลอดประวัติศาสตร์ของเส้นทางการเคลื่อนไหวทางการเมืองมากมาย โดยเฉพาะระบอบการปกครองนี้มักจะยุยงให้ประชาชนกลุ่มหนึ่งโจมตีประชาชนอีกกลุ่มหนึ่ง ส่งผลให้คนจำนวนมากกลายเป็นเหยื่อ เธอบอกว่า “ดังที่เราเห็นกันตอนนี้ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนปกปิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาอย่างไร มีเพียงอยู่ให้ห่างจากความชั่วร้ายของพวกมันและยอมรับมโนธรรมของเราเท่านั้นจึงจะทำให้เราเข้าใกล้อนาคตที่สดใส”