(Minghui.org) ตลอดระยะเวลา 5,000 ปีของประวัติศาสตร์จีน มีประเพณีของการยกระดับจิตใจและฟื้นฟูร่างกาย ที่เรียกว่าการบำเพ็ญปฏิบัติ ซึ่งนำทางให้คนยกระดับตนเองอย่างต่อเนื่องไปสู่ความเป็นพุทธะหรือเต๋า
เชื่อกันโดยทั่วไปว่าชาวจีนเป็นทายาทของจักรพรรดิหยานและจักรพรรดิเหลืองซึ่งอาศัยอยู่ในแถบแม่น้ำเหลืองเมื่อประมาณ 4,700 ปีมาแล้ว มีตำนานมากมายเกี่ยวกับคำพูดและการกระทำของเทพตั้งแต่สมัยจักรพรรดิเหลือง มีผู้บำเพ็ญในทุกราชวงศ์ ไม่ว่าจะเป็นสายพุทธหรือสายเต๋า พวกเขาเป็นที่ เคารพนับถือของทุกคนตั้งแต่จักรพรรดิจนถึงราษฎรทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญญาและคุณธรรมสูงส่ง แม้แต่จักรพรรดิก็ยังพนมมือแสดงความเคารพเมื่อพบเห็นพวกเขา
สื่อจี้ (บันทึกประวัติศาสตร์) หนึ่งในตำราทางประวัติศาสตร์ของจีนที่ได้รับความนับถือมากที่สุด บรรยายถึงการบำเพ็ญเสร็จสิ้นบริบูรณ์ของจักรพรรดิเหลือง และยกระดับผ่านมังกรในบทของ “เฟิงฉาน ซู่” และ “เสี่ยวหวู่เปิ่นจี”
ตำนานเล่าขานอย่างต่อเนื่องในราชวงศ์ต่อมา เรื่องราวของปาเซียนกั๋วไห่ (แปดผู้เป็นอมตะข้ามทะเล (Eight Immortals Crossing the Sea)) มันเป็นที่รู้จักรุ่นแล้วรุ่นเล่า นักพรตลัทธิเต๋าที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ ได้แก่ จาง เต้าหลิน (ราชวงศ์ฮั่น), หวัง ฉงหยาง (ราชวงศ์ซ่ง) และ จาง ซานเฟิง (ราชวงศ์ซ่งถึงราชวงศ์หมิง) ในทำนองเดียวกัน ศาสนาพุทธก็หลงเหลือตำนานไว้มากมาย เช่น ร่างกายของพระสงฆ์บางรูปในภูเขาจิ่วหวายังคงสมบูรณ์ครบถ้วนหลังจากมรณภาพไปแล้วหลายปี นอกจากนี้พระภิกษุที่ผู้คนเคารพนับถือจำนวนมากเหลือพระธาตุไว้เมื่อเข้าสู่นิพพาน
ประเพณีการบำเพ็ญที่ยาวนานหลายพันปียังสะท้อนให้เห็นในการแพทย์แผนจีนขั้นสูงของสมัยโบราณด้วย ตัวอย่างเช่น ระบบเมอริเดียนได้รับการบันทึกไว้ในหวงตี้เน่ยจิง (คัมภีร์ลับจักรพรรดิเหลือง) นานกว่า 2,000 ปีมาแล้ว แม้ว่านักวิทยาศาสตร์จะไม่ได้ยืนยันการมีอยู่ของมันโดยการใช้เครื่องมือจนกระทั่งหลายสิบปีก่อน หลี่ สือเจินเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์หมิง ครั้งหนึ่งเขาเคยอธิบายเรื่องนี้ในชีจิ่งปาม่ายข่าว (งานวิจัยต้นฉบับเกี่ยวกับเมอริเดียนทั้งแปดของเมอริเดียนพิสดาร) “มีเพียงผู้บำเพ็ญที่มีความสามารถเหนือธรรมชาติเช่นนั้นจึงจะสามารถดูอวัยวะภายในและระบบเมอริเดียนโดยตรง” กล่าวอีกนัยหนึ่ง ผู้บำเพ็ญอาจเห็นระบบเมอริเดียนด้วยตาทิพย์ขณะเข้าสู่ความสงบระหว่างการทำสมาธิ
นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เชื่อในเทพ
ความเชื่อมโยงกับเทพไม่ได้สูญหายไปอย่างสิ้นเชิงในยุคปัจจุบัน ครั้งหนึ่งองค์การสหประชาชาติเคยดำเนินการวิจัยเกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด 300 คน ในช่วง 300 ปีที่ผ่านมา ผลลัพธ์ที่ออกมาน่าประหลาดใจเล็กน้อย เนื่องจาก 90% ของพวกเขาเชื่อว่าเทพมีอยู่จริง
รายชื่อนักวิทยาศาสตร์ดังกล่าวรวมถึงนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลายคนเช่น ไอแซก นิวตัน, อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, แมรี คูรี, อัลเฟรด โนเบล, พี่น้องตระกูลไรท์, เวอร์เนอร์ ฟอน บราวน์ (รู้จักกันในชื่อ"บิดาของวิทยาศาสตร์จรวด"), แมกซ์ แพลงค์ (ผู้ริเริ่มทฤษฎีควอนตัม), ฌอง-อองรี คาซิเมียร์ ฟาเบร (นักกีฏวิทยา), อีวาน พาฟลอฟ และคนอื่น ๆ อีกมากมาย
ปรากฏการณ์นี้น่าสนใจ อะไรทำให้นักวิทยาศาสตร์ผู้เป็นที่ยอมรับเหล่านี้หันมาสู่ศาสนา ที่จริงแล้วอาจเป็นการอุทิศตนเพื่อแสวงหาความจริงของพวกเขาที่ทำให้พวกเขาตระหนักถึงข้อจำกัดของวิทยาศาสตร์
ยกตัวอย่างไอแซก นิวตัน เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ก่อตั้งกลศาสตร์คลาสสิกโดยเสนอแนวคิดเรื่องแรงโน้มถ่วง แต่เขาไม่สามารถอธิบายว่ามันทำงานอย่างไรในกรณีของระยะทางไกลข้ามอวกาศ เขาเขียนว่า “สาเหตุของแรงโน้มถ่วงคือสิ่งที่ผมไม่ได้แสร้งทำเป็นว่ารู้”
ยิ่งกว่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับดาวเคราะห์ดวงอื่น ระยะห่างระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์มีการจัดวางอย่างดีเพื่อให้โลกได้รับแสงและความร้อนในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งเป็นเพียงความบังเอิญไปไม่ได้ "ความสมบูรณ์แบบที่กำลังดีของจักรวาลเหมือนกลไกนาฬิกา แสดงให้เห็นถึงการมีอยู่ของพระหัตถ์ของพระเจ้า" นิวตันเขียน "โดยมีอยู่ชั่วนาตาปีและมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง พระองค์ทรงประกอบมันด้วยระยะเวลาและพื้นที่"
เอ็ดมันด์ ฮัลเลย์เป็นนักดาราศาสตร์และเป็นเพื่อนของนิวตัน นิวตันเคยสร้างแบบจำลองของระบบสุริยะ ด้วยการดึงที่จับ ดาวเคราะห์ทุกดวงก็จะเริ่มเคลื่อนที่ในวงโคจรของตัวเองในทันที ครั้งหนึ่งเมื่อเขามาเยี่ยมนิวตัน. ฮัลเลย์เห็นแบบจำลอง และศึกษามันอยู่นาน จากนั้นเขาก็ถามว่าใครสร้างมันขึ้นมา
นิวตันตอบว่าแบบจำลองไม่ได้มาจากการประดิษฐ์ และมีใครบางคนประกอบชิ้นส่วนทั้งหมดเข้าด้วยกัน ฮัลเลย์ไม่เชื่อ เขาบอกว่าใครก็ตามที่สร้างแบบจำลองนี้ต้องเป็นอัจฉริยะ นิวตันบอกว่าแม้แบบจำลองจะซับซ้อน แต่แทบไม่มีอะไรเทียบกับระบบสุริยะของจริงได้เลย ถ้าแบบจำลองมาจากการออกแบบและมือของใครบางคน ไม่ใช่ว่าระบบสุริยะของจริงซึ่งมีความซับซ้อนกว่ามากจะสร้างโดยพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์หรือ ฮัลเลย์เห็นด้วยและเริ่มเชื่อในการดำรงอยู่ของพระเจ้า
ในระหว่างการสัมภาษณ์ ไอน์สไตน์พูดว่าวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันสามารถพิสูจน์ได้เพียงการคงอยู่ของบางสิ่งเท่านั้น แต่ไม่สามารถพิสูจน์การไม่คงอยู่ของบางสิ่ง ตัวอย่างเช่น วิทยาศาสตร์ไม่สามารถแสดงการคงอยู่ของพระเจ้าได้เนื่องจากข้อจำกัดของวิทยาศาสตร์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าไม่คงอยู่ กล่าวคือสัมผัสทั้งห้าของคนมีข้อจำกัด และมันไม่สามารถแสดงการคงอยู่ของพระเจ้าหรือพิสูจน์หักล้างการคงอยู่ของพระเจ้า
สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อในเทพเพราะสัมผัสทั้งห้าของพวกเขาไม่ได้บ่งบอกเช่นนั้น ไอน์สไตน์อธิบายว่าสัมผัสทั้งห้า (การมองเห็น การได้ยิน การรับรส การสัมผัส และการรับกลิ่น) มีข้อจำกัด ที่จริงคลื่นเสียงต้องอยู่ในช่วง 20 - 20,000 เฮิรตซ์ จึงจะได้ยิน สถานการณ์คล้ายกับการมองเห็นที่คนมองเห็นวัตถุเฉพาะในช่วงแสงที่ตามองเห็น (visible light) ซึ่งเป็นช่วงที่แคบมากของสเปกตรัมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
ไอน์สไตน์เสริมว่าหากมีบางสิ่งในอนาคตที่แสดงถึงวิทยาศาสตร์ขั้นสูง มันอาจเป็นหลักธรรมของพระพุทธซึ่งเป็นสิ่งที่สมบูรณ์แบบ
ประสบการณ์ใกล้ตายระหว่างแผ่นดินไหวที่เมืองถังซัน
แม้จะมีการรณรงค์ทางการเมืองมากมายรวมถึงการปฏิวัติทางวัฒนธรรม ความสนใจในความสามารถเหนือธรรมชาติและชี่กงก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศจีนในช่วงทศวรรษ1970 ต้าจ้ง อิสแว๋ (การแพทย์ยอดนิยม) ได้ตีพิมพ์บทความในฉบับที่ 5 ของปี 1993 เกี่ยวกับแผ่นดินไหวที่เมืองถังซัน (ความรุนแรง 7.5 ริกเตอร์) ในปี 1976 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บทความนี้เน้นที่ประสบการณ์ใกล้ตายของผู้รอดชีวิตโดยอ้างอิงผลสำรวจที่ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในปี 1987 การสำรวจนี้มีผู้เข้าร่วมประมาณ 100 คน ซึ่งเป็นหนึ่งในการสำรวจประเภทเดียวกันที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ผู้รอดชีวิตมากกว่าครึ่งไม่รู้สึกกลัวเมื่อประสบกับแผ่นดินไหว พวกเขากลับรู้สึกสงบและโล่งใจ ไม่มีความตื่นตระหนกและจิตใจของพวกเขาก็ชัดเจน นอกจากนี้ สิ่งต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตของพวกเขาก็ผุดเข้ามาในความคิดอย่างรวดเร็ว ฉากแล้วฉากเล่าเหมือนภาพยนตร์ ฉากส่วนใหญ่เป็นฉากที่มีความสุข เช่น ความทรงจำในวัยเด็ก ฉากแต่งงาน ความสำเร็จในการงาน หรือความยินดีที่ได้รับรางวัล
ที่น่าสนใจคือเกือบครึ่งหนึ่งของคนกลุ่มนี้รู้สึกว่าจิตวิญญาณของพวกเขาออกจากร่างไปแล้ว บางคนอ้างว่าพวกเขารู้สึกเหมือนลอยขึ้นไปในอากาศหรืออยู่บนเพดานมองร่างกายของเขาที่อยู่ข้างล่าง หนึ่งในคนกลุ่มนั้นนึกได้ว่า “เหมือนกับร่างกายของฉันถูกแยกออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงเหมือนเปลือก และอีกส่วนหนึ่งลอยขึ้นไปสูง เบากว่าอากาศเสียอีก มันสบายมาก” บางคนถึงกับเห็นสมาชิกในครอบครัวที่ล่วงลับไปแล้ว
ประมาณ 60% ของผู้ให้สัมภาษณ์ที่มีประสบการณ์ใกล้ตายพูดว่าพวกเขาเปลี่ยนบุคลิกภาพหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนั้น พวกเขาบอกว่าอารมณ์อ่อนโยนขึ้น และเป็นคนดีมากขึ้น ส่วนใหญ่จำประสบการณ์นี้ได้ดีมากแม้จะผ่านไปแล้ว 10 หรือ 20 ปี รายงานนี้แสดงให้เห็นว่าจิตวิญญาณของคนมีอยู่จริง นั่นคือร่างกายทำหน้าที่เป็นพาหนะของจิตวิญญาณและถูกละทิ้งไปเมื่อเสียชีวิต
การค้นพบทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากขึ้น ๆ คัดค้านความเชื่อในอเทวนิยมและทฤษฎีวิวัฒนาการ ในปี 2006 นักวิทยาศาสตร์มากกว่า 500 คน ได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมต่อสาธารณชนเพื่อตั้งคำถามเกี่ยวกับทฤษฎีวิวัฒนาการ การค้นพบจำนวนมากสนับสนุนว่าการกลับชาติมาเกิดมีอยู่จริง ซึ่งสอดคล้องกับความเชื่อของชาวจีนที่ว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”
ช่องสารคดี Discovery Channel ออกอากาศเหตุการณ์ในปี 2011 โดยใช้ชื่อ "ชีวิตหลังความตาย" โดยเน้นที่การกลับชาติมาเกิด ในทำนองเดียวกัน นิตยสาร Newsweek ได้ตีพิมพ์เรื่องที่หน้าปกในเดือนตุลาคม 2012 โดยใช้ชื่อเรื่อง “ข้อพิสูจน์เกี่ยวกับสวรรค์ : ประสบการณ์ของแพทย์กับชีวิตหลังความตาย” หลักฐานมากมายได้พิสูจน์แล้วว่าประสบการณ์ใกล้ตายมีจริง
เจ้าหน้าที่ทางการจีนอนุญาตการศึกษาชี่กงในช่วงแรก
เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ใจกว้างบางคนสนับสนุนการศึกษาชี่กงและความสามารถเหนือธรรมชาติในช่วงแรก สถาบันวิศวกรรมการแพทย์ด้านอวกาศ (Aerospace Medical Engineering Institute) (ห้องปฏิบัติการ 507) ได้ทำการวิจัยชิ้นสำคัญเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์มนุษย์ภายใต้การจัดการของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง เฉียน สแว๋เซิน (Hsue-Shen Tsien) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามของ "บิดาแห่งจรวดจีน" เฉียนเองก็จัดสัมมนาและบรรยายที่สถาบันมากกว่า 100 ครั้ง การทดลองจำนวนมากพิสูจน์ว่าเด็กบางคนมีความสามารถเหนือธรรมชาติ เช่น การจดจำตัวอักษรจีนด้วยหู แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำและผู้นำจีนก็ยังเข้าร่วมการศึกษาชี่กงและความสามารถเหนือธรรมชาติ ถ้าพวกนี้ไม่จริง ก็จะไม่ได้รับอนุญาตในประเทศจีนคอมมิวนิสต์
ครั้งหนึ่งเฉียนเคยเขียนถึงคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่าความสามารถเหนือธรรมชาติมีอยู่จริง เกียรติยศชื่อเสียงของเขามีผลต่อผู้นำระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนด้วย เวทีอภิปรายแรกเกี่ยวกับความสามารถเหนือธรรมชาติของมนุษย์จัดขึ้นที่เซี่ยงไฮ้ในเดือนกุมภาพันธ์ 1980 ต่อมาเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ หู เย่าปัง ที่สำนักเลขาธิการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเขียนคำ 2 - 3 คำ แล้วนำไปปิดผนึกไว้ในภาชนะ ต่อมาเขาได้ขอให้เลขานุการของเขานำภาชนะที่ปิดผนึกนี้ไปที่เวทีอภิปราย ผู้มีความสามารถเหนือธรรมชาติหลายคนสามารถบอกคำที่หูเขียนได้ถูกต้องโดยไม่ได้เปิดภาชนะ ไม่นานหลังจากนั้น หูก็ออกนโยบายเกี่ยวกับชี่กงไปยังกรมการโฆษณาชวนเชื่อกลาง โดยกล่าวว่า “ไม่สนับสนุน ไม่โต้เถียง และไม่วิพากษ์วิจารณ์” เขายังอนุญาตให้มีการศึกษากลุ่มเล็กเกี่ยวกับชี่กงด้วย
รากฐานของวัฒนธรรม
ประเทศจีนมีอารยธรรมอันยาวนานที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเทพ ตัวอย่างเช่น คนเชื่อในการทำสิ่งต่าง ๆ ตามมโนธรรม และ “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” มีความเชื่อว่าเทพกำลังเฝ้าดูพวกเราอยู่ ในทำนองเดียวกัน การทำดีหรือทำชั่วจะส่งผลต่อชาติต่อไปของการกลับชาติมาเกิด
อย่างไรก็ตาม หลังจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้ายึดอำนาจในปี 1949 มันได้เริ่มปลูกฝังประเทศชาติด้วย ความเกลียดชัง ความโหดร้าย และการโกหกหลอกลวง เป็นผลให้ประชาชนจำนวนมากเบี่ยงเบนจากมโนธรรมและเทพ พวกเขาใช้ทุกวิธีเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ส่วนตนแม้ผู้อื่นต้องสูญเสีย ผลิตภัณฑ์ปลอมปนและสินค้าปลอมมีอยู่ท่วมตลาด เช่น บุหรี่ ไวน์ วัคซีน ประกาศนียบัตร ข้าว อาหาร สูตรสำหรับทารก และอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งหมดนี้เกิดจากประชาชนจำนวนมากสูญเสียการยับยั้งชั่งใจทางศีลธรรมและกฎหมาย. พวกเขาคิดว่าจะไม่มีใครรู้ถ้าพวกเขาทำเรื่องเลวและคิดว่าพวกเขาไม่ต้องรับผลที่ตามมาจากการกระทำชั่วนั้น กฎหมายล้มเหลวในการครองใจประชาชน
นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ค้นพบว่าจักรวาลขนาดมหึมาของเราและกาแล็กซีอื่น ๆ จำนวนมากอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างใหม่ กาแล็กซีจำนวนมากกำลังประสบกับการระเบิดและการเกิดใหม่ กาแล็กซีจำนวนมากที่ใหญ่กว่าทางช้างเผือกของเราสลายในทันที ทางช้างเผือกของเราเป็นเพียงฝุ่นผงในจักรวาลอันกว้างใหญ่ สำหรับมนุษย์เราบนโลกก็ยิ่งเล็กกว่านั้นมาก นี่อาจเป็นเหตุผลที่บรรพบุรุษของเราเคารพพลังลึกลับในจักรวาลมาโดยตลอด
ในช่วงเวลาวิกฤตินี้ หากเรามองการจัดโครงสร้างของจักรวาลใหม่ผ่านเลนส์ของวัฒนธรรมจีนดั้งเดิม เราอาจเข้าใจคำถามที่ตอบยากมากมาย และมองเห็นความหวังสำหรับอนาคต
วัฒนธรรมจีนดั้งเดิมเชื่อในความสอดคล้องของสวรรค์ โลกและมนุษยชาติ เมื่อประชาชนปฏิบัติตามการนำทางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและกระทำการด้วยความประมาท พวกเขาก็กำลังทำร้ายผู้อื่นและนำตนเองไปสู่อนาคตที่เสี่ยงภัย เมื่อมีภัยพิบัติเกิดขึ้นบนโลกและเมื่อมีเหตุการณ์ทางดาราศาสตร์ใหม่ ๆ เปิดเผยออกมา เหตุการณ์เหล่านี้บอกใบ้ให้เราย้อนรอยไปสู่ที่มาและมโนธรรมของเรา โดยการปฏิเสธพรรคคอมมิวนิสต์จีน และโอบอุ้มความดีงาม เราและคนรุ่นต่อไปจะได้รับพรอันประเสริฐ
บทความ กราฟิก และเนื้อหาทั้งหมดที่เผยแพร่บน Minghui.org มีลิขสิทธิ์ อนุญาตให้ทำสำเนาที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ได้ แต่ต้องระบุแหล่งที่มาพร้อมชื่อบทความและลิงก์ไปยังบทความต้นฉบับ
ข้อคิดเห็นในบทความนี้เป็นความคิดเห็นหรือความเข้าใจของผู้เขียนเอง เนื้อหาทั้งหมดที่เผยแพร่บนเว็บไซต์นี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Minghui.org หมิงฮุ่ยจะผลิตฉบับรวมเล่มของเนื้อหาออนไลน์เป็นประจำรวมทั้งในโอกาสพิเศษด้วย
หมวดหมู่: มุมมอง