(Minghui.org) วันที่ 13 พฤษภาคม เป็นวันพิเศษสำหรับผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าทั่วโลก ในวันนี้ของปี 1992 ท่านอาจารย์หลี่ หงจื้อ เริ่มเผยแพร่ฝ่าหลุนต้าฝ่าหรือที่รู้จักกันในชื่อฝ่าหลุนกงให้คนทั้งโลก วันฝ่าหลุนต้าฝ่าโลกกำหนดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2000 และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาวันที่ 13 พฤษภาคม ก็เป็นวันที่ผู้ฝึกต้าฝ่าเฉลิมฉลองกันอย่างกว้างขวางทุกปีเพื่อแสดงความปิติยินดีและฟื้นฟูความหวังจากการฝึก

ต้นเดือนพฤษภาคมปีนี้ เว็บไซต์ Minghui.org ได้รับข้อความอวยพรหลายหมื่นชิ้นจากผู้ฝึกในหลายสิบประเทศเหมือนเช่นเคย ผู้ฝึกเขียนมาเพื่อแสดงความขอบคุณอาจารย์หลี่และฝ่าหลุนต้าฝ่าที่ช่วยให้พวกเขามีสุขภาพแข็งแรงขึ้นและอุปนิสัยดีขึ้น

ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม จะมีการเผยแพร่บทความมากมายบนเว็บไซต์หมิงฮุ่ยซึ่งบันทึกประสบการณ์ที่น่ามหัศจรรย์ของผู้ฝึก บทความเหล่านี้จัดรวมกันอยู่ในชุด “เฉลิมฉลองวันฝ่าหลุนต้าฝ่าโลก” บทความชุดนี้อธิบายว่าผู้ฝึกยกระดับจิตใจและร่างกายผ่านการฝึกได้อย่างไร โดยเฉพาะโดยการปฏิบัติตามหลักการ ความจริง – ความเมตตา - ความอดทน นอกจากนี้เรื่องราวของพวกเขายังช่วยกระตุ้นให้ผู้คน (ทั้งผู้ฝึกและไม่ใช่ผู้ฝึก) ยอมรับหรือสนับสนุนการฝึกนี้มากขึ้นเพื่ออนาคตที่สดใส

ต่อไปนี้คือความคิดเห็นของผู้ฝึกในไต้หวันหลังจากอ่านบทความชุดนี้

ผู้ฝึกใหม่ : ให้กำลังใจและดลบันดาลใจ

เหมิง ซาน จากเมืองไทเปใหม่เริ่มฝึกฝ่าหลุนกงในเดือนมกราคม 2021 หลังจากได้ดูวิดีโอการบรรยายเก้าวัน เธอก็เริ่มอ่านหนังสือของฝ่าหลุนกงทีละเล่ม และอ่านจบทั้งหมด 48 เล่ม ใน 3 เดือน

เมื่ออ่านบทความในชุดเฉลิมฉลองวันฝ่าหลุนต้าฝ่าโลกที่เผยแพร่ไม่นานมานี้ เหมิงบอกว่าเธอตื้นตันใจในความประพฤติที่ซื่อสัตย์ของผู้ฝึกและผลกระทบด้านบวกที่พวกเขามีต่อผู้คนรอบข้าง ความพากเพียรของพวกเขาในระหว่างการประทุษร้ายอย่างรุนแรงและความพยายามในการบอกความจริงเกี่ยวกับฝ่าหลุนกงอย่างไม่ย่อท้อเพื่อให้ผู้คนรับทราบนั้นน่าชื่นชมมากเช่นกัน

เหมิงรู้สึกประทับใจกับการฟื้นตัวของทารกอายุ 1 ขวบโดยเฉพาะ ตามที่เขียนไว้ในบทความชื่อ “โรคผิวหนังที่หายากของทารกรักษาหาย” เด็กคนนี้เป็นโรคผิวหนังร้ายแรงเมื่ออายุได้เพียงไม่กี่วัน ทารกน้อยร้องไห้ทั้งวันทั้งคืนเพราะความเจ็บปวด ยาก็มีแต่ทำให้อาการแย่ลงเท่านั้น แพทย์จากโรงพยาบาลและคลินิกในท้องถิ่นต่างประกาศว่ารักษาไม่ได้ ยายและแม่ของทารกเป็นผู้ฝึกฝ่าหลุนกงทั้งคู่ และพวกเขาเชื่อว่าต้าฝ่าจะช่วยเด็กทารกได้จากการปาฏิหาริย์นับไม่ถ้วนที่พวกเขาได้เห็น พวกเขาเล่นบันทึกเสียงการบรรยายของท่านอาจารย์หลี่ให้ทารกน้อยฟัง แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เด็กชายหายอย่างสมบูรณ์เมื่ออายุครบหนึ่งขวบ

เรื่องราวที่น่ามหัศจรรย์ยังพบเห็นได้ในผู้ใหญ่ด้วย ตามที่อธิบายไว้ในบทความเรื่อง “คนใบ้อายุ 60 ปี พูดได้” ลูกพี่ลูกน้องของผู้เขียนมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบเมื่อเขาอายุได้ 1 ขวบ เนื่องจากไม่มีเงินค่ารักษาพยาบาล เขาจึงกลายเป็นใบ้และพูดไม่ได้ต่อไป 59 ปี เมื่อผู้เขียนไปเยี่ยมเขาเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2021 เธอสอนให้เขาฝึกท่าของฝ่าหลุนกง เขาสนใจเรียนรู้ท่าฝึกอย่างมาก และสามารถทำท่าเคลื่อนไหวได้ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ หลังจากเริ่มฟังเทปบันทึกเสียงการบรรยายของท่านอาจารย์หลี่ จู่ ๆ เขาก็เอาจริงเอาจังมาก จนถึงขนาดเคร่งขรึมเลยทีเดียว ผู้เขียนเขียนว่า “ประมาณอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็โพล่งออกมาว่า 'แม่ แม่....' ไม่มีคำใดที่จะอธิบายความรู้สึกของฉันในขณะนั้นได้ มันอัศจรรย์อย่างที่สุด ทุกเซลล์ในร่างกายของฉันตะลึงงัน” เธออัศจรรย์ใจมาก เช่นเดียวกับลูกพี่ลูกน้องเธอ และแม่ของเขา นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ในที่สุดลูกพี่ลูกน้องก็ยิ้มได้และพูดได้ตามปกติ

พัฒนาการด้านความบกพร่องทางสติปัญญา

ลูกสาวของเหมิงมีความบกพร่องทางการได้ยินและสติปัญญาตั้งแต่วัยเด็ก บวกกับเป็นโรคลมชักที่ต้องใช้ยาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เธออายุ 21 ปีแล้ว เธอมีพัฒนาการทางร่างกายเป็นปกติแต่สติปัญญาต่ำกว่าเด็กอายุ 1 ขวบ เธอเดินได้แต่วิ่งไม่ได้ เธอพูดไม่ได้ และดูแลตัวเองไม่ได้เลย เธอต้องการความช่วยเหลือเวลากิน แปรงฟัน ใส่เสื้อผ้า และอาบน้ำ เธอต้องใส่ผ้าอ้อม เมื่อมีรอยรั่วหรือที่นอนเปียกเธอก็ไม่ใส่ใจ บางครั้งเธอจะเปิดประตูและออกไปข้างนอก ทำให้ผู้ที่ดูแลเธอเครียดเกือบตลอดเวลา

หลังจากเริ่มฝึกฝ่าหลุนกงและคุยกับผู้ฝึกอื่น ๆ เหมิงเริ่มเปิดบันทึกเสียงการบรรยายของท่านอาจารย์ให้ลูกสาวฟัง เหมิงเล่าว่า “ลูกสาวของเธอพัฒนาขึ้นมากตั้งแต่นั้นมา เธอหยุดกินยา และเมื่อผ้าอ้อมเปียก เธอก็มาหาฉันเพื่อขอให้เปลี่ยน” “สองสามวันนี้ เธอเงียบมากทุกครั้งที่ฟังการบรรยายและหลับดีมากตอนกลางคืน ฉันรู้สึกขอบคุณท่านอาจารย์เหลือเกิน !”

“ปาฏิหาริย์ที่แท้จริง”

เฉิง เหยา เริ่มฝึกฝ่าหลุนกงในเดือนมกราคม 1996 เมื่ออ่านบทความในชุดเฉลิมฉลองวันฝ่าหลุนต้าฝ่าโลกของปีนี้ เธอยิ่งตื้นตันใจกับเรื่องราวของผู้ที่เขียนเข้ามามากขึ้น และพูดถึงเรื่องเหล่านี้ว่า “ปาฏิหาริย์ที่แท้จริง”

ตัวอย่างหนึ่งคือ “พบท่านอาจารย์หลี่ที่งาน Oriental Health Expo 1993” ผู้ฝึกอธิบายว่าท่านอาจารย์รักษาโรคในงานอย่างไร ในบทความเขียนไว้ว่า "สมาชิกในครอบครัว 3 คน เข็นชายคนหนึ่งในรถเข็นไปที่บูท ผู้หญิงสองคนช่วยพยุงชายคนนั้นขึ้นมา ท่านอาจารย์หลี่บอกให้พวกเขาปล่อยให้ชายคนนั้นยืนด้วยตัวเอง แต่พวกเขาไม่กล้า กลัวว่าชายคนนั้นจะล้มลง อาจารย์บอกว่า ‘ข้าพเจ้าจะช่วยเขาได้อย่างไรถ้าพวกคุณยังจับเขาไว้ พวกเขาจึงปล่อยมือ ท่านอาจารย์บอกให้คนไข้เดินเลย เขาตอบว่า '20 ปีมาแล้ว ฉันลืมวิธีเดินแล้ว' ท่านอาจารย์พูดว่า 'เมื่อคุณเริ่มเดิน คุณจะจำวิธีเดินได้' คนไข้ยกขาขึ้น และเขาก็เดินได้อีกครั้ง ! สมาชิกในครอบครัวถึงกับหลั่งน้ำตา คุกเข่าลง และขอบคุณท่านอาจารย์อย่างล้นเหลือ”

เฉิงบอกว่าเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการได้ว่าคนที่เป็นอัมพาตมานานกว่า 20 ปี และไม่มีแพทย์คนใดช่วยได้ จะยืนขึ้นมาได้และเดินได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำจากท่านอาจารย์ เธอเสริมว่า “จากเรื่องนี้ทำให้เราทราบว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าพิเศษจริง ๆ และท่านอาจารย์มาที่นี่เพื่อช่วยเหลือผู้คน”

การฟื้นคืนสุขภาพเป็นเพียงส่วนหนึ่งของปาฏิหาริย์เท่านั้น ผู้ฝึกหลายคนเปลี่ยนเป็นพลเมืองที่ดีขึ้นกว่าเดิมจากการปฏิบัติตามหลักการ ความจริง - ความเมตตา - ความอดทน ตัวอย่างที่ดีคือบทความชื่อ “การสารภาพของเจ้าหน้าที่ภาษี : ต้าฝ่าสอนฉันให้ซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม” เพื่อหาเลี้ยงชีพ ผู้เขียนใช้ชีวิตล่องลอยไปกับศีลธรรมที่เสื่อมถอยเหมือนกับคนอื่นๆ การดื่มเหล้ามากเกินไปทำลายสุขภาพของเธอ และการทรยศของสามีทำให้เธอสิ้นหวังมากขึ้น หลังจากเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าในเดือนสิงหาคม 1998 ผู้เขียนก็ยกระดับขึ้นอย่างมากทั้งทางร่างกายและจิตใจ

เฉิงบอกว่าเธอรู้สึกแปลกใจมากที่เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะทุจริตขนาดนั้นได้อย่างไร และต้าฝ่าช่างน่าอัศจรรย์ที่สามารถเปลี่ยนเจ้าหน้าที่พวกนั้นให้เป็นคนดีได้ ผู้เขียนบรรยายว่า “ฉันออกมาจากโคลนตม” “ฉันปฏิเสธสินบนเป็นครั้งแรกด้วยจิตใจสงบ ฉันจ่ายค่าอาหารของตัวเองในร้านอาหารเป็นครั้งแรก ฉันชำระเงินเต็มจำนวนในการซื้อของเป็นครั้งแรก (ในอดีตฉันชอบรับประโยชน์จากการจ่ายที่ราคาขายส่ง) เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้ว่าค่าตัดผมราคาเท่าไหร่ ฉันนั่งรถสาธารณะครั้งแรก หลังจากทำสิ่งต่าง ๆ เป็นครั้งแรกหลายอย่าง ฉันพบว่าท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน ลมที่พัดผ่านทำให้สบายใจ ! ฉันไม่รู้สึกหลงทางอีกแล้ว ฉันพบจุดประสงค์และเป้าหมายในชีวิต ในใจฉันรู้สึกว่าการได้รับการนำทางที่แท้จริงและคำสอนของท่านอาจารย์นั้นยอดเยี่ยมเพียงใด !”

สังคมน่าจะพังทลายหากปราศจากความจริง-ความเมตตา-ความอดทน

คล้ายกับการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่ต้าฝ่านำมาสู่ผู้ฝึกและสังคมดังที่กล่าวไว้ข้างต้น การยืนหยัดต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์จีนเพื่อปกป้องผู้บริสุทธิ์และเสรีภาพในความเชื่อก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

นี่เห็นได้อย่างชัดเจนในบทความเรื่อง “พ่อวัย 88 ปีของฉันเพิ่มความตระหนักเกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย” พ่อของผู้เขียนทำงานให้กับรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนมานานหลายสิบปี หลังจากที่ผู้เขียนถูกจับเนื่องจากความเชื่อของเธอในปี 1999 และเธอถูกทุบตีระหว่างถูกกักขัง พ่อของเธอเห็นบาดแผล เขาจึงตรงไปที่สำนักงานตำรวจเขตปกครองตนเองและอัยการเมือง

ผู้เขียนเขียนว่า “ภายใต้การยืนกรานของพ่อ ผู้อำนวยการของสำนักงานตำรวจไม่เพียงแต่ขอโทษพ่อเท่านั้น แต่ยังสั่งให้ตำรวจที่ทุบตีฉันเขียนคำแถลงขออภัยด้วย”

เฉิงบอกว่าหากประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั่วไปในประเทศจีนสามารถก้าวออกมาเพื่อสนับสนุนผู้ฝึกที่บริสุทธิ์ สถานการณ์ก็จะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

การใช้โอกาสให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ชูรูฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่ามานานกว่า 20 ปีแล้ว บทความเหล่านี้ทำให้เธอน้ำตาซึมหลายครั้ง เธอบอกว่า “ถึงแม้จะมาจากภูมิหลังที่แตกต่างกัน แต่ผู้คนเหล่านี้ก็สามารถฝึกต้าฝ่า ยกระดับตัวเอง และได้รับประโยชน์ให้กับครอบครัวและสังคมของพวกเขา”

ในบทความหนึ่ง ผู้เขียนตกงานเพราะถูกกดขี่ แต่เขาไม่ล้มเลิกความหวัง เขาเริ่มต้นธุรกิจขนาดเล็กเพื่อหาเลี้ยงชีพ และใช้โอกาสนี้ในการบอกความจริงเกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่าให้กับลูกค้าและผู้จัดหาสินค้าให้เขา และช่วยหักล้างการโฆษณาชวนเชื่อที่สร้างความเกลียดชังจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนด้วย

ประสบการณ์เหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจให้เธอทำให้ดียิ่งขึ้น ชูรูเสริมว่า “ผู้ฝึกในประเทศจีนต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากเพื่อความเชื่อของพวกเขา และพวกเขาทำงานหนักมากเพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการประทุษร้าย” “ในทางตรงกันข้าม พวกเราอยู่ในโลกเสรี และบางครั้งเรากลับไม่เห็นคุณค่าสิ่งนี้” เธอบอกว่าจะเพียรพยายามให้มากขึ้นในฐานะผู้ฝึก เพื่อให้ผู้คนจำนวนมากมีโอกาสได้เห็นความงดงามของฝ่าหลุนต้าฝ่า และความเมตตาของผู้ฝึก

บทความ กราฟิก และเนื้อหาทั้งหมดที่เผยแพร่บน Minghui.org มีลิขสิทธิ์ อนุญาตให้ทำสำเนาที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ได้ แต่ต้องระบุแหล่งที่มาพร้อมชื่อบทความและลิงก์ไปยังบทความต้นฉบับ