(Minghui.org) ฉันเป็นผู้ฝึกใหม่ของฝ่าหลุนต้าฝ่า จิตใจและร่างกายของฉันเปลี่ยนไปมากจากการฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า ฉันขอขอบคุณท่านอาจารย์หลี่หงจื้อซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งฝ่าหลุนต้าฝ่าที่ทำให้ฉันมีชีวิตใหม่ และให้ความหวังแก่ฉันเมื่อฉันต้องทุกข์ทรมานจากความปวดเนื่องจากโรคที่เป็น หลังจากฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าแล้ว ตอนนี้ฉันมีความกล้าและความมั่นใจที่จะเผชิญกับทุกสิ่งในอนาคต
ฉันอายุ 60 ปีกว่าแล้ว และมีปัญหาก้อนที่ต่อมไทรอยด์และอาการบวมน้ำที่แขนขาส่วนล่างมานานกว่า 30 ปีแล้ว โรคแบบนี้ต้องได้รับการดูแลทางการแพทย์อย่างใกล้ชิดและผู้ป่วยต้องรับยาตลอดชีวิต ฉันมีชีวิตอย่างนั้นมาหลายปี ในเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ตาของฉันบวมเล็กน้อย และแขนขาส่วนล่างของฉันบวมมาก ทำให้ฉันรู้สึกอ่อนเพลีย ฉันจึงไปตรวจที่โรงพยาบาลประจำท้องถิ่นเพื่อตรวจร่างกาย ผลตรวจในห้องปฏิบัติการพบว่าค่าค่อนข้างสูงกว่าปกติ แพทย์จึงให้ฉันกินยาต่อไป แต่ก็ไม่ดีขึ้นหลังจากผ่านไปสองสามเดือน เมื่อฉันกลับไปที่โรงพยาบาลในเดือนสิงหาคม ค่าจากผลตรวจยังคงสูงอยู่ แพทย์จึงบอกให้ฉันกินยาต่อ
น้องสาวของฉันซึ่งอาศัยอยู่ในเซี่ยงไฮ้รู้สึกเป็นห่วงฉัน เธอจึงขอให้พี่สาวของฉันพาฉันไปเซี่ยงไฮ้เพื่อเช็กโรค ฉันอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสองสัปดาห์ เช้าวันหนึ่งเมื่อตื่นขึ้นมา ตาของฉันรู้สึกไม่ดี ฉันจึงเข้าห้องน้ำไปตรวจดู และเห็นว่าตาทั้งสองข้างบวมเหมือนหลอดไฟ มันนูนออกมาเยอะมาก ทำให้พี่และน้องของฉันกลัวมาก เราจึงไปโรงพยาบาลเซี่ยงไฮ้เจนเนอรัล (Shanghai General Hospital) ในทันทีเพื่อนัดหมายกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จากการตรวจร่างกายพบว่าผลของค่าไทรอยด์สูงผิดปกติ บ่งชี้ว่าตาที่บวมเกิดจากการทำงานผิดปกติของต่อมไทรอยด์ หมอจึงบอกให้ฉันหยุดกินยาและกลับมาเช็กเพื่อติดตามผลในอีกสองสัปดาห์
ฉันได้รับการตรวจด้วยเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟห้า (Magnetic Resonance Imaging, MRI) ด้วย และผลแสดงให้เห็นว่าตาที่นูนออกมาทั้งสองข้างคือเยื่อบุตาบวมและภาวะไทรอยด์เป็นพิษหรือทำงานมากเกินไป การทำอัลตราซาวนด์เผยให้เห็นต่อมไทรอยด์โตลักษณะแบบกระจาย (diffuse toxic goiter) ทำให้การไหลเวียนของโลหิตสูง และต่อมน้ำเหลืองที่คอขยายใหญ่ขึ้น หมอขอให้ฉันลงทะเบียนแอดมิตที่โรงพยาบาลเป็นเวลาสามเดือนเพื่อรับการรักษาที่เรียกว่าการให้ฮอร์โมนทดแทน นี่เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมในการเข้ารับการรักษาปัญหาทางการแพทย์ที่ปกติแล้วรักษาหายยาก แต่ฉันไม่ต้องการรักษาด้วยการให้ฮอร์โมนทดแทนเพราะฉันรู้สึกว่ามันเป็นอันตรายต่อร่างกาย ฉันก็เลยกลับบ้าน
หลังจากนั้นครอบครัวของฉันก็พาฉันไปโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในเมืองเฉิ่นหยาง รวมทั้งศูนย์การแพทย์แผนจีนเหลียวหนิง แพทย์แนะนำให้ฉันไปนั่นไปนี่ระหว่างบ้านของฉันกับเฉิ่นหยางนานกว่าสองเดือน แต่ฉันก็ไม่ดีขึ้น ฉันกลับผอมลง ใบหน้าฉันดูป่วย และสภาพจิตใจแย่มาก ตอนกลางคืนฉันฝันบ่อย ๆ หรือนอนหลับได้ไม่ดี ฉันไม่กล้าเปิดไฟเพราะตาของฉันทนต่อแสงไม่ได้ ฉันต้องสวมหมวกเพื่อบังแสง
หลังจากล้มป่วย เพื่อนชาวพุทธในอดีตของฉันเห็นฉันเป็นแบบนั้น จึงแนะนำให้ฉันฟังคำสอนทางพุทธศาสนาบางอย่าง ในที่สุดพอตกกลางคืน ฉันก็คิดถึงแต่พ่อแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว และจิตใจก็มีแต่ผู้คนที่จากไปแล้ว ถ้ามีใครพูดถึงคนที่ล่วงลับไปแล้ว ฉันรู้สึกราวกับว่าพวกเขามายืนอยู่ข้าง ๆ ฉัน ไม่ว่าฉันจะพยายามกำจัดความรู้สึกเหล่านี้มากเพียงไร ความรู้สึกเหล่านั้นก็ยังคงไหลรินเข้ามาอยู่เรื่อย ๆ ทำให้ฉันทุกข์ทรมานอย่างหนัก
สามีของฉันจัดการทุกอย่างในบ้าน และลูกสาวของฉันขอลางานมาดูแลฉัน ด้วยเหตุนี้ฉันได้นำความเจ็บปวดและความเครียดอย่างหนักมาสู่ทุกคนในครอบครัว ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิตของฉันจริง ๆ ฉันจมอยู่ในความทุกข์ยากอย่างที่สุด และทุกวันรู้สึกเหมือนหนึ่งปี !
ในปี 2009 เพื่อนบ้านที่ชื่อเอ้อ เกอ ได้อธิบายความจริงเกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่าให้ฉันฟัง เขายังมอบหนังสือจ้วนฝ่าหลุน และฝ่าหลุนฝอฝ่า วิธีสู่ความสำเร็จสมบูรณ์ ให้ฉันด้วย ในขณะนั้นฉันมีธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์ไฟส่องสว่าง และฉันเห็นคนเอาเอกสารอธิบายความจริงมาไว้ที่ร้านของฉันบ่อย ๆ ฉันรู้สึกว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าดีมาก ฉันจึงฝึกท่าแต่ยังไม่ได้อ่านฝ่า ฉันคิดว่ามีร่างกายที่แข็งแรงก็เพียงพอแล้ว และฉันไม่รู้ว่าการบำเพ็ญคืออะไร
ต่อมาเพื่อนชาวพุทธคนหนึ่งดึงฉันเข้าสู่ศาสนาพุทธ และจัดทัวร์เยี่ยมชมวัดที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง ฉันรู้สึกว่านี่คือการบำเพ็ญในพุทธศาสนาเช่นกันและไม่มีปัญหาเรื่องการประทุษร้ายเช่นเดียวกับฝ่าหลุนต้าฝ่าอีกด้วย ฉันรู้สึกว่านี่เพียงพอสำหรับฉันแล้ว ตราบใดที่ฉันมีความสุข ฉันจึงค่อย ๆ หลุดจากต้าฝ่าทีละน้อย
วันหนึ่งในเดือนตุลาคม 2019 เอ้อ เกอ ได้ยินเกี่ยวกับสภาพของฉันและมาเยี่ยมฉัน เมื่อเขาเห็นสภาพของฉันเขาตกใจมาก เขาถามฉันว่า “คุณยังฝึกต้าฝ่าอยู่ไหม ขอให้ปล่อยวางทุกอย่างก่อน ตราบใดที่คุณมุ่งมั่นที่จะฝึก ภาวะของคุณจะดีขึ้น คุณเรียนสิ่งอื่นมากมายและนำตัวเองเข้าสู่สภาพในวันนี้” ตอนนั้นฉันแค่ฟังโดยไม่ได้ตอบเขา เขาจึงกระวนกระวายมาก เอ้อ เกอ พูดว่า "เราเติบโตขึ้นมาอยู่ในละแวกเดียวกันและทำงานในบริษัทเดียวกัน ฉันจะทำร้ายคุณทำไม เธอยังมีหนังสือต้าฝ่าที่ผมให้อยู่หรือไม่” ฉันพูดว่า "ฉันมี"
ตอนนั้นฉันคิดว่าควรทำอย่างไรกับหนังสือทางพุทธศาสนาเหล่านั้น เอ้อ เกอ บอกว่า “เชื่อผม ยกหนังสือเหล่านี้ให้คนอื่นหมดเลย การบำเพ็ญเป็นเรื่องจริงจังมาก และเราบำเพ็ญได้เพียงวิชาเดียวเท่านั้น” ฉันเห็นว่า เอ้อ เกอ เป็นห่วงฉันมาก ฉันจึงยอมให้เขามอบตำราสายพุทธทั้งหมดให้คนอื่น
คืนนั้นฉันอ่านจ้วนฝ่าหลุนจนดึกมาก ความรู้สึกที่ฉันมียากที่จะบรรยายได้ น้ำตาของฉันไหลไม่หยุดเหมือนเด็กที่หลงทางมานานแล้วเจอบ้านของของตัวเองในที่สุด ฉันที่เคยทุกข์ทรมานจากการนอนไม่หลับมานานก็ผล็อยหลับไปในขณะที่ฉันอ่านหนังสือและร้องไห้ คืนนั้นฉันนอนหลับสนิท และเมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น ฉันรู้สึกว่าจิตใจดีขึ้นมาก
ฉันขอขอบคุณอาจารย์หลี่สำหรับการจัดวางด้วยความเมตตานี้ที่ให้ฉันได้เป็นเพื่อนกับเพื่อนบ้านที่ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า ในเดือนตุลาคม 2019 ฉันเริ่มเส้นทางการบำเพ็ญในต้าฝ่าอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากครอบครัวของฉันถูกล้างสมองจนฝังใจจากการโฆษณาชวนเชื่อของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นเวลาหลายปี พวกเขาจึงไม่อนุญาตให้ฉันบำเพ็ญในฝ่าหลุนต้าฝ่า และขอให้ฉันไปโรงพยาบาลอยู่เรื่อย ๆ ฉันบอกว่า “ขอเวลาให้ฉันสองเดือน ถ้ายังไม่ดีขึ้นฉันจะไปโรงพยาบาล” เช่นนั้น ฉันมีความคิดที่หนักแน่นว่าอยากบำบัดให้โรคหาย และใช้เวลาอย่างมากในการศึกษาฝ่าและฝึกท่า
ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งเดือน สามีของฉันพูดว่า “ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว ผมไม่เห็นว่าคุณเปลี่ยนไปเท่าไรเลย” ฉันพูดว่า “คุณแค่เห็นว่าชั้นผิวของฉันไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่จริง ๆ แล้ว ฉันไม่กล้าบอกคุณทุกอย่างเพราะกลัวว่าคุณจะกังวล คุณรู้ไหมว่าฉันใช้ชีวิตอย่างไรในอดีต เหตุผลที่ฉันไม่เปิดไฟทุกคืน และทำไมฉันจึงกลัวมาก เพราะทุกคืนคนที่เสียชีวิตไปแล้วจะมาหาฉันและทำให้ฉันทรมานจนนอนไม่ได้ คุณเห็นแล้วว่าฉันผอมมากเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ใบหน้าของฉันเหลืองซีด ฉันดูน่ากลัวทีเดียวใช่ไหม ตอนนี้ฉันอารมณ์ดี สีหน้าก็ดูดีขึ้น และน้ำหนักก็ขึ้นด้วย เช่นนี้ไม่ดีหรือ มีกระบวนการในการทำบางอย่างให้สำเร็จ และนี่ยังไม่ถึงสองเดือนเลย !”
ต่อมาเมื่อค้นหาจากภายใน ฉันรู้สึกว่าแม้ฉันจะอ่านฝ่ามากในตอนนั้น ฉันแค่ทำตามกระแส แต่ฝ่าไม่เข้าสมองตอนอ่าน ดังนั้นฉันจึงเริ่มท่องจำฝ่า
ท่านอาจารย์กล่าวว่า
“ณ ที่นี้ข้าพเจ้าจะไม่พูดถึงการรักษาโรคและพวกเราก็ไม่รับรักษาโรค แต่ผู้ซิวเลี่ยนที่แท้จริง คุณมีร่างกายที่มีโรค คุณไม่อาจซิวเลี่ยนได้ ข้าพเจ้าต้องทำการชำระร่างกายของคุณ การชำระร่างกายจะทำให้เฉพาะผู้ที่มาศึกษากงอย่างแท้จริง ผู้มาศึกษาฝ่าอย่างแท้จริง เราขอเน้นจุดหนึ่ง : คุณไม่ปล่อยวางจิตใจนั้น คุณไม่ปล่อยวางโรคภัยไข้เจ็บนั้น เราล้วนจะทำอะไรไม่ได้เลย ไม่สามารถช่วยอะไรคุณได้เลย” (บทที่ 1 จ้วนฝ่าหลุน)
ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว ฝ่าอยู่ที่นี่เพื่อช่วยผู้คนและช่วยให้พวกเขายกระดับทั้งทางร่างกายและจิตใจ ฝ่าไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อรักษาโรค ดังนั้นฉันคิดว่าฉันต้องทะนุถนอมความสัมพันธ์นี้ และบำเพ็ญอย่างขยันขันแข็ง ฉันต้องไม่เสียโอกาสนี้ไปอีก
ตอนนี้ฉันอ่านและจำจ้วนฝ่าหลุน และฉันได้อ่านหนังสือที่อาจารย์บรรยายเกือบ 27 เล่มแล้วจากทั้งหมด 40 กว่าเล่ม ฉันยังออกไปอธิบายความจริงกับเพื่อนผู้ฝึกด้วย ในอดีตฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะเดิน แต่ตอนนี้ฉันขึ้นบันไดไปแจกเอกสารอธิบายความจริงได้ ฉันหวังว่าทุกคนจะเป็นเหมือนฉันและรีบมาเรียนฝ่าหลุนต้าฝ่า ! ต้าฝ่ายิ่งใหญ่มาก !
ฉันได้รับประโยชน์มากจริง ๆ จากการบำเพ็ญในฝ่าหลุนต้าฝ่า ตอนนี้ไม่เพียงตาของฉันกลับมาเป็นปกติแล้ว ร่างกายของฉันไม่รู้สึกอ่อนเพลียอีกแล้ว และน้ำหนักตัวก็เพิ่มด้วย อาการป่วยที่ทำให้ฉันทุกข์ยากมานานกว่า 30 ปีก็หายไปหมดแล้ว ความเปล่งปลั่งจากสุขภาพที่ดีในอดีตของฉันกลับมาแล้ว รอยยิ้มก็กลับมาด้วย
ฉันเสียใจจริง ๆ ที่เสียเวลาอันมีค่าไปมากมาย ฉันต้องทุ่มเทพยายามให้มากขึ้นเพื่อชดเชยเวลาที่เสียไป ! ฉันจะทำสามสิ่งให้ดี ช่วยเหลือผู้คนให้มากยิ่งขึ้น และกลับบ้านพร้อมกับท่านอาจารย์ !
บทความ กราฟิก และเนื้อหาทั้งหมดที่เผยแพร่บน Minghui.org มีลิขสิทธิ์ อนุญาตให้ทำสำเนาที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ได้ แต่ต้องระบุแหล่งที่มาพร้อมชื่อบทความและลิงก์ไปยังบทความต้นฉบับ
ลิขสิทธิ์ © 2024 Minghui.org สงวนลิขสิทธิ์
หมวดหมู่: การเริ่มต้นการบำเพ็ญ