(Minghui.org) (ต่อจากตอนที่ 1) หลายปีที่ฉันไม่เคยค้นหาจากภายในเพื่อหาข้อบกพร่องของตัวเอง ทำให้เกิดความทุกข์ยากมากมายในครอบครัวของฉัน มันสะท้อนออกมาโดยเฉพาะกับปัญหาชีวิตแต่งงาน ตั้งแต่การนิ่งเงียบถึงการโต้เถียงกันอย่างดุเดือดไปจนถึงการใช้กำลังต่อสู้ ฉันกับสามีมีความขัดแย้งกันอยู่เสมอ นี่เป็นบททดสอบอย่างต่อเนื่องสำหรับฉันในการบำเพ็ญ

สถานการณ์ถึงจุดเดือดในปี 2018 หลังจากสามีของฉันเป็นโรคหลอดเลือดสมองและเริ่มกล่าวหาว่าฉันมีชู้

การศึกษาฝ่าช่วยให้ฉันยกระดับ

ฉันรู้ว่าฉันต้องอ่านฝ่าและตรวจสอบสภาพการบำเพ็ญของตัวเอง ฉันใช้เวลาหลายชั่วโมงอ่านคำสอนและในที่สุดฉันก็สงบลงได้ ข้อความของฝ่าเหล่านี้เข้ามาในความคิดของฉัน

เมื่อผู้บำเพ็ญประสบกับความขัดแย้งจึงควรแบกรับมัน และตนเองต้องสามารถอดทน คุณจึงจะสามารถเลื่อนชั้นขึ้นมา” (การบรรยายฝ่า ณ เมืองฮิวส์ตัน)

ข้าพเจ้ามักพูดว่าเมื่อผู้อื่นรังแกคุณ สร้างความยุ่งยากให้กับคุณ หรือเมื่อคุณได้รับความทุกข์ยาก คุณอย่าไปเจ็บแค้นคนอื่น เพราะคุณกำลังบำเพ็ญ” (การบรรยายฝ่า ณ เมืองฮิวส์ตัน)

ความอดทนเป็นส่วนสำคัญของการยกระดับซินซิ่งให้สูงขึ้น ความโกรธเกลียด รู้สึกไม่เป็นธรรม อดทนทั้งน้ำตาคลอเบ้า คือความอดทนของคนธรรมดาสามัญที่ยึดติดกับจิตใจที่ห่วงกังวล โดยแก่นแท้ต้องไม่โกรธเกลียด ไม่รู้สึกไม่เป็นธรรม จึงจะเป็นความอดทนของผู้บำเพ็ญปฏิบัติ” (“อะไรคือความอดทนจิงจิ้นเหย้าจื่อ)

ถ้าฉันเป็นคนธรรมดาสามัญ ฉันจะหาทางแก้แค้นอย่างแน่นอนที่สุด แต่ในฐานะผู้บำเพ็ญ ฉันต้องเชื่อฟังท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์บอกให้เราอดทน ฉันก็ต้องอดทน มีเพียงเมื่อเราตอบกลับการทำชั่วด้วยความเมตตา เราก็กำลังปฏิบัติตามมาตรฐานของต้าฝ่า ฉันค้นหาจากภายในแต่ไม่พบว่าฉันทำอะไรผิดทำให้มันยากยิ่งขึ้นที่จะอดทน

เดือนต่อ ๆ มา ไม่ว่าสามีของฉันจะพยายามทำดีชดเชยให้กับฉันอย่างไร ทั้งทำอาหาร ซักผ้า หรือคอยช่วยเหลือฉันในการอธิบายความจริง ฉันก็ไม่สามารถให้อภัยเขาได้

ความตึงเครียดระหว่างเราก่อตัวขึ้นและในที่สุดก็ระเบิดในอีกไม่กี่เดือนต่อมา คราวนี้เราทะเลาะและโต้เถียงกันเป็นเวลาสองวัน เราต่างคนต่างทำอาหารและแยกกันกิน ฉันขอบัตรแพทย์ของฉันคืนและไม่ให้เงินช่วยเหลือเขาอีกต่อไป เขาไม่มีประกันสุขภาพและใช้เงินจากบัตรของฉัน เขาได้รับเงินบำนาญจากการเกษียณน้อยมาก เขาจึงทิ้งมันไว้ในบัญชีออมทรัพย์และใช้เงินของฉัน

ฉันฟ้องหย่าที่ศาลท้องถิ่นและหาทนายความที่รู้ความจริงเกี่ยวกับต้าฝ่าและคอยช่วยเหลือผู้ฝึก หลังจากฟังเรื่องราวของฉันแล้ว เขาถามอย่างระมัดระวังว่า “คุณไม่คิดว่าตัวเองเอาแต่ใจไปหน่อยหรือ บางทีคุณน่าจะสงบสติอารมณ์ คิดทบทวนอีกครั้ง และถามตัวเองว่าคุณทำทุกอย่างถูกต้องหรือไม่ หากคุณต้องการหย่าจริง ๆ โปรดนำคำฟ้องที่เป็นลายลักษณ์อักษรมาในครั้งหน้า” ฉันรู้ว่าทนายความพยายามชะลอกระบวนการเพื่อให้เวลาฉันคิดทบทวน ฉันเองก็รู้สึกว่าตัวเองยังไม่สงบพอจึงตัดสินใจรออีกหน่อย

ฉันงงว่าต้องทำอะไรต่อไป ฉันขอให้ท่านอาจารย์หลี่ (ผู้ก่อตั้งต้าฝ่า) ช่วยนำทางฉันไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง เส้นทางของฉันอยู่ที่ไหน

ท่านอาจารย์กล่าวว่า

พวกเราพูดว่าต่อหน้าความขัดแย้ง ถอยหลังหนึ่งก้าว ทะเลท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาล รับรองว่าเป็นสภาพการณ์อีกแบบหนึ่ง” (บทที่ 9, จ้วนฝ่าหลุน)

มีเพียงเราถอยหลังหนึ่งก้าว เราจึงจะพบทางออก ฉันต้องถอยหลังหนึ่งก้าว ถ้าฉันยังมุ่งก้าวไปข้างหน้า ฉันจะอยู่ที่ริมขอบของความล้มเหลว เมื่อฉันคิดได้เช่นนี้ บทกวีของท่านอาจารย์ก็ผุดขึ้นมาในใจ

ความเมตตากรุณาสามารถละลายฟ้าดิน ให้เป็นฤดูใบไม้ผลิ เจิ้งเนี่ยน (ความคิดถูกต้อง) สามารถช่วยคนในโลก” (“ฝ่าปรับจักรวาล”, หงอิ๋น 2)

ฉันตระหนักได้ในทันทีว่า “สิ่งที่ฉันทำอยู่คือการบำเพ็ญจริงหรือ ความเมตตาของฉันอยู่ที่ไหน ความคิดถูกต้องของฉันอยู่ที่ไหน”

ทนายความพบกับสามีของฉันในวันรุ่งขึ้น การสนทนาผ่านไปด้วยดี เขาบอกกับสามีของฉันว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าไม่ได้ขัดต่อกฎหมายในประเทศจีนและการฝึกนี้เป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศทั่วโลก

ฉันขุดลึกลงไปและสำรวจตัวเอง ฉันยอมรับต่อหน้าทนายความว่า “หลายปีที่ผ่านมา ฉันยโส เห็นแก่ตัว และดูถูกสามี ฉันไม่เคารพนับถือเขาอย่างที่เขาสมควรได้รับ ฉันพูดจาดูหมิ่นเขาต่อหน้าครอบครัวของเขา และตอนนี้แม้แต่ครอบครัวของเขาก็ไม่ชอบเขา ในช่วงสองทศวรรษของการประทุษร้ายที่ผ่านมานี้ เขาใช้ชีวิตในสภาพวิตกกังวลและหวาดกลัวอย่างต่อเนื่องทั้งหมดก็เพราะฉัน เขาทนทุกข์อย่างมากเพราะการเลือกของฉัน ชายที่น่าสงสาร ! อย่างไรก็ตาม ฉันก็ไม่เคยคิดถึงสถานการณ์ของเขาและไม่ได้นึกถึงความรู้สึกของเขาเลย ฉันให้ความสำคัญอยู่กับความเจ็บปวดของตัวเองเท่านั้น ฉันเห็นแก่ตัว” สามีของฉันยังให้สัญญาว่าจะไม่ทะเลาะกับฉันอีก

ขจัดรากเหง้าของความเกลียดชัง

เมื่อฉันขจัดจิตยึดติดออกไปได้ ระดับชั้นของฉันก็สูงขึ้น แต่ว่าฉันยังไม่รับรู้หลักการของฝ่าที่สูงขึ้นและยังไม่ได้ขจัดจิตยึดติดมูลฐานของตัวเอง ฉันไม่ได้ทำตามข้อกำหนดที่สูงขึ้นที่ท่านอาจารย์จัดวางให้ฉัน ฉันรู้ว่าความทุกข์ยากก็เพื่อให้ฉันยกระดับตัวเองซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่ฉันนำความทุกข์ยากนี้มาให้ตัวเองได้อย่างไร ทำไมความโกรธเคืองของฉันจึงรุนแรงยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น

ฉันเล่าความกังวลเหล่านี้ให้กับผู้ฝึกอีกคนหนึ่งฟัง และเธอพูดว่า “คุณยังได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอยู่ แนวโน้มที่จะควบคุมคนอื่น การแข่งขัน ราคะ และความโกรธเคือง ล้วนเป็นวัฒนธรรมพรรค รวมถึงความต้องการที่จะหย่า มันเบี่ยงเบนจากบรรทัดฐานและประเพณีเพื่อตามสิ่งที่คุณปรารถนา เช่น รักษาชีวิตคู่เมื่อคุณพอใจและหย่าร้างเมื่อใดก็ตามที่คุณอยากทำ คิดถึงคุณค่าที่นำเสนอในเสินยวิ่น—มันคือการนำพามนุษยชาติกลับคืนสู่วิถีทางด้วยคุณค่าและประเพณีดั้งเดิม ในฐานะผู้บำเพ็ญเราต้องเป็นผู้บุกเบิกในเรื่องนี้”

ฉันช็อกเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น จริงอยู่ ฉันยังคงได้รับอิทธิพลอย่างมากจากวัฒนธรรมพรรค ตั้งแต่เกิดตลอดถึงวัยผู้ใหญ่ ฉันก็จมอยู่ในวัฒนธรรมพรรค มันแทรกซึมอยู่ในสังคมของเรามาตั้งแต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้ายึดอำนาจและได้ปลูกฝังมาตรฐานความดีความชั่วที่ถอยหลังและวิธีคิดที่บิดเบี้ยวให้กับชาวจีน สิ่งที่เราประสบกับการเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมเช่นนี้คือการโกหก ความรุนแรง การแข่งขัน ความโกรธเคือง และเรื่องเพศ

ความเกลียดชังและสสารที่เสื่อมทรามของจักรวาลระดับต่ำสุดประกอบขึ้นเป็นธาตุแท้ของวิญญาณชั่วร้ายคอมมิวนิสต์ มันมองมนุษยชาติเป็นศัตรูและเป้าหมายสูงสุดของมันคือการทำลายล้างมนุษยชาติโดยการทำให้ศีลธรรมของมนุษย์ตกต่ำลงด้วยวัฒนธรรมพรรคคอมมิวนิสต์ที่เชื่อมต่อกัน ส่งผลให้ศีลธรรมของสังคมโดยรวมตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว อิทธิพลเก่าวางแผนทำลายผู้บำเพ็ญด้วยการเสริมกำลังให้จิตยึดติดของเราที่ยังขจัดออกไปไม่หมด

ฉันแจกหนังสือเก้าบทวิจารณ์พรรคคอมมิวนิสต์ และ เป้าหมายสูงสุดของลัทธิคอมมิวนิสต์ ทุกวัน แต่ฉันยังไม่เข้าใจเนื้อหาในหนังสืออย่างแท้จริง ฉันไม่ตระหนักว่าวิธีคิดของฉันยังคงได้รับอิทธิพลอย่างมากจากวัฒนธรรมพรรค และฉันไม่ตระหนักว่าฉันต้องขจัดสสารพวกนี้ออกจากสนามของฉัน นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงแม้ฉันจะใช้เวลาอย่างมากในการอ่านฝ่า ฟาเจิ้งเนี่ยน และตรวจสอบตัวเองเพื่อหาจิตยึดติด ความโกรธเคืองของฉันก็ยังคงเพิ่มขึ้นและกลายเป็นความเกลียดชังในที่สุด ฉันนำพาความทุกข์ยากนี้มาให้ตัวเอง ! ในที่สุดฉันก็ตระหนักว่ารากเหง้าของปัญหาก็คือวัฒนธรรมพรรค

ฉันได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้ฝึกอื่น ฉันจึงเริ่มฟังหนังสือเสียงของ เก้าบทวิจารณ์พรรคคอมมิวนิสต์ เป้าหมายสูงสุดของลัทธิคอมมิวนิสต์ และ ปีศาจคอมมิวนิสต์ครอบงำโลกของเราฉันฟังหนังสือเสียงเหล่านี้ขณะทำหนังสือเล่มเล็กที่ใช้อธิบายความจริงและฟังในเวลากลางคืนด้วย นอกจากฟังหนังสือเสียงเหล่านี้ซ้ำรอบแล้วรอบเล่า ฉันยังใช้เวลาในการฟาเจิ้งเนี่ยนนานขึ้นเพื่อชำระล้างสนามของตัวเองจากพิษของวัฒนธรรมพรรค อิทธิพลเก่า และนิสัยชอบบังคับ เห็นแก่ตัว แข่งขันสูง และตัณหาราคะของฉัน จิตยึดติดและทัศนคติของมนุษย์เหล่านี้ทั้งหมดเกิดจากความเห็นแก่ตัว เมื่อเวลาผ่านไปฉันรู้สึกได้ว่าสนามพลังงานของฉันได้รับการชำระล้าง จิตแข่งขันและความโกรธเคืองของฉันก็อ่อนกำลังลงเรื่อย ๆ ด้วย

ขจัดตัณหาราคะ

เมื่อฉันเข้าใจสถานการณ์จริง ๆ มันทำให้ฉันเข้าใจชัดเจนว่า “ตัณหาราคะ” เกิดจากลัทธิคอมมิวนิสต์ สังคมเต็มไปด้วยตัณหาราคะและเพศสัมพันธ์นอกชีวิตสมรส เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนล้วนออกนอกลู่นอกทางหรือมีชู้ วิญญาณพรรคคอมมิวนิสต์จีนกำลังพยายามลากมนุษยชาติลงนรกด้วยราคะอันแรงกล้านี้

ความคิดที่ไม่ดีของสามีของฉันมีพลังมากขึ้นและเคยรบกวนฉัน ความจริงที่ว่าเขายังสามารถทำให้ฉันขุ่นเคืองได้แสดงว่าฉันยังมีสสารเหล่านั้นในสนามของฉัน ฉันยังชอบตัดสินผู้คนจากรูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขา ฉันชอบเสื้อผ้าที่สวยงาม ฉันอิจฉาผู้ฝึกที่ได้แต่งงานกับผู้ฝึก โดยเฉพาะเมื่อพวกสามีเป็นคนที่มีความสามารถและดีต่อภรรยา ถ้าฉันไม่ขจัดจิตยึดติดเหล่านี้ออกไปและรักษาความคิดถูกต้องให้แข็งแกร่งไว้ ฉันก็จะไม่สามารถขจัดราคะได้หมดสิ้น

หลังจากพูดคุยกับผู้ฝึกอื่นที่มีความทุกข์ยากคล้ายคลึงกันและได้อ่านบทความมากมายในเว็บไซต์หมิงฮุ่ย ฉันก็ตัดสินใจว่าการฟาเจิ้งเนี่ยนให้นานขึ้นเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการกำจัดตัณหาราคะ ฉันได้รับแรงบันดาลใจจากผู้ฝึกอื่น จึงจดจ่อกับความคิดต่อไปนี้ขณะฟาเจิ้งเนี่ยน “ฉันเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์หลี่หงจื้อ และฉันไม่ยอมรับการจัดวางอื่นใด ฉันจะทำตามเส้นทางที่ท่านอาจารย์จัดวางให้เท่านั้น กำจัดราคะและกรรมทั้งปวงในสนามพลังของฉัน กำจัดความคิดที่ไม่ดีทั้งหมดที่เกี่ยวเนื่องกับราคะ กำจัดอารมณ์ความรู้สึกระหว่างสามีภรรยา บำเพ็ญใจและตัดขาดตัณหาราคะ”

ฉันยังจดจ่ออยู่กับความคิดถูกต้องของตัวเองกับบุคคลเดียวในบางครั้ง ฉันกำจัดอิทธิพลเก่าและการจัดวางทั้งหมดต่อบุคคลนี้ของพวกมัน กำจัดสนามพลังของปีศาจแห่งตัณหาราคะทั้งหมดของพวกมันรวมทั้งอารมณ์ความรู้สึก และขจัดชีวิตและสสารทั้งหมดที่เบี่ยงเบนออกจากฝ่า ฉันสละเวลาสองสามวันเพื่อฟาเจิ้งเนี่ยนเท่านั้น บางช่วงใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงและบางทีก็ครึ่งชั่วโมง ฉันฟาเจิ้งเนี่ยนไปเรื่อย ๆ และเห็นผลลัพธ์ที่ดี มีการรบกวนน้อยลงและความตึงเครียดระหว่างฉันกับสามีก็ลดลง

ในที่สุดฉันก็สามารถแก้ไขตัวเองให้ถูกต้องจากในฝ่า ซึ่งทำให้ฉันเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีทั้งทางร่างกายและจิตใจ เมื่อสิ่งเลวร้ายมากมายถูกขจัดออกไป ฉันก็พบว่าตัวเองเมตตาผู้อื่นมากขึ้น ฉันยังข้ามด่านได้และนั่งสมาธิในท่าขัดสมาธิเพชรครบหนึ่งชั่วโมงเต็ม อาการป่วยที่ไม่ยอมหายหลายอย่างของฉัน เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ หูอื้อ และโรคหอบหืดก็หายไปหมด

สลายความทุกข์ยากใหญ่หลวง

วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังท่องฝ่า อยู่ ๆ ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา “เป็นเพราะฉันบำเพ็ญได้ไม่ดีหรือเปล่าที่ทำให้สามีของฉันไม่ได้รับฝ่า บางทีจิตสำนึกหลักของเขาร้อนใจที่จะได้รับฝ่า” วันต่อมาสามีเข้ามาในห้องของฉันสามรอบและเดินป้วนเปี้ยนโดยไม่พูดอะไร ฉันถามเขาว่ากำลังมองหาอะไรอยู่หรือเปล่า เขาพูดว่า "คุณกำลังอ่านหนังสือของคุณอยู่หรือเปล่า" ฉันบอกว่า “ถ้าคุณอยากอ่าน คุณก็เอาไปอ่านก่อนได้นะ” เขาจึงเอาหนังสือไป

วันถัดมาเขาบอกฉันว่าเขาอ่านบทแรกจบแล้วและต้องการอ่านต่อ ฉันให้หนังสือ จ้วนฝ่าหลุน ของฉันกับเขา เขาอ่านหนังสือสามรอบ เขาฟังการบรรยายฝ่าของท่านอาจารย์หลายรอบ และอ่านหนังสืออธิบายความจริงเล่มเล็กอีกกว่าสิบเล่ม

ในวันตรุษจีน สามีของฉันบังเอิญเจอเพื่อนคนหนึ่งที่บอกว่าเขาอยากเรียนรู้เรื่องของต้าฝ่าให้มากขึ้น สามีของฉันรีบกลับบ้านเพื่อหยิบหนังสืออธิบายความจริงเล่มเล็กสองสามเล่มและนำไปให้เพื่อนของเขาที่บ้าน เป็นครั้งแรกที่เขาช่วยคนสองคนลาออกจากพรรคและองค์กรยุวชนของมัน ตั้งแต่นั้นมาเขาก็พกเอกสารอธิบายความจริงติดตัวไปทุกที่ เขาได้แจกหนังสืออธิบายความจริงเล่มเล็กกับแผ่นพับมากกว่า 200 เล่ม/ใบ และช่วยผู้คนมากกว่า 140 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกพรรคให้ลาออกจากพรรค แต่เขาก็ยังไม่ได้เริ่มฝึก

เมื่อการบังคับใช้กฎหมายของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเริ่มให้จับกุมผู้ฝึกอีกครั้งเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว สามีของฉันก็หยุดอธิบายความจริงเพราะความหวาดกลัว แต่เขารู้ว่าต้าฝ่าดี ถ้ามีคนที่ตลาดแจกหนังสืออธิบายความจริงเล่มเล็กกับเขา เขาจะรับมาและเอาไปให้คนอื่น เมื่อเขาซื้อผลผลิตจากผู้ขาย เขาจะไม่เลือกของดีหรือต่อรองราคาอีกแล้ว บางครั้งผู้คนก็เข้าใจผิดว่าเขาเป็นผู้ฝึกต้าฝ่า

เรายังคงมีความขัดแย้งกันในบางครั้ง ความโกรธเคืองและจิตแข่งขันของฉันยังโผล่ขึ้นมาบ่อย ๆ และบางครั้งก็รุนแรงมาก แต่ฉันรู้ว่านี่เป็นขั้นตอนของการบำเพ็ญ ตอนนี้ฉันพบว่ามันง่ายที่จะผ่านการทดสอบเหล่านี้ตราบใดที่ฉันปฏิบัติตามข้อกำหนดของฝ่าอย่างแท้จริง ค้นหาจากภายในเพื่อตรวจสอบและแก้ไขตัวเองให้ถูกต้องอยู่เสมอ และรักษาความคิดถูกต้องไว้อย่างแข็งขันเพื่อขจัดความยึดติดที่ยังหลงเหลืออยู่ทั้งหมด ในที่สุดฉันก็รู้สึกมั่นใจที่จะพูดว่าฉันได้ก้าวข้ามอุปสรรคใหญ่และสลายความทุกข์ยากใหญ่หลวงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัวแล้ว

นิสัยชอบบังคับและเกลียดชังของฉันนำไปสู่ความทุกข์ยากใหญ่หลวงในการบำเพ็ญ ชีวิตแต่งงานที่มีปัญหามานานกว่า 20 ปีของเราเหมือนภูเขาน้ำแข็งซึ่งในที่สุดก็แตกสลายไปได้ด้วยความเมตตาที่ไร้ขอบเขตของต้าฝ่า สถานการณ์ที่ดูเหมือนจะสิ้นหวังก็เปลี่ยนไป ท่านอาจารย์ได้ให้ความหวังมากมายและใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อช่วยฉันตลอดทุกขั้นตอน ฉันใช้เวลาในการรับรู้นานเกินไปและฉันทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวัง ฉันอยากจะบอกท่านอาจารย์ว่า “ขอบพระคุณท่านอาจารย์ ขอบพระคุณท่านอาจารย์ !”

บำเพ็ญอย่างแข็งขันและช่วยเหลือผู้คนให้มากขึ้นในช่วงโรคระบาด

ตอนนี้ฉันมีสามีที่คอยสนับสนุนและมีสภาพแวดล้อมในการบำเพ็ญที่ดี ฉันจะบำเพ็ญอย่างขยันขันแข็งมากขึ้นและทำสามสิ่งให้ดียิ่งขึ้น ฉันอธิบายความจริงในช่วงเช้าและศึกษาฝ่าในตอนบ่ายเป็นประจำ เวลาเดินฉันจะท่องฝ่าอยู่เสมอ ฉันพยายามนึกถึงฝ่าอยู่ในใจเสมอเพื่อไม่ให้ความคิดอื่นหรือวัฒนธรรมพรรคเข้ามารบกวน ในช่วงเวลาสำคัญยิ่งแห่งประวัติศาสตร์นี้ ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายของการเจิ้งฝ่า เราไม่มีเวลาเหลือให้สูญไปโดยเปล่าประโยชน์ เราต้องบำเพ็ญตัวเองให้ดีและช่วยเหลือผู้คนให้มากขึ้น

เมื่อการระบาดใหญ่ของโควิดเริ่มต้นขึ้นในปี 2020 ชุมชนในถิ่นพำนักของเราและหมู่บ้านในพื้นที่โดยรอบถูกล็อกดาวน์ทั้งหมด ฉันจะช่วยเหลือผู้คนได้อย่างไรในเมื่อพวกเขาไม่สามารถออกมาข้างนอกได้ ฉันอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเหลือผู้คน ฉันกังวลใจมากจนผมของฉันเปลี่ยนเป็นสีขาว

ฉันเริ่มจากเพิ่มเวลาศึกษาฝ่า จากนั้นก็เสี่ยงออกไปในชุมชนของตัวเองอย่างช้า ๆ ฉันทำสติกเกอร์เล็ก ๆ ที่มีข้อมูลของต้าฝ่าและติดไว้ตามลิฟต์ ฉันบอกกับทุกคนที่เจอว่าผู้คนหายจากไวรัสได้ด้วยการท่อง “ฝ่าหลุนต้าฝ่าดี” ฉันให้เครื่องรางกับพวกเขา และบอกพวกเขาถึงความสำคัญของการแยกตัวเองออกจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ผู้ฝึกในท้องที่ไม่กี่คนมารวมตัวกัน และเราทุกคนเห็นพ้องกันว่าเราจะอยู่แต่ในบ้านไม่ได้ เราต้องทำในสิ่งที่ทำได้เพื่อช่วยเหลือผู้คน เราแบ่งงานกัน ฉันรับผิดชอบในการจัดทำแผ่นพับอธิบายความจริง และคนอื่นแจกแผ่นพับ

ฉันดาวน์โหลดโบรชัวร์ที่พับสามทบ สติ๊กเกอร์ หนังสือเล่มเล็ก เอกสารแผ่นเดี่ยว และจดหมายข่าวจากเว็บไซต์หมิงฮุ่ย และทำสำเนาให้ได้มากที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้ ฉันใส่หนังสืออธิบายความจริงเล่มเล็ก แผ่นพับสามทบฉบับปรับปรุงใหม่ล่าสุดที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการระบาดใหญ่ทั่วโลก และคิวอาร์โคดเพื่อเลี่ยงไฟวอลล์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในเอกสารแต่ละชุด ผู้ฝึกแจกเอกสารชุดโดยผู้ฝึกสองคนจะจอดรถอยู่บนถนนใกล้กับชุมชนที่พักอาศัยและรอให้คนเดินผ่านมาเพื่อยื่นชุดเอกสารอธิบายความจริงให้พวกเขา ผู้ฝึกแจกได้ประมาณ 200 ชุดต่อวันและช่วยให้คนจำนวนมากลาออกจากพรรค

ฉันจับคู่กับผู้ฝึกอีกคนหนึ่งเพื่อแจกชุดเอกสารเหล่านี้และวางไว้ตามกระจกหน้ารถ เมื่อฉันมีเวลาว่างระหว่างวัน ฉันจะออกไปพูดคุยกับผู้คนด้วยตัวเอง เราไม่ยอมรับการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนบังคับใช้ และยังคงช่วยเหลือผู้คนต่อไปอย่างที่เราควรทำ

เมื่อข้อกำหนดถูกยกเลิก ผู้ฝึกในท้องที่จับคู่กันไปยังชนบทเพื่อเผยแพร่ความจริงเกี่ยวกับต้าฝ่า ฉันกับผู้ฝึกอีกคนทำงานร่วมกันได้ดี บางครั้งเราแจกชุดเอกสารได้มากกว่า 60 ชุดภายในเวลาแค่ครึ่งวันและช่วยให้คนลาออกจากพรรคได้มากกว่า 20 คน สรรพชีวิตกำลังรอคอยการช่วยเหลือ—บางคนขอชุดเอกสารอธิบายความจริงจากเราและบางคนถึงกับช่วยเราแจกจ่ายชุดเอกสารเหล่านี้

สรรพชีวิตกำลังรอคอยการช่วยเหลือ

ครั้งหนึ่งฉันเห็นคนกลุ่มหนึ่งประมาณสิบกว่าคนกำลังซื้อแอปริคอตจากผู้ขายแห่งหนึ่ง ฉันหยิบหนังสืออธิบายความจริงเล่มเล็กและพยายามแจกพวกเขา เมื่อคนกลุ่มนี้ลังเล หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งคว้าหนังสือเล่มเล็กจากมือของฉันและวางบนมือของทุกคนคนละเล่ม “ทำไมพวกคุณไม่ต้องการข้อมูลดี ๆ แบบนี้ พวกคุณไม่กลัวไวรัสนี้มาเคาะที่ประตูบ้านของพวกคุณหรือ รับไว้ รับไว้ ลาออกจากนักบุกเบิกรุ่นเยาว์นะ” ฉันคว้าโอกาสนี้ช่วยพวกเขาลาออกจากพรรค

ครั้งหนึ่งฉันเดินไปตามถนนและเห็นสมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์จีนคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูบ้านของเขา ฉันทักทายเขาและยื่นหนังสืออธิบายความจริงเล่มเล็กกับหนังสือเป้าหมายสูงสุดของลัทธิคอมมิวนิสต์ให้เขา เขาดูกังวลและไม่รับ ฉันบอกเขาว่า “อย่ากลัวเลย ฉันมอบเอกสารเหล่านี้ถึงหน้าประตูบ้านคุณ คุณสามารถใช้ชื่อเล่นเพื่อลาออกจากพรรค—วิธีนี้ความเป็นส่วนตัวของคุณจะถูกเก็บเป็นความลับ ในไม่ช้าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะต้องรับผิดชอบต่ออาชญากรรมที่มันก่อ ทำไมคุณไม่เลือกความปลอดภัยล่ะ” เขาพูดว่า “พรศักดิ์สิทธิ์มาส่งถึงหน้าประตูบ้านผมแล้ว—ผมจะรับไว้ ! โปรดช่วยผมลาออกจากพรรคด้วย ขอบคุณ"

คนจำนวนมากรู้สึกประทับใจหลังจากได้รับรู้ความจริงและขอบคุณเราครั้งแล้วครั้งเล่า คนหนึ่งพูดกับฉันว่า “ในช่วงเวลาที่วุ่นวายเช่นนี้ มีเพียงผู้ฝึกต้าฝ่าเท่านั้นที่พยายามช่วยเหลือเรา” ผู้สูงอายุคนหนึ่งถามฉันว่า “ผู้ฝึกทุกคนมีเกราะป้องกันหรือ พวกคุณทุกคนขับรถมาถึงนี่เพื่อมอบหนังสือให้เราฟรีหรือ ค่าใช้จ่ายเท่าไรหรือ” ฉันบอกเขาว่า “เราต้องการช่วยเหลือผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าเราไม่ขับรถ เราจะไม่มีเวลาพอ มันคุ้มค่าถ้าพวกคุณทุกคนปลอดภัยในช่วงของการระบาดใหญ่”

หลังจากช่วยให้คนลาออกจากพรรคทีละคน เราเตือนพวกเขาก่อนลากลับว่า “อย่าลืมท่อง ‘ฝ่าหลุนต้าฝ่าดี’ ขอให้คุณกับครอบครัวมีความสุขและปลอดภัย” เราได้อธิบายความจริงให้กับเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่บริเวณทางเข้าของทุกหมู่บ้านระหว่างทางที่เราออกไปด้วย พวกเขาส่วนใหญ่เป็นสมาชิกพรรค แต่มีความสุขที่ได้ลาออกจากพรรคและขอบคุณเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ฉันเป็นชีวิตที่โชคดีที่สุดในจักรวาล

ตอนนี้สามีของฉันสนับสนุนฉันอย่างมากที่ไปแถบชนบทเพื่อเผยแพร่ความจริงเกี่ยวกับต้าฝ่า เขาทำงานบ้านเกือบทั้งหมด ทั้งทำอาหาร ซักผ้า และทำความสะอาดบ้าน เขายังช่วยฉันขนกระดาษหนัก ๆ เพื่อเก็บเข้าคลัง ช่วยพับโบรชัวร์ และเข้าเล่มหนังสือเล่มเล็กด้วย บางครั้งเขาช่วยนำเอกสารไปส่งให้ด้วย เขาชอบซื้อผลไม้ไปวางที่หน้ารูปของท่านอาจารย์ เขาสุขภาพแข็งแรงและมีความสุข

บางครั้งในยามค่ำคืน ฉันคิดกับตัวเองว่า “ฉันมีเงินเก็บไม่มาก ฉันไม่มีเครื่องประดับทองหรือเพชร ฉันไม่มีเสื้อผ้าราคาแพง เวลาเหนื่อยฉันไม่มีไหล่ให้พิงและไม่เคยได้รับของขวัญวันเกิดเลย แต่สิ่งที่ฉันมีคือเกียรติอันยิ่งใหญ่ของผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าซึ่งชีวิตในระดับชั้นที่สูงกว่านี้จำนวนนับไม่ถ้วนในจักรวาลต่างปรารถนา ฉันเป็นชีวิตที่ท่านอาจารย์เลือกโดยเฉพาะและชี้นำทางให้ในฐานะศิษย์ของท่าน วันหนึ่งฉันจะกลายเป็นราชาของอาณาจักรของตัวเอง ฉันเชื่อมโยงกับความรุ่งโรจน์ของจักรวาลและชีวิตนับไม่ถ้วนในนั้นคือความมั่งคั่งของฉัน โลกมนุษย์เป็นเวทีเพื่อการบำเพ็ญของฉันและสมาชิกในครอบครัวของฉันอยู่ที่นี่เพื่อช่วยฉันบำเพ็ญ พวกเขาล้วนเป็นชีวิตที่ฉันต้องช่วยเหลือ มีอะไรที่ฉันจะขออีก”

ขณะที่เขียนบทความนี้ ฉันได้มองย้อนกลับไปในเส้นทางการบำเพ็ญของตัวเองและรู้สึกว่าฉันได้ยกระดับสูงขึ้นอีก

ขอให้ผู้ฝึกช่วยชี้แนะในสิ่งที่ไม่เหมาะสมด้วย

ข้อคิดเห็นในบทความนี้เป็นความคิดเห็นหรือความเข้าใจของผู้เขียนเอง เนื้อหาทั้งหมดที่เผยแพร่บนเว็บไซต์นี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Minghui.org หมิงฮุ่ยจะผลิตฉบับรวมเล่มของเนื้อหาออนไลน์เป็นประจำรวมทั้งในโอกาสพิเศษด้วย