(Minghui.org) ชายวัย 41 ปี ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี เพราะความเชื่อในฝ่าหลุนกง เขาถูกทรมานจนจำไม่ได้ในเรือนจำ พี่สาวของเฉิน ตี๋ไฉ ยื่นร้องเรียนผู้กำกับการเรือนจำไปยังหน่วยงานของรัฐหลายแห่ง ความพยายามอย่างต่อเนื่องของเธอได้ผล เฉินรายงานว่าผู้คุมเรือนจำหยุดทุบตีเขาและเริ่มให้อาหารเขามากพอ

ครอบครัวได้เข้าเยี่ยมครั้งแรกในรอบ 4 ปี

เฉินซึ่งเป็นชาวอำเภอหยางซิน เมืองหวงซี มณฑลหูเป่ย์ ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2019 ในข้อหาฝึกฝ่าหลุนกง ซึ่งเป็นการฝึกใจและกายที่ถูกพรรคคอมมิวนิสต์จีนประทุษร้ายตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 1999 เป้นต้นมา เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2020 เขาถูกตัดสินจำคุก 7 ปี และถูกปรับ 30,000 หยวน ไม่กี่เดือนต่อมา คำอุทธรณ์ของเขาถูกปฏิเสธในวันที่ 4 ธันวาคม ต่อมาเขาถูกจำคุกในเขตที่ 7 ของเรือนจำฟ่านเจียไถ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบเรือนจำของกลุ่มเรือนจำซาหยางในอำเภอซาหยาง เมืองจิงเหมิน มณฑลหูเป่ย์

เหมย (นามแฝง) ซึ่งเป็นพี่สาวของเฉิน ขอเข้าเยี่ยมน้องชายซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ถูกปฏิเสธ เธอไปเรือนจำหลายครั้ง แต่ถูกปฏิเสธการเข้าเยี่ยม ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2023 เธอได้โทรศัพท์ไปยังหน่วยงานกำกับดูแลเรือนจำ (สำนักงานบริหารของกลุ่มเรือนจำซาหยาง) และในที่สุดเธอก็ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมน้องชายของเธอในวันที่ 24 กรกฎาคม 2023

วันนั้นเหมยและพ่อของเธอใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมงเพื่อไปเยี่ยมเฉินที่เรือนจำ พวกเขารู้สึกเศร้ามากที่เห็นเฉินดูโทรมมากและผิวซีดเหลือง เดิมทีเขามีผมดกดำทั่วศีรษะ แต่ตอนนี้เหลือแต่ผมสีเหลืองเพียงไม่กี่เส้นเท่านั้น โหนกแก้มของเขายื่นออกมา ทำให้จำเขาไม่ได้เลย

เฉินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงว่าเขาต้องตื่นตี 5 ทุกเช้าเพื่อทำงานหนักตลอดทั้งวันจนถึงเวลาประมาณ 22.00 น. ขณะที่นักโทษอื่นได้รับอนุญาตให้นอนหลังเลิกงาน แต่เขากลับถูกทรมานหลายแบบเพราะเขาปฏิเสธที่จะหยุดฝึกฝ่าหลุนกง การลงโทษสถานเบาคือให้ยืนนิ่ง ๆ จนถึงตี 1 หรือตี 2 การลงโทษที่หนักขึ้นคือถูกทุบตีอย่างโหดร้ายทารุณในห้องน้ำซึ่งไม่มีกล้องวงจรปิด ฟันกรามของเขาหลุด 4 ซี่ เพราะถูกทุบตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั่วทั้งร่างกายของเขาบาดเจ็บหนักมากเช่นกัน

เฉินได้นอนน้อยกว่า 3 ชั่วโมงทุกคืน และได้รับอาหารน้อยมากทุกวัน จากเดิมที่เคยเป็นชายร่างใหญ่ด้วยน้ำหนักประมาณ 190 ปอนด์ ภายในเวลาไม่นานน้ำหนักของเขาหายไปเกือบครึ่งหนึ่ง นอกจากนี้เขายังเดินหลงทิศทางเนื่องจากการอดนอนอย่างรุนแรง

พี่สาวยื่นร้องเรียนผู้กำกับการเรือนจำ

ในระหว่างการเข้าเยี่ยมเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2023 เหมยเรียกร้องให้ผู้คุมที่ตรวจติดตามการเข้าเยี่ยม และคณะกรรมการการตรวจสอบทางวินัยของเรือนจำ สืบสวนการกระทำทารุณน้องชายของเธอ

สองวันต่อมา มีคนที่อ้างว่ามาจากคณะกรรมการการตรวจสอบทางวินัยเมืองจิงเหมิน ซึ่งรับผิดชอบเรือนจำฟ่านเจียไถ โทรหาเหมยและบอกว่าพวกเขาจะสืบสวนเรื่องนี้

เหมยโทรไปที่เรือนจำเมื่อกลางเดือนสิงหาคม 2023 และขอคุยกับน้องชายของเธอทางโทรศัพท์ วันต่อมาเฉินได้รับอนุญาตให้คุยโทรศัพท์กับเธอเป็นเวลา 10 นาที เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงว่าวันนั้นเขาไม่ถูกบังคับให้ทำงานหนักเพราะเขาไม่สบาย เหมยกังวลมาก

หลายสัปดาห์ต่อมา เธอโทรไปที่เรือนจำเพื่อขอคุยกับน้องชายของเธอทางโทรศัพท์อีกครั้ง แต่คราวนี้เธอถูกปฏิเสธ

วันที่ 2 กันยายน 2023 เหมยส่งจดหมายร้องเรียนผู้กำกับการเรือนจำ จวง กวงหลิง และส่งคำร้องให้ทบทวนคดีของน้องชายของเธอไปยังหน่วยงานต่อไปนี้ : สำนักงานอัยการเมืองจิงเหมิน คณะกรรมการกำกับดูแลเมืองจิงเหมิน รัฐบาลเมืองจิงเหมิน สำนักงานบริหารกลุ่มเรือนจำซาหยาง สำนักอัยการมณฑลหูเป่ย์ กระทรวงยุติธรรมมณฑลหูเป่ย์ คณะกรรมการการเมืองและกฎหมายประจำมณฑลหูเป่ย์ คณะกรรมการกำกับดูแลมณฑลหูเป่ย์ รัฐบาลมณฑลหูเป่ย์ คณะกรรมการประจำสภาประชาชนแห่งมณฑลหูเป่ย์ กระทรวงยุติธรรม อัยการประชาชนสูงสุด สำนักงานทั่วไปของคณะกรรมาธิการแห่งรัฐ คณะกรรมการประจำสภาประชาชนแห่งชาติ และสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติ

ที่เวลาประมาณ 17.30 น. ของวันที่ 13 กันยายน ฟ่าน จุนหยู ซึ่งเป็นคณะกรรมการการตรวจสอบทางวินัยเมืองจิงเหมิน ผู้อำนวยการเฉินของสำนักงานบริหารกลุ่มเรือนจำซาหยาง และชายคนหนึ่งในวัย 50 ต้น ๆ ได้พบกับเหมยที่ศาลาเอนกประสงค์ของรัฐเขตหวงสือกั่ง เมืองหวงสือ

เหมยร้องเรียนกับพวกเขาเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายของเรือนจำฟ่านเจียไถ เพราะเรือนจำปฏิเสธการขอเข้าเยี่ยมน้องชายของเธอซ้ำแล้วซ้ำอีกในช่วง 4 ปีแรกของการคุมขัง แม้ว่าเธอจะมีเอกสารที่ต้องการทั้งหมดให้แล้ว เธอขอให้พวกเขาสั่งเรือนจำให้เปิดภาพกล้องวงจรวงปิดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับน้องชายให้เธอดู ฟ่าน ตอบว่าวิดีโอเก็บไว้เพียงเดือนเดียวเท่านั้น เธอจึงเสนอเงื่อนไข 3 ประการ : เงื่อนไขที่ 1 ต้องให้เรือนจำหยุดทุบตีน้องชายของเธอ และอนุญาตให้เขาโทรคุยกับเธอได้ทุกเดือน เงื่อนไขที่ 2 ต้องให้น้องชายของเธอได้รับการรักษาทางแพทย์ เพราะเขามีอาการของโรคตับอักเสบไวรัส B เงื่อนไขที่ 3 ต้องปล่อยตัวน้องชายของเธอโดยมีทัณฑ์บนเพื่อการรักษาพยาบาล

การประชุมใช้เวลาประมาณ 20 นาที

วันถัดมาอัยการเมืองจิงเหมินส่งข้อความถึงเหมยโดยแจ้งว่าพวกเขาส่งข้อร้องเรียนและคำร้องของเธอต่อไปยังอัยการภูมิภาคซาหยางในเมืองจิงเหมินแล้ว

เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 15 กันยายน หลี่ซึ่งเป็นผู้อำนวยการกรมตำรวจอำเภอหยางซิน โทรศัพท์หาเหมย และขอพบกับเธอเนื่องจากพวกเขากำลังสืบสวนคดีของน้องชายของเธอ พวกเขาขอสำเนาคำร้องเรียนผู้กำกับการเรือนจำและคำร้องทุกข์เพื่อทบทวนคดีของน้องชายของเธออีกครั้ง พวกเขาบอกว่าเธอสามารถส่งไฟล์ให้พวกเขาผ่านทาง WeChat (ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชนิดหนึ่ง) เธอปฏิเสธคำขอของพวกเขา เพราะหากพวกเขามีหน้าที่สืบสวนคดีนี้ หน่วยงานที่กำกับดูแลพวกเขาควรจะส่งคำร้องเรียนและคำร้องทุกข์ของเธอไปให้พวกเขาแล้ว

เมื่อวันที่ 18 กันยายน ผู้คุมจากเขต 7 ของเรือนจำฟ่านเจียไถโทรหาเหมย และบอกว่าพวกเขายึดจดหมายที่ผู้ฝึกฝ่าหลุนกงส่งให้น้องชายของเธอได้ฉนับหนึ่ง หลังจากตรวจสอบที่อยู่ของผู้ส่งแล้ว เหมยจึงทราบว่านั่นเป็นจดหมายที่เธอส่งให้น้องของเธอเอง จดหมายมีคำร้องเรียนผู้กำกับการเรือนจำและคำร้องทุกข์ให้ทบทวนคดีของน้องชายของเธอด้วย เธอตั้งใจให้น้องชายรู้ว่าเธอทำอะไรบ้างเพื่อคืนความยุติธรรมให้กับเขา

เหมยพูดกับคนที่โทรมาว่า : "จดหมายฉบับนี้ฉันเป็นคนส่งเอง ฉันพูดถึงฝ่าหลุนกง แต่นั่นทำให้ฉันเป็นผู้ฝึกฝ่าหลุนกงโดยอัตโนมัติหรือ คุณเป็นใคร" ผู้โทรปฏิเสธที่จะเปิดเผยตัวตนของเขา

วันถัดมาเหมยได้รับข้อความจากอัยการภูมิภาคซาหยาง เขียนว่าพวกเขาได้รับมอบหมายให้ดำเนินการเรื่องคำร้องเรียนของเธอที่สำนักงานประสานงานในเรือนจำฟ่านเจียไถ โดยมีหยวน เจี้ยนกั๋ว และเหมา หยูอี้ เป็นผู้รับผิดชอบ

วันที่ 23 กันยายน เหมยได้รับอีเมลที่แจ้งอย่างเป็นทางการจากสำนักงานประสานงานว่าพวกเขากำลังตรวจสอบข้อร้องเรียนของเธออย่างละเอียด

ที่เวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 26 กันยายน ซือ ฉวน จากคณะกรรมการการเมืองและกฎหมายอำเภอหยางซิน ผู้อำนวยการหลี่จากกรมตำรวจอำเภอหยางซิน และผู้อำนวยการเฉินจากสำนักงานบริหารกลุ่มเรือนจำชาหยาง โทรหาเหมยและขอพบเธอ คราวนี้เธอตอบตกลง พวกเขาไม่ได้แสดงบัตรประจำตัวระหว่างประชุมกัน

หลายวันต่อมา เหมยส่งคำขอให้ปล่อยตัวโดยมีทัณฑ์บนเพื่อการรักษาพยาบาลไปยังคณะกรรมการการตรวจสอบทางวินัยเมืองจิงเหมิน และเขต 7 ของเรือนจำฟ่านเจียไถ

วันที่ 1 ตุลาคม เหมยโทรหาฟ่านและขอคุยกับน้องชายของเธอทางโทรศัพท์ ฟ่านโทรหาเขต 7 และให้น้องชายของเธอได้คุยกับเธอเป็นเวลา 10 นาที คราวนี้เสียงของเฉินฟังดูดีขึ้นมาก เขาบอกว่าเขารู้สึกดีขึ้น ตอนนี้เขามีอาหารพอกิน และถูกทุบตีน้อยลง

เหมยเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับข้อร้องเรียนผู้กำกับการเรือนจำ และคำร้องทุกข์ให้ทบทวนคดีใหม่ รวมถึงการขอให้ปล่อยตัวโดยมีทัณฑ์บนเพื่อการรักษาพยาบาล เธอให้กำลังใจน้องชายเพื่อให้เขายืนหยัดเพื่อตัวเองอีกครั้ง และขอให้เขาโทรหาเธอเดือนละครั้ง

หลังจากนั้นเธอส่งข้อความถึงฟ่านเพื่อขอบคุณที่เขาช่วยให้เธอได้คุยกับน้องชายทางโทรศัพท์ อย่างไรก็ตาม ฟ่านข่มขู่เธอว่าห้ามติดต่อกับผู้ฝึกฝ่าหลุนกง มิฉะนั้นเธอจะต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่จะตามมา

รายงานที่เกี่ยวข้อง :

41-Year-Old Man Tortured Beyond Recognition Allowed First Family Visit after 4 Years in Prison

40-year-old Man Serving Seven Years Suffers Medical Conditions—Family Visitation Denied

Hubei Man Reported by His Brother-in-law for Practicing Falun Gong, Sentenced to Seven Years