(Minghui.org) ระบอบคอมมิวนิสต์จีนเริ่มประทุษร้ายฝ่าหลุนต้าฝ่าเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 1999 หนึ่งปีหลังจากการประทุษร้ายเริ่มต้น ฉันได้ซื้อคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ วันที่ฉันไปซื้อคอมพิวเตอร์ ญาติ ๆ หลายคนไปซื้อคอมพิวเตอร์กับฉันด้วย เนื่องจากมันไม่ธรรมดาเลยที่จะมีคอมพิวเตอร์ในสมัยนั้น ทุกคนจึงคิดว่ามันเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ดี จอของคอมมิวเตอร์ในสมัยนั้นใหญ่มาก เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าและหนักมาก ฉันจ่ายไปเกือบ 5,000 หยวน (ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยเลยในตอนนั้น) และพวกเรา 2 - 3 คน ก็ช่วยกันขนอุปกรณ์กองโตกลับบ้าน

ต่อมาฉันได้ติดต่อผู้ฝึกที่มีทักษะด้านไอที เขาดีใจที่ได้ยินว่าฉันมีคอมพิวเตอร์และมาที่บ้าน เขาพักอยู่ 3 วัน 2 คืน และนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์หลายชั่วโมง ฉันไม่รู้ว่าเขาทำอะไร เพราะทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษและรหัสที่ฉันไม่เข้าใจ เขาบอกฉันอย่างตื่นเต้นว่า “คุณเข้าเว็บไซต์หมิงฮุ่ยได้แล้ว !” ดังนั้นฉันจึงเชื่อมต่อกับหมิงฮุ่ยได้สำเร็จ

ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าหมิงฮุ่ยจะเป็นเพื่อนร่วมทางของฉันนานหลายปี ฉันรับหน้าที่เป็นผู้สื่อข่าวหมิงฮุ่ยในประเทศจีน โดยเขียนบันทึกความสำเร็จที่โดดเด่นของผู้ฝึกในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นี้ และช่วยท่านอาจารย์ในการเจิ้งฝ่า แม้ว่ารายงานเหล่านี้จะเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ แต่เมื่อรายงานจำนวนนับไม่ถ้วนมาบันทึกรวมกันที่หมิงฮุ่ย ก็กลายเป็นบทที่อัศจรรย์

เนื่องในโอกาสครบรอบปีที่ 20 ของฝ่าฮุ่ยประเทศจีนบนหมิงฮุ่ย ฉันอยากจะเล่าประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงของฉันในฐานะผู้สื่อข่าวหมิงฮุ่ยในช่วงปีแรก ๆ ของการประทุษร้าย ฉันขอพระขอบคุณท่านอาจารย์สำหรับโอกาสที่ได้รับนี้

หลังจากที่ฉันเข้าเว็บไซต์หมิงฮุ่ยได้ ฉันไม่เพียงอ่านบทความของท่านอาจารย์ได้ทันทีที่มีการตีพิมพ์เท่านั้น แต่ยังสามารถส่งบทความเหล่านี้ต่อไปให้ผู้ฝึกอื่นได้ด้วย ฉันได้อ่านบทความแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากผู้ฝึกในส่วนต่าง ๆ ของประเทศ และได้อ่านรายงานเกี่ยวกับการประทุษร้ายด้วย ตอนนั้นฉันกลัวที่จะอ่านรายงานที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการประทุษร้ายผู้ฝึก เพราะความโหดร้ายนั้นเกินกว่าที่ฉันจะจินตนาการได้

ในเวลานั้น หมิงฮุ่ยตีพิมพ์จดหมายเปิดผนึกหลายฉบับที่ผู้ฝึกเขียนถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล เพื่อบอกความจริงเกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่า และการประทุษร้ายที่ไร้เหตุผล ผู้ฝึกหลายคนในพื้นที่ของฉันเลียนแบบจดหมายเหล่านี้ และเขียนเล่าว่าพวกเขาเริ่มบำเพ็ญได้อย่างไร ประโยชน์ที่พวกเขาได้รับ การประทุษร้ายที่พวกเขาประสบ และการอธิบายความจริงให้เพื่อน ญาติ เพื่อนบ้าน ผู้บังคับบัญชา และเพื่อนร่วมงาน ฉันอ่านบทความดังกล่าวหลายบทความ บทความเหล่านี้เขียนด้วยมือและน่าประทับใจอย่างยิ่ง

หนึ่งในนั้นเขียนโดยผู้ฝึกที่ฉันรู้จัก เขาเป็นครูและเป็นคนพูดน้อย ภายนอกเขาไม่ได้ดูพิเศษหรือโดดเด่นอะไร แต่เรื่องราวของเขาลืมไม่ลงเลย

เขาอ่อนแอและมีโรคมากตั้งแต่เด็ก พ่อของเขาเสียชีวิตตั้งแต่เขายังเด็ก ส่วนแม่และพี่สาวป่วยมาหลายปีแล้ว หลังจากที่เขาเรียนจบปริญญาตรีจากวิทยาลัยได้ไม่นาน พี่สาวอีกคนของเขาฆ่าตัวตายเนื่องจากความรุนแรงในครอบครัว เขาค้นหาทางแก้ไขไปทั่วทุกที่แต่ไร้ประโยชน์ หลายปีต่อมาแม่และน้องสาวเขาป่วยและเสียชีวิต เขาโดดเดี่ยวและสิ้นหวังในชีวิต เขาเจ็บป่วยด้วยโรคภัยไข้เจ็บมากมาย เขาได้พบฝ่าหลุนต้าฝ่า และไม่นานหลังจากที่เขาเริ่มฝึก สุขภาพของเขาก็กลับมาดีอีกครั้ง เขาเข้าใจจุดประสงค์ของชีวิต ทำไมคนจึงทุกข์ยาก และวิธีมองความทุกข์ เขาเปลี่ยนเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีและร่าเริง และพูดว่า “ฝ่าหลุนต้าฝ่ามอบชีวิตใหม่ให้ผม”

ผู้ฝึกคนนี้เป็นคนทำงานดีและทำงานทุกอย่างที่หัวหน้ามอบหมายให้ เขาได้รับรางวัลครูดีเด่นและหัวหน้าระดับชั้นเรียนดีเด่นครั้งแล้วครั้งเล่า และชนะรางวัลครูยอดเยี่ยม เขาปฏิบัติกับนักเรียนเหมือนคนในครอบครัว แม้ว่าเขาจะไม่ร่ำรวย แต่เขาก็พยายามเต็มที่ที่จะช่วยเหลือนักเรียนที่ยากจน เมื่อพ่อแม่ของนักเรียนให้ของขวัญเขา เขาจะคืนอย่างสุภาพ คืนเงินหรือบริจาคมันให้นักเรียน ครูที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ถูกบังคับให้ลาออกจากงานหลังจากการประทุษร้ายเริ่มต้นขึ้น นักเรียนของเขาร่วมกันเขียนจดหมายถึงโรงเรียนเพื่อขอให้ครูใหญ่เก็บเขาไว้ ครั้งสุดท้ายที่เขาก้าวเข้าไปในห้องเรียนเพื่อบอกลานักเรียน นักเรียนเขียนบนกระดานดำว่า “คุณครู พวกเรารักครู”

เมื่ออ่านเรื่องนี้ ฉันหยุดร้องไห้ไม่ได้ ราวกับฉันเพิ่งรู้จักผู้ฝึกคนนี้ ฉันค้นพบว่าตัวเองไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับผู้ฝึกที่อยู่รอบตัวฉัน ไม่รู้ความทุกข์ทรมานที่พวกเขาต้องเผชิญก่อนพวกเขาเริ่มฝึก ไม่รู้ว่าพวกเขาเปลี่ยนเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ หลังจากที่พวกเขาเริ่มฝึก หรือไม่รู้การประทุษร้ายที่พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมาน ต่อมาครูคนนี้ถูกตัดสินจำคุก และถูกส่งไปชั้นเรียนล้างสมองเพราะไม่ยอมละทิ้งความเชื่อของเขา

เริ่มเดินทางในฐานะผู้สื่อข่าวหมิงฮุ่ย

ฉันคิดว่า ถ้าผู้ฝึกไม่เขียนจดหมายเล่าว่าพวกเขาต้องเจออะไรบ้างและนำมาบอกกับผู้คนผ่านทางเว็บไซต์หมิงฮุ่ย ใครจะรู้ว่ากลุ่มคนดีที่มีจิตใจดีเช่นนี้กำลังถูกพรรคคอมมิวนิสต์จีนทรมาน เรื่องราวการบำเพ็ญที่แท้จริงของผู้ฝึกเป็นพยานถึงการยกระดับจิตใจของพวกเขาผ่านการฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า ก้าวผ่านคำโกหกของสิ่งชั่วร้ายและช่วยให้ผู้คนได้เห็นฝ่าหลุนต้าฝ่าและผู้ฝึกที่แท้จริง

เราส่งบทความเหล่านี้ไปยังหมิงฮุ่ย หน้าเว็บสำหรับส่งบทความไปยังเว็บไซต์ดูเรียบง่าย เราแค่วางไฟล์ลงในกรอบสนทนาแล้วกดปุ่มส่ง เราส่งบทความได้ครั้งละหนึ่งบทความ

ฉันจำได้ชัดเจนว่าในขณะที่ส่งบทความเหล่านี้ ผู้ฝึกหลายคนจ้องที่หน้าจอ รอดูดอกบัวสีทองเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นเมื่อส่งบทความสำเร็จ ทุกคนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อมีข้อความ “ส่งสำเร็จ” และดอกไม้เล็ก ๆ นี้ปรากฏ ถ้าส่งไม่ได้ เราก็ไม่มีเวลาที่จะรู้สึกห่อเหี่ยว เราต้องรีบกลับไปที่หน้าเดิมและส่งบทความใหม่อีกครั้งจนกว่าจะส่งได้สำเร็จ ฉันนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์จับเมาส์ แม้จะมีการประทุษร้ายอย่างรุนแรง แต่เว็บไซต์หมิงฮุ่ยก็พาทุกคนมารวมตัวกัน บทความเหล่านี้จะได้ตีพิมพ์อย่างรวดเร็วหลังจากบรรณาธิการหมิงฮุ่ยได้รับ

ผู้ฝึกอื่นในพื้นที่ของฉันได้รับกำลังใจและความช่วยเหลือจากผู้ฝึกเหล่านี้ พวกเขาตระหนักว่าพวกเขาควรบอกให้คนอื่นทราบประสบการณ์การบำเพ็ญของพวกเขา เปิดโปงการประทุษร้าย และอธิบายความจริงอย่างเปิดเผย ฉันช่วยพิมพ์บทความของพวกเขาและส่งบทความเหล่านี้ ถ้าบทความเขียนไว้แล้ว ฉันก็แค่พิมพ์และส่งมัน นี่เป็นงานง่าย งานที่ซับซ้อนกว่านี้คือการเขียนข่าวเกี่ยวกับการประทุษร้าย

ในเวลานั้น การส่งผ่านข้อมูลเป็นแบบเล่าสู่กันฟังแบบปากต่อปากและส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับผู้ฝึกเฉพาะรายที่ถูกจับกุมอย่างผิดกฎหมาย มีเพียงชื่อของผู้ฝึกเท่านั้น บางครั้งก็ไม่มีชื่อผู้ฝึกหรือรายละเอียดของการจับกุมไม่แม่นยำ และสถานที่ที่ผู้ฝึกพักก็เป็นเพียงแถบกว้าง ๆ เท่านั้น ที่ยากที่สุดคือตอนที่ผู้ฝึกจำนวนมากถูกจับแต่เรามีรายละเอียดเพียงเล็กน้อย ฉันไม่ทราบว่าผู้ฝึกจำนวนมากเกี่ยวข้อง ซึ่งเพิ่มความยากลำบากในการได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน ในที่สุดเราต้องตรวจเทียบความจริงพื้นฐานโดยถามผู้ฝึกหลายคน

ผู้ฝึกบางคนรู้ข้อมูลแต่เวลาที่พวกเขาเล่าเรื่อง มันมักจะเป็นส่วนย่อย ๆ เป็นชิ้น ๆ ฉันต้องจดบันทึกสิ่งที่พวกเขาเล่า และถามผู้ฝึกเพื่อยืนยันจุดที่สำคัญ แม้จะมีความยากลำบากต่าง ๆ แต่ฉันก็พยายามอธิบายสิ่งต่าง ๆ ให้ชัดเจนที่สุดเท่าที่จะทำได้ และนำมันออกมาแสดงโดยไม่มีอคติและถูกต้อง เพื่อให้กองบรรณาธิการของหมิงฮุ่ยไม่ต้องเสียเวลาแก้ไขมันมากนัก

ด้วยพรจากท่านอาจารย์ ความเข้าใจและความสามารถในการเขียนของฉันดีขึ้นเรื่อย ๆ ในบางครั้ง ข้อมูลชิ้นหนึ่งถูกส่งผ่านโดยผู้ฝึกหลายคนก่อนที่จะถึงมือฉัน เมื่อผู้ฝึกพูดถึงข้อมูลนั้น มันไม่เชื่อมโยงกันและมีข้อมูลที่ไร้ประโยชน์มากมายรวมอยู่ด้วย ฉันเริ่มแยกข้อมูลสำคัญออกมา ฉันค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะดึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างรวดเร็ว ฉันยังได้เรียนรู้ที่จะถามคำถามที่เหมาะสมเพื่อเขียนรายงานที่ถูกต้องและครบถ้วน

เมื่อทุกคนก้าวหน้าในการบำเพ็ญ ข้อมูลที่ส่งผ่านโดยผู้ฝึกก็ค่อย ๆ ถูกต้องและสมบูรณ์ แม้ว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นเพียงข้อมูลชิ้นเล็ก ๆ แต่มันก็มีผลกระทบอย่างมากหลังจากเผยแพร่บนเว็บหมิงฮุ่ย พวกเรารู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความหวาดกลัวของผู้กระทำผิดหลังจากอาชญากรรมของพวกเขาถูกเปิดเผย นอกจากนี้ การสนับสนุนและความพยายามของผู้ฝึกในต่างประเทศเพื่อช่วยเหลือผู้ถูกจับกุมก็ทำให้ผู้กระทำผิดระมัดระวังในการประทุษร้ายเรา ในมิติอื่น สิ่งชั่วร้ายจำนวนมากถูกทำลาย และเรารู้สึกว่าแรงกดดันที่มีต่อเราลดลง

เรื่องราวน่าประทับใจมากมาย

บางครั้งผู้ฝึกนำแผ่นกระดาษที่พับเป็นแผ่นเล็ก ๆ มาให้ฉัน กระดาษเหล่านี้ชื้นเหมือนว่าผู้ฝึกกำมันไว้แน่นในมือเพราะกลัวว่าจะทำมันหาย เมื่อฉันคลี่กระดาษออก พวกมันมีรอยพับทั่วไปหมด หลายแผ่นเขียนโดยผู้ฝึกที่ไม่ระบุชื่อ ใครจะรู้ว่ามีผู้ฝึกกี่คนที่มีส่วนร่วมในการรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ พวกเราส่วนใหญ่ฐานะไม่ดี และรถสาธารณะก็มีไม่มาก ผู้ฝึกต้องเดิน ขี่จักรยาน และผ่านความยากลำบากมากมายในการรวบรวมข้อมูล แต่ทุกคนก็ยังกระตือรือร้นที่จะทำ

คิดดู ถ้าไม่มีความพยายามร่วมกันของผู้ฝึกจำนวนมาก เราจะส่งต่อข้อมูลที่ได้มาโดยตรงเหล่านี้ไปยังหมิงฮุ่ยได้อย่างไร เราไม่รู้แม้แต่ชื่อของพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ผู้ฝึกเหล่านี้ไม่ใช่ผู้สื่อข่าวหมิงฮุ่ยในประเทศจีนหรือ

ครั้งหนึ่ง ฉันเปิดกระดาษชิ้นหนึ่ง และสังเกตว่ามันเขียนด้วยดินสอ ฉันรู้ว่ามันเขียนโดยนักเรียนชั้นประถม เขาเขียนว่าแม่ของเขาหายจากอาการป่วยอย่างไรหลังจากฝึกต้าฝ่า หลังจากการประทุษร้ายเริ่มต้นขึ้น ที่ทำงานของแม่และสถานีตำรวจห้ามเธอไม่ให้ฝึกและบังคับให้เธอเขียนเอกสารสัญญาว่าจะเลิกฝึก ไม่เช่นนั้นเธอจะถูกจับกุม เพื่อนบ้านผลักดันแม่ : “แกล้งทำเป็นยอมพวกเขาเถิด” แต่เธอไม่ยอม ทุกวันที่เขาไปโรงเรียน สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดคือแม่ของเขาจะไม่อยู่แล้วเมื่อเขากลับมาถึงบ้าน เขารีบกลับบ้านทุกวันและตะโกนเรียก "แม่ !" ทันทีที่เขาเข้าไปในตึกของอพาร์ตเมนต์ที่เขาอยู่ วันหนึ่งเขาร้องเรียกแม่จากชั้นล่าง แต่เธอไม่ตอบ เขาวิ่งขึ้นบันได เปิดประตู แต่ไม่มีใครอยู่ที่นั่น แม่ถูกจับไปแล้ว

หัวใจของฉันสลายเมื่ออ่านกระดาษชิ้นนี้ เด็กที่ยังอายุน้อยเหลือเกินต้องผ่านความยากลำบากเช่นนี้ ! ฉันเป็นห่วงว่าเขาจะทนได้ไหม ผู้ฝึกที่ยื่นกระดาษให้ฉันรู้ใจฉัน เธอให้กำลังใจฉันและพูดว่า “อย่ากลัว เรามีท่านอาจารย์ !” ใช่แล้ว เรามีท่านอาจารย์และต้าฝ่า ฉันตั้งสติ เราพิมพ์ข้อมูลที่ได้จากเด็กคนนี้เกี่ยวกับการจับกุมแม่ของเขาและส่งไปให้หมิงฮุ่ย

หลังจากรายงานนี้เผยแพร่ออกมา ผู้กระทำผิดตกใจมาก แม่ของเด็กกลับบ้านในเวลาต่อมา ขณะที่เธอถูกคุมขัง เด็กได้รับความช่วยเหลือจากญาติและผู้ฝึก และเขาไม่ได้รับผลกระทบจากการที่แม่ถูกจับ

มันใช้เวลาไม่นานในการเขียนรายงานง่าย ๆ แต่ถ้าฉันเขียนเกี่ยวกับการประทุษร้ายที่ผู้ฝึกประสบมา ฉันต้องหาเวลาและสัมภาษณ์พวกเขา

ผู้ฝึกส่วนใหญ่เป็นคนเรียบง่ายและตอบคำถามของฉันอย่างตรงไปตรงมา พวกเขาบอกฉันว่าเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าอย่างไร ประสบการณ์ของทุกคนพิเศษมาก พวกเขาพูดถึงวิธีที่นำหลักการของความจริง-ความเมตตา-ความอดทนมาปฏิบัติและกลายเป็นคนที่ดีขึ้น สุขภาพของพวกเขาดีขึ้น และความสัมพันธ์ในครอบครัวก็ปรองดอง พวกเขาทำงานหนักในที่ทำงานและได้รับคำชมจากทุกคนรอบตัว เรื่องราวเหล่านี้ทำให้ฉันตะลึงว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าช่างพิเศษเหลือเกิน

เมื่อผู้ฝึกเล่าให้ฉันฟังว่าพวกเขาถูกจับกุม ถูกขัง ถูกข่มขู่ ถูกติดตาม ถูกทุบตี หรือถูกทรมาน ฯลฯ อย่างไร ด้านหนึ่งฉันรู้สึกโกรธการประทุษร้าย อีกด้านหนึ่งฉันรู้สึกประทับใจกับความยืดหยุ่น ความสงบ และความใจดีของผู้ฝึก ฉันมักลืมไปว่าตัวเองเป็นใคร และรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวของผู้ฝึกเหล่านี้

คนที่อยู่ในรายงานการประทุษร้ายบนหมิงฮุยซึ่งก่อนหน้านี้ฉันหลีกเลี่ยงที่จะอ่านอยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้แล้ว ฉันไม่กลัวที่จะอ่านบทความเหล่านี้อีกแล้ว ฉันบันทึกรายละเอียดการประทุษร้ายที่ผู้ฝึกเผชิญด้วยความทุกข์ทรมานได้อย่างสงบ

ผู้ฝึกในวัย 60 ปีเศษเป็นกรรมกรที่มีการศึกษาน้อย สมาชิกในครอบครัวหลายคนต้องพึ่งพารายได้ของเขา เขาบอกฉันว่า ก่อนฝึก คนเรียกเขาว่าคนครึ่งเป็นครึ่งตายเพราะเขาป่วยตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาหายจากอาการป่วยเหล่านี้ด้วยการฝึกต้าฝ่าและไม่ต้องพึ่งยาอีกต่อไป

หลังจากการประทุษร้ายเริ่มต้นขึ้น สถานที่ทำงานของเขาและสถานีตำรวจกดดันเขาให้หยุดฝึกครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้ฝึกบอกพวกเขาว่า เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ทำงานของเขาขู่ว่าจะตัดเงินบำนาญถ้าเขายังฝึกต่อ เขาไม่หวั่นไหว พวกเขาส่งตัวผู้ฝึกไปที่สถานีตำรวจและกักขังเขาด้วยข้อหาเท็จ เขาอดอาหารประท้วงเป็นเวลา 5 วัน เพื่อประท้วงการถูกปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรม ต่อมาเขาได้รับการปล่อยตัวเนื่องจากพวกตำรวจกลัวว่าเขาอาจเสียชีวิตขณะถูกขัง ต่อมาผู้ฝึกรายนี้ถูกส่งไปยังค่ายแรงงานซึ่งเขาต้องผ่านความยากลำบากมากมาย

เขาสงบมากขณะเล่าเรื่องตัวเองให้ฉันฟัง หลังจากที่เขาได้รับการปล่อยตัว สถานีตำรวจบังคับให้เขาเขียนเอกสารสัญญาว่าจะไม่ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าขณะที่เขาไปลงทะเบียนเข้าที่พัก

เขาพูดอย่างหนักแน่นว่า “ฉันสละบ้านได้ แต่ฉันจะไม่ยอมเลิกฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า !” ฉันชื่นชมความเชื่อมั่นและการมองโลกในแง่ดีของเขาอย่างสุดซึ้ง มีเพียงท่านอาจารย์และต้าฝ่าที่ยิ่งใหญ่ของเราเท่านั้นที่จะหล่อหลอมชีวิตที่น่าทึ่งเช่นนี้ได้ ผู้ฝึกรายนี้ไม่เพียงเปิดโปงการทุษร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในเวลาต่อมาเขายังต่อต้านการประทุษร้ายโดยใช้วิธีการทางกฎหมายด้วยความช่วยเหลือของผู้ฝึกอื่น ซึ่งทำให้ผู้กระทำผิดช็อก ปัญหาที่อยู่อาศัยของเขาก็ได้รับการแก้ไขเช่นกัน

ฉันประทับใจกับเรื่องราวของผู้ฝึกเสมอ ๆ ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้บันทึกรายละเอียดเรื่องราวและประสบการณ์ของพวกเขา และได้พิสูจน์ยืนยันให้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของท่านอาจารย์และต้าฝ่า

โอกาสในการบำเพ็ญ

ทักษะการเขียนของฉันพัฒนาแบบก้าวกระโดดโดยได้รับพรจากท่านอาจารย์ หลายครั้งที่อ่านสิ่งที่เขียนใหม่อีกครั้ง ฉันรู้สึกประหลาดใจว่า “ฉันเป็นคนเขียนจริงหรือ ความเร็วในการพิมพ์ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ฉันรู้ว่าทุกอย่างมาจากท่านอาจารย์และต้าฝ่า ฉันเพียงมีประณิธานเล็กน้อยที่จะเขียนสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ฝึก ท่านอาจารย์มอบสติปัญญาและแรงบันดาลใจที่ไร้ขอบเขตแก่ฉัน ผู้ฝึกหลายคนที่ฉันไม่รู้จักมาหาฉัน ฉันค่อย ๆ เปลี่ยนทัศนคติจากการเขียนบทความเพื่อประโยชน์ของผู้ฝึกมาเป็นสำนึกในบุญคุณของท่านอาจารย์สำหรับโอกาสนี้ และขอบคุณผู้ฝึกที่ไว้วางใจฉันและเต็มใจที่จะแบ่งปันประสบการณ์ของพวกเขา เพื่อให้ฉันเขียนและเล่าให้กับผู้คนมากขึ้นได้รับรู้

ส่วนที่ยากที่สุดในช่วงหลายปีนั้นคือ (สิ่งที่ผู้ฝึกส่วนใหญ่กังวล) เรามีความกล้าที่จะก้าวออกมาเปิดเผยการประทุษร้ายให้เว็บไซต์หมิงฮุ่ยและต่อโลกภายใต้แรงกดดันของการประทุษร้ายหรือไม่ ผู้ฝึกกลัวว่าพวกเขาจะนำมาซึ่งการตอบโต้และถูกประทุษร้ายหนักขึ้นกว่าเดิมถ้าพวกเขาเปิดโปงความชั่วร้าย

เราต้องเอาชนะความหวาดกลัวและความวิตกกังวลด้วยการอ่านฝ่าซ้ำ ๆ และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของเรา ผู้ฝึกรอบตัวฉันช่วยให้คนอื่นขจัดความกลัวของพวกเขา เตือนใจพวกเขาให้ศรัทธาในท่านอาจารย์และต้าฝ่า และมองสิ่งต่าง ๆ ด้วยความคิดถูกต้อง ผู้ฝึกปล่อยวางความกังวลและเต็มใจออกมาเปิดโปงการประทุษร้าย

ฉันย้ายไปอีกที่หนึ่งและนำคอมพิวเตอร์ไปกับฉันด้วย บางทีอาจเป็นเพราะที่พักใหม่ของฉันอยู่ในเมืองเล็กๆ ผู้ฝึกไม่มากนักมีคอมพิวเตอร์หรือสามารถเข้าเว็บไซต์หมิงฮุ่ยได้ บทความของฉันจำนวนมากได้รับการตีพิมพ์บนเวบไซต์หมิงฮุ่ย และทำให้พวกชั่วร้ายหวาดกลัว พวกเขาเริ่มค้นหาผู้ฝึกในท้องถิ่นที่สามารถเชื่อมต่อออนไลน์ได้และพบฉัน ท่านอาจารย์ปกป้องฉัน และฉันรอดจากการจับกุมได้ คอมพิวเตอร์ของฉันก็ได้รับการปกป้องจากท่านอาจารย์เช่นกัน

ฉันเริ่มหวาดกลัวหลังจากเหตุการณ์นั้น ฉันรู้สึกราวกับว่าถูกจับตามองทุกวัน ฉันกลัวว่าทันทีที่ฉันเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ฉันจะถูกจับตัวไป ผลก็คือฉันกลัวที่จะเข้าเว็บไซต์หมิงฮุ่ยอยู่นาน แม้จะเป็นเช่นนั้น ด้วยความช่วยเหลือของท่านอาจารย์ ผู้ฝึกในพื้นที่ของฉันก็ไม่หยุดเปิดโปงการประทุษร้าย

ผู้ฝึกคนหนึ่งที่มีสถานที่เก็บซ่อนเอกสารได้เป็นอย่างดีกลับกลายเป็นคนที่ฉันรู้จักก่อนที่การประทุษร้ายจะเริ่มขึ้น เราเชื่อมโยงกันโดยไม่คาดคิด ดังนั้นฉันจึงช่วยพิมพ์หรือเขียนบางบทความแล้วนำไปให้ผู้ฝึกส่งไปให้หมิงฮุ่ย ที่สำคัญกว่านั้นคือผู้ฝึกอีกคนหนึ่งรับหน้าที่ของฉันในช่วงวิกฤตในขณะนั้น โดยเขียนรายงานให้ผู้ฝึกที่ต้องการเปิดโปงการประทุษร้าย ผู้ฝึกรายนี้คอยให้กำลังใจฉัน และช่วยฉันให้ข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้

ปัญหาใหญ่ที่สุดที่ฉันพบในตอนนั้นคือฉันควรเปิดโปงการรังควานและการประทุษร้ายที่เกิดขึ้นกับฉันหรือไม่ (แม้ว่าความชั่วร้ายจะไม่ประสบผลสำเร็จก็ตาม) ฉันต่อสู้กับความกลัวว่า ถ้าฉันเปิดโปงความชั่วร้าย ผู้กระทำผิดจะตอบโต้และฉันจะถูกประทุษร้าย ถ้าฉันเปิดโปงความชั่วร้าย พวกมันจะไม่รู้หรือว่าฉันมีคอมพิวเตอร์และสามารถเข้าออนไลน์ได้ หลังจากศึกษาคำสอนของท่านอาจารย์ ในที่สุดฉันก็รวบรวมความกล้าและรายงานข้อมูล

ประสบการณ์นี้ทำให้ฉันตระหนักว่า แม้ฉันจะเลือกบันทึกช่วงเวลานี้ของประวัติศาสตร์ ฉันไม่เพียงบันทึกเรื่องราวของผู้อื่นโดยไม่เปิดเผยต่อสาธารณชนเท่านั้น แต่ฉันอาจถูกผลักไปอยู่ด้านหน้าอย่างไม่คาดคิด ฉันควรเผชิญกับสิ่งที่ฉันเขียนอย่างไร ฉันควรเลือกอย่างไร เมื่อความปลอดภัยของฉันถูกคุกคาม เมื่อสิ่งที่ฉันทำล้มเหลว เมื่อสิ่งที่ฉันทำคือการช่วยเหลือท่านอาจารย์ในการเจิ้งฝ่า แต่ในความเป็นจริง มันดูเหมือนว่านี่นำไปสู่การประทุษร้ายฉัน ฉันจะยังมีศรัทธาในท่านอาจารย์และต้าฝ่าหรือไม่ ฉันจะปฏิเสธการจัดวางของอิทธิพลเก่าและเดินหน้าต่อไปไหม

ท้ายที่สุด ฉันมั่นคงในสิ่งหนึ่ง : ฉันเป็นศิษย์ต้าฝ่า เป็นผู้บำเพ็ญ ดังนั้นจากการบำเพ็ญอย่างขยันขันแข็งและมั่นคงเท่านั้น ฉันจึงจะเป็นผู้สื่อข่าวหมิงฮุ่ยที่ดีในประเทศจีนได้ แล้วฉันจึงจะสามารถจัดการกับทุกสิ่งด้วยความคิดถูกต้องได้

สภาพแวดล้อมของฉันค่อย ๆ ผ่อนคลายมากขึ้นหลังจากที่ฉันเปิดโปงความชั่วร้าย ฉันเริ่มเขียนบทความแลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้กับหมิงฮุ่ยอีกครั้ง และเข้าร่วมการประชุมฝ่าฮุ่ยประเทศจีนซึ่งหมิงฮุ่ยจัดทุกปี เมื่อฉันนึกถึงประสบการณ์เหล่านั้นขณะทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวหมิงฮุ่ยในช่วงปีแรก ๆ ของการประทุษร้าย ฉันนึกถึงเหตุการณ์มากมาย แม้ว่ามันจะยากลำบากในช่วงนั้น ฉันก็ยังทำอยู่ ภายใต้การจัดวางอย่างรอบคอบของท่านอาจารย์ หลายสิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ก็ทำได้อย่างน่าอัศจรรย์

หลังจากผ่านไปกว่าสองทศวรรษ ฉันพบว่ามันยากที่จะรักษาสภาวะการบำเพ็ญเหมือนเมื่อแรกเริ่ม ไม่นานนี้ฉันรู้สึกท้อแท้และไม่มีพลังที่จะส่งบทความเข้าร่วมการประชุมฝ่า ท่านอาจารย์บอกใบ้ให้ฉันในความฝัน : ท่านอาจารย์อยู่บนโพเดียมในห้องเรียนและเรานั่งอยู่ด้านล่าง ท่านอาจารย์ให้ทุกคนกล่าวสุนทรพจน์ ฉันคิดว่า : “ฉันไม่รู้จะพูดอะไรจริง ๆ ฉันขอฟังคนอื่นดีกว่า” แต่ท่านอาจารย์เรียกให้ฉันพูด ฉันลุกขึ้นด้วยความเก้อเขิน....

ฉันใช้โอกาสของการประชุมฝ่าออนไลน์นี้เพื่อรำลึกถึงประสบการณ์ในฐานะผู้สื่อข่าวของหมิงฮุ่ย ฉันหวังว่าจะแก้ไขสถานะการบำเพ็ญของฉันให้กลับไปเหมือนแรกเริ่ม ฉันไม่รู้ว่าจะแสดงความขอบคุณต่อท่านอาจารย์สำหรับทุกสิ่งที่ท่านทำเพื่อฉันได้อย่างไร ฉันได้แค่ทำให้ดียิ่งขึ้น บำเพ็ญจนถึงที่สุด และขยันหมั่นเพียร เพื่อตอบแทนท่านอาจารย์

ขอบพระคุณท่านอาจารย์ !

ขอบคุณเพื่อนผู้ฝึกที่ร่วมเส้นทางการบำเพ็ญกับฉัน !