(Minghui.org) สวัสดีท่านอาจารย์ ! สวัสดีเพื่อนผู้ฝึก !

ผมเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าในปี 1997 สองปีก่อนที่พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) จะออกคำสั่งปราบปรามอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตลอด 24 ปีที่ผ่านมา ผมยังคงมั่นคงในต้าฝ่า อดทนต่อแรงกดดัน และเผยแพร่ข้อมูลเพื่อให้คนรับรู้เกี่ยวกับการประทุษร้ายแม้จะมีอันตรายใกล้ตัว เมื่อมองย้อนกลับไป มันเป็นการเดินทางที่ทำให้ผมก้าวข้ามตัวเองและเปลี่ยนเป็นคนที่ดีขึ้น

ระเบิดความโกรธที่สถานีตำรวจ

ทั้งผมและภรรยาฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า และเราทั้งคู่ถูกไล่ออกจากที่ทำงานเนื่องจากเราไม่ยอมละทิ้งต้าฝ่าแม้ต้องเผชิญกับการประทุษร้าย ภรรยาของผมถูกจับหลายครั้งและตำรวจมาก่อกวนเราบ่อย ๆ การประทุษร้ายทำให้ทุกคนในครอบครัวของเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัว ตั้งแต่ลูกวัย 3 ขวบไปจนถึงพ่อแม่ที่แก่ชรา ผมมักรู้สึกอึดอัดและหงุดหงิดที่ถูกรังควาน เมื่อนึกได้ว่าตัวเองเป็นผู้ฝึกที่ปฏิบัติตามหลักการของความจริง-ความเมตตา-ความอดทน ผมจึงพยายามระงับความโกรธและไม่โต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองให้ดีได้ตลอด

วันหนึ่งภรรยาของผมกับผู้ฝึกอีกคนหนึ่งถูกจับและถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจ เมื่อผมหาจนทราบสถานที่คุมขังพวกเขา ผมได้ทราบว่าพวกเขาอดอาหารประท้วงมาสามวันแล้ว เมื่อเห็นเธอนอนขดตัวอ่อนเปลี้ยเพลียแรงอยู่บนม้านั่งสกปรกข้างในกรงเหล็ก ผมรับไม่ได้และระเบิดความโกรธออกมา ผมวิ่งไปหาผู้กำกับการตำรวจ ชี้หน้าเขาแล้วตะโกนว่า “คุณทำอะไรลงไป คุณปฏิบัติต่อเธอแบบนี้ได้อย่างไร ถ้าภรรยาของผมเสียชีวิต ผมจะอุ้มศพของเธอไปปักกิ่งเพื่ออุทธรณ์ !”

เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนออกมาจากห้องทำงานของพวกเขาเมื่อได้ยินเสียงผม ผู้กำกับการตำรวจกลัวและพยายามหลบออกไป จางซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบละแวกบ้านของผมตะโกนใส่ผมว่า “หยุด ! นี่คือสถานีตำรวจ คุณเป็นผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า ถ้าคุณยังทำให้วุ่นวายเช่นนี้ต่อไป เราจะจับคุณด้วย !” ผมยื่นมือให้เขาใส่กุญแจมือ เขาแปลกใจและไม่ขยับ

ผ่านไปครู่หนึ่ง รองผู้กำกับการสถานีตำรวจที่รู้จักผมก็เข้ามาช่วย “นี่เป็นนโยบายของรัฐบาลและพวกเราตำรวจต้องเชื่อฟังระดับสูง” เขาพูด เขาขอให้ผมเข้าไปข้างในเพื่อสงบสติอารมณ์ลงสักหน่อยแล้วค่อยหารือกันเพื่อทางออก เช่นนี้จึงสามารถควบคุมสถานการณ์ได้

เมื่อนึกย้อนกลับไป ผมรู้ว่าความโกรธและอารมณ์ของมนุษย์มีชัยเหนือผม ผมถือการประทุษร้ายเป็นเรื่องส่วนตัว ท้ายที่สุดแล้ว เราก็ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญและการประทุษร้ายก็ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะรัฐบาลต้องการมุ่งเป้าไปที่คนอีกกลุ่มหนึ่ง มันมีเหตุผลในระดับที่ลึกกว่าอยู่เบื้องหลัง สิ่งที่ผมทำนั้นไม่มีเหตุผลและไม่ฉลาดเลย และผมไม่มีความเมตตา มันไม่ใช่สิ่งที่ศิษย์ต้าฝ่าควรทำ

ความเมตตาปรากฏเพื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ

จากการศึกษาหลักการของฝ่าหลุนต้าฝ่าอย่างต่อเนื่อง ผมได้เรียนรู้ว่าตำรวจคือคนที่ถูกประทุษร้ายอย่างแท้จริง เนื่องจากพวกเขาถูกบังคับให้ก่ออาชญากรรมให้กับรัฐบาล และกำลังถูกพาไปสู่เส้นทางที่จะถูกทำลาย แทนที่จะโกรธเคืองพวกเขา ผมควรช่วยเหลือพวกเขา แม้จะตระหนักได้เช่นนี้ ผมก็ยังคงเกิดความรู้สึกในทางลบอย่างรุนแรงต่อตำรวจ ทันทีที่ผมคิดว่าผู้ฝึกต้าฝ่ามากเท่าไรที่ถูกพวกเขาทรมานหรือกระทั่งถูกพวกเขาสังหาร ขณะที่ผมเขียนบทความแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ผมก็ยังเรียกพวกเขาว่า “ตำรวจชั่ว”

วันหนึ่งจางและเจ้าหน้าที่อีกหลายคนมาที่บ้านของผม เขาตะโกนว่า “ทำไมคุณเปลี่ยนที่อยู่ในทะเบียนบ้านโดยไม่บอกเรา” ผมทราบในเวลาต่อมาว่าทะเบียนบ้านของภรรยาและลูกอยู่กับพ่อตา ตำรวจที่นั่นแอบย้ายมันมาที่นี่อย่างลับ ๆ เพื่อให้ตำรวจที่นี่รับผิดชอบสอดส่องเรา จางไม่ทราบเรื่องนี้ และเขาถูกเจ้าหน้าที่สำนักงาน 610 คนที่ค้นพบเรื่องนี้ตำหนิ

จากที่ผมสื่อสารกับจางครั้งนี้ ผมตระหนักว่าเขาไม่ได้ชั่วร้ายขนาดนั้นกับเรา ที่จริงเขาค่อนข้างซื่อสัตย์และมักถูกเพื่อนร่วมงานเอาเปรียบ ผมคิดว่าผมควรหาเวลาอธิบายความจริงให้เขาฟัง แต่เนื่องจากความกลัว ผมจึงไม่ได้ทำในตอนนั้น

ต่อมาจางก็ไปและหวังกลายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจคนใหม่ที่รับผิดชอบพื้นที่ของผม วันหนึ่งหวังมาพร้อมกับผู้บังคับบัญชาของตำรวจ ผมอธิบายให้พวกเขาฟังว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าคืออะไร เพราะผมกระตือรือร้นที่จะโน้มน้าวพวกเขาว่าต้าฝ่าดีและการประทุษร้ายผิด บางครั้งผมจึงโต้เถียงกับพวกเขา ทั้งสองคนยังคงฟังอยู่ เมื่อผมบอกว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ CCP หลายคนที่เกี่ยวข้องกับการประทุษร้ายตกต่ำลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้บังคับบัญชาตำรวจยังยกตัวอย่างว่ามีเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ของผมทุจริตแค่ไหน เขาดูเหมือนเบื่อหน่ายเรื่องนี้

เมื่อกำลังจะออกเดินทางกลับ หวังได้ถ่ายรูปโปสเตอร์ที่มีวลี ‘ฝ่าหลุนต้าฝ่า’ “ผมต้องค้นคว้าเรื่องนี้ เพราะข้อมูลส่วนใหญ่เกี่ยวกับเรื่องนี้ยังใหม่สำหรับผม” เขาพูด

“โปรดอย่าหลับหูหลับตาทำตามพรรคในการทำความชั่ว การปฏิบัติดีต่อผู้ฝึกที่บริสุทธิ์จะนำมาซึ่งสิริมงคลแก่ตัวคุณเอง” ผมพูดเสริม

พวกเขาตกลงและขอบคุณผม

เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบหลายคนมาจับผมในที่ทำงานอีกครั้งหนึ่ง ผมมีไดรฟ์ USB ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่าและการประทุษร้ายมากมายอยู่กับตัว พวกเขากักตัวผมไว้ 5 วัน แล้วปล่อยตัวโดยกักบริเวณในบ้าน ผมไม่ได้อยู่บ้านแต่เดินทางไปปักกิ่งและหางานทำที่นั่น เนื่องจากตำรวจหาตัวผมไม่พบเป็นเวลา 6 เดือน หัวหน้าตำรวจโกรธมากและขู่ว่าจะลงโทษเจ้าหน้าที่ เมื่อผมกลับบ้านช่วงตรุษจีน ตำรวจมาจับผมและขังผมในคุกเหล็ก

ไม่นานหลังจากที่ผมถูกจับ ผู้ฝึกในพื้นที่ได้รายงานคดีของผมไปที่ Minghui.org หนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคดีของผมได้รับโทรศัพท์จำนวนมากจากผู้ฝึกนอกประเทศจีนเพื่อขอให้ปล่อยตัวผม เขาอารมณ์เสียและผู้บังคับบัญชาของเขาก็ตำหนิเขาด้วย เมื่อเห็นเขาอึดอัดและกลัวถูกป้ายความผิดเป็นแพะรับบาป ผมรู้สึกสงสารและพูดว่า “งานนี้ไม่ดีเลย ทำไมคุณไม่หางานอื่นล่ะ”

เขาตอบว่า “มันไม่ง่ายเลย” “ผมไม่มีเส้นสายและไม่มีใครช่วยผมได้” ผมถือโอกาสนี้เล่าถึงความชั่วร้ายที่ CCP เคยทำในอดีตและกระตุ้นให้เขาลาออกจากพรรค เขาตอบตกลงโดยไม่ลังเล

โจวพักอาศัยอยู่ที่อพาร์ตเมนต์เดียวกับผม เขาทำงานให้กับกรมตำรวจประจำเมือง เขาอยู่กับพ่อตาแม่ยาย ทั้งคู่เป็นนักการเมืองในรัฐวิสาหกิจที่เกษียณอายุแล้ว ทุกคนในครอบครัวของเขาเป็นสมุนที่แข็งขันของ CCP พวกเขามักขู่ว่าจะรายงานผมเมื่อเห็นผมพูดคุยกับคนในละแวกบ้านเกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่าและการประทุษร้าย

วันหนึ่งในฤดูร้อน ผมได้ยินเสียงดังบนหลังคาจึงขึ้นไปดู จึงทราบว่าพ่อตาของโจวขอให้เขาซ่อมแผงเซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคา โจวทำงานตากแดดอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน เหงื่อออกมาก แต่ไม่สามารถขันสกรูเข้ากับแผงเซลล์แสงอาทิตย์ได้

“คุณวางผิดทาง” ผมพูดกับเขา แต่เขาก็ยังทำไม่ได้ ผมจึงขึ้นไปช่วยซ่อมพร้อมกับแก้ปัญหาอื่น ๆ เขารู้สึกขอบคุณมาก ผมบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยและบอกเขาให้กลับบ้านไปอาบน้ำ

ตั้งแต่นั้นมาครอบครัวของเขาก็ทักทายเราเสมอและปฏิบัติต่อภรรยาของผมอย่างดีด้วย ประสบการณ์นี้ทำให้ผมเห็นว่าตำรวจจำนวนมากถูกหลอกด้วยคำโกหกของ CCP เราสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ด้วยความมีเหตุผล ความเมตตา และสติปัญญา

ผมนึกถึงตอนอ่านรายงานที่บอกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากในประเทศจีนใช้ชีวิตด้วยความเครียด บางคนต่อสู้กับภาวะซึมเศร้า และมีหลายคนฆ่าตัวตายทุกปี ผมเชื่อว่าพวกเขาไม่ได้อยากทำชั่วให้กับ CCP แต่ถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ขัดต่อมโนธรรมของพวกเขา ทุกคนตกเป็นเหยื่อภายใต้ความโหดร้ายและการโกหกของ CCP

พลังแห่งความเมตตาที่แท้จริง

ครั้งหนึ่งภรรยาของผมบอกคนอื่นเกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่า เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจับกุมเธอและพาเธอไปสถานีตำรวจที่ผมไม่คุ้นเคย เมื่อผมรับโทรศัพท์จากสถานีตำรวจ ผมมีความคิดแรงกล้าว่าจะใช้โอกาสนี้อย่างดีที่สุดเพื่อช่วยเหลือพวกเขา

ผมรีบไปสถานีตำรวจและเห็นภาพที่คล้ายกับเหตุการณ์เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว คือภรรยาของผมอดอาหารประท้วงมาสองวันแล้ว และเธอนอนนิ่งไม่ขยับอยู่ในกรงเหล็ก ดูเหมือนเธอจะหายใจลำบาก เมื่อผมเรียกร้องให้ปล่อยตัวเธอ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดว่า “เราพูดอะไรไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกรมตำรวจ เนื่องจากเธอมีบันทึกประวัติว่าเคยโพรโมตฝ่าหลุนกงมาก่อน เธออาจต้องโทษจำคุกในครั้งนี้”

อาจารย์ของตำรวจถามว่าผมเป็นผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าด้วยหรือเปล่า ผมไม่ได้ตอบเขาตรง ๆ ผมนั่งลงถามเขากับเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ อย่างจริงใจว่า “สังคมนี้มีสิ่งเลวร้ายมากมาย เช่น การพนันและยาเสพติด ระหว่างหลักการของความจริง-ความเมตตา-ความอดทนของฝ่าหลุนต้าฝ่ากับอาชญากรรมเหล่านั้น คุณว่าอย่างไหนดีกว่า”

“งั้นคุณก็แค่ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าแล้วกัน” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตอบ คนอื่นในห้องทุกคนหัวเราะ

“ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา คุณต้องได้พบกับผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่ามากมาย ผมเชื่อว่าคุณทราบดีว่าพวกเขาเป็นคนดี” ผมพูดกับพวกเขา

ผมกระตุ้นให้พวกเขาทำสิ่งที่ดีและปล่อยภรรยาของผม ครอบครัวของเราทุกคนจะขอบคุณพวกเขาและครอบครัวของพวกเขาก็จะประสบกับสิ่งที่เป็นสิริมงคลด้วย ไม่เช่นนั้นจะไม่เป็นผลดีต่อใครเลย

อาจารย์ของตำรวจไม่ได้พูดปฏิเสธ เขาบอกว่ามันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขา “กรมตำรวจกำลังให้ความสนใจกับคดีนี้อย่างใกล้ชิด หากเราทำได้ เราจะไม่ทำความลำบากให้คุณ” เขาพูด

ผมขอบคุณเขาและขอให้เขาอ่านข้อมูลเกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่าเพิ่มเติม การประทุษร้ายนี้เกิดขึ้นมานานและไม่ควรดำเนินต่อไปอีก แถมมันเป็นเรื่องที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่แรกด้วย และเป็นเรื่องไร้เหตุผลที่มุ่งเป้าไปที่คนดีกลุ่มใหญ่เช่นนี้

จากนั้นอาจารย์ของตำรวจก็ถามผมหนึ่งคำถาม “ผมยอมรับว่าคุณปฏิบัติต่อครอบครัวอย่างดี ทำงานหนัก และดีต่อผู้อื่น ผมนับถือคุณเรื่องนี้ แต่ทำไมคุณจึงต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์” เขาถาม

น้ำเสียงของเขาจริงจังมาก เขาพูดต่อว่า “ประเทศจีนถูกปกครองโดย CCP ถ้าคุณต่อต้าน CCP คุณก็กำลังทำให้สังคมเดือดร้อน คุณไม่ควรถูกปราบปรามเพราะเรื่องนี้หรือ” เขาถาม

ตอนแรกผมคิดว่าเขากำลังข่มขู่ผม แต่แล้วผมก็ตระหนักได้ว่าเขาเข้าใจพวกเราผิดในเรื่องนี้ และเขาเองก็อาจพยายามหาเหตุผลที่ฟังขึ้นให้กับการประทุษร้ายด้วย ผมต้องชี้แจงเรื่องนี้กับเขาให้กระจ่าง

ผมพยายามควบคุมจิตต่อสู้ของตัวเอง ผมมองเขาด้วยรอยยิ้ม ถามว่า “ถ้าคุณคิดดูอย่างจริงจังและพิจารณาจากข้อเท็จจริง คุณจะรู้ว่าคำถามของคุณไม่สมเหตุสมผล” เขาแปลกใจและจ้องมองมาที่ผม เจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่น ๆ ก็มีท่าทีตกตะลึงเช่นกัน

ผมบอกพวกเขาว่าผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าเป็นคนดี แต่อดีตผู้นำ CCP เจียง เจ๋อหมิน ใส่ร้ายฝ่าหลุนต้าฝ่าและปราบปรามผู้ฝึกด้วยกลวิธีของการปฏิวัติวัฒนธรรม พวกเขากุเรื่องโกหกนับไม่ถ้วน เช่น เหตุการณ์จัดฉากเผาตัวเองที่จัตุรัสเทียนอันเหมินเพื่อหลอกลวงประชาชน ผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าเพียงบอกเล่าประสบการณ์ของพวกเขาและบอกผู้คนว่าแท้จริงแล้วฝ่าหลุนต้าฝ่าคืออะไรเท่านั้น นี่ไม่ใช่การต่อต้านพรรค

“คุณบอกว่าพรรคชั่วร้าย นั่นไม่ใช่การต่อต้านพรรคหรือ” เขาถาม

“ดูจากการรณรงค์ทางการเมืองที่พรรคดำเนินการในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา พรรคปราบปรามกลุ่มนี้วันนี้และปราบอีกกลุ่มพรุ่งนี้ เราทุกคนเคยมีประสบการณ์เช่นนี้ทั้งนั้น จากความอดอยากครั้งใหญ่ไปจนถึงการปฏิวัติวัฒนธรรม จากการรณรงค์ต่อต้านฝ่ายขวาไปจนถึงการสังหารหมู่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินถึงการประทุษร้ายฝ่าหลุนต้าฝ่า ชีวิตผู้บริสุทธิ์จำนวนมากได้รับผลกระทบและครอบครัวของพวกเขาทุกคนต้องทนทุกข์ทรมาน” ผมพูดเสริม

ผมพูดต่อว่า “การล็อกดาวน์ในช่วงการระบาดใหญ่ตลอดสามปีที่ผ่านมา ประชาชนจำนวนมากใช้ชีวิตอย่างทุกข์ยากลำบากและมียอดผู้เสียชีวิตนับไม่ถ้วน พวกคุณ เจ้าหน้าที่ตำรวจน่าจะรู้มากกว่าประชาชนทั่วไป รัฐธรรมนูญปกป้องเสรีภาพในความเชื่อ และผู้ฝึกเพียงแค่ต้องการบอกความจริงแก่ประชาชน โดยไม่มีเจตนาแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวหรือผลประโชน์ทางการเมือง ถ้าคุณอ่านจ้วนฝ่าหลุนซึ่งเป็นคำสอนหลักของฝ่าหลุนต้าฝ่า คุณก็จะเข้าใจทุกอย่าง”

ขณะที่ผมกำลังพูด ผมรู้สึกว่ามีพลังแห่งความเมตตาล้อมรอบผมอยู่ ผมพูดต่อ “ผมเห็นคุณยุ่งมากและต้องทำงานล่วงเวลาบ่อย ๆ คุณเครียด คุณรู้ไหมว่าผมรู้สึกอย่างไร” ผมถาม

"คุณรู้สึกอย่างไร" อาจารย์ของตำรวจถาม

"ผมรู้สึกสงสารคุณจริง ๆ” ผมตอบ

“ผมจะดีใจถ้าคุณไม่เกลียดเรา ทำไมคุณจึงรู้สึกสงสารพวกเรา” เขาถาม

“การปราบปรามผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าและหลักการของความจริง-ความเมตตา-ความอดทน ทำให้ศีลธรรมของสังคมเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว ดูสังคมในปัจจุบัน มีแต่ความวุ่นวายและความขัดแย้งมากมาย พวกคุณตำรวจรู้เห็นเหตุการณ์โดยตรงและคุณต้องอดทนรับความทุกข์เมื่อมีคนระบายความโกรธใส่คุณ มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากต้องทนทุกข์จากความเครียด นอนไม่หลับ กระทั่งมีความผิดปกติทางจิต แต่ไม่ค่อยมีคนใส่ใจพวกคุณ พวกเราผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าทำและเรามีความปรารถนาดีอย่างจริงใจต่อคุณและครอบครัวของคุณ” ผมพูด

เมื่อผมพูดจบ ผมเห็นดวงตาของเขามีน้ำตาคลอ เขาสะเทือนใจและผมก็รู้สึกถึงพลังงานนั้นเช่นกัน องค์ประกอบที่ชั่วร้ายถูกสลายไป วันนั้นพวกเขาล้มเลิกแผนที่จะส่งภรรยาของผมไปศูนย์กักกัน แต่กลับให้ผมประกันตัวเธอออกมา

บทส่งท้าย

ท่านอาจารย์กล่าว

“ที่จริงความเมตตากรุณาเป็นพลังงานที่ยิ่งใหญ่ เป็นพลังงานของเทพที่ถูกต้อง ยิ่งเมตตา กรุณา พลังงานนี้จะยิ่งใหญ่ สิ่งไม่ดีอะไรล้วนสามารถสลายไป นี่เป็นสิ่งที่ในอดีต องค์ศากยมุนีก็ดี ผู้บำเพ็ญเหล่านั้นก็ดี ต่างไม่เคยพูดถึง ความดีงามที่แสดงออกมายิ่งใหญ่ที่สุดคือความเมตตา กรุณา เขาคือปรากฏการณ์ของพลังงานที่ยิ่งใหญ่ เขาสามารถทำให้ทุกสิ่งที่ไม่ถูกต้องสลายไป” (การบรรยายธรรม ณ ที่ประชุมฝ่าฮุ่ยนานาชาติกรุงวอชิงตันดีซี ค.ศ.2009)

ท่านอาจารย์บอกเราเรื่องนี้ทั้งหมดนานมาแล้ว แต่ผมไม่สามารถบรรลุถึงจุดนี้ ท้ายที่สุดการบำเพ็ญเป็นเรื่องจริงจัง และเราต้องปฏิบัติตามคำสอนของต้าฝ่าอย่างแข็งขัน นี่ต้องใช้ความคิดถูกต้องที่แข็งแกร่งและปล่อยวางความกลัว ทุกครั้งที่เราติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มันคือโอกาสให้เราอธิบายความจริงกับเขาและช่วยเหลือพวกเขา

ขอขอบคุณคำสอนของท่านอาจารย์ ผมไม่ปฏิบัติตัวเหมือนเป็นเหยื่อของการประทุษร้ายเมื่อต้องรับมือ กับตำรวจอีกแล้ว ผมพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ให้อารมณ์ของตัวเอง เช่น ความขุ่นเคืองใจหรือความโกรธ มีผลกระทบต่อความคิด แต่ผมจะทำตามความคิดที่ดีงามต่อพวกเขาและช่วยเหลือพวกเขา

ผมรู้ว่าผมยังมีจิตยึดติดมากมายที่ต้องขจัดออกไป ผมจะใช้เวลาที่เหลืออยู่เพื่อบำเพ็ญตัวเองให้ดีขึ้น ข้างต้นเป็นประสบการณ์ของผม กรุณาชี้แนะถ้ามีสิ่งใดที่ไม่สอดคล้องกับฝ่า

ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ !