(Minghui.org) การประเมินปัญหาด้วยความคิดมนุษย์เป็นการแสดงว่าตัวเองไม่อยู่ในฝ่า ที่จริงก็เหมือนกับไม่เคารพตัวเอง ไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง และไม่เคารพท่านอาจารย์ กระทั่งสบประมาทท่านอาจารย์และฝ่า นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ถ้าใครเคยชินกับสภาพเช่นนั้นเป็นเวลานาน ก็จะชักนำอันตรายใหญ่หลวงมาสู่ตัวเอง ชีวิตนับไม่ถ้วนในมิติอื่นกำลังจ้องมองพวกเราตลอดเวลา พวกเขาดูว่าเราคู่ควรเป็นศิษย์ต้าฝ่าหรือไม่ และเรายอมรับคำสอนของท่านอาจารย์และปฏิบัติตามหรือไม่ เราตระหนักหรือไม่ และเราจดจำไว้ในใจหรือไม่ เรารู้ผลที่จะตามมาของการทำได้ไม่ดีหรือไม่ เมื่อคิดบัญชีตอนสุดท้าย เราจะเห็นว่าการยึดติดต่อผลประโยชน์ส่วนตัวไม่ทำให้เราได้รับชื่อเสียงหรือผลประโยชน์ส่วนตัวมากขึ้น แต่กลับเป็นการทรยศตัวเองที่แท้จริงและทรยศชีวิตที่ฝากความหวังที่จะได้รับการช่วยเหลือไว้กับเรา และเราเห็นไม่เห็นคุณค่าของกรุณาธิคุณในการช่วยเหลืออย่างไร้ขอบเขตของท่านอาจารย์

เราไม่พูดถึงผู้ฝึกที่บำเพ็ญหลังปี 1999 แต่สำหรับคนที่เข้ามาเป็นศิษย์ต้าฝ่าก่อนปี 1999 พวกเขาบางคนยังพูดโดยไม่คิด เช่น “ฉันทำงานไม่เป็นตั้งแต่เด็กแล้ว” “ฉันกินนั่นนี่แล้วท้องเสียตลอด” “ฉันเคยได้รับบาดเจ็บที่หลังและขามาก่อน” “ฉันไม่เคยฟังพ่อแม่ตอนยังเล็ก พวกเขาทำอะไรฉันไม่ได้” หรือ “ฉันอยากใช้ชีวิตอย่างนั้น อย่างนั้น มาตั้งแต่เด็กแล้ว”

มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเห็นผู้ฝึกใช้ข้ออ้างเหล่านี้มาโต้แย้งให้กับพฤติกรรมแบบคนทั่วไป นี่เท่ากับไม่ถือว่าตัวเองเป็นผู้บำเพ็ญในเรื่องเหล่านี้ พวกเขายึดติดต่ออารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ โดยเฉพาะการได้การเสียของตัวเอง พวกเขาอาจมีความอิจฉา การแข่งขัน และความยึดติดต่อชื่อเสียงและผลประโยชน์ พวกเขาอาจรู้สึกว่าพวกเขาได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรม มองออกข้างนอก และปัดความรับผิดชอบไปให้คนอื่น พวกเขายึดมั่นกับจิตยึดติดมากมายและปฏิบัติต่อมันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของตัวเอง ผู้ฝึกเหล่านี้ควรคิดว่าพวกเขาบำเพ็ญมานานเท่าไรแล้ว ท่านอาจารย์บอกอะไรพวกเขาบ้าง และทำไมพวกเขาไม่วัดตัวเองกับฝ่าของท่านอาจารย์และยึดมั่นกับมาตรฐานของฝ่า

มีผู้ฝึกมากมายที่อ้างคำพูดของผู้ร่วมงาน เพื่อนร่วมชั้นเรียน และสมาชิกในครอบครัว รวมถึงทฤษฎีของคนธรรมดาสามัญ เพื่อสนับสนุนความคิดของตัวเอง แต่สิ่งที่คนธรรมดาสามัญพูดคือฝ่าหรือ ยกตัวอย่างเรื่องการโกหก สังคมสมัยใหม่มองว่าการโกหกเป็นสัญลักษณ์ของ “ความมีวุฒิภาวะ” และเป็นทักษะที่จำเป็นในชีวิต มันฝังแน่นในประเทศจีน ผู้ฝึกที่นั่นไม่ค่อยส่งข้อมูลที่เป็นจริงเมื่อกรอกใบสมัครให้ลูก ๆ ของพวกเขาเพื่อเข้าศึกษาในสถาบันศิลปะเฟยเทียน (Fei Tian Academy of the Arts)

ในทางตรงกันข้าม ท่านอาจารย์สอนเราในจ้วนฝ่าหลุนว่า เราไม่ควรสอนลูก ๆ ให้ “ทำทุกอย่างเพื่อขึ้นสู่จุดสูงสุด” หรือสอนพวกเขาให้ทำสิ่งเลวร้าย แล้วเราควรใช้มาตรฐานใดในการนำทางของเรา ถ้าเราใช้วิธีของคนธรรมดาสามัญ คนในประเทศจีนที่ถูกพรรคคอมมิวนิสต์จีนทำลายตั้งแต่ปี 1999 ก็จะมี “วุฒิภาวะ” และ “ฉลาด” อย่างเหลือล้น พวกเขาไม่มีขอบเขตทางศีลธรรมในการแสวงหาผลกำไรให้ตัวเอง คุณต้องการเป็นหนึ่งในพวกเขาหรือเป็นศิษย์ต้าฝ่าที่หลอมรวมเข้ากับฝ่า

จิตยึดติดของคน ความคิดของคน และอารมณ์ความรู้สึกของคนมักจะทำให้คนคาดหวังในสิ่งที่ไม่เป็นจริง พวกเขาอาจคิดว่ามันสมควรเป็นเช่นนั้นไม่ว่าพวกเขาจะหาได้จากคนอื่นมากแค่ไหน และไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่คนอื่นทำให้เขา นี่รวมถึงการที่ท่านอาจารย์ช้อนเราจากนรก กำจัดกรรมให้เรา จัดการหนี้กรรมที่เราติดค้างที่ซับซ้อนอย่างที่สุด ดูแลและปกป้องเราตลอดเวลา และช่วยเรายกระดับอาณาจักรเขตแดนเมื่อเรายกระดับซินซิ่ง เมื่อเราไม่ได้สิ่งที่ต้องการ สิ่งที่เราแสวงหาในโลกมนุษย์ เราก็บ่นที่ไม่ได้สิ่งที่ต้องการ เหล่านี้คือสสารของความคิดของคน อารมณ์ความรู้สึกของคน และจิตยึดติดของคน ที่สะสมมาเป็นเวลายาวนาน ไม่ใช่ความคิดที่แท้จริงของตัวเราในฐานะศิษย์ต้าฝ่า

ถ้าเราใช้ความคิดมนุษย์นำทางทุกวัน ค้นหาจากภายนอก และโกรธเคืองคนอื่นเมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองปรารถนา เราก็จะอยู่ในสภาพของคนธรรมดาสามัญ เมื่อตัวเราที่แท้จริงยอมแพ้ เราก็เป็นเพียงคนธรรมดาสามัญ แล้วเราจะทำให้คำมั่นสัญญาที่จะช่วยเหลือสรรพชีวิตบรรลุผลได้อย่างไร

เมื่อเราเผชิญกับสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ความคิดแรกของเราคือความคิดมนุษย์ จิตยึดติด หรืออารมณ์ความรู้สึก หรือตามข้อกำหนดของฝ่า เราค้นหาจากภายในหรือภายนอก นี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่จะบอกความแตกต่างระหว่างคนธรรมดาสามัญกับผู้บำเพ็ญ แน่นอน เรายังกำลังบำเพ็ญอยู่ เราไม่สามารถขจัดความคิดมนุษย์ได้อย่างสิ้นเชิง มิฉะนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องบำเพ็ญแล้ว แต่ถ้าเราสามารถตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าเรายังทำได้ไม่ดีตรงไหน เต็มใจที่จะปล่อยวางความคิดมนุษย์ และแก้ไขตัวเอง นั่นจะทำให้เราเป็นผู้บำเพ็ญที่แท้จริงที่คู่ควรให้ท่านอาจารย์ทะนุถนอมและคู่ควรกับความพยายามที่ท่านอาจารย์ทำให้พวกเราทุกคนอย่างเงียบ ๆ

เราจะแยกแยะจิตยึดติด ความคิด และอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ที่ได้มาหลังกำเนิด และกำจัดมันออกไปได้อย่างไร เราจะค้นหาความคิดที่แท้จริงของเราได้อย่างไร เราจะให้ความคิดที่แท้จริงของเราโผล่ออกมาได้อย่างไร นี่คือเรื่องที่ผู้ฝึกควรคิดทุกวันทุกเวลา

ผู้ฝึกบางคนสัมผัสต้าฝ่ามาหลายปีแล้วและรู้สึกว่าพวกเขาเป็นผู้อาวุโส พวกเขาจึงไม่ลังเลที่จะวิพากษ์วิจารณ์ทุกเรื่องราวกับว่าพวกเขารู้ทุกเรื่อง พวกเขาคุยเกี่ยวกับเรื่องของคนธรรมดาสามัญได้นานและเพลิดเพลินกับมัน เมื่อมีผู้ฝึกพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับต้าฝ่า สิ่งแรกที่พวกเขาคิดคือพวกเขาจะได้อะไร ต่อรองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน และตัดสินเรื่องต่าง ๆ ด้วยความคิดและอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ คนรอบข้างก็ส่งเสริมพวกเขาให้ทำเช่นนั้นโดยไม่ตระหนักว่าความขัดแย้งที่เห็นก็เพื่อให้พวกเขาบำเพ็ญตัวเอง

เมื่อคนโบราณเข้าโรงเรียน พวกเขาถูกสอนให้เคารพครูและปฏิบัติตามธรรมะ พวกเขาพยายามเรียนให้ดียอดเยี่ยม ขณะเดียวกันก็บำเพ็ญอุปนิสัยใจคอไปพร้อมกัน แต่เดี๋ยวนี้เมื่อคนเข้าโรงเรียน เขาอาจคิดว่าเขาจ่ายค่าเรียน โรงเรียนและครูจึงต้องให้เขาจบและให้วุฒิการศึกษา สังคมเน่าเฟะถึงแก่นจนไม่เหลือมาตรฐานศีลธรรมแล้ว ถ้าเราใช้บรรทัดฐานของสังคมเป็นมาตรฐานในการปฏิบัติ ก็จะไม่มีทางที่เราจะยกระดับในฝ่าหรือกลับสู่ต้นกำเนิดของเราได้ ท่านอาจารย์ต้องช่วยเหลือเราและพาเรากลับบ้านบนสวรรค์หรือ เราต้องทำมากเท่าใดและเราต้องกำจัดสิ่งปนเปื้อนออกจากตัวเองเท่าไรก่อนที่เราจะคู่ควรกับตำแหน่งที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านอาจารย์ต้องการมอบให้เราในจักรวาลใหม่ พวกเราทุกคนที่ต้องการบำเพ็ญตัวเองอย่างแท้จริงและกลับสู่ต้นกำเนิดของเราต้องจัดการกับเรื่องนี้อย่างจริงจังและมีเหตุผล

คำพูดเหล่านี้อาจฟังดูหนักหนา แต่ที่จริงน้ำหนักนี้มาจากเรื่องที่พิจารณา คนโบราณพูดว่า “ยาดีรสชาติขม คำพูดที่จริงใจฟังไม่เข้าหูแต่มีประโยชน์ในการแก้ไข” แต่คนสมัยใหม่นิยมสร้างความสัมพันธ์เพื่อจุดประสงค์ในการประจบประแจง ในสมัยโบราณ คนต้องเดินทางไกลด้วยความยากลำบากอย่างยิ่งเพื่อจะได้ฟังคำสอนของพระพุทธสักหนึ่งหรือสองประโยค บางคนถึงกับต้องสละชีวิตเพื่อสิ่งนี้ ในตะวันตก นักบุญยอมถูกถลกหนังเพื่อแลกกับการเปลี่ยนคนเป็นพระเจ้า สำหรับพวกเรา มันง่ายเหลือเกินที่จะได้ฝ่า ท่านอาจารย์ใช้ความพยายามอย่างมากในการค้นหาพวกเรา แบกรับกรรมที่พวกเราก่อไว้ชาติแล้วชาติเล่า ชำระล้างเราให้สะอาดด้วยต้าฝ่า และช่วยให้เรายกระดับ แต่พวกเรากลับไม่เห็นคุณค่าทุกสิ่งที่เราได้รับ นี่อาจนำมาซึ่งผลกรรมตามสนองเราอย่างใหญ่หลวง นั่นคือสิ่งที่พวกเราต้องการหรือ ถ้าเราเป็นผู้บำเพ็ญที่แท้จริงก็ให้รีบตื่น ไม่มีใครควรมองว่าตัวเองเป็นข้อยกเว้น