(Minghui.org) ถาน จุ้นจือ ทำงานเป็นนักวิเคราะห์ข้อมูลในหน่วยงานของรัฐบาลในออนแทรีโอ แคนาดา นาน 7 ปีแล้ว เธอเป็นผู้นำทีมทักษะด้านเทคนิคและขยันขันแข็งมาก เธอใจดีกับทุกคนและเข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ดี ก่อนเสินยวิ่นไปแสดงที่โทรอนโตเมื่อปีที่แล้ว เธอโพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับการแสดงบนแพลตฟอร์มภายในกลุ่มพนักงาน
ถาน จุ้นจือ เป็นนักวิเคราะห์ข้อมูลในหน่วยงานของรัฐบาลในออนแทรีโอ
เพื่อนร่วมงานแสดงความเห็นด้านลบต่อเสินยวิ่น
เพื่อนร่วมงานหลายคนขอบคุณเธอที่โพสต์ข้อมูลและชอบข้อความของเธอ อย่างไรก็ตาม เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งแสดงความคิดเห็นด้านลบใต้โพสต์ของเธอ
หลังจากที่เธอชมเสินยวิ่น เพื่อนร่วมงานคนนั้นเขียนว่าเธอคิดว่าเครื่องแต่งกายและการเต้นสวยงามดี แต่เธอไม่ยอมรับเนื้อหาของฝ่าหลุนกงและคิดว่ามันแปลกประหลาด เธอยังอ้างถึงข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับเสินยวิ่นที่เธออ่านบนอินเทอร์เน็ตเพื่อสนับสนุนข้อสังเกตของเธอ
จุ้นจือพูดว่า “ตอนแรกฉันไม่ทราบว่าจะพูดอย่างไรดี ฉันไม่ต้องการให้เพื่อนร่วมงานที่ไม่เคยดูเสินยวิ่นได้รับผลกระทบจากความคิดเห็นของเพื่อนร่วมงานคนนี้ และคิดว่าจะลบข้อความของฉันเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดเพิ่มเติม ในทางกลับกัน ฉันคิดว่าควรเผชิญกับสถานการณ์ด้วยท่าทีด้านบวก”
เธอตัดสินใจตอบความคิดเห็นของผู้หญิงคนนั้น เธอเขียนว่า : “ฉันขอโทษที่ประสบการณ์ของคุณเป็นอย่างคุณอธิบาย ทุกคนที่ฉันได้พูดคุยด้วยต่างชื่นชมข้อความที่สื่อและความงามของเสินยวิ่น”
หลังจากนั้นไม่นาน เพื่อนร่วมงานก็ส่งอีเมลถึงจุ้นจือโดยตรงว่า “ตอนที่ฉันได้ชมการแสดงเมื่อปีที่แล้ว ฉันได้ยินการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความทันสมัยและวิวัฒนาการว่าเป็นสิ่งชั่วร้าย และได้เห็นฉากหนึ่งที่แก้ปัญหาโควิดด้วยวิธีอธิษฐาน มันทำให้ฉันไม่สบายใจมาก เมื่อฉันพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรและอ่านไปนิดหน่อย ฉันได้เรียนรู้ว่าผู้นำของพวกเขาออกมาต่อต้านสตรีนิยม รักร่วมเพศ และแง่มุมต่าง ๆ ของวิทยาศาสตร์ เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่กลุ่มที่สอดคล้องกับค่านิยมของฉันในบางวิถีทางที่สำคัญ ฉันรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนจะมีประสบการณ์แบบเดียวกัน และไม่ได้ตั้งใจให้ข้อความนี้ครอบคลุมประเพณีและวัฒนธรรมโบราณ แน่นอนว่ามันเป็นการแสดงที่สวยงามในแง่สุนทรียภาพ แต่ฉันรู้สึกอึดอัดกับมันในด้านสติปัญญาและศีลธรรมและในฐานะผู้มีวิชาชีพด้านวิทยาศาสตร์และพันธมิตรของคนที่ไม่จำกัดเพศ”
การแก้ไขข้อสงสัยของเพื่อนร่วมงานของเธอ
หลังจากอ่านอีเมลหลายครั้ง จุ้นจือตระหนักว่าความกังวลและข้อสงสัยของเพื่อนร่วมงานของเธอคืออะไร เธอจึงตอบกลับด้วยอีเมลยาวเพื่ออธิบายสถานการณ์ให้เพื่อนร่วมงานฟัง
เธอเขียนว่า : “หลังจากค้นคว้าทฤษฎีวิวัฒนาการมานิดหน่อย ฉันตระหนักว่ามันเป็นเพียงขั้นตอนที่ต่อเนื่องของมนุษยชาติในการสำรวจและค้นพบความจริงของจักรวาล และทฤษฎีดาร์วินนี้เป็นเพียงสมมติฐานไม่ใช่สัจธรรมที่ไม่เปลี่ยนแปลง ตรงกันข้ามกับจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาล มนุษย์มีขนาดเล็กมาก ๆ หลายพันปีมาแล้วที่เราสำรวจโลกและก้าวหน้าอย่างมาก เราไม่ปฏิบัติตามกฎและเริ่มศักราชใหม่ แล้วเหตุใดเราจึงควรจำกัดตัวเองไว้ที่ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว ในฐานะที่ฉันเองเป็นนักวิทยาศาสตร์ ฉันยินดีเปิดรับมุมมองที่แตกต่างด้วยใจที่เปิดกว้าง”
เธอยังพูดถึงข้อสังเกตของเธอเกี่ยวกับประโยชน์ของแนวคิดดั้งเดิมในสังคมปัจจุบัน “เช่นเดียวกับชาวคริสเตียนที่เชื่อในพระเจ้าและชนพื้นเมืองที่ให้เกียรติพลังแห่งธรรมชาติในฐานะจ้าวผู้สร้าง ชาวจีนดั้งเดิมเชื่อในเรื่องการกลับชาติมาเกิด นั่นคือ การเป็นคนที่ดียิ่งขึ้นและทำความดี คุณจะได้รับผลบุญในชีวิตหน้าหรือเข้าสู่มิติที่สูงขึ้นของจักรวาลหลังความตาย นี่กระตุ้นให้ผู้คนเป็นคนดียิ่งขึ้น”
สำหรับความกังวลของเพื่อนร่วมงานหญิงคนนี้เกี่ยวกับการอธิษฐานต่อเทพเพื่อแก้ปัญหาโควิด จุ้นจือเขียนว่า“วัฒนธรรมของจีนมีประวัติย้อนกลับไปเมื่อ 5,000 ปีก่อน และชาวจีนเคารพสวรรค์และเคารพเทพ พวกเขาเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยพิบัติที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็นคำเตือนจากสวรรค์ต่อมนุษยชาติ ตามตำราแพทย์แผนจีนโบราณกล่าวไว้ในคัมภีร์ลับแห่งจักรพรรดิเหลือง (The Yellow Emperor’s Classic of Internal Medicine) ‘เมื่อความถูกต้องอยู่ภายใน ความชั่วร้ายไม่สามารถบุกรุกได้’ โดยพื้นฐานแล้วหมายความว่าการเกิดขึ้นหรือการกำเริบของโรคขึ้นกับการมีอยู่ของพลังด้านบวกภายในบุคคลนั้น ถ้าร่างกายของคนมีพลังงานบวกมหาศาล พลังงานที่ชั่วร้ายและเป็นอันตรายที่สัมพันธ์กับความเจ็บป่วยจะไม่สามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายได้หรือกลับกัน ฉันเชื่อว่าสิ่งที่การแสดงของเสินยวิ่นพยายามสื่อก็คือ ด้วยการฝึกบำเพ็ญเพื่อหล่อหลอมความคิดและการกระทำของพวกเขาเข้ากับหลักการของจักรวาลคือความจริง-ความเมตตา-ความอดทน คนสามารถปรับตัวให้เข้ากับพลังงานที่บริสุทธิ์กว่าในจักรวาลได้”
จุ้นจือฝึกท่าชุดที่ห้าของฝ่าหลุนกง (การทำสมาธิ)
จุ้นจืออธิบายข้อมูลที่ผิดบนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับผู้ก่อตั้งเสินยวิ่นโดยเขียนว่า “บทความออนไลน์จำนวนมากนำเสนอการบอกเล่าหรือการกล่าวอ้างที่กล่าวหาว่าจัดทำขึ้นโดยผู้อำนวยการของเสินยวิ่นหรือผู้ก่อตั้งฝ่าหลุนกง แต่ไม่มีหลักฐานสนับสนุนที่เห็นได้ชัด ตัวอย่างเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นการแต่งเรื่องขึ้นมาหรือเป็นการตีความผิด
“สำหรับจริยธรรมทางเพศ ฝ่าหลุนกงมีทัศนคติแบบดั้งเดิมคล้ายกับคำสอนของศาสนาพุทธหรือศาสนาคริสต์ แต่ไม่ได้พยายามที่จะยัดเยียดมุมมองเหล่านี้ให้กับใคร และเพื่อดำรงค่านิยมของความเมตตาและความอดทน ความเชื่อของเราก็คือเราทุกคนเป็นสิ่งมีชีวิตทางจิตวิญญาณที่มองหาการกลับขึ้นไปยังที่ที่เราจากมาโดยชอบธรรม และเชื่อว่าเราควรปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกันและด้วยความเมตตา แม้ว่าเราจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พวกเขาเลือกที่จะทำในชีวิตส่วนตัวของพวกเขาก็ตาม
“สำหรับสตรีนิยม ผู้ก่อตั้งเคยกล่าวว่าสตรีนิยมนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพราะผู้ชายไม่ได้ปฏิบัติต่อผู้หญิงอย่างถูกต้องในตอนแรก ! และนั่นไม่ใช่การต่อต้านสตรีนิยมอย่างแน่นอนจากมุมมองของฉัน ฉันมักคิดว่าโลกทุกวันนี้จะเป็นสถานที่ที่ดีกว่านี้อย่างแท้จริงถ้าทุกคนปฏิบัติต่อกันด้วยความโอบอ้อมอารีและมีเมตตา”
ในอีเมลของเธอ จุ้นจือพูดถึงการประทุษร้ายของพรรคคอมมิวนิสต์จีนต่อผู้ฝึกฝ่าหลุนกง ชาวอุยกูร์ และชาวทิเบต การแสดงเสินยวิ่นไม่เพียงแต่นำเสนอวัฒนธรรมจีนดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังเปิดโปงการประทุษร้ายชาวจีนโดยรัฐบาลเผด็จการ และหวังว่าผู้คนจำนวนมากขึ้นจะให้ความใส่ใจกับเรื่องนี้และช่วยยุติความโหดร้ายนี้
เพื่อนร่วมงานประทับใจอีเมลที่จริงใจของจุ้นจือ
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ผู้หญิงคนนั้นตอบกลับอีเมลของจุ้นจือ “ขอบคุณสำหรับอีเมลที่ละเอียดอ่อนของคุณ และสำหรับการสละเวลาแบ่งปันข้อมูลและบริบทมากมายกับฉัน ฉันตระหนักถึงและทุกข์ใจกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลจีนเช่นกัน ฉันหวังว่าเพื่อน ๆ และชุมชนของคุณจะปลอดภัย และหวังว่าในอนาคตสิทธิและความปลอดภัยในบ้านเกิดบรรพชนของคุณจะได้รับการฟื้นฟู ฉันไม่ได้เจตนาจริง ๆ ที่จะสร้างความเสียหายหรือทำให้ขุ่นเคืองใด ๆ และฉันรู้สึกขอบคุณที่คุณเต็มใจบอกความคิดของคุณให้กับฉัน”
จุ้นจือตอบกลับอีเมลของเพื่อนร่วมงานของเธอโดยแสดงความหวังว่าจะมีคนเห็นข้อความที่ต้องการสื่อในด้านบวกของเสินยวิ่นมากขึ้น และถามว่าเธอจะลบความคิดเห็นด้านลบก่อนหน้านี้ของเธอได้ไหม เธอทำตามโดยไม่ลังเล
จุ้นจือเริ่มฝึกฝ่าหลุนกงอย่างไร
ถาน จุ้นจือ มาจากซานตง ประเทศจีน เธอสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติและทำงานเป็นวิศวกรและอาจารย์มหาวิทยาลัย ในฤดูร้อนปี 1997 เธอกลับบ้านจากมหาวิทยาลัยในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน แม่ของเธอเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับฝ่าหลุนกงและแนะนำให้เธอฝึกด้วย แม่ของจุ้นจือมีปัญหาสุขภาพมาอย่างยาวนาน แม้จะไปหาหมอมาหลายคนและใช้เงินมากมายไปกับการรักษา สุขภาพของเธอก็ยังไม่ดีขึ้น แต่หลังจากฝึกฝ่าหลุนกงแล้วเธอก็หายป่วย
จุ้นจือไปเป็นเพื่อนแม่เพื่อดูเทปการบรรยายของท่านอาจารย์ ไม่นานคำสอนก็ทำให้เธอสนใจ เธอระลึกว่า “ในอดีต ฉันเคยคิดที่จะแสวงหาหนทางธรรมและมักจะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า สงสัยว่าทำไมจักรวาลจึงกว้างใหญ่เหลือเกิน แต่มนุษยชาตินั้นเล็กเหลือเกิน—มนุษย์มาจากไหน และเรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ฉันเข้าใจทันทีหลังจากฟังการบรรยายของท่านอาจารย์ ว้าว ! ทุกคำถามของฉันได้รับคำตอบ ราวกับมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านตัวฉัน”
เธอนำหนังสือจ้วนฝ่าหลุนติดตัวเธอกลับไปมหาวิทยาลัยเมื่อสิ้นสุดวันหยุดด้วย และเริ่มบำเพ็ญ
การประทุษร้ายเริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอทำวิจัยหลังจบปริญญา แม่ของเธอถูกจับกุมซ้ำแล้วซ้ำอีกเนื่องจากปฏิเสธที่จะละทิ้งความเชื่อของเธอ จุ้นจือถูกบังคับให้ออกจากประเทศจีนเพื่อหลีกเลี่ยงการประทุษร้าย
เธอต้องการบอกประโยชน์ที่เธอได้รับจากการฝึกฝ่าหลุนกง เธอจึงช่วยโพรโมตเสินยวิ่น เพื่อนร่วมงานของเธอขอบคุณเธอที่แนะนำให้พวกเขารู้จักการแสดงที่สวยงามเช่นนั้นหลังจากที่พวกเขาได้ชมการแสดงแล้ว
ลิขสิทธิ์ © 2024 Minghui.org สงวนลิขสิทธิ์
หมวดหมู่: การอธิบายความจริง