(Minghui.org) ฉันกระโดดขึ้นบันไดไปยังโรงรถอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งไปที่บ้านหลังหลัก ฉันปีนขึ้นไปบนสันหลังคา แล้วกระโดดลงไปที่โกดังร้างที่อยู่ติดกัน... จากนั้นฉันก็กระโดดข้ามบ้านชั้นเดียว 2 หลัง และกําแพง 2 แห่ง และหลบหนีได้สําเร็จ ตอนนั้นฉันอายุมากกว่า 70 ปีแล้ว ขณะปีนบ้าน ไต่หลังคา และกระโดดข้ามสันหลังคา ฉันรู้สึกว่ามีคลื่นพลังงานคอยประคองอยู่ ฉันรู้ว่าท่านอาจารย์ปกป้องฉันจากอันตราย
เจ้าหน้าที่กระโดดข้ามกําแพงและเข้าไปที่ลานบ้าน—ดูเหมือนว่าพวกเขาคิดว่าฉันซ่อนตัวอยู่ที่นั่น พวกเขาค้นหาทุกที่แต่หาฉันไม่พบ พวกเขามองหน้ากันและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น คนหนึ่งพูดว่า "หญิงชราคนนี้บินได้หรือดำดินได้กัน"
—ข้อความนี้ตัดตอนมาจากบทความ
* * * * * *
การเจิ้งฝ่าใกล้จะสิ้นสุดแล้ว และผู้บำเพ็ญทุกคนกําลังปฏิบัติตามคําปฏิญาณในยุคก่อนประวัติศาสตร์ของพวกเขา ฉันเขียนบทความนี้เพื่อรายงานความคืบหน้าในการบำเพ็ญของฉันต่อท่านอาจารย์และเพื่อนผู้ฝึก
1. ได้รับฝ่าและประจักษ์ต่อปาฏิหาริย์
หลังจากรอคอยมายาวนานนับยุคสมัยไม่ถ้วน และกลับชาติมาเกิดชาติแล้วชาติเล่า ในที่สุดฉันก็เริ่มเรียนรู้คําสอนของฝ่าหลุนต้าฝ่าในวันที่ 13 มีนาคม 1996 วันนั้นเป็นวันที่แสงแดดสดใส
ตั้งแต่ปีแรก ๆ ที่ฉันทํางานจนกระทั่งเกษียณอายุ ฉันได้ประสบกับการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในปี 1958 และภัยธรรมชาติในปี 1960 ฉันมีพ่อแม่สูงอายุและลูกเล็กที่ต้องดูแล และเราอดอยากยู่บ่อยครั้ง ที่แย่กว่านั้นคือที่ทํางานของฉันมอบหมายให้ฉันทํางานในสายการผลิต และฉันต้องผลิตผลิตภัณฑ์ด้วยเครื่องจักรเก่า ฉันทํางาน 12 ชั่วโมงต่อวัน โดยแบ่งเป็น 2 กะ ถ้าเครื่องจักรเสีย ฉันต้องรอจนกว่าจะซ่อมเครื่องเสร็จ ทำให้บางครั้งฉันต้องทํางาน 16 ชั่วโมงต่อวัน ฉันมีปัญหาความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ความวิตกกังวล ไซนัสอักเสบที่เจ็บปวด ข้ออักเสบ และกระเพาะอาหารหย่อนผิดปกติ ฉันผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก และต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาลหลายครั้งในแต่ละปี ฉันดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด
สามีของฉันชวนฉันไปเดินกับเขาในเช้าวันหนึ่งของเดือนมีนาคม 1996 ฉันจับเขาไว้และเดินช้า ๆ ไปยังลานจัตุรัสแห่งหนึ่ง เราได้ยินเสียงเพลงไพเราะและตามเสียงนั้นไป เราเห็นผู้ฝึกกำลังฝึกท่าอย่างเป็นระเบียบ โดยทำตามจังหวะและเสียงดนตรีประกอบการฝึก เรายืนอยู่ข้างหลังพวกเขาและเลียนแบบท่าเคลื่อนไหวของพวกเขา ฉันรู้สึกถึงกระแสอุ่น ๆ ไหลผ่านร่างกายของฉัน และฉันรู้สึกสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เหมือนสิ่งที่เคยล่ามและพันธนาการฉันมานานหลายทศวรรษหลุดออกจากร่างกายของฉัน หลังจากฝึกท่าเสร็จแล้ว ฉันก็พูดกับสามีว่า "การฝึกนี้อัศจรรย์มาก ! พรุ่งนี้มากันอีกนะ"
วันต่อมา เราไปที่ลานจัตุรัสแต่เช้าตรู่ และผู้ฝึกสอนท่าเคลื่อนไหวให้เราทีละขั้นตอน หลังจากฉันได้เรียนรู้ท่าฝึกแล้ว ฉันเปี่ยมด้วยความสุขและความเคารพต่อท่านอาจารย์หลี่หงจื้อโดยที่อธิบายไม่ได้ ฉันซื้อหนังสือจ้วนฝ่าหลุน 2 เล่ม และภาพถ่ายของท่านอาจารย์หลี่ ทุกวันเมื่อมีเวลา ฉันจะศึกษาฝ่าและฝึกท่า
วันหนึ่งขณะที่ฉันฝึกท่าชุดที่ 5 ฉันรู้สึกอย่างชัดเจนว่าเมฆสีขาวลอยเข้ามาในร่างกายของฉันทันทีที่ฉันเข้าสู่สภาวะสงบนิ่ง จากนั้นฉันได้ยินเสียงหัวใจเต้นเร็วมากราวกับจะระเบิดออกมา แต่ไม่มีความเจ็บปวดหรือความรู้สึกไม่สบาย จากนั้นฉันก็รู้สึกว่าเมฆสีขาวลอยออกมาอีกครั้ง สามีของฉันบอกว่าร่างกายเป็นเหมือนจักรวาลเล็ก และเมฆสีขาวอาจเป็นฝ่าเซินของท่านอาจารย์ที่ชําระร่างกายของฉันในอีกมิติหนึ่ง
อีกครั้งหนึ่ง หลังจากฝึกท่าชุดที่ 1-4 เสร็จและนอนลงบนเตียง ฉันรู้สึกว่าเมฆสีขาวลอยเข้ามาในร่างกายของฉันอีกครั้ง ฉันขยับไม่ได้ ฉันทำได้เพียงแค่ขยับขาไปมาและงอนิ้วได้เท่านั้น ในขณะที่ฉันกําลังประสบกับช่วงเวลามหัศจรรย์นี้ เมฆสีขาวก็ลอยไป ฉันบอกสามีของฉันว่า "ท่านอาจารย์ชําระร่างกายของฉันอีกครั้ง คราวนี้เป็นการทําความสะอาดสมองของฉัน ตอนนี้ฉันเดินได้สบาย รู้สึกเหมือนมีคนผลักฉันจากด้านหลัง" แล้วสามีของฉันได้เล่าประสบการณ์อัศจรรย์ของเขาให้ฉันฟังว่า "เมื่อผมอ่านจ้วนฝ่าหลุน ผมเห็นคนตัวเล็ก ๆ อยู่ด้านบนของตัวอักษรแต่ละตัว บางคนสีเขียวอ่อน บางคนสีแดงอ่อน บางคนสีน้ําเงินอ่อน และบางคนสีเหลืองอ่อน" เขาอุทานว่า "มหัศจรรย์ ! มหัศจรรย์จริง ๆ !" สามีของฉันและฉันรู้สึกตื่นเต้นและปีติ เรารู้สึกขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างหาที่สุดมิได้และเคารพต้าฝ่าอย่างสูงสุด
สามีของฉันและฉันไปที่ลานจัตุรัสทุกสุดสัปดาห์เพื่อฝึกท่ากับผู้ฝึกหลายร้อยคน เสียงจากลําโพงด้านหน้าบอกให้ผู้ฝึกเตรียมพร้อมที่จะฝึกท่า หลังจากที่ฉันเตรียมพร้อมแล้ว ฉันเงยหน้าขึ้นและเห็นฝ่าเซินของท่านอาจารย์ สูงใหญ่สง่างาม นั่งสมาธิอยู่เหนือพื้นดินหลายสิบเมตร ฉันจ้องมองท่านอาจารย์ ท่านยิ้มและพยักหน้าให้ฉัน ฉันดีใจมาก จมูกของฉันรู้สึกยิบ ๆ และน้ําตาแห่งความสุขก็ไหลอาบแก้มของฉัน ฉันเช็ดน้ําตาแล้วเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง และท่านอาจารย์ก็พยักหน้าให้ฉันอีกครั้ง ฉันตะโกนว่า "ท่านอาจารย์ ! ท่านอาจารย์ !" และท่านพยักหน้าให้ฉันอีกครั้ง
ในขณะนี้เสียงดนตรีประกอบท่าฝึกดังมาจากลำโพงและเราก็เริ่มฝึกท่า ฉันหลับตาและเห็นฝ่าเซินของท่านอาจารย์นั่งอยู่ในอากาศคอยดูพวกเรา ฉันนึกถึงคำกล่าวของท่านอาจารย์ประโยคหนึ่ง "ย่อมมีฝ่าเซิน(ร่างฝ่า)ของอาจารย์จะคอยคุ้มครองอย่างเงียบๆ" ("ไหว้ครู" สิ่งสำคัญต่อการพัฒนา)
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ของท่านอาจารย์ ฉันก็ตื่นเต้นจนน้ำตาเอ่อขึ้นในดวงตาของฉัน ในชั่วพริบตานั้น แม้แต่เส้นขนบนร่างกายของฉันก็ดูเหมือนจะงอกออกมา ขยายใหญ่และหนาขึ้น และร่างกายของฉันก็สูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ มิตินี้กลายเป็นเล็กเกินไปสําหรับฉัน และศีรษะของฉันต้องก้มไปข้างหน้า ขณะที่ฉันฝึกท่า มือของฉันขยับโดยอัตโนมัติตามกลไกที่ท่านอาจารย์ใส่ไว้ในตัวฉัน หลังจากฝึกท่า ฝ่าเซินของท่านอาจารย์ก็จากไปอย่างเงียบ ๆ นี่คือประสบการณ์ส่วนตัวของฉันเกี่ยวกับความมหัศจรรย์และพลังของฝ่าหลุนต้าฝ่า
2. การประท้วงอย่างสงบในวันที่ 25 เมษายน และการอุทธรณ์หลังวันที่ 20 กรกฎาคม
เมื่อวันที่ 11 เมษายน 1999 He Zuoxiu เลขาธิการคณะกรรมการการเมืองและกฎหมายของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้ตีพิมพ์บทความที่ใส่ร้ายฝ่าหลุนกง (ฝ่าหลุนต้าฝ่า) ในวารสารระดับชาติที่ตีพิมพ์โดยคณะศึกษาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเทียนจิน ผู้ฝึกไปพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับการฝึกนี้ และผู้ฝึกมากกว่า 40 คนถูกจับกุม เจ้าหน้าที่บอกคนที่เหลือว่าปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาไปที่ปักกิ่ง วันที่ 25 เมษายน ผู้ฝึกฝ่าหลุนกงจากทั่วประเทศไปที่สํานักงานอุทธรณ์แห่งชาติในกรุงปักกิ่งเพื่อยื่นอุทธรณ์การจับกุม ผู้ร้องเรียนจำนวนมากอยู่ด้านนอกสํานักงาน พวกเขารออย่างเงียบ ๆ และตํารวจไม่จําเป็นต้องรักษาความสงบเรียบร้อย นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้พบกับผู้ฝึกหลายคนและสั่งให้สํานักงานความมั่นคงสาธารณะเทียนจินปล่อยตัวผู้ฝึกที่ถูกจับกุม เย็นวันนั้น ผู้ฝึกกลับไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ทิ้งขยะไว้แม้แต่ชิ้นเดียว
การอุทธรณ์ในวันที่ 25 เมษายน ได้รับการยกย่องจากประชาคมนานาชาติว่าเป็นการอุทธรณ์ที่สงบและมีเหตุผลที่สุดในประวัติศาสตร์จีนเมื่อเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตาม เจียง เจ๋อหมิน ซึ่งเป็นผู้นําจีนในขณะนั้นบิดเบือนว่าเหตุการณ์นี้เป็น "การโจมตีจงหนานไห่ (รัฐบาลกลาง)" และเริ่มการประทุษร้ายฝ่าหลุนกงอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 20 กรกฎาคมในปีนั้น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตํารวจและเจ้าหน้าที่ได้ติดตามและสอบปากคําผู้ฝึกที่สนามฝึกทั่วประเทศ บางคนถึงกับสะกดรอยตามพวกเขากลับบ้าน
ก่อนวันที่ 25 เมษายน 1999 มีสนามฝึกหลายสิบแห่งในเมืองของฉัน เสียงดนตรีประกอบการฝึกท่าได้ยินอยู่ทุกที่ทั้งในและนอกเมือง จากนั้นก็มาถึงวันที่ 20 กรกฎาคม 1999 สื่อที่ดําเนินการโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ และสื่ออื่น ๆ โหมเผยแพร่คําโกหกเกี่ยวกับฝ่าหลุนกงทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อหลอกลวงประชาชน การประทุษร้ายทวีความรุนแรงจนถึงจุดที่ผู้โดยสารถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดที่ศูนย์กลางการขนส่งและสถานีหลัก
วันที่ 22 กรกฎาคม 1999 สามีของฉันและฉันไปที่เมืองหลวงของมณฑลเพื่ออุทธรณ์ ระหว่างทาง ตํารวจหยุดรถประจำทาง และสั่งให้ทุกคนลงจากรถเพื่อสอบปากคํา ฉันบอกสามีว่า "พวกเขามีเจตนาไม่ดี อย่าลงจากรถ" ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียง "คุณสองคนผ่อนคลายและนั่งนิ่ง ๆ"
ไม่มีใครเร่งให้เราลงจากรถประจำทาง ต่อมาฉันรู้ว่าท่านอาจารย์วางเกราะป้องกันไว้รอบตัวเราเพื่อป้องกันไม่ให้ใครเห็น ฉันเปิดหน้าต่างและเห็นตํารวจวางภาพถ่ายของท่านอาจารย์ลงบนพื้น และบอกผู้โดยสารที่ต้องการขึ้นรถประจำทางให้เหยียบภาพนี้และด่าก่อนอนุญาตให้ขึ้นรถ มีคนประมาณ 10 คนที่ไม่ได้ขึ้นรถเพราะพวกเขาปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น
สามีของฉันและฉันมาถึงอาคารรัฐบาลประจํามณฑล ตํารวจติดอาวุธยืนเฝ้าทั้งสองด้านของทางเข้า เพื่อไม่ให้เราเข้าไป สามีของฉันบอกตํารวจว่าฝ่าหลุนกงคืออะไร ตํารวจพูดว่า "ออกไปเดี๋ยวนี้ ถ้าคุณก้าวเลยผมไป คุณจะถูกจับกุม เรากําลังทําตามคําสั่ง" ที่ตำแหน่งสูงสุดของบริเวณรัฐบาลมณฑล มีเสียงประกาศห้ามฝึกฝ่าหลุนกงจากกระทรวงกิจการพลเรือนดังมาจากลําโพง 3 ตัวซ้ําแล้วซ้ําเล่า ตํารวจติดอาวุธจํานวนมากรีบวิ่งเข้ามาพร้อมโล่ในมือและขับไล่ผู้ฝึกออกไป เสียงหวอของรถตํารวจดังสนั่น สร้างบรรยากาศที่น่ากลัว สามีของฉันและฉันจึงกลับบ้านในวันนั้น
หลังจากการยื่นอุทธรณ์ที่เมืองหลวงของมณฑลไม่ประสบความสำเร็จ ตํารวจท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ก็เริ่มจับตาดูเราอย่างใกล้ชิด ฉันบอกสามีว่า "คุณอยู่บ้าน ฉันจะไปปักกิ่ง คุณมีอิทธิพลในหมู่ผู้ฝึกมากกว่าฉัน และตํารวจจะรู้สึกสบายใจกว่าถ้าเห็นคุณที่บ้าน" เขาเห็นด้วย
วันที่ 17 ตุลาคม 1999 ฉันและเพื่อนผู้ฝึกหลายคนนั่งรถไฟไปปักกิ่ง เมื่อเราไปถึงสํานักงานอุทธรณ์แห่งชาติในกรุงปักกิ่ง เจ้าหน้าที่ประจำการถูกแทนที่ด้วยเจ้าหน้าที่ตํารวจ พวกเขาถามว่าเรามาจากมณฑลใด และพูดว่า "ขึ้นรถ เราจะไปที่ที่จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้" เขาพาเราไปที่สํานักงานประสานงานของมณฑลในกรุงปักกิ่ง และตํารวจท้องถิ่นของเราก็พาเรากลับบ้านและขังเราไว้ในศูนย์กักกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์
ที่สํานักงานประสานงาน เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดว่า "ทําไมคุณถึงมาปักกิ่ง ใช้เงินและเวลาทั้งหมดเพื่อมาทนทุกข์ทรมาน ท่านอาจารย์ของคุณทําเงินจากการขายหนังสือและไปต่างประเทศเพื่อใช้ชีวิตสุขสบาย ทิ้งพวกคุณไว้ที่นี่” ฉันพูดว่า "ท่านอาจารย์ของฉันไปต่างประเทศตามคําเชิญของผู้อื่นเพื่อเผยแผ่การบำเพ็ญนี้และช่วยให้ผู้คนบำเพ็ญมากขึ้น ถ้าท่านอยากรวย ท่านไม่จําเป็นต้องขายหนังสือ ท่านแค่ขอให้ทุกคนให้เงินท่าน 1 หยวน ด้วยจำนวนผู้ฝึกมากกว่า 100 ล้านคน ท่านก็จะกลายเป็นมหาเศรษฐีในทันที ท่านไม่ได้เอาเงินจากฉัน ท่านเพียงสอนให้ฉันบำเพ็ญจิตใจและเป็นคนที่ดีขึ้นเท่านั้น"
3. ยืนยันความถูกต้องของฝ่า
ช่วยเหลือผู้อื่น
วันที่ 1 ตุลาคม 2000 ฉันไปปักกิ่งเพื่อยื่นอุทธรณ์อีกครั้ง ครั้งนี้พวกเราไปกัน 14 คน เราอยู่กันเป็นคู่เพื่อช่วยเหลือกันและกันได้ดีขึ้น เมื่อเราไปถึงมุมตะวันตกเฉียงใต้ของจัตุรัสเทียนอันเหมิน เราเห็นเจ้าหน้าที่มากกว่า 100 คน เดินเข้ามาใกล้จัตุรัสจากมุมตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมกระบองไฟฟ้าในมือ
เราเร่งฝีเท้าและวิ่งไปที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน โดยผู้ฝึกหลายพันคนจากทั่วประเทศมารวมตัวกันอยู่ที่นั่นแล้ว นอกจากนี้ยังมีตํารวจติดอาวุธ นอกเครื่องแบบ และตํารวจทั่วไป จัตุรัสได้กลายเป็นสมรภูมิระหว่างความดีและความชั่ว เราเข้าร่วมกับผู้ฝึกและตะโกนว่า "ฝ่าหลุนต้าฝ่าดี ฝ่าหลุนต้าฝ่าถูกต้อง คืนสภาพแวดล้อมการบำเพ็ญของเรา ฟื้นฟูชื่อเสียงของท่านอาจารย์หลี่หงจื้อ !"
ตํารวจตีผู้ฝึกด้วยกระบองไฟฟ้า ใบหน้าของผู้ฝึกบางคนฟกช้ําและบวม และมองไม่เห็นว่ากําลังจะไปที่ไหน พวกเขาจึงไม่สามารถหลบหนีได้ ฉันเบียดฝ่าฝูงชนเพื่อไปหาตํารวจและตะโกนให้พวกเขาหยุดใช้ความรุนแรง ก่อนที่ฉันจะพูดจบ ตำรวจคนหนึ่งก็ชกเข้าที่หน้าฉันแล้วฉันก็มองไม่เห็นอะไรเลย ฉันรู้สึกว่ากระบองไฟฟ้าและกําปั้นกระแทกเข้าที่ศีรษะและหลังของฉันไม่หยุด
ขณะที่ฉันรู้สึกว่าฉันไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ผู้ฝึกหนุ่มคนหนึ่งก็คว้าแขนของฉันและพูดว่า "ยืนไว้ อย่าล้ม ไม่เช่นนั้นคุณจะถูกเหยียบตาย !" เขาตะโกนคําขวัญต่อไป ตํารวจทุบตีเราอย่างดุเดือดยิ่งขึ้น ฉันหมดสติไปชั่วขณะหนึ่ง วิญญาณของฉันออกจากร่างกายและลอยอยู่ในอากาศ ฉันมองลงไปที่จัตุรัสเทียนอันเหมินและเห็นผู้คนมากมาย ผู้ฝึกผลักดันไปข้างหน้าเหมือนคลื่นและไม่หยุดตะโกนคําขวัญ เสียงของพวกเขาดังสนั่นและก้องกังวานไปทั่วท้องฟ้า ตํารวจเร่งการจับกุม ผู้ฝึกจับมือกันเพื่อป้องกันไม่ให้ตํารวจทําการจับกุม การต่อสู้ระหว่างความดีและความชั่วนั้นน่าอัศจรรย์อย่างแท้จริงและเกินกว่าจะบรรยายได้
ผู้ฝึกหนุ่มคนนั้นจับแขนฉันตลอดเวลาในขณะที่ตํารวจกระหน่ำตีเขาด้วยกระบองไม่หยุด เมื่อเห็นว่าเขาทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหน วิญญาณของฉันก็กลับมาสู่ร่างกายของฉันและฉันเริ่มตะโกนคําขวัญอีกครั้ง
ตํารวจพาเราไปที่ลานใกล้เคียง ซึ่งเต็มไปด้วยผู้ที่มายื่นอุทธรณ์ ทุกคนยืนตัวตรง ตะโกนคําขวัญเสียงดัง ขณะที่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งดึงฉันออกจากรถ ฉันได้ยินเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งกระซิบกับเขาว่า "มีคนกําลังถ่ายรูปที่ลาน" เขาวิ่งออกไปทันที ฉันรีบเตือนผู้ฝึกที่อยู่ข้าง ๆ ว่า "ตํารวจกําลังไล่ตามคนที่ถ่ายรูป" ผู้ฝึกตะโกนบอกคนที่ถ่ายรูปว่า "ตํารวจกําลังมุ่งหน้าไปทางคุณ วิ่ง !" คนที่ถ่ายรูปหายตัวไปก่อนที่ตํารวจจะไปถึงเขา
ทําไมตํารวจถึงกลัวถูกถ่ายรูป เพราะสิ่งมืดดำที่พวกเขาทําไม่สามารถนําออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะได้ พวกเขากลัวว่าผู้คนจะรู้ความจริง
รถบัสคันใหญ่มาถึงลานและเต็มไปด้วยผู้ฝึกอย่างรวดเร็ว รถพาเราไปยังศูนย์กักกันและเรือนจําใกล้เคียง ทุกครั้งที่ไปถึงสถานที่หนึ่ง ก็มีป้ายบอกว่าเต็ม ตั้งแต่เวลาประมาณ 11.00 น. ถึง 18.00 น. เราถูกพาไปหลายแห่ง แต่เต็มหมด รถบัสจึงกลับไปที่ปักกิ่ง ฉันและผู้ฝึกถูกคุมขังในศูนย์กักกันเขต Xicheng
ยินดีช่วยเหลือผู้อื่น
ในศูนย์กักกัน ผู้ฝึก Zhang ซึ่งเป็นชาวปักกิ่งเล่าเรื่องให้ฉันฟังหลายเรื่อง ในกรุงปักกิ่งมีครอบครัวของสามีภรรยาสูงอายุคู่หนึ่ง ที่มีลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลานชาย รวม 5 คน ครอบครัวนี้ฝึกฝ่าหลุนกงทุกคน เย็นวันหนึ่งสามีภรรยาสูงอายุคู่นี้ออกไปอธิบายความจริงและเห็นผู้ฝึกจากนอกเมืองที่มาปักกิ่งเพื่ออุทธรณ์นอนบนทางเท้าหรือในท่อระบายน้ํา พวกเขารู้สึกเศร้าใจกับสิ่งที่เห็น พวกเขาโทรหาลูกชายและลูกสะใภ้ในวันต่อมาเพื่อหารือเกี่ยวกับการขายอะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งเพื่อช่วยเหลือผู้ฝึกจากมณฑลอื่น ลูกสะใภ้อาสาขายอะพาร์ตเมนต์ใหม่ของพวกเขา โดยบอกว่ามีมูลค่าสูงที่สุด จากนั้นสามีภรรยาสูงอายุคู่นี้ก็นําเงินบางส่วนจากการขายนี้และไปหาผู้ฝึกเหล่านี้ตามที่ต่าง ๆ และช่วยพวกเขาเรื่องอาหารและที่พัก
อีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับผู้ฝึกหญิงคนหนึ่งจากมณฑลอื่นที่มีสามีทํางานอยู่ในปักกิ่ง เมื่อเธอมาเยี่ยมเขา เธอเห็นผู้ฝึกจากนอกเมืองกินขนมปังเหม็นอับและดื่มน้ําประปาระหว่างที่พวกเขาอยู่ในปักกิ่ง เธอกลับไปลาออกจากงาน และมาเปิดร้านอาหารในปักกิ่ง ในระหว่างวัน เธอให้ซุปร้อน ๆ และขนมปังแก่ผู้ฝึกฟรี ในตอนเย็นเธอย้ายโต๊ะและม้านั่งไปด้านข้างเพื่อให้มีที่ว่างสําหรับผู้ฝึกได้พักผ่อน เมื่อเธอรู้ว่าห้องของเธออยู่ติดกับห้องประชุมที่ตํารวจควบคุมตัวผู้ฝึก 200 กว่าคน เธอก็รีบนําน้ําดื่มบรรจุขวดและอาหารไปให้พวกเขาทันที
Zhang ยังบอกฉันด้วยว่าเธอถูกคุมขังมา 7 ครั้งแล้ว เธอจะได้รับการปล่อยตัวใน 15 วัน และผู้ฝึกอีกคนหนึ่งจะเข้ามาแทนที่เธอเพื่อไม่ให้ผู้ฝึกจากนอกเมืองถูกควบคุมตัวไว้ที่นั่น เจ้าหน้าที่ในศูนย์กักกันแจกจ่ายจิงเหวินปลอมและให้คนปลอมตัวเป็นผู้ฝึกเพื่อบ่อนทําลายฝ่า ผู้ฝึกในปักกิ่งไม่ต้องการให้ผู้ฝึกจากที่อื่นถูกหลอก ดังนั้นพวกเขาจึงผลัดกันเข้ามา
ฉันรู้สึกประทับใจมากหลังจากฟังเรื่องราวเหล่านี้ คืนนั้นฉันฝันว่าท่านอาจารย์ลงมาจากท้องฟ้าและยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ท่านอาจารย์ถามฉันว่า "พระพุทธคืออะไร" ฉันตอบว่า "ผู้พิทักษ์จักรวาล" ท่านอาจารย์พยักหน้าและยื่นแผ่นทดสอบที่พับไว้ให้ฉัน ฉันรับไว้แต่ก่อนที่ฉันจะดู ฉันก็ตื่นนอน
ไม่กี่วันต่อมา ตํารวจได้ย้ายฉันและผู้ฝึกอีกคนหนึ่งกลับไปที่ศูนย์กักกันในพื้นที่ของเรา ฉันถูกตัดสินให้ใช้แรงงาน 1 ปี แต่ค่ายบังคับใช้แรงงานปฏิเสธที่จะรับฉันเพราะการตรวจร่างกายของฉันไม่ผ่าน แทนที่ตำรวจจะปล่อยให้ฉันกลับบ้าน ตํารวจกลับกักขังฉันไว้ในศูนย์กักกันเพราะฉันปฏิเสธที่จะละทิ้งความเชื่อ
ความเชื่อที่แน่วแน่ในฝ่าหลุนต้าฝ่า
ในศูนย์กักกันฉันเล่าเรื่องราวที่ฉันได้ยินเมื่อฉันถูกกักขังในปักกิ่งให้ผู้ฝึกในท้องถิ่นฟัง ผู้ฝึกคนหนึ่งร้องไห้และพูดว่า "ผู้ฝึกในปักกิ่งทําได้ดีมาก เราต้องตามให้ทันหลังจากที่เราได้รับการปล่อยตัว"
วันหนึ่งพวกเราประมาณ 10 กว่าคน กําลังฝึกท่า และผู้คุมรายงานเราต่อพัศดี ทำให้เขาโกรธมาก ในช่วงวันที่หนาวที่สุดของฤดูหนาว ซึ่งน้ําด้านนอกแข็งตัวทันทีเมื่อสัมผัสอากาศ พัศดีสั่งให้เราถอดเสื้อโคตตัวหนาและถอดรองเท้า ให้เราเดินเท้าเปล่าในชุดชั้นในแล้วยืนที่ลาน เรายืนอยู่ 3 ชั่วโมง แต่ไม่มีใครรู้สึกหนาว—ผู้คุมตกตะลึง เราทุกคนตระหนักว่าท่านอาจารย์ผู้เมตตาเป็นผู้แบกรับความเจ็บปวดแทนเราและปกป้องเรา
ผู้คุมพยายามทุกวิถีทางเพื่อบังคับให้ฉันละทิ้งฝ่าหลุนกง วันหนึ่งพัศดีพูดกับฉันว่า "หัวหน้างานของลูกชายของคุณกําลังสืบสวนว่าคุณยังฝึกฝ่าหลุนกงอยู่หรือไม่ ถ้าคุณยังฝึกอยู่ ลูกชายของคุณจะไม่ได้รับการเลื่อนตําแหน่ง"
ฉันไม่สนใจเขาและบอกว่าการฝึกฝ่าหลุนกงทําให้ฉันมีสุขภาพที่ดี และฉันไม่เคยป่วย หรือไปโรงพยาบาลและสร้างความเดือนร้อนให้กับเพื่อนร่วมงานและครอบครัวของฉัน เขากดดันและบอกว่าฉันต้องเป็นห่วงอาชีพของลูกชาย ฉันคิดว่า "หัวหน้าและเลขาธิการของพรรคคอมมิวนิสต์จีนช่วยเรื่องการทุจริตของพรรคคอมมิวนิสต์จีน การที่ลูกชายของฉันไม่ได้รับการเลื่อนตําแหน่งไปอยู่ในตําแหน่งเหล่านั้นน่าจะดีกว่า" หัวใจของฉันเต็มเปี่ยมด้วยฝ่าหลุนต้าฝ่า และเล่ห์เหลี่ยมทั้งหมดของพวกเขาไม่ได้ผล
พยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือผู้ฝึก
เรื่องราวที่เสียสละที่ฉันได้ยินในศูนย์กักกันในกรุงปักกิ่งทําให้ฉันประทับใจและเป็นแรงบันดาลใจอย่างสุดซึ้ง ฉันคิดในใจว่าวันหนึ่งฉันจะก้าวขึ้นมาช่วยเหลือผู้อื่นอย่างไม่เห็นแก่ตัวโดยไม่ลังเล
ในเดือนมกราคม 2003 ฉันได้รับการปล่อยตัวจากศูนย์กักกันในท้องถิ่น ในเดือนมีนาคม ฉันได้ยินว่าตํารวจได้ทําลายสถานที่ผลิตสื่อข้อมูลขนาดใหญ่หลายแห่ง ผู้ฝึกไม่สามารถอ่านหมิงฮุ่ยรายสัปดาห์ (Minghui Weekly) ได้อีกต่อไป
เมื่อฉันเห็นว่าผู้ฝึกกังวล ฉันจึงตัดสินใจจัดตั้งสถานที่ผลิตสื่อ ฉันรู้จักผู้ฝึกหญิงสาวคนหนึ่งที่บำเพ็ญได้ดีและบ้านของเธอตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวก ฉันหารือเรื่องนี้กับเธอ เธอบอกว่าเธอไม่มีเงินเพราะบริษัทของเธอล้มละลาย ฉันบอกว่าเธอให้ใช้สถานที่ของเธอก็ได้และฉันจะหาเงินทุน เราซื้อเครื่องถ่ายเอกสารและอุปกรณ์ที่จําเป็นอื่น ๆ นอกจากนี้เรายังหาเอกสารต้นฉบับและเริ่มทำสำเนา และส่งให้กับผู้ฝึกในท้องถิ่น ต่อมาเราซื้อเครื่องถ่ายเอกสารเครื่องที่ 2 ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย เราจึงขับรถออกจากเมืองเพื่อซื้อวัสดุอุปกรณ์ ฉันและผู้ฝึกอีกคนหนึ่งรวมเงินได้ 70,000 หยวน เพื่อซื้อรถและหาผู้ฝึกคนหนึ่งที่มีใบขับขี่มาช่วยส่งเอกสาร
ในปี 2004 ฉันออกแบบและสร้างจุดผลิตเอกสารในห้องที่แยกจากส่วนอื่นในบ้านของฉัน ผู้ฝึกสอนวิธีใช้คอมพิวเตอร์ให้ฉัน ซึ่งช่วยให้ฉันไม่ต้องออกไปยืมเอกสาร จุดผลิตเอกสารขนาดเล็กค่อย ๆ เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งที่จําเป็นทั้งหมด และฉันก็เชี่ยวชาญเทคนิคการผลิตต่าง ๆ ตอนนี้ฉันสามารถผลิตหนังสือต้าฝ่า หมิงฮุ่ยรายสัปดาห์ หนังสือเล่มเล็ก เครื่องราง การ์ด ซีดี และเครื่องรางหยกแกะสลักได้แล้ว คุณภาพของสิ่งที่ทำออกมามีความประณีต เทียบเท่ากับมาตรฐานระดับมืออาชีพ ไม่ว่าผู้ฝึกต้องการอะไรเพื่อช่วยเหลือผู้คน ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน ฉันจะเอาชนะความยากลําบากและทํางานที่มีคุณภาพให้เสร็จตรงเวลา บางครั้งฉันทํางานตลอดทั้งคืน แต่วันรุ่งขึ้นฉันยังมีพลังงานเต็มเปี่ยม
ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นในกระบวนการทําเอกสาร ท่านอาจารย์ให้ปัญญาแก่ฉันและอนุญาตให้ฉันซึ่งเป็นหญิงชราในวัย 70 ปีเศษ ที่มีการศึกษาเพียงระดับประถมศึกษาได้เรียนรู้และเชี่ยวชาญทักษะที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ได้อย่างรวดเร็ว ในช่วงฤดูร้อน การทํางานในห้องที่อบอ้าวและการระบายอากาศไม่ดีโดยไม่มีอุปกรณ์ทําความเย็นไม่ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดเลย มีสายลมอ่อน ๆ พัดผ่านใบหน้าของฉันบ่อย ๆ วันหนึ่งฉันวางแผนที่จะพิมพ์เอกสาร 100 หน้า และสุ่มหยิบกระดาษมากองหนึ่ง แล้วใส่ในเครื่องถ่ายเอกสาร หลังจากพิมพ์แล้ว ฉันก็นับมัน และมี 100 หน้าพอดี ปาฏิหาริย์ประเภทนี้เกิดขึ้นค่อนข้างบ่อย ท่านอาจารย์เห็นว่าฉันมีงานล้นมือ จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานของฉัน ฉันช่วยผู้ฝึกที่อาศัยอยู่ห่างไกลจัดตั้งจุดผลิตเอกสาร และฉันให้การสนับสนุนทางการเงินแก่พวกเขา
สามีของผู้ฝึกคนหนึ่งถูกจับกุมเพราะไม่ละทิ้งความเชื่อของเขา เธอและลูกสองคนของเธอกลัวที่จะอยู่ในบ้านและมาขอความช่วยเหลือจากฉัน ฉันรู้ว่าฉันต้องช่วยพวกเขา ฉันจําได้ว่าผู้ฝึกคนหนึ่งมีที่ดินทําฟาร์ม 2 เอเคอร์ และมีบ้านหลายหลังบนที่ดินนั้น เราช่วยจัดการให้ผู้ฝึกและลูกสองคนของเธอพักในบ้านไร่หลังหนึ่งเป็นการชั่วคราว ฉันไม่อยากให้พวกเขาออกไปข้างนอก ฉันจึงเตรียมทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการให้พวกเขา
ผู้ฝึกคนหนึ่งขาหักขณะที่เธอกับสามีกําลังวิ่งหนีตํารวจ ทั้งคู่มาที่เมืองของเรา และผู้ฝึกในท้องถิ่นคนหนึ่งดูแลเรื่องที่พักและสิ่งจําเป็นในชีวิตประจําวันให้พวกเขา เราช่วยจัดหางานให้ผู้ฝึกหญิงสาวและวัยกลางคนหลายคนที่มาจากต่างเมือง ได้ทำงานในโรงงานแปรรูปอาหารที่ผู้ฝึกเป็นเจ้าของ ผู้ฝึกชายหนุ่มหลายคนถูกจัดให้ทำงานในโรงงานแปรรูปแป้งที่บริหารจัดการโดยผู้ฝึกเช่นกัน นอกจากนี้เรายังช่วยผู้ฝึกหญิงหลายคนหาที่พักและหางานให้
5. การบำเพ็ญอย่างมั่นคงท่ามกลางการประทุษร้าย
ช่วยเหลือผู้คนแม้จะยากจน
วันหนึ่งในเดือนตุลาคม 2013 ผู้ฝึกหญิงคนหนึ่งนําเครื่องพิมพ์มาที่บ้านของฉัน เธอพูดคุยนิดหน่อยแล้วก็จากไป 3 นาทีต่อมา ตำรวจนอกเครื่องแบบหลายคนบุกเข้ามาในบ้านของฉันขณะที่ฉันกําลังเก็บเครื่องพิมพ์ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินมาหาฉันและพูดอย่างพอใจว่า "ตอนนี้คุณมีอะไรจะพูดอีก" ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจับฉันได้คาหนังคาเขา
ฉันยิ้ม ยกเครื่องพิมพ์ขึ้นมาที่หน้าอก และพูดว่า "เพื่ออนาคตที่ดีกว่าสําหรับทุกคน นั่นคือภารกิจของฉัน" กลุ่มคนจากคณะกรรมการการเมืองและกฎหมาย สํานักงาน 610 กองพลความมั่นคงแห่งชาติ และสถานีตํารวจท้องถิ่น เข้ามาที่ลานโดยตั้งใจจะมาจับกุมฉัน ฉันพาพวกเขาทั้งหมดออกไปนอกลาน ยืนอยู่ที่ประตู เท้าข้างหนึ่งอยู่ด้านในและเท้าอีกข้างหนึ่งอยู่ด้านนอก จับประตูไว้ พูดดัง ๆ กับพวกเขา เพื่อนบ้าน และผู้ที่ผ่านไปมา อธิบายความจริงเกี่ยวกับการประทุษร้ายฝ่าหลุนกง
ขณะที่ฉันพูด ฉันปิดประตูเสียงดังและลงกลอน ล็อกเจ้าหน้าที่ไว้ข้างนอก และพูดกับสามีที่ตัวสั่นอยู่ว่า "ฉันต้องออกไปจากที่นี่"
ฉันกระโดดขึ้นบันไดไปยังโรงรถอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งไปที่บ้านหลังหลัก ฉันปีนขึ้นไปบนสันหลังคา แล้วกระโดดลงไปที่โกดังร้างที่อยู่ติดกัน ฉันปีนขึ้นไปบนหลังคา เดินไปตามสันหลังคา และลงไปที่ชายคา จากนั้นฉันก็กระโดดข้ามบ้านชั้นเดียว 2 หลัง และกําแพง 2 แห่ง และหลบหนีได้สําเร็จ ตอนนั้นฉันอายุมากกว่า 70 ปีแล้ว ขณะปีนบ้าน ไต่หลังคา และกระโดดข้ามสันหลังคา ฉันรู้สึกว่ามีคลื่นพลังงานคอยประคองอยู่ ฉันรู้ว่าท่านอาจารย์ปกป้องฉันจากอันตราย
เจ้าหน้าที่ที่อยู่นอกลานกระโดดข้ามกําแพงและเข้าไปที่ลานบ้าน และคิดว่าฉันซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง พวกเขาค้นหาทุกที่แต่หาฉันไม่พบ พวกเขามองหน้ากันและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น คนหนึ่งพูดว่า "หญิงชราคนนี้บินได้หรือดำดินได้กัน"
หลังจากออกจากบ้าน ฉันไปพักอยู่กับผู้ฝึกคนหนึ่ง 2 วัน เนื่องจากตํารวจค้นหาฉัน และออกหมายจับโดยโพสต์ไว้บนเว็บไซต์ต่าง ๆ ฉันจึงต้องออกจากบ้านของผู้ฝึกคนนี้และออกจากเมืองไป
ผู้ฝึกคนหนึ่งหางานให้ฉันทำที่จุดผลิตเอกสารที่ปลอดภัยซึ่งตั้งอยู่ในชั้นใต้ดิน มีเครื่องพิมพ์สี 7 เครื่อง ที่ประกอบจากชิ้นส่วนที่ยังใช้งานได้ซึ่งกู้มาจากเครื่องที่ชํารุด และแล็ปท็อปเก่า 3 เครื่อง ผู้ฝึกคนนี้มีความชํานาญมาก ขณะนั้นเป็นเดือนตุลาคมและถึงเวลาทําปฏิทินหมิงฮุ่ยสําหรับปีถัดไป ทุกวันฉันศึกษาฝ่า ฝึกท่า ทําปฏิทิน พิมพ์เอกสารข้อมูล และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ฝึกคนนี้
เครื่องพิมพ์สีทํางานช้า แต่งานพิมพ์มีความชัดเจนและสีสดใส ในแต่ละวัน ฉันเปิดเครื่องพิมพ์เครื่องแรกและเริ่มใช้งาน และไปยังเครื่องพิมพ์ถัดไปและทําเช่นเดียวกัน เมื่อถึงเวลาที่ฉันตั้งค่าการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์เครื่องที่ 7 จากนั้นฉันก็เริ่มจากเครื่องแรกอีกครั้ง เมื่องานพิมพ์ทั้งหมดพร้อมแล้ว ผู้ฝึกก็เรียกผู้ฝึกคนอื่น ๆ มาประกอบงานพิมพ์ให้เป็นปฏิทินและนำไปแจก
พอถึงเดือนธันวาคม เราก็หยุดผลิตปฏิทิน ผู้ฝึกรู้ว่าฉันคิดถึงบ้าน จึงหาบ้านสองชั้นหลังหนึ่งที่สร้างโดยผู้ฝึก หลังจากที่ฉันย้ายกลับมา ฉันพบว่าบ้านหลังนั้นใหญ่พอที่จะทําป้ายผ้าได้ มีเทมเพลตของป้ายผ้า 8 แบบ อันที่ยาวกว่ามีความยาวประมาณ 1.6 เมตร และกว้าง 30 เซนติเมตร อันที่สั้นกว่ามีความยาวประมาณ 1.2 เมตร ผู้ฝึกซื้อผ้าและพิมพ์ป้ายผ้า ป้ายผ้าที่เสร็จแล้วถูกแขวนไว้บนต้นไม้และเสาไฟฟ้า นอกจากนี้เรายังเพิ่มเครื่องพิมพ์ คอมพิวเตอร์ และเครื่องแกะสลักเครื่องรางหยก เพื่อผลิตและจัดส่งให้กับผู้ฝึกในท้องถิ่นเพื่อใช้ในการอธิบายความจริง
ฟ้องเจียงเจ๋อหมิน
ในปี 2015 ผู้ฝึกฝ่าหลุนกงเริ่มยื่นฟ้องเจียง เจ๋อหมิน อดีตผู้นําพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในข้อหาใช้อํานาจในทางที่ผิดและเริ่มการประทุษร้ายฝ่าหลุนกงในประเทศจีน เจียงมีคำสั่งให้กําจัดฝ่าหลุนกงภายใน 3 เดือน โดยประกาศว่า "ใส่ร้ายให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ทําลายด้านการเงิน และกําจัดทางกายภาพ" กฎที่ไม่ได้พูดไว้แต่ได้ปฏิบัติต่อผู้ฝึกที่ถูกคุมขังคือ "การเสียชีวิตจะถือเป็นการฆ่าตัวตาย และศพจะถูกเผาโดยไม่มีการสอบสวน"
ผู้ฝึกจำนวนมากเสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ หรือพิการ ถูกคุมขังและส่งไปยังค่ายแรงงาน ถูกจับกุมและกักขังเป็นเวลานาน ยิ่งกว่านั้นคือผู้ฝึกจำนวนมากถูกบังคับให้หนีออกจากบ้านและตกงาน ครอบครัวของพวกเขาแตกสลาย ที่เลวร้ายกว่านั้นคือผู้ฝึกที่ไม่ทราบจํานวนถูกเก็บอวัยวะโดยไม่สมัครใจเพื่อการปลูกถ่าย และพวกเขาเสียชีวิตในกระบวนการนี้
เนื่องจากฉันยากจนและเป็นที่ต้องการตัวในขณะนั้น ฉันจึงขอให้ผู้ฝึกอีกคนหนึ่งส่งจดหมายร้องเรียนของฉัน เอกสารร้องเรียนทั้ง 6 ฉบับของฉันไปไม่ถึงศาลประชาชนสูงสุดและอัยการประชาชนสูงสุด บางฉบับสูญหายที่ที่ทําการไปรษณีย์ บางฉบับสูญหายที่สนามบิน หลังจากค้นหาจากภายในและศึกษาฝ่าแล้ว ฉันก็ตระหนักว่าฉันต้องทําหน้าที่รับผิดชอบของตัวเองให้บรรลุผล ถ้าฉันให้คนอื่นทํางานให้ฉัน มันก็จะไม่ใช่การบำเพ็ญของฉัน ฉันพิมพ์สําเนาอีกชุดหนึ่งและนำไปส่งด้วยตัวเองที่ที่ทําการไปรษณีย์ที่ใกล้ที่สุด ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ฉันเช็กจากคอมพิวเตอร์ของฉันและเห็นว่ามันไปถึงศูนย์กระจายสินค้าในท้องถิ่นแล้ว ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ฉันตรวจสอบอีกครั้งและมันก็ไปถึงที่อื่นแล้ว มันไปถึงปักกิ่งที่เวลา 16:00 น. ของวันถัดไป ที่เวลาประมาณ 17:00 น. บุรุษไปรษณีย์ที่มีนามสกุลหลี่ได้ส่งจดหมายไปยังสำนักงานอัยการประชาชนสูงสุดแล้ว ฉันรู้สึกโล่งใจ
ผู้ฝึกจํานวนไม่น้อยส่งจดหมายร้องเรียนของตนไม่สำเร็จหลังจากพยายามหลายครั้ง ฉันได้เรียนรู้ในภายหลังว่าเราสามารถส่งจดหมายทางอีเมลแทนการส่งทางไปรษณีย์ได้ ผู้ฝึกอีกคนหนึ่งและฉันปรึกษาผู้ฝึกหนุ่มสาวเกี่ยวกับวิธีส่งทางอีเมล จากนั้นเราได้ช่วยผู้ฝึกรอบตัวเราเขียนและพิมพ์จดหมายของพวกเขาและส่งไปทางอีเมล วิธีนี้ปลอดภัยกว่าการไปที่ที่ทําการไปรษณีย์มาก ในที่สุด ผู้ฝึกในท้องถิ่นทุกคนก็ได้ฟ้องเจียงและเจ้าหน้าที่ที่บุกค้นและกักขังผู้ที่ส่งชื่อจริง ที่อยู่บ้าน และหมายเลขโทรศัพท์โดยพลการไปยังสำนักงานอัยการประชาชนสูงสุดและศาลประชาชนสูงสุด
ฉันได้ส่งจดหมายร้องเรียนไปยังคณะกรรมการกลางด้านการตรวจสอบวินัยด้วย เนื้อหามีดังนี้ :
"ฉันเริ่มฝึกฝ่าหลุนกงเพื่อรักษาโรค และมีสุขภาพที่ดีจริง ๆ ฉันมุ่งมั่นที่จะเป็นคนดีโดยปฏิบัติตามหลักการของความจริง-ความเมตตา-ความอดทน ฉันนึกถึงคนอื่นก่อน และทบทวนการกระทําของตัวเองเมื่อมีความขัดแย้ง ส่งผลให้ฉันประหยัดค่ารักษาพยาบาล มีครอบครัวที่มีความสุข และเข้ากับเพื่อนบ้านได้ดี น่าเสียดายที่เจียงเจ๋อหมินมุ่งมั่นที่จะกําจัดการบำเพ็ญที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้
"หลังจากการประทุษร้ายฝ่าหลุนกงเริ่มต้นขึ้น ฉันก็ยึดมั่นในความเชื่อของฉัน ไม่หวั่นไหวต่อความรุนแรง และเปิดโปงการประทุษร้ายให้คนที่ฉันรู้จัก ฉันหวังว่าพวกเขาจะสามารถแยกแยะถูกผิดได้ และปฏิบัติต่อผู้ฝึกฝ่าหลุนกงด้วยความเมตตา เพื่อที่พวกเขาจะได้รับพรและมีอนาคตที่สดใส คําพูดและการกระทําทั้งหมดของฉันอยู่ในขอบเขตของรัฐธรรมนูญ มาตรา 35 และ 36 ซึ่งบัญญัติเรื่องเสรีภาพในการพูด การตีพิมพ์ และความเชื่อ พวกเขาไม่ได้ละเมิดกฎหมายใด ๆ และมีเจตนาดี
"เนื่องจากเจียงเริ่มการประทุษร้าย ฉันซึ่งอยู่ในวัยชราจึงยากจนและต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดที่ไม่สามารถบรรยายได้ สามีในวัย 80 ปีของฉันเห็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวซ้ําแล้วซ้ําเล่า และใช้ชีวิตอยู่กับความหวาดกลัวมาหลายปี เขาค่อย ๆ เป็นโรคสมองเสื่อม และสูญเสียการควบคุมการขับถ่าย ซึ่งทําให้ฉันกังวลมาก
"ฉันขอให้คณะกรรมการกลางด้านตรวจสอบวินัยใส่ใจกับคดีของฉัน และตามรัฐธรรมนูญ ให้ยกเลิกการตัดสินที่ผิดและหมายจับที่ไม่ถูกต้องต่อฉัน ทําให้ฉันได้กลับบ้านเพื่อกลับไปอยู่กับครอบครัวและดูแลสามีของฉัน ฉันขอให้คณะกรรมการแก้ไขความอยุติธรรมให้การฝึกนี้ ฟื้นคืนความบริสุทธิ์ให้กับฝ่าหลุนต้าฝ่าและท่านอาจารย์หลี่หงจื้อ ฟื้นคืนเสรีภาพในการเชื่อ และนําตัวเจียงเจ๋อหมินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม"
คณะกรรมการกลางด้านการตรวจสอบวินัยส่งจดหมายของฉันไปยังคณะกรรมการเขตท้องถิ่น กรรมาธิการคนหนึ่งบอกลูกสองคนของฉันว่าถ้าพวกเขาไม่พาฉันกลับบ้าน พวกเขาจะต้องตกงาน
ด้วยจิตยึดติดที่มีต่อครอบครัว ฉันจึงกลับบ้านเพื่อเห็นแก่ลูก ๆ ของฉัน เจ้าหน้าที่จับฉันไว้ในเรือนจําซินเซียง ฉันปฏิเสธที่จะฟังคำพูดล้างสมองของพวกเขา และพวกเขาก็เริ่มด่าว่าและใส่ร้ายฉัน พวกเขาปฏิเสธไม่ให้ครอบครัวของฉันเข้าเยี่ยม 3 ครั้ง
5. ปกป้องต้าฝ่า
ไม่ใช่คนธรรมดา
เมื่อการประทุษร้ายเริ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม 1999 ผู้ฝึกกว่า 100 ล้านคนไม่เชื่อ ฉันอุทธรณ์ที่เมืองหลวงของมณฑลและในปักกิ่งด้วยจิตต่อสู้ที่แรงกล้า 16 ปีต่อมาในปี 2015 ฉันยื่นฟ้องเจียง โดยตั้งคําถามว่าทำไมเขาจึงออกคําสั่งที่โหดร้ายเช่นนั้นให้กําจัดผู้ฝึกและทําให้พวกเขาล้มละลาย ฉันเก็บความรู้สึกเกลียดชังที่แรงกล้าไว้
ตลอดระยะเวลา 26 ปีของความพยายามที่จะยุติการประทุษร้ายในขณะที่ทําสามสิ่งให้ดี ฉันเข้าใจว่าสิ่งที่ทําให้ฉันก้าวต่อไปข้างหน้าได้คือความเชื่อที่มั่นคง ฝ่า ความคิดถูกต้อง และเหตุผลกับปัญญาที่มาจากฝ่า ฉันควรกําจัดความคิดของมนุษย์ของฉันเพื่อให้ตัวตนที่บำเพ็ญแล้วของฉันสามารถกําจัดอิทธิพลเก่า สิ่งมีชีวิตชั่วร้าย และสสารและปัจจัยที่เสื่อมทรามในจักรวาลด้วยความคิดถูกต้อง
รวมเป็นร่างเดียวเพื่อกําจัดความชั่วร้าย
การต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างความดีกับความชั่วได้มาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว และตอนนี้ความชั่วร้ายกําลังมุ่งเป้าไปที่ท่านอาจารย์ในสหรัฐอเมริกา แต่เราไม่ใช่คนที่เราเคยเป็นเมื่อ 26 ปีที่แล้วที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการประทุษร้าย เราไม่เก็บความเกลียดชังไว้ในใจอีกแล้วและไม่ต้องการต่อสู้เหมือนการปฏิวัติของคอมมิวนิสต์ แต่เรารักษาความเมตตาและความคิดถูกต้อง และระลึกว่าเราเป็นผู้บําเพ็ญต้าฝ่า
เมื่อนึกถึงจุดเริ่มต้นของการประทุษร้ายในวันที่ 20 กรกฎาคม ผู้ฝึกนอกประเทศจีนได้พูดคุยกับนักการเมืองและผู้นําต่างประเทศ และประท้วงอย่างสงบที่หน้าสถานทูตจีน จิตวิญญาณที่แน่วแน่ของพวกเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไร การอุทิศตนของพวกเขาเพื่อปกป้องต้าฝ่า และความพยายามของพวกเขาในการบรรเทาแรงกดดันจากการประทุษร้ายผู้ฝึกในประเทศจีนนั้นน่าทึ่งอย่างแท้จริง
ในการต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่วนอกประเทศจีน ผู้ฝึกในประเทศจีนมีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่กว่าในการฟาเจิ้งเนี่ยนด้วยกําลังทั้งหมดของเราเพราะรากเหง้าของการประทุษร้ายนี้อยู่ในปักกิ่ง ความชั่วร้ายกําลังส่งพลังงานมืดจากปักกิ่งไปยังสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงไม่เพียงพอสําหรับเราที่จะเอาชนะจิตยึดติดของมนุษย์และทําได้ดี เรายังต้องรวมเป็นร่างเดียวกับผู้ฝึกอื่นด้วย
มีผู้ฝึก 3 ถึง 5 คน ที่เข้าร่วมกลุ่มศึกษาฝ่าของเรา เราฟาเจิ้งเนี่ยนก่อนการอ่านฝ่า เราฟาเจิ้งเนี่ยนวันละ 4 ครั้ง โดยมุ่งความคิดของเราไปที่คดีความที่ยื่นฟ้องในต่างประเทศ เราเพิ่มเวลาฟาเจิ้งเนี่ยนอีก 1 ชั่วโมงในแต่ละวันโดยเฉพาะ การกําจัดความชั่วร้ายคือการช่วยเหลือผู้คน เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนโจมตีต้าฝ่าอย่างมุ่งร้าย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างความถูกต้องและความชั่วร้ายในมิติอื่น
หลังจากอ่านบทความของท่านอาจารย์เรื่อง "ภัยพิบัติของฝ่า" ฉันสงสัยว่าทําไมท่านอาจารย์ผู้ทรงอํานาจสูงสุดถึงต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลเช่นนี้ ท่านอาจารย์กําลังทนทุกข์แทนเราและสรรพชีวิตทั้งหมดในจักรวาล กรุณาธิคุณที่ท่านอาจารย์มอบให้เราไม่มีขอบเขต ท่านอาจารย์สอนต้าฝ่าให้เรา และเราได้รับการชําระให้บริสุทธิ์และยกระดับโดยการหลอมรวมเข้ากับฝ่า เราจะตอบแทนท่านอาจารย์ได้อย่างไร
เราต้องปล่อยวางจิตยึดติดของมนุษย์อย่างสิ้นเชิง ขจัดความคิดของมนุษย์ทั้งหมด และละทิ้งจิตยึดติดกับความสบาย เพื่อที่เราจะได้อุทิศเวลาและพลังงานมากขึ้นเพื่อเอาชนะการต่อสู้ในการเจิ้งฝ่าและยืนยันความถูกต้องของฝ่า เราจะพิสูจน์ว่าตัวเองเป็นอนุภาคของฝ่าและกลายเป็นผู้พิทักษ์ให้กับองค์ประกอบด้านบวกในจักรวาล
เวลาที่เหลือมีจํากัด แต่เราจะทําสามสิ่งให้ดีต่อไป เราจะฉวยเวลาเพื่ออธิบายความจริงให้กับครอบครัว เพื่อนร่วมงาน เพื่อน และผู้ที่ผ่านไปมา เราจะศึกษาฝ่าอย่างขยันหมั่นเพียรและเดินตามเส้นทางที่ท่านอาจารย์จัดวางให้เรา และกลับบ้านพร้อมกับท่าน
(บทความนี้ได้รับการคัดเลือกสำหรับฝ่าฮุ่ยประเทศจีนบน Minghui.org ครั้งที่ 22)
ลิขสิทธิ์ © 2023 Minghui.org. สงวนลิขสิทธิ์