(Minghui.org) ฉันไม่ได้ไปปักกิ่งเพื่อยืนยันความถูกต้องของต้าฝ่าเหมือนเพื่อนผู้ฝึก ฉันขี้ขลาดมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่ความมุ่งมั่นในการฝึกต้าฝ่าของฉันไม่เคยหวั่นไหว

ฉันศึกษาฝ่า ติดป้ายผ้า และแจกเอกสารข้อมูลโดยที่แม่ไม่รู้ การประทุษร้ายของพรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่ได้ทําให้ฉันเลิกฝึก แต่อารมณ์และความอ่อนไหวทางความรู้สึกทําให้ฉันหลงทาง ถึงเวลาที่ฉันต้องแต่งงาน หลังจากผ่านเรื่องพลิกผันมากมาย ฉันได้พบกับสามีของฉัน เขาเป็นคนดีและไม่มีทัศนคติที่เป็นปรปักษ์เมื่อฉันบอกเขาเกี่ยวกับต้าฝ่า ซึ่งแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ในประเทศจีน เขามีความคิดถูกต้องต่อต้าฝ่าและเห็นด้วยว่าต้าฝ่ากําลังถูกประทุษร้าย ต่อมาฉันแต่งงานกับเขาตามครรลองของชีวิต…

ในฤดูร้อนปี 2008 เมื่อฉันอ่านจิงเหวินใหม่ของท่านอาจารย์ที่ผู้ฝึกอีกคนหนึ่งให้มา ฉันเห็นการเรียกร้องด้วยความเมตตาของท่านอาจารย์และน้ําตาคลอ ฉันบอกท่านอาจารย์ในใจว่าฉันกลับมาแล้วแม้ว่าฉันจะทําได้ไม่ดี และฉันขอบพระคุณท่านที่ไม่ทอดทิ้งฉัน ตั้งแต่นั้นมา ฉันก็เดินบนเส้นทางการบำเพ็ญอย่างขยันหมั่นเพียร

[ข้อความนี้ตัดตอนมาจากบทความ]

* * * * * * *

ฝ่าฮุ่ยประเทศจีนได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันต้องการรายงานประสบการณ์การบำเพ็ญของฉันต่อท่านอาจารย์และแบ่งปันกับเพื่อนผู้ฝึก แม้ว่าฉันจะเขียนเก่ง แต่ฉันไม่เคยเขียนบทความแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพราะฉันคิดว่าการบำเพ็ญของฉันยังไม่ดีพอ เมื่อฉันตระหนักถึงความสําคัญของฝ่าฮุ่ยนี้ ฉันก็เริ่มเขียนประสบการณ์การบําเพ็ญของฉัน นั่นคือตอนที่ฉันพบว่าฉันไม่มีอะไรจะรายงานต่อท่านอาจารย์มากนัก ฉันรู้สึกละอายใจและตระหนักได้ในทันทีว่าฉันต้องบําเพ็ญอย่างขยันหมั่นเพียร

ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจว่าฉันต้องเขียนบทความนี้โดยไม่คํานึงถึงสภาวะการบำเพ็ญของฉัน ค้นหาข้อบกพร่อง และบำเพ็ญอย่างขยันหมั่นเพียร

ได้รับต้าฝ่าและบำเพ็ญอย่างมีความสุข

ฉันรู้จักต้าฝ่าจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนสมัยมัธยมต้นในปี 1997 หลังจากได้รับการปลูกฝังด้วยแนวคิดอเทวนิยมโดยระบบการศึกษาของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ฉันจึงดูถูกชี่กง แต่เมื่อฉันได้ยินเพื่อนร่วมชั้นแนะนําต้าฝ่า ฉันก็สนใจมาก ฉันนําหนังสือจ้วนฝ่าหลุนกลับไปบ้านในวันนั้นและอ่านจบภายในไม่กี่วัน ฉันเห็นว่าการฝึกนี้สอนให้ผู้คนเป็นคนดีและอธิบายว่าทําไมพวกเขาจึงควรทําเช่นนั้น ตอนนั้นฉันยังอายุน้อยและยุ่งกับงาน ฉันจึงวางเรื่องนี้ไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม เมล็ดพันธุ์นั้นได้ถูกหว่านไว้ในใจของฉันแล้ว

เมื่อฉันพูดคุยกับเพื่อนร่วมชั้นอีกคนหนึ่งที่ฝึกต้าฝ่าในปี 1998 เขาพูดว่า "ผมต้องศึกษาฝ่าให้ดี มันดีมาก คุณควรฝึกด้วย" ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกว่าฉันควรเริ่มฝึกต้าฝ่า ฉันจึงเริ่มบำเพ็ญเมื่ออายุ 20 ปี หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ฉันก็เริ่มทํางานและเข้าร่วมกลุ่มศึกษาฝ่า

ในปีก่อนที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะเริ่มประทุษร้ายต้าฝ่า ฉันได้เลิกนิสัยนอนตื่นสาย ฉันเริ่มตื่นหลังตี 5 เล็กน้อยเพื่อไปฝึกท่ากับกลุ่ม จากนั้นฉันก็ไปทํางานหลังจากรับประทานอาหารเช้าอย่างรวดเร็ว หลังอาหารเย็น ฉันก็ไปที่กลุ่มศึกษาฝ่า ฉันเป็นครูและพยายามสอนแต่ละชั้นเรียนให้ดีและปฏิบัติต่อนักเรียนทุกคนด้วยความเมตตา แม้แต่คนที่ซุกซน ฉันแนะนําต้าฝ่าให้พวกเขาและสอนพวกเขาทั้งท่าฝึกและหลักการของการเป็นคนดี

นักเรียนชอบฉันมาก ในการประชุมผู้ปกครอง แม่ของนักเรียนคนหนึ่งบอกฉันอย่างตื่นเต้นว่า "ลูกชายของฉันมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภาคการศึกษานี้และเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เขาบอกว่าครูของเขาบอกนักเรียนในชั้นของเขาเกี่ยวกับต้าฝ่าและวิธีเป็นคนดี และบอกให้พวกเขาเคารพพ่อแม่ เขาบอกว่าเขาจะตั้งใจเรียนและไม่ทําให้ฉันเสียใจ ก่อนหน้านี้เขาอ่อนไหวและหงุดหงิดง่ายเนื่องจากการหย่าร้างของฉันกับพ่อของเขา แต่ตอนนี้เขาประพฤติตัวดีมาก หลังเลิกเรียนเขาทําการบ้านและช่วยทํางานบ้านด้วย"

ฉันรู้สึกอิ่มเอมใจและมีความสุขมากเมื่อนึกถึงช่วงเวลา 1 ปีของการบําเพ็ญส่วนบุคคลที่มั่นคง แม้ว่าฉันจะไม่ได้ศึกษาฝ่าอย่างลึกซึ้งพอและการบำเพ็ญของฉันก็เพิ่งเริ่มต้น แต่ต้าฝ่าได้หยั่งรากลึกในใจของฉันอย่างมั่นคง

ยืนหยัดอย่างมั่นคงเมื่อเผชิญกับการประทุษร้าย

เจียง เจ๋อหมิน อดีตหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์จีน เริ่มการประทุษร้ายต้าฝ่าเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 1999 ผู้ฝึกจํานวนนับไม่ถ้วนถูกบังคับให้พลัดถิ่นจากบ้านของตน และผู้คนนับไม่ถ้วนในประเทศจีนถูกวางยาพิษจากการใส่ร้ายต้าฝ่าของพรรคคอมมิวนิสต์จีน แม่ของฉันบอกฉันด้วยน้ําเสียงจริงจังว่าอย่าฝึกอีกต่อไป เธอนอนอยู่บนเตียงและปฏิเสธอาหารเพื่อบังคับให้ฉันยอมแพ้

ฉันพูดว่า "รายงานข่าวทางโทรทัศน์ไม่เป็นความจริง ต้าฝ่าไม่เคยบอกให้เราฆ่าตัวตายหรือไม่กินยา" เนื่องจากฉันเพิ่งเริ่มบำเพ็ญในต้าฝ่าและไม่ได้ติดต่อกับผู้ฝึกอื่น ฉันจึงไม่รู้ว่าผู้ฝึกฝ่าจํานวนมากกําลังไปที่ปักกิ่งเพื่ออุทธรณ์ต่อรัฐบาลและพูดเพื่อปกป้องต้าฝ่า ฉันรู้ว่าต้าฝ่าดีและรายงานทางโทรทัศน์เป็นเรื่องเท็จ ดังนั้นฉันจึงไม่หวั่นไหวเมื่อคนอื่นบอกฉันว่าอย่าฝึก

สมาชิกคณะกรรมการหมู่บ้านและอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนของฉันไปที่บ้านของฉันในช่วงเวลานั้น แต่ฉันไม่อยู่บ้าน แม่ของฉันกลัว แต่เธอรับมือกับสถานการณ์อย่างชาญฉลาดโดยบอกว่า ฉันย้ายทะเบียนบ้าน (hukou) ไปแล้ว ส่งผลให้คณะกรรมการหมู่บ้านไม่รบกวนฉันอีก อาจารย์ใหญ่เห็นว่าครอบครัวของฉันยากจนและแสดงความเห็นใจ เขาไม่ได้รายงานฉันต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูง ฉันคิดว่าฉันอาจจะไม่สามารถทนต่อการประทุษร้ายได้ถ้ามันรุนแรง เนื่องจากการบำเพ็ญของฉันในขณะนั้นยังไม่มั่นคง ฉันคิดว่าท่านอาจารย์ผู้เมตตาปกป้องฉัน ไม่เช่นนั้นฉันคงไม่สามารถผ่านมาจนถึงวันนี้

หลังจากพูดคุยกับผู้ฝึกอื่น ฉันก็ตระหนักว่าฉันควรทําอะไรสักอย่างเพื่อพูดปกป้องต้าฝ่า ฉันซื้อสติกเกอร์แบบมีกาวในตัวและเขียนข้อความด้วยปากกาเคมี เช่น "ฝ่าหลุนต้าฝ่าดี ความจริง-ความเมตตา-ความอดทนดี" และ "ฝ่าหลุนต้าฝ่าคือฝ่าที่ถูกต้อง" ฉันติดสติกเกอร์เหล่านี้ไว้ตามเสาไฟฟ้าและผนังในช่วงพักกลางวัน ต่อมาฉันสามารถรับเอกสารข้อมูลและขี่จักรยานไปวางตามประตูบ้าน ต่อมาฉันตระหนักว่าการทำเช่นนี้ไม่เคารพต้าฝ่า ฉันจึงใส่เอกสารเหล่านี้ไว้ในถุงที่ปิดสนิทก่อนแจก ฉันต้องการยืนยันความถูกต้องของต้าฝ่าและทําเรื่องนี้โดยไม่ได้ครอบครัวของฉันสังเกตเห็น ฉันศึกษาฝ่าอย่างลับ ๆ ในตอนเย็น

ฉันไม่ได้ไปปักกิ่งเพื่อยืนยันความถูกต้องของต้าฝ่าเหมือนเพื่อนผู้ฝึก ฉันขี้ขลาดตั้งแต่เด็ก แต่ความมุ่งมั่นในการฝึกต้าฝ่าของฉันไม่เคยสั่นคลอน

กลับมาบำเพ็ญอย่างขยันหมั่นเพียร

ฉันศึกษาฝ่า แขวนป้ายผ้า และแจกเอกสารข้อมูลโดยที่แม่ไม่รู้ การประทุษร้ายของพรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่ได้ทําให้ฉันเลิกฝึก แต่อารมณ์และความอ่อนไหวทางความรู้สึกทําให้ฉันหลงทาง ถึงเวลาที่ฉันต้องแต่งงาน หลังจากผ่านเรื่องพลิกผันมากมาย ฉันได้พบกับสามีของฉัน เขาเป็นคนดีและไม่มีทัศนคติที่เป็นปรปักษ์เมื่อฉันบอกเขาเกี่ยวกับต้าฝ่า ซึ่งแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ในประเทศจีน เขามีความคิดถูกต้องต่อต้าฝ่าและเห็นด้วยว่าต้าฝ่ากําลังถูกประทุษร้าย ต่อมาฉันแต่งงานกับเขาตามครรลองของชีวิต…

เนื่องจากฉันหลงอยู่ในความรักของมนุษย์ ฉันค่อย ๆ ย่อหย่อนในการบำเพ็ญ ฉันเลิกศึกษาฝ่าและแขวนป้ายผ้า ฉันใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดา แต่ในชีวิตประจําวันฉันยังคงยึดมั่นในมาตรฐานของผู้ฝึกต้าฝ่า

อาจารย์ใหญ่เคยขอให้ฉันทําหน้าที่เป็นสมาชิกของการประชุมที่ปรึกษาทางการเมืองของเขต ฉันไปที่สํานักงานการศึกษาและถูกสั่งให้เขียนเอกสารว่าฉันไม่ใช่ผู้ฝึกฝ่าหลุนกงและมีความคิดด้านลบต่อต้าฝ่า แม้ว่าฉันจะห่างเหินจากต้าฝ่าไปไม่กี่ปี แต่เมล็ดพันธุ์ของต้าฝ่าก็ยังอยู่ในใจของฉัน ฉันตระหนักว่ามันเป็นการทดสอบของฉันจากท่านอาจารย์ ดังนั้นฉันจึงปฏิเสธที่จะลงนามในคำแถลงนั้นและเดินทางกลับบ้านโดยรถประจำทาง

บางทีท่านอาจารย์อาจเห็นว่าฉันยังมีความคิดถูกต้องและจัดวางให้ฉันพบกับผู้ฝึกที่มีอายุมากกว่าในหมู่บ้านของฉัน ฉันจึงกลับมาบำเพ็ญอีกครั้ง ในฤดูร้อนปี 2008 เมื่อฉันอ่านจิงเหวินใหม่ของท่านอาจารย์ที่ผู้ฝึกอีกคนหนึ่งให้มา ฉันเห็นการเรียกร้องด้วยความเมตตาของท่านอาจารย์และน้ําตาคลอ ฉันบอกท่านอาจารย์ในใจว่าฉันกลับมาแล้วแม้ว่าฉันจะทําได้ไม่ดี และฉันขอบพระคุณท่านที่ไม่ทอดทิ้งฉัน ตั้งแต่นั้นมา ฉันก็เดินบนเส้นทางการบำเพ็ญอย่างขยันหมั่นเพียร

ค้นหาจากภายใน

หลังจากกลับมาบำเพ็ญ ฉันรู้สึกเหมือนเป็นเด็กคิดถึงบ้านที่ห่างหายไปหลายปี ฉันอ่านฝ่ากับผู้ฝึกอื่น และใช้ทุกช่วงเวลาว่างที่ฉันทําได้เพื่ออ่านหนังสือต้าฝ่า ยิ่งฉันอ่านฝ่ามากขึ้น ฉันก็ยิ่งเข้าใจมากขึ้น

ต่อมาฉันตระหนักถึงความเร่งด่วนของการศึกษาคําสอนและเริ่มท่องจําฝ่าในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ฉันท่องจําจ้วนฝ่าหลุนหลังจากฟาเจิ้งเนี่ยนตอน 6 โมงเช้า ตอนแรกฉันใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการท่องจําย่อหน้าเดียว แต่ต่อมาฉันใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที ฝ่าได้แสดงหลักการให้ฉันเห็นทีละชั้น ซึ่งนําไปสู่การยกระดับซินซิ่งของฉัน ฉันได้ผ่านการทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยคําชี้นําของฝ่าและได้รับการคุ้มครองด้วยความเมตตาจากท่านอาจารย์

1. ปล่อยวางความคิดในการป้องกันตนเอง

สามีของฉันและฉันทะเลาะกันบ่อยครั้งเพราะฉันมีจิตปกป้องตนเองที่แข็งแกร่งในขณะที่เขามีอารมณ์ร้อน เมื่อฉันศึกษาฝ่าอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ฉันก็ตระหนักว่าฉันต้องปล่อยวางจิตยึดติดนี้ แต่ฉันไม่สามารถกำจัดออกได้ทั้งหมดเพราะฉันไม่มีเจตจํานงเพียงพอ สามีของฉันเคยโกรธฉันมากเพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ใช่ความรับผิดชอบของฉัน ฉันทนไม่ไหว และเมื่อฉันพร้อมที่จะต่อสู้กับเขา จู่ ๆ ฉันก็คิดว่า "ฉันเป็นผู้ฝึก ฉันจะจัดการกับความขัดแย้งนี้แบบเดียวกับที่เขาทําได้อย่างไร" แต่ฉันก็ยังคงโกรธเคือง

ฉันตระหนักว่าพฤติกรรมนี้ไม่ได้มาจากตัวตนที่แท้จริงของฉัน ฉันถามตัวเองว่า "เธอจะตายถ้าไม่เถียงหรือเปล่า เธอเป็นผู้ฝึกหรือคนธรรมดา" ฉันบอกตัวเองว่าฉันต้องผ่านการทดสอบและปล่อยวางความคิดในการป้องกันตนเอง

เมื่อฉันผ่านการพูดคุยกับตัวเองในใจแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันสงบลงและสามารถปล่อยวางจิตยึดติดนั้นได้อย่างสิ้นเชิง ฉันบอกสามีอย่างจริงใจว่า "ฉันคิดผิด อย่าโกรธเลย มันไม่ดีต่อสุขภาพของคุณ" เขาตกตะลึงและพูดว่า "ทําไมคุณไม่โต้เถียงกับผมล่ะ ในที่สุดคุณก็เห็นแล้วใช่ไหมว่าคุณผิด คุณเห็นแล้วจริง ๆ หรือ" ฉันพูดว่า "ฉันรู้ว่าฉันมีข้อบกพร่องมากมาย ฉันหวังว่าคุณจะชี้ให้เห็นจากนี้ไป"

เขาดูงง ๆ ฉันพูดว่า "ท่านอาจารย์บอกว่าเราต้องค้นหาจากภายในเพื่อยกระดับซินซิ่งของเรา ในฐานะผู้ฝึก เราไม่ควรผลักความรับผิดชอบจากความขัดแย้งให้กับผู้อื่น วิธีนี้ทําให้เราสามารถยกระดับซินซิ่งของเราได้" เขายิ้มและไม่พูดอะไรเลย ต่อมาเรามีการโต้เถียงที่คล้ายกันอีก แต่ฉันสามารถผ่านการทดสอบแต่ละครั้งได้อย่างสงบ น่าอัศจรรย์ที่สามีของฉันถึงกับขอโทษฉันครั้งหนึ่ง "วันนี้ผมไม่ควรโกรธ ผมคิดผิด ผมควรค้นหาจากภายในเหมือนคุณและยกระดับตัวเอง" เราทั้งคู่หัวเราะ

2. จัดการกับเรื่องนอกใจของสามีอย่างสงบ

หลังจากที่สามีของฉันกลับบ้านจากการทำงานกะกลางคืนครั้งหนึ่ง มีข้อความหนึ่งปรากฏขึ้นบนโทรศัพท์มือถือของเขา "ที่รัก เมื่อคืนคุณนอนหลับสบายไหม" ฉันตกตะลึงและน้ําตาไหลออกมาทันที สามีของฉันถามฉันว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันขอให้เขาดูข้อความ เขาพูดว่า "ผมไม่รู้ว่าเป็นใคร ต้องมีคนส่งผิดมา ผมจะโทรไปถามเธอก็ได้" ฉันพูดว่า "คุณต้องสมรู้ร่วมคิดกับเธอ ฉันไม่เชื่อคุณ" ฉันร้องไห้และเขาปลอบโยนฉันเป็นเวลานาน ฉันบอกให้เขาออกไปและบอกว่าฉันอยากอยู่คนเดียวสักพัก เขาพูดด้วยความเป็นห่วงว่า "อย่าทําอะไรหุนหันพลันแล่นนะ !" ฉันบอกเขาว่าฉันจะไม่ทําอย่างนั้น

จากนั้นฉันก็โทรไปที่เบอร์นั้น และผู้หญิงคนนั้นบอกว่าพี่สาวของเธอใช้โทรศัพท์ของเธอส่งข้อความถึงพี่เขยของเธอ แต่ส่งไปผิดเบอร์ ฉันไม่เชื่อ ฉันร้องไห้ต่อแต่หยุดอย่างรวดเร็ว ฉันบอกกับตัวเองว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้อาจจริงหรือไม่จริงก็ได้ ถ้าเป็นจริงเธอจะเลิกบําเพ็ญไหม เธออยากเป็นผู้ฝึกหรือคนธรรมดา"

จากนั้นฉันก็สงบใจและอ่านหมิงฮุ่ยรายสัปดาห์ (Minghui Weekly) ฉันจําได้ว่าผู้ฝึกคนหนึ่งเล่าเรื่องที่สามีของเธอนอกใจนานหลายปี ผู้ฝึกคนนี้ไม่มีความโกรธเคือง เธอกลับบอกสามีของเธอให้ปฏิบัติต่อผู้หญิงอีกคนด้วยความเมตตาเพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายสําหรับเธอ ต่อมาเธอตระหนักว่ามีความเห็นแก่ตัวอยู่ในความเมตตานั้น ดังนั้นเธอจึงแนะนําให้สามีของเธอตัดความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมนั้น ซึ่งไม่ดีทั้งต่อสามีของเธอและผู้หญิงคนนั้น สามีของเธอรู้สึกประทับใจกับความเมตตาของผู้ฝึกและตัดความสัมพันธ์ของเขากับผู้หญิงคนนั้น ต่อมาเขาก็เริ่มฝึกต้าฝ่า

ฉันรู้สึกละอายใจหลังจากนึกถึงประสบการณ์ของผู้ฝึกคนนี้ ฉันพูดกับตัวเองว่า "ฉันต้องผ่านการทดสอบนี้และเป็นผู้ฝึกที่มีเกียรติ" ฉันเช็ดน้ําตาและเรียกสามีเข้ามาในห้อง เขาประหลาดใจที่เห็นว่าฉันไม่ร้องไห้อีกต่อไปแล้ว ฉันพูดอย่างสงบและจริงใจว่า "ตอนนี้ฉันไม่เป็นไรแล้ว ฉันไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดในวันนี้จริงหรือไม่จริง และฉันไม่อยากทะเลาะ ถ้าเป็นเรื่องไม่จริง ก็ดี แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง ฉันก็ไม่โกรธ ฉันเป็นผู้ฝึกและรู้ว่าทุกสิ่งมีความสัมพันธ์ที่ลิขิตไว้ล่วงหน้า หากเรื่องนี้เป็นความจริง ฉันหวังว่าคุณจะตระหนักถึงสถานะของคุณในฐานะสามีและพ่อ และฉันเชื่อว่าคุณสามารถเลือกได้ถูกต้องและจัดการกับมันได้อย่างเหมาะสม"

สามีของฉันตกตะลึง เขาพูดด้วยความสะเทือนใจว่า "คุณดีเหลือเกิน ! คุณทำตัวดีขนาดนี้ได้อย่างไร" ฉันบอกเขาว่า "ไม่ใช่ว่าฉันดี ต้าฝ่าดี คิดดูสิ ถ้าไม่มีต้าฝ่า ฉันจะปล่อยวางเรื่องนี้อย่างง่าย ๆ ได้อย่างไร" เขาพยักหน้าอย่างจริงใจ "ต้าฝ่านี้ดีจริง ๆ !"

ฟาเจิ้งเนี่ยนเพื่อกําจัดจิตยึดติด

เมื่อการบำเพ็ญของฉันก้าวหน้าขึ้น อาณาจักรเขตแดนและซินซิ่งของฉันก็ยกระดับขึ้น เมื่อฉันอ่านคําสอนของท่านอาจารย์ บรรยายฝ่าวันเทศกาลประดับโคม ค.ศ. 2003 ฉันไม่เข้าใจอะไรเลย แต่เมื่อฉันผ่านการทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันก็เข้าใจฝ่ามากขึ้น ฉันตระหนักว่า ในระดับชั้นของฉัน เมื่อเราพบกับความทุกข์ยาก สิ่งสําคัญคือเราสามารถปล่อยวางจิตยึดติดของมนุษย์ มีความคิดถูกต้อง และวัดตัวเองกับมาตรฐานของต้าฝ่าได้หรือไม่

1. กําจัดความอิจฉาและความโกรธเคือง

สามีของฉันเป็นทหารผ่านศึกและได้รับมอบหมายให้ทํางานในหน่วยงานที่เขาทำอยู่ในปัจจุบันหลังจากเกษียณจากกองทัพ เขาเป็นพนักงานทั่วไปและยังไม่ได้บรรจุเป็นพนักงานประจำ มีการขายตำแหน่งที่ได้รับการบรรจุแล้วเหล่านี้ให้กับบัณฑิตจบใหม่ที่มีเส้นสายในราคาตำแหน่งละ 100,000 หยวน

เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารผ่านศึกที่ไม่พอใจยื่นคําร้องต่อรัฐบาล เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงเสนอตําแหน่งที่บรรจุแล้วเหล่านี้ให้พวกเขา แต่ไม่ได้แจ้งให้หน่วยงานของสามีฉันทราบ ในขณะที่เงินเดือนของพนักงานของรัฐเพิ่มขึ้น รายได้ของสามีของฉันยังคงเท่าเดิม ฉันรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมและเกิดความขุ่นเคืองต่อสามีของฉันที่ไม่ทํางานหนักเพื่อแก้ปัญหาเรื่องเงินหรือหาเงินให้มากขึ้น ในขณะเดียวกันฉันต้องดูแลเรื่องสําคัญที่บ้าน ต่อมาฉันมีความคิดมากมายและดูถูกเขา

การศึกษาฝ่าอย่างต่อเนื่องค่อย ๆ เปลี่ยนฉัน เมื่อฉันค้นหาจากภายใน ฉันเห็นว่าความคิดด้านลบของฉันมาจากความยึดติดต่อชื่อเสียงและผลประโยชน์ ฉันไม่เพียงแต่ไม่ควรตําหนิสามีของฉัน แต่กลับควรขอบคุณเขา หลังจากกลับบ้านจากการอ่านฝ่ากับกลุ่มครั้งหนึ่ง ฉันตระหนักว่า "สามีของฉันกําลังทนทุกข์ทรมานจากการประทุษร้ายทางเศรษฐกิจของพรรคคอมมิวนิสต์จีน นี่ไม่ใช่ความผิดของเขา แต่เป็นการกระทําผิดของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ฉันจะตำหนิเขาได้อย่างไร ฉันควรจะเห็นใจ" ท้ายที่สุดแล้ว เขาสนับสนุนการบำเพ็ญของฉันมาหลายปีแล้ว และชีวิตของเขาก็มีค่า ฉันจะดูถูกเขาได้อย่างไร นี่คือความขุ่นเคืองและความอิจฉาริษยา และในฐานะผู้ฝึก ฉันไม่ต้องการจิตยึดติดเหล่านี้

ตั้งแต่นั้นมา เราก็ได้ฟาเจิ้งเนี่ยนเพื่อกําจัดความขุ่นเคืองและความอิจฉาทุกครั้งที่มันปรากฏขึ้น วันหนึ่ง ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของฉันว่า เงินเดือนของสามีของฉันควรอยู่ที่ 3000 หยวน น่าอัศจรรย์ที่ทหารผ่านศึกหลายคนในหน่วยงานของสามีของฉันไปยื่นคําร้องต่อรัฐบาลหลังจากนั้นไม่นาน แทนที่จะขุ่นเคืองเขา ฉันกลับให้กําลังใจเขา เขามีความมั่นใจมากขึ้นและไปนําเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ในที่สุดเงินเดือนของเขาก็เพิ่มขึ้นจาก 1,000 กว่าหยวน เป็น 3,000 หยวน

ฉันตระหนักในภายหลังว่าเจิ้งเนี่ยนของฉันไม่แข็งแกร่งพอ เนื่องจากเงินของผู้ฝึกเป็นทรัพยากรของต้าฝ่า นอกจากนี้มันยังเป็นวิธียืนยันความถูกต้องให้ต้าฝ่าด้วยถ้าผู้ฝึกมีชีวิตที่ดี ไม่มีเหตุผลที่เขาควรได้รับเงิน 3,000 หยวน ขณะที่คนอื่นได้รับ 5,000 หยวน ไม่เพียงแค่นั้น เงินที่ได้รับน้อยเกินไปในอดีตควรได้รับเงินชดเชยด้วย ฉันปฏิเสธที่จะยอมรับการประทุษร้ายทางการเงินของอิทธิพลเก่า สิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้น ไม่นานเงินเดือนของสามีของฉันก็เพิ่มขึ้นในระดับเดียวกับเพื่อนร่วมงานของเขา และมีการจ่ายเงินมากกว่า 200,000 หยวนในคราวเดียวเพื่อชดเชยส่วนที่ขาดไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ฉันรู้สึกประทับใจอย่างลึกซึ้งกับความมหัศจรรย์ของต้าฝ่าและพลังของการค้นหาจากภายใน และด้วยเหตุนี้ ฉันจึงเข้าใจในหลักการที่กล่าวไว้ในบรรยายฝ่าวันเทศกาลประดับโคม ค.ศ. 2003

2. ขจัดจิตแข่งขันและมองความรักอย่างเบาบาง

หลังจากแม่ของฉันเสียชีวิต พ่อของฉันก็อาศัยอยู่กับเรา เขาเป็นคนอารมณ์ร้อนและอ่อนไหวต่อคําพูดและการกระทําของคนอื่น ความขัดแย้งจึงเกิดขึ้นแทบทุกวัน

วันหนึ่งสามีของฉันไปย้ายเฟอร์นิเจอร์ให้บ้านเช่าหลังหนึ่ง พ่อของฉันให้สามีของฉันยืมถุงมือ สามีของฉันยุ่งอยู่และตอบด้วยน้ําเสียงกระด้าง พ่อของฉันโกรธ กลับบ้าน และระบายใส่ฉันเกี่ยวกับข้อบกพร่องของสามี พ่อโทรหาสามีของฉันและบ้านพ่อสามีของฉันและตั้งใจจะระบายความโกรธของเขา เมื่อสามีของฉันก้าวเข้ามา พ่อของฉันก็ตบเขา สามีของฉันไม่โกรธ แต่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อของฉันดุด่าเขา

ฉันตกตะลึงและสงสัยว่าทําไมเขาถึงโกรธกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ฉันกลัวจนน้ําตาไหลและไม่รู้จะทําอย่างไร ฉันคิดว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับการบําเพ็ญของฉัน พอฉันเห็นพ่อตะโกนด้วยตาที่เบิกกว้าง ฉันก็ตระหนักว่ามันเป็นภาพสะท้อนของจิตแข่งขัน และท่านอาจารย์กําลังบอกเป็นนัยแก่ฉัน ฉันไม่ต้องการความคิดแบบนี้ในตัวเอง ฉันฟาเจิ้งเนี่ยนเพื่อสลายจิตแข่งขันนี้และสนามกรรมของมันในมิติอื่น

ฉันยังเห็นจิตยึดติดต่อความผูกพันระหว่างพ่อกับฉัน เมื่อสามีของฉันพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับพ่อของฉัน ฉันจะปกป้องพ่อจนกว่าสามีจะยอม ฉันยังฟาเจิ้งเนี่ยนเพื่อกําจัดจิตยึดติดนี้ด้วย หลังจากนั้นพักหนึ่ง ฉันก็เห็นพ่อของฉันสงบลงและบอกว่าเขาเสียใจที่ตบหน้าสามีของฉัน เขาขอโทษสามีของฉันต่อหน้าพ่อสามีของฉัน สามีของฉันพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมไม่เป็นไร ผมไม่โกรธคุณแม้ว่าคุณจะตบผม"

ความขัดแย้งในครอบครัวที่รุนแรงจึงสลายลงเมื่อฉันฟาเจิ้งเนี่ยนเพื่อสลายจิตแข่งขันและความผูกพันที่มีต่อพ่อของฉัน ต่อมาฉันคิดว่าฉันผ่านการทดสอบนี้เพราะฉันเลือกได้ถูกต้องระหว่างความผูกพันของมนุษย์กับเจิ้งเนี่ยน นี่ไม่ใช่หลักการเลือกที่ท่านอาจารย์กล่าวถึงในฝ่าหรือ

หนึ่งเดือนต่อมา สามีของฉันและพ่อของฉันก็เข้ากันได้ดีขึ้นกว่าเดิม และบ้านของฉันก็กลมเกลียว

การอธิบายความจริงผ่านงานการสอนของฉัน

จากการอ่านบรรยายฝ่าสัญจร ณ อเมริกาเหนือ ฉันตระหนักว่าการอธิบายความจริงเป็นหนึ่งในสามสิ่งที่ผู้ฝึกต้าฝ่าต้องทํา ดังนั้นฉันจึงมุ่งมั่นที่จะทําให้ดี

การศึกษาฝ่ายังทําให้ฉันเห็นว่าการประพฤติตนของผู้ฝึกต้าฝ่าในสังคมส่งผลต่อทัศนคติของผู้คนที่มีต่อต้าฝ่า ผู้ที่ไม่รู้จักต้าฝ่าจะมองต้าฝ่าจากพฤติกรรมของผู้ฝึก ถ้าเราอธิบายความจริงได้ดี แต่ประพฤติตนไม่ดี ผู้คนก็จะมีทัศนะเชิงลบต่อต้าฝ่า

หลังจากที่ฉันกลับมาบำเพ็ญอีกครั้งในปี 2008 ในฐานะครู ฉันได้เรียนรู้ทักษะใหม่และปรับปรุงเทคนิคการสอนของฉัน ฉันมองนักเรียนแต่ละคนด้วยทัศนคติที่เปิดกว้างเพราะฉันรู้ว่าพ่อแม่จะตัดสินครูโดยพิจารณาจากคะแนนของลูกว่าเพิ่มขึ้นหรือไม่ และลูก ๆ ของพวกเขาได้รับการดูแลในโรงเรียนหรือไม่

นอกจากการช่วยให้หลายชั้นเรียนซึ่งอยู่อันดับท้ายสุดขึ้นไปอยู่อันดับต้น ๆ แล้ว ฉันยังช่วยให้นักเรียนที่ประพฤติตัวไม่ดีขยันขันแข็งและเคารพมากขึ้น ฉันได้รับการชื่นชมจากนักเรียน พ่อแม่ ครูคนอื่น ๆ และผู้บริหาร ผู้ปกครองหลายคนภูมิใจที่ลูก ๆ ของพวกเขาอยู่ในชั้นเรียนของฉัน ผู้ปกครองบางคนถึงกับพยายามอย่างหนักที่จะให้บุตรหลานเข้าเรียนในชั้นเรียนของฉันโดยใช้เส้นสายของพวกเขา

ผู้อํานวยการสํานักการสอนพูดว่า "ผมเคยทำงานในโรงเรียนหลายแห่ง ผมไม่เคยพบกับใครที่มีแนวทางด้านการศึกษาแบบคุณมาก่อนเลย" อาจารย์ใหญ่ก็ชื่นชมฉันเช่นกัน ทําให้ครูที่อายุมากกว่าฉันคนหนึ่งที่เคยดูถูกฉันเพราะฉันฝึกต้าฝ่าให้ความเคารพฉัน ฉันต้องการให้ผู้คนรู้ว่าผู้ฝึกต้าฝ่าไม่ใช่คนขี้แพ้และไร้ความสามารถในการทํางาน พวกเขาเป็นคนหัวกะทิที่ไม่มีใครเทียบได้

ในสังคมปัจจุบัน การที่ครูจะได้รับของขวัญเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะจากพ่อแม่ที่ร่ํารวยและมีอํานาจ ฉันปฏิเสธของขวัญ แต่ด้วยความกลัว ฉันจึงไม่ได้บอกพวกเขาว่าฉันเป็นผู้ฝึก ซึ่งทำให้ผู้ปกครองบางคนเข้าใจผิด พวกเขาถึงกับคิดว่าฉันไม่ชอบของขวัญหรือคิดว่าจํานวนเงินน้อยเกินไปและจะปฏิบัติต่อลูกของพวกเขาอย่างไม่เป็นธรรม ต่อมาฉันตระหนักว่าการปฏิเสธของขวัญไม่ใช่เพื่อยืนยันว่าฉันเป็นครูที่ดี แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่ามาตรฐานทางศีลธรรมที่สูงส่งของฉันมาจากการปฏิบัติตามหลักการของต้าฝ่า

ฉันเริ่มเขียนถึงพ่อแม่ของนักเรียนที่ให้ของขวัญแก่ฉันและอธิบายเหตุผลด้วยวิธีที่แยบยลและมีไหวพริบว่าหลักการในการดำเนินชีวิตของฉันคือความจริงใจ ความเมตตา ความอดทน และความอดกลั้น จากนั้นฉันก็คืนของขวัญ ผู้ปกครองเข้าใจสิ่งที่ฉันบอก ในขณะเดียวกันฉันก็ดูแลนักเรียนให้ดียิ่งขึ้น และผู้ปกครองก็รู้สึกประทับใจมากยิ่งขึ้น

ยกตัวอย่างหนึ่ง ในชั้นเรียนของฉันมีนักเรียนที่เป็นลูกชายของหัวหน้ามาเฟีย เขาเป็นเด็กที่ไม่เชื่อฟังและสอนยาก ฉันเอาใจใส่แต่ยังคงปฏิบัติตามกฎ นักเรียนคนนี้เริ่มให้ความเคารพและรักการเรียน เขาได้คะแนน 94.5 จาก 100 คะแนน แม่ของเขาให้เงินฉัน 2,000 หยวน ด้วยความซาบซึ้งใจโดยอ้างว่าเป็นของขวัญวันตรุษจีนให้ลูกสาวของฉัน ฉันเขียนถึงเธอและอธิบายหลักการของการเป็นคนดี ฉันคืนเงิน หัวหน้ามาเฟียรู้สึกประทับใจและบอกว่าฉันเป็นครูที่ดีที่สุดที่เขาเคยพบมา เขายังสั่งลูกชายของเขาว่าอย่าทําให้ฉันโกรธ แม้ว่าโดยปกติแล้ว เขาจะปกป้องลูกชายของเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข ต่อมาพวกเขานําเงินมาให้ฉันอีกครั้ง ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรับไว้ แต่ฉันตอบแทนพวกเขาด้วยการซื้อผลไม้ราคาแพงจากเขตร้อน หนังสือ และเสื้อผ้าให้ลูกของพวกเขา พ่อแม่ของเขาและฉันเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตั้งแต่นั้นมา

ต่อมาฉันตระหนักว่าการอธิบายความจริงด้วยวิธีที่แยบยลเช่นนี้ไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากฉันยังคงมีความกลัวและความกังวลด้านความปลอดภัย ฉันกลัวว่าพ่อแม่ของนักเรียนจะไม่เข้าใจฉันและจะรายงานฉันต่อเจ้าหน้าที่ ฉันตระหนักว่าความคิดเหล่านี้ไม่เหมาะสมกับผู้ฝึกและตัดสินใจกําจัดจิตยึดติดของมนุษย์เหล่านี้ ฉันต้องการให้คําพูดและการกระทําของฉันเป็นรูปแบบของการอธิบายความจริงที่ดีที่สุด ดังนั้นทุกครั้งที่ผู้ปกครองให้ของขวัญหรือให้เงินฉันตั้งแต่นั้นมา ฉันก็บอกว่าฉันเป็นผู้ฝึกต้าฝ่าและอธิบายความจริงให้พวกเขาฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วน

คุณตาของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเคยนําผลไม้แห้ง 2 กล่อง และบัตรของขวัญมูลค่า 500 หยวนมาให้ฉัน เขารีบออกไปโดยไม่บอกฉัน ฉันเขียนจดหมายถึงครอบครัวของเด็กผู้หญิงคนนี้ ฉันลังเลเพราะพ่อของเธอทํางานในสถานีตํารวจ ฉันกังวลว่าถ้าเขาเป็นผู้กำกับหรือรองผู้กำกับ เขาอาจก่อกวนฉันหรือจับกุมฉัน แต่แล้วฉันก็เปลี่ยนความคิด ฉันไม่ควรกลัว แม้ว่าพ่อของเธอจะเป็นผู้กำกับที่สถานีตํารวจ การที่ฉันอธิบายความจริงให้เขาฟังก็จะเป็นเรื่องดี ถ้าเขาเข้าใจสิ่งที่ฉันพูด เขาก็จะไม่ประทุษร้ายผู้ฝึกต้าฝ่า นั่นจะเป็นสิ่งที่ดี !

ดังนั้นฉันจึงเขียนว่าฝ่าหลุนกงคืออะไร ผู้ฝึกต้าฝ่าเรียนรู้ที่จะเป็นคนที่ดีขึ้นอย่างไร พรรคคอมมิวนิสต์จีนใส่ร้ายฝ่าหลุนกงโดยจัดฉากเหตุการณ์เผาตัวเองที่เทียนอันเหมินอย่างไร มีการรณรงค์ครั้งใหญ่ให้ลาออกจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนและองค์กรในเครืออย่างไร การฝึกฝ่าหลุนกงเผยแผ่ไปทั่วโลกอย่างไร ทําไมผู้ฝึกต้าฝ่าถึงเสี่ยงชีวิตเพื่ออธิบายความจริง และฉันยึดถือมาตรฐานที่สูงขึ้นในการดำเนินชีวิตประจําวันอย่างไร ฉันขอเขาอย่างสุภาพว่าอย่ามีส่วนร่วมในการประทุษร้ายเมื่อเขาเผชิญกับทางเลือกเช่นนั้น

ฉันนําจดหมายฉบับนี้และเสื้อผ้าและสิ่งของอื่น ๆ สําหรับนักเรียนรวมมูลค่า 900 หยวนไปที่หน่วยงานของแม่ของเธอ แม่ของเธอส่งข้อความมาหาฉันในเย็นวันนั้น ฉันยังจําประโยคแรกของเธอได้ "ฉันอ่านจดหมายของคุณจบด้วยน้ําตา ฉันรู้ว่าสิ่งนี้ [การประทุษร้าย] เป็นแผนการร้าย"

เธอเขียนตอบกลับเพื่อสนับสนุนความยุติธรรมและแสดงความชื่นชมผู้ฝึกต้าฝ่าอย่างแยบยล ฉันเชื่อว่าสามีของเธอจะรู้สึกประทับใจจดหมายฉบับนี้เช่นเดียวกัน และปัจจัยชั่วร้ายในมิติอื่นจะสลายไป ฉันดีใจที่ได้ตื่นขึ้นมาและรู้สึกขอบพระคุณท่านอาจารย์มากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะสิ่งที่ฉันทําเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยในต้าฝ่าที่ไร้ขอบเขต ท่านอาจารย์ได้แบกรับความยากลําบากอย่างมหาศาลเพื่อประโยชน์ในการช่วยเหลือสรรพชีวิต และกรุณาธิคุณนั้นเกินคําบรรยาย

ท่องจําหงอิ๋นและอธิบายความจริงแบบต่อหน้า

ฉันมีจิตหวาดกลัวที่รุนแรง และกลัวว่าจะถูกเข้าใจผิดและถูกรายงานในขณะที่อธิบายความจริง ฉันไม่เก่งเรื่องพูดคุยกับคนแปลกหน้า แม้ว่าฉันจะเป็นครูและไม่มีปัญหากับการพูดโดยทั่วไป ฉันรู้ว่าความกลัวเกิดขึ้นจากความเห็นแก่ตัว ฉันต้องการผ่านการทดสอบนี้โดยการศึกษาฝ่ามากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ฉันล้มเหลวหลังจากพยายามหลายครั้ง ฉันจะมีความมั่นใจมากขึ้นหลังจากอ่านฝ่าที่บ้าน แต่หลังจากออกไปข้างนอก ฉันก็ไม่สามารถพูดได้ ฉันเสียใจทุกครั้งและโทษตัวเองที่โง่มาก แต่การตําหนิตัวเองของฉันไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ และฉันก็จะทําผิดพลาดแบบเดิมซ้ำอีก

ฉันกังวลเกี่ยวกับปัญหานี้และไม่รู้ว่าจะเอาชนะมันได้อย่างไร ผู้ฝึกคนหนึ่งให้กําลังใจฉันและบอกว่าการก้าวออกไปคือก้าวแรกและฉันต้องเอาชนะความกลัว แต่ฉันไม่สามารถทําได้และเข้าใจผิดว่าความกลัวและความกังวลเป็นตัวฉัน

วันหนึ่งฉันพยายามท่องจําหงอิ๋น 4 ขณะที่ฉันท่องบทกวี ความคิดที่ไม่ดีของฉันก็อ่อนลงและความคิดถูกต้องของฉันแข็งแกร่งขึ้น หลังจากท่องจําบทกวีมากกว่า 10 บท ฉันก็เกิดสภาวะความเมตตาใหม่ ความเห็นแก่ตัวและความเฉยเมยต่อสรรพชีวิตของฉันหายไป หลังจากที่ฉันท่องหงอิ๋น 4 ฉันก็ขี่จักรยานออกไปอธิบายความจริง ฉันพบชายคนหนึ่งในวัย 80 ปีเศษ เขากําลังขี่จักรยานสวนไปในทิศตรงกันข้าม ฉันถามเขาเกี่ยวกับราคากะหล่ําปลีที่เขาซื้อมา แล้วจึงบอกเขาถึงความสําคัญของการลาออกจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน เขาตกลงอย่างรวดเร็ว

ฉันยังจําสภาวะความเมตตาที่มาจากส่วนลึกของหัวใจของฉันได้ ประสบการณ์ที่ประสบความสําเร็จนี้ทําให้ฉันได้เห็นพลังของต้าฝ่า การท่องฝ่าทําให้ฉันเปี่ยมไปด้วยเจิ้งเนี่ยนและความเมตตา อีกคนหนึ่งรู้สึกถึงความเมตตาและตกลงที่จะลาออกจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนในเวลาเพียงไม่กี่นาที

ต่อมาฉันไปอธิบายความจริงในตลาดกับผู้ฝึกอื่น ยิ่งฉันพูดกับผู้คนมากขึ้น ฉันก็ยิ่งมีความคิดถูกต้องและความเมตตามากขึ้น ฉันโน้มน้าวให้คน 19 คนลาออกจากองค์กรพรรคคอมมิวนิสต์จีนในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง ฉันรู้ว่าท่านอาจารย์คือผู้ที่ช่วยฉัน หากไม่มีความช่วยเหลือของท่านอาจารย์ ฉันคงไม่สามารถก้าวข้ามอัตตาและความเห็นแก่ตัวของจักรวาลเก่าได้

บทสรุป

ฉันประสบกับการเสียและการได้มากมายในช่วงหลายปีของการบำเพ็ญ แม้ว่าฉันจะเขียนเกี่ยวกับบางสิ่งที่ฉันทําได้ดี แต่ฉันรู้ว่าฉันมีข้อบกพร่องมากมาย จิตยึดติดของมนุษย์ปรากฏขึ้นบ่อยครั้ง และมีการทดสอบมากมายที่ฉันผ่านไปได้ไม่ดี สภาวะการบําเพ็ญของฉันไม่คงที่ และฉันก็ย่อหย่อนกับตัวเอง

เนื่องจากการระบาดใหญ่ ทุกคนจึงต้องใช้สมาร์ตโฟนเพื่อรายงานสภาวะของตน ทําให้ฉันติดโทรศัพท์มือถือ การดูวิดีโอสั้นเสียเวลามาก และที่แย่กว่านั้น มันทําให้ฉันย่อหย่อนในการบำเพ็ญ ฉันไม่มีสมาธิขณะอ่านฝ่า ฟาเจิ้งเนี่ยน และฝึกท่า

ณ ที่นี้ ฉันขอเตือนเพื่อนผู้ฝึกถึงอันตรายของการติดโทรศัพท์มือถือ ถ้าไม่กำจัดจิตยึดติดนี้ อาจทําให้การบําเพ็ญของเราล้มเหลวได้ เราจะละอายใจที่จะเผชิญหน้ากับท่านอาจารย์ผู้เมตตาของเราที่ได้แบกรับเพื่อเราด้วยทุกสิ่งของท่าน เช่นเดียวกับสรรพชีวิตทั้งหมดที่รอคอยเราให้ช่วยเหลือ

ฉันให้คํามั่นสัญญากับท่านอาจารย์ว่าฉันจะกําจัดการยึดติดกับโทรศัพท์มือถือ และกำจัดจิตยึดติดต่อความสบายและการแสวงหาชีวิตที่ดี ฉันจะปฏิบัติตามคําสอนของท่านอาจารย์ ทําสามอย่างให้ดี บําเพ็ญอย่างขยันหมั่นเพียร และติดตามท่านอาจารย์กลับบ้านที่แท้จริงของฉัน

(บทความนี้ได้รับการคัดเลือกสำหรับฝ่าฮุ่ยประเทศจีนบน Minghui.org ครั้งที่ 22)