(Minghui.org) ผมเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าในปี 1996 เส้นทางการบำเพ็ญของผมมีการพลิกผันมากมาย แต่ผมก็ผ่านมาได้ด้วยการคุ้มครองและการชี้นำด้วยความเมตตาของท่านอาจารย์หลี่ เพื่อเฉลิมฉลองวันฝ่าหลุนต้าฝ่าโลกครั้งที่ 26 ผมขอแบ่งปันประสบการณ์ของผมเพื่อเป็นประจักษ์พยานว่าท่านอาจารย์และฝ่าหลุนต้าฝ่ายอดเยี่ยมเพียงใด

ผมมีพี่ชาย 3 คน ผมเป็นลูกคนเล็กในครอบครัว เพื่อหาเลี้ยงชีพ ผมจึงออกจากบ้านเกิดในชนบทที่มณฑลเฮย์หลงเจียง ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีนในช่วงต้นทศวรรษ 1980 และไปตั้งรกรากที่มณฑลจี๋หลิน คนในบ้านเกิดของผมบอกว่าผมโชคดีและมองว่าผมประสบความสำเร็จ ชี่กงกำลังเป็นที่นิยมในเวลานั้น เพื่อนร่วมงานของผมมักพูดถึงชี่กง และผมก็ค่อย ๆ สนใจมากขึ้น เพื่อนสนิทคนหนึ่งฝึกชี่กงแบบหนึ่งอยู่ และเขาแนะนำให้ผมลองฝึกดู หลังจากผ่านไปเกือบหนึ่งปี ผมได้เรียนรู้ท่าฝึกส่วนหนึ่งและจ่ายเงินไปมากกว่า 1,000 หยวน ในเวลานั้น เงิน 1,000 หยวนพอสำหรับเลี้ยงครอบครัวที่มีสมาชิก 3 คน ได้นาน 6 เดือน ผมรู้สึกว่าไม่ได้รับการสอนที่แท้จริง จึงค่อยๆ หมดความสนใจไป

เมื่อมองย้อนกลับไปตอนนี้ ผมรู้ว่าทุกสิ่งถูกกำหนดไว้แล้ว เช้าวันหนึ่งในเดือนสิงหาคม 1996 ขณะที่ผมเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะ ผมเห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนเงียบ ๆ โดยยกแขนขึ้นเหนือศีรษะ ต่อมาผมจึงทราบว่าพวกเขากำลังฝึกท่าชุดที่ 2 ของฝ่าหลุนต้าฝ่า ซึ่งแตกต่างอย่างมากจากชี่กงที่ผมฝึก และยังแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากกิจกรรมออกกำลังกายทั่วไป ขณะที่ผมเดินเข้าไปหาคนกลุ่มนี้ ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มและทักทายผมด้วยรอยยิ้ม แล้วเขาก็ชี้ไปที่ป้ายผ้าที่แขวนอยู่ระหว่างต้นไม้ 2 ต้น และอธิบายว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าคืออะไร ผมตื่นเต้นและคิดว่า "นี่คือสิ่งที่ผมกำลังตามหา !" ชายหนุ่มคนนี้พาผมไปที่กลุ่ม และผมได้เรียนรู้ท่าฝึกทั้ง 5ชุดในวันนั้น วันต่อมา ผมได้หนังสือจ้วนฝ่าหลุนซึ่งเป็นหนังสือคำสอนหลักของฝ่าหลุนต้าฝ่า ผมหยุดฝึกชี่กงแบบเดิม และเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าตั้งแต่นั้นมา

การรอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์

เมื่อก่อนนี้ผมดื่มเหล้าเล็กน้อยตอนกินอาหารมื้อเย็น แต่ไม่มากนัก หลังจากที่ผมได้อ่านสิ่งที่อาจารย์พูดเกี่ยวกับการสูบบุหรี่และการดื่มเหล้า ผมก็ไม่รู้สึกอยากดื่มอีก นี่คือพลังของฝ่าหลุนต้าฝ่า

2 เดือนหลังจากที่ผมเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า สิ่งไม่ดีก็ถูกขจัดออกจากร่างกายผม มันเป็นช่วงต้นฤดูหนาว และผมมีอาการหวัดและไออย่างกะทันหัน อาการดีขึ้นในเวลากลางวัน แต่แย่ลงในเวลากลางคืน ผมไอตลอดทั้งคืนและนอนไม่หลับเพราะไอมีเสมหะออกมาตลอด ภรรยาของผมคะยั้นคะยอให้ผมกินยา แต่ผมบอกว่า “อย่ากังวลเลย อาจารย์กำลังชำระร่างกายของผม การทานยาจะทำให้กรรมกลับเข้าไป” มันเป็นเช่นนี้นานกว่าหนึ่งเดือน และผมก็หายเป็นปกติโดยไม่ต้องกินยาเลย

ที่อัศจรรย์ยิ่งกว่าคืออาจารย์ได้ช่วยชีวิตผมไว้ ผมกับพี่ชายคนโตของภรรยาเดินทางไปทำธุรกิจทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เราเข้าแถวเพื่อขึ้นรถไฟ แต่คนที่อยู่ข้างหน้ารีบขึ้นรถไฟก่อนที่ผู้โดยสารทุกคนจะลงจากรถไฟหมด ทันทีที่ผมก้าวเข้าไปใกล้ คนที่กำลังลงมาจากด้านหน้าก็คว้าขาของผมแล้วพลิกตัวผมล้มลง หัวของผมทิ่มลงไปใต้รถไฟ ชานชาลาอยู่สูงกว่ารางรถไฟมากกว่า 1 เมตร และมีช่องว่างระหว่างชานชาลากับรถไฟมากกว่า 2 ฟุต ผมไม่รู้ว่าผมใช้มือจับชานชาลาและยกขาเพื่อขึ้นมาได้อย่างไร คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างตกตะลึง พนักงานรถไฟอุทานว่า “คุณโชคดีมาก !” ผมอาจเสียชีวิตไปแล้ว แต่ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ผมตื่นเต้นมากและขอบคุณท่านอาจารย์ที่ช่วยชีวิตผมไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า

แน่วแน่ในการบำเพ็ญ

เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนบางคนสร้างปัญหาให้กับต้าฝ่าอย่างต่อเนื่องระหว่างปี 1996 ถึง 1998 หลังจากที่ตำรวจเทียนจินจับกุมและกักขังผู้ฝึกในเดือนเมษายน 1999 ผู้ฝึกประมาณ 10,000 คน เดินทางไปปักกิ่งเพื่อยื่นอุทธรณ์อย่างสันติในวันที่ 25 เมษายน 1999 สามเดือนต่อมา เจียงเจ๋อหมิน ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในขณะนั้น ได้เริ่มการประทุษร้ายทั่วประเทศในเดือนกรกฎาคม 1999

การประทุษร้ายในมณฑลจี๋หลิน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่านอาจารย์ยิ่งโหดร้าย ผู้ฝึกจำนวนมากถูกจับกุม ผู้ช่วยฝึกสอนที่สนามฝึกที่แนะนำฝ่าหลุนต้าฝ่าให้ผมก็ถูกจับกุมและถูกจำคุก การประทุษร้ายรุนแรงมาก จนช่วงหนึ่งรู้สึกราวกับว่าวิญญาณชั่วร้ายจากนรกทั้ง 18 ขุม ถูกปล่อยออกมาสู่โลกมนุษย์เพื่อทำสิ่งชั่วร้าย

เนื่องจากบริษัทที่ผมทำงานอยู่ล้มละลายในปี 1998 ผมจึงตกงาน เนื่องจากทะเบียนบ้านของผมไม่ได้อยู่ในพื้นที่นั้น ผมจึงไม่ถูกจับหรือจำคุก แต่ภรรยาของผมทนรับแรงกดดันและความกลัวไม่ได้ เธอร้องไห้และขอให้ผมเลิกฝึก และขู่จะหย่ากับผมด้วย วันหนึ่ง เธอทนไม่ไหวและตะโกนใส่ผม แล้วถามว่าผมยังจะฝึกอยู่ไหม ผมตอบอย่างหนักแน่นว่า “แน่นอน !” เธอยกมือตบหน้าผมข้างซ้ายและข้างขวาสลับกันไปมา ผมนั่งลงบนเก้าอี้หลับตาและไม่ขยับตัว ลูกสาวของผมวิ่งออกมาจากห้องของเธอ ร้องไห้และขอร้องพวกเราว่า “พ่อ โปรดพูดว่าจะไม่ฝึกแล้ว แม่ โปรดหยุดตีพ่อเถอะ”

หลังจากเธอตบผมไป 30-40 ครั้ง ในที่สุดภรรยาของผมก็หยุดตบ มือของเธอสั่น ผมถามเธอว่า “ทำไมคุณถึงหยุดตบ” เธอตอบว่า “มือฉันเจ็บ” ฝ่ามือของเธอแดงและเจ็บอยู่นานหลังจากนั้น ผมคิดในใจว่า หน้าผมไม่เจ็บเลย ทำไมมือของเธอเจ็บขนาดนั้น เพื่อบังคับให้ผมหย่ากับเธอ เธอถึงกับบอกผมว่าเธอมีชู้ ผมจึงย้ายออกจากอะพาร์ตเมนต์และกลับบ้านเกิดของผม

แบบอย่างที่ดี

เมื่อผมกลับมาที่บ้านเกิด ชาวบ้านที่เคยชื่นชมผมในความสำเร็จกลับไม่เป็นมิตรแล้ว ผู้คนหลบเลี่ยงผมและไม่มีใครอยากพูดคุยกับผม ผมรู้ว่าพวกเขาหวาดกลัวเพราะการประทุษร้าย ผมจึงตัดสินใจยืนยันความถูกต้องของต้าฝ่าด้วยการกระทำของผม

ผมอาศัยอยู่กับพ่อแม่ วันหนึ่งผมเชิญพี่ชายทั้งสามคนมากินอาหารมื้อเย็นที่บ้านพ่อแม่ หลังอาหารเย็น ผมพูดว่า “ผมไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปีแล้ว และพี่ ๆ เสียสละเพื่อพ่อแม่ของเราไปมาก ตอนนี้ผมกลับมาอยู่บ้านแล้ว พี่ ๆ ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว ผมจะไม่ออกไปทำงานข้างนอก แต่ผมจะปลูกพืชผลและดูแลพ่อแม่” เนื่องจากผมถูกประทุษร้ายเพราะฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าและครอบครัวก็แตกแยก พี่น้องของผมต่างตำหนิผม แต่พวกเขาก็มีความสุขเมื่อผมบอกว่าผมจะดูแลพ่อแม่ของเรา

พ่อแม่ของผมอายุ 70 ปีเศษ ผมจึงรับผิดชอบทั้งงานบ้านและงานในฟาร์ม ผมซักผ้า ทำอาหาร และทำงานในไร่นาตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ในขณะที่คนอื่นนอนหลับ ผมอ่านคำสอนของต้าฝ่าและฝึกท่า ถึงแม้ว่าร่างกายของผมจะเหนื่อยล้า แต่ผมรู้สึกสบายใจ พ่อแม่ของผมเสียชีวิตตอนอายุ 80 ปีเศษ และผมไม่เคยขออะไรจากพี่ชายทั้งสามคนเลย

ชีวิตในชนบทลำบากมาก ทุกครอบครัวต่างโต้เถียงกันว่าใครจะดูแลผู้สูงอายุ แต่ครอบครัวของผมกลายเป็นแบบอย่างของความกตัญญูที่คนในหมู่บ้านปฏิบัติตาม พี่น้องทะเลาะกันเรื่องใครจะดูแลผู้สูงอายุน้อยลง ผมรู้สึกว่านี่คือพลังของฝ่าหลุนต้าฝ่า

คนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่บ้าน

ทางเข้าหมู่บ้านของเรามีแม่น้ำที่มีน้ำไหลตามฤดูกาล เมื่อฝนตกหนัก น้ำจะไหลอยู่นาน ผู้คนต้องขนหินมาสร้างสะพานข้ามแม่น้ำ ซึ่งเป็นเรื่องยุ่งยากมาก ผมจึงตัดสินใจยกเสาสะพานให้สูงขึ้นเพื่อให้น้ำไหลผ่านใต้สะพาน หลังจากปลูกพืชในฤดูใบไม้ผลิของปีนั้นเสร็จ ผมก็เริ่มเก็บหินและขนทรายเพื่อสร้างสะพานอย่างเงียบ ๆ

เมื่อผู้คนเห็นสิ่งที่ผมทำ พวกเขาก็พูดกันไปต่าง ๆ นานา บางคนที่รู้จักผมดีพูดว่า “ทุกคนต้องเดินผ่านสะพานนี้ คุณไม่ควรแบกรับความลำบากไว้คนเดียว มันไม่คุ้มค่าเลย” ผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุมากกว่าผมพูดกึ่งตลกและกึ่งเสียดสีว่า “เฮ้ คุณเสียภรรยาไปเพราะฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า เธอคงไม่รู้ว่าคุณเป็นคนดีขนาดนี้ !” ผมตอบแบบติดตลกว่า “ถูกต้อง ทำความดีเพื่อสะสมกุศล กุศลนี้แม้ไม่มากแต่ก็ยังมีอยู่บ้าง”

คนอื่นเยาะเย้ยผมว่า “สมัยนี้คุณยังจะทำความดีอยู่อีกหรือ ไม่โง่ไปหน่อยหรือ” บางคนเข้ามาช่วย พวกเขาทำงานอยู่พักหนึ่งแล้วก็ไป หลังจากผ่านไป 10 กว่าวัน สะพานกว้าง 2 เมตร ยาว 4 เมตร ก็สร้างเสร็จ ตั้งแต่นั้นมา ทุกคนไม่ต้องกังวลเรื่องการข้ามแม่น้ำอีกต่อไป

หลังจากซ่อมถนนส่วนนี้เสร็จแล้ว ผมก็เริ่มใส่ใจกับถนนในหมู่บ้าน ตอนนั้นถนนเป็นถนนลูกรัง มีหลุมบ่อและผิวถนนไม่เรียบ แอ่งน้ำลึกทำให้คนต้องเดินอ้อมไป ผมเริ่มกวาดทรายและปรับผิวถนนทีละสาย ครั้งนี้ เวลาซ่อมถนนถึงหน้าบ้านใครหรือใกล้บ้านใคร คนที่ว่างอยู่ก็เข้ามาช่วย ซึ่งต่างจากตอนที่สร้างสะพานมาก

เมื่อหิมะตกในฤดูหนาว ทุกครอบครัวจะกวาดหิมะหน้าประตูบ้านของตัวเอง ยกเว้นผม ผมจะกวาดจากประตูบ้านไปทางทิศตะวันออกแล้วก็กวาดไปทางทิศตะวันตก ไม่มีใครกวาดหิมะออกจากหน้าประตูใหญ่หรือถนนที่ทุกคนเดินผ่าน ผมกวาดหิมะมา 20 ปีแล้ว

ผมยังช่วยเหลือชาวบ้านคนอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่ทุกครัวเรือนต้องการความช่วยเหลือในการขายข้าวโพด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คนในหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียงต่างรู้จักผม ในฐานะผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าที่ดี

ผมกลายเป็นคนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่บ้าน ผมพูดเกี่ยวกับฝ่าหลุนต้าฝ่าให้ชาวบ้านฟังได้อย่างเปิดเผย โดยใช้ประสบการณ์ส่วนตัว สิ่งที่ผมเห็นและได้ยิน และทำไมพรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงโหดร้ายมาก ผมให้พวกเขาดูหนังสือเก้าบทวิจารณ์เกี่ยวกับพรรคคอมมิวนิสต์ด้วย ผมให้เอกสารของฝ่าหลุนต้าฝ่าและปฏิทินหมิงฮุ่ยกับพวกเขา และช่วยให้พวกเขาออกจากองค์กรพรรคคอมมิวนิสต์จีน คนมากมายพูดว่า “ฉันไม่รู้หลักการที่ลึกซึ้งนัก เราดูที่ตัวคุณ เราเชื่อว่าต้าฝ่าดีและอาจารย์หลี่ยอดเยี่ยม !”

เพื่อนคนหนึ่งบอกว่า “คุณต้องระวังนะ บางคนในคณะกรรมการหมู่บ้านบอกให้คนไปแจ้งความผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่า แจ้งความแค่หนึ่งคนก็จะได้เงินเยอะเลย ! แต่ฉันไม่คิดว่าจะมีใครในหมู่บ้านของเราแจ้งความคุณ เพราะการทำเช่นนั้นมันผิดศีลธรรมมาก”

เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องจริง ไม่กี่วันต่อมา ผมได้พบกับลุงหวาง ซึ่งเป็นชายที่อายุมากที่สุดในหมู่บ้าน เขาพูดถึงเรื่องนี้และพูดกับผมอย่างจริงใจว่า “อย่ากลัวเลย ถ้ามีเจ้าหน้าที่มาจับคุณจริง ๆ พวกเขาต้องตรวจสอบกับพวกชาวบ้านของเราก่อน ถ้าพวกเขาทำเช่นนั้น ทุกคนในหมู่บ้านจะยื่นคำร้องให้คุณ” ผมรู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาไหล หลังจากที่ผู้คนเห็นสิ่งที่ผมทำแล้ว พวกเขาก็เข้าใจว่าฝ่าหลุนต้าฝ่าดีและเลือกที่จะปกป้องผม สิ่งนี้จะช่วยให้พวกเขามีอนาคตที่ดีขึ้น

ณ ที่นี้ ผมขอแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อท่านอาจารย์หลี่ และขอขอบคุณต้าฝ่าที่ช่วยให้ผู้คนนับล้านเป็นคนที่ดียิ่งกว่าคนดี

(บทความนี้ได้รับการคัดเลือกเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองวันฝ่าหลุนต้าฝ่าโลกปี 2025 ที่ Minghui.org)