(Minghui.org) ฉันเริ่มฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าในเดือนพฤษภาคม 2014 หลังจากที่ปฏิเสธการฝึกนี้มาหลายปีด้วยแนวคิดอเทวนิยมของฉัน เพื่อเฉลิมฉลองวันฝ่าหลุนต้าฝ่าโลกและวันคล้ายวันเกิดของท่านอาจารย์หลี่ในวันที่ 13 พฤษภาคม ฉันขอเล่าว่าฉันกลายเป็นคนที่มีความเชื่ออย่างแน่วแน่ในฝ่าหลุนต้าฝ่าได้อย่างไร ฉันหวังว่าจะมีคนมากยิ่งขึ้นตื่นขึ้นจากโฆษณาชวนเชื่อที่ต่อต้านฝ่าหลุนต้าฝ่าของระบอบคอมมิวนิสต์จีน และเปิดใจรับการฝึกนี้

แม่สามีและน้องสาวสามีของฉันเป็นผู้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าก่อนปี 1999 พวกเขาพยายามชวนฉันให้ฝึกกับพวกเขาบ่อย ๆ โดยบอกว่าการฝึกนี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพของฉัน และจะช่วยให้ฉันบำเพ็ญจนบรรลุพุทธภาวะได้ ในเวลานั้น ฉันถือว่าตัวเองเป็นพวกอเทวนิยม และจะขัดจังหวะพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะพูดอะไรได้มาก ฉันเชื่อว่าความศรัทธาในเทพและพระพุทธเป็นเรื่องงมงาย และเรื่องราวการบำเพ็ญที่พวกเขาเล่าให้ฉันฟังเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของคนเพ้อฝัน เมื่อแม่สามีของฉันขอให้ฉันอ่านจ้วนฝ่าหลุน ฉันก็ปฏิเสธ

ในเวลานั้น ฉันมองว่าคนที่ฝึกชี่กงเป็นคนป่วยระยะสุดท้ายที่แสวงหาการปลอบประโลมทางจิตวิญญาณ หรือไม่ก็เป็นผู้เกษียณอายุที่เบื่อหน่ายและหาอะไรทำแก้เบื่อ ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงงงเมื่อรู้ว่าน้องสาวสามีของฉันที่อายุน้อยและมีการศึกษาดีก็เชื่อเรื่องงมงายพวกนี้อย่างโง่เขลาเช่นกัน

งานที่ฉันทำมีกำไรดีมาก แต่ฉันต้องทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับการทำงานและแทบไม่มีเวลาพักผ่อนเลย ในที่สุดฉันก็มีปัญหาที่กระดูกสันหลังส่วนคอและส่วนเอว กระดูกบริเวณคอกดทับเส้นประสาท ฉันจึงมักปวดหัวและเวียนศีรษะ ฉันต้องเข้ารับการบำบัดด้วยการดึงคอเพื่อบรรเทาอาการ หมอนรองกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาทบริเวณหลังส่วนล่างของฉันยิ่งแย่กว่า ครั้งหนึ่งฉันต้องนอนติดเตียงถึงสามวัน ปัญหาสุขภาพเหล่านี้ทำให้ฉันทุกข์ทรมานอย่างมาก

วันหนึ่งฉันพบก้อนเนื้อที่คอ จึงรีบไปโรงพยาบาล แพทย์บอกว่ามันเล็กเกินกว่าจะบอกได้ว่าเป็นเนื้องอกของต่อมไทรอยด์หรือซีสต์ แต่เนื่องจากมันมีขอบเรียบ จึงไม่จำเป็นต้องรักษาในขณะนั้น แพทย์แนะนำให้ฉันกลับไปพบอีกครั้งถ้าก้อนเนื้อโตขึ้นภายในช่วงเวลาสั้น ๆ นับตั้งแต่นั้นมา ก้อนเนื้อนี้ก็ตามหลอกหลอนฉันมาตลอด ฉันต้องคลำดูเป็นระยะ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่ได้โตขึ้น ก้อนเนื้อนั้นยังคงมีขนาดเท่าเดิมอยู่หลายปี

ขณะที่ฉันกำลังต่อสู้กับปัญหาสุขภาพของตัวเอง แม่ของฉันก็เกิดอาการหัวใจวาย ฉันต้องดูแลแม่ที่โรงพยาบาล ทันใดนั้นฉันก็นึกขึ้นได้ว่าแม่สามีของฉันไม่เคยป่วยเลยแม้แต่ครั้งเดียวในรอบหลายปี ก่อนหน้านี้เธอเคยมีปัญหาความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจอย่างรุนแรง ครั้งหนึ่งเธอหมดสติที่ตลาดและต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ตอนนี้เธอไม่มีแม้แต่ยาแก้หวัดที่บ้านเลย ในทางตรงกันข้าม ที่โต๊ะข้างเตียงของแม่ของฉันเต็มไปด้วยขวดยา ฉันเริ่มสงสัยว่า “การฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าจะช่วยได้จริงหรือเปล่านะ ฉันควรอ่านหนังสือของเธอเมื่อฉันไปเยี่ยมแม่สามีครั้งหน้า” ฉันครุ่นคิด

อย่างไรก็ตาม เมื่อไปเยี่ยมแม่สามี ฉันก็ไม่กล้าพอที่จะถามเกี่ยวกับหนังสือจ้วนฝ่าหลุนเพราะฉันรู้สึกละอายกับพฤติกรรมหยาบคายของตัวเองในอดีต ฉันจะกลอกตา กล่าวหาว่าพวกเขาโง่เขลา หรือแม้กระทั่งหาว่าพวกเขาบ้าทุกครั้งที่ฉันเห็นแม่สามีกับน้องสามีฟาเจิ้งเนี่ยน ตั้งแต่นั้นมา ทุกครั้งที่ฉันเห็นพวกเขานั่งสมาธิหรือฟาเจิ้งเนี่ยน ฉันจะออกจากห้องและปิดประตูอย่างเงียบ ๆ

ลูกชายของฉันได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งในช่วงต้นปี 2014 และฉันรู้สึกราวกับโลกถล่มลงมาเมื่อทราบข่าวนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะเขาเป็นลูกคนเดียวของฉัน ฉันกับสามีได้นัดหมายกับโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในปักกิ่ง โดยหวังว่าลูกจะได้รับการรักษาที่ดีที่สุด ก่อนออกเดินทาง แม่สามีแนะนำให้ฉันท่องวลี “ฝ่าหลุนต้าฝ่าดี ความจริง-ความเมตตา-ความอดทนดี” เธอพูดว่า “ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่ากับแม่นะหลังจากที่ลูกกลับมา” ไม่รู้ว่าทำไม คำพูดของเธอทำให้ฉันรู้สึกสงบ ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันมีบางอย่างให้ยึดเหนี่ยวในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้

ขณะที่ฉันดูแลลูกชายอยู่ที่ปักกิ่ง ฉันสังเกตว่าก้อนเนื้อที่คอของฉันมีขนาดใหญ่ขึ้น ฉันไม่ได้ใส่ใจมันมากนักในตอนนั้น เพราะฉันมัวแต่ห่วงอาการของลูกชาย ไม่กี่เดือนต่อมา เมื่อเรากลับถึงบ้าน ก้อนเนื้อนั้นก็มองเห็นได้ชัดเจนเมื่อฉันนอน ฉันจึงรีบไปปรึกษาแพทย์ แพทย์แนะนำให้ผ่าตัดเอาก้อนเนื้อออก และส่งชิ้นเนื้อเยื่อไปตรวจทางพยาธิวิทยาเพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติม

ระหว่างที่ฉันดูแลลูกที่โรงพยาบาลในปักกิ่ง ฉันได้เห็นความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานมากมาย ซึ่งทำให้ฉันตระหนักว่าชีวิตนั้นช่างเปราะบางและยากลำบากเพียงใด ฉันไม่อยากอยู่ในโลกที่โหดร้ายนี้อีกต่อไป ขณะที่ฉันกำลังออกจากโรงพยาบาล ฉันได้ตรึกตรองอย่างลึกซึ้งอยู่ชั่วขณะและฉีกเอกสารการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทิ้ง ฉันตัดสินใจที่จะฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่ากับแม่สามีแทน

แม่สามีของฉันให้วิดีโอการบรรยายของท่านอาจารย์มา หลังจากดูการบรรยายบทแรก ฉันรู้สึกแปลก ๆ ในขณะงีบหลับ เหมือนมีคนมาผลักหลังส่วนล่างของฉันสามครั้ง ฉันตกใจมาก แต่ก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า นั่นคือท่านอาจารย์ที่ปรับร่างกายของฉัน ปรากฏการณ์นี้ได้อธิบายไว้ในการบรรยาย ฉันพูดกับตัวเองว่า “ฝ่าหลุนต้าฝ่าคือปาฏิหาริย์จริง ๆ ฉันจะไม่เชื่อถ้าไม่ได้ประสบด้วยตัวเอง”

หลังจากดูวิดีโอการบรรยายแต่ละบท ฉันจะคลำก้อนเนื้อที่คอ เมื่อฉันดูวิดีโอจบทั้งเก้าบท ฉันสังเกตว่าก้อนเนื้อนั้นเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด ฉันตื่นเต้นมากและคิดว่า "มันจะต้องหายไปหลังจากที่ฉันดูการบรรยายจบอีกรอบ" แต่ขนาดของก้อนเนื้อนั้นยังคงเท่าเดิม ฉันพยายามฝึกท่ามากกว่าวันละหนึ่งครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล

ครอบครัวของฉันบอกฉันว่า ฉันยึดติดกับก้อนเนื้อนี้มากเกินไป พวกเขาบอกว่า “นี่คือการบำเพ็ญขั้นสูง ไม่ใช่วิธีรักษาโรค” พวกเขาแนะนำให้ฉันหยุดหมกมุ่นกับก้อนเนื้อ และปล่อยวางความยึดติดนั้นไป พวกเขาเชื่อว่าเมื่อฉันยกระดับซินซิ่งอย่างแท้จริง สุขภาพของฉันจะดีขึ้นเองตามธรรมชาติ ท่านอาจารย์เคยพูดถึงการได้โดยไม่แสวงหา แต่ไม่ว่าฉันจะพยายามมากแค่ไหน ฉันก็ยังอดไม่ได้ที่จะคลำก้อนเนื้ออยู่บ่อย ๆ

หนึ่งปีผ่านไป วันหนึ่งฉันก็ตระหนักได้ในทันทีว่าฉันไม่มีอาการจากกระดูกคอและหมอนรองกระดูกสันหลังส่วนล่างทับเส้นประสาทมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว อาการเหล่านี้หายไปโดยที่ฉันไม่ได้คิดถึงมันเลย ฉันจึงรับรู้จิตยึดติดของฉันต่อ "ความเจ็บป่วย" และความเชื่อที่ว่า "มันควรจะหายไปได้แล้ว" กลายเป็นอุปสรรคต่อเส้นทางของฉัน มันขัดขวางการกำจัดก้อนเนื้อนั้นออกไป

การรับรู้ทำให้ฉันสามารถปล่อยวางจิตยึดติดของตัวเองได้อย่างง่ายดาย ในชั่วขณะนั้น ฉันรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขอย่างเหลือเชื่อ ผู้ฝึกไม่มีโรค ก้อนเนื้อนั้นคือกรรมที่ฉันต้องกำจัดด้วยการยกระดับซินซิ่งของตัวเอง

วันหนึ่งฉันบังเอิญแตะที่คอของตัวเอง แล้วฉันก็ตระหนักว่าก้อนเนื้อนั้นหายไปแล้ว ฉันไม่รู้ว่ามันหายไปตั้งแต่เมื่อไร แต่ฉันรู้ว่าจิตยึดติดที่มีต่อก้อนเนื้อนั้นถูกขจัดไปแล้ว

ฉันได้รับข่าวในปี 2016 ว่าแม่ของฉันซึ่งขณะนั้นอายุ 87 ปี ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านม แพทย์ที่ดูแลแม่ตัดสินใจไม่แนะนำให้ผ่าตัดหรือทำเคมีบำบัดเพราะแม่อายุมากแล้วและมีโรคอื่น ๆ ด้วย เนื่องจากแม่ต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยครั้ง แม่ของฉันจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เราเลือกที่จะไม่บอกแม่เกี่ยวกับการวินิจฉัยโรค ก่อนหน้านี้ฉันเคยแนะนำฝ่าหลุนต้าฝ่าให้แก่แม่แล้ว แต่แม่ไม่เคยแสดงความสนใจเลย ครั้งนี้ฉันแนะนำให้แม่ท่องวลี “ฝ่าหลุนต้าฝ่าดี ความจริง-ความเมตตา-ความอดทนดี” และบอกว่าวลีนี้อาจช่วยแม่ได้ ฉันประหลาดใจมากเมื่อหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง แม่ก็พูดว่า “ทำไมลูกไม่สอนแม่ให้ฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าล่ะ”

แม่ไม่ได้เรียนหนังสือ ฉันจึงนำเครื่องเล่นดีวีดีและเครื่องเล่นเสียงไปให้แม่ฟังการบรรยาย แม้แม่จะมีอายุมากแล้ว แต่แม่ก็พยายามเลียนแบบท่าเคลื่อนไหวให้ถูกต้องที่สุด ฉันพยายามควบคุมความต้องการของตัวเองที่จะถามแม่เกี่ยวกับก้อนเนื้อที่หน้าอกของแม่ และพยายามไม่ตรวจดูก้อนเนื้อเมื่อฉันช่วยอาบน้ำให้แม่ ฉันไม่อยากให้แม่หมกมุ่นอยู่กับความเจ็บป่วย แต่พยายามชี้นำแม่ด้วยคำสอนของฝ่าหลุนต้าฝ่า

หนึ่งปีผ่านไป แม่ดูสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีใครในครอบครัวกล้าพูดถึงมะเร็งต่อหน้าแม่ ในช่วงปลายปี 2017 แม่หกล้มและสะโพกหัก แพทย์ตรวจสุขภาพโดยรวมของแม่ก่อนจะทำการผ่าตัดเปลี่ยนสะโพก ผลอัลตราซาวนด์แสดงให้เห็นว่ามะเร็งเต้านมของแม่หายไปแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจของแม่ก็หายไป และระดับน้ำตาลในเลือดก็กลับมาเป็นปกติด้วย

การผ่าตัดสะโพกสำเร็จด้วยดี และแม่สามารถเดินได้อีกครั้งภายในเวลา 6 เดือน แม่รอดพ้นจากการระบาดใหญ่โควิด-19 และตอนนี้แม่อายุ 96 ปี โดยปราศจากโรคภัยใด ๆ

เมื่อมองย้อนกลับไป ความเชื่อแบบอเทวนิยมของฉันเกือบขัดขวางโอกาสครั้งเดียวในชีวิตนี้ของฉัน ฉันคิดทบทวนอยู่บ่อยครั้งว่าการฝึกฝ่าหลุนต้าฝ่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่ฉันเคยทำ เพราะฝ่าหลุนต้าฝ่าช่วยให้ฉันมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและเป็นบันไดนำทางฉันกลับสู่สวรรค์

(บทความนี้ได้รับการคัดเลือกเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองวันฝ่าหลุนต้าฝ่าโลกปี 2025 ที่ Minghui.org)