(Minghui.org) ผู้หญิงคนหนึ่งอายุ 32 ปี อาศัยอยู่ในเมืองมู่ตันเจียง พ่อและแม่ของเธอถูกจับในปี 2000 ขณะที่เธออายุเพียง 13 ปี เนื่องจากพวกเขาปฏิเสธที่จะละทิ้งฝ่าหลุนกงซึ่งเป็นการฝึกยกระดับจิตใจ แต่ถูกประทุษร้ายโดยระบอบคอมมิวนิสต์จีน

3 ปีถัดมา พ่อกับแม่ของเธอก็ถูกจับอีกหลังได้รับการปล่อยตัวไม่นานนักเนื่องจากความเชื่อในฝ่าหลุนกง เธอกระทบกระเทือนทางจิตใจเนื่องจากตำรวจบังคับให้เธอดูพ่อแม่ถูกทรมาน และให้เธอยืนกลางแดดหลายชั่วโมงจนผิวไหม้ เธอถูกกดดันจนเสียสติตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น และกลายเป็นบุคคลไร้ความสามารถนับแต่นั้นเป็นต้นมา

ครอบครัวแตกสลายจากการประทุษร้าย

เมื่อครั้งหยวนหยวนยังเป็นเด็ก พ่อแม่ของเธอต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพทั้งคู่ พ่อมีความทุกข์จากสายตาที่พร่ามัว และมีปัญหาการเดิน หลังรอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดในสมองแตกเมื่อปี 1996 แม่ผ่านการผ่าตัดหลายครั้ง และไม่สามารถทำงาน หรือแม้แต่จะดูแลตัวเองก็ยังไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่กลับมามีสุขภาพดีหลังจากพวกเขาเริ่มฝึกฝ่าหลุนกงในปี 1998 ครอบครัวที่ครั้งหนึ่งเคยสิ้นหวังกลับมามีความหวังเต็มเปี่ยมอีกครั้ง แต่วันเวลาแห่งความสุขของพวกเขาไม่ยาวนานนัก พวกเขากลายเป็นเป้าหมายเมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนเริ่มการประทุษร้ายฝ่าหลุนกงทั่วประเทศในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1999 ผู้ฝึกนับล้าน ๆ คนตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับพวกเขา ชีวิตกลับพลิกผัน

พ่อแม่ของหยวนหยวนถูกจับกุมเมื่อพวกเขาเดินทางไปปักกิ่ง เพื่อร้องเรียนให้ฝ่าหลุนกงในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2000 หลังจากที่ทั้งคู่ถูกส่งตัวกลับไปที่เมืองมู่ตันเจียง พวกเขาถูกขังที่ศูนย์กักกันท้องถิ่น ถูกบังคับกรอกอาหาร และถูกทรมาน

หยวนหยวนต้องแบกรับความยากลำบากทั้งหมดด้วยตัวเธอเอง แต่เธอก็ไม่เคยบ่น ความรักที่เต็มเปี่ยมต่อพ่อแม่เป็นพลังที่ทำให้เธออดทนต่อความทุกข์ทรมานที่ไม่อาจจินตนาการได้ ซึ่งไม่สมควรจะเกิดขึ้นกับเด็กอายุเท่าเธอเลย เธอเฝ้ารอคอยวันที่พ่อแม่จะกลับบ้านและได้อยู่ร่วมกันอีกครั้ง

ในช่วงวันหยุดยาวที่ไม่มีเรียน เธอทำเกี๊ยวด้วยตัวเอง เธอขี่จักรยานไปที่ศูนย์กักกันเมืองมู่ตันเจียงในแถบชานเมือง เพื่อไปพบพ่อของเธอที่ถูกคุมขังอยู่ แต่เธอก็ต้องผิดหวังหลังจากที่รู้ว่าพ่อของเธอถูกนำตัวไปที่ค่ายแรงงานที่ซีเดาชุน เพื่อบังคับใช้แรงงานหนึ่งปี ไม่มีครอบครัวไหนเลยที่ได้รับแจ้งข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้

ความมุ่งมั่นของเด็กสาวที่จะส่งเกี๊ยวให้พ่อ

ด้วยความที่เธอคิดถึงพ่อมากเหลือเกิน เธอจึงขี่จักรยานจากศูนย์กักกันไปยังค่ายแรงงาน และหมดแรงเมื่อเธอไปถึง ตอนแรกผู้คุมที่เฝ้าประตูไม่อนุญาตให้เธอเข้าไปเยี่ยมพ่อ เธอยืนกรานและบอกผู้คุมว่าเธอคิดถึงพ่อมากแค่ไหน และเธออยากให้พ่อชิมเกี๊ยวที่เธอทำมาให้มากแค่ไหน ผู้คุมรู้สึกซึ้งใจ หยวนหยวนจึงได้รับอนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมพ่อได้ เธอดีใจมาก พ่อรู้สึกตื้อขึ้นมาเมื่อได้ชิมเกี๊ยวที่เย็นชืดของเธอ

หลังจากนั้นไม่นาน หยวนหยวนก็รู้ว่าพ่อแม่ของเธอ นายโฮ กั๋วจง และนางเฉิง ซิ่วหวน โดนบังคับใช้แรงงาน 1 ปี และ 2 ปี ตามลำดับ

ขณะที่พวกเขาทำงานในค่ายแรงงานและถูกทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างไร้มนุษยธรรมนั้น หยวนหยวนถูกทิ้งไว้ที่บ้านโดยลำพัง ไม่มีใครดูแลเธอเลย

ในฤดูหนาวที่เย็นยะเยือกของมณฑลเฮย์หลงเจียง เธออยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่ว่างเปล่า ไม่มีไฟฟ้าหรือเครื่องทำความร้อน แม้กระทั่งผ้าห่มที่เธอมีก็ยังให้ความอบอุ่นไม่พอในเวลากลางคืน เพื่อนบ้านมักเห็นเธอเดินอยู่บนถนนตามลำพังสวมแค่รองเท้าแตะ

หัวหน้าตำรวจ : "ตีพวกมันจนตาย!"

เพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่พ่อแม่ของหยวนหยวนถูกปล่อยตัวจากค่ายแรงงานกลับมาอยู่ที่บ้าน พวกเขาก็ถูกจับอีกครั้งในวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 2003 เนื่องจากพวกเขาแจกเอกสารเกี่ยวกับฝ่าหลุนกง

พวกตำรวจเข้ารื้อค้นบ้านของพวกเขา เอาเงินสดและของมีค่าที่พอจะเหลืออยู่ไปทั้งหมด รวมทั้งโทรทัศน์และเครื่องประดับที่ทำจากทองคำที่ยายของหยวนหยวนทิ้งไว้ให้ พวกตำรวจเอาไปไม่เว้นแม้แต่เครื่องเล่นวีซีดีของหยวนหยวนที่เธอใช้เรียนภาษาอังกฤษ เมื่อเธอวิ่งตามตำรวจเพื่อขอวีซีดีคืน พวกเขาผลักเธอลงไปกองกับพื้นและทิ้งเธอไว้อย่างนั้น

ที่สถานีตำรวจ นายตำรวจประมาณสิบสองคนผลัดกันทรมานพ่อแม่ของหยวนหยวน ตำรวจทุบตีพวกเขาอย่างโหดร้ายทารุณ มัดพวกเขาไว้กับเครื่องทรมานม้านั่งเสือ ดึงแขนขาและศีรษะของพวกเขาพร้อม ๆ กัน และแขวนพวกเขาโดยผูกเชือกที่แขวนกับมือซึ่งถูดมัดไว้ข้างหลัง

การทรมานซ้ำ ๆ : การแขวนโดยผูกเชือกที่แขวนกับมือซึ่งถูดมัดไว้ข้างหลัง

พวกตำรวจบังคับกรอกน้ำมันมัสตาร์ดเข้าไปทางจมูกและปากของพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นใช้ถุงพลาสติกหนาหลาย ๆ ใบสวมไปที่ศีรษะของพวกเขาเพื่อให้หายใจไม่ออก หลังจากที่พวกเขาสลบไป ตำรวจก็ราดน้ำเย็นใส่เพื่อให้พวกเขาตื่นขึ้นมา

ในเวลากลางคืนตำรวจวางหลอดไฟขนาด 200 วัตต์ ไว้ตรงหน้าพวกเขาเพื่อไม่ให้พวกเขาหลับ เซิ่ง เสี่ยวเจียง รองหัวหน้าสถานีตำรวจอี่หมิน มักตะโกนขณะสั่งการให้ทรมานว่า "ตีพวกมันจนตาย ! ให้ตีพวกมันจนตาย !”

http://en.minghui.org/u/article_images/63927a80c4e05c694e6cd927e20a4192.jpg

ลูกสาวถูกบังคับให้ดูพ่อแม่ถูกทรมาน

ตำรวจนำตัวหยวนหยวนซึ่งตอนนั้นเธออายุ 16 ปี ไปที่สถานีตำรวจ และบังคับให้เธอดูพ่อแม่ถูกทรมาน เด็กสาวบอบช้ำทางจิตใจฝังลึกจากสิ่งที่เธอเห็น

ตำรวจไม่ยอมให้นางเฉิง แม่ของหยวนหยวน ได้นอนแม้เพียงชั่วครู่เป็นเวลาถึง 9 วัน ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและแผล ท้องของเธอบวมหลังจากถูกกรอกด้วยน้ำมันมัสตาร์ด ตำรวจผมดึงผมของเธอออกเป็นหย่อม ๆ

เธอใกล้สิ้นใจตอนที่ตำรวจพาเธอไปที่ศูนย์กักกันเมืองมู่ตันเจียง เธอยืนไม่ได้เป็นเวลากว่า 50 วัน ไม่นานนักแผลที่ขาและหลังของเธอก็เริ่มเป็นหนอง เนื่องจากเธอถูกมัดและแขวนที่แขน มือและแขนของเธอจึงอ่อนล้าและไม่มีแรงเป็นเวลานานกว่า 6 เดือน เธอมีอาการของโรคหิด และหัวใจเต้นผิดปกติบ่อย ๆ

สาวน้อยถูกกดดันจนเสียสติ

หลังจากนางเฉิงถูกขังที่ศูนย์กักกันเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง เธอถูกนำตัวไปเรือนจำหญิงฮาร์บินในวันที่ 3 สิงหาคม ค.ศ. 2004 เพื่อจองจำเป็นเวลา 7 ปี เดิมทีศาลเขตอี่หมินพิพากษาให้จำคุก 6 ปี แต่ผู้พิพากษาตัดสินจำคุกเธอเพิ่มอีก 1 ปี หลังจากที่เธอยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา

ในขณะเดียวกัน นายโฮก็ถูกนำตัวไปยังเรือนจำเจียงซานซี โดยไม่ระบุระยะเวลาสิ้นสุด พวกผู้คุมที่เรือนจำมักข่มขู่ทั้งคู่ว่าหยวนหยวนคือเป้าหมายต่อไป หากพวกเขาไม่ยอมละทิ้งความเชื่อของตัวเอง

เพื่อนบ้านของหยวนหยวนบอกกับผู้สื่อข่าวของหมิงฮุ่ยว่า ตำรวจมักจะบังคับให้เธอยืนอยู่ตรงทางเข้าตัวตึกของอพาร์ตเมนต์ในวันที่อากาศร้อนจัด โดยห้ามขยับตัวเป็นชั่วโมง ๆ พวกเขาขู่ว่าจะตีพ่อแม่ของเธอถ้าเธอบังอาจขยับเขยื้อน

เนื่องจากหยวนหยวนกลัวว่าพ่อแม่จะต้องทนทุกข์จากการถูกทรมานมากยิ่งขึ้น เธอจึงยืนนิ่ง ๆ อยู่ตรงนั้นจนเท้าบวมและเท้าเปลี่ยนสีเป็นสีม่วง

ความกลัวที่จะถูกตำรวจทำร้าย ความวิตกกังวลและรู้สึกหมดหนทางที่จะดำเนินชีวิตที่ยากลำบากด้วยตัวเองเพียงลำพัง และสภาวะช็อกจากบาดแผลทางใจที่เห็นพ่อแม่สุดที่รักถูกทรมานอย่างไร้ความปรานี ก่อให้เกิดความสูญเสียแก่สาวน้อยคนนี้อย่างหนัก ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นนักเรียนดีเด่น เธอต้องหยุดเรียนและระเหเร่ร่อนอย่างไร้จุดหมาย ไม่มีรายได้ และต้องคุ้ยหาอาหารจากถังขยะ

หลังจากที่พ่อแม่ของเธอได้รับการปล่อยตัว พวกเขาเศร้าโศกเสียใจอย่างหนักเมื่อเห็นลูกสาวสุดที่รักสติไม่ปกติ ตอนนี้หยวนหยวนอายุ 32 ปี เธอดูแลตัวเองไม่ได้ และต้องมีพ่อแม่คอยดูแลตลอดเวลา